การเดินทางของหนังสือเล่มนี้
ทำให้เราได้พบกับคนที่เรารักและรักเราอย่างมากมาย

คืองี้นะคะ
ย้อนกลับไปเมื่อ3ปีที่แล้วเนี่ย
ช่วงนั้นเป็นช่วงชีวิตที่จังไร บัดซบมากค่ะ
ไม่รู้จะเยียวยาตัวเองอย่างไรจึงเริ่มเขียน
ซึ่งจริงๆความฝันสูงสุดในชีวิตข้อหนึ่งก็คือ อยากมีหนังสือเป็นของตัวเองสักเล่ม
แต่ก็บอกตามตรงว่าตอนที่เขียนครั้งแรก ไม่ได้คาดหวังอะไรเลย
หวังแค่ได้เขียน และมีคนอ่านที่เข้าใจ
จนเจอรอยต่อของอาชีพ จากนักแสดงที่มาทำงานเขียน
การเขียนแรกๆ คนเข้ามาปลอบใจเยอะเลย ขอบคุณนะคะ
ชาถนัดเขียนเรื่องเศร้ามากกว่าเรื่องสุข
แทบไม่เคยเขียนเรื่องสุขเลย
คนก็เข้ามาปลอบใจกันเต็มโข ซึ่งชาเองก็ซาบซึ้งใจมากจริงๆนะ

แต่ก็คิดว่า จะทำอย่างไรให้คนเห็นผลงานชาเป็นมากกว่าสเตตัสพ่นบ่นความรู้สึก
จนได้ให้คำตอบกับตัวเองว่า ไม่มีสิ่งไหนที่จะไม่สำเร็จ หากเราไม่หยุดทำ
และมีความเชื่ออยู่เสมอ ว่าตัวเองเกิดมาเพื่อบอกเล่าเรื่องราวต่างๆผ่านสายตาที่มี
จนมาวันนี้ มีหนังสือแล้วนะ 555555555
ขอโทษทีเผอิญหัวเราะทีหลัง มันเลยยาวหน่อย

แต่สิ่งที่ดีใจที่สุดไม่คงไม่ใช่หนังสือ
แต่คงเป็นเรื่องราวมายมากระหว่างสรรค์สร้างมันขึ้นมา
ความทรงจำ ประสบการณ์ มิตรภาพดีดี
ความรัก ความตาย ดนตรี ศิลปะ และ ผู้คน
คิดว่าชีวิตนี้คงไม่ได้มีหนังสือสักเล่มอย่างที่เคยฝัน
แต่คงมีอีกหลายเล่มมากกว่าที่เคยคิด

นอกจากหัวและใจของตัวเองแล้ว
คนที่อยากขอบคุณมากกว่าคือ @zung_kidakarn
ขอบคุณนะคะพี่ ดนตรีของพี่ ทำให้หนังสือเล่มนี้อ่านแล้วฟังดูมีความหวัง ❤️

สุดท้ายนี้ อยากขอขอบคุณคุณบุ๊ค @biblion และ คุณเก็ท บก. มากๆค่ะ
เรื่องที่แล้ว ขออนุญาตให้แล้วกันไปนะคะ 55🙏🏻😅
ยินดีที่ได้ร่วมงานเสมอค่ะ

และขอบคุณทุกคนที่ร่วงหล่นไปตามเวลา
จนทำให้หนังสือเล่มนี้เกิดขึ้นมา

“แล้วพรุ่งนี้ความเศร้า จะเบากว่าเมื่อวาน”
วางขายแล้ววันพรุ่งนี้ 18 มีนา 68
ที่ร้านหนังสือชั้นนำทั่วประเทศไทยค่ะ