วิจารณ์ One Fine Spring Day
-
roger
(ไม่ได้เป็นสมาชิก)
เมื่อ 29 ธ.ค. 48 13:27
คำเตือน: บางส่วนของคำวิจารณ์นี้เหมาะกับผู้ที่ชมภาพยนตร์เรื่องนี้แล้วเท่านั้น หนังเรื่องนี้ผมตั้งใจซื้อเพราะผมชื่นชอบในตัวนางเอกเป็นการส่วนตัวจริงๆ
ก่อนที่ผมจะเริ่มดู (ยังไม่ได้อ่านเรื่องย่อหลังปก) ผมคิดว่าเรื่องนี้คงเป็นหนังรักโรแมนติกเพราะหน้าปกมันดูหวานเหลือเกิน
การดำเนินเรื่องสำหรับผู้ที่ชอบดูภาพยนตร์เกาหลีอย่างเข้าเส้นแล้วละก็ ถือว่าหนังเรื่องนี้ดำเนินเรื่องไม่ช้าเท่าไรนัก เพราะผมคิดว่าผู้กำกับเองต้องการแสดงให้เห็นถึงอารมณ์ของคู่รัก ส่วนตัวแล้วผมคิดว่ามันทำได้ดีมาก ตรงที่ชีวิตจริงคู่รักที่ผูกพันไม่จำเป็นต้องอาศัยคำพูดมากมาย เพียงแค่แสดงออกทางการกระทำหรือบางทีอาจจะนิ่งไปเฉยๆ ก็ทำให้รู้สึกถึงอารมณ์ได้ชัดเจนขึ้นเข้าไปอีก
ส่วนเนื้อเรื่องนั้นผมเห็นด้วยกับหลาย ๆ ท่านว่าพระเอก กับ นางเอก มองความรักในมุมที่ต่างกัน ตอนแรกผมคิดว่านางเอกเป็นคนที่ใจร้ายมากๆ แต่พอมาอ่านบทวิจารณ์แล้วทำให้ผมมองเธอในอีกมุมหนึ่ง ในฐานะของนักแสดงผมคิดว่า ลี ยอง เอ เธอแสดงได้เลือดเย็นถึงใจยิ่งนัก ทำเอาผมต้องสงสารพระเอกซึ่งเป็นคนที่ sensitive พระเอกเป็นคนที่ไม่เคยมีความรักมาก่อนเลยอาจทำให้เขาแสดงความรักออกมาเหมือนความรักของวัยรุ่น ซึ่งอาจไม่ตรงกับความคิดของนางเอก ซึ่งเมื่อเธอได้เจอคนที่ใช่กว่าพระเอก เธอจึงจำใจต้องไปจากเขา.... -
G.F.
(ไม่ได้เป็นสมาชิก)
เมื่อ 11 ต.ค. 47 14:50
เพิ่งจะได้ดูจบไปเมื่อกี้ ^^ ยอมรับมาวางทิ้งกองไว้ที่ห้องนานมากจนฝุ่นเกาะ
ซื้อมาเพราะ เห็นเขียนไว้บนปกว่า Best Artistic Contribution.
Tokyo Film Festival 2002
บวกกับความที่ชอบหนังเกาหลีเลยหยิบมาก่อน ดูทีหลัง
หลังจากได้ดูแล้ว เป็นอย่างที่ทีมงานวิจารณ์น่ะคะ
เรื่องนี้ค่อนข้างจะมีบทพูดน้อย.. แต่อิ่มไปด้วยความรู้สึก
อาชีพของพระเอกนี่สำคัญทีเดียว
ทำให้ได้ฟังเสียงธรรมชาติต่างๆ
ขนาดเราฟังยังหวิวๆเลย ไม่น่าแปลกที่นางเอกเราจะหวิวๆไปด้วย
คนเราเติบโตมาต่างกัน ...เรียนรู้ที่จะรักต่างกัน...
