ละคร บุรำปรัมปรา

ดู 5,740 ครั้ง / แชร์
ละครออกอากาศ วันจันทร์ วันอังคาร วันพุธ วันพฤหัส วันศุกร์
ช่องที่ออกอากาศ ละครช่อง 3
เริ่มออกอากาศ 9 พฤศจิกายน 2558
เวลาออกอากาศ 19:05 - 19:50 น.
  
กำกับโดย ธรธร สิริพันธ์วราภรณ์
ประพันธ์โดย บทประพันธ์ พงศกร, บทโทรทัศน์ สติณญา
นำแสดงโดย
มาสุ จรรยางค์ดีกุล ... แสนสมุทร/สมุทรกาวิน
ลักษณ์นารา เปี้ยทา ... นับดาว
เจนิล่า ปริญา แสนเมือง ... ระรินดา
จอมยุทธ์ เหล่าเจริญพรกุล ... สุดสาคร
ธารา ทิพา ... ตรีลังกา มังคลาวงศ์
นิธิ สมุทรโคจร ... มีฤทธิ์ มังคลาวงศ์
เพชรลดา เทียมเพ็ชร ... เกนหลง มังคลาวงศ์
จักรกฤษณ์ อำมะรัตน์ ... อาจณรงค์
สุธิตา เกตานนท์ ... ดารารัตน์
ณัฐนี สิทธิสมาน ... นอบน้อม
นที พิทักษ์ ... ชีเปลือย
สุธีร์ เสียงหวาน ... อัครา
ธัญวรรณ เทพหัสดิน ณ อยุธยา ... ตันหลง
เอก โอรี ... พันแสง
อภิสรา ฉวีวงษ์ ... วารี
อติรุจ สุวรรณ ... ย่องตอด
อนุธิดา อิ่มทรัพย์ ... สุภัชชา
วรากร ศวัสกร ... บูรณัชย์
เบญจสิริ วัฒนา ... ผีเสื้อสมุทร
โชติกา วงศ์วิลาศ ... นางเงือก
ผู้สร้าง บริษัท ทีวีซีน แอนด์ พิคเจอร์ จำกัด

ภาพนิ่งจากละคร

เรื่องย่อ บุรำปรัมปรา

นับดาว (ลักษณ์นารา เปี้ยทา) นักเขียนนวนิยายสาวสวย บุตรสาวของ อาจณรงค์ (จักรกฤษณ์ อำมะรัตน์) เจ้าของห้างสรรพสินค้ากาแล็กซี่ พบว่าคู่หมั้นที่กำลังจะแต่งงานด้วยกันในอีกไม่นาน ดันไปอยู่บนเตียงกับชายอื่น นับดาวเสียใจจนไม่เป็นอันเขียนนวนิยาย แม้จะถูกทางสำนักพิมพ์ทวงถามก็ตาม ระรินดา (เจนิล่า ปริญา แสนเมือง) เพื่อนสนิทของนับดาว จึงเสนอให้นับดาวหลบมาพักที่เกาะกาวินเพื่อรักษาแผลใจให้หาย จะได้เขียนนวนิยายได้ ระรินดาติดต่อมาหา แสนสมุทร (มาสุ จรรยางค์ดีกุล) เพื่อนสนิทสมัยเรียนที่ต่างประเทศด้วยกัน ซึ่งปัจจุบันเป็นเจ้าของรีสอร์ทหรูระดับห้าดาวที่เกาะกาวิน เพื่อให้รับนับดาวมาพัก โดยมีข้อแม้ว่าแสนสมุทรจะต้องแอบดูแลนับดาวอย่างใกล้ชิด เพราะระรินดากลัวว่านับดาวจะคิดสั้นฆ่าตัวตาย นับดาวเดินทางมาถึงเกาะกาวินพร้อมกับข้าวของยี่ห้อดังมากมายที่ขาดไม่ได้จนต้องขนมาด้วย แสนสมุทรที่แอบดูอยู่ยังนึกค่อนขอดว่านับดาวเว่อร์ได้ใจมากๆ

