วิจารณ์ The Hours
-
Keir@_{L&O}
(ไม่ได้เป็นสมาชิก)
เมื่อ 27 มี.ค. 50 20:42
ซื้อ DVD มาดูงงมากมาย เข้าใจตอนหลังนิดนึงตรงที่แม่ของริชาร์ดมาหา เมอรีล สตีฟ ที่บ้าน เลยเข้าใจว่ามันเกี่ยวโยงกันยังไง ปัญหาของทั้ง 3 สาว แล้วก็ความคิดที่ว่าด้วยการฆ่าตัวตาย แต่โดยรวมแล้วก็งงอยู่ดี - -"
-
รามิ
(ไม่ได้เป็นสมาชิก)
เมื่อ 10 ส.ค. 49 17:47
หนังดีมากๆ งดงามมาก ดูแล้วต้องเก็บไปคิดจนนอนไม่หลับ
-
อาท
(ไม่ได้เป็นสมาชิก)
เมื่อ 28 ส.ค. 47 13:32
อาจจะเป็นแค่การแสดง1ใน3ของเรื่อง แต่ถ้าไม่ได้ผู้หญิงที่ชื่อนิโคล คิดแมน หนังเรื่องนี้ก็จะด้อยค่าลงไปทันที
-
ชนิสร
(ไม่ได้เป็นสมาชิก)
เมื่อ 1 เม.ย. 46 13:46
เนื้อเรื่องดูแล้วไม่เข้าใจ สรุปได้เพียงอย่างเดียวคือเป็นหนังเกี่ยวกับการตัดสินใจครั้งสำคัญในช่วงชีวิตหนึ่งของผู้หญิงสามคน แต่ที่ขอชื่นชมคือการเล่าเรื่องที่น่าสนใจ และการแสดงที่ต้องปรบมือให้ของนักแสดงนำและสมทบทุกคน โดยเฉพาะนิโคล คิดแมน และจูลิแอนน์ มัวร์
-
Ngong
(ไม่ได้เป็นสมาชิก)
เมื่อ 30 มี.ค. 46 15:15
จากความทุ่มเทและฝีมือในการแสดงที่ดีวันดีคืน ภายใต้ช่วงเวลาที่อ่อนแอของชีวิต ทำให้ นิโคล คิดแมน กุมหัวใจของคอภาพยนตร์ได้มากมาย โดยเฉพาะเมื่อมี จูลี่แอนน์ มัวร์, เมอรีล สตรีพ, เอ๊ด แฮร์ริส, จอห์น ซี.ไรลีย์, แคลร์ เดนส์ ฯลฯ ร่วมแสดงด้วย ภายใต้การกำกับของ สตีเฟน ดัลดรี ผู้กำกับภาพยนตร์ Billy Elliot ซึ่งเป็น 1 ในภาพยนตร์ SZ Movie Preview และเข้าชิงออสการ์มาแล้วถึง 3 สาขาในปี ค.ศ. 2001 ทำให้ The Hours ได้รับความสนใจจากคอภาพยนตร์เป็นจำนวนไม่น้อย
โครงเรื่องของ The Hours ดัดแปลงจากนวนิยายรางวัลพูลิตเซอร์ของ ไมเคิล คันนิ่งแฮม โดย เดวิด แฮร์ เรื่องราวของผู้หญิง 3 คน 3 ช่วงเวลา ซึ่งมีความเกี่ยวพันกันด้วยนวนิยายเรื่อง Mrs. Dalloway ความเหมือนกันในความแตกต่างของช่วงเวลา คือการถ่ายทอดถึงความทุกข์ของการดำรงอยู่ ที่ส่งผลกระทบต่อบุคคลรอบข้างอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
