ละคร บางระจัน
ดู 5,159 ครั้ง /
แชร์
ละครออกอากาศ | วันจันทร์ วันอังคาร | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
ช่องที่ออกอากาศ | ละครช่อง 3 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
เริ่มออกอากาศ | 6 มกราคม 2558 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
เวลาออกอากาศ | 20:15 - 22:45 น. |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
กำกับโดย | ภวัต พนังคศิริ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
ประพันธ์โดย | บทประพันธ์ ไม้เมืองเดิม, บทโทรทัศน์ คฑาหัสต์ บุษปะเกศ, ฟ้าฟื้น | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
นำแสดงโดย | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
ผู้สร้าง | บริษัท บรอดคาซท์ ไทย เทเลวิชั่น จำกัด |
ภาพนิ่งจากละคร
เรื่องย่อ บางระจัน
ในปีพุทธศักราช 1301 หลังการผลัดเปลี่ยนแผ่นดินมาสู่รัชสมัยของสมเด็จพระที่นั่งสุริยาศน์อมรินทร์ หรือ สมเด็จพระเจ้าเอกทัศ (วิทยา วสุไกรไพศาล) ความไม่เด็ดขาดในการปกครองทำให้เหล่าเจ้านายและข้าราชบริพารเกิดการแบ่งพรรคแบ่งพวก เกิดการแข็งข้อของหัวเมืองฝ่ายเหนือ ไม่มีความสามัคคีในหมู่ข้าราชการ ต่างพากันแย่งชิงตำแหน่งหน้าที่ รับสินบน เบียดบังผลประโยชน์ชาติ เอาความสุขใส่ตัว ชาวบ้านเดือดร้อน ข้าวยากหมากแพงทุกหัวระแหง พระเจ้าอลองพญามังลองยกทัพพม่ามาตีไทยทางทวาย มะริด ตะนาวศรี หวังยึดกรุงศรี ทัพไทยแตกพ่ายถึง 3 กองทัพ เดชะบุญของไทยยังมี พระเสื้อเมืองคุ้มครอง พระเจ้าอลองพญาถูกรางปืนแตกบาดเจ็บสาหัส มังลอราชบุตรจึงรีบยกทัพกลับ
ลางร้ายแห่งความวิปโยคเริ่มขึ้นเมื่อน้ำหลากสีปูนแดงดั่งเลือดไหลจากเหนือลงสู่อยุธยาเป็นที่กล่าวขาน ก่อนทัพของ พระเจ้ามังระ (อภินันท์ ประเสริฐวัฒนกุล) จะยาตราทหารหนึ่งแสนสองหมื่นนายมาแก้แค้นให้พระเจ้าอลองพญามังลอที่สวรรคต ทัพพม่ามี เนเมียวสีหบดี (นิรุตติ์ ศิริจรรยา) เป็นแม่ทัพฝ่ายเหนือ นำทัพมาจากเชียงใหม่ ตีหัวเมืองแตกระเรื่อย จนมาต่อเรือรบที่กำแพงเพชร มังมหานรธา (สุเชาว์ พงษ์วิไล) นำทัพฝ่ายใต้เผาเมืองชุมพร ปะทิว ขึ้นมาถึงปราณบุรี กาญจนบุรี และจัดทัพแยกไปตีเพชรบุรี ราชบุรี ความเดือดร้อนยิ่งกว่าไฟลามทุ่ง เมื่อทัพอังวะปล้น ฆ่า ข่มขืน ชิงทรัพย์สินของชาวบ้านตลอดรายทางเพื่อมุ่งสู่กรุงศรีอยุธยา ที่บ้านคำหยาด แขวงวิเศษไชยชาญ ทหารกรุงศรีเร่งกวาดต้อนชาวบ้านเพื่ออพยพหนีภัยศึกเข้ากำแพงเมือง เวลาเดียวกับที่ ทัพ (พงศกร เมตตาริกานนท์) หรือ เจ้าเสือ แห่งบ้านคำหยาด ทหารผู้มีฝีมือดาบไม่เป็นสองรองใคร ฝ่าทัพอังวะที่ปล้นฆ่าได้กลับมาก้มลงกราบแทบเท้าพ่อแม่ หมู่เที่ยง (ธีระพงศ์ เหลียวรักวงศ์) อดีตทหารกล้ากับ นางจันทร์ (ปวีณา ชารีฟสกุล) ผู้เป็นแม่ จวง (สาวิตรี สุทธิชานนท์) น้องสาวบอกทัพเรื่องที่อดีตเพื่อนรัก นายกองสังข์ (ปรมะ อิ่มอโนทัย) และ หมู่ขาบ (ฐกฤต ตวันพงค์) กำลังเร่งกวาดต้อนครัวไทยไปกรุงศรี ทัพเห็นอาการป่วยของแม่ยังไม่ดี ก็ขอประวิงเวลาไปเอายาจากสุพรรณมาให้แม่ แต่สังข์ที่ถืออำนาจบาตรใหญ่หาเรื่องว่าทัพคิดหนีเกณฑ์ ไม่ยอมเป็นทหารสู้ศึก ทัพรู้ดีว่าความบาดหมางครั้งนี้รุนแรง เพราะสังข์อ้างการอพยพเพื่อหวังรวบรัดจวงเป็นเมีย ขณะที่ขาบเองก็แอบรัก เฟื่อง (กัญญ์ณรัณ วงศ์ขจรไกล) คนรักของตน ทัพขอร้องเพื่อนแต่สังข์กลับสั่งทหารเข้ารุมจับตัวทัพ จนเกิดการต่อสู้ สังข์และขาบแพ้แต่สังข์ไม่ยอมเสียเชิงให้อายคนใส่ร้ายว่าทัพเป็นกบฏหนีกองทัพทันที
ทัพต้องหนีหลบไปซุ่มซ่อนในป่า เฟื่องที่เฝ้ารอคนรักต้องระทมทุกข์เพราะความพลัดพราก ถึงจะรู้ว่าขาบคิดอย่างไร และแม้ขาบจะทำดีให้แค่ไหน เฟื่องก็ไม่อาจแบ่งใจรักคนอื่นนอกจากทัพได้ ใต้ตาล 5 ต้น ที่ทัพและเฟื่องให้สัญญาต่อกันว่าหนาวหน้าคงได้ร่วมชีวิตคู่ แต่บัดนี้กลับต้องรอเวลาทอดยาวหลังศึกผ่านพ้น ต่างจาก แฟง (ณิชารีย์ โชคประจักษ์ชัด) น้องสาวเฟื่องที่แก่นกล้าเกินหญิง แฟงเจ็บใจและตามเอาเรื่องสังข์และขาบแทนพี่สาว สังข์กับขาบจึงเร่งเอาทหารจับตัวจวงและเฟื่องไป ก่อนจะย้ายครัวหลบหนี แต่ทัพก็ตามไปช่วยคนรักและน้องสาวมาได้ ยิ่งทำให้สังข์และขาบเจ็บใจประกาศจะตามล่าตัวกบฏอย่างทัพมารับโทษให้จงได้ เวลาเดียวกับที่บ้านสามโก้ อีกด้านแขวงวิเศษไชยชาญ หมู่บ้านของ สไบ (ศิรพันธ์ วัฒนจินดา) ลูกสาว ผู้ใหญ่แสง (สันติสุข พรหมศิริ) กำลังถูก นายกองอูจี (สุพจน์ จันทร์เจริญ) นำทหารเลวทัพอังวะเข้าปล้น สไบกำลังจะถูกข่มเหง แต่ ใจ (พศุตม์ บานแย้ม) พรานหนุ่มเข้ามาช่วยไว้ พร้อม เจิด (ทวีฤทธิ์ จุลละทรัพย์) พี่ชาย และ จาด (ทนงศักดิ์ ศุภการ) พรานใหญ่ผู้เป็นพ่อ ทั้งหมดต้องอพยพหนีโดยการนำของใจ ระหว่างทางใจได้ช่วยสไบไวอีกหลายครั้ง สไบกับใจต่างต้องตาต้องใจกัน แต่ ดอกรัก (ปิติศักดิ์ เยาวนานนท์) ญาติผู้พี่ของสไบที่เหม็นหน้าใจคอยหาเรื่องกีดกันไม่ให้ทั้งสองได้อยู่ใกล้ชิดกัน ระหว่างทางอพยพดอกรักและใจผลัดกันแพ้ผลัดกันชนะในการช่วงชิงหัวใจสาวงามอย่างสไบ
