ละคร ใยกัลยา

ดู 4,632 ครั้ง / แชร์
ละครออกอากาศ วันพุธ วันพฤหัส
ช่องที่ออกอากาศ ละครช่อง 7
เริ่มออกอากาศ 10 ธันวาคม 2557
เวลาออกอากาศ 20:20 - 22:30 น.
  
กำกับโดย นนทนันท์ ธัญญาสิริทรัพย์
ประพันธ์โดย บทประพันธ์ ชมบุหลัน, บทโทรทัศน์ ภาวิต
นำแสดงโดย
ภัทรเดช สงวนความดี ... ศวัส
เมลดา สุศรี ... หอมน้ำ
นุสบา ปุณณกันต์ ... พุธกันยา/กัลยา
ณิชานันท์ ฝั้นแก้ว ... เพลินพิศ
อุษณีย์ วัฒฐานะ ... ทับทิม
ดิลก ทองวัฒนา ... พล.ร.ต. บุรี
ทนงศักดิ์ ศุภการ ... สมเจตน์
อภิรดี ภวภูตานนท์ ... วดี
ภัทรา ทิวานนท์ ... ขวัญอนงค์
นวพล ภูวดล ... โค้ก
รติพงษ์ ภู่มาลี ... คัมภีร์
นพรัตน์ ประเสริฐสุข ... ธันวา
กันต์ชนัต ศวัสกร ... อธิป
ดาริน ดารากานต์ ... รัชนก
ภัคสิร์ชา ราย ... แววรุ่ง/เอิง
ชาฮาด้า ปาทาน ... ณัชชา/ลูกนัท
เปียเชอร์ คริสเตนเซ่น ... เยาวภา
เขมิกา สุขประสงค์ดี ... สินีนุช/เขน
อำภา ภูษิต ... พิไล
เฉลิมพร พุ่มพันธ์วงศ์ ... โสภณ
ปิยะดา เพ็ญจินดา ... เกสร
น้อย โพธิ์งาม ... กนกรัตน์
ลัดดาวรรณ์ สันธิ ... อุมา
จารุศิริ ภูวนัย ... ลักษณา/ฟ้า
พจนีย์ ใยละออ ... วันทนา
ภูธฤทธิ์ พรหมบันดาล ... พระเอกละคร
ผู้สร้าง บริษัท ดีด้า วิดีโอ โปรดักชั่น จำกัด

ภาพนิ่งจากละคร

เรื่องย่อ ใยกัลยา

ในการประกวดนางนพมาศในงานประจำจังหวัดแห่งหนึ่ง กัลยา (นุสบา ปุณณกันต์) ลูกสาวของนายมิ่งเจ้าของสวนผลไม้ชนะการประกวดได้รับตำแหน่งนางนพมาศ ขณะที่ลงไปรับถ้วยรางวัลจากท่านผู้ว่าราชการจังหวัด สายตาคมกริบของชายหนุ่มคนหนึ่งที่จ้องมองเธอทำให้กัลยาประหม่าและรู้สึกอายมากขึ้น เธอได้รู้ในภายหลังว่าเขาชื่อ บุรี (ดิลก ทองวัฒนา) เป็นเพื่อนสนิทของลูกชายท่านผู้ว่าและรับราชการเป็นทหารเรือ โดยปกติแล้วกัลยาจะมาช่วยพ่อขายผลไม้ที่ตลาดในวันหยุดเสมอ หลังจากคืนนั้นบุรีจะเป็นลูกค้าประจำของเธอจากเป็นเพียงลูกค้าบุรีตามไปช่วยทำสวนที่บ้านอีกด้วย ความสัมพันธ์ระหว่างบุรีและกัลยาพัฒนาเป็นความรักในเวลาไม่นาน แต่ก็เป็นความรักที่จริงจังและจริงใจมาก ความสัมพันธ์ของบุรีและกัลยาอยู่ในสายตาของนายมิ่งพ่อของกัลยาตลอดเวลา เขามองออกว่าชายหนุ่มรักลูกสาวของเขาแต่ก็ไม่คิดจะขัดขวาง มิ่งชอบบุรีมากความดีของบุรีทำให้ว่าที่พ่อตายอมรับเขาได้ไม่ยากนัก คืนวันหนึ่งทั้งคู่ไปเที่ยวงานวัดด้วยกัน ระหว่างนั่งบนชิงช้าสวรรค์บุรีให้ของขวัญกัลยาเป็นต่างหูมุกหนึ่งคู่ เขาบอกเธอว่าเขาตั้งใจหามาให้เธอโดยเฉพาะ กัลยามีความสุขมากต่างหูคู่นี้นอกจากจะเป็นของขวัญชิ้นแรกจากบุรีแล้วยังเป็นของที่เขาหามาอย่างตั้งใจอีกด้วย

กัลยาเรียนจบไม่นาน นายมิ่งล้มป่วยเป็นมะเร็งแกอยากให้ลูกสาวแต่งงานไปกับบุรีก่อนแกจะตาย ทุกอย่างเป็นไปตามที่มิ่งต้องการบุรีให้คำสัญญากับกัลยาต่อหน้ามิ่งว่าเขาจะรักและดูแลเธออย่างดีที่สุดไปตลอดชีวิต หลังแต่งงานบุรีพากัลยามาอยู่กรุงเทพฯ โดยมาอยู่ที่บ้านของป้าญาติผู้ใหญ่คนเดียวที่เขามีอยู่ กัลยาเป็นคนขยันเธอทำอาหารขายช่วยหารายได้เข้าบ้าน แม้กิจการจะดีมากแต่กัลยาก็ต้องพักเมื่อตั้งครรภ์ ลูกของเธอกับบุรีเป็นผู้ชายชื่อ ศวัส (ภัทรเดช สงวนความดี) หลังคลอดกัลยายิ่งสวยเปล่งปลั่งจน วดี (อภิรดี ภวภูตานนท์) ซึ่งเป็นแมวมองหาดาราใหม่ๆ เข้าสู่วงการบันเทิงสนใจ วดีชวนกัลยาถ่ายโฆษณา แต่หญิงสาวปฏิเสธทั้งที่ใจอยากจะทำ เธอเป็นนักเรียนนาฏศิลป์จึงรักการแสดงอยู่แล้ว ทว่าบุรีกับศวัสคือทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตของเธอ กัลยาจึงต้องตัดใจ เธอบอกวดีว่าเธอแต่งงานและมีลูกแล้วและไม่อยากทิ้งครอบครัวไป วดีเสียดายมากแต่ก็ให้นามบัตรกัลยาไว้ เย็นวันนั้นกัลยาเล่าให้บุรีฟังเรื่องวดีและการถ่ายโฆษณา หญิงสาวดีใจและตื่นเต้นเมื่อบุรีกลับสนับสนุนเขาอยากให้ภรรยามีความสุข บุรีรู้ดีว่ากัลยารักศิลปะการแสดงมากเพียงไหนเขาคิดว่างานถ่ายโฆษณาชิ้นเดียวคงไม่เป็นไร แต่เขาคิดผิด ความสวยของกัลยาไปสะดุดตาศักดิ์สิทธิ์ เจ้าของบริษัทสร้างศิลป์ บริษัทสร้างภาพยนตร์ที่มีชื่อเสียง วดีพากัลยามาแคสติ้งนักแสดง กัลยาทำได้ดีมาก ศักดิ์สิทธิ์จึงเปลี่ยนชื่อให้เธอใหม่เพื่อใช้ในการแสดงว่า พุธกันยา ปานรัมภา โดยปกปิดข่าวเรื่องการแต่งงานและมีลูกของเธอไว้ เพราะกลัวแฟนภาพยนตร์ไม่ยอมรับ