วันแรกขณะที่นับดาวพักอยู่ในรีสอร์ทก็เกิดพายุใหญ่ใหญ่เข้าถล่มเกาะกาวิน นับดาวเห็นเด็กชายคนหนึ่งกำลังถูกคลื่นซัดใกล้จม จึงรีบวิ่งออกไปช่วย แสนสมุทรรีบตามออกไปห้ามเพราะเข้าใจผิดว่านับดาวกำลังจะฆ่าตัวตาย แต่เมื่อรู้ว่ากำลังจะไปช่วยเด็กจึงออกไปช่วยด้วยกัน เด็กชายคนนั้นบอกทั้งคู่ว่าเขาชื่อ สุดสาคร (จอมยุทธ์ เหล่าเจริญพรกุล) ก่อนจะหมดสติไป นับดาวตกตะลึงเพราะเด็กน้อยแต่งกายเหมือนที่ท่านกวีเอกสุนทรภู่ ประพันธ์ไว้ในวรรณคดีเรื่องพระอภัยมณีไม่มีผิด ทว่าแสนสมุทรไปเรียนเมืองนอกตั้งแต่เด็กจึงไม่สันทัดเรื่องวรรณคดีไทยเท่าไรนัก จึงไม่รู้จักว่าสุดสาครเป็นใคร ตอนแรกทั้งนับดาวและแสนสมุทรต่างก็ไม่เชื่อว่าสุดสาครจะเป็นตัวจริงเสียงจริง ทันใดนั้นเองทั้งนับดาวกับแสนสมุทรก็ถูกโจมตีจากผีเสื้อยักษ์ นับดาวนึกถึงคำกลอนของสุนทรภู่ได้จึงคว้าไม้เท้าของสุดสาครมาใช้ป้องกันตัว และสามารถกำจัดผีเสื้อยักษ์ได้สำเร็จ ทั้งคู่ต่างก็มึนงงกับเหตุการณ์เหนือธรรมชาติที่ได้พบ แต่ก็ยังไม่สามารถหาคำตอบได้ แสนสมุทรกับนับดาวจึงตกลงกันว่าจะพาสุดสาครไปดูแลที่รีสอร์ทก่อนเป็นการชั่วคราว

เมื่อนับดาวกลับไปถึงห้องพักก็ตกใจมาก เพราะว่าข้าวของทั้งหมดที่เธอขนติดตัวมาด้วยได้แปรสภาพเป็นของราคาถูกไปหมด นับดาวโวยวายกับกับพนักงานว่าข้าวของเครื่องใช้ยี่ห้อดังของเธอถูกขโมยไป แต่พนักงานยืนยันว่าข้าวของทั้งหมดนั้นเป็นของนับดาว นับดาวออกอาการเหวี่ยงใส่ ทว่าพนักงานยืนกรานว่านับดาวเป็นเพียงนักเขียนที่ทางนิตยสารส่งมาทำสกู๊ปเรื่องเกาะกาวินเท่านั้น นับดาวนึกได้ว่าแสนสมุทรเป็นเจ้าของรีสอร์ทจึงรีบไปขอความช่วยเหลือทันที ด้านแสนสมุทรเองก็เจอปัญหาไม่ยิ่งหย่อนไปกว่านับดาว เพราะรีสอร์ทที่เคยเป็นของเขากลับมีชายที่ชื่อว่า ตรีลังกา มังคลาวงศ์ (ธารา ทิพา) มาครอบครองแทน แม้แต่ อัครา (สุธีร์ เสียงหวาน) พนักงานคนสนิท ก็ไม่มีทีท่าว่าจะจำเขาได้แม้แต่น้อย แม้แต่ใบอนุญาตสัมปทานของเกาะก็ยังเป็นชื่อของตรีลังกา นับดาวเริ่มเห็นความผิดปกติจึงบอกแสนสมุทรให้ถอยมาตั้งหลักกันก่อน ทั้งคู่กลับมานั่งปรึกษากันในห้องพัก นับดาวนึกถึงระรินดาขึ้นมาได้จึงโทรไปหาเพื่อขอความช่วยเหลือ แต่ระรินดาเพื่อนรักของนับดาวก็กลับกลายเป็นเจ้าของนิตยสารจอมโหดที่นับดาวทำงานให้ มิหนำซ้ำระรินดาก็ไม่รู้จักแสนสมุทร แต่กลับเป็นคนรักเก่าของตรีลังกาที่เมืองนอก ระรินดายืนยันว่าเป็นคนส่งนับดาวให้มาทำสารคดีที่เกาะกาวิน และนับดาวก็เป็นเพียงนักเขียนไส้แห้ง ลูกของอาจณรงค์ครูสอนภาษาไทยจนๆ กับ ดารารัตน์ (สุธิตา เกตานนท์) แม่บ้านต๊อกต๋อยเท่านั้น ด้านแสนสมุทรที่หาข้อมูลของตรีลังกาจากอินเทอร์เน็ตก็ได้คำตอบไม่ต่างจากที่รู้มา และที่เจ็บปวดไปกว่านั้นก็คือแสนสมุทรในโลกนี้กลายเป็นนายทหารเรือหนุ่มที่ถูกให้ออกจากราชการ เพราะยิงปืนใหญ่ใส่พวกเดียวกันเอง ไม่ว่าทั้งคู่จะพยายามพิสูจน์ความจริงสักเท่าใด ก็ได้คำตอบแค่เพียงว่าโลกนี้ไม่ใช่โลกใบเดิมที่ทั้งคู่เคยรู้จักอีกแล้ว แต่ที่ทั้งคู่ไม่เข้าใจก็คือเรื่องทั้งหมดนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร

เมื่อสุดสาครฟื้นขึ้นมาก็ถามหาหัสไชยกับเสาวคนธ์ พอเห็นนับดาวกับแสนสมุทรมัวแต่อ้ำอึ้งด้วยความตกใจที่เห็นสุดสาครพูดออกมาเป็นคำกลอนทั้งหมด สุดสาครจึงใช้ไม้เท้าแผลงฤทธิ์จนทั้งคู่เชื่อว่าเป็นสุดสาครตัวจริง นับดาวเล่าเหตุการณ์ในวรรณคดีให้แสนสมุทรฟังว่าหลังจากสุดสาครต่อสู้กับผีเสื้อยักษ์และช่วยหัสไชยกับเสาวคนธ์ได้สำเร็จ สุดสาครก็เดินทางไปพบกับพระอภัยมณีที่เมืองผลึกเป็นที่เรียบร้อย แสนสมุทรแย้งว่าไม่มีทางเรียบร้อยแน่ เพราะสุดสาครยังอยู่ที่นี่ นับดาวเอะใจ รีบโทรกลับไปถามดารารัตน์ว่าเหตุการณ์หลังจากสุดสาครออกจากเมืองการเวกเป็นอย่างไรต่อไป ก็ได้คำตอบชวนตะลึงว่าท่านกวีเอกสุนทรภู่แต่งค้างไว้เพียงเท่านั้น ทั้งคู่จึงสรุปว่าการที่สุดสาครหลุดออกมาจากวรรณคดีทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไป เพราะฉะนั้นวิธีแก้ไขก็คือหาทางส่งสุดสาครกลับไปให้เร็วที่สุด นับดาวกับแสนสมุทรพาสุดสาครไปส่งตรงที่เดิมที่พบกับสุดสาคร สุดสาครเรียกม้านิลมังกรให้ออกมาปรากฏกาย แสนสมุทรกับนับดาวตกตะลึงที่ได้เจอม้านิลมังกรตัวเป็นๆ แต่ทั้งคู่ก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าโลกจริงกับโลกวรรณคดีมาเชื่อมต่อกันได้อย่างไร สุดสาครอำลาแสนสมุทรกับนับดาวไปเพื่อตามหาหัสไชยกับเสาวคนธ์ สองหนุ่มสาวโล่งอกเพราะคิดว่าทุกอย่างจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมเสียที ทว่าเรื่องมันไม่ง่ายขนาดนั้น วันรุ่งขึ้นนับดาวถูกปลุกให้ตื่นแต่เช้า และถูกไล่ให้ออกจากเกาะทันที นับดาวได้เจอกับแสนสมุทรที่ถูกไล่ออกจากเกาะเหมือนกัน แสนสมุทรตัดสินใจพานับดาวกระโดดลงจากเรือกลับไปยังเกาะกาวิน เพราะหากออกไปจากเกาะกาวินแล้ว อาจจะไม่มีโอกาสพบกับสุดสาครเพื่อแก้ไขเรื่องราวทั้งหมดได้อีก

แสนสมุทรพานับดาวไปซ่อนตัวอีกฟากหนึ่งของเกาะ ซึ่งเป็นฝั่งที่พักของพวกพนักงานและมีบ้านพักส่วนตัวของชายหนุ่มตั้งอยู่ ณ ที่นั้นทั้งคู่ได้พบกับ นอบน้อม (ณัฐนี สิทธิสมาน) พี่เลี้ยงของแสนสมุทร แสนสมุทรตกใจมากเพราะในโลกเดิมนั้น ป้านอบน้อมตายไปพร้อมกับพ่อแม่ของเขาแล้ว แสนสมุทรแนะนำนับดาวกับป้านอบน้อมว่าเป็นเมีย ป้านอบน้อมจึงเตือนว่าให้ระวังตรีลังกาจะแย่งเมียไปอีก แสนสมุทรถึงกับงง เพราะตนไม่เคยมีเมียมาก่อน ป้านอบน้อมสงสารคิดว่าแสนสมุทรเอ๋อ จึงเล่าเรื่องราวความเป็นมาทั้งหมดให้ฟัง เกาะกาวินนั้นอยู่ในเขตปกครองของประเทศศรีลังกา ฉะนั้นเมื่อพ่อแม่ของแสนสมุทรจะทำธุรกิจบนเกาะแห่งนี้ จึงต้องมีชาวศรีลังกาถือหุ้นอยู่ครึ่งหนึ่งด้วย พันแสง (เอก โอรี) พ่อของแสนสมุทร จึงเชิญ มีฤทธิ์ มังคลาวงศ์ (นิธิ สมุทรโคจร) พ่อของตรีลังกา ซึ่งมีเชื้อสายกษัตริย์ของศรีลังกามาเป็นหุ้นส่วนแบบลอยๆ ทว่าเหตุการณ์สึนามิเมื่อหลายปีก่อนทำให้พ่อกับแม่ของแสนสมุทรเสียชีวิต ตัวแสนสมุทรเองก็ไม่ยอมรับมรดก จึงเซ็นยกหุ้นของรีสอร์ทให้ สุภัชชา (อนุธิดา อิ่มทรัพย์) ภรรยาของแสนสมุทรไป ทว่าสุภัชชาไม่ถนัดการบริหารงานรีสอร์ตนัก ตรีลังกาจึงถูกส่งตัวมาช่วยบริหารงาน ด้วยความใกล้ชิดตรีลังกากับสุภัชชาจึงจดทะเบียนสมรสกัน ทว่าสุภัชชารู้ดีว่าที่ตรีลังกาแต่งงานด้วยก็เพราะอยากได้หุ้นของรีสอร์ทเกาะกาวิน สุภัชชาจึงไม่ยอมเซ็นชื่อโอนหุ้นให้กับตรีลังกา ตอนนี้สุภัชชาเสียชีวิตไปแล้ว พร้อมทั้งทิ้งพินัยกรรมที่ระบุว่าจะยกหุ้นของเธอคืนให้กับแสนสมุทรทั้งหมดไว้ แต่ปัญหาก็คือตอนนี้ยังไม่มีใครค้นหาพินัยกรรมฉบับนั้นเจอ ป้านอบน้อมจึงยุให้แสนสมุทรค้นหาพินัยกรรมให้พบแล้วทวงสิทธิ์ในการบริหารเกาะกาวินคืนมาจากตรีลังกา

