ละคร เลือดตัดเลือด
ดู 12,445 ครั้ง /
แชร์
ละครออกอากาศ | วันศุกร์ วันเสาร์ วันอาทิตย์ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
ช่องที่ออกอากาศ | ละครช่อง 7 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
เริ่มออกอากาศ | 10 กรกฎาคม 2558 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
เวลาออกอากาศ | 20:20 - 22:30 น. |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
กำกับโดย | หลักเขต วสิกชาติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
ประพันธ์โดย | เค้าโครงเรื่อง วาทินีย์ โอฬาร์กร, บทโทรทัศน์ ทิพสุดา ดวงมะวงศ์ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
นำแสดงโดย | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
ผู้สร้าง | บริษัท โพลีพลัส เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด |
ภาพนิ่งจากละคร
เรื่องย่อ เลือดตัดเลือด
จางฉง (ศุกล พงษ์ทัต) หัวหน้ากลุ่มมังกรมหานคร ผู้เป็นประมุขแห่งจตุรภาคี ถูก ร.ต.ท อนันต์ (ทนงศักดิ์ ศุภการ) ตำรวจมือปราบฝีมือดีแห่งกรมตำรวจวิสามัญตาย การตายของจางฉงนอกจากจะทำให้เสถียรภาพของจตุรภาคีสั่นคลอน ยังสร้างความเจ็บแค้นให้แก่ เหว่ยชิง (ภัสสร บุณยเกียรติ) ภรรยาท้องแก่ใกล้คลอดของจางฉงเป็นอันมาก หลังจตุรภาคีแตกกระจายไปคนละทิศละทาง เธอต้องหอบลูกในท้องระหกระเหินเพียงลำพัง ในคืนที่ฝนพันปีลงเม็ดอย่างไม่ลืมหูลืมตานั้น เหว่ยชิงที่หลบหนีมาเกิดปวดท้องคลอดลูกขึ้นมากระทันหัน เธอตะเกียกตะกายออกไปขอความช่วยเหลือท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก ในความมืดมิดและโดดเดี่ยวเธอทรุดตัวลงอย่างหมดแรง เสียงกรีดร้องของ นวลจันทร์ (สุพรรษา เนื่องภิรมย์) ดังเข้ามาในโสตประสาทปลุกให้เหว่ยชิงที่สลบไสลฟื้นขึ้น เธอพบว่าตัวเองอยู่ในห้องคลอดของโรงพยาบาลเล็กๆ แห่งหนึ่งและกำลังจะคลอดลูกพร้อมกับภรรยาของอนันต์ หลังได้ยินชื่อนั้นความแค้นทำให้เธอปวดท้องขึ้นมาอย่างหนักราวกับว่าลูกน้อยในท้องของเธอต้องการออกมาชำระหนี้แค้นแทนพ่อที่จากไป และแล้วในช่วงเวลาแห่งฤกษ์ดาวโจรนั้นเอง เสียงเด็กร้องไห้จ้าดังขึ้นพร้อมกันทีเดียวสองเสียง พยาบาลวิ่งออกมาบอกอนันต์ว่าเด็กคลอดแล้วพร้อมกับเตียงข้างๆ เป็นผู้ชายทั้งคู่น่าอัศจรรย์จริงๆ เวลานั้นอนันต์ไม่ได้คิดอะไรมากไปกว่าดีใจที่ทั้งแม่และลูกปลอดภัย