ทัพพาทุกคนอพยพหนีมาที่บ้านกระทุ่มด่าน พึ่งเรือนญาติคือ กำนันพัน (สรพงษ์ ชาตรี) อยู่ชั่วคราว ก่อนจะรวบรวมพรรคพวกทหารจากทัพที่แตกพ่าย อย่าง หมู่เคลิ้ม (จิรายุ ตันตระกูล) เอิบ (วีระกิตติ์ วรัตน์ชยุต) ช่วง (ศรัณย์ แก้วจินดา) และ ฟัก (ภัทรภณ โตอุ่น) พี่ชายของเฟื่องและแฟง อาสาเข้าซุ่มโจมตีตัดกำลังทางเดินทัพของอังวะ ที่กระทุ่มด่านกลุ่มของสไบหนีตามมาสมทบกับกลุ่มของเฟื่องและแฟง ทั้งหมดรวมตัวกันเป็นกลุ่มใหญ่ หลบภัยอยู่กับชาวบ้านอีกมากมายที่กำลังหนีภัยข้าศึก ชื่อเสียงของกลุ่มทัพที่หาญกล้าซุ่มโจมตีศัตรูเลื่องลือจนถึงหูสังข์และขาบ ทั้งสองตามล่าเพื่อนรักมาจนถึงกระทุ่มด่านและฉวยโอกาสที่เฟื่องเข้าใจทัพผิด เพราะเห็นทัพกอดแฟงที่เอาแต่ปั้นปึ่งหาเรื่องให้โมโห จนสังข์กับขาบจับตัวเฟื่องและจวงไปจนได้ แฟงเสียใจมากที่เป็นต้นเหตุแต่คนที่ใจแทบขาดคือทัพ เพราะคนรักและน้องสาวตกไปอยู่กำมือของเพื่อนรักเพื่อนแค้น ทัพออกตามตัวเฟื่องและจวง แฟงเฝ้าโทษตัวเองที่ทำให้พี่สาวตกระกำลำบากถูกพรากจากครอบครัวและชายคนรักไปจนได้ สไบเตือนให้แฟงเตรียมตัวหนีอีกครั้งเมื่อข้าศึกเข้ามาใกล้ แฟงอยากรอพี่สาวแต่ข้าศึกอังวะประชิดกระทุ่มด่าน ขบวนอพยพต้องเคลื่อนออกทันที แฟงใจจะขาดรอนๆ เมื่อต้องไกลจากพี่สาวอย่างไม่รู้ชะตากรรม
ระหว่างทางที่ตามหาเฟื่อง ทัพเจอกับกลุ่มก๊กโจร เสือปิ่น (ไชย ขุนศรีรักษา) ที่อดอยากจนต้องปล้นชิงพี่น้องไทยกันเอง ทัพถูกกักตัวและเกลี้ยกล่อมให้ร่วมเป็นพวกโจร เวลาเดียวกับที่เฟื่องและจวงเข้าใกล้กำแพงกรุงศรี ขบวนของสังข์กับขาบต้องหยุดพักรอที่บ้านพรานตามคำสั่งของคุณพระนายหมื่นศรี ขบวนอพยพของแฟงกับสไบเจอโจรที่บุกเข้าปล้น ฟักกับกลุ่มผู้ชายสู้ตายเพื่อปกป้องชาวบ้าน แฟงคว้าดาบไล่ฟันโจรอย่างห้าวหาญ ปกป้องคนแก่และเด็กๆ ก่อนจะถูกโจรลากตัวหายเข้าป่าลึก ฟักกับกลุ่มผู้ชายออกตามหาแต่ไม่เจอแฟงแม้แต่เงา สไบหลั่งน้ำตาไม่รู้ชะตากรรมเพื่อน ขบวนอพยพต้องเร่งเดินทาง บัดนี้สามชีวิตต้องแยกห่าง เฟื่องที่ตกอยู่ในกำมือของขาบประวิงเวลาให้ขาบไม่คิดหักหาญน้ำใจ รักษาตัวไว้รอชายคนรัก ขณะที่ทัพก็หาทางเอาตัวรอดจากกลุ่มโจรเสือปิ่น แฟงถูกกลุ่มของ นายแท่น (ภูริ หิรัญพฤกษ์) ชาวบ้านศรีบัวทอง แขวงเมืองสิงห์ช่วยไว้ได้ แฟงเห็นความเด็ดเดี่ยวของกลุ่มนายแท่น ที่มี นายโชติ (ปัญญาพล เดชสงค์) นายอิน (ชัยวัฒน์ ทองแสง) และ นายเมือง (ศิระ แพทย์รัตน์) ซุ่มโจมตีกองทัพอังวะ เลือดหญิงไทยหวงแหนแผ่นดินหลั่งไหลทั่วกาย แฟงยอมสละแล้วทั้งชีวิตอาสาเป็นหญิงล่อตาล่อใจทหารอังวะมาให้นายแท่นกับพวกฟันจนละเอียด หลายครั้งที่แฟงเกือบไม่รอดเงื้อมมือข้าศึกเลวที่จ้องย่ำยีศักดิ์ศรีหญิงไทย แต่หัวใจห้าวของแฟงไม่เคยครั่นคร้ามหวาดกลัว นายดอกไม้ (สนธยา ชิตมณี) บ้านกรับ และ นายทองแก้ว (ชลัฏ ณ สงขลา) บ้านโพธิ์ทะเล สองผู้นำชาวบ้านมาขอร่วมกับกำลังกลุ่มนายแท่นด้วย แฟงและหญิงชาวบ้านคนอื่นพากันทำอุบายล่อทัพอังวะมาให้ถูกนักรบไทยฆ่าลงเสียมาก จนกองทัพอังวะส่งทหารมากมายมาล้อมบ้านศรีบัวทอง นายแท่นต้องพาทุกคนหนีตาย แฟงได้แต่อาลัยที่ต้องพลัดพรากจากเฟื่องพี่สาวและครอบครัวที่รักไกลออกไปทุกที ทัพช่วยชีวิตเสือปิ่นไว้ได้จาก ชิด (พัฒนพล กุญชร ณ อยุธยา) ลูกน้องทรยศ น้ำใจของทัพทำให้เสือปิ่นสำนึกบุญคุณ ปล่อยตัวทัพออกตามหาคนรัก แต่เฟื่องไม่อาจยื้อยุดความปรารถนาล้ำลึกของขาบไว้ได้อีก เฟื่องตกเป็นของขาบขณะที่สังข์ใช้กำลังครอบครองกายใจจวง
ทัพอังวะเข้าโจมตีขบวนอพยพทหารกรุงศรี สังข์และขาบจึงต้องสู้เพื่อไทยแต่ศัตรูมากมายเข้าโอบล้อมไว้ไม่ขาดสาย เฟื่องกับจวงกำลังจะถูกศัตรูรุมข่มเหงในกระท่อม ร่างของทัพบนหลังม้าคู่ใจอ้ายเลาพุ่งทะยานเข้ามาฟันข้าศึกล้มตาย เลือดนองสังเวยผืนดินไทย สังข์และขาบซึ้งในน้ำใจของไอ้ทัพเพื่อนแท้ เมื่อต้องสู้เพื่อรักษาดินทุกก้อนของไทย เพื่อนรักทั้งสามละทิ้งความขุ่นเคืองโกรธแค้นในอดีตลงเสียสิ้น หันหลังชนกันประจันหน้าศัตรู พุ่งเข้าฟันข้าศึกจนยับแตกพ่าย สังข์และขาบซึ้งแก่ใจว่ายามคับขันทุกคนต่างพากันเอาตัวรอด คุณพระนายหมื่นศรีละทิ้งลูกน้องเข้าไปหลบก่อนประตูกรุงศรีจะปิดลง เมื่อไม่อาจเข้าสู่กำบังหลังกำแพงกรุงศรีได้ดังหวัง แม้ศัตรูกำลังโอบล้อมไว้แต่เลือดไทยจะไม่ยอมแพ้ ทัพ สังข์ และขาบพาเฟื่อง จวง และขบวนอพยพที่เหลือมุ่งหน้าไปเพื่อสู้ร่วมกับไทยอีกนับร้อยที่ค่ายบ้านระจัน ที่ค่ายบ้านระจัน กลุ่มของสไบมาถึงได้เจอกับแฟงที่มาอยู่ก่อนหน้านี้แล้ว ทุกคนดีใจที่ได้พบกันอีกครั้ง กำนันพันเรือง (วัชรชัย สุนทรศิริ) ใช้ค่ายบ้านระจันเป็นที่ประชุมสู้ศึกทัพพม่า มี นายทองเหม็น (สมชาย เข็มกลัด) เป็นผู้ใหญ่บ้าน นายทองแสงใหญ่ (ศรุต วิจิตรานนท์) นายจันหนวดเขี้ยว (วิศรุต หิรัญบุศย์) และหัวหน้าอีก 6 คน ที่อพยพมาร่วมกันเป็นผู้นำ อันได้แก่ นายแท่น นายโชติ นายอิน นายเมือง ชาวบ้านศรีบัวทอง นายทองแก้ว บ้านโพธิ์ทะเล นายดอกไม้ชาวบ้านกรับ และ ขุนสรรค์กรมการ (พศิน เรืองวุฒิ) จากเมืองสรรคบุรี ทุกคนในค่ายมี พระอาจารย์ธรรมโชติ (ชาติชาย งามสรรพ์) เป็นศูนย์กลางยึดเหนี่ยวจิตใจปลุกปลอบขวัญเครื่องรางป้องกันภัยก่อนออกศึกทุกครั้ง ทุกคนวางแผนให้บ้านบางระจันคือด่านหน้าปะทะทัพอังวะไม่ให้ล่วงเข้าอยุธยาได้
ศึกแรก นายแท่นนำทัพเข้าสู้และฟาดฟันจนชนะอังวะ เสียงเพลงบ้านบางระจันปลุกเร้าฮึกเหิมให้ชาวบ้านทุกคนรวมเป็นน้ำหนึ่ง สไบดีใจที่ได้เจอแฟงอีกครั้ง ใจที่ตามดูแลสไบขวางหูขวางตาดอกรักจนพาลหาเรื่อง พวกฟักต้องคอยห้ามปราม สไบไม่ชอบที่ดอกรักทำตัวเป็นเจ้าของ ดอกรักอ้างเรื่องที่ผู้ใหญ่ยกสไบให้ตั้งแต่เด็ก สไบไม่รับรู้เพราะในใจผูกพันอยู่กับพรานใจไปหมดแล้ว ดอกรักสังเกตเห็นใจชอบเข้านอกออกในส่วนต่างๆ ของค่าย เหมือนคอยสำรวจแล้วก็หายตัวไปบ่อยๆ สไบคิดว่าดอกรักระแวง แต่ไม่มีใครระแคะระคายเลยว่าใจคือสายลับอังวะ ใจหรืออองนายติดตามสืบความเคลื่อนไหวในค่ายแล้วลอบออกไปส่งข่าวให้กับเจิดหรืออูทินพี่ชายศิษย์ร่วมสำนัก โดยมีจาดหรือจอกยีโบอาจารย์คอยส่งข่าวไปยังแม่ทัพในค่ายที่ปากน้ำพระประสบ ครั้งหนึ่งใจลอบออกนอกค่ายขณะที่เจิดกำลังสั่งให้ใจเลิกช่วยเหลือสไบและเร่งหาข่าวของค่ายบ้านบางระจัน ดอกรักลอบตามมาเห็นความลับ เจิดคิดฆ่าดอกรักแต่ใจไม่อยากทำให้ทุกคนสงสัยจึงทำอุบายเป็นโดนทำร้ายพร้อมดอกรัก โชคช่วยที่ดอกรักฟื้นขึ้นมาจำใครไม่ได้กลายเป็นคนบ้าบอเสียสติ ใจยังคงลอบสืบข่าวด้วยความหวังว่าวันข้างหน้าจะพาสไบคนรักกลับอังวะไปร่วมชีวิตใหม่กัน
