วิจารณ์ The Passion of the Christ

ไปที่หน้า
วิจารณ์ภาพยนตร์
  • เมื่อ 20 เม.ย. 47 09:33

    หนังเรื่องนี้ผมว่าเหมาะกับชาวคริสต์ดู คนไทยศาสนาอื่นโดยเฉพาะชาวพุทธคงดูไม่ค่อยเข้าใจ เพราะไม่รู้ที่ไปที่มา เลยดูแล้วไม่ซึ้งและไม่เข้าถึงอารมณ์ ถ้าอยากรู้เรื่องคงต้องศึกษาที่ไปที่มา ฉะนั้นผมคิดว่าหนังเรื่องนี้คงทำเงินยากในประเทศไทย เพราะชาวคริสต์ในไทยมีไม่มาก

  • เมื่อ 20 เม.ย. 47 09:09

    ดูหนังเรื่องนี้แล้วค่ะ เนื้อหาสาระดีมากค่ะ (ไม่ใช้คำว่าสนุกนะคะ) ถึงแม้จะเป็นภาพยนตร์ก็ตามแต่สามารถสื่อได้ดีมากๆ ยิ่งช่วงที่ดูเป็นช่วงที่เป็นเทศกาลปัสกาช่วงวันศุกร์ศักดิ์ยิ่งรู้สึกว่าเข้าถึงพระมหาทรมานมากยิ่งขึ้น ยอมรับเลยว่าได้ดูแล้วร้องไห้เลย อยากให้ทุกคนที่สนใจและตั้งใจไปดูกันเพราะเป็นอะไรที่ดีมากๆๆและอยากจะบอกนะคะว่าพระเยซูเจ้าไม่ได้มีกิเลสนะคะพระองค์ไม่ได้กลัวความเจ็บและความตาย เพราะพระองค์เองรู้ว่าพระองค์ต้องเจออยู่แล้ว เพราะฉะนั้นจะเรียกว่ากิเลสในใจไม่ได้ค่ะ แต่เราเข้าใจค่ะว่าคุณรู้สึกดีค่ะ แล้วก็ตรงพระโพธิสัตย์ด้วยนะคะเรายินดีค่ะที่คุณชื่นชมหนังเรื่องนี้

  • เมื่อ 20 เม.ย. 47 09:00

    ได้ดูหนังเรื่องนี้แล้ว ไม่ชอบเลย เพราะเลือดเต็มจอไปหมด คิดว่าหนังเรื่องนี้เป็นเพียงความคิดเห็นของผู้สร้าง และต้องการทำเงินมากกว่า เพราะ 1 ชั่วโมงเต็ม ๆ มีแต่ฉากการทำร้ายพระเยซู ซึ่งจริง ๆ แล้ว ควรให้อะไรที่มากกว่านี้ ในความคิดเห็นของตัวเองแล้ว รู้สึกเสียดายเงินมากกว่า และไม่คิดจะพาเพื่อนที่ไม่เป็นคริสเตียนเข้าดูหนังเรื่องนี้เด็ดขาด

    ผลจากหนังเรื่องนี้ ทำให้เกิดความขัดแย้งทางความคิด ไม่ว่าจะเป็นยิว หรือชาวโรม ในอิตาลีปัจจุบัน อย่าไปดูเลย เสียดายตังส์ อ่านพระคัมภีร์ได้อะไรกว่าเยอะเลย

  • เมื่อ 19 เม.ย. 47 10:14

    เมื่อวานตั้งใจจะไปดูที่สกาลาเหมือนกัน
    ปรากฏว่าทางโรงหนังบอกว่า บริษัทเขายกเลิก
    รู้พิเศษ วันอาทิตย์ทั้ง ๓ รอบไป
    เจอคนบ่นเซ็ง คอตกกลับมาหลายคนเหมือนกัน

    คราวหน้าคราวหลัง
    จะประกาศฉายหนังรอบพิเศษอะไร
    ทางบริษัทควรมีความรับผิดชอบในคำพูดมากกว่านี้ด้วยนะครับ

