วิจารณ์ Spy Kids 3-D: Game Over
-
mao
(ไม่ได้เป็นสมาชิก)
เมื่อ 26 ต.ค. 46 23:04
เสียดายตังค์จริงด้วย อะไรก็ไม่รู้ ไม่มีอะไรเลย ดู 3 มิติแล้วก็ปวดหัว
แต่ถ้าไม่มี 3 มิติเลย หนังจะยิ่งห่วยแตกกว่านี้อีก เป็นหนังที่เด็กมากๆๆๆๆ ไม่น่าไปดูเล้ยยย -
พีนัท
(ไม่ได้เป็นสมาชิก)
เมื่อ 26 ต.ค. 46 13:40
ก้สนุกดี เสียอยู่อย่างเดียวที่ไม่น่าให้อภัย คือมันเกิดภาพซ้อน
-
Flogin
(ไม่ได้เป็นสมาชิก)
เมื่อ 25 ต.ค. 46 19:48
ดูแล้วรู้สึกผิดหวัง แต่ถ้าไม่ดูเนื้อเรื่องแล้ว ก็ถือว่า เทคนิคต่าง ๆทำได้ดี เป็นหนังที่แหวกแนว ตอนสวนแว่นรู้สึกปวดตา อยากถอดออก แต่ถ้าถอดก็ไม่ได้เห็นภาพสามมิติ ก็เลยต้องใส่ ส่วนหนังเนื้อเรื่องไม่มีอะไรเลย เละเทะมาก ๆ ภารกิจก็ง่ายเกินไป จะจบ ก็จบซะอย่างงั้น สู้ภาคแรกก็ไม่ได้ สนุกกว่านี้เยอะ
-
คนพลาดพลั้ง
(ไม่ได้เป็นสมาชิก)
เมื่อ 24 ต.ค. 46 21:20
สั้นๆได้ใจความนะ "เอาเงินคืนมา" คว้ารางวัลห่วยแตก หนังมัวก็ที่หนึ่ง หนังสั้นก็ที่หนึ่ง
-
เบียร์
(ไม่ได้เป็นสมาชิก)
เมื่อ 24 ต.ค. 46 09:43
สนุกมาก ๆๆๆ game over มันส์ แล้วก็ดีอีกอย่างหนึ่งก็คือ การที่ครอบครัวมารวมตัวกันกำจัดสัตว์ประหลาดในเรื่อง เอฟเฟ็คก็ดี
แกรี่ เท่ห์สุด ๆ เอาตัวละครตั้งแต่ ภาค 1 กับ ภาคสอง มารวมกันหมดเลย
ดีดีดีดีดีดีดีดีดี -
Pommy
(ไม่ได้เป็นสมาชิก)
เมื่อ 23 ต.ค. 46 11:12
เป็นภาพยนตร์สำหรับเด็ก ที่น่าตื่นตาตื่นใจกับภาพสามมิติ และก็อยากดูมากเป็นพิเศษ ... เพราะชอบตั้งแต่ภาคแรก + ภาคสอง ฉะนั้นภาค 3 ก็คงจะไม่พลาดอยู่แล้ว ...