ป้านอบน้อมได้ยินแสนสมุทรกับนับดาวพูดถึงสุดสาคร ก็แปลกใจว่าทำไมช่วงนี้ใครต่อใครถึงได้มาตามหาเด็กที่ชื่อสุดสาครกัน แสนสมุทรกับนับดาวแปลกใจว่าป้านอบน้อมพูดถึงใคร ป้านอบน้อมจึงพาทั้งคู่ไปพบกับ ชีเปลือย (นที พิทักษ์) ที่ออกมาตามสุดสาครให้กลับไปเข้าเรื่องพระอภัยมณีเหมือนเดิม เพราะหลังจากสุดสาครไปไม่ถึงเมืองผลึก เรื่องราวพระอภัยมณีต่อจากนั้นก็บิดเบือนไปหมด เมื่อไม่มีสุดสาครไปแก้อาถรรพณ์รูปของนางละเวงวัณฬา พระอภัยมณีจึงหลงรูปนางละเวงจนวางอาวุธยอมแพ้กองทัพเมืองลังกา จับพระมเหสีสุวรรณมาลีส่งให้เป็นเชลย แล้วอภิเษกกับนางละเวงวัณฬาอย่างมีความสุข แต่กลับทำให้คนอื่นในเรื่องวุ่นวายไปกันหมด นับดาวรับไม่ได้ที่เรื่องราวในวรรณคดีเปลี่ยนแปลงไปแบบนี้ จึงตัดสินใจร่วมมือกับชีเปลือยเพื่อออกตามหาสุดสาครให้พบ แสนสมุทรไม่มีทางเลือกจึงต้องร่วมทีมไปด้วย อาจณรงค์พ่อของนับดาวถูกเจ้าหนี้ตามล่า จึงบุกมาหานับดาวถึงรีสอร์ทที่เกาะกาวิน เพราะต้องการขอเงินไปใช้หนี้ ตรีลังกายืนยันว่าเขาส่งนับดาวกลับขึ้นฝั่งไปแล้ว แต่อาจณรงค์ไม่เชื่อเพราะเขาจับตาดูอยู่ที่ท่าเรือฝั่งโน้น แต่ไม่เห็นนับดาวขึ้นจากเรือแต่อย่างใด อาจณรงค์ต้องค้างที่เกาะหนึ่งคืนเพราะตรีลังกาไม่ยอมไปส่งที่ฝั่ง เนื่องจากกำลังจะมีฝนตกหนัก อาจณรงค์จึงถือโอกาสสำรวจเกาะไปในตัว อาจณรงค์ลักลอบเข้าไปในพื้นที่ของรีสอร์ทและได้พบกับสุดสาครและม้านิลมังกรที่กลับมาตามหานับดาวและแสนสมุทร อาจณรงค์แนะนำตัวกับสุดสาครว่าเป็นพ่อของนับดาว ขณะเดียวกันพนักงานของรีสอร์ทต่างกรูกันออกมาจับตัวสุดสาคร สุดสาครจึงพาตัวอาจณรงค์หลบหนีไปด้วยกัน

