ละคร เพลงรักเพลงลำ
ดู 3,201 ครั้ง /
แชร์
ละครออกอากาศ | วันศุกร์ วันเสาร์ วันอาทิตย์ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
ช่องที่ออกอากาศ | ละครช่อง 7 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
เริ่มออกอากาศ | 26 เมษายน 2558 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
เวลาออกอากาศ | 20:30 - 22:30 น. |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
กำกับโดย | ประทุม มิตรภักดี | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
นำแสดงโดย | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
ผู้สร้าง | ดีด้า วีดีโอ โปรดักชั่น จำกัด |
ภาพนิ่งจากละคร
เรื่องย่อ เพลงรักเพลงลำ
เพลงลำ (อัญรินทร์ ธีราธนันพัฒน์) สาวสวยเข้มดุเป็นลูกสาวคนเดียวของ บัวสาย (ศิรินทรา นิยากร) แม่เพลงลำตัดคนดังของบ้านบางลำสุพรรณบุรี ตั้งแต่จำความได้เพลงลำมีเพียงแม่บัวสายกับ น้าบัวเผื่อน (สมจิตร จงจอหอ) ที่เลี้ยงดูเธอมา เธอไม่รู้จักพ่อ หรือที่จริงแล้วไม่มีใครรู้ว่าพ่อของเธอเป็นใคร นอกจากแม่บัวสายซึ่งไม่ยอมพูดถึงสักครั้ง วันหนึ่งเมื่อเพลงลำยังเด็กบัวสายกลับจากเล่นลำตัด พบเด็กหญิงวัยแบเบาะคนหนึ่งถูกทิ้งไว้ที่พุ่มไม้หน้าบ้าน บัวสายสงสารจึงอุปการะเลี้ยงดูเรื่อยมา เธอตั้งชื่อให้ว่า ไข่กา (พิมพ์ชนก เลี่ยนกัตวา) เด็กทั้งคู่เติบโตมาด้วยกันเป็นทั้งเพื่อนทั้งพี่และน้อง เพลงลำสวยมีสง่าเสียงดีเหมาะที่จะหัดเล่นลำตัด แต่เธอไม่ยอม ไม่ว่าบัวสายจะบังคับอย่างไรก็ตาม เพลงลำกลับชอบที่จะหัดชกมวยไทยกับน้าบัวเผื่อนมากกว่าและทำได้ดีเสียด้วย นอกจากนั้นยังเก่งเรื่องเครื่องยนต์ รถไถนา และอุปกรณ์ต่างๆ เพราะเป็นลูกมือให้น้ามาตั้งแต่เด็กๆ ตรงข้ามกับไข่กาที่อยากจะเป็นลำตัดเหลือเกินทั้งที่ไม่สวยและเสียงไม่ดี บัวสายมีคณะลำตัดที่มีชื่อเสียงมาก ครอบครัวนี้และชาวบ้านใกล้เคียงทำนาด้วยวิธีดั้งเดิมไม่ใช้ปุ๋ยเคมี ไม่ใช้รถไถ ไม่ใช้รถเกี่ยวข้าว ทำให้ กำนันฝอย (มนตรี เจนอักษร) กับลูกคือ ฝาจีบ (กฤษฎา สุภาพพร้อม) และ ฝาจุก (กชกร ส่งแสงเติม) ลูกชายและลูกสาวไม่ค่อยพอใจนัก เพราะครอบครัวกำนัยฝอยทำกิจการค้าปุ๋ยเคมี และมีรถเกี่ยวข้าวให้เช่า ชาวบ้านส่วนใหญ่ของบางลำมีหนี้สินกับครอบครัวนี้มากจนถูกยึดนาไปหลายราย เพราะเชื่อใจกำนันฝอยที่ทำเหมือนใจดีให้พวกเขาซื้อปุ๋ยในราคาเงินเชื่อ ตกลงว่าขายข้าวได้แล้วจะเอามาคืน จากแค่ซื้อปุ๋ยก็จะโดนบังคับให้เช่ารถเกี่ยวข้าวในราคาสูงลิบจนต้องหมดตัวไปตามๆ กัน แต่ไม่ใช่ครอบครัวของบัวสายและชาวบ้านใกล้เคียง ทำให้ครอบครัวกำนันฝอยไม่พอใจนัก
ที่จริงแล้วกำนันฝอยเคยหลงรักบัวสายตั้งแต่เริ่มเป็นสาวรุ่น แต่เมื่อบัวสายไปเล่นลำตัดที่กรุงเทพฯ แล้วท้องกลับมาโดยที่ไม่รู้ว่าใครเป็นพ่อ ทำให้กำนันฝอยอกหักกินเหล้าจนพ่อกับแม่ต้องจับให้แต่งงานกับแม่เพลงลำตัดสาวสวยคู่ปรับกับบัวสายจนมีลูกสองคน กำนันฝอยเป็นม่ายเพราะเมียตายมาหลายปีแล้ว ทั้งฝาจีบและฝาจุกทำตัวเป็นนักเลงประจำหมู่บ้านมาตั้งแต่เด็กจึงเป็นคู่ปรับกับเพลงลำและไข่กาตลอดมา แม้ฝาจุกจะเป็นผู้หญิงแต่ก็เจ้าเล่ห์ไม่ต่างจากฝาจีบซึ่งเป็นพี่ชายสักนิดอาจจะร้ายกว่าเสียด้วยซ้ำ จะอย่างไรก็ตามครอบครัวกำนันฝอยทำอะไรครอบครัวบัวสายไม่ได้มากนัก เพราะครอบครัวนี้เป็นที่รักของชาวบ้านมากกว่า ทั้งเรื่องของการฝึกลำตัดให้เด็กๆ ที่สนใจหรือจะฝึกมวยกับเพลงลำในหน้าแล้งเป็นการสอนให้เด็กใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ ยิ่งไปกว่านั้นคือเพลงลำเป็นคนฉลาด กล้า ไม่กลัวใคร เมื่อโดนแกล้งจึงตอบโต้จนกำนันฝอยต้องเสียเงินมากมาย ในคณะฯ ของบัวสายมี เจิด (นนทพันธ์ ใจกันทา) เป็นพ่อเพลงที่เก่งมากอยู่ด้วย เจิดมาฝึกกับบัวสายตั้งแต่เด็ก เขาเป็นกำลังสำคัญของคณะฯ บัวสายเลี้ยงเจิดและคนอื่นๆ เหมือนลูกหลาน บ้านนี้มีกฎระเบียบและข้อห้ามหลายอย่างเพราะมีคนมาก แต่ก็อยู่กันมาได้ เจิดนั้นรักเพลงลำมาตั้งแต่เป็นหนุ่ม เขาอายุมากกว่าเพลงลำไม่กี่ปี แต่สำหรับเธอแล้วเจิดเป็นพี่ชายที่แสนดีเท่านั้น