นั่นคงเป็นชะตาฟ้ากำหนดให้สองสายเลือดคู่แค้นมาพบกันในสภาพนี้ คืนเดียวกันนั้นเองเหว่ยชิงพาร่างอันอ่อนเพลียหลังการคลอดลูกมายืนมองทารกชายทั้งคู่ คนหนึ่งคือเลือดในอกที่เธอรักยิ่งกว่าชีวิต อีกหนึ่งคือสายเลือดศัตรูที่เธอสาบานจะต้องแก้แค้นให้ได้ในชาตินี้ และนี่คือโอกาสเดียวที่เธอจะทำได้ เหว่ยชิงอุ้มลูกน้อยของตัวเองขึ้นมากอดด้วยความรักเป็นครั้งสุดท้าย แล้วนำไปวางสลับที่กับทารกชายอีกคนผู้เป็นสายเลือดของ ร.ต.ท.อนันต์ โดยไม่มีใครล่วงรู้ เหว่ยชิงได้วางแผนแก้แค้นที่แสนเจ็บปวดที่สุดในชีวิตของ ร.ต.ท.อนันต์ไว้แล้ว นั่นก็คือการทำให้สายเลือดต้องเป็นศัตรู และอนันต์ต้องตายด้วยน้ำมือลูกตัวเอง
25 ปีผ่านไป โชว หรือ เตโช (อารักษ์ อมรศุภศิริ) ค่อยๆ เติบโตขึ้นพร้อมกับความแค้นของเหว่ยชิงที่เฝ้ารอวันชำระหนี้แค้นอย่างเงียบๆ สิ่งที่โชวได้รับจากผู้เป็นแม่นั้นคือความเย็นชา ตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาพร่ำถามตัวเองว่าเขาทำผิดอะไร ทำไมแม่จึงไม่เคยมอบความรักให้เขาเลยสักครั้ง สิ่งเดียวที่จะทำให้แม่พอใจได้คือคำสัญญาที่เขาจะแก้แค้นให้พ่อและฆ่าอนันต์ด้วยมือของเขาเอง แตกต่างจาก อนาวิล (กันต์ กันตถาวร) ที่ได้รับความรักและการดูแลเอาใจใส่จากนายพลอนันต์และคุณหญิงนวลจันทร์เป็นอย่างดี ทั้งยังมีน้องสาวที่รักพี่ชายมากอย่าง ดุจดาว (เฌอมาวีร์ สุวรรณภานุโชค) อนาวิลมีความสุขและได้รับความรักจากครอบครัว เขากลายเป็นคนอบอุ่น เป็นชายในฝันของสาวๆ โชวมีเพียง หลี่เฟย (ศักราช ฤกษ์ธำรงค์) ผู้เป็นอาจารย์ที่รักเขาดั่งลูกของตัวเองและยังทำหน้าที่ดูแลกิจการทั้งหมดของบ้านตระกูลจาง นอกจากนั้นหลี่เฟยยังฝึกฝน เฉิน (จักรกฤษณ์ กนกพจนานนท์) ลูกชายคนโตให้เป็นองครักษ์คอยปกป้องโชว และให้ เม่ย (นิชา ปาลวัฒน์วิไชย) ลูกสาวคนเล็ก เรียนพยาบาลเพื่อมาดูแลโชวเพียงคนเดียว ความสุขเล็กๆ ในชีวิตของโชวคือการได้อยู่ใกล้ๆ เม่ยและแกล้งรังแกเธอ นั่นเป็นวิธีแสดงความรักในแบบของโชว เพราะโชวคิดว่าเม่ยเป็นสมบัติของเขาและไม่มีใครมีสิทธิ์ยุ่งกับเม่ย ยิ่งทำให้ทั้งคู่เป็นไม้เบื่อไม้เมากัน โดยที่ไม่รู้ตัวว่าแท้จริงแล้วทั้งคู่ได้แอบหลงรักกันอยู่อย่างเงียบๆ ภายในใจมานานแสนนาน หลังอนาวิลกลับจากเรียนต่อโรงเรียนตำรวจที่ต่างประเทศ เขาก็แอบสมัครเข้าทำงานในหน่วยอินทรีย์พิฆาตโดยไม่ได้บอกให้ทางบ้านรู้ นัท (พงศ์ธรรศ เกียรติศิริขจร) รุ่นพี่หัวหน้าหน่วยและยังเป็นคนรักของดุจดาว จึงเตือนอนาวิลให้บอกเรื่องนี้กับอนันต์ แต่อนันต์ก็ทราบก่อน อนาวิลอธิบายให้พ่อเข้าใจว่าการอยู่หน่วยอินทรีย์พิฆาตคือความใฝ่ฝันของตน แม้จะรู้ว่าหน่วยงานนี้อยู่นอกเหนือจากราชการจะเข้าไปเกี่ยวข้องได้และต้องเสี่ยงชีวิตมากแค่ไหนก็ตาม