การร้อยรอยต่อของเวลาด้วยกริยาต่างๆ ของตัวละคร เช่น การซื้อดอกไม้ การล้างหน้า ทำได้สวยงาม แต่ต้องเข้าใจว่าภาพยนตร์ที่ออสการ์ชอบ มักจะเป็นภาพยนตร์ที่ดูด้วยความรู้สึกสัมผัสอย่างเป็นจริง มากกว่าที่จะใช้เหตุผลเดิมๆ ในการติดตาม จึงมีหลายๆ ฉากที่ดูแล้วจะไม่เข้าใจว่าทำไมถึงเป็นแบบนั้น และทำไมถึงต้องหยิบยกเอาประเด็นของการฆ่าตัวตาย การทอดทิ้งครอบครัว และการเป็นเลสเบี้ยน มานำเสนอ
นิโคล คิดแมน ดาราสาวพราวเสน่ห์ที่ล้างภาพลักษณ์ของตัวเอง ด้วยการเสริมแต่งจมูก ผมเผ้ากระเซิง และเสื้อผ้าเชยๆ (ยกเว้นรอยยิ้มหวานๆ นี่แหละ นิโคล แน่นอน!) ถือว่าเป็นการปลดปล่อยในรูปแบบหนึ่ง ที่ทำให้เธอสามารถแสดงออกมาได้อย่างเต็มที่ แม้ว่าบทบาทของ นิโคล จะมีไม่มากนัก (ไม่ถึง 1 ใน 3 ของเรื่อง) แต่ทั้งแววตาและท่าทางทำให้รู้สึกได้ถึงพลังและความเศร้าที่มีอยู่ในตัว เวอร์จิเนีย วูล์ฟ ได้อย่างไม่น่าเชื่อ จึงไม่น่าแปลกใจที่เรื่องนี้จะทำให้เธอคว้าออสการ์มาได้
หากคุณต้องการชมภาพยนตร์ดีๆ สักเรื่องหนึ่งที่หาดูไม่ได้ง่ายนัก กับคำพูดที่เฉียมคมบาดลึก พร้อมกับการแสดงของดาราคุณภาพที่ยกขบวนกันมา (นอกจาก นิโคล คิดแมน อีกคนที่น่าจับตา คือ เอ๊ด แฮร์ริส กับบทบาทของชายผู้มีอาการเจ็บป่วยทางกายขั้นรุนแรง แต่อาการเจ็บป่วยทางใจนั้นรุนแรงซะยิ่งกว่า ดูแล้วจะรู้สึกสะท้อนใจหดหู่ใจอย่างบอกไม่ถูก) ภาพยนตร์เรื่องนี้ก็พร้อมที่จะให้คุณดื่มด่ำกับความรู้สึกเหล่านั้น
แต่ถ้าคุณเป็นคนที่ชอบภาพยนตร์ที่ดูง่ายๆ ไม่ต้องทำความเข้าใจอะไรมาก ก็ขอแนะนำให้ละความพยายามที่จะไปดูเรื่องนี้ มิฉะนั้น อาจจะเดินออกจากโรงภาพยนตร์ด้วยอาการมึนตึ้บ เพราะภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นศิลปะในการตีความมนุษย์อย่างแท้จริง -
เอก
(ไม่ได้เป็นสมาชิก)
เมื่อ 27 มี.ค. 46 19:20
เป็นหนังที่ดีมากเรื่องนึงครับผมได้ดูหนังที่ผู้แสดงฝ่ายหญิงเข้าชิงเกือบหมดยกเว้นจูเลี่ยนมัวว์คนเดียวโดยส่วนตัวผมว่านิโคลไม่เหมาะกับออสการ์เลยไดแอนเลนแสดงได้ดีกว่ามากครับ
-
Neung
(ไม่ได้เป็นสมาชิก)
เมื่อ 23 มี.ค. 46 19:37
ยังไม่ได้ดูเรื่องนี้เลยครับ แต่คิดว่าจะต้องไปดูให้ได้เลย เพราะว่าเป็นเรื่องที่รอมานานแล้ว ตั้งแต่ได้ยินข่าวว่านิโคล รับแสดงเรื่องนี้ โดยส่วนตัว ผมชอบนิโคลเอามากๆเลย เธอเป็นคนที่ทั้งสวย ทั้งฉลาดและที่สำคัญเธอเป็นคนที่แสดงหนังเป็นและแสดงได้ดีมากๆ ออสการ์ปีนี้ผมก็กำลังลุ้นให้นิโคลได้ครองคุณลุงออสการ์ด้วยครับ