ปกรณ์พล (ชนะพล สัตยา) นักศึกษาปริญญาโท ตั้งใจจะทำวิทยานิพนธ์เรื่อง ลำตัดเพลงพื้นบ้านของไทย จึงต้องลงพื้นที่เพื่อเก็บข้อมูล เมื่อลำตัดคณะแม่บัวสายมีชื่อเสียงที่สุดในประเทศเขาจึงต้องไปบางลำ ปกรณ์พลเป็นลูกชายคนเดียวของ อรรถ (พลรัตน์ รอดรักษา) และ โฉมตรู (รชยา รักกสิกรณ์) พ่อของเขาเป็นนักธุรกิจที่มีชื่อเสียงด้านการสื่อสารในระดับนานาชาติ ร่ำรวยมาก แต่ปกรณ์พลไม่เคยสนใจกิจการของพ่อเขาเลย ชายหนุ่มชอบดนตรี และงานศิลปวัฒนธรรมทุกประเภท เขาเหมือนกับโฉมตรูมากกว่า ชายหนุ่มมีเพื่อนสนิทชื่อ กุชงค์ (รติพงษ์ ภู่มาลี) ซึ่งเข้ามาช่วยอรรถทำงานมากกว่าปกรณ์พลเสียอีก เมื่อกุชงค์รู้ว่าเพื่อนจะต้องไปอยู่บางลำเขาก็อดห่วงไม่ได้ เขากังวลว่าปกรณ์พลจะหาข้อมูลได้ไม่ดีนัก เพราะ งามไฉไล (ขวัญกวินท์ ธำรงรัฐเศรษฐ์) ไฮโซสาวสวยคงไม่ยอมง่ายๆ งามไฉไลเป็นลูกสาวคนเดียวของ โพยมยง (มณีนุช เสมรสุต) นักธุรกิจม่ายสาวที่รวยมาก ครอบครัวนี้รวยจากการค้าเพชรและเล่นหุ้น ครอบครัวอรรถกับโฉมตรูสนิทสนมกับโพยมยงและสามีมานานจนกระทั่งสามีเธอตายจากไป ทั้งสองครอบครัวก็ยังเป็นมิตรที่ดีต่อกัน โดยเฉพาะงามไฉไลที่ติดปกรณ์พลมาตั้งแต่เด็ก เพราะเขาเป็นคนเดียวในกลุ่มเพื่อนวัยเดียวกันที่ตามใจเธอ ชายหนุ่มเอ็นดูเธอเหมือนน้องสาว แต่งามไฉไลไม่ได้รู้สึกอย่างนั้น เธอรักเขา และพยายามประกาศตัวว่าเป็นคู่รักของเขาเสมอ เธอไม่ยอมรับว่าเธอกับปกรณ์พลไม่มีอะไรที่เหมือนกันเลย ขณะที่ชายหนุ่มชอบศิลปวัฒนธรรมไทย ชอบมีชีวิตที่เรียบง่าย งามไฉไลกลับชอบความหรูหรา ฟุ่มเฟือย วางอำนาจ อวดรวย เธอจึงไม่ค่อยน่ารักอีกแล้วในสายตาของปกรณ์พล
ดังนั้นคนในบ้านจึงไม่แปลกใจนักเมื่อเขารีบออกไปบางลำแต่เช้าก่อนที่งามไฉไลจะมาขอตามไปด้วย ปกรณ์พลขับรถไปเกือบถึงบ้านบัวสายแต่แล้วรถเสียกลางทาง เขาโชคดีที่เพลงลำขี่รถจักรยานยนต์ผ่านมาพอดี เธอจึงพาเขาไปส่งที่อู่รถของช่างเอื้อง เมื่อย้อนกลับมายังรถที่จอดอยู่ ปกรณ์พลหนักใจเมื่อรู้ว่าต้องรออะไหล่หลายวัน เขาไม่กลับกรุงเทพฯ แต่เลือกที่จะไปนอนค้างที่วัดตามที่ช่างเอื้องแนะนำมากกว่า ค่ำแล้วเมื่อปกรณ์พลเดินเกือบถึงวัด เขาเห็นเพลงลำถูกรุมทำร้าย แม้จะเก่งเรื่องต่อสู้ป้องกันตัวแต่การที่เธอถูกรุมจากฝาจีบและลูกน้องก็ไม่ง่ายที่เธอจะจัดการพวกมันได้ ปกรณ์พลมาช่วยทันเวลาเขาใช้ไม้ท่อนใหญ่ตีจนพวกนั้นหนีกระเจิง เจ็บกันหลายคนโดยเฉพาะฝาจีบกับ นายแสบ (เสกสรรค์ รอดประเสริฐ) คนสนิทที่ถูกฟาดหัวอย่างแรง เพลงลำจึงพาเขาไปพักที่ค่ายมวยของน้าบัวเผื่อน เธอไม่กล้าปล่อยเขาไว้ตามลำพังเพราะรู้ดีว่าฝาจีบคงพาพวกมาล้างแค้นแน่นอน เช้าวันต่อมาปกรณ์พลต้องตอบคำถามมากมายเรื่องการมาทำวิทยานิพนธ์ของเขา ชายหนุ่มแปลกใจที่บัวเผื่อนแนะนำให้เขาไปที่อื่นรวมทั้งเพลงลำกับไข่กาด้วย แต่เมื่อเขายืนยันว่าเขาต้องการมาเป็นลูกศิษย์แม่บัวสายต้องการข้อมูลของที่นี่จริงๆ เพลงลำจึงยอมพาไปพบบัวสาย แต่เขากลับต้องวิ่งหนีออกจากบ้านแทบไม่ทัน เมื่อบัวสายปล่อยหมาเฝ้าบ้านนับสิบตัวออกมาไล่เขา แม้กระนั้นปกรณ์พลก็ไม่ยอมแพ้ เพลงลำนึกชอบที่เขาใจสู้ เธอกับไข่กาจึงพาเขาไปหาเจิดให้ช่วยพูดกับบัวสายอีกครั้ง เจิดเป็นลูกศิษย์คนโปรดของบัวสาย เขามีวิธีพูดให้บัวสายใจอ่อนยอมรับปกรณ์พลให้อยู่เรียนรู้เรื่องลำตัดได้ แต่เขาต้องผ่านบททดสอบของเธอก่อน ปกรณ์พลดีใจขณะที่เพลงลำกับไข่กากลุ้มใจแทนเพราะรู้ว่าบททดสอบของบัวสายนั้นคืออะไร
วันรุ่งขึ้นปกรณ์พลถูกปลุกตั้งแต่ฟ้ายังไม่สาง เขาต้องออกไปช่วยทำนาตามบททดสอบของบัวสาย ครอบครัวนี้จะทำนาในหน้านา และจะรับงานลำตัดเมื่อหลังการเก็บเกี่ยว เพลงลำคอยช่วยอยู่ใกล้ๆ ชายหนุ่มเต็มใจทำงานแม้จะเงอะงะบ้าง แต่ความตั้งใจจริงของเขาก็ทำให้เพลงลำพอใจ แต่ลึกลงไปในใจแล้วเพลงลำรู้สึกว่าเขามีบุญคุณที่มาช่วยเธอจากพวกฝาจีบได้ทันเวลา มิฉะนั้นเธออาจพลาดถูกพวกมันฉุดไปแล้ว พฤติกรรมที่เลวร้ายของฝาจีบอีกอย่างคือชอบฉุดสาวๆ ที่พอใจไปปล้ำแล้วยังถ่ายคลิปเก็บไว้ข่มขู่ ขู่ไม่ให้แจ้งความเสียอีก เพลงลำจึงนึกขอบใจปกรณ์พลที่ช่วยเธอไว้ อะไรที่เธอพอจะช่วยเขาได้เธอก็อยากช่วย ความใกล้ชิดทำให้ทั้งสองคนเริ่มมีความรู้สึกดีๆ ต่อกัน ทว่าความที่ไม่เคยชินกับงานหนักกลางแดดจัดๆ ปกรณ์พลหมดแรงเป็นลมไปตั้งแต่ก่อนเที่ยง เพลงลำ เจิด และไข่กาต้องช่วยกันพาเขากลับไปพักกับบัวเผื่อนโดยไม่ให้บัวสายรู้ ชายหนุ่มไข้ขึ้นสูงทั้งคืนเพลงลำเป็นทุกข์เป็นร้อนห่วงใยเขามากจนไข่กาผิดสังเกต เธอบอกไข่กาว่ากลัวปกรณ์พลจะมาตายที่นี่แล้วจะเกิดเรื่องใหญ่ แต่ไข่กากับเจิดไม่ค่อยเชื่อนัก อย่างไรก็ตามเพลงลำตัดสินใจค้นโทรศัพท์มือถือของเขามาเปิดเพื่อหาหมายเลขโทรศัพท์ติดต่อทางบ้าน ทันทีที่เปิดเครื่องเสียงเรียกก็ดังขึ้น เพลงลำรับสายจึงต้องฟังงามไฉไลโวยวายต่อว่าอยู่หลายคำกว่าจะพูดกันรู้เรื่องว่าให้ไปรับปกรณ์พลที่โรงพยาบาลในอำเภอ
