SIAMZONE.COM

ถือโดยรวมก็เป็นหนังที่สมคุ้มค่ากับการรอคอยของแฟนคอหนังแนวนี้นะครับ แต่ดูเหมือนคนสร้างต้องการจะพรีเซ็นต์ฉากที่นีโอโดนรุมเป็นร้อยไปหน่อยเพราะมันนานเกินบางคนที่นั่งข้างๆ ยังห่าวเลยผมด้วย และอีกอย่างชอบภาคแรกมากกว่าครับไม่เวอร์เกินไป

EX-Agent Smith ถูกดัดแปลงให้เป็นอะไร แล้วทำไมนอกโลกของ Matrix แล้ว Neo ยังสามารถหยุดยั้ง Sentinel ได้
นั่นยังเป็นปริศนาให้ดูต่อภาค 3

ก็สนุก มันอาจดูวนไปวนมา จนผมดูไม่เข้าใจ

ฉากที่นีโอบินบนท้องฟ้า ทีแรกก็บินเหมือนซุปเปอร์แมน
แล้วตัดมาอีกฉาก ไหงบินเหมือนหงอคงใน Dragon Ball เลยหง่ะ
ดีนะ ทรงผมไม่เป็นแฉก ๆ ไปด้วย

สุดยอดมาก ชอบจินตนาการของสองพี่น้อง ผู้กำกับจริง ๆ
สองรอบแล้วยังไม่จุใจเลยอ่ะ

คุณ Ngong วิจารณ์ได้ตรงใจหลายจุดจังเลยครับ โดยเฉพาะตอนจบ ทำให้หงุดหงิดที่ต้องรออีกหลายเดือนเลย

สุดยอด ไม่มีคำบรรยาย ดูภาคนี้แล้วทำให้กระจ่างชัดในภาคที่แล้วขึ้นด้วย ว่า matrix คืออะไร ใครเป็นอะไรใน Matrix

ไปดูมาแล้ว คีย์เมกเกอร์จริงๆ ทีแรกนึกว่าจะเป็นบรมจารย์แฮคเกอร์ ที่ไหนได้... แต่โดยรวมแล้วก็มันดี ในฐานะที่ผมเป็นคอหนังแอ็กชั่นคนนึง ถือว่าดีกว่าภาคแรกนะ สู้กันเยอะขึ้น ฉากสู้แต่ละฉากนานๆทั้งนั้นเลยครับ บางทีผมยังรู้สึกว่านานไปเลย บทคุยกันน้อยลง แต่ก็ยังถือว่าคุยเยอะอยู่ดี เนื้อเรื่องยังคงความเข้าใจยากเหมือนเดิม ด้านซเปเชี่ยลเอฟเฟกซ์ไม่ต้องบรรยายครับ เพราะมีตัวอย่างให้ดูจากภาคแรกอยู่แล้ว ภาคนี้ก็คล้ายๆกัน แต่ที่น่าสนใจกว่าอะไรทั้งหมดก็คือ มุมกล้อง แล้วก็จินตนาการณ์ในการถ่ายทอดภาพออกมา ทำให้เราได้เห็นอะไรแปลกๆมากขึ้น ถือว่าคุ้มค่าต่อการรอคอยครับ X-Men2 เทียบไม่ติดเลย

แฝงความคิดต่างๆที่เป็นปรัชญา,โลกความคิด,พลังอำนาจ

ภาคต่อของภาพยนตร์ที่หลายคนรอคอย จากความสำเร็จของ The Matrix ในปี ค.ศ. 1999 ที่รับรายได้ไปทั้งสิ้นมากกว่า 460 ล้านเหรียญสหรัฐ และคว้าออสการ์มาอีก 4 รางวัล ทำให้ภาพยนตร์ภาคต่อเกิดขึ้นได้ไม่ยาก เรื่องราวระหว่างเมทริกซ์และไซออนจึงเกิดขึ้นอีกครั้ง

โครงเรื่องอันซับซ้อนจากฝีมือการเขียนบทและกำกับโดย 2 พี่น้อง แอนดี้ และ ลาร์รี วาโชว์สกี้ โดยภาคนี้จะเน้นเนื้อหาการไขความจริงเกี่ยวกับเมทริกซ์ ปกป้องไซออน และเพื่อปลดปล่อยมนุษย์