-
เด็กโต
(ไม่ได้เป็นสมาชิก)
เมื่อ 23 ต.ค. 46 09:49
หนังเด็กดูจริง ๆครับ
-
Ngong
(ไม่ได้เป็นสมาชิก)
เมื่อ 22 ต.ค. 46 15:06
มาแล้วภาพยนตร์ภาคต่ออีกเรื่องของปีนี้ เรื่องราวของสายลับตัวจิ๋ว ที่มาพร้อมกับเทคนิคไฉไลกว่าเดิมในรูปแบบ 3 มิติ โดยฝีมือเจ้าเก่า โรเบิร์ต ร้อดริเกวซ ที่ยังคงควบตำแหน่งมากมายเหมือนเคย ได้แก่ กำกับภาพยนตร์ เขียนบทภาพยนตร์ กำกับภาพ ตัดต่อ ออกแบบงานสร้าง ดูแลดนตรีและเพลง ดูแลเทคนิคพิเศษ และเป็นโปรดิวเซอร์
เริ่มเรื่องด้วยคำแนะนำในการชมภาพยนตร์โดยตัวละครเด่นจากภาคแรก ฟีแกน ฟลู้บ (อลัน คัมมิ่ง) ทำให้รู้ว่าส่วนใหญ่ของภาพยนตร์เป็นแบบ 3 มิติ แต่ไม่ใช่ทั้งหมด วิธีการเตือนให้ใส่แว่น จึงเป็นอีกหนึ่งลูกเล่นที่น่าสนใจของภาพยนตร์เรื่องนี้
ในส่วนของเนื้อเรื่องก็ยังคงเน้นภาพของความเป็นครอบครัวเช่นเดิม จูนี่ คอร์เทซ (ดารีล ซาบาร่า) ซึ่งลาออกจากโอเอสเอสไปแล้ว ต้องกลับมารับภารกิจอีกครั้ง เพื่อช่วยเหลือพี่สาว คาร์เมน คอร์เทซ (อเล็กซ่า เวก้า) ที่ถูกวายร้าย ทอยเมกเกอร์ (ซิลเวสเตอร์ สตอลโลน) กักขังไว้ โดยมีคุณปู่ (ริคาร์โด มอลทัลแบน) เป็นตัวช่วย (เหมือนเกมเศรษฐีเลย)
แม้ตัวดำเนินเรื่องหลักจะเป็น จูนี่ แต่ไม่ค่อยโดดเด่นกินใจเท่า 2 ภาคที่ผ่านมา ความน่ารักของ จูนี่ ที่เก่งแบบเด๋อๆ ด๋าๆ ขาดหายไป ไม่ประทับใจเท่ากับบทของคุณปู่ (ริคาร์โด มอลทัลแบน) ที่ดูเก่งและฉลาด คอยให้คำแนะนำแก่ จูนี่ อยู่เสมอ หรือ คาร์เมน ที่ดูมีเสน่ห์ ถึงจะมีบทบาทน้อยก็ตาม แถมยังฝากเสียงร้องในเพลงสนุกๆ Game Over ปิดท้ายภาพยนตร์เองด้วย
นอกจากนี้ ยังมีนักแสดงชื่อดังมาร่วมงานด้วยมากมาย อาทิ แอนโตนิโอ แบนเดอรัส, ซัลม่า ฮาเย็ก, จอร์จ คลูนีย์, เอไลจาห์ วู้ด, สตีฟ บุสเซมิ, บิล แพ็กซ์ตัน บางคนแสดงมาตั้งแต่ภาคก่อนๆ บางก็เริ่มต้นแสดงในภาคนี้ บางคนก็โผล่มาให้เห็นแค่ไม่กี่วินาที แต่โดยรวมแล้วทุกคนก็ช่วยกันสร้างครอบครัว Spy Kids ให้ดูมั่นคง อบอุ่น จนกลายเป็นจุดขายอย่างหนึ่งของเรื่องนี้ไปแล้ว
บอกใบ้เพิ่มเติมว่าภาคนี้ จอร์จ คลูนีย์ มีบทบาทมากขึ้น และต้องดูจนถึงเบื้องหลังการถ่ายทำท้ายเรื่อง แล้วจะฮากลิ้ง อีกทั้ง ยังจะได้เห็น ซิลเวสเตอร์ มากกว่า 1 บทบาท แต่จะเป็นใครกันบ้างนั้น คงต้องติดตามในภาพยนตร์กันเอาเอง
การนำเสนอภาพยนตร์ในรูปแบบ 3 มิติ นอกจากจะสอดคล้องกับเลขภาคของภาพยนตร์แล้ว ยังเป็นวิธีการดึงความสนใจจากคอภาพยนตร์ได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะกลุ่มคนที่ไม่เคยชมเรื่องนี้มาก่อน ภาพยนตร์ดูมีสีสันสดใส และฉากที่น่าสนุกตามรูปแบบของเกม อาทิ ฉากคอปเตอร์ผม (คล้ายๆ คอปเตอร์ไม้ไผ่) ของ เกอร์ตี กิ๊กเกิ้ล (เอมิลี ออสเมนต์ น้องสาวของ ฮาร์ลี่ย์ โจเอล ออสเมนต์) ฉากต่อสู้กับหุ่นยนต์ยักษ์ และ ฉากแข่งรถ
