ละคร หลบผี...ผีไม่หลบ
ดู 2,224 ครั้ง /
แชร์
ช่องที่ออกอากาศ | ละครช่อง 3 | |||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
เริ่มออกอากาศ | 27 กันยายน 2556 | |||||||||||||||||||||||||||
เวลาออกอากาศ | 17:45 - 18:45 น. |
|||||||||||||||||||||||||||
กำกับโดย | คชินทร์ คล้องช้าง | |||||||||||||||||||||||||||
ประพันธ์โดย | บทประพันธ์ มิสเตอร์เค, บทโทรทัศน์ ธนพล เสือน้อย | |||||||||||||||||||||||||||
นำแสดงโดย | ||||||||||||||||||||||||||||
|
||||||||||||||||||||||||||||
ผู้สร้าง | บริษัท บีอีซี-เทโร เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด (มหาชน), บริษัท จันทร์ 25 จำกัด |
ภาพนิ่งจากละคร
เรื่องย่อ หลบผี...ผีไม่หลบ
นักศึกษาคณะนิเทศศาตร์ สาขาภาพยนตร์ของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง มีโครงการจะผลิตภาพยนตร์สารคดีเพื่อส่งเข้าประกวด ซึ่งในทีมนี้ประกอบด้วย ญาดา (พรภัสสร อัตถปัญญาพล), วิทย์, แป๋ม, อู๊ดและนุ่น โดยมีอาจารย์สำอาง (อุเทน คตน่วม) ทำหน้าที่เป็นอาจารย์ที่ปรึกษา ญาดาตกลงกับทีมว่าจะทำหนังสารคดีแนวผีๆกัน โดยเลือกโลเคชั่นชนบทที่ยังมีความเชื่อในเรื่องลี้ลับ เพื่อให้เข้ากับบรรยากาศ เมื่อถึงกำหนดนัดหมาย ทั้งหมดก็พากันออกเดินทางไปยังสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์ ซึ่งอยู่ในอำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี แต่ก่อนที่จะไปถึงจุดหมายปลายทางนั้นเอง จู่ๆรถก็เกิดเสียแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย จวบจนกระทั่งพลบค่ำก็มีรถอีแต๊กของ คำมี ชาวบ้านที่เพิ่งกลับจากไร่ขับผ่านมา คำมีพาทั้งหมดไปขออาศัยพักที่บ้านของ ผู้ใหญ่มา ผู้ใหญ่บ้านแห่งตำบลบ้านโคก และยังช่วยลากรถที่เสียไปให้ บุญรอด ช่างประจำหมู่บ้านช่วยซ่อมให้ด้วย
ผู้ใหญ่มากับ นางฟ้อน ผู้เป็นเมียให้การต้อนรับขับสู้ทุกคนด้วยความเต็มใจยิ่งและยังกำชับทุกคนว่าห้ามออกจากบ้านดึกๆ ดื่นๆ ตามลำพังเป็นอันขาด เพราะเวลานี้มีผีปอบกำลังออกอาละวาดอยู่ในหมู่บ้าน แต่ญาดากลับคิดว่าเป็นโอกาสที่ดีมาก เพราะถ้าทีมของเธอสามารถถ่ายภาพผีปอบตัวจริงๆได้ล่ะก็ หนังของพวกเธอมีหวังดังเป็นพลุแตกแน่นอนกลุ่มของญาดาคิดว่าเรื่องผีปอบยายม้วน (ปนัดดา โกมารทัต) กับ วานี (ณัทธมนกาญจน์ ศรีนิกรโชติ) อาจจะมีเบื้องลึกเบื้องหลังซ่อนเร้นอยู่ จึงอยากจะสืบหาความจริงต่อไป ประกอบกับรถที่เสียนั้นบุญรอดก็ยังหาอะไหล่มาซ่อมไม่ได้ ทั้งหมดจึงตกลงใจที่จะพักอยู่ที่นี่ต่อไปและเปลี่ยนโลเคชั่นที่จะใช้ถ่ายทำหนังสารคดีแนวผีๆ มาเป็นที่บ้านโคกซะเลย