เมื่อถึงโรงพยาบาลไข่กาแยกกลับบ้านกับเจิดก่อนที่บัวสายจะสงสัย เพลงลำอยู่กับปกรณ์พลตลอดเวลาจนกระทั่งงามไฉไลกับโพยมยงซึ่งเป็นแม่มาถึงโรงพยาบาล เธอประกาศตัวเป็นแฟนของปกรณ์พลอย่างชัดเจน เมื่อชายหนุ่มเพ้อถึงเพลงลำทำให้งามไฉไลนั่งไม่ติดเธอตามไปอาละวาดกับเพลงลำอีก ประกาศตัวเป็นเจ้าเข้าเจ้าของจนเพลงลำเข้าใจผิด งามไฉไลพาปกรณ์พลกลับกรุงเทพฯ เธอพยายามอาสามาดูแลชายหนุ่มแต่เขาก็หลบเลี่ยงตลอดเวลา ในช่วงเวลาเดียวกันที่บางลำ กำนันฝอยจัดงานเปิดตัวฝาจีบลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นผู้ใหญ่บ้าน คนใหม่แทนคนเก่าที่แกบีบจนลาออกไปเอง เพลงลำรู้ทันจึงเสนอชื่อเจิดลงสมัครแข่งขันด้วย ฝาจีบจึงเปิดศึกตัดกำลังบ้านเสียงของเจิด เริ่มต้นด้วยการใช้รถเกี่ยวข้าวแอบไปขโมยเกี่ยวข้าวที่ออกรวงงามๆ ที่นาของนางสำอาง เพื่อนบ้านของบัวสายจนหมดเพียงชั่วข้ามคืน เพลงลำระแวงอยู่แล้วจึงชวน ไข่กา เจิด และคนอื่นๆ ไปค้นเหล็กท่อนใหญ่ๆ จากอู่ช่างเอื้องตัดเป็นท่อนให้มีความยาวประมาณต้นข้าว เธอกับพวกนำท่อนเหล็กเหล่านั้นไปปักเป็นแนวตั้งแทรกปนไปกับต้นข้าวรอบแนวคันนาที่รถเกี่ยวจะลงได้ กลางดึกคืนนั้น เพลงลำ เจิด และไข่กาไปเฝ้าดูเหตุการณ์อย่างมั่นใจว่าต้องได้ตัวคนร้ายแน่ๆ ดึกมากแล้วเมื่อเสียงรถเกี่ยวข้าวดังขึ้นแต่ไกล ไม่นานนักก็เห็นเงารถเลื่อนลงนา เสียงดังกระทบกันของโลหะ และเสียงฝาจีบกับพวกโวยวายลั่น เมื่อรถเกี่ยวข้าวเกี่ยวเหล็กท่อนเข้าไปจนพังหมด รถเกี่ยวพัง ทำให้กำนันฝอยโกรธพวกเพลงลำมากขึ้นไปอีก ส่วนปกรณ์พลเมื่อฟื้นไข้เขาก็หนีกลับไปบางลำอีก คราวนี้ไม่ใช่เพื่องานวิจัยอย่างเดียว แต่เพื่อหัวใจด้วย เขารักเพลงลำและรู้ดีว่าต้องพิสูจน์ตัวเองกับบัวสายมากเพียงใด แต่เขาก็พร้อมจะสู้ เพลงลำดีใจมากเมื่อพบปกรณ์พลอีกครั้ง เธอไม่อยากหลอกตัวเองอีกต่อไป เพลงลำเองก็รักเขามากเช่นกัน ทว่าความรักของทั้งคู่มีอุปสรรคมากมาย เริ่มจากงามไฉไลที่มาตามเขาไม่เลิกรา แต่ที่ร้ายกว่านั้นคืออรรถพ่อของปกรณ์พลเมื่อเขารู้ว่าลูกชายมาบางลำมาอยู่กับคณะลำตัดบัวสาย อรรถก็อยู่ไม่ติดออกมาตามปกรณ์พลกลับไปด้วยตัวเอง
ที่บ้านบัวสายเธอต้อนรับอรรถด้วยปืนลูกซองมาดเข้มดุไม่ทำให้อรรถกลัว แต่แววตาที่หมางเมินเกลียดชังทำให้อรรถต้องยอมถอยกลับไป เพลงลำงงที่เห็นบัวสายโกรธแค้นอรรถมากขนาดนั้น คนที่เข้าใจสถานการณ์ดีที่สุดคือบัวเผื่อน เขาจำอรรถได้ว่าเคยไปเฝ้าดูบัวสายเล่นลำตัดที่กรุงเทพฯ เมื่อก่อนที่เธอจะท้องกลับมา บัวเผื่อนนึกรู้ทันทีว่าอรรถเป็นพ่อของเพลงลำ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้บัวสายยื่นคำขาดห้ามเพลงลำติดต่อกับปกรณ์พลโดยไม่บอกเหตุผลที่เธอรู้แก่ใจว่าพี่กับน้องจะแต่งงานกันได้อย่างไร เพลงลำเป็นลูกของอรรถเหมือนกับปกรณ์พล งามไฉไลตามรังควานเพลงลำกับบัวสายอย่างน่ารำคาญ ลำพังเพลงลำเธอทนได้ แต่เธอทนให้ใครมาดูถูกแม่ไม่ได้ หญิงสาวจึงขอร้องให้ปกรณ์พลกลับไป ทั้งเธอและเขาต่างก็มีหน้าที่ที่ต้องทำ หน้าที่ของลูกที่ดี ปกรณ์พลยอมกลับกรุงเทพฯ และยอมหมั้นกับงามไฉไลตามความต้องการของอรรถ เขากลับมาคราวนี้เหมือนคนที่ไม่มีหัวใจ โฉมตรูเห็นลูกแล้วสงสารจับใจ เธอแปลกใจที่อรรถเคี่ยวเข็ญลูกชายอย่างไม่เคยทำมาก่อน ส่วนเพลงลำยอมหัดลำตัดเพื่อประชันในงานสืบสานศิลปวัฒนธรรมงานใหญ่ของจังหวัด โดยมีฝาจีบเป็นคู่ประชัน กำนันฝอยยอมเสียเงินมากมายเพื่อให้ลูกชายชนะ แม้จะต้องโกงคะแนนก็ตาม คนที่เข้ามาเพิ่มความวุ่นวายคืองามไฉไลกับโพยมยงที่ตามมาช่วยสบทบเงินค่าจ้างหน้าม้ามาโห่ฮาเพลงลำ เช้าวันงานบัวสายป่วยต้องผ่าตัดไส้ติ่งกระทันหัน เพลงลำไม่มั่นใจในการขึ้นเวที แต่เจิดช่วยเป็นกำลังใจให้ ส่วนปกรณ์พลแปลกใจเมื่องามไฉไลกุลีกุจอพาเขามาดูการประชันลำตัด เขาไม่รู้ว่าอรรถตามมาดูด้วย เมื่อผลการประชันออกมาว่าเพลงลำชนะฝาจีบอย่างงดงาม เขาหายสงสัยทันทีเมื่องามไฉไลกับโพยมยงตามไปต่อว่ากำนันฝอยกับลูกที่ทำงานไม่สำเร็จ เพลงลำกับคณะไม่แพ้และโดนฉีกหน้าให้อายอย่างที่ตกลงกันไว้ ตัวตนของว่าที่คู่หมั้นทำให้ปกรณ์พลกลุ้มใจมาก ส่วนอรรถตามมาเยี่ยมบัวสายที่โรงพยาบาล เขาถามบัวสายว่าเพลงลำเป็นลูกของเขาใช่หรือไม่ แต่เธอไม่ตอบ บัวสายเมินหนีทั้งน้ำตา แต่ไม่นานนักก็อดใจไม่ได้เธอเหน็บแนมต่อว่าเขาเรื่องศักดิ์ศรีผู้ดี และความต่ำต้อยของการเป็นแม่เพลงลำตัดของเธอ เพียงเท่านี้อรรถก็เข้าใจ เขาได้แต่ขอโทษที่ปล่อยให้เธอต้องอุ้มท้องกลับบางลำและเลี้ยงลูกคนเดียว ทั้งสองคนไม่รู้ว่าเพลงลำกลับมาจากงานประชันแล้วและยืนอยู่ที่หน้าห้องนั้นเอง เธอได้ยินทุกอย่าง หญิงสาวรีบหลบไปก่อนที่อรรถจะออกมาพบเธอเข้า หญิงสาวเข้าไปพบบัวสายเมื่อเห็นว่าอรรถกลับไปแล้ว เพลงลำตั้งใจว่าจะทำให้แม่มีความสุขที่สุดจึงไม่พูดถึงพ่ออรรถสักคำ เธอตั้งใจจะเป็นแม่เพลงลำตัดที่ดีให้ได้
ที่กรุงเทพโฉมตรูได้ต้อนรับ ดัสกร (ทนงศักดิ์ ศุภการ) เพื่อนเก่าเมื่อครั้งที่เธอไปเรียนที่สวิตเซอร์แลนด์ ที่จริงดัสกรคือคนรักของเธอก่อนจะแต่งงานกับอรรถ ดัสกรมาพบเธอเพื่อลาเพราะเขาป่วยเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย ที่เหนือกว่าอะไรทั้งหมดคือเขาอยากพบลูก โฉมตรูปฏิเสธไม่ยอมให้พบปกรณ์พล แต่ดัสกรก็พบกับปกรณ์พลจนได้ในวันหนึ่ง แม่ปริกคนรับใช้เก่าแก่ที่ตามโฉมตรูไปสวิตเซอร์แลนด์ด้วยรู้ความจริงดีว่าปกรณ์พลเป็นลูกดัสกรกับโฉมตรู เป็นความจริงที่เป็นความลับบอกใครไม่ได้ ก่อนงานหมั้นงามไฉไลกับโพยมยงไปพบกำนันฝอยที่บ้าน เธอต้องการทำลายเพลงลำกับแม่ให้ถึงที่สุด หญิงสาวจ้างฝาจีบให้ไปเผาบ้านของบัวสาย ฝาจีบนั้นเมื่อพบงามไฉไลเขาหลงรักเธอทันที และตั้งใจจะต้องแต่งงานกับเธอให้ได้ บ้านบัวสายถูกเผาตามแผน ในช่วงเวลาเดียวกันงามไฉไลติดต่อจ้างคณะลำตัดบัวสายไปแสดงในงานหมั้นของเธอกับปกรณ์พล เธอต้องการประจานเพลงลำกับแม่ให้ได้อายกลางงาน บัวสายไม่อยากให้เพลงลำรับงาน แต่เพลงลำยอมรับงานนี้โดยบอกว่า "แม่สอนอยู่เสมอว่าเราต้องทำหน้าที่ของศิลปินพื้นบ้านให้ดีที่สุด สง่างามที่สุด เพื่อจะสืบสานมรดกชิ้นนี้ไว้ให้กับลูกหลานสืบไป" งานคราวนี้ก็เป็นงานแสดงครั้งหนึ่งเท่านั้น หลังจากงานนี้เพลงลำบอกบัวสายว่าเธอจะแต่งงานกับเจิดเพื่อช่วยกันทำงานรักษาศิลปวัฒนธรรมเพลงพื้นบ้านต่อไป บัวสายสงสารลูกสาวมากเพลงลำทำทุกอย่างเหมือนเป็นหน้าที่เท่านั้น เพลงลำมีชีวิต มีวิญญาณ แต่ไม่มีจิตใจ งานครั้งนี้เพลงลำเรียกค่าจ้างหนึ่งล้านบาท โพยมยงกับ งามไฉไลยอมตกลง ข่าวงานหมั้นของปกรณ์พลและงามไฉไลทำให้ฝาจีบกับฝาจุกกลุ้มใจ ร้อนใจมากที่สุด ฝาจีบรักงามไฉไล ส่วนฝาจุกรักปกรณ์พล สองพี่น้องวางแผนจับตัวทั้งสองคนกลางงานหมั้นเพื่อจัดงานแต่งงานของตนแทน ที่วุ่นวายคือสองพี่น้องยุให้กำนันฝอยจับโพยมยงและรวบรัดเป็นเมียด้วยเสียอีกคน
ที่โรงแรมหรูกลางกรุงเทพฯ งานหมั้นจัดอย่างหรูหรา งามไฉไลรอเวลาแสดงลำตัดอย่างตื่นเต้น ส่วนเพลงลำข่มใจให้ทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ทั้งที่เธอเจ็บปวดเหลือเกิน บัวสายสงสารลูกสาวแต่ก็ดีใจที่เพลงลำเข้มแข็งเหมือนเธอ ทุกอย่างเป็นไปตามแผน งามไฉไลฉวยโอกาสขึ้นเวทีขณะกำลังแสดง เธอประจานเพลงลำเสียๆ หาย แต่การที่เธอลามดูถูกไปถึงการเป็นคนลำตัด กลับทำให้เพลงลำกับบัวสายได้รับความเห็นใจจากแขกในงานมากขึ้น ก่อนเหตุการณ์จะลุกลามต่อไปฝาจีบกับพวกจัดการดับไฟความโกลาหลวุ่นวายเกิดขึ้นทันที เพลงลำโดนปกรณ์พลฉุดลงจากเวทีให้ไปหลบใต้โต๊ะด้วยกัน เจิดกับบัวเผื่อนช่วยบัวสายหลบไปหลังเวที เวลาผ่านไปครู่ใหญ่กว่าไฟจะเปิดอีกครั้ง โพยมยงตกใจแทบสิ้นสติเมื่อรู้ว่างามไฉไลหายไป ส่วนฝาจีบอารามรีบร้อนเขาจึงทิ้งกำนันฝอย และฝาจุกอยู่ที่โรงแรมนั่นเอง งามไฉไลตกใจมากเมื่อรู้ว่าฝาจีบจับตัวเธอมา