ทัพ สังข์ ขาบ เฟื่อง และจวงพาชาวบ้านมารวมกันที่ค่ายบ้านบางระจัน ทัพ สังข์ และขาบได้เป็นกำลังสำคัญให้กับนักรบไทยที่มีเพียงมีดไม้และใจฮึกเหิม แฟงก้มกราบเฟื่องด้วยความเสียใจ เฟื่องไม่ติดใจความผิดพลั้งของน้องสาว แฟงเห็นสายตาทัพที่ยังมองเฟื่องด้วยอาลัยก็ยิ่งพาลเกลียดสังข์กับขาบ เฟื่องต้องคอยเตือนอารมณ์ชิงชังของเด็กสาวและสอบถามถึงความในใจ แฟงบ่ายเบี่ยงทั้งๆ ที่แอบชอบทัพในความเก่งกล้ามานานแล้ว เฟื่องอ่านใจน้องออกแต่แฟงไม่ยอมรับ เฟื่องเองก็จำต้องเงียบนิ่งเพราะในใจแล้วก็ยังมีความอาลัยในตัวคนรักเก่าอยู่มาก ขาบมองเห็นสายตาเฟื่องก็รู้ดีว่าทำอย่างไรก็ไม่อาจเข้าไปแทนที่ทัพในใจเฟื่องได้เลย ทัพมองเห็นความห่างเหินเย็นชาของเฟื่องที่มีให้ขาบก็ไม่อยากเป็นปัญหาให้เฟื่องพะวักพะวงจึงคอยอยู่ห่างจนเฟื่องน้อยใจ แฟงที่ชังน้ำหน้าพี่เขยอย่างขาบก็คอยมากวนใจ เลียบเคียงถามทัพเรื่องเฟื่อง พอโดนทัพเอ็ดไปหลายครั้งแฟงก็พาลน้อยใจประสาเด็ก ต่อปากต่อคำ ยั่วเย้าอารมณ์ทัพให้คอยนึกถึงไม่ว่างเว้น ความผูกพันของทัพกับแฟงก่อตัวขึ้นอย่างไม่ทันได้รู้ตัว เจิดแฝงตัวกลับเข้ามาในค่ายเพื่อฆ่าสไบตามคำสั่งของจาดเพราะกลัวว่าความรักของใจที่มีให้สไบจะเป็นปัญหาทำให้ใจละทิ้งหน้าที่สายลับ ใจรู้เรื่องก็ตัดสินใจเป็นเจ้าของกายและใจสไบจนหมดสิ้นและบอกกับเจิดว่าหากคิดจะฆ่าสไบเมียรักก็จงข้ามศพเขาไปเสียก่อน
เนเมียวสีหบดีแต่งตั้ง งาจุนหวุ่น (โฆษวิส ปิยะสกุลแก้ว) เป็นแม่ทัพ มาตีบ้านบางระจัน นายเมืองนำทัพออกไปสู้ ทัพ สังข์ และขาบนำพวกไล่ต้อนฆ่าทัพอังวะจนราบ เยกินหวุ่น (ภูชิสสะ ศุภธนพัฒน์) นำทัพมาช่วยก็โดนไล่ต้อนจนพ่ายแพ้ ค่ายบ้านบางระจันครึกครื้นด้วยเสียงโห่ร้องยินดีแห่งชัยชนะ ชื่อเสียงชาวบ้านคนไทยผู้รวมตัวสู้ดังเลื่องลือ เนเมียวสีหบดีไม่ยอมเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ ส่ง ติงจาโบ (จตุรวิทย์ คชน่วม) และ สุรินทจอข่อง (ปราบปฎล สุวรรณบาง) มาตีอีก แต่ก็พ่ายอย่างไร้ท่า สุรินทจอข่องตายกลางสนามรบยิ่งสร้างขวัญและกำลังใจให้คนไทยผู้รักและหวงแหนแผ่นดิน ในยามพักรบชาวค่ายรวมกันฝึกปรือฝีมือดาบและอาวุธ ทัพเองเป็นผู้นำฝึกอาวุธ สังข์หยอกล้อจวง เฟื่องเองก็คอยดูแลขาบที่บาดเจ็บจากรบ ทัพที่มองเห็นรอยยิ้มของเพื่อนและคนรักเก่าก็เกิดเหว่ว้าในใจ แฟงยังตะบึงตะบอนคิดว่าทัพมองเฟื่องด้วยสายตาอาวรณ์เลยพูดจาประชดจนทัพหันมาเห็นแฟงที่เป็นสาวรุ่นไม่ใช่เด็กเมื่อวานซืนคนเดิม แฟงหนีหน้าทัพเพราะแง่งอนแต่ทัพเฝ้าออดให้แฟงรอกินข้าวด้วยยามกลับจากสนามรบ แฟงกับทัพกำลังจะเข้าใจแต่ด้วยพลั้งปากไปแฟงพูดเรื่องเฟื่อง ทัพโกรธที่แฟงไม่เชื่อคำรักที่เขาบอกก็โต้เถียงกัน แฟงด่าว่าจนทัพต้องดึงเด็กสาวเข้ามาจูบ ยิ่งทำให้แฟงโกรธว่าทัพดูถูกน้ำใจ สองคนที่ควรจะรักกันให้เป็นสีสันของค่ายกลายเป็นคู่ปรับขวางกันไปทุกเรื่อง
ใจหรืออองนายรู้ดีว่าเนเมียวสีหบดีกำลังแต่งนายกองยกทหารร่วมพันมาทำลายค่ายบ้านบางระจันไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างของชาวบ้านที่จะตั้งตัวต่อสู้ขวางทางเดินทัพสู่กรุงศรี ดอกรักฟื้นขึ้นพูดจารู้เรื่อง เจิดฆ่าดอกรักปิดปากทันที สไบเสียใจมาก ทัพไม่เชื่อว่าดอกรักตายเองแต่ก็ยังเก็บความสงสัยไว้เพื่อหาคนลงมือตัวจริง ใจกังวลเรื่องที่ค่ายบ้านระจันอาจจะแตกพ่าย จึงเลียบเคียงชวนสไบหนีแต่สไบยืนยันจะขอตายที่ค่ายร่วมกับพี่น้องทุกคน ใจเริ่มห่วงระหว่างหน้าที่กับชีวิตคนรัก แยจออากา (พีระ พาณิชย์พงส์) นายทัพเรือถูกส่งมารบแต่ถูกนักรบบ้านบางระจันตีแตกพ่าย จิกแก (ปีเตอร์ หลุยส์ ไมอ๊อคชิ) ปลัดเมืองทวายอาสาเป็นนายกองมารบ ทัพเป็นกองหน้าและวางกลศึกไว้รัดกุม แต่ใจที่ลอบส่งข่าวทำให้จิกแกเกือบเอาชนะทัพได้ สังข์ และขาบเข้ามาช่วยไว้ทัน ทัพเริ่มสงสัยว่ากลศึกต้องแพร่งพรายออกไปจากใครสักคนในค่าย สถานการณ์ในค่ายบ้านบางระจันเริ่มระส่ำระส่ายเมื่อคนอพยพเข้ามามากและเสบียงน้อยลง ทั้งหมดเพราะใจวางแผนให้ทหารอังวะปล่อยข่าวซื้อเสบียงด้วยทองคำ เสบียงในค่ายถูกคนโลภเห็นแก่ตัวขโมยไปขายแก่ทหารอังวะ พ่อค่ายจับได้ก็ลงโทษหนัก ใจเปลี่ยนแผนยุแหย่ให้สังข์กับขาบแตกสามัคคี ทัพเพ่งสายตามองใจแต่ใจคลายข้อสงสัยด้วยอาสาออกรบในศึกที่ อากาปันญี (ศรัณยู ประชากริช) เป็นนายกอง ทัพเห็นใจฟันทหารอังวะล้มตายหลายคนแต่ใจก็พลาดเมื่ออากาปันญีจะแทง แต่ทัพเข้าขวางและเด็ดหัวอากาปันญีให้ใจรอด ศึกนี้เฟื่อง แฟง และสไบนำผู้หญิงห่มตะเบงมานจับดาบลุกขึ้นสู้เคียงบ่ากับทัพและเหล่าชายนักรบสู้ศึกด้วยกตัญญูชาติจนอังวะต้องยกทัพกลับไปอย่างคนแพ้ ใจเห็นความสามัคคีเสียสละได้กระทั่งชีวิตของชาวค่ายบางระจัน ใจก็เริ่มเอนเอียงกังวลว่าถ้าสไบรู้ความเรื่องเป็นสายลับ เขาคงต้องสูญเสียสไบไปจนชั่วชีวิต
แฟงกับทัพได้ใช้เวลาแห่งรักกันเพียงไม่นานเพราะทัพต้องออกไปลาดตระเวนทำลายคาราวานเสบียงของพม่า แฟงขอคำสัญญาเพียงว่าทัพต้องกลับมากินข้าวรสมือนาง คืนหนึ่งทัพออกไปกลางดึกแฟงรอจนเช้าทัพยังไม่กลับ แฟงร้อนใจจับดาบออกตามเพราะกลัวทัพเป็นอันตรายแต่ทัพหลงไปในดงศัตรู แฟงลอบปลอมเป็นพม่าจับดาบไปช่วยทัพออกมา ทัพมองไม่ชัดเกือบทำร้ายแฟงด้วยความเข้าใจผิด ใจเห็นก็ลอบช่วยทัพกับแฟงออกไป ทัพสั่งขังแฟงไว้แฟงอาลาะวาดจนเฟื่องอ่อนใจมาช่วยแก้มัด ทัพกลับจากลาดตระเวนไม่เห็นแฟงก็ออกตามหาแทบคลั่ง จนมาเจอแฟงที่ถูกงูกัดเกือบเอาชีวิตไม่รอด ทัพทั้งเคืองทั้งโกรธแต่ทำอะไรไม่ได้เพราะปากฉอเลาะของแฟงจึงได้แต่วนเวียนลงโทษด้วยจูบอ่อนหวาน เฟื่องที่รู้แน่แก่ใจว่าหัวใจของทัพมีแฟงครอบครองแทนที่ตนไปแล้วก็พูดกับทัพให้แต่งงานกับแฟงเสีย ทัพดีใจมากแฟงยังตั้งแง่แต่ทัพรวบรัดสู่ขอแฟงแล้วจัดงานให้ได้ครึกครื้นมีรอยยิ้มไปทั้งค่าย หลังเวลาแห่งสุขทุกคนเตรียมป้องกันค่ายแข็งขันแต่ไม่ทันกับ สุกี้นายกอง (เรืองศักดิ์ ลอยชูศักดิ์) ที่ใช้ปืนใหญ่ยิงทำลายค่าย ชาวค่ายล้มตายยิ่งกว่าใบไม้ร่วงเพราะมีเพียงปืน มีด และไม้