ตรีลังกาเป็นกังวลกับเรื่องของสุดสาคร เพราะในตระกูลของเขามีคำทำนายที่เล่าสืบต่อกันมาว่าเมื่อใดที่กุมารน้อยซึ่งนุ่งห่มหนังเสือปรากฏกายขึ้น ให้ระวังให้จงดี มิฉะนั้นตระกูลมังคลาวงศ์จะสิ้นวงศ์ ตรีลังกากลุ้มใจไม่รู้จะแก้ไขอย่างไรจึงโทรศัพท์ไปปรึกษามีฤทธิ์ผู้เป็นบิดา มีฤทธิ์สั่งให้ตรีลังกาจัดการสังหารสุดสาครเสียก่อนที่สุดสาครจะจัดการพวกเขา มีฤทธิ์ส่งตัว ย่องตอด (อติรุจ สุวรรณ) อมนุษย์ที่เป็นภูตรับใช้มาช่วยตรีลังกาจัดการกับสุดสาครทันที กลุ่มของนับดาวได้พบกับสุดสาครกับอาจณรงค์จนได้ ชีเปลือยดีใจมากที่ได้พบสุดสาคร แต่สุดสาครยังไม่ค่อยไว้ใจชีเปลือยเท่าไร เพราะเคยถูกชีเปลือยหลอกมาครั้งหนึ่งแล้ว แต่นับดาวช่วยยืนยันว่าชีเปลือยมาช่วยพาสุดสาครกลับไปหาหัสไชยและเสาวคนธ์จริงๆ ชีเปลือยบอกว่าการที่จะพาสุดสาครกลับเข้าสู่เรื่องพระอภัยมณีได้ จำเป็นต้องหาให้พบก่อนว่าใครเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการทำให้สุดสาครหลุดออกมาจากโลกวรรณคดี และคนผู้นั้นทำไปด้วยเหตุผลใด ป้านอบน้อมเห็นเมฆมนตร์พุ่งลิ่วแหวกอากาศเบื้องบนมา สุดสาครเห็นท่าไม่ดีจึงสั่งให้ทุกคนรีบเข้าหาที่กำบังทันที เมฆมนตร์นั้นคือย่องตอดที่เดินทางมายังเกาะกาวินตามคำสั่งของมีฤทธิ์ มีฤทธิ์นั้นเป็นผู้สืบทอดวิชาไสยเวทย์มาจากบรรพบุรุษ และต้องการจะให้ตรีลังกาผู้เป็นบุตรชายคนเดียวสืบทอดวิชานี้ต่อไป ทว่า เกนหลง มังคลาวงศ์ (เพชรลดา เทียมเพ็ชร) มารดาชาวไทยของตรีลังกาไม่เห็นด้วย จึงพยายามกันตรีลังกาไม่ให้เรียนวิชาไสยเวทย์เหล่านั้น ย่องตอดแจ้งข่าวกับตรีลังกาว่าเห็นสุดสาครกับพวกหลบอยู่ที่ท้ายเกาะกาวิน ตรีลังกาจึงสั่งให้ย่องตอดพาตัวสุดสาครไปส่งให้มีฤทธิ์เป็นคนจัดการ แต่ห้ามยุ่งเกี่ยวกับคนอื่นไม่เกี่ยวข้องเป็นอันขาด ย่องตอดรับคำสั่งก่อนจะหายตัวไปทันที

สุดสาครวางมาตรการให้ทุกคนซ่อนตัวอยู่แต่ในที่พักห้ามออกไปข้างนอกเป็นอันขาด เนื่องจากเป็นห่วงความปลอดภัยของทุกคน ทุกคนหารือกันจนได้ข้อสรุปว่าผู้ที่จะได้ประโยชน์จากการที่สุดสาครไปไม่ถึงเมืองผลึกก็คือพวกตระกูลมังคลาวงศ์ที่สืบเชื้อสายมาจากพระมังคลา บุตรของพระอภัยมณีกับนางละเวงวัณฬานั่นเอง ระหว่างที่ทุกคนกำลังหารือกันนั้น ย่องตอดก็ใช้มนตร์สะกดให้ทุกคนหลับใหล ก่อนจะบุกเข้ามาสังหารสุดสาคร ทว่าสุดสาครนั้นไม่ใช่มนุษย์ธรรมดา ย่องตอดจึงไม่สามารถฆ่าสุดสาครได้ ย่องตอดจนปัญญา จึงพาตัวสุดสาครไปให้มีฤทธิ์จัดการแทน เมื่อทุกคนฟื้นขึ้นมาเห็นสุดสาครหายตัวไป ต่างก็ร้อนใจมาก ชีเปลือยเชื่อว่าเป็นฝีมือของย่องตอด นับดาวเล่าให้ทุกคนฟังว่าย่องตอดเป็นบริวารของนางละเวงวัณฬา และสาเหตุที่ยอมเป็นบริวารของนางละเวงก็เพราะว่านางละเวงมีของวิเศษคือตราพระราหูนั่นเอง อาจณรงค์ฟันธงว่าการที่สุดสาครพลัดหลงจากวรรณคดีมาได้นั้น น่าจะเป็นเพราะอิทธิฤทธิ์ของตราพระราหูอย่างแน่นอน นับดาว แสนสมุทร และชีเปลือยจึงรับหน้าที่ไปช่วยเหลือสุดสาครจากเงื้อมมือของมีฤทธิ์ที่ประเทศศรีลังกาโดยที่ขี่ม้านิลมังกรไป ที่คฤหาสน์ของมีฤทธิ์ที่ประเทศศรีลังกา เกนหลงได้ยินเสียงเด็กร้องไห้ในห้องทำงานของมีฤทธิ์ ด้วยความสงสัยเกนหลงจึงเปิดเข้าไปดูและพบสุดสาครถูกมัดอยู่ สุดสาครขอความช่วยเหลือจากเกนหลง แต่ย่องตอดออกมาห้ามไว้ เกนหลงรู้ดีว่าเหล่าอมนุษย์ของมีฤทธิ์ไม่กล้าทำอะไรเธอ เพราะเป็นคำสั่งของมีฤทธิ์ เธอจึงพาตัวสุดสาครหนีไปซ่อนที่อื่นที่มีฤทธิ์ไม่มีวันคิดถึง ด้านนับดาว แสนสมุทร และชีเปลือยก็เดินทางมาถึงศรีลังกาโดยสวัสดิภาพ แสนสมุทรกับนับดาวจับชีเปลือยเปลี่ยนแปลงโฉมใหม่เพื่อไม่ให้เป็นที่สะดุดตาก่อนจะพากันเข้าไปพักในโรงแรม ชีเปลือยใช้เวทมนตร์ที่มีอยู่น้อยนิดเสกให้พนักงานโรงแรมไม่สงสัย แสนสมุทรกับนับดาวทิ้งชีเปลือยไว้ที่โรงแรมแล้วออกไปสำรวจหาบ้านพักของมีฤทธิ์ด้วยกัน