เวลาผ่านไปพุธกันยา ปานรัมภาเป็นนางเอกที่มีชื่อเสียงมาก ชีวิตครอบครัวก็มีความสุขดีเพราะบุรีเข้าใจทุกอย่าง เขาเลี้ยงศวัสและอยู่กับลูกจนเด็กชายไม่ได้รู้สึกว่ามีปมด้อย วดีกลายเป็นเพื่อนสนิทและผู้จัดการส่วนตัวของพุธกันยา หญิงสาวมีความสุขมากจนกระทั่ง สมเจตน์ (ทนงศักดิ์ ศุภการ) ลูกชายคนเล็กของศักดิ์สิทธ์เดินทางกลับจากต่างประเทศหลังจากเรียนจบ เขาเป็นคนหนุ่มหน้าตาดีและสมาร์ทมาก สมเจตน์ช่วยพ่อทำงานและเป็นคนมีฝีมือ เขาแอบรักพุธกันยาแม้จะรู้ว่าเธอมีครอบครัวแล้ว เขาก็ยอมรับและเต็มใจเพียงขอให้ได้รักเธอ แม้หญิงสาวจะไม่รู้เรื่องอะไรด้วยก็ตาม คนที่เจ็บปวดเสียใจคือวดีเธอรักสมเจตน์แต่เขาไม่เคยสนใจเธอเลยแม้สักนิด วันหนึ่งสมเจตน์ได้ข่าวว่าวดีโกงค่าตัวพุธกันยาเขาจึงแอบสืบดูจนรู้ว่าเป็นความจริงและทำมานานแล้ว พุธกันยาเสียใจเมื่อได้รู้เรื่องเธอเสียดายความเป็นเพื่อนและความไว้ใจที่มีต่อกัน จำนวนเงินที่วดีโกงไปมากมายจนไม่น่าเชื่อว่าเพื่อนที่ดีที่สุดจะทำกันได้ ความสัมพันธ์ระหว่างพุธกันยาและวดีจึงจบลงแต่ไม่ดีนักเพราะวดีไม่ยอมคืนเงินให้พุธกันยา และถ้านางเอกคนดังไปแจ้งความเธอจะแฉกับสื่อเรื่องที่พุธกันยามีสามีและมีลูกแล้ว วดีเรียกเธอว่านางเอกจอมโกหก พุธกันยารีบไปปรึกษาศักดิ์สิทธิ์โดยมีสมเจตน์ช่วยคิดหาทางออกให้ ศักดิ์สิทธิ์ตัดสินใจให้หญิงสาวเก็บตัวและห้ามให้ข่าวทั้งที่ใจหนึ่งพุธกันยาก็อยากจะบอกประชาชนให้รู้ความจริงเพราะบุรีและศวัสไม่ได้มีอะไรที่น่าอายสักนิด แต่นักธุรกิจในวงการนี้เขาไม่คิดอย่างเธอ ดึกมากแล้วเมื่อเธออกจากบ้านศักดิ์สิทธิ์ พุธกันยาตกใจที่จู่ๆ ก็ถูกถ่ายรูปและมีนักข่าวกลุ่มโตดักรอถามเรื่องสามีและลูก หญิงสาวทำอะไรไม่ถูกได้แต่รีบขับรถกลับบ้าน เธอแค้นใจมากขึ้นเมื่อวดีทรยศชิงให้ข่าวกับสื่อทำร้ายเธอเพื่อปกปิดความผิดของตัวเอง พุธกันยาเครียดมากทั้งเหนื่อยทั้งเพลีย เธอหยิบยากินโดยไม่ดูให้ละเอียด พุธกันยาล้มตัวลงนอนแล้วหลับโดยที่ไม่ตื่นขึ้นมาอีกเลย เธอเสียชีวิตเพราะกินยาเกินขนาดปริมาณยาที่ตรวจพบหลังการชันสูตรทำให้ทุกคนเข้าใจว่าเธอกินยาฆ่าตัวตายหนีอายเรื่องการมีครอบครัว พุธกันยาจากไปท่ามกลางความเสียใจอย่างที่สุดของบุรีและศวัส

เวลาผ่านไปหลายสิบปีเรื่องราวของพุธกันยาถูกข่าวอื่นๆ กลบไปจนแทบจะไม่มีใครจำเธอได้อีกนอกจากบุรีหรือพลเรือตรีบุรีและทันตแพทย์ศวัส บ่ายวันหนึ่งที่หน้าบ้านของบุรี หอมน้ำ (เมลดา สุศรี) และ สินีนุช (เขมิกา สุขประสงค์ดี) สองสาวนักศึกษาฝึกงานของบริษัทสร้างศิลป์ 2000 ได้รับคำสั่งจากผู้จัดการกองถ่ายให้มาหาสถานที่ถ่ายทำหาบ้านเพื่อถ่ายละคร หอมน้ำเคยเห็นบ้านหลังนี้ในนิตยสารและชอบมากจึงลองเสนอดู ภิญโญซึ่งเป็นผู้จัดการกองถ่ายจึงแจกงานให้ทั้งคู่ทันที สองสาวมาถึงบ้านนั้นอย่างกระหืดกระหอบ บ้านสวยกว่าในรูปเสียอีกแต่ปิดเงียบราวกับไม่มีคนอยู่ ผ่านไปหลายชั่วโมงก็ยังไม่มีวี่แววว่าเจ้าของบ้านจะกลับมา สินีนุชจึงตัดสินใจชวนหอมน้ำแอบถ่ายคลิปวิดีโอด้วยโทรศัพท์มือถือส่งให้ภิญโญเพื่อจะได้กลับบ้านกันเสียที หอมน้ำห้ามเพื่อนเพราะกลัวจะโดนกล่าวหาว่าเป็นขโมยแต่เมื่อสินีนุชพยายามลอดมือผ่านแนวรั้วถี่ๆ เพื่อต้องการภาพที่ดีที่สุดและหลายๆ มุม ทว่าทำไม่ได้เพราะความที่เป็นสาวร่างอวบ แขนเธอใหญ่เกินกว่าจะลอดรั้วเข้าไปได้หอมน้ำหัวเราะขำเพื่อนก่อนจะรับโทรศัพท์มาถ่ายเอง ขนาดว่าเธอผอมเพรียวกว่าสินีนุชช่องว่างระหว่างซี่รั้วแทบจะพอดีแขนของเธอจนน่ากลัวว่าจะติด ขณะที่หอมน้ำเพลินกับการถ่ายรูปศวัสขับรถกลับบ้านมาพอดี เขาลงจากรถด้วยท่าทางโกรธจัด สินีนุชรีบเข้าไปอธิบายเหตุผลและแนะนำว่าตัวเองกับเพื่อนสาวมาเพราะบริษัทสร้างศิลป์ 2000 จะขอใช้บ้านหลังนี้เป็นโลเคชั่นถ่ายละคร โดยมี ธันวา (นพรัตน์ ประเสริฐสุข) และ ณัชชา (ชาฮาด้า ปาทาน) พระเอกนางเอกที่มีชื่อเสียงร่วมงานด้วย แต่ศวัสไม่สนใจเขาปฏิเสธอย่างไร้น้ำใจ ขณะที่สินีนุชพยายามพูดถ่วงเวลาเพื่อให้หอมน้ำปีนลงมาจากรั้ว ทว่าแขนหญิงสาวติดแน่นระหว่างซี่รั้ว ตาคมดุของศวัสทำให้หอมน้ำพยายามดึงกระชากแขนอย่างแรงจนหลุดออกมาจนได้โดยที่ตัวเธอหงายหลังตกลงบนพื้นเสียงดัง กระโปรงจีบรอบตัวที่สั้นแค่เข่าเปิดขึ้นสูงจนโป๊ สายตาของศวัสทำให้หอมน้ำอายจนหน้าแดง เธอรีบส่งมือให้สินีนุชฉุดขึ้นยืนแล้วหลบอยู่หลังเพื่อนถ้าทำได้เธออยากจะหายตัวไปจากตรงนั้นให้เร็วที่สุด ศวัสขู่ให้สินีนุชและหอมน้ำกลับไปก่อนที่เขาจะรายงานเรื่องเธอทั้งคู่ไปที่มหาวิทยาลัย

ศวัสเข้าบ้านไปแล้ว หอมน้ำและสินีนุชหนักใจเพียงงานแรกเธอก็ทำไม่ได้เสียแล้ว ทว่าก่อนที่ทั้งสองสาวจะออกไปจากตรงนั้น กนกรัตน์ (น้อย โพธิ์งาม) ซึ่งเป็นเพื่อนบ้านรีบออกมาพบเธอเห็นและรู้เรื่องทั้งหมด กนกรัตน์เป็นแฟนคลับที่เหนียวแน่นของธันวาและณัชชาเธออยากเห็นดาราขวัญใจอย่างใกล้ชิดจึงบอกให้หอมน้ำและสินีนุชไปติดต่อกับพลเรือตรีบุรี จินต์ไท พ่อของศวัส และยังให้หมายเลขโทรศัพท์มาอีกด้วย กนกรัตน์บอกว่าพลเรือตรีบุรีใจดีและน่าจะยอมตกลงด้วย ภิญโญรีบติดต่อพลเรือตรีบุรีเพื่อขออนุญาตใช้บ้านถ่ายละคร ท่านถามถึงผู้กำกับการแสดง เมื่อรู้ว่าสมเจตน์เจ้าของบริษัทสร้างศิลป์ 2000 จะเป็นผู้กำกับเอง พลเรือตรีบุรีจึงเต็มใจให้มาถ่ายทำละครได้ ท่านยังจำได้ว่าสมเจตน์เป็นเพื่อนที่ดีที่สุดคนหนึ่งของพุธกันยา ตรงข้ามกับศวัสที่ไม่พอใจอย่างมากเขาเกลียดวงการบันเทิง วงการมายาที่ทำให้แม่ของเขาต้องจากไป พุธกันยาตายไปพร้อมปริศนาที่ยังค้างคาใจใครหลายคนโดยเฉพาะสามีและลูก ศวัสจำได้ว่าเขาต้องเจอคำถามแปลกๆ จากคนรู้จักเรื่องการตายของแม่ และข่าวฉาวๆ ที่ไม่เป็นความจริงมากมายจนเขาอยากจะหนีไปอยู่ที่อื่นให้พ้นเรื่องนี้เสียที แต่พ่อของเขาไม่ยอมไปท่านยังรักและผูกพันกับแม่ของเขามาก หลังพุธกันยาตายพลเรือตรีบุรีอยู่เป็นม่ายมาจนทุกวันนี้ ไม่ใช่ว่าจะไม่มีสาวๆ มาสนใจตรงกันข้ามบุรีเป็นพ่อม่ายเนื้อหอมแต่เขาแสดงออกชัดเจนว่าความรักที่เขามีต่อพุธกันยานั้นมั่นคงเหมือนดังคำสัญญาที่เคยบอกเธอว่าเขาจะรักเธอและมีเธอคนเดียวตลอดชีวิต บุรีเก็บของทุกอย่างที่เป็นของพุธกันยาไว้ในห้องๆ หนึ่งอย่างดี ตั้งแต่เล็กจนโตบ่อยครั้งที่ศวัสพบบุรีอยู่ในห้องนั้น เขารู้ว่าพ่อรักแม่ไม่เปลี่ยนแปลง ศวัสรู้สึกอึดอัดกับความรักและคำมั่นสัญญาของพ่อที่มีต่อแม่มาก คำมั่นสัญญาที่เป็นเหมือนเครื่องพันธนาการของชีวิตให้จมอยู่กับอดีต ไม่คำนึงถึงปัจจุบันและไม่มีความหวังในอนาคตแล้วจะมีความสุขได้อย่างไร