สุดท้าย เลือกที่จะจำต่างกัน -
^ CaT ^
(ไม่ได้เป็นสมาชิก)
เมื่อ 3 ก.พ. 46 20:06
ขอเป็นอีกความคิดหนึ่งนะคะ
One fine spring day เป็นหนังที่ให้อีกมุมมองหนึ่งของความรัก เป็นเรื่องราวที่สะท้อนความเป็นจริงที่เกิดขึ้นได้อย่างละเอียดอ่อนสำหรับความรักที่ไม่สมหวัง ความรักของฝ่ายหนึ่งที่เรียกได้ว่าเป็นรักชั่วชีวิต กับความรักของอีกฝ่ายหนึ่งที่เป็นเพียงความรักชั่วข้ามคืน เข้าใจว่าตรงใจกับใครหลายๆคนได้เคยประสบเหตุการณ์อย่างนี้มากก่อนได้เป็นอย่างดี
ความอบอุ่นของหนังเรื่องนี้ ก็คงจะไม่พ้นอาชีพของพระเอก อาชีพการบันทึกเสียงธรรมชาติ ตามสถานที่ต่างๆ ไม่ว่า เสียงต้นไม้ ลม น้ำ ตลอดจน ความน่ารักของนางเอก ที่ชอบแสดงความรัก โดยการกอดพระเอก ประมาณว่าดูเรื่องนี้จบใครหลายๆคนคงอยากหันไปแอบกอดคนรักแน่นๆสักที ...
ไม่แน่ใจว่ารู้สึกตรงข้ามเกินไปหรือเปล่า แต่มีความคิดเห็นว่าภาพทิวทัศน์ต่างๆ ยังไม่สวยเท่าไหร่นัก ส่วนเสียงแน่นอนเพราะอาชีพของพระเอกเราจึงได้ยินเสียงธรรมชาติต่างๆ ประมาณว่าหลับตาก็สามารถสัมผัสได้ อย่างไรก็ตามเนื่องจากว่าหนังเรื่องนี้มีฉายอยู่ที่เดียวเลยต้องผิดหวังที่จะได้ยินเสียงออกมาไม่เต็มเสียงหลายครั้งด้วยกัน ทำลายบรรยากาศไปพอสมควร รวมถึงสีของภาพก็ไม่ค่อยสวย ตลอดจนการเปลี่ยนฉากก็รู้สึกติดขัดหลายๆครั้ง
นอกจากนี้การดำเนินเรื่องราวๆ ที่เอื่อยๆ บทสนทนาที่ไม่มีมากนัก ทำให้ความรู้สึกไปกับหนังลดน้อยลง คือจะไม่ทำให้น่ารักจนเรายิ้มออกมา หรือทำให้เราเศร้าจนเราร้องไห้ เพราะไปไปมามาสมองใช้งานในการตีความมากกว่า ...
สุดท้ายก็ขอฝากถึงใครหลายๆคนอย่าเป็นอย่างนางเอกนะคะ สงสารอีกฝ่ายค่ะ :) -
Ngong
(ไม่ได้เป็นสมาชิก)
เมื่อ 31 ม.ค. 46 14:27
ภาพยนตร์ในโครงการ The Little Big Films Project ครั้งที่ 6 จากผลงานการกำกับของ Hur Jin-ho ซึ่งเคยฝากผลงานภาพยนตร์มาแล้วในเรื่อง Christmas in August สำหรับคนที่ติดตามผลงานของ Hur Jin-ho มาบ้าง ก็คงจะทราบว่า Hur Jin-ho มักจะเน้นศิลปะ ความสวยงาม และอารมณ์ ในการถ่ายทอดภาพยนตร์ เช่นเดียวกับที่จะได้พบเห็นในเรื่อง One Fine Spring Day
เรื่องราวของหนุ่มนักบันทึกเสียง ซางวู ที่จะต้องมาทำงานร่วมกับสาวนักจัดรายการวิทยุ อุนซู กับความผูกพันที่เกิดขึ้นภายใต้บรรยากาศดีๆ ของฤดูใบไม้ผลิ โครงเรื่องหลักๆ ของภาพยนตร์ ไม่มีอะไรมากไปกว่าการแสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ของหนุ่มสาวคู่นี้ ที่เปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา โดยอาศัยฤดูกาลเป็นสัญลักษณ์
การที่บทสนทนาของเรื่องนี้มีไม่มากนัก บวกกับการดำเนินเรื่องแบบเอื่อยๆ อาจทำให้ใครบางคนรู้สึกเบื่อขึ้นมาได้ อย่างไรก็ตาม ภาพทิวทัศน์สวยๆ บวกกับบทบาทของนักแสดง โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักแสดงนำชาย Yu Ji-tae ผู้รับบท ซางวู ก็อาจทำให้ใครบางคนรู้สึกประทับใจได้เหมือนกัน