มีฤทธิ์โทรศัพท์มาหาตรีลังกาเพื่อแจ้งข่าวว่าเกนหลงช่วยสุดสาครหนีไป ตรีลังกาไม่เข้าใจว่าสุดสาครมีความสำคัญอย่างไร มีฤทธิ์จึงเล่าความเป็นมาทั้งหมดให้ฟัง และยังเล่าด้วยว่าในวันที่สุดสาครปรากฏตัวขึ้นนั้น เป็นเพราะตราพระราหูได้สำแดงอิทธิฤทธิ์นั่นเอง ตรีลังกาเริ่มเข้าใจความสำคัญของการกำจัดสุดสาครเสีย มีฤทธิ์ถามตรีลังกาว่าถ้าหากเกนหลงจะพาสุดสาครไปซ่อนตัว เกนหลงจะพาไปที่ไหน ตรีลังกาครุ่นคิดอยู่ไม่นานก็ได้คำตอบ ระรินดามาหาตรีลังกาที่เกาะกาวิน ตรีลังกาเชื่อว่านับดาวกับแสนสมุทรเป็นคู่รักกัน และนัดแนะกันมาที่เกาะกาวินเพื่อค้นหาพินัยกรรมของสุภัชชา ตรีลังกาจึงขอให้ระรินดาช่วยหลอกถามนับดาวว่าพินัยกรรมถูกซ่อนไว้ที่ไหน ระรินดายินดีช่วยเหลือตรีลังกาเต็มที่ เพราะเธอหวังในตัวตรีลังกาอยู่ ทั้งคู่ตามไปที่บ้านพักอีกฟากของเกาะ แต่ไม่พบนับดาวกับแสนสมุทร ตรีลังกากับระรินดาข่มขู่ป้านอบน้อมกับอาจณรงค์ให้บอกว่าแสนสมุทรกับนับดาวหายไปไหน อาจณรงค์หลุดปากบอกว่าทั้งคู่ไปช่วยเด็ก ตรีลังการู้ทันทีว่าทั้งคู่ไปช่วยสุดสาครที่ศรีลังกาเป็นแน่ ตรีลังกาจึงสั่งให้พนักงานที่รีสอร์ทควบคุมตัวป้านอบน้อมกับอาจณรงค์เอาไว้ก่อน แสนสมุทรกับนับดาวตามไปถึงบ้านพักของมีฤทธิ์ และใช้อุบายหลอกคนเฝ้าประตูบ้านจนสามารถเข้าไปในบริเวณบ้านของมีฤทธิ์ได้สำเร็จ ทั้งคู่แอบได้ยินมีฤทธิ์ดุด่าลูกน้องที่ไม่ดูแลให้ดี ปล่อยให้เกนหลงพาสุดสาครหนีไปได้ สองหนุ่มสาวจึงวางแผนจะให้ม้านิลมังกรตามหาสุดสาคร โดยตามกลิ่นของเกนหลงจากผ้าเช็ดหน้าที่แสนสมุทรบังเอิญเก็บได้ไป ม้านิลมังกรพานับดาว แสนสมุทร และชีเปลือยมาถึงวัดพระธาตุเขี้ยวแก้ว ที่เมืองแคนดี้ เมืองหลวงเก่าของประเทศศรีลังกา ทั้งสามคนจึงบุกเข้าวัดไปหาตัวสุดสาครทันที นับดาวกับแสนสมุทรได้พบกับเกนหลงในวัด ตอนแรกเกนหลงก็ยังไม่เชื่อใจทั้งคู่ เพราะกลัวว่าจะเป็นคนของมีฤทธิ์ แต่เมื่อเห็นชีเปลือยปรากฏตัวขึ้น เกนหลงก็เชื่อสนิทใจทันที