สองสามวันต่อมากองถ่ายละครเริ่มงาน ผู้คนมากมายทั้งทีมงาน ดารา และแฟนคลับที่มามุงดูดาราขวัญใจของพวกเขา ศวัสมองความวุ่นวายในบ้านอย่างไม่พอใจ เขาสั่งให้ เยาวภา (เปียเชอร์ คริสเตนเซ่น) แม่บ้านที่ทำงานด้วยกันมานานคอยจับตาดูคนพวกนี้ให้ดี หอมน้ำรู้สึกว่าการเป็นนักศึกษาฝึกงานเหนื่อยทั้งกายทั้งใจ ต้องรองรับอารมณ์ทั้งดาราเรื่องมากอย่าง เพลินพิศ (ณิชานันท์ ฝั้นแก้ว) ผู้กำกับอารมณ์ร้อนอย่างสมเจตน์ และเจ้าของบ้านหน้าดุอย่างศวัส แม้กระนั้นความที่เธออยากทำงานเบื้องหลังหอมน้ำก็ทำใจให้สนุกกับงานได้ บ้านหลังนี้สวยจริงๆ สวยทุกมุม สวนข้างบ้านร่มรื่น หอมน้ำชอบไปนั่งเล่นที่บ่อปลาคาร์พโดยไม่รู้ว่าที่นั่นเป็นมุมโปรดของศวัสเช่นกัน วันหนึ่ง ทับทิม (อุษณีย์ วัฒฐานะ) ซึ่งเป็นฝ่ายเสื้อผ้าต้องซ่อมชุดของนางเอกโดยต้องเย็บมุกเม็ดเล็กติดกับปลายแขนเสื้อสีสวยหวาน เธอให้หอมน้ำไปหยิบกล่องอุปกรณ์เย็บผ้าที่วางไว้ใต้บันได หญิงสาวรีบไปทันที ตรงนั้นมีกล่องเหมือนๆ กันซ้อนอยู่หลายใบ หอมน้ำจึงหยิบกล่องออกเปิดดูจนพบกล่องเก็บเม็ดมุกที่ต้องการ หญิงสาวตัดสินใจเดินอ้อมทางข้างบ้านเพื่อเลี่ยงฉากที่กำลังถ่ายทำอยู่เดินออกมาไม่ไกลเธอสังเกตเห็นมุกเม็ดเล็กเหมือนในกล่องตกอยู่ที่สนามหอมน้ำก้มลงเก็บ มุกเม็ดนั้นเปื้อนดินหญิงสาวกำลังจะหยิบผ้ามาเช็ด แต่เยาวภาแม่บ้านหน้าดุที่ก้าวมาขวางหน้าถามเสียงเข้มว่าทำอะไรทำให้หอมน้ำเปลี่ยนใจเธอชูมุกที่เปื้อนดินให้เยาวภาดูก่อนจะตอบสั้นๆ ว่าจะเอาไปเย็บติดเสื้อนางเอก หอมน้ำก้าวเร็วๆ กลับเข้าบ้าน เสียงเร่งของทับทิมทำให้เธอเดินเร็วขึ้นจนเสียหลักหงายหลังล้มลงบนพื้นไม้ที่ขัดมัน มุกในมือกระเด็นลอยเข้าปากที่อ้าปากร้องอย่างตกใจ หอมน้ำกลืนมุกลงคอพอดีที่ศีรษะลงกระแทกพื้นอย่างแรงจนเธอหมดสติอยู่ตรงนั้นเอง

กลิ่นแอมโมเนียและเสียงเรียกของสินีนุชทำให้หอมน้ำรู้สึกตัว เธอลืมตาขึ้นช้าๆ กวาดตามองรอบตัวแล้วอยากจะเป็นลมอีกรอบ เมื่อเห็นว่านอกจากสินีนุชแล้วยังมีทีมงานคนอื่นๆ อีกหลายคน แต่ที่ร้ายที่สุดคือศวัสยืนหน้าเข้มตาดุอยู่อีกคน สินีนุชบอกว่าเขาเป็นหมอก็น่าจะตรวจอาการเธอได้ในเบื้องต้น แต่หอมน้ำไม่รู้สึกอย่างนั้นถ้าจะให้ศวัสรักษาเธอยอมไปที่อื่นดีกว่า หญิงสาวโชคดีที่ไม่เป็นอะไรมาก หลังจากวันนั้นหอมน้ำมักจะเห็นหญิงสาวสวยมากเดินเพ่นพ่านอยู่ในบ้านโดยที่เธอเข้าใจว่าเป็นตัวประกอบ หอมน้ำเคยตามผู้หญิงคนนั้นขึ้นไปบนชั้นสองของบ้านซึ่งถูกสั่งห้ามทีมงานขึ้นเด็ดขาด ผู้หญิงคนนั้นหายไปเพียงเลี้ยวขึ้นบันไดบ้าน หอมน้ำลังเลว่าจะทำอย่างไรดี ศวัสก็ออกมาจากห้องส่วนตัวเขามองหอมน้ำอย่างหวาดระแวงและไม่เชื่อว่าจะมีใครแอบขึ้นมาบนนี้นอกจากหอมน้ำ แต่เมื่อเธอยืนยันว่ามีจริงๆ ศวัสก็สั่งให้หญิงสาวคอยอยู่ที่หน้าบันไดส่วนเขาค่อยๆ เดินตรวจดูทุกห้องแต่ไม่พบใคร ศวัสโกรธมากเขามั่นใจว่าหอมน้ำต้องเป็นขโมย หญิงสาวทำหน้างงเมื่อศวัสบอกว่าเขาไม่พบใคร ชายหนุ่มกึ่งลากกึ่งจูงหอมน้ำมาหาสมเจตน์พูดสั้นๆ ว่าให้อบรมเธอด้วยว่าอย่าวุ่นวายนักก่อนจะออกจากบ้านไป

สมเจตน์อบรมหอมน้ำอย่างรุนแรง นอกจากเรื่องวุ่นวายแล้วหอมน้ำยังโดนสงสัยว่าจะเป็นขโมยอีกด้วย แต่หญิงสาวไม่ได้ใส่ใจนักเธอเชื่อว่าเธอเห็นผู้หญิงคนนั้นจริงๆ ถ้าไม่ใช่ตัวประกอบก็ต้องเป็นใครสักคนแถวนี้ที่แฝงเข้ามา หอมน้ำหมายมั่นปั้นมือว่าจะจับตัวให้ได้ในสักวัน สินีนุชสงสารเพื่อนมากที่ต้องโดนผู้กำกับจอมโหดดุอย่างนั้น สินีนุชมั่นใจว่าหอมน้ำไม่มีวันทำตัวเหลวไหลอย่างนั้น พ่อแม่ของหอมน้ำเป็นพนักงานธนาคารระดับอาวุโสทั้งคู่และอบรมลูกสาวมาดี สินีนุชนั้นเป็นลูกสาวเศรษฐีใช้แต่ของแบรนด์เนมที่พ่อแม่ซื้อให้อยู่คอนโดหรู หอมน้ำเองก็มาพักกับเธอบ่อยๆ แต่ไม่เคยมีของหายมีแต่จะช่วยเก็บของให้เรียบร้อยอีกต่างหาก สินีนุชทำอะไรไม่ได้มากนอกจากปลอบใจเพื่อนที่นั่งซึมอย่างน่าสงสาร หอมน้ำมาฝึกงานตามปกติโดยไม่รู้ว่าศวัสเริ่มจับตามองเธอมากขึ้น เขามั่นใจว่าหอมน้ำคือตัวการ แต่สิ่งที่เขาเห็นคือความสดใสน่ารักขยันทำงานและมีน้ำใจนั่งคุยกับปลาคาร์พของเขาในบ่อนานๆ ราวกับมันเป็นเพื่อน