หากจะเปรียบ อุนซู เป็นภาพสะท้อนของคนที่เคยเจ็บช้ำในความรักมาก่อน ซางวู ก็คงจะเป็นภาพสะท้อนของคนที่ยังไม่เคยมีความรักเลย แน่นอนว่ามุมมองความรักของคนสองฝ่ายย่อมไม่เหมือนกัน และเมื่อถึงจุดๆ หนึ่งที่ความรักเดินทางมาถึงอนาคต ช่องว่างระหว่างทั้งคู่ก็จะมากขึ้นตามไปด้วย การอยู่รอดของความรัก จึงขึ้นอยู่กับเขาและเธอว่าจะทำอย่างไรเพื่อเชื่อมความแตกต่างดังกล่าวให้เข้ากันได้
เสน่ห์ของภาพยนตร์รักที่อยู่บนพื้นฐานของความจริงเรื่องนี้ จึงอยู่ที่การตีความจากมุมมองความรักของแต่ละคน ที่อาจทำให้เกิดความรู้สึก เข้าใจและสงสัย รักและสงสาร ไปพร้อมๆ กัน -
jr
(ไม่ได้เป็นสมาชิก)
เมื่อ 29 ม.ค. 46 20:26
ปกติหนังเกาหลีหลายๆเรื่องผมจะไม่ชอบเพราะเรื่องจะช้าและอืด แต่สำหรับเรื่องนี้ผมกับชอบ เพราะการดำเนินเรื่องไม่ช้า และเพลงประกอบทำได้ดีมากเลย และก็ภาพสวย เนื้อเรื่องมันตรงกับผม เลยทำให้อินกับเรื่องนี้ ทำให้ผมเกิดภาพของเหตุการณ์ที่อกหักนั้นมันลอยขึ้นมาอีกครั้ง เหมือนมันพึ่งจะเกิดขึ้นกับผมเมื่อหนังจบ เรื่องนี้เมื่อผมดูจบผมให้นิยามไว้เลยว่า <b>เรื่องของผู้หญิงใจร้าย</b> แต่จะให้มองอีกมุมอาจจะเป็นเพราะพระเอกนั้นไม่รู้จักตัวตนของนางเอกที่แท้จริงเลยไม่เข้าใจในเรื่องของความรักที่ผู้หญิงต้องการก็ได้ครับ
-
ars
(ไม่ได้เป็นสมาชิก)
เมื่อ 28 ม.ค. 46 08:29
เรื่องนี้ผมให้ 11/10 ครับ หาดูได้ที่ลิโด้ เพียงแห่งเดียวครับ
-
oui
(ไม่ได้เป็นสมาชิก)
เมื่อ 27 ม.ค. 46 15:40
เราจะสามารถดูหนังเรื่องนี้ได้ยังไง ที่ไหน เมื่อไหร่ ช่วยบอกหน่อย อยากดูมาก ขอบคุณ
-
maxdamon
(ไม่ได้เป็นสมาชิก)
เมื่อ 21 ม.ค. 46 11:49
ไม่อยากเชื่อก็ต้องเชื่อว่า หนังเรื่องนี้คือหนังเกาหลีที่ดีที่สุดเท่าที่ผมเคยดูมาก
One fine spring day เป็นผลงานของ3สตูดิโอจาก3ประเทศคือ เกาหลี ญี่ปุ่น และ ฮ่องกง ไม่ต้องแปลกใจเลยที่หนังเรื่องนี้จะได้รับรางวี่รางวัลจากเทศกาลหนังตั้งหลายที่ ขนาดตอนที่หนังเรื่องนี้จะเข้ามาฉายในบ้านเรา ผู้กำกับคนเก่ง เฮอ จิน โฮ ก็เดินทางมาเปิดตัวภาพยนตร์เรื่องนี้ด้วยตนเอง
One fine spring day เล่าถึงความสัมพันธ์ของหนุ่มสาวคู่หนึ่ง ซังวู และ อุนซู ฝ่ายแรก เป็นช่างบันทึกเสียงธรรมชาติ ส่วนฝ่ายหลังเป็นดีเจคลื่นวิทยุชื่อดัง ความรักอันอ่อนละไมค่อยๆเกิดขึ้นกับทั้ง2ขณะที่ทั้ง2ต้องมาทำงานร่วมกัน แต่แล้วไม่นานความรักของทั้ง2ก็เริ่มร้าวราน อุนซู เป็นฝ่ายขอเลิก เธอไม่ต้องการเจอ ซังวู อีก มีรึซังวูจะทนได้ เขาจึงต้องพยายามทุกวิถีทาง เพื่อให้ อุนซู กลับมาเป็นที่รักของเขาดังเดิม แต่มันไม่ง่ายอย่างนั้นสิ........
