ละคร บ้านทรายทอง พจมาน สว่างวงศ์
ดู 6,132 ครั้ง /
แชร์
ละครออกอากาศ | วันศุกร์ วันเสาร์ วันอาทิตย์ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
ช่องที่ออกอากาศ | ละครช่อง 7 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
เริ่มออกอากาศ | 22 พฤศจิกายน 2558 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
เวลาออกอากาศ | 20:15 - 22:30 น. |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
กำกับโดย | เพ็ญลักษณ์ อุดมสิน | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
ประพันธ์โดย | บทประพันธ์ ก.สุรางคนางค์, บทโทรทัศน์ ภาวิต | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
นำแสดงโดย | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
ผู้สร้าง | บริษัท ดาราวิดีโอ จำกัด |
ภาพนิ่งจากละคร
เรื่องย่อ บ้านทรายทอง พจมาน สว่างวงศ์
พจมาน พินิตนันทน์ (พีชญา วัฒนามนตรี) เดินทางมายังบ้านทรายทอง ตามคำสั่งเสียในสมุดบันทึกบิดาซึ่งเสียชีวิตลง ให้เธอมาขออาศัยอยู่กับญาติที่บ้านหลังนี้ เพื่อลดทอนค่าใช้จ่ายในการเรียนโรงเรียนประจำ เนื่องจากบิดาของเธอต้องการให้พจมานได้เรียนต่อจนสำเร็จการศึกษา พจมานเป็นเด็กสาวรุ่น ที่มีความหยิ่งทะนงในศักดิ์ศรี กล้าหาญ และเด็ดเดี่ยว อันเป็นอุปนิสัยที่ได้รับการอบรมปลูกฝังมาจากบิดาที่เธอรักและรักเธอยิ่ง วันแรกที่มาถึงบ้านทรายทอง พจมานไม่ได้รับการต้อนรับดังที่เธอหวัง เนื่องจาก หม่อมพรรณราย (ดวงดาว จารุจินดา) ซึ่งมีศักดิ์เป็นป้าของเธอ เพราะเป็นลูกพี่ลูกน้องของบิดาไม่อยู่ต้อนรับ แม้มารดาของพจมานจะได้ส่งจดหมายแจ้งข่าวการมาของเธอล่วงหน้าแล้วถึง 15 วันก็ตาม แต่ความอ่อนล้าจากการเดินทางและความผิดหวังทำให้พจมานเป็นลมหมดสติไปต่อหน้า ม.ร.ว ภาระดีสว่างวัฒน์ หรือ คุณหญิงใหญ่ (นุสบา ปุณณกันต์) ลูกสาวคนโตของหม่อมพรรณราย ซึ่งเป็นคนรับหน้าพจมานในวันนั้น แม้ภายนอกคุณหญิงใหญ่จะดูเป็นคนเย็นชา อารมณ์ร้อน แต่ลึกๆ แล้วเป็นคนมีเมตตา เมื่อพิจารณาจากจดหมายยืนยันของบิดาจากมือพจมาน ถึงแม้คุณหญิงใหญ่จะไม่ได้เปิดอ่านเพราะไม่ได้จ่าหน้าถึงเธอ แต่เธอก็ตัดสินใจอนุญาตให้พจมานพักที่บ้านทรายทองจนกว่าจะได้พบกับหม่อมพรรณราย
หม่อมพรรณรายกลับจากบ้านตากอากาศที่ศรีราชา พร้อม ม.ร.ว ภาวิณีจรัสเรือง หรือ คุณหญิงเล็ก (ณัฐชา นวลแจ่ม) บุตรสาวคนสุดท้อง เมื่อทราบเรื่องว่าคุณหญิงใหญ่รับตัวพจมานไว้ในบ้านก็เกิดโทสะต่อว่าต่อขานบุตรสาวคนโต และพยายามผูกเรื่องของบิดามารดาของพจมานไปในทางลบ แต่ยิ่งเล่าก็ยิ่งทำให้คุณหญิงใหญ่ทราบแน่ชัดว่าพจมานมีความเกี่ยวดองเป็นญาติกับสกุล สว่างวงศ์ แห่งบ้านทรายทองจริง กล่าวคือ พจมานเป็นธิดาของ พนา พินิตนันทน์ (นุติ เขมะโยธิน) บุตรชายของ คุณปู่สุรพล (ธัญวิสิฎฐ์ เสียงหวาน) น้องชายแท้ๆ ของ เจ้าคุณราชาพิพิธ (สะอาด เปี่ยมพงศ์สานต์) ผู้เป็นบิดาของหม่อมพรรณราย ที่สำคัญมารดาของพจมานเมื่อครั้งติดตามบิดาของพจมานมาอาศัยอยู่ที่บ้านทรายทอง เพื่อเรียนวิชากฎหมาย ได้เคยบริบาลเฝ้าไข้คุณยายของคุณหญิงใหญ่จวบวาระสุดท้ายของชีวิต คุณหญิงใหญ่ซาบซึ้งในความดี และตัดปัญหารำคาญใจเรื่องที่หม่อมพรรณรายกล่าวหาว่าเธอเป็นผู้ชักนำพจมานเข้ามาอยู่ในบ้าน ด้วยการรับอาสาดูแลพจมาน และให้พจมานอยู่ภายใต้การปกครองของเธอขณะอาศัยอยู่ในบ้านทรายทอง แรกทีเดียวคุณหญิงใหญ่มีความกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายในการเรียนของพจมานอยู่บ้าง เนื่องจากเธอเองไม่ได้มีรายได้อะไร นอกจากเงินเดือนซึ่งเป็นเงินกองกลางจากมรดกของตระกูล เธอไม่ได้เรียนจนสำเร็จการศึกษา จึงไม่มีอาชีพ เพราะเมื่อรุ่นสาวเกิดมีความรักกับบุตรชายผู้ดูแลมรดกและทรัพย์สินของตระกูล ซึ่งสร้างความไม่พอใจให้หม่อมพรรณรายเป็นอย่างมาก จึงสั่งห้ามเธอออกจากบริเวณบ้านเพื่อไม่ให้มีโอกาสได้พบกับคนรัก เธอจึงต้องออกจากโรงเรียนโดยปริยาย นับแต่นั้นมาคุณหญิงใหญ่ก็กลายเป็นคนเย็นชา หม่นหมอง อารมณ์แปรปรวน และคุ้มดีคุ้มร้ายในสายตาของผู้อื่น แต่เมื่อซักถามพจมาน จึงทราบความจริงว่าบิดาของพจมานได้กันเงินสำหรับค่าเล่าเรียนของบุตรสาวไว้แล้วจำนวนหนึ่ง ไม่มีใครต้องเป็นธุระเรื่องค่าเล่าเรียนหรือค่าใช้จ่ายส่วนตัวของพจมาน นอกจากขอเพียงแค่ที่พักและอาหารเท่านั้น หญิงใหญ่จึงดูแลพจมานได้สนิทใจมากขึ้น แต่นั่นก็เป็นจุดเริ่มต้นของความคลางแคลงใจในตัวมารดาว่าเหตุใดหม่อมพรรณรายจึงกีดกันพจมานให้ไปจากบ้านทรายทอง ทั้งที่ไม่ต้องเลี้ยงดูปูเสื่ออะไรพจมานมากมาย
ฝ่ายคุณหญิงเล็ก ผู้มีอารมณ์ร้อน หลงใหลในความหรูหราฟู่ฟ่า เชื่อคำบอกเล่าของมารดาทั้งหมด และรู้สึกว่าพจมานมารบกวนและสร้างความรำคาญให้แก่เธอและผู้คนในบ้านทรายทอง จึงเริ่มจงเกลียดจงชังพจมานและหาทางกำจัดออกจากบ้าน แต่พจมานไม่ใช่คนอ่อนแอและยอมคนหากตัวเองไม่มีความผิด คุณหญิงเล็กกับพจมานจึงกลายเป็นไม้เบื่อไม้เมากันเสมอ พจมานอาศัยอยู่ในบ้านทรายทองท่ามกลางความกดดันและการกลั่นแกล้งต่างๆ จะมีก็เพียงเพื่อนคลายเหงาเป็นเด็กชายวัย 14 ปี คือ ม.ร.ว ภาณุทัตสวัสดี หรือ คุณชายน้อย (พีรพล เพิ่มเพ็ชร์) ลูกคนสุดท้องของหม่อมพรรณราย ที่มีร่างกายพิการ ขาเป๋ ปากเบี้ยว และรูปร่างเล็กกว่าอายุจริง และเกิดมาได้ไม่นานทูลหม่อมพ่อก็เสียชีวิต หม่อมพรรณรายจึงชิงชังลูกชายคนนี้ถึงขั้นโยนให้ แม่นมทิพย์ (วาสนา สิทธิเวช) เลี้ยงดูที่เรือนคนใช้ พจมานเอ็นดูสงสารชายน้อย เพราะคิดถึง พจนา (สวีเดน ทะสานนท์) น้องชายคนกลางพี่ชายของ พจนีย์ (กชกร ส่งแสงเติม) น้องสาวคนเล็กของเธอ คุณนมทิพย์เองก็มีความเมตตา ใจดีต่อพจมาน นอกจากคุณชายน้อยแล้ว พจมานยังรักใคร่สนิทสนมกับคุณนมทิพย์เป็นอย่างดี พจมานถึงจะพักอยู่ในบ้านทรายทองอย่างผู้อาศัย ต้องทำงานบ้านแทบไม่ต่างจากบ่าวไพร่ แต่เธอก็ตั้งหน้าตั้งตาเรียนหนังสือตามคำสั่งเสียของบิดา หากแต่การเรียนของเธอก็แย่ลงตามลำดับ เนื่องจากต้องแบ่งเวลาไปช่วยงานในบ้าน จนแทบไม่มีเวลาทบทวนตำรา พจมานขอแยกห้องจากหญิงใหญ่ไปอยู่เรือนคนใช้เพื่อจะได้ทบทวนตำราเรียนยามดึกได้สะดวก ขณะเดียวกัน คุณแพรวพรรณ (สรารัตน์ หรุ่มเรืองวงศ์) น้องสาวคนเดียวของหม่อมพรรณราย ก็กลับจากต่างประเทศและย้ายมาขออาศัยอยู่ที่บ้านทรายทองพร้อมกับลูกๆ และสามีกะทันหัน เพราะบ้านในเมืองไทยนั้นปล่อยให้ผู้อื่นเช่าขณะที่ตนและครอบครัวใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศ
พจมานทราบว่าเจ้าคุณราชาพิพิธ พี่ชายแท้ๆ ของคุณปู่สุรพล ผู้เป็นบิดาของ พนา พินิตนันทน์ บิดาของเธอ ยังมีชีวิตอยู่ที่ตึกขวางของบ้านทรายทอง จึงต้องการเข้าไปกราบเรียนว่าเธอได้เข้ามาขออาศัยบารมีท่านในบ้านทรายทอง แต่เมื่อไปพบเข้าจริงๆ เจ้าคุณราชาพิพิธกลับมีอาการหวาดผวา เมื่อได้ยินชื่อ สุรพล และเพ้อออกมาเป็นคำพูดแปลกๆ มากมาย จนอาการป่วยทรุดหนัก พจมานจึงถูกสั่งห้ามไม่ให้เข้าไปพบท่านอีก แต่มีสิ่งหนึ่งที่ทำให้พจมานอดทนต่อความอยากรู้อยากเห็นไม่ไหวคือ ความเปล่าเปลี่ยวรกร้างของตึกขวาง ที่ดูเหมือนจะถูกปิดตาย วันหนึ่งเมื่อสบโอกาสพจมานจึงลองลัดเลาะเดินไปสำรวจที่ตึกขวาง แต่ภาพที่เธอเห็นสร้างความประหวั่นพรั่นพรึงและน่าตกใจกลัวให้แก่เธอเป็นอย่างมาก ภาพของหญิงชราผมขาว ที่เดินถือเครื่องเซ่นไหว้ไปตั้งที่หน้าโลงศพ พร้อมกลิ่นธูปตลบอบอวน พจมานคิดว่าเธอโดนผีหลอก แต่ยังมีสติพาตัวเองวิ่งกลับมาที่หน้าตึกฝั่งที่พักอาศัย ความตกใจสุดขีดประกอบกับเมื่อชนเข้าอย่างจังกับสุภาพบุรุษท่านหนึ่ง ทำให้พจมานถึงกับหวีดร้องและสิ้นสติไปทันที ชายผู้นั้น คือ ม.ร.ว ภราดาพัฒน์ระพี หรือ คุณชายกลาง (วีรภาพ สุภาพไพบูลย์) แห่งบ้านทรายทอง ที่เพิ่งกลับจากการไปดูงานที่ต่างประเทศ แรกทีเดียวเขาเองไม่ทราบว่าพจมานเป็นใคร แต่เมื่อพบว่าหมดสติจึงพาไปส่งที่ห้องของชายน้อย เพื่อให้คุณนมดูแล และได้รับข้อมูลของพจมานจากบุคคลรอบตัวตามลำดับ การกลับมาของคุณชายกลาง เปรียบได้กับฤดูดอกประดู่บาน พลิกฟื้นความแร้นแค้นทั้งร่างกายและจิตใจของผู้อาศัยอยู่ในบ้านทรายทอง ตั้งแต่คนใกล้ชิดอย่างชายน้อยที่ได้รับการส่งตัวไปรักษา ตลอดจนบ่าวไพร่ รวมไปถึงพจมานด้วย เธอได้รับอนุญาตให้มีห้องพักเป็นของตัวเองชั้นบนเทียบเท่าญาติพี่น้อง และได้รับการช่วยเหลือเรื่องเงินทอง เมื่อปะเหมาะเคราะห์ร้าย มารดาของเธออาจไม่มีเงินส่งเสียให้เธอเรียนจนสำเร็จการศึกษาได้ พจมานจึงเปลี่ยนมือไปตกอยู่ในความปกครองของคุณชายกลาง เธอและเขาต่างจึงเข้ามามีบทบาทในชีวิตของกันและกันตามลำดับ
เหตุการณ์ที่กำลังดำเนินไปได้ด้วยดีต้องมีอันพลิกผัน เมื่อคุณชายกลางต้องเดินทางไปดูงานที่ไซ่ง่อน จังหวะนั้นเองคุณหญิงเล็กซึ่งจงเกลียดจงชังพจมานมากขึ้นทุกวัน จึงเริ่มวางแผนทำลายพจมานให้เสียคนโดยการพาพจมานไปเข้าสมาคมและทำความรู้จักกับบุคคลต่างๆ ซึ่งมีความประพฤติไม่ดี ส่วนมากจะเป็นเสือผู้หญิงมากหน้าหลายตา โดยทำทีขอตอบแทนพระคุณของคุณชายกลางที่มอบเงินในการจัดงานหมั้นระหว่างเธอกับ ท่านชายอเนกนพรัตน์ หรือ ท่านต้อม (เขตต์ ฐานทัพ) เจ้าพี่ของ ท่านหญิงปิยะฉัตรโสภา หรือ ท่านติ๋ว (ขวัญกวินท์ ธำรงรัฐเศรษฐ์) สตรีสูงศักด์ซึ่งสนิทสนมกับคุณหญิงเล็กเพราะหมายปองในตัวคุณชายกลาง โดยอาสาจะเป็นผู้ปกครองให้แก่พจมาน และรับปากว่าจะดูแลพจมานเป็นอย่างดี คุณชายกลางตกลงให้คุณหญิงเล็กดูแลพจมาน แผนร้ายต่างๆ จึงเริ่มต้นขึ้น หญิงเล็กอนุญาตให้ นกุล (ชยพล บุนนาค) เพื่อนชายคนสนิทของพจมานที่เติบโตมาด้วยกันตั้งแต่อยู่บ้านต่างจังหวัดมาพบพจมานที่บ้านทรายทองได้ ทั้งที่ตอนต้นเคยกระทั่งตบหน้าพจมานและสั่งห้ามเด็ดขาดไม่ให้พบปะกับนกุล แต่ครั้งนี้หญิงเล็กหวังจะให้ทั้งสองมีโอกาสใกล้ชิดและทำเรื่องไม่ดีไม่งามขึ้น แต่การณ์กลับไม่เป็นไปตามคาด เมื่อไม่สำเร็จคุณหญิงเล็กจึงพาพจมานออกสมาคม ไปเต้นรำ ตีเทนนิส ดื่มน้ำชา ตามที่ต่างๆ ซึ่งจะมีท่านต้อมไปด้วยเสมอ และบุคคลที่คุณหญิงเล็กชักนำให้พจมานชิดเชื้อด้วยก็ล้วนแต่เป็นคนมีประวัติไม่สวย ท่านต้อมเห็นใจในความซื่อและใฝ่ดีของพจมานจึงคอยปกป้องพจมานบ่อยๆ หญิงเล็กไม่วางมือจากพจมานง่ายๆ บังคับให้พจมานเดินทางไปบางปูกับครูสอนดนตรี ซึ่งเบื้องหลังคือผู้ผลิตหนังลามกที่มักล่อลวงเด็กสาวๆ ไปถ่ายทำหนังอนาจาร เรื่องนี้ทำให้ท่านต้อมไม่พอใจและมีปากเสียงกับคุณหญิงเล็ก พจมานมาได้ยินเข้า จึงทราบความในใจว่าคุณหญิงเล็กไม่เคยหวังดีกับเธอเลย แต่ความดื้อรั้นบางอย่างก็ทำให้เธอตัดสินใจเดินทางไปบางปู ท่านต้อมตามไปช่วยเหลือ และทำให้ค้นพบหัวใจตัวเองว่า ผู้หญิงที่เขารักคือพจมานหาใช่คุณหญิงเล็กไม่ พจมานใช้ไหวพริบในการพูดจาโน้มน้าวจิตใจของครูสอนดนตรี เพื่อไม่ให้เขาล่อลวงเธอไป แต่สุดท้ายจะสำเร็จหรือไม่ในการโน้มน้าวนั้นก็สุดรู้ เพราะรถของท่านต้อมมาไม่ทันคณะของพจมาน เจอเพียงนกุลที่มาร่วมงานเดียวกันแต่คนละคณะ จึงปล่อยให้พจมานกลับไปกับคณะเดิม ขากลับรถของพจมานประสบอุบัติเหตุพลิกคว่ำที่ทางเข้าสถานที่ฉายหนังลามก พจมานได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย ท่านต้อมและนกุลตามมาพบเหตุการณ์จึงรีบตามไปรับพจมานที่โรงพัก เพื่อพากลับบ้านทรายทอง
ขณะเดียวกันหลังจากมีปากเสียงกับท่านต้อม หญิงเล็กก็มีปากเสียงกับหญิงใหญ่ และเรื่องราวก็บานปลายไปเกี่ยวกับข่าวระแคะระคายเรื่องเจ้าของสิทธิ์ครอบครองบ้านทรายทอง ว่าไม่ใช่คุณชายกลางอย่างที่เข้าใจ คุณหญิงเล็กเกรี้ยวกราดเอาแต่อารมณ์วิ่งถลันไปที่ตึกขวาง อาละวาดเอากับเจ้าคุณราชาพิพิธ จนอาการทรุดหนักลงทันที เมื่อพจมานกลับถึงบ้านทรายทองเธอถูกตามตัวให้ไปดูใจท่านเจ้าคุณ ในขณะที่คุณหญิงเล็กยังไม่หยุดเกรี้ยวกราด สุดท้ายท่านเจ้าคุณสารภาพว่า บ้านทรายทองเป็นของสุรพล น้องชายของท่าน ผู้เป็นเจ้าของที่แท้จริงของบ้านทรายทองคือทายาทของสุรพล นั่นก็คือพจมานนั่นเอง ท่ามกลางความตกตะลึง พจมานปฎิเสธที่จะรับสิทธิ์นั้น รุ่งเช้าเจ้าคุณราชาพิพิธก็สิ้นใจโดยที่คุณชายกลางยังไม่กลับมา หลังจากเจ้าคุณสิ้นบุญได้ไม่นาน พจมานก็ได้รับโทรเลขจากพจนา ผู้เป็นน้องชายว่ามีเรื่องร้อนให้รีบกลับบ้าน นกุลอาสากลับไปเป็นเพื่อน และเรื่องร้อนที่พจมานได้รับทราบคือการหนีตามผู้ชายไปของพจนีย์น้องสาวคนเล็กของเธอ และทรัพย์สินที่บิดาทิ้งไว้ให้ก็ร่อยหรอหมดไปจนต้องเอาบ้านและที่ดินไปจำนอง ส่วนพจนาเองก็ได้ลูกสาวตาแป๊ะปลูกผักมาเป็นภรรยา พจมานรู้สึกท้อแท้ใจ แต่อะไรไม่ร้ายเท่ามารดาพยายามเกลี้ยกล่อมให้เธอแต่งงานกับบุตรชายเศรษฐีท้องถิ่นเพื่อกู้หน้าและพยุงฐานะของครอบครัว ระหว่างที่พจมานเดินทางกลับบ้านคุณชายกลางเองก็เดินทางกลับมาถึงที่บ้านทรายทอง หลังได้รับทราบความจริงที่เกิดขึ้นก็ตัดสินใจจะย้ายออกจากบ้านทรายทอง เพื่อคืนกรรมสิทธิ์ให้แก่พจมานและครอบครัว ท่านต้อมเมื่อทราบข่าวว่าคุณชายกลางกลับมา ก็ขอนัดพบเพื่อขอถอนหมั้นคุณหญิงเล็กและขอหมั้นกับพจมาน คล้ายกับให้คุณชายกลางเป็นเถ้าแก่ ในขณะที่พจมานกำลังถูกมารดากดดันและมารดาของฝ่ายชายมาทาบทามด้วยตัวเองถึงบ้าน เรือยนต์คันโก้ก็วิ่งเข้ามาเทียบท่าที่หน้าบ้านพจมาน ผู้ที่ลงมาจากเรือไม่ใช่ใครอื่นไกลแต่คือคุณชายกลาง พจมานปลาบปลื้มมาก แต่ข่าวที่ได้รับคือการคืนบ้านทรายทองให้แก่เธอและจะย้ายจากไป กับการทาบทามเธอให้กับท่านต้อม พจมานร้องไห้ คุณชายกลางจึงกลับไปโดยที่ไม่ได้เปิดเผยความในใจที่แท้จริงของกันและกัน แต่เขากำชับให้เธอกลับไปที่บ้านทรายทองในวันถัดไป