ฉากแอ๊กชั่นและวิชวลเอฟเฟ็กต์ต่างๆ ถูกใส่เข้ามาให้ภาพยนตร์ได้อย่างน่าตื่นตาตื่นใจ อาจจะดูไม่สดใหม่เท่าภาคแรก (จำได้ไหม! ท่าต้านแรงดึงดูด และท่าหลบหลีกกระสุนสุดเท่) แต่ก็ยังคงให้ความรู้สึกถึง The Matrix ของแท้ได้อยู่ โดยเฉพาะฉากต่อสู้ระหว่าง นีโอ (คีนู รีฟท์) กับ สมิธ (ฮิวโก้ วีฟวิ่ง) ที่เรียกว่า Burly Brawl และฉากไล่ล่าบนฟรีเวย์ระหว่าง ทรินิตี้ (แครี่-แอน มอส) ทวิน คู่แฝดเพชรฆาต (เอเดรียน และ นีล เรย์เมนต์) และบรรดาสายลับ

ฉากที่รบกวนจิตใจ เห็นจะเป็นฉากที่เผยให้เห็นถึงไซออน เมืองสุดท้ายของมนุษย์ที่อยู่ใกล้กับแกนโลก มีห้องทำงานสำหรับควบคุมยานเข้าออกสุดหรู (ดูคล้าย Minority Report) แต่ภายในกลับดูแออัดและซ่อมซ่ออย่างเป็นที่สุด ฉากเฉลิมฉลองในไซออนและฉากรักระหว่าง นีโอ กับ ทรินิตี้ ก็ถ่ายทอดได้ยืดเยื้อและดูไม่กลมกลืนกับเนื้อหาโดยรวม (อยากเป็น ทรินิตี้ จัง) อีกทั้ง หลายฉากเด่นจากภาคแรก อาทิ ฉากรับโทรศัพท์สุดคลาสสิก ก็แทบจะหายไปหมด

ตัวละครในภาคนี้มีเพิ่มขึ้นจากภาคแรกพอสมควร อาทิ ไนโอบี (จาดา พินเก็ตต์ สมิธ) คนรักเก่าของ มอร์เฟียส (ลอว์เรนส์ ฟิชเบิร์น) ที่มาพร้อมกับทรงผมสุดแสนประหลาด, เพอร์เซฟโฟน (โมนิกา เบลลุซซี่) สาวลึกลับ ผู้พร้อมที่จะให้ความช่วยเหลือ เพื่อแลกเปลี่ยนกับบางสิ่ง สะดุดตาสุดๆ ก็คงจะเป็นแฝดเพชรฆาตมาดเหลือร้าย เหาะทะลุกำแพงและหายตัวก็ได้ ยิ่งตอนที่โปร่งแสงยิ่งดูร้ายขึ้นไปอีก แต่น่าเสียดายที่มีบทน้อยไปหน่อย

โดดเด่นไม่มีใครเกินต้องยกให้ นีโอ หายหน้าไปหลายปี มีเวลาโหลดวิชาอย่างเต็มที่ กลับมาอีกทีพร้อมความสามารถไม่จำกัด เตะต่อยกังฟูสุดฤทธิ์ คว้าอาวุธไหนมาเป็นสู้ได้หมด แถมยังเหาะได้ท่าเดียวกับซูเปอร์แมนอีกต่างหาก

ถึงแม้ว่า The Matrix Reloaded เป็นภาพยนตร์เรื่องหนึ่งที่มีเนื้อหาซับซ้อนมาก ทำความเข้าใจให้ทันกับการชมเพียงรอบเดียวได้ยาก (แบบที่ เดอะ อาร์คิเท็ก ผู้สร้างเมทริกซ์บอกกับนีโอ เพราะเราเป็นมนุษย์ไง) อีกทั้ง การดำเนินเรื่อง ความสมเหตุสมผล และความเป็นไปได้ ก็ยังดูสับสนอยู่บ้าง แต่เมื่อมองในภาพรวมแล้ว ก็ยังควรค่าแก่คอภาพยนตร์แอ๊กชั่นไซไฟอยู่ดี เพราะภาพยนตร์ที่มีเนื้อหาเปี่ยมไปด้วยจินตนาการที่สร้างสรรค์แบบนี้หาดูไม่ได้ง่ายๆ นัก

อย่างไรก็ตาม อาจจะมีเสียอารมณ์บ้างเล็กน้อย เพราะภาพยนตร์จบแบบขาดตอน (กำลังเพลินอยู่เลย) และต้องรออีกหลายเดือนกว่าจะได้ดูภาคถัดไป

เนื้อหารวมๆก็ถือว่าใช้ได้แต่ยังไม่ดีพอมากนัก บทพูดเยอะเกินไปก็จริง แต่หนังก็เป็นเจ้าของฉากเด็ดอยู่เหมือนกันนะ ยังไงก็จะติดตามต่อไปว่าจะจบยังไงนะ