เกนหลงพาทั้งสามคนไปพบสุดสาครที่หลบซ่อนอยู่ในวัด สุดสาครดีใจมากที่ได้พบกับแสนสมุทรและนับดาวอีกครั้ง นับดาวและแสนสมุทรบอกกับเกนหลงว่าจะต้องพาสุดสาครหนีไปอีกครั้ง เพราะมีฤทธิ์กำลังจะตามมาที่นี่ เกนหลงถามทั้งสามว่าจะทำอย่างไรต่อไป นับดาวบอกว่าต้องตามหาตราพระราหูให้พบ แต่เกนหลงไม่เคยได้ยินมีฤทธิ์พูดถึงตราพระราหูมาก่อน ทุกคนขอให้เกนหลงช่วยคิดว่ามีฤทธิ์จะเก็บของสำคัญแบบนี้ไว้ที่ไหน เกนหลงมั่นใจว่ามีฤทธิ์เก็บตราพระราหูไว้ที่สิคีริยาอย่างแน่นอน พวกนับดาวตัดสินใจเดินทางไปที่นั่นทันทีก่อนที่มีฤทธิ์จะตามมาถึงที่นั่น ขณะที่เกนหลงอาสาถ่วงเวลามีฤทธิ์ไว้ให้ก่อน เมื่อออกจากวัดพระธาตุเขี้ยวแก้ว คณะของนับดาวก็ถูกโจมตีจากย่องตอดที่ซุ่มดักรออยู่ภายนอก ย่องตอดต้องการจับตัวสุดสาครไปให้มีฤทธิ์ ชีเปลือยจึงเสียสละด้วยการเข้าไปต่อสู้กับย่องตอด ทั้งคู่จมไปในทะเลสาบและหายสาบสูญไป แม้ทุกคนจะเสียใจกับการจากไปของชีเปลือย แต่ก็ยังต้องเดินหน้าทำภารกิจต่อไปเพื่อไม่ให้การเสียสละของชีเปลือยเสียเปล่า ทุกคนจึงมุ่งหน้าสู่สิคีริยาทันที มีฤทธิ์ตามมาถึงวัดพระธาตุเขี้ยวแก้ว เมื่อตะโกนหาย่องตอด แต่ย่องตอดก็ไม่ปรากฏตัว มีฤทธิ์เริ่มไม่สบายใจขึ้นมาจึงรีบเข้าไปหาเกนหลงในวัดทันที เกนหลงพยายามเกลี้ยกล่อมให้มีฤทธิ์ปล่อยวาง มีฤทธิ์ไม่ยอมฟังคาดคั้นจะเอาคำตอบจากเกนหลงให้ได้ว่าสุดสาครอยู่ที่ไหน แต่เกนหลงไม่ยอมปริปากบอก ทันใดนั้นตรีลังกากับระรินดาก็ปรากฏตัวขึ้น ตรีลังกาบอกมีฤทธิ์ว่าเขาคาดคั้นเอาคำตอบจากอาจณรงค์กับนอบน้อมจนได้ความว่า พวกนับดาวกำลังตามหาตราพระราหูอยู่ มีฤทธิ์ ตรีลังกา และระรินดาจึงรีบเดินทางตามพวกนับดาวไปที่สิคีริยาทันที

นับดาว แสนสมุทร และสุดสาครเดินทางจากบนเขาสิคีริยาลงไปยังถ้าด้านล่างเชิงเขาซึ่งมีชื่อว่าสิบสองท้องพระคลัง ซึ่งนับดาวเชื่อว่ามีฤทธิ์น่าจะเก็บของสำคัญไว้ในนั้น สุดสาครรู้สึกได้ถึงอันตรายในบริเวณนั้น ทันใดนั้นก็มีลูกธนูไฟเวทย์มนตร์พุ่งออกมาจากถ้ำทั้งสิบสอง ทั้งสามคนต่างหาที่หลบกันจ้าละหวั่น นับดาวพยายามนึกว่ามีตัวละครใดในเรื่องพระอภัยมณีที่ใช้ธนูไฟเวทย์มนตร์บ้าง ในที่สุดหญิงสาวก็นึกออกว่ามีตัวละครที่ชื่อว่ามะหุด ซึ่งมีอิทธิฤทธิ์เป็นไฟกรดที่สามารถกัดกร่อนทุกอย่างได้เหมือนน้ำกรด สุดสาครมอบลูกตาของผีเสื้อยักษ์ให้นับดาวกับแสนสมุทรไว้คุ้มครองป้องกันภัย แสนสมุทรถูกไฟกรดของมะหุดเข้าอย่างจัง ไฟลุกไหม้ทั่วตัวแสนสมุทร แต่ไฟกรดทำอะไรแสนสมุทรไม่ได้เพราะแสนสมุทรมีลูกตาผีเสื้อยักษ์คุ้มกันอยู่ ทว่าไฟกรดนั้นไม่สามารถใช้น้ำธรรมดาดับได้ จำเป็นต้องใช้น้ำฝนดับไฟกรดเท่านั้น สุดสาครลองเรียกฝนตามที่นับดาวขอร้อง ฝนก็ตกมาดับไฟกรดที่แผดเผาร่างแสนสมุทรในทันที ทันใดนั้นก็เกิดฟ้าผ่าลงไปยังถ้ำหนึ่งในสิบสองถ้ำที่เป็นที่ซ่อนตราพระราหู พวกมีฤทธิ์ที่กำลังตามมา รู้ได้ทันทีว่าพวกนับดาวรู้ที่ซ่อนตราพระราหูแล้ว มีฤทธิ์สั่งให้ภูตพรายที่เลี้ยงไว้ไปขัดขวางพวกสุดสาครไม่ให้เข้าถึงตราพระราหูได้ พวกนับดาวตรงเข้าไปที่ถ้ำที่มีตราพระราหูซ่อนอยู่ มะหุดปรากฏตัวขึ้นขัดขวาง แสนสมุทรตรงเข้าสู้กับมะหุดเพื่อให้สุดสาครกับนับดาวเข้าไปในถ้า ทว่าภูตพรายของมีฤทธิ์ก็เข้ามาขวางไว้อีก สุดสาครรับมือกับภูตเหล่านั้น ปล่อยให้นับดาวเข้าไปเอาตราพระราหูคนเดียว มีฤทธิ์ ระรินดา และตรีลังกาปรากฏตัวขึ้นขวางทางไว้ มีฤทธิ์เสกหุ่นพยนต์จากหญ้าแห้งมาเป็นกำลังเสริมเพิ่มเติมอีก ขณะที่นับดาวกำลังจนมุม ม้านิลมังกรก็มาช่วยจัดการกับหุ่นพยนต์ นับดาวจึงรีบวิ่งเข้าไปในถ้ำตามหลังพวกมีฤทธิ์ แล้วจัดการช่วงชิงตราพระราหูจากมีฤทธิ์มาได้ ก่อนจะวิ่งออกไปสมทบกับแสนสมุทร สุดสาครและม้านิลมังกรด้านนอก หญิงสาวใช้ตราพระราหูจัดการกับภูตผีปิศาจและมะหุดได้สำเร็จ แล้วส่งตราพระราหูให้สุดสาครพาตัวเองกลับเข้าเรื่องพระอภัยมณีไป ทว่าสุดสาครกลับพาทั้งสามคนกับอีกหนึ่งตัวกลับมาเข้าวรรณคดีเรื่องโคบุตรแทน ทั้งสามจึงต้องหาทางกลับไปยังโลกเดิมที่จากมาให้ได้