พจมานกลับมาที่บ้านทรายทองคราวนี้ได้รับการต้อนรับผิดไปจากคราวแรกราวกับพลิกฝ่ามือ คุณหญิงใหญ่ไปรับเธอที่สถานีรถไฟ บ่าวไพร่ยิ้มแย้มแจ่มใสจัดห้องไว้รองรับ ได้รับประทานอาหารร่วมโต๊ะกับคุณหญิงใหญ่และคุณชายกลาง ส่วนคุณหญิงเล็กและหม่อมพรรณราย ย้ายไปอยู่บ้านที่ศรีราชาชั่วคราว วงสังคมตื่นเต้นกับการปรากฏตัวของเจ้าของบ้านทรายทองคนใหม่ แต่พจมานยืนยันความคิดเดิมคือไม่รับเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ คุณชายกลางก็ยืนยันเช่นกันว่าจะย้ายออกไป แต่ต้องใช้เวลาในการสร้างบ้านหลังใหม่ ระหว่างนี้ก็จะอาศัยอยู่ที่บ้านทรายทองไปพลางๆ ทางคุณชายน้อยที่ไปรักษาตัวกับนายแพทย์ฝรั่ง ผลการรักษาไม่ประสบผลสูงสุดถึงขั้นหายขาด แต่ก็พอที่จะเดินเหินได้สะดวกขึ้น จึงรับตัวกลับมาและได้ย้ายห้องมาอยู่ชั้นบน แทนคุณแพรวพรรณซึ่งไปปลูกบ้านหลังใหม่ของตัวเอง วันหนึ่งคุณหญิงใหญ่หยิบกล่องสายสร้อยที่คุณชายกลางซื้อมาฝากพจมานเมื่อครั้งกลับจากไซ่ง่อน แต่ไม่ทันได้พบกันเพราะพจมานกลับบ้าน คุณหญิงใหญ่เดินไปหาพจมานที่ห้อง สวมสร้อยให้และชี้แนะวิธีคิด สิทธิ์ของการตัดสินใจในเรื่องความรัก และบอกเป็นนัยๆ ว่าคุณชายกลางรู้สึกพิเศษต่อพจมาน จังหวะนั้นบ่าวขึ้นมาตาม แจ้งว่าคุณชายกลางให้มาเรียนว่าท่านต้อมมาขอพบ คุณหญิงใหญ่พูดกับพจมานอย่างหวังดีว่าถึงเวลาแล้วที่พจมานจะต้องเลือกคนที่เธอรัก พจมานปรากฏตัวต่อหน้าท่านชายต้อมผู้เพียบพร้อม โดยไม่รู้ว่าชายกลางยืนแอบมองอยู่ แต่แล้วนกุลก็ปรากฎตัวขึ้นเช่นกัน พจมานดีใจที่ได้พบเพื่อนรัก ในวินาทีแห่งการตัดสินใจ เธอจึงลืมตัวตรงไปที่นกุล ท่านชายต้อมถึงกับงงงัน ยอมรับการปฏิเสธ ขณะที่ชายกลางก็ประหลาดใจและผิดหวังมาก เดินหายเข้าไปในห้องสมุด พจมานรู้สึกตัว ทิ้งชายหนุ่มตรงหน้าทั้งสองคนไว้แล้ววิ่งตามชายกลางไปที่ห้องสมุด ทำให้ทุกคนทราบคำตอบว่าแท้ที่สุดแล้วคนที่เธอเลือกที่จะรักก็คือคุณชายกลางนั่นเอง แต่นั่นย่อมไม่ใช่จุดจบของเรื่องราว หากเป็นปฐมบทแห่งการเริ่มต้นชีวิตรักระหว่างคุณชายกลางและพจมาน สว่างวงศ์ แห่งบ้านทรายทอง
หลังจากเสร็จสิ้นพิธีศพท่านเจ้าคุณราชาพิพิธ ข่าวเรื่องพิธีสมรสระหว่างชายกลางกับพจมานที่จะมีขึ้นเร็วๆ นี้ ด้วยเหตุที่ยังไม่ประสงค์ให้ข่าวนี้แพร่ออกไปยังวงสังคม จึงมีเพียง เสาวรัจ (พิมพ์ปวีณ์ โคกระบินทร์) ที่พจมานเป็นผู้แจ้งข่าวเป็นคนแรก และเสาวรัจก็เป็นผู้ส่งต่อข่าว เป็นร่ำลือกันในกลุ่มเพื่อนๆ ของพจมาน เสาวรัจซึ่งได้มีโอกาสไปเยี่ยมพจมานที่บ้านทรายทอง ก็ได้เล่าให้ฟังถึงความเป็นอยู่ของพจมานว่าไม่เหมือนแต่ก่อน เนื่องจากหม่อมพรรณรายกับหญิงเล็กย้ายไปอยู่ตึกขวาง และหม่อมไม่ประสงค์ที่จะเข้ามายุ่งเกี่ยวในบ้านทรายทอง ทำให้พจมานอาศัยอยู่ในบ้านได้เปรียบเสมือนเป็นเจ้าของบ้านคนหนึ่งเช่นกัน ท่านหญิงอ้อม (พิมประภา ตั้งประภาพร) จึงประสงค์จะเลี้ยงก่อนวันฉลองสมรสให้พจมาน และชักชวนพจมานและเพื่อนๆ มาร่วมฉลองกันที่วังท่านหญิงอ้อม ซึ่งในนั้นมี ภาณี (กชกร ส่งแสงเติม) สาวใช้คนใหม่ของวังท่านหญิงอ้อม ที่แอบมองพจมานด้วยความริษยา ซึ่งภาณีหรืออีกชื่อหนึ่งก็คือพจนีย์ น้องสาวของพจมานนั่นเอง เธอริษยาที่พจมานจะได้ครอบครองบ้านทรายทอง เธอรู้สึกว่าพจมานได้ทุกอย่างไปคนเดียว พจนีย์รอวันที่จะได้เข้าไปเปิดตัวในฐานะน้องสาวของเจ้าของบ้าน
พิธีสมรสระหว่างชายกลางและพจมานไปด้วยความเรียบร้อย โดยมีหญิงใหญ่เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงในการจัดงาน แม้จะเหน็ดเหนื่อยและบ่นสารพัด แต่หญิงใหญ่ก็ทำให้ด้วยความเต็มใจ ทั้งชายกลางและพจมานรู้สึกซาบซึ้งใจหญิงใหญ่มาก แม้หม่อมพรรณรายจะไม่ใคร่เต็มในการร่วมงานแต่งนัก แต่ด้วยเกรงใจแขกผู้ใหญ่จึงต้องจำใจมาร่วมพิธี ส่วนหญิงเล็กก็ลอบไปสงขลาเพื่อหลีกเลี่ยงไปร่วมพิธีของพี่ชายและพจมานที่ตนรังเกียจ สิริอร (อธิชนันท์ ศรีเสวก) ซึ่งอกหักจากชายกลางก็แต่งงานกับ เกริกวิทย์ (นวพล ภูวดล) และไปร่วมงานแต่งพร้อมกับ ท่านผู้หญิงไฉไล (วิไลลักษณ์ ไวงาน) และ หลวงนฤสารวาที (ปริยะ วิมลโนช) และพจนีย์ก็ปรากฏตัวในคืนวันแต่งงานของพจมาน พจมานตกใจปนดีใจที่จู่ๆ พจนีย์มาปรากฏตัว แต่พจนีย์ไม่ได้มาด้วยความยินดีที่พี่สาวแต่งงาน แต่มาต่อว่าที่พจมานเห็นแก่ตัวและไม่เคยแบ่งอะไรให้น้องๆ เลย พจมานรู้สึกเสียใจที่พจนีย์คิดกับเธอแบบนั้น ทั้งๆ ที่พจมานต้องฝ่าฟันอุปสรรคอะไรหลายๆ อย่าง และพจนีย์ประกาศว่าในเมื่อบ้านทรายทองตกเป็นของพจมานแล้ว พจนีย์ก็มีสิทธิ์ที่จะอยู่ในบ้านหลังนี้เช่นกัน หลังจากพจนีย์เข้ามาก็สร้างความไม่สบายใจให้กับพจมาน เพราะพจนีย์ผยองเสมอเหมือนเป็นเจ้าของบ้านเอง ยุ่มย่ามกับของส่วนตัวของพจมาน อีกทั้งยังแสดงท่าทางรังเกียจชายน้อยที่พิการ เป็นที่ไม่พอใจของนมทิพย์ อีกทั้งหญิงใหญ่ก็มีท่าทีระอาทำให้พจมานต้องสั่งให้พจนีย์ทำตัวเสมือนเป็นผู้อาศัยและมีความเกรงใจต่อหญิงใหญ่และคุณชายกลางด้วย แต่พจนีย์ก็ทำหูทวนลมไป
ชายกลางได้พาพจมานไปดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์ที่ศรีราชา โดยมี แจ่ม (พิมพากานต์ วงษ์ศรีแก้ว) ตามไปเป็นผู้ดูแลด้วย ในเวลา 5 วัน พจมานได้พบกับความสงบและลืมเรื่องวุ่นวายในบ้านทรายทอง แม้ชายกลางจะไม่ได้ปรนนิบัติเหมือนคู่รักที่เพิ่งแต่งงาน แต่ก็สามารถดูออกว่าชายกลางและพจมานต่างก็มีความสุขกับการมาดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์ในครั้งนี้ ระหว่างนั้นที่บ้านทรายทองก็ได้รับ สายใจ (สิดาภา เจิมงามพริ้ง) แม่บ้านที่จะเข้ามาดูแลบ้านทรายทอง หลังจากหญิงใหญ่ตัดสินใจจะไปอยู่เพชรบุรี ซึ่งสายใจนั้นเป็นคนที่เพื่อนสนิทของหม่อมพรรณรายแนะนำให้ สายใจจึงเหมือนเป็นคนคอยส่งข่าวเรื่องของคนที่ตึกนอกมาให้หม่อมพรรณรายได้รับรู้ หม่อมพรรณรายก็มักจะว่าพจมานเป็นไพร่ ให้สายใจดูแลกิจการในบ้านทรายทองให้ดี ทำให้สายใจกระด้างกระเดื่องไม่เคารพพจมานเท่าที่ควร หลังจากกลับจากดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์พจมานก็มีเรื่องให้ต้องแคลงใจอีก เพราะพจนีย์มาบอกว่าหม่อมพรรณรายป่าวประกาศไปทั่วว่า ที่ชายกลางแต่งงานกับพจมานเพราะต้องการบ้านทรายทอง และชายกลางไม่เคยรักพจมานเลย พจมานเก็บเอาไปคิดมาก เพราะเธอเองก็รู้สึกเช่นกันว่าที่ชายกลางแต่งงานกับเธอเพราะอะไรกันแน่ ชายกลางเองก็ไม่เคยบอกคำว่ารักกับพจมานเลยสักครั้ง ทำให้พจมานปั้นปึ่งใส่ชายกลาง เมื่อเห็นท่าทีของพจมานที่เปลี่ยนไป ชายกลางจึงถามกับพจมานตรงๆ พจมานก็เล่าให้สิ่งที่พจนีย์ได้บอกเธอให้ชายกลางฟัง ชายกลางรู้สึกน้อยใจที่พจมานไม่รู้ใจของเขาเลย ทั้งสองมีปากเสียงกัน รุ่งขึ้นพจมานจะไปพูดกับหม่อมพรรณรายให้รู้เรื่อง