บ่ายวันหนึ่งชายหนุ่มกลับบ้านเร็วกว่าปกติเขาเดินอ้อมข้างบ้านพบหอมน้ำนั่งเล่นอยู่ที่บ่อปลา ชายหนุ่มจึงตามไปสอนเธอให้เรียกปลาขึ้นมาให้ลูบหัว หอมน้ำตื่นเต้นและชอบมาก ขณะที่เล่นกับปลาอยู่หอมน้ำก็เห็นหญิงสาวตัวประกอบลึกลับเดินอยู่ในบ้าน เธอตื่นเต้นมากที่จะจับคนร้ายได้สักที หญิงสาวคว้ามือศวัสจูงให้ตามเธอมาพลางจุ๊ปากให้เงียบๆ เมื่อชายหนุ่มสงสัยเธอจึงบอกว่าเธอเห็นผู้หญิงคนนั้นอีกแล้วและจะไปจับขโมยกัน ศวัสปล่อยให้หอมน้ำจูงมือไปจนเดินขึ้นบันไดเพื่อขึ้นไปชั้นสองพอถึงที่พักบันไดเขาก็หมดความอดทนชายหนุ่มไม่รู้ว่าหอมน้ำจะทำอะไร เพราะเขาไม่เห็นผู้หญิงคนที่หอมน้ำพาเขาเดินตามสักนิดที่จริงแล้วศวัสไม่เห็นใครเลย หอมน้ำชะงักเมื่อศวัสรั้งมือไว้เธอหงุดหงิดเมื่อเห็นว่าผู้หญิงคนนั้นยืนยิ้มเยาะอยู่ที่หัวบันได หญิงสาวพยายามบอกศวัสว่าต้องรีบตามก่อนขโมยจะเข้าไปขโมยของ ระหว่างพูดสายตาเหลือบไปเห็นภาพวาดของพุธกันยาที่ประดับอยู่บนผนังตรงที่พักบันได หอมน้ำอ้าปากค้างหันไปมองสาวสวยที่ยืนยิ้มอยู่ที่หัวบันไดอีกครั้งก่อนจะเหลียวมามองภาพวาด เธอตกใจจนหมดสติเมื่อเห็นว่าสาวสวยคนนั้นหน้าเหมือนคนในภาพวาดพุธกันยานั่นเอง ศวัสรีบรับตัวหอมน้ำที่จู่ๆ ก็ช็อกหมดสติตรงหน้าก่อนที่เธอจะตกบันไดจนบาดเจ็บมากกว่านี้ ชายหนุ่มอุ้มหอมน้ำลงมานอนที่เก้าอี้รับแขกตัวยาวท่ามกลางความตกใจของทีมงาน สินีนุชรีบเข้ามาดูอาการเพื่อนสนิททันที

เวลาผ่านไปจนศวัสเริ่มเป็นห่วงหอมน้ำหมดสตินานเกินไปแล้ว ก่อนที่เขาจะตัดสินใจพาเธอไปโรงพยาบาลหอมน้ำก็ได้สติเธอพรวดพราดลุกขึ้นหน้าซีดเผือดละล่ำละลักบอกว่าเธอเห็นพุธกันยา ไม่มีใครเชื่อสักคน หอมน้ำอธิบายอย่างละเอียดว่าพุธกันยาแต่งตัวอย่างไรแต่ก็ไม่มีใครเชื่อ ศวัสโกรธมากขึ้นไปกว่าเดิมเขามั่นใจว่าหอมน้ำเป็นจอมโกหกและมีพฤติการณ์ที่น่าสงสัยมาก ลึกลงไปเขาอดเสียใจไม่ได้ที่สาวสวยน่ารักอย่างหอมน้ำกลับมีนิสัยไม่ดี ก่อนที่สมเจตน์จะอาละวาดกับหอมน้ำพลเรือตรีบุรีซึ่งยืนฟังอยู่นานโดยที่ไม่มีใครสังเกตเดินเข้ามาและพูดชัดเจนว่าท่านเชื่อหอมน้ำ และรู้จักผู้หญิงคนนั้นดีว่าเป็นใครท่านยืนยันว่าหอมน้ำพูดจริง ผู้หญิงคนนั้นมีตัวตนแต่ไม่ได้บอกว่าเป็นพุธกันยา หอมน้ำหน้ามุ่ยเธอตัดสินใจจะไปฝึกงานที่อื่น ลำพังต้องรับมือกับศวัสก็พอสู้แต่กับผีอย่างพุธกันยาหอมน้ำยอมแพ้ บุรีสบตาหอมน้ำอย่างรู้ทันพูดดักคอว่าหอมน้ำคงมาฝึกงานที่นี่ต่อไปไม่หนีไปฝึกงานที่อื่นเพราะมันจะทำให้ทุกคนเชื่อว่าเธอทำผิดจริง ค่ำมากแล้วเมื่อกองถ่ายเลิก หอมน้ำกับสินีนุชนั่งแท็กซี่กลับคอนโดมิเนียมหรู กลางเมือง สินีนุชได้โอกาสถามเพื่อนเรื่องผีพุธกันยา หอมน้ำยืนยันว่าเธอเห็นจริงๆ สองสาวคุยเรื่องผีพุธกันยาจนไม่ได้สังเกตว่าคนขับแท็กซี่ก็สนใจฟังเช่นกัน คืนนั้นหอมน้ำค้างกับสินีนุชเพราะยังหวาดกับเรื่องที่เกิดขึ้น สองสาวไม่รู้เลยว่าหลังจากส่งผู้โดยสารแล้วคนขับแท็กซี่ก็โทรศัพท์เข้ารายการวิทยุที่เกี่ยวกับเรื่องลึกลับแล้วเล่าเรื่องผีพุธกันยาอดีตดาราดังที่ล่วงลับอย่างเป็นจริงเป็นจังราวกับเห็นเสียเอง

วันรุ่งขึ้นหอมน้ำกลับหอพักลางานหนึ่งวันเพื่อตระเวนทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้พุธกันยา รดน้ำมนต์ป้องกันพุธกันยา โดยไม่ลืมค้นสายสร้อยแขวนพระองค์เล็กที่พ่อแม่ให้มาสวมติดตัวไปด้วย นอกจากนั้นเธอยังออกหาที่ฝึกงานใหม่แต่ก็ไม่ว่างสักแห่งเดียว หอมน้ำตกใจเมื่อสินีนุชโทรศัพท์มาเล่าว่าที่กองถ่ายวุ่นวายไปหมดมีคนมามากกว่าปกติเพราะมีข่าวเรื่องผีพุธกันยาจนบ้านหลังนี้จะกลายเป็นบ้านอาถรรพณ์ผีดุไปแล้ว หอมน้ำนึกเสียใจที่หลุดปากเรื่องที่เธอเห็นอดีตดาราแม่ของศวัส หญิงสาวเปิดโทรทัศน์แล้วเดินไปที่ตู้เย็นเล็กๆ มุมห้องหยิบน้ำมาดื่มพอหันกลับมาเธอก็ต้องสำลักเมื่อเห็นพุธกันยานั่งดูรายการข่าวบันเทิงอย่างสนใจ หอมน้ำกลัวจนทำอะไรไม่ถูกพนมมือสวดมนต์ผิดๆ ถูกๆ จนพุธกันยาดุบอกว่าเธอไม่ใช่ผีและไม่ชอบให้ใครเรียกว่าผีด้วย เธอเป็นวิญญาณต่างหาก หญิงสาวตั้งสติกำสร้อยพระแน่นถามว่าพุธกันยาต้องการอะไรจากเธอ พุธกันยาจึงบอกว่าเธออยากให้หอมน้ำช่วยบอกบุรีและศวัสว่าเธอไม่ได้ฆ่าตัวตาย แต่เป็นเพราะเครียดเลยเผลอกินยาเกินขนาดมันเป็นอุบัติเหตุไม่ใช่เจตนา อดีตดาราคนดังเล่าเรื่องชีวิตเธอให้หอมน้ำฟังจนเธอเห็นใจยอมรับปากว่าจะช่วยหาวิธีบอกบุรีกับศวัสให้ ระหว่างที่หอมน้ำคุยกับพุธกันยาสินีนุชก็แวะมาหา เธอเห็นหอมน้ำทำท่าแปลกๆ จึงแหย่เรื่องผีพุธกันยาเพราะเข้าใจว่าเพื่อนคิดไปเอง พุธกันยาจึงต้องแสดงความสามารถให้สินีนุชเชื่อ เริ่มจากเปิดปิดโทรทัศน์จนต้องออกแรงยกหมอนข้างให้ลอยขึ้น สินีนุชกระโดดเข้าไปกอดหอมน้ำทันที พุธกันยานึกรำคาญคนขวัญอ่อนเลยออกไปจากที่นั่นสองสาวจึงถอนใจอย่างโล่งอก