ทัพอาสาเป็นทหารเสือควบม้าฝ่าข้าศึกมากรุงศรีเพื่อขอปืนใหญ่ เจิดได้ข่าวก็ควบม้าตามหวังเด็ดหัวทัพแต่ใจตามมาขวางไว้ ทัพรอดผ่านทัพพม่ามาได้หลายครั้งโดยไม่รู้ว่าใจคือคนที่ลอบช่วยเหลือมาตลอดทางเพราะสำนึกว่าทัพเองก็เคยช่วยชีวิตตนไว้ เมื่อมาถึงกรุงศรีทัพได้เจอกับความขัดแย้งของเหล่าเสนาบดีที่รักตัวกลัวตายไม่ยอมให้ปืนใหญ่กับชาวค่ายบ้านระจันเพราะกลัวชาวบ้านจะแพ้แล้วถูกทัพอังวะยึดปืนย้อนกลับมายิงพระนคร ทัพกลับมาพร้อมข่าวเศร้า แฟงที่กำลังท้องได้แต่ปลุกปลอบใจสามี ใจลอบไปส่งข่าวนอกค่ายแต่เฟื่องกับขาบสังเกตเห็น ขาบไม่แน่ใจ ปรึกษาเฟื่องทั้งเรื่องที่ทัพสงสัยว่าใครกันเอากลศึกไปขยายแก่ศัตรู เฟื่องบอกข้อสงสัยกับสไบอย่างระวังเพราะรู้ว่าสไบรักอยู่กับใจ สไบเองก็รู้สึกถึงความผิดปกติของใจกับเจิดที่หายตัวไปจากค่ายด้วยข้ออ้างต่างๆ สไบแกล้งวางแผนปล่อยข่าวเรื่องทัพกำลังจะพาสังข์และขาบบุกลุยกันเพียงสามคนให้ถึงใจกลางทัพอังวะหวังตัดหัวแม่ทัพใหญ่ ใจตกหลุมที่สไบวางไว้เอากำลังทหารอังวะมาตั้งรอแต่พอเห็นร่างสไบที่น้ำตานองหน้าชายหนุ่มใจหล่นวูบประจักษ์แล้วว่าสไบรู้ความจริงทั้งหมด สไบด่าว่าขับไสใจให้กลับไปค่ายอังวะอย่าได้มาให้เจอกันอีกเลยเพราะคราหน้าดาบในมือเธอจะฟันลงบนอกที่ซ่อนหัวใจยอกย้อนหลอกลวงไว้ ใจขอร้องสไบให้หนีไปด้วยกันเพราะค่ายบ้านระจันกำลังจะแตก สุกี้นายกองเตรียมการณ์หักค่ายไว้ทั้งหมดแล้ว สไบด่าว่าใจและยืนยันว่าจะขอตายที่ค่ายระจันเสียดีกว่าจะต้องไปยืนมีลมหายใจบนแผ่นดินอังวะ ใจกอดคนรักสไบเอ่ยลาทั้งน้ำตาหากว่าต้องเป็นศัตรูก็ขอให้สิ้นสุดแค่ชาตินี้ คืนสุดท้ายของสองคนรักต่างเชื้อชาติ ปวดร้าว ร้องไห้ครํ่าครวญจนรุ่งตะวันขึ้นใจเห็นเพียงผ้าสไบที่คนรักทิ้งไว้ต่างหน้า
แฟงตั้งท้องเฟื่องรู้ก็เอ่ยเตือน แต่แฟงไม่อยากให้ทัพห่วงหน้าพะวงหลังเลยไม่ยอมบอกคนรัก จนวันหนึ่งแฟงเป็นลมไปทัพร้อนใจว่าแฟงป่วยแต่พอรู้จากปากเมียว่ากำลังจะมีบุตรน้อย ทัพคิดถึงอนาคตของลูกและเมียจึงปรึกษาสังข์ขอให้ทำอุบายพาแฟงและลูกน้อยในครรภ์ไปให้พ้นค่ายบ้านบางระจัน ระหว่างทางไปหาญาติที่นครสวรรค์แฟงฉุกใจบังคับถามจนสังข์ต้องบอกความจริง แฟงควบม้าฝ่าศัตรูกลับมาเวลาเดียวกับที่ทัพออกไปลอบปล้นเสบียงตัดกำลังอังวะ ทันทีที่กลับค่ายพอเห็นหน้าแฟงทัพโผกอดเมียรักแฟงน้ำตานองหน้าน้อยใจผลักไสทัพให้ไปพ้นๆ หากชาตินี้คิดจะปล่อยให้เธออยู่กับลูกอย่างไร้เขา ชีวิตแฟงที่เหลือก็หามีค่าพอจะมีลมหายใจ ทัพซึ้งใจแฟงบอกว่าหากจะตายขอตายไปพร้อมหน้าพ่อแม่ลูก เพื่อจะได้อยู่ร่วมกันบนสวรรค์ สุกี้นายกองสั่งไพร่พลขุดอุโมงค์ลอบเข้าค่ายและยิงปืนใหญ่ใส่จนชาวบ้านล้มตาย นายทองเหม็นขี่นังเผือกควงขวานออกมาไล่ฆ่าฟันศัตรูที่ล้อมค่าย แต่ไพร่พลอังวะมากมายมหาศาลรุมฟันจนนายทองเหม็นถึงแก่ความตายลงพร้อมนังเผือก ชาวค่ายเสียกำลังใจบางคนเริ่มหนีเอาตัวรอด แต่พวกทัพทุกคนตั้งสัตย์สาบานยอมตายร่วมกัน ใจแอบทำลายกระสุนปืนใหญ่แต่เจิดจับได้ ใจถูกจอกยีโบลงโทษอย่างหนักแต่ก็ยังไม่สิ้นความพยายามที่จะช่วยให้คนค่ายบางระจันได้รอดชีวิตบ้าง ใจถูกสั่งขัง ทัพอังวะรุกหนัก ขุนสรรค์กับนายจันหนวดเขี้ยวสู้จนตัวตาย พระยารัตนาธิเบศร์ (รวิชญ์ เทิดวงส์) จากเมืองหลวงมาถึงค่ายบางระจันเพราะรู้กิตติศัพท์ความกล้า ขอให้ชาวบ้านเอาทองมาหล่อปืน ทุกคนมีความหวังแต่ก็สิ้นสูญเมื่อปืนแตกใช้การไม่ได้ วันจันทร์ 2 ค่ำ ข้างแรม เดือน 8 ปีจอ พ่อค่ายกำนันพันเรือง ทองแสง ปลุกใจชายหญิงชาวค่ายให้สู้ ทัพ แฟง เฟื่อง ขาบ สังข์ จวง และชาวค่ายทุกคนขอบูชาชีวิตให้ชาติ พระอาจารย์ธรรมโชติประสิทธิ์ประสาทวิทยาคมอาคมบำรุงขวัญ
สุกี้นายกองสั่งยิงปืนใหญ่ถล่มค่าย ชาวค่ายบางระจันชายหญิงถือดาบสองมือตะลุยเข้าต่อสู้ ยอมสละชีพเอากายเป็นโล่กำบัง เอาเลือดทาแผ่นดิน ไม่ให้ศัตรูฝ่าไปได้ กองศพชาวบ้านทับถมแต่ไม่มีใครถอย สังข์กับจวงจับดาบคู่สู้จนลมหายใจสุดท้ายก่อนจะตายเคียงกันที่กลางสนามรบ ใจหรืออองนายในชุดทหารอังวะฝ่าไพร่พลเข้ามาช้อนร่างสไบที่เลือดเต็มร่างไว้แนบอก สไบยิ้มเอ่ยลาคนรักและขอพบกันอีกครั้งในชาติหน้า ใจสวมกอดร่างสไบไว้ทั้งน้ำตาและหัวใจแหลกสลายเพราะไม่อาจช่วยคนรักได้ทัน ทัพมาเห็นภาพใจในชุดทหารอังวะความผิดหวังแล่นไปทั้งร่าง ใจขอตายด้วยคมดาบทัพ ทัพท้าให้ใจสู้อย่างชาติทหาร ใจกับทัพประดาบใส่กันไม่ยั้ง ทัพมีชัยเอาดาบจ่อคอใจและเอ่ยให้ใจตัดสินความผิดตัวเอง ใจไม่ทันกดดาบลงที่คอตัวเอง จอกยีโบผู้เป็นครูยิงปืนกระสุนเจาะร่างศิษย์รัก ใจทรุดตายลงเคียงร่างสไบหวังว่าชาติหน้าจะไม่สิ่งใดขวางกั้นรักนี้ได้อีก เฟื่องกับขาบสู้ทหารอังวะที่หลั่งไหลยิ่งกว่าสายน้ำเอาร่างรับคมดาบแทนกันจนล้มทรุด ขาบยอมรับคมดาบสุดท้ายแทนเฟื่องจนสิ้นลมหายใจ เฟื่องกอดขาบไว้กระซิบคำรักที่ขาบไม่ทันได้ยินก่อนตายเคียงคู่ด้วยรอยยิ้มที่ได้สละชีพนี้รักษาชาติ