หม่อมพรรณรายยอมรับอย่างไม่รู้สึกรู้สาว่าตนพูดเช่นนั้นจริง และกล่าวหาว่าพจมานยังรักใคร่ชอบพอกับนกุลอยู่ พจมานรู้สึกโกรธและออกคำสั่งไม่ให้คนใช้ของหม่อมพรรณรายเข้าไปที่ตึกนอกอีก หม่อมพรรณรายได้โอกาสก็เอาเรื่องพจมานบุกมาที่ตึกขวางไปเล่าให้หญิงใหญ่ในทำนองตัดพ้อว่า พจมานไม่เห็นหัวหม่อม เพราะหล่อนเป็นเจ้าของบ้านแล้ว หญิงใหญ่ได้ฟังก็เฉยๆ และได้นำมาพูดกับพจมานให้พจมานนึกถึงที่ชายกลางปฏิบัติเมื่อครั้งที่เธอเจ็บไข้ได้ป่วยหรือเผชิญกับปัญหา นั่นจึงทำให้พจมานคิดได้และตั้งใจจะคืนดีกับชายกลาง แต่ก็ไม่ทันจะได้พูดปรับความเข้าใจกัน พจมานก็เห็นภาพที่ชายกลางมากับสิริอรที่กลับมาจากจากดูหนังด้วยกัน และคำพูดที่สิริอรพูดถึงเนื้อเรื่องในหนังเกี่ยวกับการแต่งงานเพราะเงินเหมือนจะพูดกระทบพจมานด้วย พจมานได้ฟังก็สะอึกและรีบหลบไป ชายกลางตามไปพูดกับพจมานที่ยังงอนอยู่ พจมานเองอยากได้ยินจากปากของชายกลางว่าเขารักเธอ แต่ชายกลางนั้นถือว่าการกระทำนั้นสำคัญกว่าคำพูด แต่ในใจลึกๆ ก็รู้ดีว่าชายกลางนั้นรักพจมานสุดหัวใจ
ทางด้านหญิงเล็กที่ตอนนี้พบรักอยู่กับ นายเติม ธีระวณิช (ศรุต วิจิตรานนท์) พ่อค้าผู้มั่งคั่ง เป็นหนุ่มใหญ่ซึ่งมีอายุมากกว่าหญิงเล็กหนึ่งรอบปี นายเติมนั้นเดิมมีครอบครัวอยู่ มีลูกสาวอายุ 15 ปี ส่วนเมียนั้นตายเสียแล้ว หญิงเล็กหลังจากถูกท่านต้อมขอถอนหมั้นก็ชอกช้ำระกำใจ จึงขอไปพักใจที่สงขลาหวังจะไปพักใจและอีกหนึ่งเพื่อหลบงานแต่งงานของชายกลางและพจมาน หญิงเล็กก็ได้พบกับนายเติม และตัดสินใจแต่งงานกัน ทั้งที่ใจหญิงเล็กไม่ได้รักใคร่ชอบพอนายเติมเลย แต่ต้องการหักหน้าท่านต้อมและลบคำสบประมาทของหญิงใหญ่ที่ว่าหญิงเล็กจะต้องขึ้นคาน ด้านหม่อมพรรณรายถึงจะไม่ยินดีที่หญิงเล็กไม่ได้ลงเอยกับคนหนุ่มอย่างท่านต้อม แต่เมื่อเห็นนายเติมมีฐานะมั่งคั่งก็พลอยสนับสนุนหญิงเล็กไปด้วย แต่ชายกลางกลับเป็นห่วงที่หญิงเล็กตัดสินใจแต่งงานกะทันหันเช่นนี้ พจมานรู้สึกเป็นห่วงจึงอยากจะช่วยพูดกับท่านต้อมให้ลองพิจารณาหญิงเล็กอีกครั้ง อาจทำให้ชายกลางคลายความกังวลใจ แต่ท่านต้อมก็ชัดเจนว่าตนไม่ได้รักหญิงเล็กแล้ว แถมยังกล่าวชื่นชมที่ชายกลางมีภรรยาที่ดีอย่างพจมาน ขนาดหญิงเล็กที่เกลียดพจมานแต่พจมานยังอุตส่าห์เป็นห่วงหญิงเล็กอยู่ กำหนดการแต่งงานระหว่างหญิงเล็กและนายเติมใกล้เข้ามาทุกที หญิงเล็กอยากได้สร้อยประจำตระกูลที่บัดนี้ตกเป็นของพจมานแล้วมาประดับในวันแต่งงาน หม่อมพรรณรายอ้อนวอนขอให้ชายกลางช่วยไปขอกับพจมานให้ แต่ชายกลางว่าต้องแล้วแต่ทางพจมานและให้ไปขอกับพจมานเองเพราะเขาเป็นเจ้าของ หญิงเล็กและหม่อมก็ตัดพ้อน้อยใจที่ชายกลางเห็นพจมานดีกว่าแม่และน้อง หญิงเล็กประกาศจะไม่ยอมเสียศักดิ์ศรีไปขอยืมด้วยตนเองเด็ดขาด ด้านเติมก็ปลอบหญิงเล็กว่าจะจัดหาเครื่องเพชรให้ หม่อมพรรณรายได้ฟังก็กระหยิ่มใจ
ด้านพจนีย์หลังจากมาอยู่ในบ้านทรายทองมีบุญเรือนเป็นลูกคู่สาวใช้รองมือรองเท้า พยายามเข้าหาชายกลาง ด้วยความอิจฉาที่พจมานได้แต่งงานกับหนุ่มหล่อสูงศักดิ์ แต่ชายกลางนั้นมองพจนีย์แว่บเดียวก็รู้ว่าพจนีย์นี้เป็นคนประเภทใด จึงพยายามเลี่ยงที่จะเสวนาด้วย วันหนึ่งพจนีย์ไปจ่ายของที่ตลาด บังเอิญเจอป้าของ นิเวศน์ คงเยี่ยมจิต (สุรศักดิ์ โชติทินวัฒน์) สามีเก่าที่เป็นครูสอนดนตรี ที่พจนีย์หนีไปด้วยกันก่อนจะถูกนิเวศน์ผลาญเงินจนหมดตัว พจนีย์ยกตนข่มว่าตอนนี้ได้เป็นเจ้าของบ้านทรายทองและเป็นภรรยาของชายกลาง ป้าของนิเวศน์ก็เอาข่าวนี้ไปบอกกับนิเวศน์ ส่วนนิเวศน์ก็หวังจะไถเงินจากพจนีย์จึงมาหาที่บ้านทรายทอง แต่กลับพบกับพจมานแทน พจมานมองนิเวศน์ปราดเดียวก็รู้ว่านิเวศน์มีจุดประสงค์ไม่ดี จึงให้เงินก้อนหนึ่งและให้นิเวศน์ทำสัญญาว่าจะไม่มายุ่งเกี่ยวกับพจนีย์ นิเวศน์เมื่อได้เงินแล้วก็รับปาก แต่ไม่พ้นสายตาของสายใจที่แอบเห็นและเอาไปซุบซิบนินทาว่าพจมานมีผู้ชายท่าทางกุ๊ยมาหาและแอบให้เงินกัน และต่างว่ากันไปในทางชู้สาว เช้าวันพิธีก็เกิดเรื่องเนื่องจากเครื่องเพชรที่เติมเป็นผู้หามานั้นทั้งเก่าคร่ำครึ ทั้งหมองไม่เหมาะกับชุดของหญิงเล็ก แต่หญิงเล็กก็ยังถือทิฐิไม่ไปขอยืมสร้อยกับพจมาน จนใกล้เวลานมทิพย์ก็นำกล่องสร้อยประจำตระกูลมามอบให้ หญิงเล็กดีใจมาก แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้หญิงเล็กรู้สึกดีกับพจมาน มิหนำซ้ำยังหาทางจะพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่าพจมานไม่เหมาะกับการเป็นเจ้าของทุกอย่างในบ้านทรายทอง ซึ่งในงานพิธีก็เป็นไปอย่างเรียบร้อย แต่ปราศจากชายกลาง พจมาน และหญิงใหญ่ไปร่วมงานเลี้ยง แต่ที่พจมานไม่ไปนั้นก็เพราะไม่สบายหนักและอีกอย่างหญิงเล็กก็ประกาศว่าจะไม่เชิญพจมานมาร่วมพิธี ส่วนชายกลางเองก็เห็นว่าถ้าไปงานเพียงคนเดียวโดยปราศจากพจมาน คนก็จะเอาไปนินทาได้ ส่วนหญิงใหญ่ก็เห็นว่าตนไม่จำเป็นต้องไป หลังจากงานพิธีไม่กี่วันหญิงเล็กก็ย้ายไปอยู่ที่บ้านของเติม ซึ่งเติมนั้นมีภรรยาอยู่แล้วถึงสองคนคือ วิภา (มนตะกานต์ ทองขาว) และ สมฤทัย (ณัทกัญญา โควสุวรรณ) เมียทั้งสองต่อหน้าเติมก็ปฏิบัติกับหญิงเล็กเหมือนไม่มีอะไร แต่ลับหลังมักจะคอยหาเรื่องกระแนะกระแหนหญิงเล็กตลอดเวลา หญิงเล็กจึงได้แต่กล้ำกลืนฝืนทน
พจนีย์เอาเรื่องที่พจมานแอบคบชู้ไปบอกชายกลาง พจมานบังเอิญเห็นเข้าขณะที่จะไปบอกข่าวเรื่องท่านต้อมกับหญิงอ้อมหมั้นหมายกัน พจมานเคืองที่พจนีย์เข้าไปยุ่มย่ามกับชายกลางจึงเรียกพจนีย์มาพูดตรงๆ พจมานกับพจนีย์ทะเลาะกันอย่างรุนแรง เพราะพจนีย์กล่าวหาว่าพจมานพาผู้ชายมาทำเรื่องชู้สาว พจมานทั้งโกรธทั้งเสียใจที่น้องสาวพยายามใส่ร้ายและมองตนว่าเป็นคนไม่ดี ก็ตบพจนีย์อย่างแรงและไล่พจนีย์ออกจากบ้าน พจนีย์เก็บข้าวของและขอไปอยู่กับหม่อมพรรณรายที่ตึกขวาง ต่อมาชายน้อยเกิดป่วยหนักกะทันหันและจากไปโดยที่ทุกคนไม่คาดคิด สร้างความเสียใจมากยังบ้านทรายทอง โดยเฉพาะหม่อมพรรณรายที่ร่ำไห้ปานจะขาดใจ ที่เพิ่งจะมาแสดงให้รู้ว่ารักและอาลัยชายน้อยเอาเมื่อสายไป ชายน้อยจากไปโดยที่ยังไม่เคยได้รับความรักความเอ็นดูจากแม่ผู้ให้กำเนิด แม้แต่วาระสุดท้ายชายน้อยก็ยังเพ้อถึงนมทิพย์แทนที่จะเป็นแม่แท้ๆ อย่างหม่อมพรรณรายเอง งานศพชายน้อยจัดขึ้นอย่างเศร้าสร้อย พจมานถึงกับกินไม่ได้นอนไม่หลับ นมทิพย์บอกให้พจมานดูแลตัวเองเพราะกำลังท้องอยู่ พจมานเกิดความเหนื่อยหน่ายจึงขอชายกลางไปอยู่บ้านแม่สักพัก หญิงเล็กเห็นมาพจนีย์มาอยู่ฝั่งตัวก็ใช้ให้พจนีย์ไปค้นข้าวของเผื่อจะเจอหลักฐานที่พจมานลอบคบชู้ แต่สิ่งที่พจนีย์ได้เจอคือจดหมายของนิเวศน์ที่เขียนมาขอบคุณสำหรับเงินรักษาตัว และสัญญาที่นิเวศน์ทำไว้กับพจมานว่าจะไม่มายุ่งเกี่ยวกับพจนีย์อีก