  • เมื่อ 17 เม.ย. 47 02:27

    อ่านเก็บตกอันที่ 1 ก่อนนะครับ แล้วค่อยอ่านเก็บตกอันที่ 2
    เก็บมาจากบอร์ดลานสนทนาธรรม
    ความคิดเห็นที่ 32 : (แทมแทมคริสตชน) อ้างอิง |


    เรียน มิตรทุกท่านด้วยความรัก

    ก่อนอื่นใดทั้งหมดผมขอขอบพระคุณทุกท่านเป็นอย่างมากที่ได้ให้ความสำคัญกับการนำเสนอเรื่องราวขององค์พระเยซูเจ้า ขอพระเจ้าทรงอวยพระพรแด่ทุกท่านในความรักอันบริสุทธิ์ และขอเดชะพระจิตเจ้าทรงนำให้มิตรที่รักทุกท่านได้เข้าใจในธรรมอันล้ำลึกนี้ด้วยเทอญ

    ผมเป็นคริสตชนคาทอลิก และยังไม่มีโอกาสได้ชมภาพยนตร์ในการจัดฉายรอบปฐมทัศน์ที่โรงภาพยนตร์สกาล่า เพราะติดตามข่าวไม่ทัน แต่ภาพยนตร์เรื่องนี้จะเข้าฉายเมืองไทย วันศุกร์ที่ 30 เมษายน 2547 เป็นวันแรก จึงขออนุญาติแจ้งนำข่าวมายังผู้ที่สนใจครับ

    ดังอย่างที่มิตรหลายท่านบอกกระทู้นี่ค่อนข้างหวาดเสียว แต่ก็เป็นเพียงแค่เปลือกของชื่อ แต่เมื่อดูเนื้อใน ก็เกิดความเปรมปรี ที่ชาวพุทธ มิตรที่รักทุกท่านชื่นชมในภารกิจขององค์พระเยซูเจ้า อย่างมากมาย ก่อให้เกิดความชื่นชมในหมู่คริสตชนเป็นอย่างยิ่ง

    หลายๆ ข้อคำตอบ ผมได้อ่านแล้วอยากเพียงเติมเต็มให้ชัดในทางประเด็นดังนี้ครับ
    1. สำหรับผู้เขียน ซึ่งได้เขียนอธิบายดังนี้ว่า
    “พระเยซูทรงรู้เหตุการณ์ล่วงหน้าว่า หนึ่งในหมู่เพื่อนของพระองค์คือยูดาสจะทรยศพระองค์และนำความตายมาสู่พระองค์” ซึ่งได้ใช้คำว่าเพื่อนนั้น ไม่ได้เป็นการผิดแต่อย่างใด เพียงแต่ผมขอขยายความว่า ยูดาส อิสคาริโอท และ เปโตร หรือ ปีเตอร์ นั้น คือ อัครสาวก 12 องค์แรก ที่พระเยซูทรงได้ตั้งขึ้นเพื่อเผยแพร่ความรักขององค์พระเยซูเจ้า ในมโนภาพของคนทั่วไปนั้น จะมีภาพอยู่ว่า เปโตรนั้นเป็นสาวก ซึ่งหากใช้คำว่าเพื่อนนั้น เป็นการบ่งให้ชัดถึงความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น ซึ่งก็เป็นเช่นนั้นจริง ในทางสัมพันธภาพระหว่างพระเจ้ากับมนุษย์ แต่ในพระคัมภีร์ไบเบิ้ลนั้น ใช้คำว่า สาวก เพื่อแสดงให้เห็นภาพว่า เป็นสัมพันธภาพทั้ง 2 อย่าง คือ
    1. ระหว่างพระเจ้า(ในสภาพมนุษย์ของพระเยซูเจ้า)กับมนุษย์
    2. ความเป็นเพื่อน ซึ่งในการร่วมรับประทานอาหารครั้งสุดท้าย พระองค์ทรงร่วมเสวยด้วยอย่างไม่ถือเกียรติ หรือ แม้แต่กระทั่งการไม่รังเกียจหญิงโสเภณี ( แต่พระองค์ทรงเกลียดบาปในตัวของหญิงคนนั้น )
    การที่ขยายความเช่นนี้ เพื่อให้ชาวพุทธ เมื่ออ่านคำว่า เพื่อน ในที่นี่แล้ว จักได้เพิ่มมโนภาพอีกภาพหนึ่งเพื่อเติมเต็มให้ชัดขึ้น ครับ