นอกจากโชวแล้วแต่ละกลุ่มในจตุรภาคีก็มีทายาทที่อยู่ในวัยไล่เลี่ยกัน อันได้แก่ อันดา (ธฌาณ์ แก้ววรากรณ์) ทายาทของกลุ่มอันดามัน ผู้ดูแลธุรกิจมืดแห่งภาคใต้ วายุ (วศิน อัศวนฤนาท) ทายาทแห่งกลุ่มลมบูรพา ยึดครองอำนาจอยู่ภาคตะวันออก และ ภูผา (จักรพันธ์ วงศ์คณิต) ทายาทกลุ่มฟ้าเหนือ แผ่อำนาจครอบคลุมทั่วดินแดนภาคเหนือ ในขณะที่โชวถูกวางตัวให้เป็นหัวหน้ากลุ่มมังกรมหานคร และประมุขจตุรภาคี ศูนย์กลางแห่งอำนาจทั้งปวง ทั้งสี่จึงกลายเป็นเดอะแก๊งเพื่อนรัก มาเฟียหนุ่มที่สาวๆ หมายปอง ในนามของ จตุรเทพ แห่งจตุรภาคี เหว่ยชิงรู้ข่าวการแต่งตั้งอนันต์เป็นผู้บังคับการกองปราบ จึงวางแผนให้พ่อลูกที่แท้จริงพบกันครั้งแรกในวันนั้น โดยสั่งให้มีการจัดงานขึ้นตำแหน่งประมุขจตุรภาคีในวันเดียวกัน และในวันนั้นเองอนันต์ก็ได้รับแจ้งเรื่องการส่งยาเสพติดในงานของโชว เขาจึงนำกำลังตำรวจไปจับกุม เมื่อโชวได้พบอนันต์ครั้งแรกในฐานะศัตรูที่ฆ่าพ่อก็ทั้งเกลียด แต่ก็รู้สึกประทับใจกับชายคนนี้ทีเดียวกัน และในงานนี้ทั้งโชวและอนาวิลก็ได้รู้จักกันอย่างเป็นทางการ ทั้งคู่จะชำระแค้นระหว่างสองตระกูลได้อย่างไร และจะล่วงรู้ความจริงของชาติกำเนิดที่ถูกปิดบังไว้หรือไม่
25 ปีผ่านไป โชว หรือ เตโช (อารักษ์ อมรศุภศิริ) ค่อยๆ เติบโตขึ้นพร้อมกับความแค้นของเหว่ยชิงที่เฝ้ารอวันชำระหนี้แค้นอย่างเงียบๆ สิ่งที่โชวได้รับจากผู้เป็นแม่นั้นคือความเย็นชา ตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาพร่ำถามตัวเองว่าเขาทำผิดอะไร ทำไมแม่จึงไม่เคยมอบความรักให้เขาเลยสักครั้ง สิ่งเดียวที่จะทำให้แม่พอใจได้คือคำสัญญาที่เขาจะแก้แค้นให้พ่อและฆ่าอนันต์ด้วยมือของเขาเอง แตกต่างจาก อนาวิล (กันต์ กันตถาวร) ที่ได้รับความรักและการดูแลเอาใจใส่จากนายพลอนันต์และคุณหญิงนวลจันทร์เป็นอย่างดี ทั้งยังมีน้องสาวที่รักพี่ชายมากอย่าง ดุจดาว (เฌอมาวีร์ สุวรรณภานุโชค) อนาวิลมีความสุขและได้รับความรักจากครอบครัว เขากลายเป็นคนอบอุ่น เป็นชายในฝันของสาวๆ โชวมีเพียง หลี่เฟย (ศักราช