หญิงสาวพยายามต่อรองให้เขาปล่อยเธอไปโดยเสนอเงินจำนวนมากให้แต่ฝาจีบไม่สนใจเขาพูดชัดเจนว่าเขาต้องการตัวเธอเท่านั้น ดึกมากแล้วเมื่อกุชงค์กับปกรณ์พลพาเพลงลำกลับบ้านที่บางลำอย่างปลอดภัย ทั้งสองคนสงสัยฝาจีบว่าจะอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ พวกเขาไปรับบัวเผื่อนให้ไปตามฝาจีบด้วยกัน บัวเผื่อนนึกรู้ว่าฝาจีบต้องไปที่กระท่อมร้างกลางนาไม่ไกลนักแน่ๆ ที่นาแห่งนี้กำนันฝอยยึดมาจากลูกหนี้คนหนึ่ง เกือบเช้าแล้วเมื่อปกรณ์พลกับกุชงค์และน้าบัวเผื่อนตามไปช่วยงามไฉไล ทั้งสามคนแปลกใจที่ไม่พบหญิงสาวที่นั่นมีเพียงฝาจีบกับพวกเท่านั้น ทว่าระหว่างทางที่ย้อนกลับไป ทั้งสามคนก็พบงามไฉไลนอนสิ้นสติอยู่บนคันนา สภาพของเธอบอกได้ชัดเจนว่าเกิดอะไรขึ้น ปกรณ์พลกับกุชงค์รีบพาเธอส่งโรงพยาบาล เขาบอกกุชงค์ว่าที่เขาช่วยงามไฉไลก็เพราะเธอเป็นเหมือนน้องสาวของเขามากกว่า งามไฉไลรักษาตัวอยู่หลายวันโดยไม่ยอมบอกว่าเกิดอะไรขึ้น เธออ้างว่าจำไม่ได้อย่างเดียว ปกรณ์พลได้พบดัสกรบ่อยครั้งขึ้น ความสนใจในเรื่องดนตรีเหมือนกันทำให้ทั้งสองคนมีความสุขทุกครั้งที่ได้พบกัน ดัสกรรู้ทันทีว่าปกรณ์พลคือลูกชายของเขาแน่ๆ ดังนั้นเขาจึงนำกีตาร์ตัวโปรดไปฝากไว้ที่โฉมตรู โดยบอกว่าฝากให้ลูกชายของเขาด้วย ดัสกรกำลังจะจากไป แต่งามไฉไลกลับย้อนมาวุ่นวายกับปกรณ์พลอีกครั้ง
ที่จริงแล้วกำนันฝอยเคยหลงรักบัวสายตั้งแต่เริ่มเป็นสาวรุ่น แต่เมื่อบัวสายไปเล่นลำตัดที่กรุงเทพฯ แล้วท้องกลับมาโดยที่ไม่รู้ว่าใครเป็นพ่อ ทำให้กำนันฝอยอกหักกินเหล้าจนพ่อกับแม่ต้องจับให้แต่งงานกับแม่เพลงลำตัดสาวสวยคู่ปรับกับบัวสายจนมีลูกสองคน กำนันฝอยเป็นม่ายเพราะเมียตายมาหลายปีแล้ว ทั้งฝาจีบและฝาจุกทำตัวเป็นนักเลงประจำหมู่บ้านมาตั้งแต่เด็กจึงเป็นคู่ปรับกับเพลงลำและไข่กาตลอดมา แม้ฝาจุกจะเป็นผู้หญิงแต่ก็เจ้าเล่ห์ไม่ต่างจากฝาจีบซึ่งเป็นพี่ชายสักนิดอาจจะร้ายกว่าเสียด้วยซ้ำ จะอย่างไรก็ตามครอบครัวกำนันฝอยทำอะไรครอบครัวบัวสายไม่ได้มากนัก เพราะครอบครัวนี้เป็นที่รักของชาวบ้านมากกว่า ทั้งเรื่องของการฝึกลำตัดให้เด็กๆ ที่สนใจหรือจะฝึกมวยกับเพลงลำในหน้าแล้งเป็นการสอนให้เด็กใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ ยิ่งไปกว่านั้นคือเพลงลำเป็นคนฉลาด กล้า ไม่กลัวใคร เมื่อโดนแกล้งจึงตอบโต้จนกำนันฝอยต้องเสียเงินมากมาย ในคณะฯ ของบัวสายมี เจิด (นนทพันธ์ ใจกันทา) เป็นพ่อเพลงที่เก่งมากอยู่ด้วย เจิดมาฝึกกับบัวสายตั้งแต่เด็ก เขาเป็นกำลังสำคัญของคณะฯ บัวสายเลี้ยงเจิดและคนอื่นๆ เหมือนลูกหลาน บ้านนี้มีกฎระเบียบและข้อห้ามหลายอย่างเพราะมีคนมาก แต่ก็อยู่กันมาได้ เจิดนั้นรักเพลงลำมาตั้งแต่เป็นหนุ่ม เขาอายุมากกว่าเพลงลำไม่กี่ปี แต่สำหรับเธอแล้วเจิดเป็นพี่ชายที่แสนดีเท่านั้น
ปกรณ์พล (ชนะพล สัตยา) นักศึกษาปริญญาโท ตั้งใจจะทำวิทยานิพนธ์เรื่อง ลำตัดเพลงพื้นบ้านของไทย จึงต้องลงพื้นที่เพื่อเก็บข้อมูล เมื่อลำตัดคณะแม่บัวสายมีชื่อเสียงที่สุดในประเทศเขาจึงต้องไปบางลำ ปกรณ์พลเป็นลูกชายคนเดียวของ อรรถ (พลรัตน์ รอดรักษา) และ โฉมตรู (รชยา รักกสิกรณ์) พ่อของเขาเป็นนักธุรกิจที่มีชื่อเสียงด้านการสื่อสารในระดับนานาชาติ ร่ำรวยมาก แต่ปกรณ์พลไม่เคยสนใจกิจการของพ่อเขาเลย ชายหนุ่มชอบดนตรี และงานศิลปวัฒนธรรมทุกประเภท เขาเหมือนกับโฉมตรูมากกว่า ชายหนุ่มมีเพื่อนสนิทชื่อ กุชงค์ (รติพงษ์ ภู่มาลี) ซึ่งเข้ามาช่วยอรรถทำงานมากกว่าปกรณ์พลเสียอีก เมื่อกุชงค์รู้ว่าเพื่อนจะต้องไปอยู่บางลำเขาก็อดห่วงไม่ได้ เขากังวลว่าปกรณ์พลจะหาข้อมูลได้ไม่ดีนัก เพราะ งามไฉไล (ขวัญกวินท์ ธำรงรัฐเศรษฐ์) ไฮโซสาวสวยคงไม่ยอมง่ายๆ งามไฉไลเป็นลูกสาวคนเดียวของ โพยมยง (มณีนุช เสมรสุต) นักธุรกิจม่ายสาวที่รวยมาก ครอบครัวนี้รวยจากการค้าเพชรและเล่นหุ้น ครอบครัวอรรถกับโฉมตรูสนิทสนมกับโพยมยงและสามีมานานจนกระทั่งสามีเธอตายจากไป ทั้งสองครอบครัวก็ยังเป็นมิตรที่ดีต่อกัน โดยเฉพาะงามไฉไลที่ติดปกรณ์พลมาตั้งแต่เด็ก เพราะเขาเป็นคนเดียวในกลุ่มเพื่อนวัยเดียวกันที่ตามใจเธอ ชายหนุ่มเอ็นดูเธอเหมือนน้องสาว แต่งามไฉไลไม่ได้รู้สึกอย่างนั้น เธอรักเขา และพยายามประกาศตัวว่าเป็นคู่รักของเขาเสมอ เธอไม่ยอมรับว่าเธอกับปกรณ์พลไม่มีอะไรที่เหมือนกันเลย ขณะที่ชายหนุ่มชอบศิลปวัฒนธรรมไทย ชอบมีชีวิตที่เรียบง่าย งามไฉไลกลับชอบความหรูหรา ฟุ่มเฟือย วางอำนาจ อวดรวย เธอจึงไม่ค่อยน่ารักอีกแล้วในสายตาของปกรณ์พล