ความจำเป็นบังคับให้หอมน้ำต้องกลับไปฝึกงานที่เดิมอีก วันหนึ่งเกิดเรื่องใหญ่เมื่อสมเจตน์ปลด แววรุ่ง (ภัคสิร์ชา ราย) ดาราสาวซึ่งเป็นหลานรักของวดีออกจากการเป็นนักแสดงเรื่องนี้เพราะมาสาย แสดงพลาด ไม่สนใจงานแถมยังเบี้ยวคิวไปเที่ยวกับแฟนหนุ่มไฮโซจนสมเจตน์โกรธ เขาไม่สนใจว่าแววรุ่งจะเป็นหลานของวดีเจ้าของหนังสือพิมพ์ขายดีชื่อชิดขอบบันเทิง และยังได้ชื่อว่าเป็นผู้มีอิทธิพลในวงการอีกด้วย สมเจตน์สั่งให้หานักแสดงใหม่มาแทนแต่ก็หายากไม่มีใครว่าง ภิญโญมองหอมน้ำแล้วชวนให้เธอลองแคสต์ดู หอมน้ำไม่ชอบเป็นนักแสดงเธอชอบงานเบื้องหลังมากกว่า แต่ก็หมดสิทธิปฏิเสธเพราะนอกจากภิญโญแล้วยังมี อุมา (ลัดดาวรรณ์ สันธิ) ช่างแต่งหน้า ทับทิมซึ่งเป็นคอสตูม รวมทั้งสินีนุชมาคะยั้นคะยอ สินีนุชบอกว่าให้ลองทำไปเพราะถ้าหอมน้ำเล่นไม่ได้จริงๆ สมเจตน์ก็ไม่ต้องการดีกว่าเป็นคนเรื่องมาก หอมน้ำจำใจไปแต่งหน้าแต่งตัวใหม่เพื่อลองแคสต์ เธอถอดสร้อยพระฝากสินีนุชไว้เพราะไม่เข้ากับชุดที่ต้องสวม อุมากับทับทิมสามารถทำให้หอมน้ำนักศึกษาสาวสวยใสๆ กลายเป็นสาวสวยสะดุดตาและขึ้นกล้องเสียด้วย สมเจตน์พอใจกับรูปลักษณ์ของหอมน้ำที่เปลี่ยนไป แต่พอถึงการแสดงหญิงสาวกลับทำให้เขาอารมณ์เสียอย่างมากเพราะเล่นไม่ได้ จนกระทั่งโอกาสครั้งสุดท้ายหอมน้ำหนักใจกลัวสมเจตน์ประหม่าสายตาของศวัสที่มายืนดู ที่ร้ายกว่านั้นคือกลัวการเรียนไม่จบ หญิงสาวหันหลังให้ทุกคนเพื่อทำสมาธิหอมน้ำตกใจเมื่อเห็นพุธกันยายื่นหน้ามาจนชิดเธอก่อนจะหมดสติไป พุธกันยาสิงร่างของหอมน้ำได้อย่างอัศจรรย์ ดาราสาวหลับตานิ่งสูดลมหายใจลึกๆ สามครั้งเพื่อทำสมาธิตามความเคยชิน เมื่อหันกลับมาอีกครั้งสมเจตน์แปลกใจที่หอมน้ำมีท่าทางเปลี่ยนไป ตาคมสวยเป็นประกายอย่างคนที่เชื่อมั่นในตัวเองหน้าเพรียวสวยเชิดหยิ่งไว้ตัวนิดๆ สวยสง่าน่าดู กิริยาหอมน้ำทำให้สมเจตน์คุ้นตาคุ้นใจอย่างบอกไม่ถูก เมื่อเริ่มแสดงหอมน้ำทำได้ดีอย่างไม่น่าเชื่อราวกับเป็นคนละคนจนสมเจตน์พอใจมากสั่งเลิกกองหันมาล้อหอมน้ำว่าพรุ่งนี้เล่นให้ได้อย่างนี้ก็แล้วกันทุกคนในกองถ่ายโล่งใจ

สินีนุชยืนรอหอมน้ำที่เข้าห้องน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่นานจนผิดสังเกต จนศวัสกลับมาถึงบ้าน สินีนุชกำลังจะเข้าไปตามเพื่อนเพราะไม่อยากให้ศวัสโกรธ หอมน้ำก็ออกมาพอดีเธอวิ่งเข้ามากอดศวัสแน่นเรียกเขาว่าลูกอีกด้วย สินีนุชพยายามแกะแขนเพื่อนออกจากศวัสแต่หอมน้ำไม่ยอม ส่วนศวัสยืนนิ่งเมื่อสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นอย่างประหลาดที่แทรกเข้ามาเติมเต็มความรู้สึกที่ขาดหายในหัวใจมานาน เขาปล่อยให้หอมน้ำกอดเขาอย่างมีความสุขอยู่อย่างนั้น สินีนุชเอะใจจึงแอบหยิบสร้อยพระของหอมน้ำกำไว้ในมือ แล้วแอบแตะตัวเพื่อนสาว พุธกันยาจึงต้องออกจากร่างหอมน้ำ หญิงสาวจึงหมดสติอยู่ในอ้อมแขนของศวัสนั่นเอง ศวัสตัดสินใจไปส่งสินีนุชและหอมน้ำที่คอนโด สินีนุชแอบสวมสร้อยพระให้เพื่อนทันทีที่มีโอกาส หญิงสาวฟื้นขึ้นพอดีเมื่อถึงคอนโด ศวัสส่งเพียงข้างล่างเมื่อเห็นว่าหอมน้ำรู้สึกตัวแล้ว เมื่ออยู่กันตามลำพังสินีนุชจึงถามเพื่อนอีกครั้งว่าเกิดอะไรขึ้น หอมน้ำจำได้เพียงกำลังจะซ้อมบทให้สมเจตน์ดูหันมาพบพุธกันยาก็วูบไป สินีนุชจึงเล่าให้เธอฟังว่าเกิดอะไรขึ้นรวมทั้งการเข้าไปกอดศวัสด้วย หอมน้ำคิดหนักว่าจะทำอย่างไรต่อไปดีในวันรุ่งขึ้นเพราะรู้ในความสามารถของตัวเองดีเรื่องการแสดงว่าไม่ใช่เรื่องจริงๆ หญิงสาวงอนสินีนุชกลับหอพักตัวเองเมื่อเพื่อนสนิทพูดว่าตอนแสดงก็ให้พุธกันยาสิงอีกก็หมดเรื่อง

วันต่อมาหอมน้ำแสดงไม่ได้จริงๆ หลายเทคก็ไม่ได้เรื่องเธอจำบทไม่ได้จนเพลินพิศดาราสาวเจ้าอารมณ์ที่ต้องเข้าฉากด้วยดูถูกเยาะเย้ยเธอหลายคำต่อหน้า อธิป (กันต์ชนัต ศวัสกร) ดาราหนุ่มอีกคน และไล่ให้ไปเสิร์ฟน้ำดาราเหมือนเดิมทำให้หอมน้ำโกรธมากจึงบอกเพลินพิศว่าถ้าครั้งต่อไปเธอทำไม่ได้ เธอจะถอนตัวแต่ถ้าทำได้เพลินพิศต้องขอโทษเธอด้วย หอมน้ำเลี่ยงออกไปข้างบ้านระหว่างที่สมเจตน์สั่งพักพุธกันยาตามไปทันที หญิงสาวทำท่ายกบทขึ้นท่องแต่จริงๆ กำลังตกลงกับพุธกันยาให้สิงเธอแล้วแสดงแทนโดยมีเงื่อนไขว่าหอมน้ำจะยอมให้พุธกันยาใช้ร่างได้ต่อไปหลังจากสั่งคัทต่ออีกครั้งละ สิบห้านาทีเพื่อเปิดโอกาสให้พุธกันยาได้พูดคุยกับลูกชายและสามีบ้าง ถ้าพุธกันยาไม่ปฏิบัติตามสัญญาสินีนุชจะมาสวมสร้อยพระให้หอมน้ำทันทีและจะไม่มีโอกาสอีกต่อไป พุธกันยาตกลง หอมน้ำจึงเรียกเพื่อนมากระซิบเล่าสัญญาให้ฟังก่อนจะปลดพระองค์เล็กที่กลัดติดไว้ในเสื้อให้สินีนุชเก็บไว้ หอมน้ำหลับตานิ่งเพื่อเปิดโอกาสให้พุธกันยาเข้าสิงการแสดงผ่านไปด้วยดีในเทคเดียว อธิปเตือนให้เพลินพิศขอโทษหอมน้ำตามสัญญา เพลินพิศทนไม่ได้ที่เห็นดารารุ่นน้องอย่างณัชชาและหอมน้ำกำลังจะมีชื่อเสียงขึ้นมาแข่งกับตัวเอง เธอมั่นใจว่าเธอสวยและเก่งกว่าทั้งสองคนนี้มาก เพลินพิศชอบคุยกับกนกรัตน์จึงรู้ว่าเธอเคยเห็นพุธกันยาในบ้านหลังนี้ วันหนึ่งเพลินพิศจึงแกล้งโดนพุธกันยาสิง เธออาละวาดด่าทอสาปแช่งคนที่ทำให้เธอต้องตายโดยที่พุธกันยาในร่างหอมน้ำทนไม่ไหวแต่ทำอะไรไม่ได้จึงเลี่ยงออกไปจากตรงนั้นก่อนจะขาดสติและอาละวาดจริงๆ เพลินพิศเป็นข่าวดังสมความตั้งใจดาราสาวมีงานมากขึ้น และได้รับการดูแลที่ดีขึ้นจาก พิไล (อำภา ภูษิต) แม่ครัวที่เป็นแฟนคลับของพุธกันยา เพลินพิศหลงระเริงในความดังของตัวเองจนแสดงธาตุแท้ของตัวเองที่เอาแต่ใจและเห็นแก่ตัว แถมขี้อิจฉาจนเพื่อนร่วมงานเริ่มรำคาญ คนที่รู้ทันเธอคืออธิปนักแสดงหนุ่มที่แสดงด้วยกันบ่อยๆ นั่นเอง แต่อธิปก็มีจุดอ่อนในเรื่องความเจ้าชู้ที่เพลินพิศรู้ดีและพร้อมจะแฉเขาเหมือนกัน

