วิจารณ์ Secretary
-
จ๊อบ (ไม่ได้เป็นสมาชิก) เมื่อ 10 ธ.ค. 46 22:58
ข้างบนเขียนวิจารณ์ได้ดีจัง ผมเพิ่งไปดูมา ชอบมากๆครับหนังเรื่องนี้ เป็นหนังที่ตรึงอารมณ์ได้อยู่หมัดจริงๆ เนื้อหาก็โรแมนติกมากๆ
-
JoEi (ไม่ได้เป็นสมาชิก) เมื่อ 20 พ.ย. 46 18:50
เลขานุการ มักจะหมายหมายถึงผู้ที่คอยเป็นมือเป็นเท้าให้กับคนอื่น ทำงานจุกจิก เช่น นัดหมาย รับโทรศัพท์ พิมพ์จดหมาย จนไปถึงชงกาแฟ ถ้ามองในแง่ของอาชีพการงานแล้ว เลขาฯ มักจะเป็นบุคคลที่ชอบทำงานตามคำสั่ง และสามารถรองรับคำติติงได้เป็นอย่างดี
เจมส์ สเปเดอร์ ในเรื่องนี้มารับบทเป็น อี.เอ็ดเวิร์ด เกรย์ ทนายความที่กำลังต้องการเลขาฯ ส่วน แม็กกี้ กิลเลนฮาล มารับบทเป็น ลี ฮอลโลเวย์ หญิงสาวผู้หมกมุ่นอยู่กับการทำร้ายตัวเอง และหาทางที่จะหลีกเลี่ยงการทำร้ายตัวเองโดยการเป็นเลขาฯ
ในภาพยนตร์จะมีการติดไฟไว้ที่หน้าสำนักงานว่าต้องการเลขาฯ และการที่เลขาฯ คนก่อนต้องลาออกไปทั้งน้ำตาก่อนที่เลขาฯ คนใหม่จะเข้ามาทำงาน เหมือนบอกเป็นนัยๆ ว่าเหตุการณ์การเปลี่ยนเลขาฯ นี้เป็นเรื่องธรรมดา เมื่อถูกเจ้านายดุด่าก็ยอมรับ เมื่อถูกไล่ออก ก็ต้องยอมรับด้วยเหมือนกัน นอกจากนี้ยังดูเหมือนว่าเอ็ดเวิร์ดเองก็มีกำแพงที่กลัวการก้าวหน้าของความสัมพันธ์ อาจจะเป็นเพราะประสบการณ์ที่เลวร้ายในอดีต
ความเป็นโรแมนติกของเรื่องนี้คงอยู่ที่การพิสูจน์ว่าความรักสามารถอยู่เหนือทุกอย่าง แม้ว่าจะไม่ใช่ความรักที่แสนหวาน แต่ก็เป็นความรักที่มุ่งมั่น และเป็นบทพิสูจน์ถึงรักแท้ได้อยู่เหมือนกัน
ถ้าจะพูดถึงฝีมือการแสดงของนักแสดงนำทั้งสองคนคือ เจมส์ สเปเดอร์ และ แม็กกี้ กิลเลนฮาล บอกได้เลยว่าเป็นส่วนผสมหลักที่ทำให้เรื่องนี้เป็นที่น่าสนใจ ขณะที่เจมส์ สเปเดอร์ แสดงพลังของความเป็นผู้นำในฐานะเจ้านาย ความเปลี่ยวเหงาจากคนที่ขาดความรัก ความต้องการความรัก และความกลัวความรัก ได้อย่างชัดเจนและสมจริงที่สุด แม็กกี้ กิลเลนฮาล ก็แสดงออกถึงความสุขใจในการที่จะได้คิดถึงเจ้านาย การยอมรับการอยู่ใต้อำนาจ การมอบความรัก และความเจ่าเล่ห์ ได้อย่างลงตัวเช่นกัน
แต่ภาพยนตร์เรื่องนี้ก็อาจจะดูน่าเบื่อสำหรับคนดูหนังอีกหลายคน เพราะว่าอารมณ์ในภาพยนตร์นั้นจะค่อยเป็นค่อยไปอย่างมีเหตุมีผลและนุ่มนวล ที่สำคัญเนื้อเรื่องของภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่ผิดไปจากสูตรหนังรัก เดาเรื่องง่ายมาก แนะนำว่าไม่ควรพยายามเดาเรื่องเพราะว่าจะทำให้ความสนุกจากการชมภาพยนตร์ลดลง