ดังนั้นคนในบ้านจึงไม่แปลกใจนักเมื่อเขารีบออกไปบางลำแต่เช้าก่อนที่งามไฉไลจะมาขอตามไปด้วย ปกรณ์พลขับรถไปเกือบถึงบ้านบัวสายแต่แล้วรถเสียกลางทาง เขาโชคดีที่เพลงลำขี่รถจักรยานยนต์ผ่านมาพอดี เธอจึงพาเขาไปส่งที่อู่รถของช่างเอื้อง เมื่อย้อนกลับมายังรถที่จอดอยู่ ปกรณ์พลหนักใจเมื่อรู้ว่าต้องรออะไหล่หลายวัน เขาไม่กลับกรุงเทพฯ แต่เลือกที่จะไปนอนค้างที่วัดตามที่ช่างเอื้องแนะนำมากกว่า ค่ำแล้วเมื่อปกรณ์พลเดินเกือบถึงวัด เขาเห็นเพลงลำถูกรุมทำร้าย แม้จะเก่งเรื่องต่อสู้ป้องกันตัวแต่การที่เธอถูกรุมจากฝาจีบและลูกน้องก็ไม่ง่ายที่เธอจะจัดการพวกมันได้ ปกรณ์พลมาช่วยทันเวลาเขาใช้ไม้ท่อนใหญ่ตีจนพวกนั้นหนีกระเจิง เจ็บกันหลายคนโดยเฉพาะฝาจีบกับ นายแสบ (เสกสรรค์ รอดประเสริฐ) คนสนิทที่ถูกฟาดหัวอย่างแรง เพลงลำจึงพาเขาไปพักที่ค่ายมวยของน้าบัวเผื่อน เธอไม่กล้าปล่อยเขาไว้ตามลำพังเพราะรู้ดีว่าฝาจีบคงพาพวกมาล้างแค้นแน่นอน เช้าวันต่อมาปกรณ์พลต้องตอบคำถามมากมายเรื่องการมาทำวิทยานิพนธ์ของเขา ชายหนุ่มแปลกใจที่บัวเผื่อนแนะนำให้เขาไปที่อื่นรวมทั้งเพลงลำกับไข่กาด้วย แต่เมื่อเขายืนยันว่าเขาต้องการมาเป็นลูกศิษย์แม่บัวสายต้องการข้อมูลของที่นี่จริงๆ เพลงลำจึงยอมพาไปพบบัวสาย แต่เขากลับต้องวิ่งหนีออกจากบ้านแทบไม่ทัน เมื่อบัวสายปล่อยหมาเฝ้าบ้านนับสิบตัวออกมาไล่เขา แม้กระนั้นปกรณ์พลก็ไม่ยอมแพ้ เพลงลำนึกชอบที่เขาใจสู้ เธอกับไข่กาจึงพาเขาไปหาเจิดให้ช่วยพูดกับบัวสายอีกครั้ง เจิดเป็นลูกศิษย์คนโปรดของบัวสาย เขามีวิธีพูดให้บัวสายใจอ่อนยอมรับปกรณ์พลให้อยู่เรียนรู้เรื่องลำตัดได้ แต่เขาต้องผ่านบททดสอบของเธอก่อน ปกรณ์พลดีใจขณะที่เพลงลำกับไข่กากลุ้มใจแทนเพราะรู้ว่าบททดสอบของบัวสายนั้นคืออะไร
วันรุ่งขึ้นปกรณ์พลถูกปลุกตั้งแต่ฟ้ายังไม่สาง เขาต้องออกไปช่วยทำนาตามบททดสอบของบัวสาย ครอบครัวนี้จะทำนาในหน้านา และจะรับงานลำตัดเมื่อหลังการเก็บเกี่ยว เพลงลำคอยช่วยอยู่ใกล้ๆ ชายหนุ่มเต็มใจทำงานแม้จะเงอะงะบ้าง แต่ความตั้งใจจริงของเขาก็ทำให้เพลงลำพอใจ แต่ลึกลงไปในใจแล้วเพลงลำรู้สึกว่าเขามีบุญคุณที่มาช่วยเธอจากพวกฝาจีบได้ทันเวลา มิฉะนั้นเธออาจพลาดถูกพวกมันฉุดไปแล้ว พฤติกรรมที่เลวร้ายของฝาจีบอีกอย่างคือชอบฉุดสาวๆ ที่พอใจไปปล้ำแล้วยังถ่ายคลิปเก็บไว้ข่มขู่ ขู่ไม่ให้แจ้งความเสียอีก เพลงลำจึงนึกขอบใจปกรณ์พลที่ช่วยเธอไว้ อะไรที่เธอพอจะช่วยเขาได้เธอก็อยากช่วย ความใกล้ชิดทำให้ทั้งสองคนเริ่มมีความรู้สึกดีๆ ต่อกัน ทว่าความที่ไม่เคยชินกับงานหนักกลางแดดจัดๆ ปกรณ์พลหมดแรงเป็นลมไปตั้งแต่ก่อนเที่ยง เพลงลำ เจิด และไข่กาต้องช่วยกันพาเขากลับไปพักกับบัวเผื่อนโดยไม่ให้บัวสายรู้ ชายหนุ่มไข้ขึ้นสูงทั้งคืนเพลงลำเป็นทุกข์เป็นร้อนห่วงใยเขามากจนไข่กาผิดสังเกต เธอบอกไข่กาว่ากลัวปกรณ์พลจะมาตายที่นี่แล้วจะเกิดเรื่องใหญ่ แต่ไข่กากับเจิดไม่ค่อยเชื่อนัก อย่างไรก็ตามเพลงลำตัดสินใจค้นโทรศัพท์มือถือของเขามาเปิดเพื่อหาหมายเลขโทรศัพท์ติดต่อทางบ้าน ทันทีที่เปิดเครื่องเสียงเรียกก็ดังขึ้น เพลงลำรับสายจึงต้องฟังงามไฉไลโวยวายต่อว่าอยู่หลายคำกว่าจะพูดกันรู้เรื่องว่าให้ไปรับปกรณ์พลที่โรงพยาบาลในอำเภอ
เมื่อถึงโรงพยาบาลไข่กาแยกกลับบ้านกับเจิดก่อนที่บัวสายจะสงสัย เพลงลำอยู่กับปกรณ์พลตลอดเวลาจนกระทั่งงามไฉไลกับโพยมยงซึ่งเป็นแม่มาถึงโรงพยาบาล เธอประกาศตัวเป็นแฟนของปกรณ์พลอย่างชัดเจน เมื่อชายหนุ่มเพ้อถึงเพลงลำทำให้งามไฉไลนั่งไม่ติดเธอตามไปอาละวาดกับเพลงลำอีก ประกาศตัวเป็นเจ้าเข้าเจ้าของจนเพลงลำเข้าใจผิด งามไฉไลพาปกรณ์พลกลับกรุงเทพฯ เธอพยายามอาสามาดูแลชายหนุ่มแต่เขาก็หลบเลี่ยงตลอดเวลา ในช่วงเวลาเดียวกันที่บางลำ กำนันฝอยจัดงานเปิดตัวฝาจีบลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นผู้ใหญ่บ้าน คนใหม่แทนคนเก่าที่แกบีบจนลาออกไปเอง เพลงลำรู้ทันจึงเสนอชื่อเจิดลงสมัครแข่งขันด้วย