วิจารณ์ Dirty Pretty Things
-
maneasye
(ไม่ได้เป็นสมาชิก)
เมื่อ 27 พ.ค. 54 10:21
OK เลยครับ สำหรับเรื่องนี้ คุณภาพจริงๆตามความเห็นก่อนหน้านี้
ดูแล้วก็ให้รู้สึกว่าไม่มีที่ไหนดีกว่าที่บ้านเรา ประเทศของเรา... จริงๆครับ -
joblovenuk
(ไม่ได้เป็นสมาชิก)
เมื่อ 18 ธ.ค. 46 02:42
Dirty pretty Things ( ลบเหลี่ยมเลว ) 3ดาว หนังสัญชาติอังกฤษ ฟอร์มเล็ก เจ้าของหลายรางวัลจากเวทีประกวดหนังอินดี้ ที่อังกฤษ ผลงานกำกับของสตีเฟ่น เฟียรส์ (แห่ง high fidelity และ dangerous liasons ) ที่โยกย้ายจากฮอลลีวู๊ด กลับมาทำหนังฟอร์มเล็กที่บ้านเกิดของตนเองแทน นำแสดงโดย ออเดรย์ โตตู (นางเอกสุดใส จาก amelie )
เรื่องราวเกี่ยวกับ ชีวิตแรงงานต่างด้าวในอังกฤษ พระเอก โอควี่ อดีตหมอจากไนจีเรีย ผู้ซึ่งต้องมาทำงานขับแท๊กซี่เวลากลางวัน และเป็นเสมียนโรงแรมในกะดึก วันหนึ่ง เค้าได้พบกับหัวใจมนุษย์สดๆ(ไม่รู้ของใคร) ในชักโครกของห้องพักห้องหนึ่งในโรงแรมที่เขาทำงานอยู่ จากรูปการณนี้ หลายคนเป็นผู้ต้องสงสัยได้ทั้งนั้น ในสถานการณ์ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกเช่นนี้ พระเอกของเราจะตัดสินใจทำเช่นไร ??
หนังเรื่องนี้ เป็นหนังแนว ทริลเล่อร์-ดราม่า-โรแมนติก ซึ่งให้น้ำหนักเฉลี่ยเกือบๆจะเท่ากันทั้งสามแนว และเป็นส่วนผสมที่ออกมาลงตัวอย่างน่าประหลาดใจ แม้จะไม่มีซีนใหญ่ๆที่ใช้งบประมาณสูง เหมือนอย่างทริลเล่อร์จากฮอลลีวู๊ด แต่ด้วยฝีมือการเล่าเรื่องของผู้กำกับ ฉากไคลแมกซ์ อันน่าระทึกใจ ผมก็อดที่จะลุ้นระทึกตามไปด้วยมิได้
หนังพูดถึงประเด็นแรงๆที่น่าสนใจ ไม่ว่าจะปัญหาแรงงานต่างด้าวผิดกฏหมายในอังกฤษซึ่งต้องใช้ชีวิตอย่างลำบากแร้นแค้น , ปัญหาการซื้อขายอวัยวะเถื่อนอย่างผิดกฏหมาย, ประเด็นความมืดบอดของจริยธรรม ศีลธรรม และมนุษยธรรม ของผู้คนในเมืองที่ได้ชื่อว่าศิวิไลซ์ ฯลฯ ซึ่งเป็นด้านมืดที่แสนจะหดหู่ ของกรุงลอนดอน (ทั้งๆที่ผู้กำกับและทีมงานเป็นชาวอังกฤษ ) ได้อย่างถึงอารมณ์ และน่าเชื่อถือเอามากๆ ภาพลอนดอนในหนังเรื่องนี้ จึงทั้งสกปรก ต้อยต่ำและน่าชิงชัง ผิดกับหนังเรื่องอื่นที่ถ่ายเมืองนี้ออกมาจะเลิศเลอ เห็นชะตากรรมของตัวละครในหนังแล้วก็อดเป็นห่วง เฌอแตม(เพื่อนเน็ทที่สนิทกันที่สุดคนนึงของผม ) ซึ่งทำงาน (อย่างถูกกฏหมายหรือป่าวก็ไม่รู้ ?? ) อยู่ที่อังกฤษพอดี หวังว่าเฌอคงไม่ต้องตกระกำลำบาก เหมือนอย่างที่ เฌอเน่ท์ (โตตู ) ต้องเผชิญในหนังเรื่องนี้เลยนะ