ทัพกับแฟงสู้จนเลือดหยดหยาดสุดท้าย มือกำดาบมั่น กายมีแผลยับไปทั้งตัว สู้ศึกพลีชีวิต ใจยังโลดลำพอง สาบานจะขอยืนกอดคอกันทั้งชาตินี้และชาติหน้าไม่ห่าง จะกอดกันอยู่ร่วมทุกข์เมืองทั้งสวรรค์และนรก ปลงใจบูชาชีวิตให้แก่ชาติ ขอฝากนามไว้กับอนุชนสยามที่จะเกิดมาภายหลัง หมู่ศัตรูกรูเข้ามาท่ามกลางฟ้าสีหม่นมัวปกคลุมไปทั้งค่ายที่ร่างชาวบางระจันทับถม เลือดนองยิ่งกว่าสายน้ำเชี่ยว ทัพและแฟงพนมมือรำลึกคุณชาติไหว้ลาแผ่นดินสยามที่จะกลบหน้าแต่มื้อนี้ อธิษฐานขออำนาจเทพยดาฟ้าดินคุ้มครองชาติ พระศรีสรรเพชรดาญาณที่ศักดิ์สิทธิ์คุ้มศรีอยุธยาตลอดกว่าฟ้าจะล่ม เมื่อสิ้นคำอธิษฐานทัพทิ้งร่างโชกเลือดลงในอกแฟงเมียรัก สองสามีหนุ่มสาวผู้กล้ากอดกันสิ้นลมหายใจไปกับความภูมิใจที่มอบชีวิตและหัวใจไว้เพื่อแผ่นดิน กิตติศัพท์ชาวบ้านบางระจันที่มีเพียงมีด ไม้ มือเปล่า และหัวใจแกล้วกล้า รักบ้านเกิดเมืองนอน มีใจเจ็บร้อนแทนชาติและเพื่อนร่วมเมือง สู้ศึก สละชีพ กลายเป็นความภาคภูมิ ขนาดแม่ทัพใหญ่พม่ายังเอ่ยสดุดี ขอให้คนในชาติจดจำวีรกรรมเยี่ยงนี้เป็นตัวอย่างตราบนี้จนวันหน้าอย่ารู้ลืม
ลางร้ายแห่งความวิปโยคเริ่มขึ้นเมื่อน้ำหลากสีปูนแดงดั่งเลือดไหลจากเหนือลงสู่อยุธยาเป็นที่กล่าวขาน ก่อนทัพของ พระเจ้ามังระ (อภินันท์ ประเสริฐวัฒนกุล) จะยาตราทหารหนึ่งแสนสองหมื่นนายมาแก้แค้นให้พระเจ้าอลองพญามังลอที่สวรรคต ทัพพม่ามี เนเมียวสีหบดี (นิรุตติ์ ศิริจรรยา) เป็นแม่ทัพฝ่ายเหนือ นำทัพมาจากเชียงใหม่ ตีหัวเมืองแตกระเรื่อย จนมาต่อเรือรบที่กำแพงเพชร มังมหานรธา (สุเชาว์ พงษ์วิไล) นำทัพฝ่ายใต้เผาเมืองชุมพร ปะทิว ขึ้นมาถึงปราณบุรี กาญจนบุรี และจัดทัพแยกไปตีเพชรบุรี ราชบุรี ความเดือดร้อนยิ่งกว่าไฟลามทุ่ง เมื่อทัพอังวะปล้น ฆ่า ข่มขืน ชิงทรัพย์สินของชาวบ้านตลอดรายทางเพื่อมุ่งสู่กรุงศรีอยุธยา ที่บ้านคำหยาด แขวงวิเศษไชยชาญ ทหารกรุงศรีเร่งกวาดต้อนชาวบ้านเพื่ออพยพหนีภัยศึกเข้ากำแพงเมือง เวลาเดียวกับที่ ทัพ (พงศกร เมตตาริกานนท์) หรือ เจ้าเสือ แห่งบ้านคำหยาด ทหารผู้มีฝีมือดาบไม่เป็นสองรองใคร ฝ่าทัพอังวะที่ปล้นฆ่าได้กลับมาก้มลงกราบแทบเท้าพ่อแม่ หมู่เที่ยง (ธีระพงศ์ เหลียวรักวงศ์) อดีตทหารกล้ากับ นางจันทร์ (ปวีณา ชารีฟสกุล) ผู้เป็นแม่ จวง (สาวิตรี สุทธิชานนท์) น้องสาวบอกทัพเรื่องที่อดีตเพื่อนรัก นายกองสังข์ (ปรมะ อิ่มอโนทัย) และ หมู่ขาบ (ฐกฤต ตวันพงค์) กำลังเร่งกวาดต้อนครัวไทยไปกรุงศรี ทัพเห็นอาการป่วยของแม่ยังไม่ดี ก็ขอประวิงเวลาไปเอายาจากสุพรรณมาให้แม่ แต่สังข์ที่ถืออำนาจบาตรใหญ่หาเรื่องว่าทัพคิดหนีเกณฑ์ ไม่ยอมเป็นทหารสู้ศึก ทัพรู้ดีว่าความบาดหมางครั้งนี้รุนแรง เพราะสังข์อ้างการอพยพเพื่อหวังรวบรัดจวงเป็นเมีย ขณะที่ขาบเองก็แอบรัก เฟื่อง (กัญญ์ณรัณ วงศ์ขจรไกล) คนรักของตน ทัพขอร้องเพื่อนแต่สังข์กลับสั่งทหารเข้ารุมจับตัวทัพ จนเกิดการต่อสู้ สังข์และขาบแพ้แต่สังข์ไม่ยอมเสียเชิงให้อายคนใส่ร้ายว่าทัพเป็นกบฏหนีกองทัพทันที
ทัพต้องหนีหลบไปซุ่มซ่อนในป่า เฟื่องที่เฝ้ารอคนรักต้องระทมทุกข์เพราะความพลัดพราก ถึงจะรู้ว่าขาบคิดอย่างไร และแม้ขาบจะทำดีให้แค่ไหน เฟื่องก็ไม่อาจแบ่งใจรักคนอื่นนอกจากทัพได้ ใต้ตาล 5 ต้น ที่ทัพและเฟื่องให้สัญญาต่อกันว่าหนาวหน้าคงได้ร่วมชีวิตคู่ แต่บัดนี้กลับต้องรอเวลาทอดยาวหลังศึกผ่านพ้น ต่างจาก แฟง (ณิชารีย์ โชคประจักษ์ชัด) น้องสาวเฟื่องที่แก่นกล้าเกินหญิง แฟงเจ็บใจและตามเอาเรื่องสังข์และขาบแทนพี่สาว สังข์กับขาบจึงเร่งเอาทหารจับตัวจวงและเฟื่องไป ก่อนจะย้ายครัวหลบหนี แต่ทัพก็ตามไปช่วยคนรักและน้องสาวมาได้ ยิ่งทำให้สังข์และขาบเจ็บใจประกาศจะตามล่าตัวกบฏอย่างทัพมารับโทษให้จงได้ เวลาเดียวกับที่บ้านสามโก้ อีกด้านแขวงวิเศษไชยชาญ หมู่บ้านของ สไบ (ศิรพันธ์ วัฒนจินดา) ลูกสาว ผู้ใหญ่แสง (สันติสุข พรหมศิริ) กำลังถูก นายกองอูจี (สุพจน์ จันทร์เจริญ) นำทหารเลวทัพอังวะเข้าปล้น สไบกำลังจะถูกข่มเหง แต่ ใจ (พศุตม์ บานแย้ม) พรานหนุ่มเข้ามาช่วยไว้ พร้อม เจิด (ทวีฤทธิ์ จุลละทรัพย์) พี่ชาย และ จาด (ทนงศักดิ์ ศุภการ) พรานใหญ่ผู้เป็นพ่อ ทั้งหมดต้องอพยพหนีโดยการนำของใจ ระหว่างทางใจได้ช่วยสไบไวอีกหลายครั้ง สไบกับใจต่างต้องตาต้องใจกัน แต่ ดอกรัก (ปิติศักดิ์ เยาวนานนท์) ญาติผู้พี่ของสไบที่เหม็นหน้าใจคอยหาเรื่องกีดกันไม่ให้ทั้งสองได้อยู่ใกล้ชิดกัน ระหว่างทางอพยพดอกรักและใจผลัดกันแพ้ผลัดกันชนะในการช่วงชิงหัวใจสาวงามอย่างสไบ
ทัพพาทุกคนอพยพหนีมาที่บ้านกระทุ่มด่าน พึ่งเรือนญาติคือ กำนันพัน (สรพงษ์ ชาตรี) อยู่ชั่วคราว ก่อนจะรวบรวมพรรคพวกทหารจากทัพที่แตกพ่าย อย่าง หมู่เคลิ้ม (จิรายุ ตันตระกูล) เอิบ (วีระกิตติ์ วรัตน์ชยุต) ช่วง (ศรัณย์ แก้วจินดา) และ ฟัก (ภัทรภณ โตอุ่น) พี่ชายของเฟื่องและแฟง อาสาเข้าซุ่มโจมตีตัดกำลังทางเดินทัพของอังวะ ที่กระทุ่มด่านกลุ่มของสไบหนีตามมาสมทบกับกลุ่มของเฟื่องและแฟง ทั้งหมดรวมตัวกันเป็นกลุ่มใหญ่ หลบภัยอยู่กับชาวบ้านอีกมากมายที่กำลังหนีภัยข้าศึก ชื่อเสียงของกลุ่มทัพที่หาญกล้าซุ่มโจมตีศัตรูเลื่องลือจนถึงหูสังข์และขาบ ทั้งสองตามล่าเพื่อนรักมาจนถึงกระทุ่มด่านและฉวยโอกาสที่เฟื่องเข้าใจทัพผิด เพราะเห็นทัพกอดแฟงที่เอาแต่ปั้นปึ่งหาเรื่องให้โมโห จนสังข์กับขาบจับตัวเฟื่องและจวงไปจนได้ แฟงเสียใจมากที่เป็นต้นเหตุแต่คนที่ใจแทบขาดคือทัพ เพราะคนรักและน้องสาวตกไปอยู่กำมือของเพื่อนรักเพื่อนแค้น ทัพออกตามตัวเฟื่องและจวง แฟงเฝ้าโทษตัวเองที่ทำให้พี่สาวตกระกำลำบากถูกพรากจากครอบครัวและชายคนรักไปจนได้ สไบเตือนให้แฟงเตรียมตัวหนีอีกครั้งเมื่อข้าศึกเข้ามาใกล้ แฟงอยากรอพี่สาวแต่ข้าศึกอังวะประชิดกระทุ่มด่าน ขบวนอพยพต้องเคลื่อนออกทันที แฟงใจจะขาดรอนๆ เมื่อต้องไกลจากพี่สาวอย่างไม่รู้ชะตากรรม