-
ณธร
(ไม่ได้เป็นสมาชิก)
เมื่อ 18 มี.ค. 46 19:02
ผมได้ดูหนังเรื่องนี้แล้ว ที่ Major Ratchayothin ในเทศกาลหนังออสการ์ เมื่อวันที่ 16 มีนาคม รอบ 20.00น. โดยหนังเรื่องนี้ เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับผู้หญิง 3 คน ในช่วงระยะเวลาที่ต่างกัน โดยหนังได้พูดถึงเกี่ยวกับการฆ่าตัวตายเป็นประเด็นหลัก การพยายามหาทางออกให้กับชีวิต คนดูจะเข้าใจว่าทำไมคนเราถึงทำเช่นนั้น เพราะแต่ละคนจะมีทางออกให้กับตัวเองที่ไม่เหมือนกัน ที่สำคัญ นิโคล คิดแมน แสดงอาการของคนที่มีปัญหาทางจิตได้แนบเนียนมาก ส่วนนักแสดง 2 คนที่เหลือ อันได้แก่ จูลี่แอนด์ มัวร์ และ เมอรีล สตรีฟ ต่างก็แสดงบทบาทได้เยี่ยมไม่แพ้กัน หนังแสดงให้เห็นถึงสภาพของแต่ละคนได้เป็นอย่างดี ที่สำคัญคือ ปัญหาทางด้านรักร่วมเพศ ไม่ว่าในยุคในสมัยใดก็ตาม ก็มีปัญหาอย่างนี้เกิดขึ้น กล่าวโดยรวม หนังคงแสดงความเป็น ดราม่า ได้มาก ไม่น่าแปลกใจว่า ทำไมถึงได้เข้าชิงรางวัลออสการ์ ในฐานะภาพยนตร์ยอดเยี่ยม
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google+ หรือ Facebook ก็ได้
Facebook | Google+
advertisement
วันนี้ในอดีต
- Sherlock Holmes: A Game of Shadowsเข้าฉายปี 2011 แสดง Robert Downey Jr., Jude Law, Noomi Rapace
- โลกทั้งใบให้นายคนเดียวเข้าฉายปี 1995 แสดง สมชาย เข็มกลัด , ปราโมทย์ แสงศร , สุทธิดา เกษมสันต์ ณ อยุธยา
- Arthur Christmasเข้าฉายปี 2011 แสดง James McAvoy, Jim Broadbent, Bill Nighy
เกร็ดภาพยนตร์
- Badlapur - เป็นภาพยนตร์ที่ไม่ใช่แนวตลกเรื่องแรกที่ วรุณ ธาวาน ผู้รับบท รักฮาฟ แสดง อ่านต่อ»
- Chappie - ชาร์ลโต คอปลีย์ ผู้รับบท แชปปี้ กับผู้กำกับ นีลล์ บลอมแคมป์ เรียนโรงเรียนเดียวกันสมัยมัธยมศึกษา ทั้งคู่เป็นเพื่อนสนิทกัน ชาร์ลโต จึงร่วมแสดงในภาพยนตร์ทุกเรื่องที่ นีลล์ กำกับก่อนหน้านี้ ได้แก่ District 9 (2009) และ Elysium (2013) อ่านต่อ»
เปิดกรุภาพยนตร์
I Am Woman เรื่องราวชีวประวัติของ เฮเลน เรดดี (ทิลดา คอปแฮม-ฮาร์วีย์) นักร้องนักแต่งเพลงหญิงที่ขับเคลื่อนพลังสตรีนิยมในช่วง 1970 อ...อ่านต่อ»