แม้หนังจะค่อยๆบอกเล่าเรื่องราว แต่ก็ไม่ทำให้หนังน่าเบื่อเลยสักนิด ด้วยรายละเอียดที่พิถีพิถันของหนังเรื่องนี้ ส่งผลให้หนังมีดีกรีความน่าสนใจเพิ่มมากขึ้น อย่างมาก โดยเฉพาะฉากที่ทั้งคู่ต้องฟังเสียงจากต้นหญ้า หรือ น้ำตก มันให้ความรู้สึก หวิวๆอย่างบอกไม่ถูก ทั้งๆทั้งคู่ออกจะรักกันปานจะกลืน แต่ก็กลัวที่ทั้งคู่จะต้องแยกทางกัน แต่แล้วมันก็เป็นจริงที่ทั้งคู่ต้องแยกทางกัน อุนซู เธอกลัวการผูกมัด แม้ว่าเธอรู้อยู่เต็มอกว่าเธอรัก ซังวูมากขนาดไหนก็ตาม
อีกสิ่งหนึ่งก็คือความฉลาดของคนเขียนบทที่ให้พระเอกของเรา เป็นช่างบันทึกเสียงธรรมชาติ ดังนั้นฉากต่างๆที่ทั้งคู่ได้อยู่ด้วยกัน มันให้ความรู้สึกที่อบอุ่นมากๆ โดยเฉพาะฉากจบ ที่บอกเป็นนัยๆว่า คนเราจะมีความสุขได้ ก็เพียงแค่ ทำอะไรตามที่ใจเราชอบ ไม่เดือดร้อนใคร แค่นี้ก็สุขเกินพอแล้ว
ไม่รู้จะบอกยังไงแล้วว่าเรื่องนี้ดีขนาดไหน ต้องไปพิสูจน์เองดีกว่า แต่เรื่องนี้ฉายใน LITTLE BIG PROJECT FILM น่ะ เพราะฉะนั้น เชครอบให้ดี ใครที่เป็นคอหนังคุณภาพ พลาดละก็เสียดายไปตลอดชีวิตแน่
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google+ หรือ Facebook ก็ได้
Facebook | Google+
advertisement
วันนี้ในอดีต
- เก๋า..เก๋าเข้าฉายปี 2006 แสดง อภิสิทธิ์ โอภาสเอี่ยมลิขิต, ปิยะ ศาสตรวาหา, จักรพงศ์ สิริริน
- The Parkเข้าฉายปี 2003 แสดง แมทธิว ดีน, เฌอมาลย์ บุญยศักดิ์, ภูเบศร์ มากะนิตย์
- A Bug's Lifeเข้าฉายปี 1998 แสดง Dave Foley, Kevin Spacey, Julia Louis-Dreyfus
เกร็ดภาพยนตร์
- Cinderella - ชุดราตรีที่ ซินเดอเรลลา รับบทโดย ลิลี เจมส์ สวมไปงานเต้นรำ ตัดเย็บจากผ้ายาวกว่า 270 หลา ด้ายยาวกว่า 3 ไมล์ และคริสตัลจากสวารอฟสกีกว่า 10,000 เม็ด อ่านต่อ»
- Everly - เดิมที เคต ฮัดสัน ถูกวางตัวให้แสดงบท เอเวอร์ลี แต่ภาพยนตร์อยู่ในขั้นตอนพัฒนาเรื่องนานจน เคต ถอนตัว และภายหลัง ซัลมา ฮาเยก จึงเข้ามารับบทแทน อ่านต่อ»
เปิดกรุภาพยนตร์
Manikarnika: The Queen of Jhansi เรื่องราวของ รานี ลักษมีไพ หนึ่งในบุคคลสำคัญของการก่อกบฏของอินเดียในปี 1857 และการต่อต้านของเธอต่อราชวงศ์อังกฤษ...อ่านต่อ»