การชมภาพยนตร์ 3 มิติ ด้วยแว่นตาเลนส์สีแดงฟ้า ก็มีข้อจำกัดอยู่บ้าง อาทิ คงไม่เหมาะสำหรับการพาเด็กอายุต่ำกว่า 3 ปีเข้าไปชมด้วย (ด้านในของแว่นบอกเอาไว้) และคงไม่สะดวกนักสำหรับคนที่ใส่แว่นตาอยู่แล้ว อีกทั้ง อาจจะเห็นภาพ 3 มิติ ได้ไม่ชัดเจนนัก ซึ่งอาจจะเป็นสาเหตุให้ใครบางคน(หรือหลายคน?) จบภาพยนตร์ด้วยความมึนก็เป็นได้
ถึงแม้บทจะอ่อน สับสน และดูผิดจากชีวิตจริงที่ตัวละครอยู่บนพื้นฐานของความดีทั้งหมด แต่ก็นับว่า Spy Kids 3-D ยังคงตอบโจทย์ของผู้กำกับ โรเบิร์ต ร้อดริเกวซ ได้อย่างตรงประเด็น ที่ต้องการภาพยนตร์ที่ไม่มีพิษมีภัย เหมาะสมสำหรับเด็กๆ นอกจากการปลูกฝังความเป็นครอบครัวที่มีอยู่เป็นประจำทุกภาคแล้ว ยังแทรกข้อคิดเกี่ยวกับการให้อภัยเอาไว้ด้วย -
private eye
(ไม่ได้เป็นสมาชิก)
เมื่อ 21 ต.ค. 46 22:24
ก็ใช้ได้นะ แต่ดูนานๆแล้วเมื่อยตาไปหน่อยเพราะหนังฉายเป็น3มิติแทบตลอดไม่ค่อยมีช่วงพักสายตาเลย^^! ตอนเพิ่งจบมองหน้าเพื่อนที่มาดูหนังด้วยแล้วรู้สึกสีแปลกๆ55 ก็เป็นความรู้สึกที่แปลกดี เวลาของเรื่องที่น้อยกว่าเดิมก็ค่อนข้างเหมาะสมเพราะเป็นหนัง3มิติต้องใช้สายตามาก รวมๆก็ดีค่ะ
-
neo
(ไม่ได้เป็นสมาชิก)
เมื่อ 21 ต.ค. 46 18:34
หนังบ้าอะไรก็ไม่รู้ เสียดายตังค์
แว่นตาก็กระจอก ภาพเลยไม่ชัดเลย แถมยังปวดหัวอีกต่างหาก
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google+ หรือ Facebook ก็ได้
Facebook | Google+
advertisement
วันนี้ในอดีต
- เขาชนไก่เข้าฉายปี 2006 แสดง วศิษฎ์ ผ่องโสภา, ทวีรัตน์ จุลศิริ, อภิพล ตรีเทวะวงษา
- เดอะเลตเตอร์ เขียนเป็นส่งตายเข้าฉายปี 2006 แสดง มหาสมุทร บุณยรักษ์, ชลลดา เมฆราตรี, แอนดี้ เขมภิมุก
- Happy Feetเข้าฉายปี 2006 แสดง Robin Williams, Hugh Jackman, Elijah Wood
เกร็ดภาพยนตร์
- Blackhat - ชื่อภาพยนตร์อ้างอิงถึงลักษณะของตัวร้าย ซึ่งวายร้ายในแถบตะวันตกมักจะสวมหมวกสีดำ อ่านต่อ»
- Maps to the Stars - วิกโก มอร์เทนเซน และ ราเชล ไวส์ซ ต่างก็เคยถูกพิจารณาให้รับบท สแตฟฟอร์ด และ ฮาวานา ก่อนที่จะถอนตัวออกไปทั้งคู่เนื่องจากปัญหาตารางงาน สุดท้าย จอห์น คูแซก และ จูเลียนน์ มัวร์ จึงเข้ามารับบท สแตฟฟอร์ด และ ฮาวานา ตามลำดับ อ่านต่อ»
เปิดกรุภาพยนตร์
X-Men: Dark Phoenix เรื่องราวได้เกิดขึ้นหลังจากเหตุการณ์ใน เอ็กซ์เม็น อะโพคาลิปส์ ผ่านไป 10 ปี เมื่อเหล่า เอ็กซ์เม็น จะต้องไปเยือนสถานที่ซึ...อ่านต่อ»