พุธกันยาทำให้สมเจตน์พอใจหอมน้ำถึงขนาดเพิ่มบทให้อีก ทำให้วดีเขียนข่าวเหน็บแนมหอมน้ำจนเธอเสียใจอยากเลิกแสดง แต่สมเจตน์เตือนให้หอมน้ำนิ่งไว้ วันหนึ่งวดีตามมาเพื่อหาเรื่องหอมน้ำถึงกองถ่าย พุธกันยาอ้อนวอนขอใช้ร่างหอมน้ำจัดการเพื่อนทรยศก่อนที่หอมน้ำจะใจอ่อน ให้เธอและสมเจตน์ออกมาพบวดีเขาตอบโต้และต่อว่าเธออย่างตรงไปตรงมาด้วยคำพูดที่รู้กันดีเพียงสองคน วดีโกรธมากรีบกลับไปทันที สมเจตน์จับพิรุธพุธกันยาได้จึงจับตามองตลอดเวลา วดียังคงหาเรื่องหอมน้ำอีกเขียนข่าวกำกวมในแง่มุมที่ทำให้คนอ่านเข้าใจผิดจนพุธกันยาทนไม่ไหว เธอสงสารหอมน้ำจึงอาสากับสินีนุชว่าจะจัดการให้โดยสัญญาว่าหอมน้ำจะไม่เดือดร้อนแน่นอน พุธกันยาใช้โทรศัพท์สาธารณะโทรหาวดีโดยใช้ชื่อ สุรี ช้อยนิ่ม ซึ่งเป็นชื่อเดิมของวดีก่อนจะบอกว่าให้เลิกเขียนข่าวในทางเสียหายกับละครเรื่องเพลิงนารีได้แล้วมิฉะนั้นเธอจะบอกเรื่องประวัติที่น่าอายของวดีที่เคยถูกพ่อเลี้ยงลวนลามอยู่หลายปีให้นักข่าวรู้ รวมทั้งการโกงค่าตัวพุธกันยาหลายแสนบาทด้วย แล้วจะได้รู้ว่าการเป็นข่าวในเรื่องเสียหายนั้นเป็นอย่างไร พุธกันยาวางสายไปแล้ว วดีนั่งหน้าซีดอยู่ที่ห้องทำงานเธอกลัวจับใจ วิญญาณพุธกันยาเป็นเรื่องจริงเพราะเรื่องนี้มีคนรู้เพียงสามคนคือตัวเธอเองพุธกันยาและสมเจตน์เท่านั้น

หอมน้ำหาทางสนิทสนมกับศวัสเพื่อบอกเรื่องพุธกันยา ความน่ารักสดใสทำให้ศวัสคลายหน้าเคร่งและยิ้มได้อย่างอารมณ์ดี วันหนึ่งเธอยอมไปเป็นคนไข้ของเขาแต่เมื่อเธอพูดเรื่องพุธกันยา และบอกว่าวิญญาณเธอยังอยู่ในบ้าน เขากลับดุเธอด้วยคำพูดที่รุนแรงจนหอมน้ำเสียใจ ก่อนที่เธอจะกลับไปเธอบอกเขาว่าให้ลองเปิดใจสังเกตสิ่งรอบตัวให้ดี เขาอาจจะได้รู้ว่าเรื่องที่เธอพูดนั้นเป็น ความจริง หอมน้ำคิดไม่ออกว่าจะช่วยพุธกันยาต่อไปอย่างไร ในเวลาเดียวกันสมเจตน์เริ่มแน่ใจว่าพุธกันยาอยู่ในร่างหอมน้ำจึงแกล้งใช้สินีนุชไปออฟฟิศซึ่งอยู่ห่างจากที่กองถ่ายมากจนสินีนุชไม่สบายใจเธอเตือนให้หอมน้ำระวังตัวจากพุธกันยา แต่หอมน้ำเชื่อใจพุธกันยาว่าจะรักษาสัญญา บ่ายวันนั้นหลังเลิกกองสมเจตน์เรียกหอมน้ำไปคุยเป็นการส่วนตัว ทีมงานเข้าใจว่าสมเจตน์คงจะชวนเล่นละครเรื่องต่อไป แต่ว่าเขาคุยกับหอมน้ำโดยเรียกชื่อเธอว่ากัลยา ซึ่งเป็นชื่อจริงของพุธกันยา ดาราสาวจึงต้องยอมรับความจริง เย็นวันนั้นสมเจตน์พาพุธกันยาไปกินข้าวที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง สมเจตน์ถามถึงชีวิตหลังความตายของพุธกันยาดาราสาวเล่าอย่างมีความสุขเธอดีใจที่กลับมามีตัวตนมีร่างกายมีลมหายใจอีกครั้ง สมเจตน์แนะให้พุธกันยาอยู่ในร่างของหอมน้ำต่อไปเขาจะช่วยเธอเองด้วยการส่งสินีนุชเข้าไปทำงานในออฟฟิศพุธกันยาจะได้มีเวลาอยู่กับครอบครัวให้สมความคิดถึง ในตอนแรกพุธกันยาปฏิเสธแต่เมื่อเห็นบุรีพา ขวัญอนงค์ (ภัทรา ทิวานนท์) มากินข้าวที่ร้านเดียวกันด้วยท่าทางสนิทสนม บุรีใส่ใจดูแลขวัญอนงค์อย่างสุภาพ แต่เป็นเพราะพุธกันยาทนไม่ได้เธอหึงจนระงับอารมณ์แทบไม่อยู่เธอเสียใจที่สามีลืมเธอแล้ว สมเจตน์ได้โอกาสจึงพูดว่าถ้าพุธกันยายังอยู่บุรีคงไม่เป็นอย่างนี้ พุธกันยากลับหอพักของหอมน้ำเธอฝืนใจรับโทรศัพท์จากสินีนุชหลังจากกระหน่ำโทรหลายครั้งเพื่อไม่ให้สงสัย เธอคิดหลายเรื่องรวมทั้งเรื่องที่ละครใกล้จบลงโอกาสที่เธอจะได้อยู่ใกล้บุรีและศวัสก็น้อยลงด้วย นอกเสียจากทำตามคำแนะนำของสมเจตน์ พุธกันยาตัดสินใจว่าจะแย่งบุรีกลับมา เธอไปหาเขาที่บ้านซึ่งเป็นบริษัทสร้างศิลป์ 2000 เพื่อบอกเขาเรื่องนี้ สมเจตน์ดีใจมากคุยกันสักครู่พุธกันยาก็กลับไป เขารักพุธกันยาและรักมาจนถึงทุกวันนี้ ที่ภรรยาขอหย่าก็เพราะเธอรู้ว่าเขาไม่มีใจรักเธอเลยใจของเขารักพุธกันยาคนเดียว สมเจตน์วางแผนทันทีเขาจะช่วยพุธกันยาครองร่างของหอมน้ำให้เธอพยายามบอกบุรีและศวัสเขามั่นใจว่าบุรีคงไม่เชื่อ จากนั้นเขาจะค่อยๆ ใช้ความรักที่เขามีต่อเธอมากมายดึงพุธกันยาให้มาอยู่ด้วยกัน สมเจตน์ไม่สนใจว่าเธอจะอยู่ในร่างใครขอเป็นเพียงวิญญาณของพุธกันยาก็พอแล้ว