พจนีย์เพิ่งรู้ตัวเดี๋ยวนั้นเองว่าพจมานรักเธอมากแค่ไหน พจนีย์รู้สึกสำนึกผิดมาก พจนีย์รีบเอาจดหมายนี้ไปบอกกับชายกลางและทุกคนที่ตึกขวางเพื่อให้ทุกคนได้เข้าใจตัวพจมาน ชายกลางมารู้ทีหลังว่าพจมานท้องก็ดีใจมาก รีบไปหาพจมานที่บ้านและบอกพจมานมาเขารักเธอมากแค่ไหน เป็นสิ่งที่พจมานอยากได้ยินมาตลอด ชายกลางและพจมานต้องกลับมาเผชิญความจริงที่บ้านทรายทองอีกครั้ง หญิงเล็กต้องมาเป็นม่ายเมื่อรู้ว่านายเติมถูกจับเพราะลอบซุกซ่อนเพชรที่มะนิลา และต้องซมซานกลับมาอยู่บ้านทรายทอง พจมานเปิดใจต้อนรับหญิงเล็กด้วยความยินดี หม่อมพรรณรายก็ลดทิฐิยอมมาร่วมโต๊ะอาหารเย็นที่ตึกนอกบ้างแม้จะยังปั้นปึ่งอยู่บ้าง ทุกอย่างในบ้านทรายทองกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง ชายกลางโอบกอดพจมานด้วยความรักความอบอุ่นและพูดถึงลูกน้อยที่กำลังจะเกิดขึ้น ชายกลางถามพจมานว่าเธอมีความสุขไหม เพราะเขาอยากให้เธอมีความสุข พจมานไม่ตอบ ประกายตาของเธอเท่านั้นที่จะบอกได้ว่ากว่าเธอจะมีความสุขได้นั้น เธอต้องผ่านอะไรมาบ้างอย่างอดทนและเข้มแข็งตามแบบฉบับของพจมาน
หม่อมพรรณรายกลับจากบ้านตากอากาศที่ศรีราชา พร้อม ม.ร.ว ภาวิณีจรัสเรือง หรือ คุณหญิงเล็ก (ณัฐชา นวลแจ่ม) บุตรสาวคนสุดท้อง เมื่อทราบเรื่องว่าคุณหญิงใหญ่รับตัวพจมานไว้ในบ้านก็เกิดโทสะต่อว่าต่อขานบุตรสาวคนโต และพยายามผูกเรื่องของบิดามารดาของพจมานไปในทางลบ แต่ยิ่งเล่าก็ยิ่งทำให้คุณหญิงใหญ่ทราบแน่ชัดว่าพจมานมีความเกี่ยวดองเป็นญาติกับสกุล สว่างวงศ์ แห่งบ้านทรายทองจริง กล่าวคือ พจมานเป็นธิดาของ พนา พินิตนันทน์ (นุติ เขมะโยธิน) บุตรชายของ คุณปู่สุรพล (ธัญวิสิฎฐ์ เสียงหวาน) น้องชายแท้ๆ ของ เจ้าคุณราชาพิพิธ (สะอาด เปี่ยมพงศ์สานต์) ผู้เป็นบิดาของหม่อมพรรณราย ที่สำคัญมารดาของพจมานเมื่อครั้งติดตามบิดาของพจมานมาอาศัยอยู่ที่บ้านทรายทอง เพื่อเรียนวิชากฎหมาย ได้เคยบริบาลเฝ้าไข้คุณยายของคุณหญิงใหญ่จวบวาระสุดท้ายของชีวิต คุณหญิงใหญ่ซาบซึ้งในความดี และตัดปัญหารำคาญใจเรื่องที่หม่อมพรรณรายกล่าวหาว่าเธอเป็นผู้ชักนำพจมานเข้ามาอยู่ในบ้าน ด้วยการรับอาสาดูแลพจมาน และให้พจมานอยู่ภายใต้การปกครองของเธอขณะอาศัยอยู่ในบ้านทรายทอง แรกทีเดียวคุณหญิงใหญ่มีความกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายในการเรียนของพจมานอยู่บ้าง เนื่องจากเธอเองไม่ได้มีรายได้อะไร นอกจากเงินเดือนซึ่งเป็นเงินกองกลางจากมรดกของตระกูล เธอไม่ได้เรียนจนสำเร็จการศึกษา จึงไม่มีอาชีพ เพราะเมื่อรุ่นสาวเกิดมีความรักกับบุตรชายผู้ดูแลมรดกและทรัพย์สินของตระกูล ซึ่งสร้างความไม่พอใจให้หม่อมพรรณรายเป็นอย่างมาก จึงสั่งห้ามเธอออกจากบริเวณบ้านเพื่อไม่ให้มีโอกาสได้พบกับคนรัก เธอจึงต้องออกจากโรงเรียนโดยปริยาย นับแต่นั้นมาคุณหญิงใหญ่ก็กลายเป็นคนเย็นชา หม่นหมอง อารมณ์แปรปรวน และคุ้มดีคุ้มร้ายในสายตาของผู้อื่น แต่เมื่อซักถามพจมาน จึงทราบความจริงว่าบิดาของพจมานได้กันเงินสำหรับค่าเล่าเรียนของบุตรสาวไว้แล้วจำนวนหนึ่ง ไม่มีใครต้องเป็นธุระเรื่องค่าเล่าเรียนหรือค่าใช้จ่ายส่วนตัวของพจมาน นอกจากขอเพียงแค่ที่พักและอาหารเท่านั้น หญิงใหญ่จึงดูแลพจมานได้สนิทใจมากขึ้น แต่นั่นก็เป็นจุดเริ่มต้นของความคลางแคลงใจในตัวมารดาว่าเหตุใดหม่อมพรรณรายจึงกีดกันพจมานให้ไปจากบ้านทรายทอง ทั้งที่ไม่ต้องเลี้ยงดูปูเสื่ออะไรพจมานมากมาย
ฝ่ายคุณหญิงเล็ก ผู้มีอารมณ์ร้อน หลงใหลในความหรูหราฟู่ฟ่า เชื่อคำบอกเล่าของมารดาทั้งหมด และรู้สึกว่าพจมานมารบกวนและสร้างความรำคาญให้แก่เธอและผู้คนในบ้านทรายทอง จึงเริ่มจงเกลียดจงชังพจมานและหาทางกำจัดออกจากบ้าน แต่พจมานไม่ใช่คนอ่อนแอและยอมคนหากตัวเองไม่มีความผิด คุณหญิงเล็กกับพจมานจึงกลายเป็นไม้เบื่อไม้เมากันเสมอ พจมานอาศัยอยู่ในบ้านทรายทองท่ามกลางความกดดันและการกลั่นแกล้งต่างๆ จะมีก็เพียงเพื่อนคลายเหงาเป็นเด็กชายวัย 14 ปี คือ ม.ร.ว ภาณุทัตสวัสดี หรือ คุณชายน้อย (พีรพล เพิ่มเพ็ชร์) ลูกคนสุดท้องของหม่อมพรรณราย ที่มีร่างกายพิการ ขาเป๋ ปากเบี้ยว และรูปร่างเล็กกว่าอายุจริง และเกิดมาได้ไม่นานทูลหม่อมพ่อก็เสียชีวิต หม่อมพรรณรายจึงชิงชังลูกชายคนนี้ถึงขั้นโยนให้ แม่นมทิพย์ (วาสนา สิทธิเวช) เลี้ยงดูที่เรือนคนใช้ พจมานเอ็นดูสงสารชายน้อย เพราะคิดถึง พจนา (สวีเดน ทะสานนท์) น้องชายคนกลางพี่ชายของ พจนีย์ (กชกร ส่งแสงเติม) น้องสาวคนเล็กของเธอ คุณนมทิพย์เองก็มีความเมตตา ใจดีต่อพจมาน นอกจากคุณชายน้อยแล้ว พจมานยังรักใคร่สนิทสนมกับคุณนมทิพย์เป็นอย่างดี พจมานถึงจะพักอยู่ในบ้านทรายทองอย่างผู้อาศัย ต้องทำงานบ้านแทบไม่ต่างจากบ่าวไพร่ แต่เธอก็ตั้งหน้าตั้งตาเรียนหนังสือตามคำสั่งเสียของบิดา หากแต่การเรียนของเธอก็แย่ลงตามลำดับ เนื่องจากต้องแบ่งเวลาไปช่วยงานในบ้าน จนแทบไม่มีเวลาทบทวนตำรา พจมานขอแยกห้องจากหญิงใหญ่ไปอยู่เรือนคนใช้เพื่อจะได้ทบทวนตำราเรียนยามดึกได้สะดวก ขณะเดียวกัน คุณแพรวพรรณ (สรารัตน์ หรุ่มเรืองวงศ์) น้องสาวคนเดียวของหม่อมพรรณราย ก็กลับจากต่างประเทศและย้ายมาขออาศัยอยู่ที่บ้านทรายทองพร้อมกับลูกๆ และสามีกะทันหัน เพราะบ้านในเมืองไทยนั้นปล่อยให้ผู้อื่นเช่าขณะที่ตนและครอบครัวใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศ
พจมานทราบว่าเจ้าคุณราชาพิพิธ พี่ชายแท้ๆ ของคุณปู่สุรพล ผู้เป็นบิดาของ พนา พินิตนันทน์ บิดาของเธอ ยังมีชีวิตอยู่ที่ตึกขวางของบ้านทรายทอง จึงต้องการเข้าไปกราบเรียนว่าเธอได้เข้ามาขออาศัยบารมีท่านในบ้านทรายทอง แต่เมื่อไปพบเข้าจริงๆ เจ้าคุณราชาพิพิธกลับมีอาการหวาดผวา เมื่อได้ยินชื่อ สุรพล และเพ้อออกมาเป็นคำพูดแปลกๆ มากมาย จนอาการป่วยทรุดหนัก พจมานจึงถูกสั่งห้ามไม่ให้เข้าไปพบท่านอีก แต่มีสิ่งหนึ่งที่ทำให้พจมานอดทนต่อความอยากรู้อยากเห็นไม่ไหวคือ ความเปล่าเปลี่ยวรกร้างของตึกขวาง ที่ดูเหมือนจะถูกปิดตาย วันหนึ่งเมื่อสบโอกาสพจมานจึงลองลัดเลาะเดินไปสำรวจที่ตึกขวาง แต่ภาพที่เธอเห็นสร้างความประหวั่นพรั่นพรึงและน่าตกใจกลัวให้แก่เธอเป็นอย่างมาก ภาพของหญิงชราผมขาว ที่เดินถือเครื่องเซ่นไหว้ไปตั้งที่หน้าโลงศพ พร้อมกลิ่นธูปตลบอบอวน พจมานคิดว่าเธอโดนผีหลอก แต่ยังมีสติพาตัวเองวิ่งกลับมาที่หน้าตึกฝั่งที่พักอาศัย ความตกใจสุดขีดประกอบกับเมื่อชนเข้าอย่างจังกับสุภาพบุรุษท่านหนึ่ง ทำให้พจมานถึงกับหวีดร้องและสิ้นสติไปทันที ชายผู้นั้น คือ ม.ร.ว ภราดาพัฒน์ระพี หรือ คุณชายกลาง (วีรภาพ สุภาพไพบูลย์) แห่งบ้านทรายทอง ที่เพิ่งกลับจากการไปดูงานที่ต่างประเทศ แรกทีเดียวเขาเองไม่ทราบว่าพจมานเป็นใคร แต่เมื่อพบว่าหมดสติจึงพาไปส่งที่ห้องของชายน้อย เพื่อให้คุณนมดูแล และได้รับข้อมูลของพจมานจากบุคคลรอบตัวตามลำดับ การกลับมาของคุณชายกลาง เปรียบได้กับฤดูดอกประดู่บาน พลิกฟื้นความแร้นแค้นทั้งร่างกายและจิตใจของผู้อาศัยอยู่ในบ้านทรายทอง ตั้งแต่คนใกล้ชิดอย่างชายน้อยที่ได้รับการส่งตัวไปรักษา ตลอดจนบ่าวไพร่ รวมไปถึงพจมานด้วย เธอได้รับอนุญาตให้มีห้องพักเป็นของตัวเองชั้นบนเทียบเท่าญาติพี่น้อง และได้รับการช่วยเหลือเรื่องเงินทอง เมื่อปะเหมาะเคราะห์ร้าย มารดาของเธออาจไม่มีเงินส่งเสียให้เธอเรียนจนสำเร็จการศึกษาได้ พจมานจึงเปลี่ยนมือไปตกอยู่ในความปกครองของคุณชายกลาง เธอและเขาต่างจึงเข้ามามีบทบาทในชีวิตของกันและกันตามลำดับ