การให้น้ำหนักของภาพยนตร์เรื่องนี้ดูจะด้อยไปนิด เข้าใจว่าภาพยนตร์ต้องการให้พัฒนาการของตัวละครแต่ละตัวเป็นไปอย่างช้าๆ และมีเหตุผล ทำให้ให้น้ำหนักกับส่วนแรกของภาพยนตร์มากหน่อย ขณะที่ตอนท้ายของเรื่องจะดูรวบรัดเกินไป
เรื่องนี้ในเวอร์ชั่นที่ฉายในประเทศไทยจะถูกตัดออกไปประมาณ 2-3 นาที (3 ฉาก) แต่ฉากที่หายไปก็ไม่ได้เป็นเนื้อหาที่สำคัญมากนัก ก็นับว่าโชคดีที่ทางกองเซ็นเซอร์ยังใจดีไม่หั่นซะเละ
สรุปแล้ว Secretary เป็นภาพยนตร์ที่เข้าฉายจำกัดโรงอีก 1 เรื่องที่คนทั่วๆ ไปก็สามารถดูเข้าใจ และอิ่มไปกับภาพยนตร์ได้ ผู้ที่ชอบดูหนังที่การใส่อารมณ์ ฝีมือของนักแสดง หรือ อยากจะหาภาพยนตร์ที่ไม่จำเจ ก็น่าจะหาโอกาสไปดูเรื่องนี้ซะหน่อย -
สิรินทร์ (ไม่ได้เป็นสมาชิก) เมื่อ 22 ต.ค. 46 19:03
หลังจากได้ไปชมหนังเรื่องนี้ในรอบพิเศษของสยามโซน.คอม
รู้สึกว่าเป็นหนังที่แฝงแง่มุมให้ข้อคิดหลายอย่าง เช่น เรื่องราวในครอบครัวที่อาจส่งผลกระทบต่อความรู้สึกของสมาชิกคนใดคนหนึ่งย่อมเกิดขึ้นได้ หากเขา/เธอจิตใจไม่เข้มแข็งพอ การค้นหาความถนัดของตนเอง สิ่งที่ปฏิเสธไม่ได้คืองานเลขาฯ เป็นงานที่จำเจ หากทำดีก็เสมอตัว แต่ถ้าทำผิดละก็(อันนี้ต้องไปชมเอง กับบทโทษในหนังเรื่องนี้.....) ฉะนั้นจงฝึกฝนตนเองให้มีความชำนาญในงานที่ทำอยู่ , ความแนวแน่ อันนี้ไม่เฉพาะเรื่องรักเท่านั้น แต่หากคิดและตัดสินใจทำอะไรแล้ว ขอให้ทำให้สำเร็จเหมือนนางเอกของเรื่องนี้
ปล.หนังเรื่องนี้อาจเรียกว่าเป็นหนังเชิงสัญลักษณ์ ที่คนดูต้องเปิดใจในการชมหนังในแนวนี้ -
nnn (ไม่ได้เป็นสมาชิก) เมื่อ 22 ต.ค. 46 10:19
หนังสุดยอด...แต่ตัดเยอะไปหน่อย จนเกือบไม่รู้เรื่องแหน่ะ.....ต้องไปดูเอง
-
aom (ไม่ได้เป็นสมาชิก) เมื่อ 12 ก.ย. 46 11:21
ขอขอบคุณ คุณประจวบคะ ที่ให้ข้อมูลภาพยนตร์เรื่องนี้ได้กระจ่างดีจริงๆ ตัวดิฉันเองก็มีอาชีพเป็นเลขานุการคะ และที่ถูกต้องที่สุดก็คือ เลขานุการจะต้องทำทุกสิ่งทุกอย่างที่เจ้านายสั่งให้ได้ และต้องทำให้ได้ดีด้วย ภาพยนตร์เรื่องนี้คงจะเป็นอีกเรื่องที่จะต้องไปดูให้ได้เลยคะ
-
ซาดิสม์ (ไม่ได้เป็นสมาชิก) เมื่อ 10 ก.ย. 46 03:35
ได้ยินมาว่าเป็นหนังรัก ระหว่างหนุ่มซาดิสม์กับสาวมาโซคิสม์ ว้าวอยากดู
-
บอก (ไม่ได้เป็นสมาชิก) เมื่อ 13 ส.ค. 46 14:53
ประจวบ วังใจ prachuab@nationgroup.com