ฝาจีบจึงเปิดศึกตัดกำลังบ้านเสียงของเจิด เริ่มต้นด้วยการใช้รถเกี่ยวข้าวแอบไปขโมยเกี่ยวข้าวที่ออกรวงงามๆ ที่นาของนางสำอาง เพื่อนบ้านของบัวสายจนหมดเพียงชั่วข้ามคืน เพลงลำระแวงอยู่แล้วจึงชวน ไข่กา เจิด และคนอื่นๆ ไปค้นเหล็กท่อนใหญ่ๆ จากอู่ช่างเอื้องตัดเป็นท่อนให้มีความยาวประมาณต้นข้าว เธอกับพวกนำท่อนเหล็กเหล่านั้นไปปักเป็นแนวตั้งแทรกปนไปกับต้นข้าวรอบแนวคันนาที่รถเกี่ยวจะลงได้ กลางดึกคืนนั้น เพลงลำ เจิด และไข่กาไปเฝ้าดูเหตุการณ์อย่างมั่นใจว่าต้องได้ตัวคนร้ายแน่ๆ ดึกมากแล้วเมื่อเสียงรถเกี่ยวข้าวดังขึ้นแต่ไกล ไม่นานนักก็เห็นเงารถเลื่อนลงนา เสียงดังกระทบกันของโลหะ และเสียงฝาจีบกับพวกโวยวายลั่น เมื่อรถเกี่ยวข้าวเกี่ยวเหล็กท่อนเข้าไปจนพังหมด รถเกี่ยวพัง ทำให้กำนันฝอยโกรธพวกเพลงลำมากขึ้นไปอีก ส่วนปกรณ์พลเมื่อฟื้นไข้เขาก็หนีกลับไปบางลำอีก คราวนี้ไม่ใช่เพื่องานวิจัยอย่างเดียว แต่เพื่อหัวใจด้วย เขารักเพลงลำและรู้ดีว่าต้องพิสูจน์ตัวเองกับบัวสายมากเพียงใด แต่เขาก็พร้อมจะสู้ เพลงลำดีใจมากเมื่อพบปกรณ์พลอีกครั้ง เธอไม่อยากหลอกตัวเองอีกต่อไป เพลงลำเองก็รักเขามากเช่นกัน ทว่าความรักของทั้งคู่มีอุปสรรคมากมาย เริ่มจากงามไฉไลที่มาตามเขาไม่เลิกรา แต่ที่ร้ายกว่านั้นคืออรรถพ่อของปกรณ์พลเมื่อเขารู้ว่าลูกชายมาบางลำมาอยู่กับคณะลำตัดบัวสาย อรรถก็อยู่ไม่ติดออกมาตามปกรณ์พลกลับไปด้วยตัวเอง
ที่บ้านบัวสายเธอต้อนรับอรรถด้วยปืนลูกซองมาดเข้มดุไม่ทำให้อรรถกลัว แต่แววตาที่หมางเมินเกลียดชังทำให้อรรถต้องยอมถอยกลับไป เพลงลำงงที่เห็นบัวสายโกรธแค้นอรรถมากขนาดนั้น คนที่เข้าใจสถานการณ์ดีที่สุดคือบัวเผื่อน เขาจำอรรถได้ว่าเคยไปเฝ้าดูบัวสายเล่นลำตัดที่กรุงเทพฯ เมื่อก่อนที่เธอจะท้องกลับมา บัวเผื่อนนึกรู้ทันทีว่าอรรถเป็นพ่อของเพลงลำ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้บัวสายยื่นคำขาดห้ามเพลงลำติดต่อกับปกรณ์พลโดยไม่บอกเหตุผลที่เธอรู้แก่ใจว่าพี่กับน้องจะแต่งงานกันได้อย่างไร เพลงลำเป็นลูกของอรรถเหมือนกับปกรณ์พล งามไฉไลตามรังควานเพลงลำกับบัวสายอย่างน่ารำคาญ ลำพังเพลงลำเธอทนได้ แต่เธอทนให้ใครมาดูถูกแม่ไม่ได้ หญิงสาวจึงขอร้องให้ปกรณ์พลกลับไป ทั้งเธอและเขาต่างก็มีหน้าที่ที่ต้องทำ หน้าที่ของลูกที่ดี ปกรณ์พลยอมกลับกรุงเทพฯ และยอมหมั้นกับงามไฉไลตามความต้องการของอรรถ เขากลับมาคราวนี้เหมือนคนที่ไม่มีหัวใจ โฉมตรูเห็นลูกแล้วสงสารจับใจ เธอแปลกใจที่อรรถเคี่ยวเข็ญลูกชายอย่างไม่เคยทำมาก่อน ส่วนเพลงลำยอมหัดลำตัดเพื่อประชันในงานสืบสานศิลปวัฒนธรรมงานใหญ่ของจังหวัด โดยมีฝาจีบเป็นคู่ประชัน กำนันฝอยยอมเสียเงินมากมายเพื่อให้ลูกชายชนะ แม้จะต้องโกงคะแนนก็ตาม คนที่เข้ามาเพิ่มความวุ่นวายคืองามไฉไลกับโพยมยงที่ตามมาช่วยสบทบเงินค่าจ้างหน้าม้ามาโห่ฮาเพลงลำ เช้าวันงานบัวสายป่วยต้องผ่าตัดไส้ติ่งกระทันหัน เพลงลำไม่มั่นใจในการขึ้นเวที แต่เจิดช่วยเป็นกำลังใจให้ ส่วนปกรณ์พลแปลกใจเมื่องามไฉไลกุลีกุจอพาเขามาดูการประชันลำตัด เขาไม่รู้ว่าอรรถตามมาดูด้วย เมื่อผลการประชันออกมาว่าเพลงลำชนะฝาจีบอย่างงดงาม เขาหายสงสัยทันทีเมื่องามไฉไลกับโพยมยงตามไปต่อว่ากำนันฝอยกับลูกที่ทำงานไม่สำเร็จ เพลงลำกับคณะไม่แพ้และโดนฉีกหน้าให้อายอย่างที่ตกลงกันไว้ ตัวตนของว่าที่คู่หมั้นทำให้ปกรณ์พลกลุ้มใจมาก ส่วนอรรถตามมาเยี่ยมบัวสายที่โรงพยาบาล เขาถามบัวสายว่าเพลงลำเป็นลูกของเขาใช่หรือไม่ แต่เธอไม่ตอบ บัวสายเมินหนีทั้งน้ำตา แต่ไม่นานนักก็อดใจไม่ได้เธอเหน็บแนมต่อว่าเขาเรื่องศักดิ์ศรีผู้ดี และความต่ำต้อยของการเป็นแม่เพลงลำตัดของเธอ เพียงเท่านี้อรรถก็เข้าใจ เขาได้แต่ขอโทษที่ปล่อยให้เธอต้องอุ้มท้องกลับบางลำและเลี้ยงลูกคนเดียว ทั้งสองคนไม่รู้ว่าเพลงลำกลับมาจากงานประชันแล้วและยืนอยู่ที่หน้าห้องนั้นเอง เธอได้ยินทุกอย่าง หญิงสาวรีบหลบไปก่อนที่อรรถจะออกมาพบเธอเข้า หญิงสาวเข้าไปพบบัวสายเมื่อเห็นว่าอรรถกลับไปแล้ว เพลงลำตั้งใจว่าจะทำให้แม่มีความสุขที่สุดจึงไม่พูดถึงพ่ออรรถสักคำ เธอตั้งใจจะเป็นแม่เพลงลำตัดที่ดีให้ได้