ระหว่างทางที่ตามหาเฟื่อง ทัพเจอกับกลุ่มก๊กโจร เสือปิ่น (ไชย ขุนศรีรักษา) ที่อดอยากจนต้องปล้นชิงพี่น้องไทยกันเอง ทัพถูกกักตัวและเกลี้ยกล่อมให้ร่วมเป็นพวกโจร เวลาเดียวกับที่เฟื่องและจวงเข้าใกล้กำแพงกรุงศรี ขบวนของสังข์กับขาบต้องหยุดพักรอที่บ้านพรานตามคำสั่งของคุณพระนายหมื่นศรี ขบวนอพยพของแฟงกับสไบเจอโจรที่บุกเข้าปล้น ฟักกับกลุ่มผู้ชายสู้ตายเพื่อปกป้องชาวบ้าน แฟงคว้าดาบไล่ฟันโจรอย่างห้าวหาญ ปกป้องคนแก่และเด็กๆ ก่อนจะถูกโจรลากตัวหายเข้าป่าลึก ฟักกับกลุ่มผู้ชายออกตามหาแต่ไม่เจอแฟงแม้แต่เงา สไบหลั่งน้ำตาไม่รู้ชะตากรรมเพื่อน ขบวนอพยพต้องเร่งเดินทาง บัดนี้สามชีวิตต้องแยกห่าง เฟื่องที่ตกอยู่ในกำมือของขาบประวิงเวลาให้ขาบไม่คิดหักหาญน้ำใจ รักษาตัวไว้รอชายคนรัก ขณะที่ทัพก็หาทางเอาตัวรอดจากกลุ่มโจรเสือปิ่น แฟงถูกกลุ่มของ นายแท่น (ภูริ หิรัญพฤกษ์) ชาวบ้านศรีบัวทอง แขวงเมืองสิงห์ช่วยไว้ได้ แฟงเห็นความเด็ดเดี่ยวของกลุ่มนายแท่น ที่มี นายโชติ (ปัญญาพล เดชสงค์) นายอิน (ชัยวัฒน์ ทองแสง) และ นายเมือง (ศิระ แพทย์รัตน์) ซุ่มโจมตีกองทัพอังวะ เลือดหญิงไทยหวงแหนแผ่นดินหลั่งไหลทั่วกาย แฟงยอมสละแล้วทั้งชีวิตอาสาเป็นหญิงล่อตาล่อใจทหารอังวะมาให้นายแท่นกับพวกฟันจนละเอียด หลายครั้งที่แฟงเกือบไม่รอดเงื้อมมือข้าศึกเลวที่จ้องย่ำยีศักดิ์ศรีหญิงไทย แต่หัวใจห้าวของแฟงไม่เคยครั่นคร้ามหวาดกลัว นายดอกไม้ (สนธยา ชิตมณี) บ้านกรับ และ นายทองแก้ว (ชลัฏ ณ สงขลา) บ้านโพธิ์ทะเล สองผู้นำชาวบ้านมาขอร่วมกับกำลังกลุ่มนายแท่นด้วย แฟงและหญิงชาวบ้านคนอื่นพากันทำอุบายล่อทัพอังวะมาให้ถูกนักรบไทยฆ่าลงเสียมาก จนกองทัพอังวะส่งทหารมากมายมาล้อมบ้านศรีบัวทอง นายแท่นต้องพาทุกคนหนีตาย แฟงได้แต่อาลัยที่ต้องพลัดพรากจากเฟื่องพี่สาวและครอบครัวที่รักไกลออกไปทุกที ทัพช่วยชีวิตเสือปิ่นไว้ได้จาก ชิด (พัฒนพล กุญชร ณ อยุธยา) ลูกน้องทรยศ น้ำใจของทัพทำให้เสือปิ่นสำนึกบุญคุณ ปล่อยตัวทัพออกตามหาคนรัก แต่เฟื่องไม่อาจยื้อยุดความปรารถนาล้ำลึกของขาบไว้ได้อีก เฟื่องตกเป็นของขาบขณะที่สังข์ใช้กำลังครอบครองกายใจจวง
ทัพอังวะเข้าโจมตีขบวนอพยพทหารกรุงศรี สังข์และขาบจึงต้องสู้เพื่อไทยแต่ศัตรูมากมายเข้าโอบล้อมไว้ไม่ขาดสาย เฟื่องกับจวงกำลังจะถูกศัตรูรุมข่มเหงในกระท่อม ร่างของทัพบนหลังม้าคู่ใจอ้ายเลาพุ่งทะยานเข้ามาฟันข้าศึกล้มตาย เลือดนองสังเวยผืนดินไทย สังข์และขาบซึ้งในน้ำใจของไอ้ทัพเพื่อนแท้ เมื่อต้องสู้เพื่อรักษาดินทุกก้อนของไทย เพื่อนรักทั้งสามละทิ้งความขุ่นเคืองโกรธแค้นในอดีตลงเสียสิ้น หันหลังชนกันประจันหน้าศัตรู พุ่งเข้าฟันข้าศึกจนยับแตกพ่าย สังข์และขาบซึ้งแก่ใจว่ายามคับขันทุกคนต่างพากันเอาตัวรอด คุณพระนายหมื่นศรีละทิ้งลูกน้องเข้าไปหลบก่อนประตูกรุงศรีจะปิดลง เมื่อไม่อาจเข้าสู่กำบังหลังกำแพงกรุงศรีได้ดังหวัง แม้ศัตรูกำลังโอบล้อมไว้แต่เลือดไทยจะไม่ยอมแพ้ ทัพ สังข์ และขาบพาเฟื่อง จวง และขบวนอพยพที่เหลือมุ่งหน้าไปเพื่อสู้ร่วมกับไทยอีกนับร้อยที่ค่ายบ้านระจัน ที่ค่ายบ้านระจัน กลุ่มของสไบมาถึงได้เจอกับแฟงที่มาอยู่ก่อนหน้านี้แล้ว ทุกคนดีใจที่ได้พบกันอีกครั้ง กำนันพันเรือง (วัชรชัย สุนทรศิริ) ใช้ค่ายบ้านระจันเป็นที่ประชุมสู้ศึกทัพพม่า มี นายทองเหม็น (สมชาย เข็มกลัด) เป็นผู้ใหญ่บ้าน นายทองแสงใหญ่ (ศรุต วิจิตรานนท์) นายจันหนวดเขี้ยว (วิศรุต หิรัญบุศย์) และหัวหน้าอีก 6 คน ที่อพยพมาร่วมกันเป็นผู้นำ อันได้แก่ นายแท่น นายโชติ นายอิน นายเมือง ชาวบ้านศรีบัวทอง นายทองแก้ว บ้านโพธิ์ทะเล นายดอกไม้ชาวบ้านกรับ และ ขุนสรรค์กรมการ (พศิน เรืองวุฒิ) จากเมืองสรรคบุรี ทุกคนในค่ายมี พระอาจารย์ธรรมโชติ (ชาติชาย งามสรรพ์) เป็นศูนย์กลางยึดเหนี่ยวจิตใจปลุกปลอบขวัญเครื่องรางป้องกันภัยก่อนออกศึกทุกครั้ง ทุกคนวางแผนให้บ้านบางระจันคือด่านหน้าปะทะทัพอังวะไม่ให้ล่วงเข้าอยุธยาได้
ศึกแรก นายแท่นนำทัพเข้าสู้และฟาดฟันจนชนะอังวะ เสียงเพลงบ้านบางระจันปลุกเร้าฮึกเหิมให้ชาวบ้านทุกคนรวมเป็นน้ำหนึ่ง สไบดีใจที่ได้เจอแฟงอีกครั้ง ใจที่ตามดูแลสไบขวางหูขวางตาดอกรักจนพาลหาเรื่อง พวกฟักต้องคอยห้ามปราม สไบไม่ชอบที่ดอกรักทำตัวเป็นเจ้าของ ดอกรักอ้างเรื่องที่ผู้ใหญ่ยกสไบให้ตั้งแต่เด็ก สไบไม่รับรู้เพราะในใจผูกพันอยู่กับพรานใจไปหมดแล้ว ดอกรักสังเกตเห็นใจชอบเข้านอกออกในส่วนต่างๆ ของค่าย เหมือนคอยสำรวจแล้วก็หายตัวไปบ่อยๆ สไบคิดว่าดอกรักระแวง แต่ไม่มีใครระแคะระคายเลยว่าใจคือสายลับอังวะ ใจหรืออองนายติดตามสืบความเคลื่อนไหวในค่ายแล้วลอบออกไปส่งข่าวให้กับเจิดหรืออูทินพี่ชายศิษย์ร่วมสำนัก โดยมีจาดหรือจอกยีโบอาจารย์คอยส่งข่าวไปยังแม่ทัพในค่ายที่ปากน้ำพระประสบ ครั้งหนึ่งใจลอบออกนอกค่ายขณะที่เจิดกำลังสั่งให้ใจเลิกช่วยเหลือสไบและเร่งหาข่าวของค่ายบ้านบางระจัน ดอกรักลอบตามมาเห็นความลับ เจิดคิดฆ่าดอกรักแต่ใจไม่อยากทำให้ทุกคนสงสัยจึงทำอุบายเป็นโดนทำร้ายพร้อมดอกรัก โชคช่วยที่ดอกรักฟื้นขึ้นมาจำใครไม่ได้กลายเป็นคนบ้าบอเสียสติ ใจยังคงลอบสืบข่าวด้วยความหวังว่าวันข้างหน้าจะพาสไบคนรักกลับอังวะไปร่วมชีวิตใหม่กัน