เหตุการณ์ที่กำลังดำเนินไปได้ด้วยดีต้องมีอันพลิกผัน เมื่อคุณชายกลางต้องเดินทางไปดูงานที่ไซ่ง่อน จังหวะนั้นเองคุณหญิงเล็กซึ่งจงเกลียดจงชังพจมานมากขึ้นทุกวัน จึงเริ่มวางแผนทำลายพจมานให้เสียคนโดยการพาพจมานไปเข้าสมาคมและทำความรู้จักกับบุคคลต่างๆ ซึ่งมีความประพฤติไม่ดี ส่วนมากจะเป็นเสือผู้หญิงมากหน้าหลายตา โดยทำทีขอตอบแทนพระคุณของคุณชายกลางที่มอบเงินในการจัดงานหมั้นระหว่างเธอกับ ท่านชายอเนกนพรัตน์ หรือ ท่านต้อม (เขตต์ ฐานทัพ) เจ้าพี่ของ ท่านหญิงปิยะฉัตรโสภา หรือ ท่านติ๋ว (ขวัญกวินท์ ธำรงรัฐเศรษฐ์) สตรีสูงศักด์ซึ่งสนิทสนมกับคุณหญิงเล็กเพราะหมายปองในตัวคุณชายกลาง โดยอาสาจะเป็นผู้ปกครองให้แก่พจมาน และรับปากว่าจะดูแลพจมานเป็นอย่างดี คุณชายกลางตกลงให้คุณหญิงเล็กดูแลพจมาน แผนร้ายต่างๆ จึงเริ่มต้นขึ้น หญิงเล็กอนุญาตให้ นกุล (ชยพล บุนนาค) เพื่อนชายคนสนิทของพจมานที่เติบโตมาด้วยกันตั้งแต่อยู่บ้านต่างจังหวัดมาพบพจมานที่บ้านทรายทองได้ ทั้งที่ตอนต้นเคยกระทั่งตบหน้าพจมานและสั่งห้ามเด็ดขาดไม่ให้พบปะกับนกุล แต่ครั้งนี้หญิงเล็กหวังจะให้ทั้งสองมีโอกาสใกล้ชิดและทำเรื่องไม่ดีไม่งามขึ้น แต่การณ์กลับไม่เป็นไปตามคาด เมื่อไม่สำเร็จคุณหญิงเล็กจึงพาพจมานออกสมาคม ไปเต้นรำ ตีเทนนิส ดื่มน้ำชา ตามที่ต่างๆ ซึ่งจะมีท่านต้อมไปด้วยเสมอ และบุคคลที่คุณหญิงเล็กชักนำให้พจมานชิดเชื้อด้วยก็ล้วนแต่เป็นคนมีประวัติไม่สวย ท่านต้อมเห็นใจในความซื่อและใฝ่ดีของพจมานจึงคอยปกป้องพจมานบ่อยๆ หญิงเล็กไม่วางมือจากพจมานง่ายๆ บังคับให้พจมานเดินทางไปบางปูกับครูสอนดนตรี ซึ่งเบื้องหลังคือผู้ผลิตหนังลามกที่มักล่อลวงเด็กสาวๆ ไปถ่ายทำหนังอนาจาร เรื่องนี้ทำให้ท่านต้อมไม่พอใจและมีปากเสียงกับคุณหญิงเล็ก พจมานมาได้ยินเข้า จึงทราบความในใจว่าคุณหญิงเล็กไม่เคยหวังดีกับเธอเลย แต่ความดื้อรั้นบางอย่างก็ทำให้เธอตัดสินใจเดินทางไปบางปู ท่านต้อมตามไปช่วยเหลือ และทำให้ค้นพบหัวใจตัวเองว่า ผู้หญิงที่เขารักคือพจมานหาใช่คุณหญิงเล็กไม่ พจมานใช้ไหวพริบในการพูดจาโน้มน้าวจิตใจของครูสอนดนตรี เพื่อไม่ให้เขาล่อลวงเธอไป แต่สุดท้ายจะสำเร็จหรือไม่ในการโน้มน้าวนั้นก็สุดรู้ เพราะรถของท่านต้อมมาไม่ทันคณะของพจมาน เจอเพียงนกุลที่มาร่วมงานเดียวกันแต่คนละคณะ จึงปล่อยให้พจมานกลับไปกับคณะเดิม ขากลับรถของพจมานประสบอุบัติเหตุพลิกคว่ำที่ทางเข้าสถานที่ฉายหนังลามก พจมานได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย ท่านต้อมและนกุลตามมาพบเหตุการณ์จึงรีบตามไปรับพจมานที่โรงพัก เพื่อพากลับบ้านทรายทอง
ขณะเดียวกันหลังจากมีปากเสียงกับท่านต้อม หญิงเล็กก็มีปากเสียงกับหญิงใหญ่ และเรื่องราวก็บานปลายไปเกี่ยวกับข่าวระแคะระคายเรื่องเจ้าของสิทธิ์ครอบครองบ้านทรายทอง ว่าไม่ใช่คุณชายกลางอย่างที่เข้าใจ คุณหญิงเล็กเกรี้ยวกราดเอาแต่อารมณ์วิ่งถลันไปที่ตึกขวาง อาละวาดเอากับเจ้าคุณราชาพิพิธ จนอาการทรุดหนักลงทันที เมื่อพจมานกลับถึงบ้านทรายทองเธอถูกตามตัวให้ไปดูใจท่านเจ้าคุณ ในขณะที่คุณหญิงเล็กยังไม่หยุดเกรี้ยวกราด สุดท้ายท่านเจ้าคุณสารภาพว่า บ้านทรายทองเป็นของสุรพล น้องชายของท่าน ผู้เป็นเจ้าของที่แท้จริงของบ้านทรายทองคือทายาทของสุรพล นั่นก็คือพจมานนั่นเอง ท่ามกลางความตกตะลึง พจมานปฎิเสธที่จะรับสิทธิ์นั้น รุ่งเช้าเจ้าคุณราชาพิพิธก็สิ้นใจโดยที่คุณชายกลางยังไม่กลับมา หลังจากเจ้าคุณสิ้นบุญได้ไม่นาน พจมานก็ได้รับโทรเลขจากพจนา ผู้เป็นน้องชายว่ามีเรื่องร้อนให้รีบกลับบ้าน นกุลอาสากลับไปเป็นเพื่อน และเรื่องร้อนที่พจมานได้รับทราบคือการหนีตามผู้ชายไปของพจนีย์น้องสาวคนเล็กของเธอ และทรัพย์สินที่บิดาทิ้งไว้ให้ก็ร่อยหรอหมดไปจนต้องเอาบ้านและที่ดินไปจำนอง ส่วนพจนาเองก็ได้ลูกสาวตาแป๊ะปลูกผักมาเป็นภรรยา พจมานรู้สึกท้อแท้ใจ แต่อะไรไม่ร้ายเท่ามารดาพยายามเกลี้ยกล่อมให้เธอแต่งงานกับบุตรชายเศรษฐีท้องถิ่นเพื่อกู้หน้าและพยุงฐานะของครอบครัว ระหว่างที่พจมานเดินทางกลับบ้านคุณชายกลางเองก็เดินทางกลับมาถึงที่บ้านทรายทอง หลังได้รับทราบความจริงที่เกิดขึ้นก็ตัดสินใจจะย้ายออกจากบ้านทรายทอง เพื่อคืนกรรมสิทธิ์ให้แก่พจมานและครอบครัว ท่านต้อมเมื่อทราบข่าวว่าคุณชายกลางกลับมา ก็ขอนัดพบเพื่อขอถอนหมั้นคุณหญิงเล็กและขอหมั้นกับพจมาน คล้ายกับให้คุณชายกลางเป็นเถ้าแก่ ในขณะที่พจมานกำลังถูกมารดากดดันและมารดาของฝ่ายชายมาทาบทามด้วยตัวเองถึงบ้าน เรือยนต์คันโก้ก็วิ่งเข้ามาเทียบท่าที่หน้าบ้านพจมาน ผู้ที่ลงมาจากเรือไม่ใช่ใครอื่นไกลแต่คือคุณชายกลาง พจมานปลาบปลื้มมาก แต่ข่าวที่ได้รับคือการคืนบ้านทรายทองให้แก่เธอและจะย้ายจากไป กับการทาบทามเธอให้กับท่านต้อม พจมานร้องไห้ คุณชายกลางจึงกลับไปโดยที่ไม่ได้เปิดเผยความในใจที่แท้จริงของกันและกัน แต่เขากำชับให้เธอกลับไปที่บ้านทรายทองในวันถัดไป
พจมานกลับมาที่บ้านทรายทองคราวนี้ได้รับการต้อนรับผิดไปจากคราวแรกราวกับพลิกฝ่ามือ คุณหญิงใหญ่ไปรับเธอที่สถานีรถไฟ บ่าวไพร่ยิ้มแย้มแจ่มใสจัดห้องไว้รองรับ ได้รับประทานอาหารร่วมโต๊ะกับคุณหญิงใหญ่และคุณชายกลาง ส่วนคุณหญิงเล็กและหม่อมพรรณราย ย้ายไปอยู่บ้านที่ศรีราชาชั่วคราว วงสังคมตื่นเต้นกับการปรากฏตัวของเจ้าของบ้านทรายทองคนใหม่ แต่พจมานยืนยันความคิดเดิมคือไม่รับเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ คุณชายกลางก็ยืนยันเช่นกันว่าจะย้ายออกไป แต่ต้องใช้เวลาในการสร้างบ้านหลังใหม่ ระหว่างนี้ก็จะอาศัยอยู่ที่บ้านทรายทองไปพลางๆ ทางคุณชายน้อยที่ไปรักษาตัวกับนายแพทย์ฝรั่ง ผลการรักษาไม่ประสบผลสูงสุดถึงขั้นหายขาด แต่ก็พอที่จะเดินเหินได้สะดวกขึ้น จึงรับตัวกลับมาและได้ย้ายห้องมาอยู่ชั้นบน แทนคุณแพรวพรรณซึ่งไปปลูกบ้านหลังใหม่ของตัวเอง วันหนึ่งคุณหญิงใหญ่หยิบกล่องสายสร้อยที่คุณชายกลางซื้อมาฝากพจมานเมื่อครั้งกลับจากไซ่ง่อน แต่ไม่ทันได้พบกันเพราะพจมานกลับบ้าน คุณหญิงใหญ่เดินไปหาพจมานที่ห้อง