ฤกษ์ธำรงค์) ผู้เป็นอาจารย์ที่รักเขาดั่งลูกของตัวเองและยังทำหน้าที่ดูแลกิจการทั้งหมดของบ้านตระกูลจาง นอกจากนั้นหลี่เฟยยังฝึกฝน เฉิน (จักรกฤษณ์ กนกพจนานนท์) ลูกชายคนโตให้เป็นองครักษ์คอยปกป้องโชว และให้ เม่ย (นิชา ปาลวัฒน์วิไชย) ลูกสาวคนเล็ก เรียนพยาบาลเพื่อมาดูแลโชวเพียงคนเดียว ความสุขเล็กๆ ในชีวิตของโชวคือการได้อยู่ใกล้ๆ เม่ยและแกล้งรังแกเธอ นั่นเป็นวิธีแสดงความรักในแบบของโชว เพราะโชวคิดว่าเม่ยเป็นสมบัติของเขาและไม่มีใครมีสิทธิ์ยุ่งกับเม่ย ยิ่งทำให้ทั้งคู่เป็นไม้เบื่อไม้เมากัน โดยที่ไม่รู้ตัวว่าแท้จริงแล้วทั้งคู่ได้แอบหลงรักกันอยู่อย่างเงียบๆ ภายในใจมานานแสนนาน หลังอนาวิลกลับจากเรียนต่อโรงเรียนตำรวจที่ต่างประเทศ เขาก็แอบสมัครเข้าทำงานในหน่วยอินทรีย์พิฆาตโดยไม่ได้บอกให้ทางบ้านรู้ นัท (พงศ์ธรรศ เกียรติศิริขจร) รุ่นพี่หัวหน้าหน่วยและยังเป็นคนรักของดุจดาว จึงเตือนอนาวิลให้บอกเรื่องนี้กับอนันต์ แต่อนันต์ก็ทราบก่อน อนาวิลอธิบายให้พ่อเข้าใจว่าการอยู่หน่วยอินทรีย์พิฆาตคือความใฝ่ฝันของตน แม้จะรู้ว่าหน่วยงานนี้อยู่นอกเหนือจากราชการจะเข้าไปเกี่ยวข้องได้และต้องเสี่ยงชีวิตมากแค่ไหนก็ตาม
นอกจากโชวแล้วแต่ละกลุ่มในจตุรภาคีก็มีทายาทที่อยู่ในวัยไล่เลี่ยกัน อันได้แก่ อันดา (ธฌาณ์ แก้ววรากรณ์) ทายาทของกลุ่มอันดามัน ผู้ดูแลธุรกิจมืดแห่งภาคใต้ วายุ (วศิน อัศวนฤนาท) ทายาทแห่งกลุ่มลมบูรพา ยึดครองอำนาจอยู่ภาคตะวันออก และ ภูผา (จักรพันธ์ วงศ์คณิต) ทายาทกลุ่มฟ้าเหนือ แผ่อำนาจครอบคลุมทั่วดินแดนภาคเหนือ ในขณะที่โชวถูกวางตัวให้เป็นหัวหน้ากลุ่มมังกรมหานคร และประมุขจตุรภาคี ศูนย์กลางแห่งอำนาจทั้งปวง ทั้งสี่จึงกลายเป็นเดอะแก๊งเพื่อนรัก มาเฟียหนุ่มที่สาวๆ หมายปอง ในนามของ จตุรเทพ แห่งจตุรภาคี เหว่ยชิงรู้ข่าวการแต่งตั้งอนันต์เป็นผู้บังคับการกองปราบ จึงวางแผนให้พ่อลูกที่แท้จริงพบกันครั้งแรกในวันนั้น โดยสั่งให้มีการจัดงานขึ้นตำแหน่งประมุขจตุรภาคีในวันเดียวกัน และในวันนั้นเองอนันต์ก็ได้รับแจ้งเรื่องการส่งยาเสพติดในงานของโชว เขาจึงนำกำลังตำรวจไปจับกุม เมื่อโชวได้พบอนันต์ครั้งแรกในฐานะศัตรูที่ฆ่าพ่อก็ทั้งเกลียด แต่ก็รู้สึกประทับใจกับชายคนนี้ทีเดียวกัน และในงานนี้ทั้งโชวและอนาวิลก็ได้รู้จักกันอย่างเป็นทางการ ทั้งคู่จะชำระแค้นระหว่างสองตระกูลได้อย่างไร และจะล่วงรู้ความจริงของชาติกำเนิดที่ถูกปิดบังไว้หรือไม่