วันต่อมาพุธกันยาในร่างหอมน้ำแต่งตัวสวยหวานมาที่บ้านบุรี เธอซื้อขนมซึ่งเป็นของโปรดของบุรีกับศวัสมาให้พร้อมด้วยต้นมะลิที่พุธกันยาชอบมาก นอกจากนั้นยังมีของสดอีกหลายอย่างเธอบอกบุรีว่าจะมาทำกับข้าวให้กิน บุรีและศวัสแปลกใจกับท่าทางแปลกๆ ของหอมน้ำ เธอเข้าครัวทำกับข้าวอย่างคุ้นเคย พอดีว่าขวัญอนงค์ก็ทำกับข้าวมากินกลางวันที่นี่ตามคำชวนของบุรีด้วย พุธกันยาอารมณ์เสียคอยหาเรื่องแขวะขวัญอนงค์ตลอดเวลาเธอลืมไปว่าเธออยู่ในร่างของหอมน้ำ ส่วนศวัสสังเกตว่าหอมน้ำสนใจพ่อของเขาจนเกินงาม คำพูดของเธอแปลกๆ ราวกับกำลังหึงหวงพ่อของเขากับขวัญอนงค์ ค่ำแล้วเมื่อศวัสไปส่งหอมน้ำที่หอพักระหว่างอยู่ในรถเธอก็พูดถึงความสุขถ้าจะได้อยู่ร่วมกันเป็นครอบครัวเดียวกัน ส่วนสินีนุชเป็นห่วงหอมน้ำที่ไม่ค่อยยอมรับโทรศัพท์จากเธอ ไม่ยอมมาพบเหมือนเดิมเธอจึงมาดักรอที่หอพักรอจนศวัสกลับไปจึงตรงเข้าไปดึงแขนหอมน้ำไว้ไม่ให้กลับขึ้นไปบนห้อง พุธกันยาตกใจที่พบสินีนุชเพียงพูดกันคำสองคำสินีนุชก็จับพิรุธพุธกันยาได้ หญิงสาวทวงร่างเพื่อนจากวิญญาณพุธกันยาเธอหยิบสร้อยพระในเป้ขึ้นมา พุธกันยาวิ่งหนีสินีนุชวิ่งตามกระโดดคว้าร่างเพื่อนจนล้มไปกลิ้งลงป่าหญ้าข้างทางด้วยกัน สินีนุชโกรธมากปีนขึ้นคร่อมร่างเพื่อนพลางเอะอะโวยวายทวงร่างหอมน้ำกับพุธกันยา วิญญาณดาราสาวในร่างหอมน้ำสู้ไม่ได้ สินีนุชจึงสวมสร้อยพระให้เพื่อนทันที พุธกันยาทิ้งร่างหอมน้ำหนีแทบไม่ทัน สินีนุชประคองร่างเพื่อนที่หมดสติอยู่ในอ้อมแขนพยายามเรียกให้เธอรู้สึกตัว หญิงสาวสะดุ้งสุดตัวเมื่อศวัสถามสินีนุชหน้าเครียดว่าเกิดอะไรขึ้นทั้งที่ยืนฟังอยู่นานได้เห็นเหตุการณ์และได้ยินคำพูดทุกคำแต่มันยากที่จะเชื่อ สินีนุชขอร้องให้พาหอมน้ำกลับไปพักที่คอนโดของเธอก่อนแล้วจะเล่าความจริงทั้งหมดให้เขาฟัง

ระหว่างที่หอมน้ำนอนหมดสติสินีนุชเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ศวัสฟังอย่างละเอียด ชายหนุ่มคิดถึงคำพูดของหอมน้ำวันที่มาพบเขาที่โรงพยาบาล และท่าทางของเธอที่มีต่อพ่อของเขาในลักษณะหึงหวง ศวัสเสียใจที่ไม่เชื่อหอมน้ำตั้งแต่แรก หญิงสาวหมดสติไปนานจนศวัสเป็นห่วงอยากจะพาเธอไปหาหมอแต่สินีนุชให้รออีกสักครู่ คราวนี้พุธกันยาสิงร่างหอมน้ำนานหลายวันคงต้องใช้เวลา หน่อยรอกันอีกพักใหญ่กว่าหอมน้ำจะรู้สึกตัวขึ้นมา เธอแปลกใจที่พบศวัสอยู่ที่นี่ สินีนุชจึงต้องเล่าให้เพื่อนฟังอีกครั้งว่าเกิดอะไรขึ้น เธอให้หอมน้ำย้ายมาพักที่คอนโดโดยศวัสจะมาอยู่เป็นเพื่อนหลังเลิกงาน หอมน้ำพูดไม่ออกเธอเสียใจที่พุธกันยาไม่รักษาสัญญา เรื่องวุ่นวายมากขึ้นเมื่อเพลินพิศประสบอุบัติเหตุรถชนกลางดึก เมื่อได้สติเธอก็บอกว่าเธอวิ่งหนีผีพุธกันยาที่ตามไปหลอกหลอนเธอถึงบ้านจนต้องวิ่งหนีเตลิดออกมาจนถูกรถชน พุธกันยากลับมาเป็นข่าวอีกครั้ง ไม่กี่วันต่อมาขวัญอนงค์ซึ่งกำลังจะขับรถกลับบ้านหลังกองถ่ายเลิกกลางดึกเธอพบว่ามีคนกำลังใช้ก้อนหินก้อนใหญ่ขูดขีดรถของเธอขวัญอนงค์ร้องห้ามเสียงดัง คนร้ายหันหน้ามาขวัญอนงค์จำได้ว่าเป็นใครเธอจึงโดนคนร้ายใช้ก้อนหินทุบที่ศีรษะจนหมดสติกว่าทีมงานจะมาพบคนร้ายก็หนีไปแล้ว ขวัญอนงค์ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล บุรีรู้ข่าวรีบตามมาเฝ้าเธอที่โรงพยาบาลอย่างห่วงใย

วันรุ่งขึ้นหอมน้ำเตรียมตัวไปถ่ายละครซึ่งเหลือเพียงสองฉากโดยมีศวัสมาช่วยซ้อมบทให้ เธอรู้ข่าวขวัญอนงค์ เมื่อถึงกองถ่ายแล้วสมเจตน์สังเกตเห็นบุคลิกหอมน้ำที่เปลี่ยนไปการแสดงก็ไม่ดีเหมือนเดิม เขารู้ว่าหอมน้ำได้ร่างคืนแล้ว สมเจตน์มั่นใจว่าพุธกันยาอยู่แถวนั้นจึงหาทางช่วยจนหอมน้ำต้องถอดพระ พุธกันยาเข้าสิงทันทีการแสดงผ่านไปอย่างราบรื่นหลังกองถ่ายเลิกทุกคนไปเยี่ยมขวัญอนงค์รวมทั้งพุธกันยาในร่างหอมน้ำด้วย เธอเสียใจเมื่อเห็นบุรีนั่งเฝ้าอยู่หน้าห้องไอซียูที่ขวัญอนงค์อยู่เพราะอาการโคม่า ท่าทางเศร้าหมองของบุรีทำให้พุธกันยาเสียใจมาก ศวัสตามมาที่โรงพยาบาลเพียงเห็นท่าทางของหอมน้ำที่พยายามปลอบใจบุรีเขาก็รู้ว่าร่างนั้นคือพุธกันยา ชายหนุ่มอาสาไปส่งเธอที่ที่พัก พุธกันยาหลงเชื่อไปกับเขาแต่โดยดี ศวัสเตรียมสร้อยพระของเขาไว้แล้วเมื่อขับรถไปส่งหอมน้ำ ระหว่างทางพุธกันยามีวามสุขและมีกำลังใจที่จะอยู่ในร่างหอมน้ำต่อไปเพื่อให้ได้ครอบครัวเธอกลับมา แต่เมื่อศวัสเรียกเธอว่าแม่และขอร้องให้เธอคืนร่างให้หอมน้ำพุธกันยาเสียใจมาก เธอฉวยโอกาสที่รถติดวิ่งหนีออกจากรถก่อนที่ศวัสจะทันได้สวมสร้อยพระให้เธอ พุธกันยาหนีไปหาสมเจตน์ที่บ้านเล่าความจริงให้เขาฟัง สมเจตน์จึงให้เธอไปพักที่คอนโดมิเนียมของเขา ดังนั้นเมื่อศวัสกับสินีนุชมาตามที่บริษัทสร้างศิลป์ 2000 ซึ่งเป็นบ้านของเขาด้วยจึงไม่พบพุธกันยาที่นั่น สมเจตน์รอจนแน่ใจว่าศวัสไปแล้วเขาจึงไปหาพุธกันยาที่คอนโด เขาแปลกใจที่เธอนั่งดื่มเหล้าทั้งที่ไม่เคยเห็นมาก่อน สมเจตน์ตามไปนั่งดื่มด้วยเขาปล่อยให้พุธกันยาระบายความในใจที่เสียใจมากมายเมื่อเห็นบุรีเปลี่ยนไป ก่อนที่จะบอกให้เธอรู้ว่าเขารักเธอรักมานานและเต็มใจที่จะอยู่กับเธอไม่ว่าจะอยู่ในร่างของใคร เขาจะทำให้พุธกันยากลับมาโลดแล่นมีชื่อเสียงในวงการบันเทิงอีกครั้งในร่างของหอมน้ำ พุธกันยาได้แต่ขอบคุณในความรู้สึกดีๆ ที่เขามีให้เธอ แต่เธอให้เขาได้เพียงความเป็นเพื่อนเท่านั้น พุธกันยาออกจากที่นั่นทันที สมเจตน์ปล่อยเธอไปเพราะรู้ดีว่าอย่างไรเสียพุธกันยาก็ต้องให้เขาช่วยเธออยู่ดี

