วิจารณ์ Go
-
โอ๋
(ไม่ได้เป็นสมาชิก)
เมื่อ 1 ธ.ค. 49 15:28
เพลงประกอบภาพยนตร์เพราะมาก
-
โม
(ไม่ได้เป็นสมาชิก)
เมื่อ 30 ส.ค. 48 12:16
พระเอกน่ารักมาก
-
yoko
(ไม่ได้เป็นสมาชิก)
เมื่อ 5 มิ.ย. 48 16:23
พระเอกน่ารักมากๆเลย เขาไม่หล่อ แต่ดูแล้วแมนมาก ดูอบอุ่น นางเอกก็น่ารัก ชอบหนังเรื่องนี้มากๆเลยล่ะ
-
โกะ
(ไม่ได้เป็นสมาชิก)
เมื่อ 2 ก.ค. 47 21:36
ก้อลอง นึกดูดิ ถ้า มีลูกครึ่งไทยเขมรหรือไทยลาว เราก้อจะรู้สึกว่าเขาต่างด้าว (ไม่ได้ดูถูก ประเทศที่ยกตัวอย่างมานะ แต่ ก้อเประเทศที่ใกล้ ๆๆ เรา เหมือน ที่ จีนกะเกาหลีใกล้ ญี่ปุ่นไง)
โยซูเกะเท่มากกกกกกกก -
yosuke"fan
(ไม่ได้เป็นสมาชิก)
เมื่อ 9 เม.ย. 47 22:37
ดูสนุกตามสไตล์การ์ตูนญี่ปุ่นเสียอยู่ 2 อย่างคือแผ่นที่ทำขายในไทยหนังมืดไปนิดนึง และเพลงตอนจบของหนังถูกตัดออกเสียดาย
-
JK
(ไม่ได้เป็นสมาชิก)
เมื่อ 24 ม.ค. 47 22:40
Yosuke น่ารักสุดๆ เพิ่งได้ดูเมื่อไม่นานมานี้ VCD เป็นหนังที่น่าดู
มันไม่ได้บอกตรงๆว่าตัวละครมีความขัดแย้งกัน
แต่มันปนอยู่เป็นกลิ่นไอของหนัง
น่าดู เพราะ น่ารัก ฮิๆๆๆๆ -
October face
(ไม่ได้เป็นสมาชิก)
เมื่อ 18 ม.ค. 47 00:28
เป็นหนังที่คนไทยเรา ยากจะเข้าใจในความกีดกัน เกลียดชัง ระหว่างเชื้อชาติ
แต่ตัวเอกของเรื่องก็สามารถทำให้พอเข้าใจได้ เสียดายที่ไม่เข้าใจภาษาต้นแบบ
ไม่งั้นคงเข้าใจในหนังมากกว่านี้ ซื้อมาไม่เสียดายตัง โอเค... -
Ngong
(ไม่ได้เป็นสมาชิก)
เมื่อ 18 ส.ค. 46 11:59
แม้กระแสภาพยนตร์ญี่ปุ่นในไทยจะไม่รุนแรงเท่าภาพยนตร์เกาหลี แต่ก็มีทยอยมาให้ชมกันอยู่เรื่อยๆ อาทิ GTO, Battle Royale, Kairo, Water Boys, Returner, Love Letter, Ping Pong, Yomigaeri มาจนถึง Go ส่วนผสมของภาพยนตร์วัยรุ่น ที่สอดแทรกเรื่องราวของชีวิต อารมณ์ขัน และความรัก เข้าไว้ด้วยกัน
Go เริ่มต้นด้วยคำกล่าวของเช็คสเปียร์ เพื่อแสดงถึงแก่นสารของภาพยนตร์ และฉากบาสเกตบอลสุดอึ้งกับลีลาสุดห้าวของ โยซูเกะ คูโบซูกะ ซึ่งรับบทเป็น ซึคิฮาร่า เด็กหนุ่มลูกครึ่งเกาหลีญี่ปุ่น ที่พยายามหาจุดยืนของตัวเอง ท่ามกลางความขัดแย้งของเชื้อชาติและวัฒนธรรม นับเป็นการเริ่มต้นเรื่องที่สร้างความสงสัยอยู่ไม่น้อย และค่อนข้างแยบยลพอสมควร เพราะนอกจากจะแสดงบทสรุปความรู้สึกของใครบางคนแล้ว ยังจุดประกายความรู้สึกของใครบางคนไปพร้อมๆ กันด้วย
อีกฉากที่มีลักษณะคล้ายๆ กัน คือ ฉากรถไฟ ที่สะท้อนให้เห็นถึงคำว่าวีรบุรุษในดวงใจได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งวัยรุ่น ซึ่งอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ การยึดใครสักคนเป็นแบบอย่างหรือเป็นที่พึ่งทางใจ จึงเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ง่ายมาก