ทัพ สังข์ ขาบ เฟื่อง และจวงพาชาวบ้านมารวมกันที่ค่ายบ้านบางระจัน ทัพ สังข์ และขาบได้เป็นกำลังสำคัญให้กับนักรบไทยที่มีเพียงมีดไม้และใจฮึกเหิม แฟงก้มกราบเฟื่องด้วยความเสียใจ เฟื่องไม่ติดใจความผิดพลั้งของน้องสาว แฟงเห็นสายตาทัพที่ยังมองเฟื่องด้วยอาลัยก็ยิ่งพาลเกลียดสังข์กับขาบ เฟื่องต้องคอยเตือนอารมณ์ชิงชังของเด็กสาวและสอบถามถึงความในใจ แฟงบ่ายเบี่ยงทั้งๆ ที่แอบชอบทัพในความเก่งกล้ามานานแล้ว เฟื่องอ่านใจน้องออกแต่แฟงไม่ยอมรับ เฟื่องเองก็จำต้องเงียบนิ่งเพราะในใจแล้วก็ยังมีความอาลัยในตัวคนรักเก่าอยู่มาก ขาบมองเห็นสายตาเฟื่องก็รู้ดีว่าทำอย่างไรก็ไม่อาจเข้าไปแทนที่ทัพในใจเฟื่องได้เลย ทัพมองเห็นความห่างเหินเย็นชาของเฟื่องที่มีให้ขาบก็ไม่อยากเป็นปัญหาให้เฟื่องพะวักพะวงจึงคอยอยู่ห่างจนเฟื่องน้อยใจ แฟงที่ชังน้ำหน้าพี่เขยอย่างขาบก็คอยมากวนใจ เลียบเคียงถามทัพเรื่องเฟื่อง พอโดนทัพเอ็ดไปหลายครั้งแฟงก็พาลน้อยใจประสาเด็ก ต่อปากต่อคำ ยั่วเย้าอารมณ์ทัพให้คอยนึกถึงไม่ว่างเว้น ความผูกพันของทัพกับแฟงก่อตัวขึ้นอย่างไม่ทันได้รู้ตัว เจิดแฝงตัวกลับเข้ามาในค่ายเพื่อฆ่าสไบตามคำสั่งของจาดเพราะกลัวว่าความรักของใจที่มีให้สไบจะเป็นปัญหาทำให้ใจละทิ้งหน้าที่สายลับ ใจรู้เรื่องก็ตัดสินใจเป็นเจ้าของกายและใจสไบจนหมดสิ้นและบอกกับเจิดว่าหากคิดจะฆ่าสไบเมียรักก็จงข้ามศพเขาไปเสียก่อน
เนเมียวสีหบดีแต่งตั้ง งาจุนหวุ่น (โฆษวิส ปิยะสกุลแก้ว) เป็นแม่ทัพ มาตีบ้านบางระจัน นายเมืองนำทัพออกไปสู้ ทัพ สังข์ และขาบนำพวกไล่ต้อนฆ่าทัพอังวะจนราบ เยกินหวุ่น (ภูชิสสะ ศุภธนพัฒน์) นำทัพมาช่วยก็โดนไล่ต้อนจนพ่ายแพ้ ค่ายบ้านบางระจันครึกครื้นด้วยเสียงโห่ร้องยินดีแห่งชัยชนะ ชื่อเสียงชาวบ้านคนไทยผู้รวมตัวสู้ดังเลื่องลือ เนเมียวสีหบดีไม่ยอมเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ ส่ง ติงจาโบ (จตุรวิทย์ คชน่วม) และ สุรินทจอข่อง (ปราบปฎล สุวรรณบาง) มาตีอีก แต่ก็พ่ายอย่างไร้ท่า สุรินทจอข่องตายกลางสนามรบยิ่งสร้างขวัญและกำลังใจให้คนไทยผู้รักและหวงแหนแผ่นดิน ในยามพักรบชาวค่ายรวมกันฝึกปรือฝีมือดาบและอาวุธ ทัพเองเป็นผู้นำฝึกอาวุธ สังข์หยอกล้อจวง เฟื่องเองก็คอยดูแลขาบที่บาดเจ็บจากรบ ทัพที่มองเห็นรอยยิ้มของเพื่อนและคนรักเก่าก็เกิดเหว่ว้าในใจ แฟงยังตะบึงตะบอนคิดว่าทัพมองเฟื่องด้วยสายตาอาวรณ์เลยพูดจาประชดจนทัพหันมาเห็นแฟงที่เป็นสาวรุ่นไม่ใช่เด็กเมื่อวานซืนคนเดิม แฟงหนีหน้าทัพเพราะแง่งอนแต่ทัพเฝ้าออดให้แฟงรอกินข้าวด้วยยามกลับจากสนามรบ แฟงกับทัพกำลังจะเข้าใจแต่ด้วยพลั้งปากไปแฟงพูดเรื่องเฟื่อง ทัพโกรธที่แฟงไม่เชื่อคำรักที่เขาบอกก็โต้เถียงกัน แฟงด่าว่าจนทัพต้องดึงเด็กสาวเข้ามาจูบ ยิ่งทำให้แฟงโกรธว่าทัพดูถูกน้ำใจ สองคนที่ควรจะรักกันให้เป็นสีสันของค่ายกลายเป็นคู่ปรับขวางกันไปทุกเรื่อง
ใจหรืออองนายรู้ดีว่าเนเมียวสีหบดีกำลังแต่งนายกองยกทหารร่วมพันมาทำลายค่ายบ้านบางระจันไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างของชาวบ้านที่จะตั้งตัวต่อสู้ขวางทางเดินทัพสู่กรุงศรี ดอกรักฟื้นขึ้นพูดจารู้เรื่อง เจิดฆ่าดอกรักปิดปากทันที สไบเสียใจมาก ทัพไม่เชื่อว่าดอกรักตายเองแต่ก็ยังเก็บความสงสัยไว้เพื่อหาคนลงมือตัวจริง ใจกังวลเรื่องที่ค่ายบ้านระจันอาจจะแตกพ่าย จึงเลียบเคียงชวนสไบหนีแต่สไบยืนยันจะขอตายที่ค่ายร่วมกับพี่น้องทุกคน ใจเริ่มห่วงระหว่างหน้าที่กับชีวิตคนรัก แยจออากา (พีระ พาณิชย์พงส์) นายทัพเรือถูกส่งมารบแต่ถูกนักรบบ้านบางระจันตีแตกพ่าย จิกแก (ปีเตอร์ หลุยส์ ไมอ๊อคชิ) ปลัดเมืองทวายอาสาเป็นนายกองมารบ ทัพเป็นกองหน้าและวางกลศึกไว้รัดกุม แต่ใจที่ลอบส่งข่าวทำให้จิกแกเกือบเอาชนะทัพได้ สังข์ และขาบเข้ามาช่วยไว้ทัน ทัพเริ่มสงสัยว่ากลศึกต้องแพร่งพรายออกไปจากใครสักคนในค่าย สถานการณ์ในค่ายบ้านบางระจันเริ่มระส่ำระส่ายเมื่อคนอพยพเข้ามามากและเสบียงน้อยลง ทั้งหมดเพราะใจวางแผนให้ทหารอังวะปล่อยข่าวซื้อเสบียงด้วยทองคำ เสบียงในค่ายถูกคนโลภเห็นแก่ตัวขโมยไปขายแก่ทหารอังวะ พ่อค่ายจับได้ก็ลงโทษหนัก ใจเปลี่ยนแผนยุแหย่ให้สังข์กับขาบแตกสามัคคี ทัพเพ่งสายตามองใจแต่ใจคลายข้อสงสัยด้วยอาสาออกรบในศึกที่ อากาปันญี (ศรัณยู ประชากริช) เป็นนายกอง ทัพเห็นใจฟันทหารอังวะล้มตายหลายคนแต่ใจก็พลาดเมื่ออากาปันญีจะแทง แต่ทัพเข้าขวางและเด็ดหัวอากาปันญีให้ใจรอด ศึกนี้เฟื่อง แฟง และสไบนำผู้หญิงห่มตะเบงมานจับดาบลุกขึ้นสู้เคียงบ่ากับทัพและเหล่าชายนักรบสู้ศึกด้วยกตัญญูชาติจนอังวะต้องยกทัพกลับไปอย่างคนแพ้ ใจเห็นความสามัคคีเสียสละได้กระทั่งชีวิตของชาวค่ายบางระจัน ใจก็เริ่มเอนเอียงกังวลว่าถ้าสไบรู้ความเรื่องเป็นสายลับ เขาคงต้องสูญเสียสไบไปจนชั่วชีวิต
แฟงกับทัพได้ใช้เวลาแห่งรักกันเพียงไม่นานเพราะทัพต้องออกไปลาดตระเวนทำลายคาราวานเสบียงของพม่า แฟงขอคำสัญญาเพียงว่าทัพต้องกลับมากินข้าวรสมือนาง คืนหนึ่งทัพออกไปกลางดึกแฟงรอจนเช้าทัพยังไม่กลับ แฟงร้อนใจจับดาบออกตามเพราะกลัวทัพเป็นอันตรายแต่ทัพหลงไปในดงศัตรู แฟงลอบปลอมเป็นพม่าจับดาบไปช่วยทัพออกมา ทัพมองไม่ชัดเกือบทำร้ายแฟงด้วยความเข้าใจผิด ใจเห็นก็ลอบช่วยทัพกับแฟงออกไป ทัพสั่งขังแฟงไว้แฟงอาลาะวาดจนเฟื่องอ่อนใจมาช่วยแก้มัด ทัพกลับจากลาดตระเวนไม่เห็นแฟงก็ออกตามหาแทบคลั่ง จนมาเจอแฟงที่ถูกงูกัดเกือบเอาชีวิตไม่รอด ทัพทั้งเคืองทั้งโกรธแต่ทำอะไรไม่ได้เพราะปากฉอเลาะของแฟงจึงได้แต่วนเวียนลงโทษด้วยจูบอ่อนหวาน เฟื่องที่รู้แน่แก่ใจว่าหัวใจของทัพมีแฟงครอบครองแทนที่ตนไปแล้วก็พูดกับทัพให้แต่งงานกับแฟงเสีย ทัพดีใจมากแฟงยังตั้งแง่แต่ทัพรวบรัดสู่ขอแฟงแล้วจัดงานให้ได้ครึกครื้นมีรอยยิ้มไปทั้งค่าย หลังเวลาแห่งสุขทุกคนเตรียมป้องกันค่ายแข็งขันแต่ไม่ทันกับ สุกี้นายกอง (เรืองศักดิ์ ลอยชูศักดิ์) ที่ใช้ปืนใหญ่ยิงทำลายค่าย ชาวค่ายล้มตายยิ่งกว่าใบไม้ร่วงเพราะมีเพียงปืน มีด และไม้