สวมสร้อยให้และชี้แนะวิธีคิด สิทธิ์ของการตัดสินใจในเรื่องความรัก และบอกเป็นนัยๆ ว่าคุณชายกลางรู้สึกพิเศษต่อพจมาน จังหวะนั้นบ่าวขึ้นมาตาม แจ้งว่าคุณชายกลางให้มาเรียนว่าท่านต้อมมาขอพบ คุณหญิงใหญ่พูดกับพจมานอย่างหวังดีว่าถึงเวลาแล้วที่พจมานจะต้องเลือกคนที่เธอรัก พจมานปรากฏตัวต่อหน้าท่านชายต้อมผู้เพียบพร้อม โดยไม่รู้ว่าชายกลางยืนแอบมองอยู่ แต่แล้วนกุลก็ปรากฎตัวขึ้นเช่นกัน พจมานดีใจที่ได้พบเพื่อนรัก ในวินาทีแห่งการตัดสินใจ เธอจึงลืมตัวตรงไปที่นกุล ท่านชายต้อมถึงกับงงงัน ยอมรับการปฏิเสธ ขณะที่ชายกลางก็ประหลาดใจและผิดหวังมาก เดินหายเข้าไปในห้องสมุด พจมานรู้สึกตัว ทิ้งชายหนุ่มตรงหน้าทั้งสองคนไว้แล้ววิ่งตามชายกลางไปที่ห้องสมุด ทำให้ทุกคนทราบคำตอบว่าแท้ที่สุดแล้วคนที่เธอเลือกที่จะรักก็คือคุณชายกลางนั่นเอง แต่นั่นย่อมไม่ใช่จุดจบของเรื่องราว หากเป็นปฐมบทแห่งการเริ่มต้นชีวิตรักระหว่างคุณชายกลางและพจมาน สว่างวงศ์ แห่งบ้านทรายทอง
หลังจากเสร็จสิ้นพิธีศพท่านเจ้าคุณราชาพิพิธ ข่าวเรื่องพิธีสมรสระหว่างชายกลางกับพจมานที่จะมีขึ้นเร็วๆ นี้ ด้วยเหตุที่ยังไม่ประสงค์ให้ข่าวนี้แพร่ออกไปยังวงสังคม จึงมีเพียง เสาวรัจ (พิมพ์ปวีณ์ โคกระบินทร์) ที่พจมานเป็นผู้แจ้งข่าวเป็นคนแรก และเสาวรัจก็เป็นผู้ส่งต่อข่าว เป็นร่ำลือกันในกลุ่มเพื่อนๆ ของพจมาน เสาวรัจซึ่งได้มีโอกาสไปเยี่ยมพจมานที่บ้านทรายทอง ก็ได้เล่าให้ฟังถึงความเป็นอยู่ของพจมานว่าไม่เหมือนแต่ก่อน เนื่องจากหม่อมพรรณรายกับหญิงเล็กย้ายไปอยู่ตึกขวาง และหม่อมไม่ประสงค์ที่จะเข้ามายุ่งเกี่ยวในบ้านทรายทอง ทำให้พจมานอาศัยอยู่ในบ้านได้เปรียบเสมือนเป็นเจ้าของบ้านคนหนึ่งเช่นกัน ท่านหญิงอ้อม (พิมประภา ตั้งประภาพร) จึงประสงค์จะเลี้ยงก่อนวันฉลองสมรสให้พจมาน และชักชวนพจมานและเพื่อนๆ มาร่วมฉลองกันที่วังท่านหญิงอ้อม ซึ่งในนั้นมี ภาณี (กชกร ส่งแสงเติม) สาวใช้คนใหม่ของวังท่านหญิงอ้อม ที่แอบมองพจมานด้วยความริษยา ซึ่งภาณีหรืออีกชื่อหนึ่งก็คือพจนีย์ น้องสาวของพจมานนั่นเอง เธอริษยาที่พจมานจะได้ครอบครองบ้านทรายทอง เธอรู้สึกว่าพจมานได้ทุกอย่างไปคนเดียว พจนีย์รอวันที่จะได้เข้าไปเปิดตัวในฐานะน้องสาวของเจ้าของบ้าน
พิธีสมรสระหว่างชายกลางและพจมานไปด้วยความเรียบร้อย โดยมีหญิงใหญ่เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงในการจัดงาน แม้จะเหน็ดเหนื่อยและบ่นสารพัด แต่หญิงใหญ่ก็ทำให้ด้วยความเต็มใจ ทั้งชายกลางและพจมานรู้สึกซาบซึ้งใจหญิงใหญ่มาก แม้หม่อมพรรณรายจะไม่ใคร่เต็มในการร่วมงานแต่งนัก แต่ด้วยเกรงใจแขกผู้ใหญ่จึงต้องจำใจมาร่วมพิธี ส่วนหญิงเล็กก็ลอบไปสงขลาเพื่อหลีกเลี่ยงไปร่วมพิธีของพี่ชายและพจมานที่ตนรังเกียจ สิริอร (อธิชนันท์ ศรีเสวก) ซึ่งอกหักจากชายกลางก็แต่งงานกับ เกริกวิทย์ (นวพล ภูวดล) และไปร่วมงานแต่งพร้อมกับ ท่านผู้หญิงไฉไล (วิไลลักษณ์ ไวงาน) และ หลวงนฤสารวาที (ปริยะ วิมลโนช) และพจนีย์ก็ปรากฏตัวในคืนวันแต่งงานของพจมาน พจมานตกใจปนดีใจที่จู่ๆ พจนีย์มาปรากฏตัว แต่พจนีย์ไม่ได้มาด้วยความยินดีที่พี่สาวแต่งงาน แต่มาต่อว่าที่พจมานเห็นแก่ตัวและไม่เคยแบ่งอะไรให้น้องๆ เลย พจมานรู้สึกเสียใจที่พจนีย์คิดกับเธอแบบนั้น ทั้งๆ ที่พจมานต้องฝ่าฟันอุปสรรคอะไรหลายๆ อย่าง และพจนีย์ประกาศว่าในเมื่อบ้านทรายทองตกเป็นของพจมานแล้ว พจนีย์ก็มีสิทธิ์ที่จะอยู่ในบ้านหลังนี้เช่นกัน หลังจากพจนีย์เข้ามาก็สร้างความไม่สบายใจให้กับพจมาน เพราะพจนีย์ผยองเสมอเหมือนเป็นเจ้าของบ้านเอง ยุ่มย่ามกับของส่วนตัวของพจมาน อีกทั้งยังแสดงท่าทางรังเกียจชายน้อยที่พิการ เป็นที่ไม่พอใจของนมทิพย์ อีกทั้งหญิงใหญ่ก็มีท่าทีระอาทำให้พจมานต้องสั่งให้พจนีย์ทำตัวเสมือนเป็นผู้อาศัยและมีความเกรงใจต่อหญิงใหญ่และคุณชายกลางด้วย แต่พจนีย์ก็ทำหูทวนลมไป
ชายกลางได้พาพจมานไปดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์ที่ศรีราชา โดยมี แจ่ม (พิมพากานต์ วงษ์ศรีแก้ว) ตามไปเป็นผู้ดูแลด้วย ในเวลา 5 วัน พจมานได้พบกับความสงบและลืมเรื่องวุ่นวายในบ้านทรายทอง แม้ชายกลางจะไม่ได้ปรนนิบัติเหมือนคู่รักที่เพิ่งแต่งงาน แต่ก็สามารถดูออกว่าชายกลางและพจมานต่างก็มีความสุขกับการมาดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์ในครั้งนี้ ระหว่างนั้นที่บ้านทรายทองก็ได้รับ สายใจ (สิดาภา เจิมงามพริ้ง) แม่บ้านที่จะเข้ามาดูแลบ้านทรายทอง หลังจากหญิงใหญ่ตัดสินใจจะไปอยู่เพชรบุรี ซึ่งสายใจนั้นเป็นคนที่เพื่อนสนิทของหม่อมพรรณรายแนะนำให้ สายใจจึงเหมือนเป็นคนคอยส่งข่าวเรื่องของคนที่ตึกนอกมาให้หม่อมพรรณรายได้รับรู้ หม่อมพรรณรายก็มักจะว่าพจมานเป็นไพร่ ให้สายใจดูแลกิจการในบ้านทรายทองให้ดี ทำให้สายใจกระด้างกระเดื่องไม่เคารพพจมานเท่าที่ควร หลังจากกลับจากดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์พจมานก็มีเรื่องให้ต้องแคลงใจอีก เพราะพจนีย์มาบอกว่าหม่อมพรรณรายป่าวประกาศไปทั่วว่า ที่ชายกลางแต่งงานกับพจมานเพราะต้องการบ้านทรายทอง และชายกลางไม่เคยรักพจมานเลย พจมานเก็บเอาไปคิดมาก เพราะเธอเองก็รู้สึกเช่นกันว่าที่ชายกลางแต่งงานกับเธอเพราะอะไรกันแน่ ชายกลางเองก็ไม่เคยบอกคำว่ารักกับพจมานเลยสักครั้ง ทำให้พจมานปั้นปึ่งใส่ชายกลาง เมื่อเห็นท่าทีของพจมานที่เปลี่ยนไป ชายกลางจึงถามกับพจมานตรงๆ พจมานก็เล่าให้สิ่งที่พจนีย์ได้บอกเธอให้ชายกลางฟัง ชายกลางรู้สึกน้อยใจที่พจมานไม่รู้ใจของเขาเลย ทั้งสองมีปากเสียงกัน รุ่งขึ้นพจมานจะไปพูดกับหม่อมพรรณรายให้รู้เรื่อง หม่อมพรรณรายยอมรับอย่างไม่รู้สึกรู้สาว่าตนพูดเช่นนั้นจริง และกล่าวหาว่าพจมานยังรักใคร่ชอบพอกับนกุลอยู่ พจมานรู้สึกโกรธและออกคำสั่งไม่ให้คนใช้ของหม่อมพรรณรายเข้าไปที่ตึกนอกอีก หม่อมพรรณรายได้โอกาสก็เอาเรื่องพจมานบุกมาที่ตึกขวางไปเล่าให้หญิงใหญ่ในทำนองตัดพ้อว่า พจมานไม่เห็นหัวหม่อม เพราะหล่อนเป็นเจ้าของบ้านแล้ว หญิงใหญ่ได้ฟังก็เฉยๆ และได้นำมาพูดกับพจมานให้พจมานนึกถึงที่ชายกลางปฏิบัติเมื่อครั้งที่เธอเจ็บไข้ได้ป่วยหรือเผชิญกับปัญหา นั่นจึงทำให้พจมานคิดได้และตั้งใจจะคืนดีกับชายกลาง แต่ก็ไม่ทันจะได้พูดปรับความเข้าใจกัน พจมานก็เห็นภาพที่ชายกลางมากับสิริอรที่กลับมาจากจากดูหนังด้วยกัน และคำพูดที่สิริอรพูดถึงเนื้อเรื่องในหนังเกี่ยวกับการแต่งงานเพราะเงินเหมือนจะพูดกระทบพจมานด้วย พจมานได้ฟังก็สะอึกและรีบหลบไป ชายกลางตามไปพูดกับพจมานที่ยังงอนอยู่ พจมานเองอยากได้ยินจากปากของชายกลางว่าเขารักเธอ แต่ชายกลางนั้นถือว่าการกระทำนั้นสำคัญกว่าคำพูด แต่ในใจลึกๆ ก็รู้ดีว่าชายกลางนั้นรักพจมานสุดหัวใจ
