ปีที่41
เราไม่ใช่คนหน้าใหม่สำหรับการออฟยาซึมเศร้า แต่หยุดคราวนี้ก็ยอมรับว่าเป็นการตัดสินใจที่เสี่ยงจะไปไม่รอดมากๆ ทั้งสภาพรอบตัว น้องๆที่อยู่ในเรือนจำ ภาวะโรคระบาด ภาวะส่วนตัวคดีความ มีเรื่องที่ไม่อยากพูด และพูดไม่ได้เยอะเกินไป เพราะแค่เผลอโพสว่าเลี้ยงข้าวนั่นนี่ก็โดนฟ้อง116แล้ว (ฮาแหละ ฮาได้อยู่)การเงินส่วนตัวที่เรียกได้ว่าพินาศสิ้น ตอนขายรถนี่ฝันถึงแม่เลยว่าโดนด่า ><
การออฟยามันเหมือนว่ายน้ำมาแบบมีชูชีพแล้วอยู่ๆโดนดึงออกน่ะ คือว่ายได้ไหม - ได้สิ อยู่ๆเราไม่ลืมวิธีว่ายน้ำ(หรือในที่นี้คือการใช้ชีวิต/มารยาทสังคม)หรอก แต่มั่นใจไหมว่าจะรอด - คำตอบคือไม่เลย ไม่มั่นใจสักนิด ปกติเรารู้ว่ายาจะช่วยหยุดได้ ไม่ให้มันไปไกลกว่าที่ควรจะเป็น แต่พอไม่มีชูชีพแล้ว เราเลยต้องพยายามจัดการอะไรที่พอทำได้อย่างบรรจงมาก กรองทุกอย่างออกไปห่างๆ แทบไม่อ่านหนังสือใหม่ๆเลย เพราะรับอะไรเข้ามาถ้ามันกระทบใจเกินไป เรากลัวเลิกคิดไม่ได้ หนังใหม่ก็ไม่ดู อะไรที่เป็นเรื่องใกล้ตัวเกินไปก็ขอผ่าน จริงๆถ้าต้องกลับไปกินยาอีก ก็ไม่ได้รู้สึกพ่ายแพ้อะไร แต่มันก็เหมือนเป็นวงจรไม่จบสิ้นของการรักษา แต่เราก็รู้ว่าการทะนุถนอมระดับนี้มันทำไม่ได้ถาวร นี่มันผิดธรรมดาเกินไป แต่ก็นั่นแหละ ค่อยๆว่ายไปทีละนิด เก็บจิตใจไว้ทำงาน เพราะกับเรื่องแบบนี้ รู้นั่นนี่มา ออกไปเจอคนนั้นแป๊บนึง คนนี้มาหาอีกหน่อย ดูนี่นิดนั่นหน่อยคือทำพินาศกันมาเยอะแล้ว เพราะพอเขากลับกันหมดมันก็เหลือแต่เรา
และกับเรื่องแบบนี้ เวลาเราสู้, เราสู้เพียงลำพัง
ก็หวังว่าปีต่อไป ภาวะโรคภัยจะเบาลง มีงานมาให้ทำเยอะๆ เอาเยอะขึ้นไปอีก เพราะงานเป็นสิ่งที่ประคับประคองเรา ยืนยันตัวตน สร้างความรักและนับถือตัวเอง
สำหรับทุกคนที่รักและเข้าใจ ก็ขอบคุณมากๆ ยิ่งคนอยู่ใกล้มากก็อาจจะรู้สึกยุ่งยากหรืออะไรของมึงวะอิทรายไปบ้าง >< แต่ทุกคนก็ใจดีกับเรามากเลย รวมถึงคนน่ารักๆในเพจงานบ้าน เครื่องสำอาง เพจเราเอง และลูกค้าทุกท่านที่รักกัน ❤️
ส่วนคนที่เกลียดเรา, ก็เรื่องของมึงจ้า บาย