ในหนังใช้ตัวละครไม่มากนัก แล้วก็ถ่ายทำกันไม่กี่ที่ คนที่มีบทบาทที่สุด คือ พระเอก ชิวเอเทล เอจีโอฟอร์ ดาราผิวสีเชื้อสายไนจีเรีย (จำแทบไม่ได้ว่าเป็นคนเดียวกับคนที่เล่นเป็นสามี คีร่า ไนท์ลี่ จาก love actually ) ผู้ซึ่งเป็นคนโอบอุ้มหนังทั้งเรื่องเอาไว้ในสองมือ แจ้งเกิดไปเต็มๆในบทนี้ ซึ่งไม่เพียงแค่ เล่นได้สมบทบาท แต่กลับได้ใจคนดูไปหมดสิ้น เขาถ่ายทอดทุกรายละเอียดของความรู้สึกนึกคิดตัวละคร สำนึกผิดชอบชั่วดี และแง่มุมของความเป็นมนุษย์ปุถุชนจริงๆซึ่งยังมีมโนสำนึกด้านดีอยู่เต็มเปี่ยม นอกจากนั้น นางเอก ออเดรย์ โตตู ก็ยังได้โอกาส ฉีกบทบาทสุดขั้วในหนังเรื่องนี้ ซึ่งคุณๆที่ดูรับรองได้ว่าลืมบทเธอใน amelie ได้แน่นอน ซึ่งเธอก็ทำได้ดีอีกเช่นกัน ตัวละครประกอบที่เหลือ(มีไม่เยอะ )ก็ทำหน้าที่ได้ดีกันถ้วนหน้า หนังเรื่องนี้จึงเป็นอีกตัวอย่างของหนังทุน(ไม่สูง) ที่ทำออกมาได้ถึง ทั้งแง่ของความบันเทิง และศิลปภาพยนตร์ เป็นอีกกรณีศึกษาทั้งของคนที่คิดจะทำหนัง และคนที่รักการดูหนัง ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง
++++ หนังฉายที่ลิโด้ โรงเดียวเท่านั้นครับ +++
โทรเช็ครอบฉายได้ที่ 022511727
Enjoy The show
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google+ หรือ Facebook ก็ได้
Facebook | Google+
advertisement
วันนี้ในอดีต
- Lone Survivorเข้าฉายปี 2014 แสดง Mark Wahlberg, Taylor Kitsch, Emile Hirsch
- The School of Rockเข้าฉายปี 2004 แสดง Jack Black, Mike White, Joan Cusack
- มหัศจรรย์...พันธุ์รักเข้าฉายปี 2004 แสดง ธีรเดช วงศ์พัวพันธ์, รัฐพร วัฒนสมบัติ, สุชาญา ไกรสุวรรณ
เกร็ดภาพยนตร์
- Still Alice - ตอนที่ได้อ่าน Still Alice ฉบับหนังสือครั้งแรก ริชาร์ด แกลตเซอร์ และ วอช เวสต์มอร์แลนด์ ผู้กำกับทั้งสองคนรู้สึกว่าเรื่องราวของผู้หญิงที่ต้องเผชิญกับโรคสมองเสื่อมชนิดเกิดเร็วเป็นเรื่องที่ใกล้ตัว เพราะก่อนที่ทั้งคู่จะกำกับภาพยนตร์เรื่องนี้ ริชาร์ด ถูกวินิจฉัยว่าเป็นโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงหรือเอแอลเอส ที่เป็นสาเหตุให้พูดแล้วลิ้นพันกัน ซึ่งเป็นทำให้ทั้งสองคนต้องรับมือกับความเปลี่ยนแปลงแบบฉับพลัน ทั้งทางร่างกายและทางจิตใจ เหมือนตัวละคร อลิซ ที่แสดงโดย จูเลียนน์ มัวร์ อ่านต่อ»
- Song One - สก็อตต์ อาเวตต์ จากวง ดิ อาเวตต์ บราเธอร์ส เคยมาทดสอบบท เจมส์ โดย สก็อตต์ เล่าว่า เขาอ่านบทกับ แอนน์ แฮตธาเวย์ ผู้รับบท แฟรนนี ในฉากสะเทือนอารมณ์ และ แอนน์ เริ่มน้ำตาคลอ ตอนนั้นผมรู้สึกว่า โอ้ พระเจ้า เธอทำอย่างนั้นได้อย่างไร และมันก็ชัดเจนเลยว่านี่ไม่ใช่ที่ของผม ซึ่งภายหลังบท เจมส์ นี้ก็ตกเป็นของ จอห์นนี ฟลินน์ อ่านต่อ»