Secretary
เพราะเราคู่กัน
หากพูดถึงพล็อตว่าด้วยเรื่องรักโรแมนติกระหว่างนายกับบ่าว เจ้านายกับลูกน้อง คงมีคนสร้างออกมาแล้วมากมายหลายร้อยเรื่อง ซึ่ง Secretary ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ออกมาในแนวนี้ แต่ที่ทำให้หนังเรื่องนี้ต่างออกไปจากเรื่องอื่นๆ คือธีมหลักของเรื่องที่มุ่งหน้า 'ค้นหา' ตัวตนที่ซุกซ่อนอยู่ มากกว่าการ 'ตามหา' ชิ้นส่วนที่หายไปเหมือนกับหนังเรื่องอื่นๆ ในแนวทางเดียวกัน
Secretary มาพร้อมกับบทภาพยนตร์อันทรงพลัง และเห็นได้ชัดว่าผู้เขียนบทคือ สตีเวน เชนเบิร์ก ซึ่งดัดแปลงมาจากงานเขียนของ แมรี เกตสกิลล์ 'คิดมาก' เพียงใด เพราะในทุกๆ รายละเอียดที่เสนอออกมา มักแฝงไว้ด้วยแง่มุมน่าขบคิดทั้งสิ้น จุดนี้นี่เองทำให้ผมรู้สึกว่า Secretary เป็นหนังโรแมนติก-คอมเมดี้ที่น่าดูเอามากๆ เรื่องหนึ่งประจำปีนี้
หนังน่าสนใจตั้งแต่ชื่อเรื่อง Secretary หากเราพิจารณาตามคำศัพท์อย่างผิวเผิน ก็หมายถึง 'เลขานุการ' ที่แต่งตัวสวยนั่งอยู่หน้าห้องผู้บริหาร คอยจัดการเรื่องปลีกย่อยต่างๆ ให้ แต่ถ้าเป็นความหมายในเชิงสังคมวิทยาแล้ว เลขานุการคือตัวแทนหรือส่วนเติมเต็มให้กับผู้เป็นนายจ้างและยังเป็นความสัมพันธ์ระหว่าง 'นาย' กับ 'บ่าว' ที่สามารถอธิบายในเชิงโครงสร้างเชิงอำนาจได้ด้วย
กล่าวคือ นายจ้างสามารถจิกหัวใช้เลขานุการของตัวเองอย่างไรก็ได้ โดยไม่มี 'ตัวกลาง' อย่างหัวหน้าแผนกหรือหัวหน้าฝ่ายคอยเป็นกันชนให้ ดังนั้น หาก 'นาย' ประสงค์สิ่งใด 'บ่าว' อย่างเลขานุการ จำต้องจัดการให้บรรลุประสงค์ของผู้เป็นนาย ชนิดไม่สามารถบิดพลิ้ว
ขณะเดียวกัน ถ้าในเชิงจิตวิทยาแล้ว เจ้านายกับเลขานุการยังเป็นความสัมพันธ์ในลักษณะ 'ซาดิสม์' กับ 'มาโซคิสม์' อีกด้วย เมื่อมีทั้ง 'ผู้กระทำ' และ 'ผู้ถูกกระทำ' (ด้วยความเต็มใจทั้งสองฝ่าย) ซึ่งไม่ต้องอธิบายเพิ่มว่าระหว่างนายกับบ่าว ใครเป็นฝ่ายไหน และหนัง Secretary ดูเหมือนจะมุ่งหน้าให้ความสำคัญกับการอธิบายความสัมพันธ์ในแง่นี้ โดยเผยให้เห็นถึงการค้นหาตัวตนของผู้เป็นนายและบ่าว ว่าแท้จริงแล้ว ตัวเองต้องการสิ่งใดกันแน่ และเมื่อรู้แล้ว ควรจะเผชิญหน้ากับ 'การดำรงอยู่' ของตัวเองอย่างไร
ลี ฮอลโลเวย์ (แม็กกี้ กิลเลนฮาล) สาวจอมเก็บกด ยามใดจิตใจพลุ่งพล่าน เธอมักทำร้ายตัวเองเสมอ ไม่ว่าจะเป็นใช้ของแหลมคมทิ่มร่างกาย ใช้มีดกรีดแขนขาตัวเอง ซึ่งลีตอบไม่ได้เหมือนกันว่าทำไมถึงเป็นเช่นนั้น รู้แต่ว่าหากได้ทำแล้วเธอจะสงบลง