ทัพอาสาเป็นทหารเสือควบม้าฝ่าข้าศึกมากรุงศรีเพื่อขอปืนใหญ่ เจิดได้ข่าวก็ควบม้าตามหวังเด็ดหัวทัพแต่ใจตามมาขวางไว้ ทัพรอดผ่านทัพพม่ามาได้หลายครั้งโดยไม่รู้ว่าใจคือคนที่ลอบช่วยเหลือมาตลอดทางเพราะสำนึกว่าทัพเองก็เคยช่วยชีวิตตนไว้ เมื่อมาถึงกรุงศรีทัพได้เจอกับความขัดแย้งของเหล่าเสนาบดีที่รักตัวกลัวตายไม่ยอมให้ปืนใหญ่กับชาวค่ายบ้านระจันเพราะกลัวชาวบ้านจะแพ้แล้วถูกทัพอังวะยึดปืนย้อนกลับมายิงพระนคร ทัพกลับมาพร้อมข่าวเศร้า แฟงที่กำลังท้องได้แต่ปลุกปลอบใจสามี ใจลอบไปส่งข่าวนอกค่ายแต่เฟื่องกับขาบสังเกตเห็น ขาบไม่แน่ใจ ปรึกษาเฟื่องทั้งเรื่องที่ทัพสงสัยว่าใครกันเอากลศึกไปขยายแก่ศัตรู เฟื่องบอกข้อสงสัยกับสไบอย่างระวังเพราะรู้ว่าสไบรักอยู่กับใจ สไบเองก็รู้สึกถึงความผิดปกติของใจกับเจิดที่หายตัวไปจากค่ายด้วยข้ออ้างต่างๆ สไบแกล้งวางแผนปล่อยข่าวเรื่องทัพกำลังจะพาสังข์และขาบบุกลุยกันเพียงสามคนให้ถึงใจกลางทัพอังวะหวังตัดหัวแม่ทัพใหญ่ ใจตกหลุมที่สไบวางไว้เอากำลังทหารอังวะมาตั้งรอแต่พอเห็นร่างสไบที่น้ำตานองหน้าชายหนุ่มใจหล่นวูบประจักษ์แล้วว่าสไบรู้ความจริงทั้งหมด สไบด่าว่าขับไสใจให้กลับไปค่ายอังวะอย่าได้มาให้เจอกันอีกเลยเพราะคราหน้าดาบในมือเธอจะฟันลงบนอกที่ซ่อนหัวใจยอกย้อนหลอกลวงไว้ ใจขอร้องสไบให้หนีไปด้วยกันเพราะค่ายบ้านระจันกำลังจะแตก สุกี้นายกองเตรียมการณ์หักค่ายไว้ทั้งหมดแล้ว สไบด่าว่าใจและยืนยันว่าจะขอตายที่ค่ายระจันเสียดีกว่าจะต้องไปยืนมีลมหายใจบนแผ่นดินอังวะ ใจกอดคนรักสไบเอ่ยลาทั้งน้ำตาหากว่าต้องเป็นศัตรูก็ขอให้สิ้นสุดแค่ชาตินี้ คืนสุดท้ายของสองคนรักต่างเชื้อชาติ ปวดร้าว ร้องไห้ครํ่าครวญจนรุ่งตะวันขึ้นใจเห็นเพียงผ้าสไบที่คนรักทิ้งไว้ต่างหน้า
แฟงตั้งท้องเฟื่องรู้ก็เอ่ยเตือน แต่แฟงไม่อยากให้ทัพห่วงหน้าพะวงหลังเลยไม่ยอมบอกคนรัก จนวันหนึ่งแฟงเป็นลมไปทัพร้อนใจว่าแฟงป่วยแต่พอรู้จากปากเมียว่ากำลังจะมีบุตรน้อย ทัพคิดถึงอนาคตของลูกและเมียจึงปรึกษาสังข์ขอให้ทำอุบายพาแฟงและลูกน้อยในครรภ์ไปให้พ้นค่ายบ้านบางระจัน ระหว่างทางไปหาญาติที่นครสวรรค์แฟงฉุกใจบังคับถามจนสังข์ต้องบอกความจริง แฟงควบม้าฝ่าศัตรูกลับมาเวลาเดียวกับที่ทัพออกไปลอบปล้นเสบียงตัดกำลังอังวะ ทันทีที่กลับค่ายพอเห็นหน้าแฟงทัพโผกอดเมียรักแฟงน้ำตานองหน้าน้อยใจผลักไสทัพให้ไปพ้นๆ หากชาตินี้คิดจะปล่อยให้เธออยู่กับลูกอย่างไร้เขา ชีวิตแฟงที่เหลือก็หามีค่าพอจะมีลมหายใจ ทัพซึ้งใจแฟงบอกว่าหากจะตายขอตายไปพร้อมหน้าพ่อแม่ลูก เพื่อจะได้อยู่ร่วมกันบนสวรรค์ สุกี้นายกองสั่งไพร่พลขุดอุโมงค์ลอบเข้าค่ายและยิงปืนใหญ่ใส่จนชาวบ้านล้มตาย นายทองเหม็นขี่นังเผือกควงขวานออกมาไล่ฆ่าฟันศัตรูที่ล้อมค่าย แต่ไพร่พลอังวะมากมายมหาศาลรุมฟันจนนายทองเหม็นถึงแก่ความตายลงพร้อมนังเผือก ชาวค่ายเสียกำลังใจบางคนเริ่มหนีเอาตัวรอด แต่พวกทัพทุกคนตั้งสัตย์สาบานยอมตายร่วมกัน ใจแอบทำลายกระสุนปืนใหญ่แต่เจิดจับได้ ใจถูกจอกยีโบลงโทษอย่างหนักแต่ก็ยังไม่สิ้นความพยายามที่จะช่วยให้คนค่ายบางระจันได้รอดชีวิตบ้าง ใจถูกสั่งขัง ทัพอังวะรุกหนัก ขุนสรรค์กับนายจันหนวดเขี้ยวสู้จนตัวตาย พระยารัตนาธิเบศร์ (รวิชญ์ เทิดวงส์) จากเมืองหลวงมาถึงค่ายบางระจันเพราะรู้กิตติศัพท์ความกล้า ขอให้ชาวบ้านเอาทองมาหล่อปืน ทุกคนมีความหวังแต่ก็สิ้นสูญเมื่อปืนแตกใช้การไม่ได้ วันจันทร์ 2 ค่ำ ข้างแรม เดือน 8 ปีจอ พ่อค่ายกำนันพันเรือง ทองแสง ปลุกใจชายหญิงชาวค่ายให้สู้ ทัพ แฟง เฟื่อง ขาบ สังข์ จวง และชาวค่ายทุกคนขอบูชาชีวิตให้ชาติ พระอาจารย์ธรรมโชติประสิทธิ์ประสาทวิทยาคมอาคมบำรุงขวัญ
สุกี้นายกองสั่งยิงปืนใหญ่ถล่มค่าย ชาวค่ายบางระจันชายหญิงถือดาบสองมือตะลุยเข้าต่อสู้ ยอมสละชีพเอากายเป็นโล่กำบัง เอาเลือดทาแผ่นดิน ไม่ให้ศัตรูฝ่าไปได้ กองศพชาวบ้านทับถมแต่ไม่มีใครถอย สังข์กับจวงจับดาบคู่สู้จนลมหายใจสุดท้ายก่อนจะตายเคียงกันที่กลางสนามรบ ใจหรืออองนายในชุดทหารอังวะฝ่าไพร่พลเข้ามาช้อนร่างสไบที่เลือดเต็มร่างไว้แนบอก สไบยิ้มเอ่ยลาคนรักและขอพบกันอีกครั้งในชาติหน้า ใจสวมกอดร่างสไบไว้ทั้งน้ำตาและหัวใจแหลกสลายเพราะไม่อาจช่วยคนรักได้ทัน ทัพมาเห็นภาพใจในชุดทหารอังวะความผิดหวังแล่นไปทั้งร่าง ใจขอตายด้วยคมดาบทัพ ทัพท้าให้ใจสู้อย่างชาติทหาร ใจกับทัพประดาบใส่กันไม่ยั้ง ทัพมีชัยเอาดาบจ่อคอใจและเอ่ยให้ใจตัดสินความผิดตัวเอง ใจไม่ทันกดดาบลงที่คอตัวเอง จอกยีโบผู้เป็นครูยิงปืนกระสุนเจาะร่างศิษย์รัก ใจทรุดตายลงเคียงร่างสไบหวังว่าชาติหน้าจะไม่สิ่งใดขวางกั้นรักนี้ได้อีก เฟื่องกับขาบสู้ทหารอังวะที่หลั่งไหลยิ่งกว่าสายน้ำเอาร่างรับคมดาบแทนกันจนล้มทรุด ขาบยอมรับคมดาบสุดท้ายแทนเฟื่องจนสิ้นลมหายใจ เฟื่องกอดขาบไว้กระซิบคำรักที่ขาบไม่ทันได้ยินก่อนตายเคียงคู่ด้วยรอยยิ้มที่ได้สละชีพนี้รักษาชาติ
ทัพกับแฟงสู้จนเลือดหยดหยาดสุดท้าย มือกำดาบมั่น กายมีแผลยับไปทั้งตัว สู้ศึกพลีชีวิต ใจยังโลดลำพอง สาบานจะขอยืนกอดคอกันทั้งชาตินี้และชาติหน้าไม่ห่าง จะกอดกันอยู่ร่วมทุกข์เมืองทั้งสวรรค์และนรก ปลงใจบูชาชีวิตให้แก่ชาติ ขอฝากนามไว้กับอนุชนสยามที่จะเกิดมาภายหลัง หมู่ศัตรูกรูเข้ามาท่ามกลางฟ้าสีหม่นมัวปกคลุมไปทั้งค่ายที่ร่างชาวบางระจันทับถม เลือดนองยิ่งกว่าสายน้ำเชี่ยว ทัพและแฟงพนมมือรำลึกคุณชาติไหว้ลาแผ่นดินสยามที่จะกลบหน้าแต่มื้อนี้ อธิษฐานขออำนาจเทพยดาฟ้าดินคุ้มครองชาติ พระศรีสรรเพชรดาญาณที่ศักดิ์สิทธิ์คุ้มศรีอยุธยาตลอดกว่าฟ้าจะล่ม เมื่อสิ้นคำอธิษฐานทัพทิ้งร่างโชกเลือดลงในอกแฟงเมียรัก สองสามีหนุ่มสาวผู้กล้ากอดกันสิ้นลมหายใจไปกับความภูมิใจที่มอบชีวิตและหัวใจไว้เพื่อแผ่นดิน กิตติศัพท์ชาวบ้านบางระจันที่มีเพียงมีด ไม้ มือเปล่า และหัวใจแกล้วกล้า รักบ้านเกิดเมืองนอน มีใจเจ็บร้อนแทนชาติและเพื่อนร่วมเมือง สู้ศึก สละชีพ กลายเป็นความภาคภูมิ ขนาดแม่ทัพใหญ่พม่ายังเอ่ยสดุดี ขอให้คนในชาติจดจำวีรกรรมเยี่ยงนี้เป็นตัวอย่างตราบนี้จนวันหน้าอย่ารู้ลืม