ซึคิฮาร่า คือ เด็กหนุ่มที่กำลังจะโตเป็นผู้ใหญ่ ผู้มาพร้อมกับบาดแผลในใจ บาดแผลที่สังคมเป็นผู้กระทำ แม้ว่าเขาจะพูดภาษาญี่ปุ่น ทำตัวเหมือนคนญี่ปุ่น มีเพื่อนเป็นชาวญี่ปุ่น แต่สุดท้ายเขาก็หลีกหนีตัวตนจริงๆ ของตัวเองไม่พ้น ก่อความรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคนต่างด้าว เป็นคนต่างดาว ส่งผลให้เขากลายเป็นคนแปลกแยกในสังคม อยู่แต่ภายในวงกลมที่จะทำให้เขาปลอดภัย เพื่อทำความเข้าใจและค้นหาเส้นทางชีวิตที่เหมาะสมกับตัวเอง
โยซูเกะ คูโบซูกะ นักแสดงที่มีปัญหากับทรงผม ไม่ว่าจะเป็นทรงกัปปะแบบ เป๊กโกะ ใน Ping Pong หรือทรงพังก์แบบ ซึคิฮาร่า ในเรื่องนี้ ไม่ค่อยจะยอมเผยความหล่อให้เห็นกันชัดๆ สักที เป็นนักแสดงที่น่าจับตามองอยู่ไม่น้อย กับภาพยนตร์ที่มีการดำเนินเรื่องเรียบๆ ดูไปเรื่อยๆ แต่การถ่ายทอดบทบาท ซึคิฮาร่า ของ โยซูเกะ ก็ทำให้เข้าถึงความรู้สึก เกิดเป็นความเข้าใจในแต่ละพฤติกรรมที่ ซึคิฮาร่า แสดงออก และคอยเอาใจช่วยให้เขาก้าวข้ามเส้นแบ่งระหว่างความเป็นเด็กสู่ความเป็นผู้ใหญ่ได้สำเร็จ
สำหรับเรื่องนี้น่าจะเหมาะกับคนที่ชมภาพยนตร์แบบค่อยๆ ซึมซับเข้าไปในความรู้สึกมากกว่าที่จะดูเอาตลกหรือแอ๊กชั่นกระจาย ยิ่งถ้ารู้สภาพสังคมของชาวญี่ปุ่นที่มีต่อชาวเกาหลีมาบ้างก็คงจะได้อรรถรสมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ภาพยนตร์เรื่องนี้ก็ทำให้ได้คิดว่าเชื้อชาตินั้นมิอาจสำคัญกว่าตัวตนจริงๆ ที่อยู่ภายใน
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google+ หรือ Facebook ก็ได้
Facebook | Google+
advertisement
วันนี้ในอดีต
- รักแห่งสยามเข้าฉายปี 2007 แสดง มาริโอ้ เมาเร่อ, วิชญ์วิสิฐ หิรัญวงษ์กุล, กัญญา รัตนเพชร์
- Harry Potter and the Chamber of Secretsเข้าฉายปี 2002 แสดง Daniel Radcliffe , Emma Watson , Rupert Grint
- ตีสาม 3Dเข้าฉายปี 2012 แสดง กาญจน์เกล้า ด้วยเศียรเกล้า, โทนี่ รากแก่น, ชาคริต แย้มนาม
เกร็ดภาพยนตร์
- Big Eyes - โดยส่วนใหญ่ผู้กำกับ ทิม เบอร์ตัน จะทำงานร่วมกับนักแสดงที่คุ้นเคยกันดีอยู่แล้ว แต่เรื่องนี้มีแต่นักแสดงที่ ทิม ไม่เคยร่วมงานด้วยมาก่อน โดยภาพยนตร์ที่ทำเช่นนี้ก่อนหน้านี้ คือ Beetlejuice (1988) อ่านต่อ»
- American Sniper - เดวิด โอ. รัสเซลล์ เคยได้รับการพิจารณาให้มากำกับภาพยนตร์เรื่องนี้ก่อนที่เขาจะขอถอนตัว สตีเวน สปีลเบิร์ก ก็เคยสนใจกำกับภาพยนตร์เรื่องนี้ แต่ก็ถอนตัวออกไปเช่นกัน คลินต์ อีสต์วูด จึงมารับหน้าที่กำกับในที่สุด อ่านต่อ»