
มีคำถามเข้ามาพอสมควรค่ะว่าทริปนี้ที่ได้มาฝรั่งเศสกับ CHANEL คือมาดูอะไรกันแน่ ดอกคามิลเลียนี่มีไว้ทำอะไร ทำน้ำหอมรึเปล่า? ไม่ใช่น้ำหอมค่ะ แต่เป็นสกินแคร์ที่เคยรีวิวไปแล้วและใช้ต่อเนื่องมานานอย่าง N°1 DE CHANEL ค่ะ
ในปี 1998 CHANEL ก่อตั้งศูนย์ปฏิบัติการกลางแจ้งในเมืองโกฌักค์ ซึ่งอยู่ทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ของฝรั่งเศส เพื่อการศึกษาวิจัยดอกคามิลเลียหลากหลายสายพันธุ์จากทั่วโลก โมเมก็เพิ่งรู้ว่าคามิลเลียเนี่ย มีกว่า 2000 สายพันธุ์เลยนะคะ ที่นี่มีพื้นที่กว่า 40 เฮกตาร์ที่ปลูกดอกคามิลเลียเป็นหลัก โดยดำเนินงานตามหลักเกษตรเชิงนิเวศและวนเกษตรเพื่อรักษาความหลากหลายทางชีวภาพในท้องถิ่น ซึ่งเค้าทำได้ดีมากๆ จนแม้กระทั่งผีเสื้อชนิดหนึ่งที่สูญพันธุ์ไปแล้ว ยังสามารถกลับมาใหม่ได้เลยค่ะ
นอกจากจะปลูกและเฝ้าสังเกตการณ์ดอกคามิลเลียแล้ว ที่นี่ยังเป็นจุดเริ่มต้นของนวัตกรรมส่วนผสมที่เกิดขึ้นจากดอกไม้ที่เป็นสัญลักษณ์ของแบรนด์ ตั้งแต่ออยล์ เซราไมด์ น้ำ สารสกัดจากยีสต์ และสารสกัดอื่นๆ ทั้งยังเป็นสถานที่ซึ่งทีมวิจัยได้ค้นพบบทบาทสำคัญของดอกคามิลเลียในการมุ่งจัดการกับความชราภาพ กลไกหนึ่งที่อยู่เบื้องหลังความร่วงโรยของผิวอีกด้วย
ดอกคามิลเลียสีแดงที่เป็นหัวใจหลักของไลน์ N°1 DE CHANEL คือสายพันธุ์ ‘เดอะซาร์’ ซี่งอุดมไปด้วยกรดโปรโตคาเทชูอิก โมเลกุลในกลุ่มสารโพลีฟีนอลที่มีคุณบัติแอนตี้ออกซิแดนท์ที่มีประสิทธิภาพ
การได้เดินทางโดยรถไฟเพื่อลด carbon footprint ได้มาเห็นดอกคามิลเลียสดๆ ได้เรียนรู้วิธีการในการเพาะปลูก ดูแลดอกคามิลเลียอย่างละเอียดที่โกฌักค์คราวนี้ ทำให้โมเมได้รู้ว่า CHANEL ไม่ได้ให้ความสำคัญกับแค่การทำผลิตภัณฑ์ดีๆออกมาเท่านั้น แต่เค้าใส่ใจไปถึงที่มาของส่วนประกอบในผลิตภัณฑ์ที่ต้องมีประสิทธิภาพจริงๆ อีกทั้งยังไม่ทำลายสิ่งแวดล้อมด้วยค่ะ
ไว้รอดู vlog จากการเดินทางครั้งนี้ได้เร็วๆนี้นะคะ
#CHANELSkincare #CHANELCamelliaExpert
@chanel.beauty
#dailycherieonthego