ทั้งสามมาปรากฏตัวอีกครั้งที่เกาะกาวิน ตรีลังกาและมีฤทธิ์ควบคุมตัวป้านอบน้อมและอาจณรงค์มากดดันให้คืนตราพระราหู และบอกที่ซ่อนของพินัยกรรมให้ แสนสมุทรถ่วงเวลาให้ตรีลังกากับมีฤทธิ์ไปหาพินัยกรรมในรีสอร์ท แต่ทว่าสองพ่อลูกหาไม่พบ ขณะที่มีฤทธิ์กับตรีลังกากำลังจะจัดการกับทุกคน ทันใดนั้นสภาพอากาศรอบตัวก็เริ่มเปลี่ยนไป ฟ้าแลบแปลบปลาบด้วยอำนาจของตราพระราหู ผีเสื้อยักษ์ปรากฏตัวขึ้น นับดาวรีบตรงเข้าไปหาแสนสมุทรและสุดสาครที่กำตราพระราหูไว้มั่น แสงจากตราพระราหูเปล่งประกายเจิดจรัส ส่องให้เห็นขบวนเรือสำเภาของเมืองการเวกที่สุดสาครจะต้องกลับไป นับดาวกับแสนสมุทรล่ำลาสุดสาครด้วยความอาลัยอาวรณ์ พลันคลื่นลูกใหญ่ก็ซัดเข้ามา ทั้งคู่จมดิ่งลงไปในน้ำทะเลอันมืดมิด ก่อนที่สติสัมปชัญญะของนับดาวจะดับวูบลง นับดาวฟื้นขึ้นมาอีกครั้งที่เกาะกาวิน โลกของเธอกลับมาสู่สภาพปกติแล้ว นับดาวถามหาแสนสมุทร ระรินดาแจ้งข่าวร้ายกับนับดาวว่าตั้งแต่แสนสมุทรลงไปช่วยนับดาวเมื่อวันก่อนก็ถูกคลื่นยักษ์ซัดจมหายไป กว่าจะพบตัวก็หลายชั่วโมงให้หลังและถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลทันที นับดาวรีบตรงไปที่โรงพยาบาลด้วยความเป็นห่วงแสนสมุทร หญิงสาวเข้าไปเยี่ยมแสนสมุทรในห้องไอซียูและพบว่าแสนสมุทรไม่ได้เป็นอะไรมาก แต่ที่ทำเป็นหลับก็เพราะอยากให้แน่ใจว่าปลอดภัยจากมีฤทธิ์และตรีลังกาแล้วเท่านั้น หลายเดือนผ่านไปนับดาวและแสนสมุทรกำลังจะแต่งงานกัน นับดาวทวงสัญญาจากแสนสมุทรที่เคยบอกว่าจะอ่านเรื่องพระอภัยมณีให้จบ ทั้งคู่ต่างรำลึกถึงสุดสาคร และบอกกับตัวเองว่าจะไม่มีวันลืมการผจญภัยในครั้งนั้นเลย