ที่กรุงเทพโฉมตรูได้ต้อนรับ ดัสกร (ทนงศักดิ์ ศุภการ) เพื่อนเก่าเมื่อครั้งที่เธอไปเรียนที่สวิตเซอร์แลนด์ ที่จริงดัสกรคือคนรักของเธอก่อนจะแต่งงานกับอรรถ ดัสกรมาพบเธอเพื่อลาเพราะเขาป่วยเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย ที่เหนือกว่าอะไรทั้งหมดคือเขาอยากพบลูก โฉมตรูปฏิเสธไม่ยอมให้พบปกรณ์พล แต่ดัสกรก็พบกับปกรณ์พลจนได้ในวันหนึ่ง แม่ปริกคนรับใช้เก่าแก่ที่ตามโฉมตรูไปสวิตเซอร์แลนด์ด้วยรู้ความจริงดีว่าปกรณ์พลเป็นลูกดัสกรกับโฉมตรู เป็นความจริงที่เป็นความลับบอกใครไม่ได้ ก่อนงานหมั้นงามไฉไลกับโพยมยงไปพบกำนันฝอยที่บ้าน เธอต้องการทำลายเพลงลำกับแม่ให้ถึงที่สุด หญิงสาวจ้างฝาจีบให้ไปเผาบ้านของบัวสาย ฝาจีบนั้นเมื่อพบงามไฉไลเขาหลงรักเธอทันที และตั้งใจจะต้องแต่งงานกับเธอให้ได้ บ้านบัวสายถูกเผาตามแผน ในช่วงเวลาเดียวกันงามไฉไลติดต่อจ้างคณะลำตัดบัวสายไปแสดงในงานหมั้นของเธอกับปกรณ์พล เธอต้องการประจานเพลงลำกับแม่ให้ได้อายกลางงาน บัวสายไม่อยากให้เพลงลำรับงาน แต่เพลงลำยอมรับงานนี้โดยบอกว่า "แม่สอนอยู่เสมอว่าเราต้องทำหน้าที่ของศิลปินพื้นบ้านให้ดีที่สุด สง่างามที่สุด เพื่อจะสืบสานมรดกชิ้นนี้ไว้ให้กับลูกหลานสืบไป" งานคราวนี้ก็เป็นงานแสดงครั้งหนึ่งเท่านั้น หลังจากงานนี้เพลงลำบอกบัวสายว่าเธอจะแต่งงานกับเจิดเพื่อช่วยกันทำงานรักษาศิลปวัฒนธรรมเพลงพื้นบ้านต่อไป บัวสายสงสารลูกสาวมากเพลงลำทำทุกอย่างเหมือนเป็นหน้าที่เท่านั้น เพลงลำมีชีวิต มีวิญญาณ แต่ไม่มีจิตใจ งานครั้งนี้เพลงลำเรียกค่าจ้างหนึ่งล้านบาท โพยมยงกับ งามไฉไลยอมตกลง ข่าวงานหมั้นของปกรณ์พลและงามไฉไลทำให้ฝาจีบกับฝาจุกกลุ้มใจ ร้อนใจมากที่สุด ฝาจีบรักงามไฉไล ส่วนฝาจุกรักปกรณ์พล สองพี่น้องวางแผนจับตัวทั้งสองคนกลางงานหมั้นเพื่อจัดงานแต่งงานของตนแทน ที่วุ่นวายคือสองพี่น้องยุให้กำนันฝอยจับโพยมยงและรวบรัดเป็นเมียด้วยเสียอีกคน
ที่โรงแรมหรูกลางกรุงเทพฯ งานหมั้นจัดอย่างหรูหรา งามไฉไลรอเวลาแสดงลำตัดอย่างตื่นเต้น ส่วนเพลงลำข่มใจให้ทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ทั้งที่เธอเจ็บปวดเหลือเกิน บัวสายสงสารลูกสาวแต่ก็ดีใจที่เพลงลำเข้มแข็งเหมือนเธอ ทุกอย่างเป็นไปตามแผน งามไฉไลฉวยโอกาสขึ้นเวทีขณะกำลังแสดง เธอประจานเพลงลำเสียๆ หาย แต่การที่เธอลามดูถูกไปถึงการเป็นคนลำตัด กลับทำให้เพลงลำกับบัวสายได้รับความเห็นใจจากแขกในงานมากขึ้น ก่อนเหตุการณ์จะลุกลามต่อไปฝาจีบกับพวกจัดการดับไฟความโกลาหลวุ่นวายเกิดขึ้นทันที เพลงลำโดนปกรณ์พลฉุดลงจากเวทีให้ไปหลบใต้โต๊ะด้วยกัน เจิดกับบัวเผื่อนช่วยบัวสายหลบไปหลังเวที เวลาผ่านไปครู่ใหญ่กว่าไฟจะเปิดอีกครั้ง โพยมยงตกใจแทบสิ้นสติเมื่อรู้ว่างามไฉไลหายไป ส่วนฝาจีบอารามรีบร้อนเขาจึงทิ้งกำนันฝอย และฝาจุกอยู่ที่โรงแรมนั่นเอง งามไฉไลตกใจมากเมื่อรู้ว่าฝาจีบจับตัวเธอมา หญิงสาวพยายามต่อรองให้เขาปล่อยเธอไปโดยเสนอเงินจำนวนมากให้แต่ฝาจีบไม่สนใจเขาพูดชัดเจนว่าเขาต้องการตัวเธอเท่านั้น ดึกมากแล้วเมื่อกุชงค์กับปกรณ์พลพาเพลงลำกลับบ้านที่บางลำอย่างปลอดภัย ทั้งสองคนสงสัยฝาจีบว่าจะอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ พวกเขาไปรับบัวเผื่อนให้ไปตามฝาจีบด้วยกัน บัวเผื่อนนึกรู้ว่าฝาจีบต้องไปที่กระท่อมร้างกลางนาไม่ไกลนักแน่ๆ ที่นาแห่งนี้กำนันฝอยยึดมาจากลูกหนี้คนหนึ่ง เกือบเช้าแล้วเมื่อปกรณ์พลกับกุชงค์และน้าบัวเผื่อนตามไปช่วยงามไฉไล ทั้งสามคนแปลกใจที่ไม่พบหญิงสาวที่นั่นมีเพียงฝาจีบกับพวกเท่านั้น ทว่าระหว่างทางที่ย้อนกลับไป ทั้งสามคนก็พบงามไฉไลนอนสิ้นสติอยู่บนคันนา สภาพของเธอบอกได้ชัดเจนว่าเกิดอะไรขึ้น ปกรณ์พลกับกุชงค์รีบพาเธอส่งโรงพยาบาล เขาบอกกุชงค์ว่าที่เขาช่วยงามไฉไลก็เพราะเธอเป็นเหมือนน้องสาวของเขามากกว่า งามไฉไลรักษาตัวอยู่หลายวันโดยไม่ยอมบอกว่าเกิดอะไรขึ้น เธออ้างว่าจำไม่ได้อย่างเดียว ปกรณ์พลได้พบดัสกรบ่อยครั้งขึ้น ความสนใจในเรื่องดนตรีเหมือนกันทำให้ทั้งสองคนมีความสุขทุกครั้งที่ได้พบกัน ดัสกรรู้ทันทีว่าปกรณ์พลคือลูกชายของเขาแน่ๆ ดังนั้นเขาจึงนำกีตาร์ตัวโปรดไปฝากไว้ที่โฉมตรู โดยบอกว่าฝากให้ลูกชายของเขาด้วย ดัสกรกำลังจะจากไป แต่งามไฉไลกลับย้อนมาวุ่นวายกับปกรณ์พลอีกครั้ง