    2. “ พระองค์ทรงต่อสู้อย่างหนักกับกิเลสในใจของพระองค์นั่นคือความกลัวในสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับพระองค์” ในข้อความนี้ เมื่ออ่านแล้วอาจนึกมโนภาพเทียบกับ กิเลส ในคนทั่วๆ ไป ในการนำเสนอภาพยนตร์มีฉากที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดทรมาน ในฐานความเข้าใจของผู้อื่นก็อาจมีกรอบความเข้าใจ ทำให้เกิดมโนภาพนึกถึงสภาพความเจ็บปวดของมนุษย์ ซึ่งปนมาด้วยความกลัวเจ็บ กลัวตาย และยอมกระทำการใด ๆ เพื่อหยุดความเจ็บปวดนั้น ซึ่งก็เป็นเช่นนั้นจริง ๆ นะครับในสภาพของมนุษย์ตามธรรมชาติกำเนิด
    คือใครอธิบายในกรณีนี้ครับว่า พระเยซูกำเนิดขึ้นโดยเดชะพระจิตเจ้า ซึ่งไม่ได้เกิดจากการมีเพศสัมพันธ์ ทั้งนี้เพราะถือสภาพเป็นพระเจ้า โดยตรรกะแล้ว การมีสภาพเหนือธรรมชาติ จึงจะสามารถควมคุบธรรมชาติได้ ดังนั้น พระเยซูจึงกำเนิดขึ้นโดยสภาวะเหนือธรรมชาติดังที่มิตรทั้งหลายพอทราบ เมื่อเจริญวัยจนถึงสิ้นพระชนม์ ผมไม่อาจบ่งบอกได้ว่า พระองค์มีกิเลสหรือไม่ ถ้ามีมากน้อยอบ่างไร แต่หากยึดเอาพระคัมภีร์แล้ว พระองค์มีสภาพความเป็นมนุษย์ ( กาย ) เท่านั้น แต่ ( จิต ) ความคิด สติ ปัญญานั้น มีสภาวะของพระเจ้าอยู่ โดยมีเดชะพระจิตเจ้าทรงอยู่ร่วมกับพระธรรมชาติกายมนุษย์ของพระเยซูเจ้า ดังนั้นกายก็ให้เป็นไปตามธรรมชาติมนุษย์ แต่จิตนั้นทรงแยกออกมาต่างหาก
    แต่เหตุเพราะจิตอยู่ในกาย ในสภาวะนั้น ความเจ็บปวดนั้น ก็คือความเจ็บปวด แต่ความกลัว นั้น พระคัมภีร์ไม่ได้กล่าวถึง แต่มีหลายข้อความที่กล่าวชัดว่า พระเยซูไม่มีความกลัวที่จะต้องเผชิญสิ่งเหล่านี้ ในมุมมองของคริสตชน พระเจ้าซึ่งมีสภาวะที่มนุษย์ไม่สามารถมองเห็น ไม่สามารถได้ยิน หากจะต้องพูดคุยกันได้แล้ว จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมาในรูปกายมนุษย์ ประเด็นนี้เป็นความเชื่อของคริตชนที่มีต่อภาวะเหนือธรรมชาติเพื่อเข้ามาในธรรมชาติครับ ดังนั้น ข้อความที่ยกมาในที่นี้ จึงยกมาเพื่อขยายความถึงนัยะของความเชื่อคริสตชนที่ซ่อนอยู่เพื่อความชัดเจนขึ้นครับครับ

    3. สำหรับความคิดเห็นที่ 1 ข้อความ “อยากแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติมจากคุณแช่อิ่ม ว่าผมก็เชื่อว่าพระเยซูเป็นพระโพธิสัตว์ ผู้บำเพ็ญบารมีให้พุทธภูมิเต็มเช่นเดียวกัน แต่ก็ขอเพิ่มเติมให้เพื่อนชาวคริสต์ที่อาจมาอ่านพบได้เข้าใจว่า นี่ไม่ใช่การพยายามกลืนพระเยซูให้เป็นชาวพุทธ เป็นพระโพธิสัตว์แบบชาวพุทธ “ ครับผมข้อความเช่นนี้ ผมไม่ได้ถือหรอกครับ ซึ่งเป็นความเชื่อถือและมีนัยะ ตามแต่ละบุคคลจะเข้าใจและมองต่างกันครับ ประเด็นนี้ก็อยากให้ มิตรทุกท่านผู้ที่ร่วมในหระมหาทรมานขององค์พระเยซูเจ้าทุกท่าน ให้เป็นไปตามน้ำพระทัยของพระองค์จะทรงพระกรุณาผล ดังใน วิวรณ์ 22:12 เถิดครับ