วันต่อมาเยาวภาแปลกใจที่หอมน้ำมากดออดเรียกแต่เช้าทั้งที่กองถ่ายนัดบ่าย แม่บ้านปล่อยหอมน้ำอยู่ตามลำพังเพราะสังเกตว่าเธอเป็นแขกพิเศษของบ้านนี้เพียงแต่ยังไม่รู้ว่าจะเป็นคนพิเศษของบุรีและศวัสเท่านั้น พุธกันยาในร่างหอมน้ำเดินดูทั่วบ้านเธอหยุดนิ่งที่หน้าภาพเขียนของตัวเองตรงผนังที่พักบันได เธอยังจำบรรยากาศวันนั้นได้ราวกับเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน ก่อนที่เธอจะก้าวขึ้นบันไดต่อไปหญิงสาวก็ถูกใครคนหนึ่งผลักตกบันไดลงมาสลบอยู่ที่พื้น กว่าที่ทีมงานจะมาพบเวลาก็ผ่านไปนานพอสมควร ภิญโญรีบสั่งให้เรียกรถพยาบาลมารับหอมน้ำ เยาวภากับพิไลแม่ครัวกองถ่ายซึ่งยืนหน้าซีดอยู่ในที่เกิดเหตุต่างก็โทษกันไปมาว่าเห็นอีกฝ่ายเป็นคนผลัก พิไลพูดมั่นใจว่าเยาวภาโกรธที่หอมน้ำรู้ว่าเธอแอบเอาเสื้อผ้าของพุธกันยามาใส่รวมทั้งแอบเอาเครื่องประดับและเสื้อผ้าของพุธกันยาให้ญาติไปขายเสมอเลยเจตนาผลักหอมน้ำตกบันไดเพื่อปกปิดความผิด เยาวภาปฏิเสธแต่ไม่มีใครเชื่อ

สมเจตน์โทรศัพท์มาจากโรงพยาบาลบอกกับภิญโญว่าขวัญอนงค์ฟื้นแล้วเธอบอกว่าคนร้ายคือพิไล ทีมงานออกตามตัวพิไลแต่ไม่พบแล้ว พิไลรีบกลับไปเก็บเสื้อผ้าที่บ้านและจดหมายปึกหนึ่งออกจากบ้านไปโดยไม่สนใจเสียงด่าของพ่อ เธอหนีไปเช่าโรงแรมเล็กๆ แห่งหนึ่งที่ต่างจังหวัด เพื่อซ่อนตัวก่อนหาทางหนีต่อไป พิไลหยิบจดหมายที่ถือมาเปิดออกอ่านอย่างไม่เบื่อ จดหมายฉบับนั้นเป็นจดหมายของพุธกันยา พิไลเป็นเด็กที่มีปัญหาทางครอบครัวเธอเป็นแฟนคลับของพุธกันยาจึงเขียนจดหมายหาดาราคนโปรด พุธกันยาตอบจดหมายและให้กำลังใจพิไลตลอดมา เมื่อพุธกันยาตายพิไลขาดกำลังใจเธอวาดหวังว่าจะเจอนางเอกหรือนักแสดงน้ำใจงามอย่างพุธกันยาบ้างจึงเข้ามาเป็นแม่ครัวในกองถ่ายเธอทำงานหลายแห่งมากแต่ก็ไม่เคยพบใครเหมือนพุธกันยาเลย เมื่อเพลินพิศมีอาการผีพุธกันยาเข้าสิงเธอจึงเชื่อหมดหัวใจ ขยันทำอาหารของโปรดของพุธกันยาไปให้เพลินพิศ คืนที่เพลินพิศเกิดอุบัติเหตุก็เป็นเพราะพิไลแอบไปดักรอที่บ้านเพลินพิศ เธออยากพูดคุยกับพุธกันยาอีกครั้งแต่กลับทำให้เพลินพิศกลัววิ่งหนีผีพุธกันยาจนโดนรถชน สำหรับขวัญอนงค์และหอมน้ำต้องโดนทำร้ายเพราะคิดจะแย่งพลเรือตรีบุรีสามีของพุธกันยา พิไลจะปกป้องทุกอย่างที่เป็นของรักของพุธกันยาไว้ให้ดีที่สุด พิไลหนีไปไม่ได้ไกลเธอถูกตำรวจจับเย็นวันนั้นเอง หอมน้ำบาดเจ็บสาหัสยังไม่ได้สติศวัสเฝ้าอยู่ไม่ยอมห่าง วิญญาณของพุธกันยาที่คอยเฝ้าอยู่ด้วยร้อนใจที่หอมน้ำไม่รู้สึกตัวเสียทีเธอรู้ว่าลูกชายรักหอมน้ำมากความทุกข์ใจของศวัสเป็นสิ่งที่เธอทนไม่ได้ พุธกันยารู้ว่าจะไปตามหอมน้ำได้ที่ไหน เธอตามหอมน้ำที่ดินแดนรอยต่อของวิญญาณหรือผู้ที่รอความตายเธอพบหอมน้ำที่นั่นจริงๆ พุธกันยารีบพาวิญญาณของหญิงสาวกลับเข้าร่างได้ทันเวลา

เวลาผ่านไปหอมน้ำออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว เธอขาหักต้องใช้ไม้ค้ำยันเพื่อหัดเดินศวัสคอยดูแลเธออย่างดี เขาแสดงตัวเปิดเผยว่าเป็นคนรักของหอมน้ำ หญิงสาวก็ไม่ปฏิเสธเช่นกัน แล้ววันที่พุธกันยาจะต้องจากไปตามทางของเธอก็มาถึง ศวัสบอกบุรีว่าความรักไม่ใช่การผูกมัด คำมั่นสัญญาไม่ควรจะเป็นพันธนาการล่ามอดีตและปัจจุบันไว้ด้วยกัน แต่ควรจะเป็นอิสระต่อกัน อยู่ด้วยกันด้วยความรัก ความจริง และความเป็นธรรมชาติมากกว่า ศวัสพาหอมน้ำไปที่ห้องรับแขก เธอบอกว่าพุธกันยากำลังเดินมาหาศวัส หญิงสาวถามพุธกันยาว่าต้องการใช้ร่างเธอหรือไม่ แต่พุธกันยาปฏิเสธ เธอเข้าไปกอดลูกชายด้วยความรักบริสุทธิ์ของคนเป็นแม่ ศวัสแม้ไม่เห็นผู้เป็นแม่แต่เขาก็สัมผัสได้ถึงความอบอุ่นที่แทรกเข้ามาเต็มหัวใจ เขาบอกเธอว่าเขารักแม่และจะไม่มีวันลืมแม่ของเขาแน่นอน บุรีตามลงมาที่ห้องนั้นเป็นคนสุดท้าย เขามองดอกมะลิที่อยู่ในพานเล็กๆ ลอยจากพานขึ้นมาหนึ่งดอกตรงมาที่เขา บุรีรับมาใส่กระเป๋าเสื้อไว้รับรู้ได้ด้วยใจว่าพุธกันยาถือมาให้ เขาสัมผัสได้ถึงความเศร้า ความรัก และความอาลัยของพุธกันยา บุรีบอกว่าเขาให้อิสระกับเธอจะไม่ให้คำมั่นสัญญาใดๆ มาพันธนาการไว้ด้วยกันอีก และเขาสัญญาว่าเขาจะไม่ลืมเธอและรักกัลยาของเขาตลอดไป วิญญาณของพุธกันยาจึงจากไปตามวิถีทางของตนเองอย่างหมดห่วง เธอมั่นใจว่าขวัญอนงค์คงจะดูแลบุรีให้มีความสุขได้ดีเช่นกัน

ที่ริมบ่อปลาหอมน้ำนั่งชะโงกหน้าเล่นกับปลาคาร์ฟอยู่ตามลำพัง ศวัสรีบเข้าไปรั้งตัวเธอขึ้นก่อนที่จะหัวทิ่มลงไปในบ่อเพราะรู้นิสัยเธอดี ศวัสสารภาพรักกับหอมน้ำเป็นความรักที่ไม่ผูกมัดแต่จะรักเธอไปทุกๆ วัน เขาสวมสร้อยคอประดับจี้มุกเม็ดเดี่ยวน่ารักให้หอมน้ำแล้วบอกว่ามุกเม็ดนี้ทำมาจากต่างหูที่พ่อของเขาทำให้ผู้หญิงที่รักมากก็คือแม่ของเขา หอมน้ำกำจี้มุกไว้ปลื้มใจมากแต่อดถามไม่ได้ว่าเมื่อเคยเป็นต่างหูแล้วอีกเม็ดหนึ่งหายไปไหน ศวัสบอกว่าเยาวภาเห็นหอมน้ำเก็บลงกล่องเครื่องประดับไปแล้ว หญิงสาวอึ้งอยู่ครู่หนึ่งจึงคิดออกว่าเธอเก็บมุกเม็ดหนึ่งได้จากสนามหญ้าแล้วลื่นหกล้มหัวฟาดพื้นโดยกลืนมุกเม็ดนั้นลงคอไป หอมน้ำรู้แล้วว่าทำไมเธอจึงสื่อสารกับพุธกันยาได้ ศวัสดึงหญิงสาวเข้ามากอดอย่างแสนรัก เขาไม่คิดเลยว่าหอมน้ำสาวสวยจอมวุ่นและซุ่มซ่ามคนนี้จะเข้ามาเติมเต็มหัวใจที่อ้างว้างมานานของเขาได้ ศวัสมั่นใจว่าความรักของเขากับหอมน้ำจะมีความสุข ไม่ต่างจากพ่อและแม่ของเขา แม้จะเป็นความรักที่ไม่มีคำมั่นสัญญาใดๆ ก็ตาม