พฤติกรรมแสนประหลาดของลี สร้างความกังวลให้กับผู้เป็นพ่อแม่ เวลาเดียวกันก็กลายเป็นกำแพงปิดกั้นตัวเธอ ทำให้เข้ากับสังคมรอบข้างไม่ค่อยได้ แม้จะพยายามคบ ปีเตอร์ (เจเรมี เดวีส์) เป็นแฟน แต่ลีรู้ดีว่ายังมีบางสิ่งบางอย่างปิดกั้นทั้งสองอยู่
ลีมีความสามารถในการพิมพ์ดีดในระดับสูง ดังนั้น เธอจึงมองหางาน และงานที่น่าจะเหมาะกับเธอ คือเลขานุการ
ที่สำนักงานกฎหมายของ เอ็ดเวิร์ด เกรย์ (เจมส์ สเปเดอร์) ต้องการเลขานุการคนใหม่ ลีจึงไปสมัคร ปรากฏว่าเอ็ดเวิร์ดรับเธอเข้าทำงาน
ครั้งแรกๆ ความสัมพันธ์ของคนทั้งสองเป็นไปอย่างสามัญ เหมือนนายจ้างกับลูกจ้างทั่วไป แต่เมื่อนานวันเข้ามีบางสิ่งบางอย่างที่บอกให้ลีรู้ว่าเธอปรับสายตาให้คุ้นชินกับความมืดมิดในชีวิตของเธอแล้ว เธอตอบตัวเองได้ว่าเธอต้องการสิ่งใด และส่วนเติมเต็มของชีวิตที่หายไปนั้น อยู่ที่ไหน...อยู่ในตัวของเอ็ดเวิร์ดนี่เอง
ใครที่ไม่ค่อยคุ้นกับหนังดรามาจิตวิทยา อาจจะรู้สึกรำคาญเหมือนกำลังนั่งดูชีวิตประหลาดๆ ที่เต็มไปด้วยเหตุผลพิกลพิการของคนสองคน แต่ถ้าอยากจะทำความรู้จักกับอีกด้านมืดอีกด้านหนึ่งในพฤติกรรมมนุษย์ ผมเชื่อว่า Secretary มีความกระจ่างชัดในประเด็นที่กำลังเสนอค่อนข้างมากทีเดียว
อย่างการค้นหาตัวตนนั้น หนังเปิดโอกาสให้คนดูได้ทำความรู้จักกับชีวิตที่ถูกปรุงแต่งหรือเสแสร้งของตัวละครหลักทั้งสองตัวก่อน เช่น ความพยายามของลีที่จะเมคเลิฟอย่างคนสามัญมากที่สุด แต่สุดท้ายก็ไปไม่รอด หรือกรณีของเอ็ดเวิร์ดที่บอกว่า เขาสามารถจัดการกับความอายได้ แต่คำพูดนี้เหมือนกับการวิ่งหนีตัวเอง ซึ่งคำว่า 'การจัดการ' ในความหมายแท้จริง ก็คือการฝืนธรรมชาติ ไม่ยินยอมให้สิ่งใดดำเนินไปอย่างที่ควรจะเป็นนั่นเอง
หลังจากนั้น หนังนำคนดูเข้าสู่กระบวนการของการเรียนรู้ธรรมชาติของตัวเองผ่านฉากสำคัญฉากหนึ่ง เมื่อลีทำงานผิดพลาด พิมพ์ผิดหลายคำ เอ็ดเวิร์ดได้ปลดปล่อยความรู้สึกอันเสมือนสัญชาตญาณที่แท้จริงของตัวเองออกมา โดยการทำโทษลี (ตีก้น) ในฉากนี้นอกจากจะเผยให้เห็นธรรมชาติจริงๆ ของคนสองคนแล้ว ยังถือเป็นฉากอีโรติกที่ทำได้ดีมากๆ ฉากหนึ่งทีเดียว
ช่วงท้ายของหนัง พยายามอธิบายถึงการตาม missing piece หรือชิ้นส่วนที่ขาดหายไปของมนุษย์ โดยที่ลีนั้นเหมือนจะเป็นคนรู้ตัวก่อนว่า เอ็ดเวิร์ดคือ 'คนที่ใช่' ของเธอ แต่ฝ่ายชายกลับฝืน ไม่ยอมรับสิ่งที่ตัวเองเป็น แม้ว่าจิตในเบื้องลึกจะเรียกร้องสักปานใดก็ตาม