    ครับ ผมก็ขอขยายความเติมเต็มในประเด็นมุมมองตรงนี้ และใคร่ขอให้องค์ความรักสถิตอยู่กับมิตรทุกท่าน และเติมเต็มในความรักนั้นให้บังเกิดผลในชีวิตที่เต็มไปด้วยพระพร และบทสรุปนั้น ภาพยนตร์ก็ยังเป็นภาพยนตร์ ซึ่งสื่อสารได้ไม่ครบทั้งหมด เป็นดั่งวงกลมที่เห็นเพียงด้านเดียว ดังเช่นนั้น ความรักนั้นก็มีบริบูรณ์ในองค์พระเยซูเจ้า ซึ่งจะต้องใช้ชีวิตสัมผัส หาใช่ภาพยนตร์เรื่องนี้เพียงเรื่องเดียวไม่ แต่หากคุณประโยชน์ของหนังเรื่องนี้จะทำให้ มิตรหลายท่านได้รู้จักภารกิจของพระเยซูเจ้ามากขึ้น ก็เป็นสิ่งที่น่ายินดียิ่ง และแก่นแท้ที่นอกเหนือ จากหนังแล้ว พระเยซูคือองค์ของความรัก นั่นเองครับ



    จากคุณ : แทมแทมคริสตชน [ ตอบ: 16 เม.ย. 47 - 19:22 ] | | |

  • เมื่อ 17 เม.ย. 47 02:25

    The passion of Christ: กิเลสของพระเยซู
    เนื้อความ : (แช่อิ่ม) อ้างอิง |


    เมื่ออาทิตย์ก่อนมีหนังเกี่ยวกับการยอมถูกทรมารของพระเยซูเข้าฉายที่ประเทศอังกฤษ เป็นประสบการณ์ดูหนังที่แปลกมาก เพราะหลังจากหนังจบก็มีแต่ความเงียบและทุกคนเดินออกจากโรงอย่างสงบ พอออกมาฝรั่งตาน้ำข้าวก็ตาแดงก่ำน้ำตาคลอกันเป็นแถว ไม่เว้นแม้กระทั้งตัวผู้เขียนเองถึงแม้ว่าจะเป็นชาวพุทธก็ตาม และเป็นที่น่าขันก็คือเพื่อนชาวพุทธที่ไปด้วย ร้องไห้อาการหนักกว่าฝรั่งเสียอีก เอาเป็นว่าคงไม่เล่าเรื่องทั้งหมด เพราะเดี๋ยวถ้าเกิดหนังเรื่องนี้ได้มาฉายในเมืองไทย จะพากันดูไม่สนุกเสียเปล่าๆ

    พระเยซูทรงรู้เหตุการณ์ล่วงหน้าว่า หนึ่งในหมู่เพื่อนของพระองค์คือยูดาสจะทรยศพระองค์และนำความตายมาสู่พระองค์ และยังทรงรู้อีกว่าเพื่อนของพระองค์ (ปีเตอร์) ที่เคยสาบานว่าจะร่วมทุกข์ร่วมสุขและยอมตายถวายชีวิตจะปฏิเสธในวันที่พระองค์ถูกจับทรมาน และเมื่อวันที่พระองค์จะต้องถูกจับได้มาถึง พระองค์ทรงต่อสู้อย่างหนักกับกิเลสในใจของพระองค์นั่นคือความกลัวในสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับพระองค์ จนในที่สุดพระองค์ก็ทรงชนะความกลัวอันนั้นลงได้ จึงยอมให้ทหารจับพระองค์ไป พวกนักบวชยิวใส่ร้ายพระเยซูว่า เป็นผู้แอบอ้างว่าเป็นพระเมไซยา จึงจับตัวพระเยซูไปให้ทหารโรมันประหารชีวิต แต่เนื่องจาก เจ้าเมืองโรมันทราบว่าพระเยซูไม่ใช่บุคคลธรรมดา พยายามไม่ฆ่าพระเยซู แต่ก็โดนหมู่ประชาชนที่บ้าคลั่งเนื่องจากโดนปลุดระดมจากนักบวช กดดันให้ประหารชีวิตพระเยซู เจ้าเมืองโรมันก็จับพระเยซูไป ทรมาน เพื่อให้ประชาชนเห็นใจ จะได้ไว้ชีวิตพระเยซู