ทางด้านหญิงเล็กที่ตอนนี้พบรักอยู่กับ นายเติม ธีระวณิช (ศรุต วิจิตรานนท์) พ่อค้าผู้มั่งคั่ง เป็นหนุ่มใหญ่ซึ่งมีอายุมากกว่าหญิงเล็กหนึ่งรอบปี นายเติมนั้นเดิมมีครอบครัวอยู่ มีลูกสาวอายุ 15 ปี ส่วนเมียนั้นตายเสียแล้ว หญิงเล็กหลังจากถูกท่านต้อมขอถอนหมั้นก็ชอกช้ำระกำใจ จึงขอไปพักใจที่สงขลาหวังจะไปพักใจและอีกหนึ่งเพื่อหลบงานแต่งงานของชายกลางและพจมาน หญิงเล็กก็ได้พบกับนายเติม และตัดสินใจแต่งงานกัน ทั้งที่ใจหญิงเล็กไม่ได้รักใคร่ชอบพอนายเติมเลย แต่ต้องการหักหน้าท่านต้อมและลบคำสบประมาทของหญิงใหญ่ที่ว่าหญิงเล็กจะต้องขึ้นคาน ด้านหม่อมพรรณรายถึงจะไม่ยินดีที่หญิงเล็กไม่ได้ลงเอยกับคนหนุ่มอย่างท่านต้อม แต่เมื่อเห็นนายเติมมีฐานะมั่งคั่งก็พลอยสนับสนุนหญิงเล็กไปด้วย แต่ชายกลางกลับเป็นห่วงที่หญิงเล็กตัดสินใจแต่งงานกะทันหันเช่นนี้ พจมานรู้สึกเป็นห่วงจึงอยากจะช่วยพูดกับท่านต้อมให้ลองพิจารณาหญิงเล็กอีกครั้ง อาจทำให้ชายกลางคลายความกังวลใจ แต่ท่านต้อมก็ชัดเจนว่าตนไม่ได้รักหญิงเล็กแล้ว แถมยังกล่าวชื่นชมที่ชายกลางมีภรรยาที่ดีอย่างพจมาน ขนาดหญิงเล็กที่เกลียดพจมานแต่พจมานยังอุตส่าห์เป็นห่วงหญิงเล็กอยู่ กำหนดการแต่งงานระหว่างหญิงเล็กและนายเติมใกล้เข้ามาทุกที หญิงเล็กอยากได้สร้อยประจำตระกูลที่บัดนี้ตกเป็นของพจมานแล้วมาประดับในวันแต่งงาน หม่อมพรรณรายอ้อนวอนขอให้ชายกลางช่วยไปขอกับพจมานให้ แต่ชายกลางว่าต้องแล้วแต่ทางพจมานและให้ไปขอกับพจมานเองเพราะเขาเป็นเจ้าของ หญิงเล็กและหม่อมก็ตัดพ้อน้อยใจที่ชายกลางเห็นพจมานดีกว่าแม่และน้อง หญิงเล็กประกาศจะไม่ยอมเสียศักดิ์ศรีไปขอยืมด้วยตนเองเด็ดขาด ด้านเติมก็ปลอบหญิงเล็กว่าจะจัดหาเครื่องเพชรให้ หม่อมพรรณรายได้ฟังก็กระหยิ่มใจ
ด้านพจนีย์หลังจากมาอยู่ในบ้านทรายทองมีบุญเรือนเป็นลูกคู่สาวใช้รองมือรองเท้า พยายามเข้าหาชายกลาง ด้วยความอิจฉาที่พจมานได้แต่งงานกับหนุ่มหล่อสูงศักดิ์ แต่ชายกลางนั้นมองพจนีย์แว่บเดียวก็รู้ว่าพจนีย์นี้เป็นคนประเภทใด จึงพยายามเลี่ยงที่จะเสวนาด้วย วันหนึ่งพจนีย์ไปจ่ายของที่ตลาด บังเอิญเจอป้าของ นิเวศน์ คงเยี่ยมจิต (สุรศักดิ์ โชติทินวัฒน์) สามีเก่าที่เป็นครูสอนดนตรี ที่พจนีย์หนีไปด้วยกันก่อนจะถูกนิเวศน์ผลาญเงินจนหมดตัว พจนีย์ยกตนข่มว่าตอนนี้ได้เป็นเจ้าของบ้านทรายทองและเป็นภรรยาของชายกลาง ป้าของนิเวศน์ก็เอาข่าวนี้ไปบอกกับนิเวศน์ ส่วนนิเวศน์ก็หวังจะไถเงินจากพจนีย์จึงมาหาที่บ้านทรายทอง แต่กลับพบกับพจมานแทน พจมานมองนิเวศน์ปราดเดียวก็รู้ว่านิเวศน์มีจุดประสงค์ไม่ดี จึงให้เงินก้อนหนึ่งและให้นิเวศน์ทำสัญญาว่าจะไม่มายุ่งเกี่ยวกับพจนีย์ นิเวศน์เมื่อได้เงินแล้วก็รับปาก แต่ไม่พ้นสายตาของสายใจที่แอบเห็นและเอาไปซุบซิบนินทาว่าพจมานมีผู้ชายท่าทางกุ๊ยมาหาและแอบให้เงินกัน และต่างว่ากันไปในทางชู้สาว เช้าวันพิธีก็เกิดเรื่องเนื่องจากเครื่องเพชรที่เติมเป็นผู้หามานั้นทั้งเก่าคร่ำครึ ทั้งหมองไม่เหมาะกับชุดของหญิงเล็ก แต่หญิงเล็กก็ยังถือทิฐิไม่ไปขอยืมสร้อยกับพจมาน จนใกล้เวลานมทิพย์ก็นำกล่องสร้อยประจำตระกูลมามอบให้ หญิงเล็กดีใจมาก แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้หญิงเล็กรู้สึกดีกับพจมาน มิหนำซ้ำยังหาทางจะพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่าพจมานไม่เหมาะกับการเป็นเจ้าของทุกอย่างในบ้านทรายทอง ซึ่งในงานพิธีก็เป็นไปอย่างเรียบร้อย แต่ปราศจากชายกลาง พจมาน และหญิงใหญ่ไปร่วมงานเลี้ยง แต่ที่พจมานไม่ไปนั้นก็เพราะไม่สบายหนักและอีกอย่างหญิงเล็กก็ประกาศว่าจะไม่เชิญพจมานมาร่วมพิธี ส่วนชายกลางเองก็เห็นว่าถ้าไปงานเพียงคนเดียวโดยปราศจากพจมาน คนก็จะเอาไปนินทาได้ ส่วนหญิงใหญ่ก็เห็นว่าตนไม่จำเป็นต้องไป หลังจากงานพิธีไม่กี่วันหญิงเล็กก็ย้ายไปอยู่ที่บ้านของเติม ซึ่งเติมนั้นมีภรรยาอยู่แล้วถึงสองคนคือ วิภา (มนตะกานต์ ทองขาว) และ สมฤทัย (ณัทกัญญา โควสุวรรณ) เมียทั้งสองต่อหน้าเติมก็ปฏิบัติกับหญิงเล็กเหมือนไม่มีอะไร แต่ลับหลังมักจะคอยหาเรื่องกระแนะกระแหนหญิงเล็กตลอดเวลา หญิงเล็กจึงได้แต่กล้ำกลืนฝืนทน
พจนีย์เอาเรื่องที่พจมานแอบคบชู้ไปบอกชายกลาง พจมานบังเอิญเห็นเข้าขณะที่จะไปบอกข่าวเรื่องท่านต้อมกับหญิงอ้อมหมั้นหมายกัน พจมานเคืองที่พจนีย์เข้าไปยุ่มย่ามกับชายกลางจึงเรียกพจนีย์มาพูดตรงๆ พจมานกับพจนีย์ทะเลาะกันอย่างรุนแรง เพราะพจนีย์กล่าวหาว่าพจมานพาผู้ชายมาทำเรื่องชู้สาว พจมานทั้งโกรธทั้งเสียใจที่น้องสาวพยายามใส่ร้ายและมองตนว่าเป็นคนไม่ดี ก็ตบพจนีย์อย่างแรงและไล่พจนีย์ออกจากบ้าน พจนีย์เก็บข้าวของและขอไปอยู่กับหม่อมพรรณรายที่ตึกขวาง ต่อมาชายน้อยเกิดป่วยหนักกะทันหันและจากไปโดยที่ทุกคนไม่คาดคิด สร้างความเสียใจมากยังบ้านทรายทอง โดยเฉพาะหม่อมพรรณรายที่ร่ำไห้ปานจะขาดใจ ที่เพิ่งจะมาแสดงให้รู้ว่ารักและอาลัยชายน้อยเอาเมื่อสายไป ชายน้อยจากไปโดยที่ยังไม่เคยได้รับความรักความเอ็นดูจากแม่ผู้ให้กำเนิด แม้แต่วาระสุดท้ายชายน้อยก็ยังเพ้อถึงนมทิพย์แทนที่จะเป็นแม่แท้ๆ อย่างหม่อมพรรณรายเอง งานศพชายน้อยจัดขึ้นอย่างเศร้าสร้อย พจมานถึงกับกินไม่ได้นอนไม่หลับ นมทิพย์บอกให้พจมานดูแลตัวเองเพราะกำลังท้องอยู่ พจมานเกิดความเหนื่อยหน่ายจึงขอชายกลางไปอยู่บ้านแม่สักพัก หญิงเล็กเห็นมาพจนีย์มาอยู่ฝั่งตัวก็ใช้ให้พจนีย์ไปค้นข้าวของเผื่อจะเจอหลักฐานที่พจมานลอบคบชู้ แต่สิ่งที่พจนีย์ได้เจอคือจดหมายของนิเวศน์ที่เขียนมาขอบคุณสำหรับเงินรักษาตัว และสัญญาที่นิเวศน์ทำไว้กับพจมานว่าจะไม่มายุ่งเกี่ยวกับพจนีย์อีก พจนีย์เพิ่งรู้ตัวเดี๋ยวนั้นเองว่าพจมานรักเธอมากแค่ไหน พจนีย์รู้สึกสำนึกผิดมาก พจนีย์รีบเอาจดหมายนี้ไปบอกกับชายกลางและทุกคนที่ตึกขวางเพื่อให้ทุกคนได้เข้าใจตัวพจมาน ชายกลางมารู้ทีหลังว่าพจมานท้องก็ดีใจมาก รีบไปหาพจมานที่บ้านและบอกพจมานมาเขารักเธอมากแค่ไหน เป็นสิ่งที่พจมานอยากได้ยินมาตลอด ชายกลางและพจมานต้องกลับมาเผชิญความจริงที่บ้านทรายทองอีกครั้ง หญิงเล็กต้องมาเป็นม่ายเมื่อรู้ว่านายเติมถูกจับเพราะลอบซุกซ่อนเพชรที่มะนิลา และต้องซมซานกลับมาอยู่บ้านทรายทอง พจมานเปิดใจต้อนรับหญิงเล็กด้วยความยินดี หม่อมพรรณรายก็ลดทิฐิยอมมาร่วมโต๊ะอาหารเย็นที่ตึกนอกบ้างแม้จะยังปั้นปึ่งอยู่บ้าง ทุกอย่างในบ้านทรายทองกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง ชายกลางโอบกอดพจมานด้วยความรักความอบอุ่นและพูดถึงลูกน้อยที่กำลังจะเกิดขึ้น ชายกลางถามพจมานว่าเธอมีความสุขไหม เพราะเขาอยากให้เธอมีความสุข พจมานไม่ตอบ ประกายตาของเธอเท่านั้นที่จะบอกได้ว่ากว่าเธอจะมีความสุขได้นั้น เธอต้องผ่านอะไรมาบ้างอย่างอดทนและเข้มแข็งตามแบบฉบับของพจมาน