สตีเวน เชนเบิร์ก นอกจากจะเขียนบทแล้ว ยังทำหน้าที่กำกับภาพยนตร์ด้วย เขาคนนี้คือผู้กำกับรุ่นใหม่ที่ไม่สนใจระบบสตูดิโอเท่าใดนัก ทำหนังเรื่องนี้ด้วยต้นทุนเพียงน้อยนิด แต่งานที่ออกมาก็พิสูจน์ให้เห็นว่า หากมีความฉลาดและเต็มไปด้วยความคิดสร้างสรรค์อันบรรเจิด ก็สามารถทำหนังทรงคุณค่าได้เหมือนกัน
ความยอดเยี่ยมของ Secretary ผ่านการรับรองจากเทศกาลภาพยนตร์ซันแดนซ์ประจำปี 2002 เรียบร้อยแล้ว เมื่อคว้ารางวัลสูงสุด คือภาพยนตร์ยอดเยี่ยมประจำเทศกาล และช่วงปลายปีที่แล้ว Secretary ก็เป็นงานอีกเรื่องหนึ่งที่นักวิจารณ์เชียร์กันขรมอยากให้ติดเข้าไปเป็นหนึ่งในห้าเรื่องสุดท้ายของออสการ์ หรืออย่างน้อยการแสดงของแมกกี้ กิลเลนฮาล น่าจะได้รับการเหลียวมองบ้าง แต่คำว่า 'หนังฟอร์มเล็ก' จึงถูกเบียด ถูกตัดโอกาสไปอย่างน่าเสียดาย
กิลเลนฮาล นักแสดงจาก Riding in Cars with Boys แสดงเป็นสาวที่ไม่ยอมปิดกั้นธรรมชาติของตัวเองได้อย่างยอดเยี่ยม ตลอดเวลาเกือบสองชั่วโมงที่เธอเป็น 'ลี ฮอลโลเวย์' เราแทบจะไม่เห็นเธอหลุดคาแรกเตอร์ออกมาแม้แต่น้อย ทุกๆ ซ็อตที่แสดงออกมาทำให้เราเชื่อสนิทใจว่า สาวผอมบางร่างโย่งคนนี้ ต้องมีอะไรที่ไม่ธรรมดาแน่ๆ
ฝ่าย เจมส์ สเปเดอร์ ดูเหมือนว่าหนุ่มคนนี้กลายเป็น 'ขาประจำ' ของหนังในกลุ่มวิกลจริตไปเสียแล้ว ไล่ตั้งแต่ Sex Lies and Videotape มาถึง Crash เรายังไม่ค่อยเห็นเขาเป็นคนธรรมดาสามัญเหมือนชาวบ้านเขาแม้แต่ครั้งเดียว ดังนั้น จะว่าไปแล้วในหนังเรื่องนี้สเปเดอร์ให้การแสดงที่อยู่ในมาตรฐานของตัวเอง ก็คงไม่ผิดนัก
บทสรุปสุดท้ายของ Secretary ให้คำตอบแก่คนดูอย่างที่ควรจะเป็น ว่า 'การเข้าคู่กัน' นั้น จำเป็นเพียงใด แต่จุดใหญ่ใจความน่าจะอยู่ที่เรารู้จักตัวเองดีเพียงใด-มากกว่า
จาก เนชั่นสุดสัปดาห์ http://www.bangkokbiznews.com/weekend/20030702/weh14.shtml
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google+ หรือ Facebook ก็ได้
Facebook | Google+
advertisement
วันนี้ในอดีต
เด็กหอเข้าฉายปี 2006 แสดง จินตหรา สุขพัฒน์, ชาลี ไตรรัตน์, ศิรชัช เจียรถาวร
Constantineเข้าฉายปี 2005 แสดง Keanu Reeves, Rachel Weisz, Shia LaBeouf
Million Dollar Babyเข้าฉายปี 2005 แสดง Clint Eastwood, Hilary Swank, Morgan Freeman