    ในฉากทรมานนี้ ยาวนานมาก และ เรียกได้ว่าเลือดท่วมจอ แรกๆทหารเอาไม้หวายเฆี่ยน ผู้เขียนก็ยังพอทน หลังๆ พอทหารเริ่มเปลี่ยนเอาเครื่องทรมานที่โหดร้ายกว่ามาใช้ ผู้เขียนดูหนังไป ก็ เริ่มน้ำตาไหล ความเจ็บปวดที่หนังถ่ายทอดออกมาเริ่มถูกซึมซับเข้าไปในจิตใจ ตลอดเวลาที่พระเยซูทนรับความเจ็บปวดจากการทรมานแต่ละครั้ง นอกเหนือจากการต่อสู้ทนกับความเจ็บปวดทางกายแล้ว พระองค์ก็ยังทรงต่อสู้กับกิเลสในใจของพระองค์นั่นคือความอ่อนแอและการปฏิเสธสิ่งที่พระองค์นับถือ ไปด้วยพร้อมๆกัน ความเจ็บปวดทางกายที่เพิ่มขึ้นจากเครื่องทรมานแต่ละประเภทไปกระตุ้นเร่งให้ความอดทนและการยอมรับพระเจ้าใจจิตใจของพระองค์ให้ลดน้อยถอยลงไป และ จากจุดนั้น จนไปถึง การที่พระองค์ถูกตรึงกางเขน พระองค์ดูเสมือนเป็นผู้แพ้ในสายตาของ นักบวชชาวยิวที่ใส่ร้าย แต่สิ่งที่พระองค์ชนะนั้นคือกิเลสในใจของพระองค์ พระองค์ตายโดยไม่โกรธแม้กระทั้งคนที่ทำร้ายพระองค์ แถมยังอวยพรให้เสียอีก

    ในขณะที่ผู้เขียนดูหนังในช่วงทรมานนั้น น้ำตาก็ไหลออกมา เพราะช่วงแรกก็มีอารมณ์ร่วมไปกับหนังแบบถึงใจเลยทีเดียวจึงทำร้องไห้ ทันใดนั้นก็มีความรู้ตัวเกิดขึ้น ว่า สังขารทั้งปวงที่ปรุงอยู่ข้างหน้านั่นไม่เที่ยง เวทนาที่เกิดอยู่ข้างในก็ไม่เที่ยง ผู้เขียนจึงหยุดร้อง และดูหนังต่อด้วยความรู้ตัวที่เพิ่มขึ้น เมื่อหนังจบ ผู้เขียนจึงออกมาด้วยน้ำตาแห่งความชื่นชมมากกว่าน้ำตาแห่งความสงสาร

    สุดท้ายผู้เขียนจึงมาคิดว่า พระเยซูก็เป็นบุคคลที่น่ายกย่อง เพราะได้บำเพ็ญบารมีตามทางเดินของพระโพธิสัตว์โดยแท้ หากพวกเราศรัทธาในพระพุทธองค์ เหมือนกับที่พระเยซูเชื่อในพระเจ้า สู้กับกิเลสของกิเลสโดยไม่หวั่นแม้ความตายหรือความทุกข์ทรมาณ พวกเราก็คงได้บรรลุมรรคผลนิพพานแน่นอน

  • เมื่อ 16 เม.ย. 47 19:21

    อยากให้ทุกคนลองไปดูกันนะครับเป็นหนังที่สามารถเปลี่ยนชีวิตของใครบางคนได้เลย ดูได้ทุกเพศทุกวัย แต่เด็ก ๆ อาจต้องเอาพ่อแม่ไปด้วยนะครับจะได้อธิบายได้ ส่วนคนอื่นก็ให้ดูด้วยแล้วคิดตามด้วยนะครับจะเป็นประโยชน์ต่อทุกคนแน่นอน........

  • เมื่อ 14 เม.ย. 47 17:02

    เรื่องนี้กระแสแรงมาก มีวิพากษ์วิจารณ์กันมาก (ในด้านลบ) ก่อนเข้าโรงฉายในอเมริกา แต่ผลกับออกมาดีเกินความคาดหมาย แหม น่าดูน่ะเนี่ย ยิ่งทำรายได้ถล่มทลายอย่างนี้ หนังคงดีน่าดูแน่นอน อยู่ในอันดับ ท็อป ไฟว์ บ็อก อ็อฟฟิต มาตั้งหลายสัปดาห์ ถ้าเข้าโรงฉายดูแน่

  • เมื่อ 14 เม.ย. 47 13:51

    อยากดูมาก เป็นคนคริสต์ไม่น่าบังคับเรดหนังเลย(อายุไม่ถึง 18)
    T-T T-T T-T T-T T-T T-T

  • เมื่อ 14 เม.ย. 47 13:42

    ภาพยนตร์เรื่องนี้ดีมาก สามารถสื่อออกมาตรงกับเนื้อหาในพระคัมภีร์ อย่างดีเยี่ยม ถึงแม้บางฉากจะมีเนื้อหาที่รุนแรงไปบ้าง ก็เพื่อสื่อถึงความรักที่องค์พระเยซูมีต่อมวลมนุษย์ ดังนั้นหากไปดูหนังเรื่องนี้เพราะอยากเห็นแต่ฉากชวนสยอง ก็คงจะไม่สนุกอะไร....ถ้าอยากจะดูหนังเรื่องนี้อย่างทราบซึ้ง ถึงอารมณ์น่าจะลองไปอ่านพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่ และจะดูหนังเรื่องนี้อย่างเข้าใจ

มีทั้งหมด 56 วิจารณ์ หน้าที่ 5 [ก่อนหน้า] 1 2 3 4 5 6 [ถัดไป]
เขียนวิจารณ์
จะต้องลงชื่อเข้าใช้ระบบก่อน จึงจะเขียนวิจารณ์ได้
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google+ หรือ Facebook ก็ได้
Facebook | Google+

advertisement

วันนี้ในอดีต

  • Let Me InLet Me Inเข้าฉายปี 2010 แสดง Kodi Smit-McPhee, Chloe Moretz, Richard Jenkins
  • Vampire Hunter DVampire Hunter Dเข้าฉายปี 2004 แสดง Hideyuki Tanaka, Ichiro Nagai, Koichi Yamadera
  • UnstoppableUnstoppableเข้าฉายปี 2010 แสดง Denzel Washington, Chris Pine, Rosario Dawson

เกร็ดภาพยนตร์

  • สี่เส้า - ผู้กำกับ ท้อท - การัณยภาส ขำสิน เตรียมความพร้อมรับบทคนตาบอดไม่ทันตั้งตัวให้ เต้ย - พงศกร เมตตาริกานนท์ ผู้รับบท กมล โดยการเอาผ้าปิดตา เต้ย เป็นเวลาประมาณ 12 ชั่วโมง เต้ย เผยว่ารู้สึกอึดอัดและกลัวมากจนร้องไห้ ไล่เตะข้าวของ และปาของต่างๆ ใส่เพื่อนในห้อง อ่านต่อ»
  • Woman in Gold - เดิมที แอนดรูว์ การ์ฟิลด์ ได้รับเลือกให้แสดงบท แรนดี แต่ถอนตัวในภายหลัง ไรอัน เรย์โนลด์ส จึงเข้ามารับบทนี้ อ่านต่อ»

เปิดกรุภาพยนตร์

Saand Ki Aankh Saand Ki Aankh Chandro Tomar (Bhumi Pednekar) และ Prekashi Tomar (Taapsee Pannu) พวกเธอทั้ง 2 อายุเกิน 60 ปีแล้ว เธอใด้สร้างแรงบันดาลใ...อ่านต่อ»