เวลาต่อมา เอ๊ด (รัชชานนท์ สุประกอบ) ปาล์ม เป็ด ชัย เจน และหนูนา กลุ่มนักศึกษาคณะวิทยาศาสตร์ ซึ่งไม่เชื่อว่าผีมีจริงในโลกก็ได้เดินทางมาพร้อมกับ อาจารย์พูน (ธเนศ ฉิมท้วม) ซึ่งเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาเพื่อพิสูจน์เรื่องนี้ด้วยเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ และก็บังเอิญมารถเสียบริเวณเดียวกันกับทีมแรก และยังได้พบกับคำมีขับรถอีแต๊กผ่านมาเหมือนกันเปี๊ยบ คำมีพาทั้งหมดไปพบกับผู้ใหญ่มา และได้พักอยู่ที่บ้านอีกหลังซึ่งอยู่ใกล้ๆกับบ้านที่กลุ่มของญาดาพักอยู่ ทั้งสองกลุ่มเริ่มเปิดฉากไม่ลงรอยกันตั้งแต่ได้พบหน้า เพราะก่อนหน้านี้ก็ไม่ค่อยจะกินเส้นกันอยู่แล้ว โดยเฉพาะญาดากับเอ๊ดซึ่งเคยเป็นคู่รักกันในอดีต แต่มีเรื่องบาดหมางจนถึงขั้นตัดสัมพันธ์กันไป เปลี่ยนสถานะจากคนรักมาเป็นศัตรูคู่ปรับที่ต่างก็ไม่มีใครยอมใคร เอ๊ดกับญาดาถึงขั้นเดิมพันกันว่าถ้าทีมไหนสามารถพิสูจน์ได้ก่อนว่าผีมีจริงหรือไม่ก็จะเป็นผู้ชนะ และผู้แพ้จะต้องยอมเป็นเบ๊ให้ผู้ชนะใช้งานได้ทุกอย่าง
ทีมของญาดากับวิทย์เริ่มถ่ายทำสารคดีเกาะติดวิญญาณโดยมีการสัมภาษณ์ชาวบ้านหลายคนถึงเรื่องวิญญาณผีเฮี้ยนที่ชาวบ้านเคยประสบพบมา ซึ่งชาวบ้านต่างก็ยืนยันว่าที่บ้านโคกมีผีจริงและเฮี้ยนกว่าที่อื่นแน่นอน วิทย์เสนอให้ถ่ายทำบางส่วนเป็นภาพเหตุการณ์จำลองตามคำบอกเล่าของชาวบ้าน เพื่อให้ดูสมจริง โดยให้ชาวบ้านมาร่วมแสดงเป็นผีด้วย และพอถึงเวลาถ่ายทำจริงตัวประกอบเหล่านั้นก็แสดงได้สมจริงมาก ไม่ว่าจะแสดงเป็นผีหัวขาด ผีไส้ไหล ผีตาโบ๋ ผีกระสือ ฯลฯ แต่ละตัวก็ดูสมจริงอย่างน่าทึ่ง ทั้งๆที่ไม่มีทีมเอ็ฟเฟ็กต์มาช่วยแต่งหน้าแม้แต่คนเดียว ซึ่งภาพที่ออกมานั้นทำให้ทุกคนพอใจมาก แต่บางคนก็เริ่มรู้สึกว่ามีอะไรแปลกๆซะแล้ว
ส่วนทีมของเอ๊ดกับปาล์มก็พากันออกสำรวจหาวิญญาณด้วยการใช้เครื่องมือไฮเทคตรวจจับคลื่นความถี่ และปรากฏว่าเครื่องจะร้องทุกครั้งที่มีชาวบ้านเข้ามาอยู่ใกล้ๆ แต่เอ๊ดคิดว่าเครื่องอาจจะขัดข้องจนทำงานผิดพลาด แต่ไม่ว่าจะลองแก้ไขแล้วนำมาทดลองกี่ครั้งผลก็ยังเป็นเหมือนเดิมคือทุกครั้ง ที่มีชาวบ้านเข้ามาใกล้เครื่องก็จะส่งสัญญาณดังขึ้นทันที แต่พอทีมของญาดากลับมาเช็คภาพในเทปวีดีโอที่ถ่ายไว้กลับปรากฏว่าเทปเสียทั้งหมด จึงไม่มีหลักฐานมายืนยันได้ว่าผีที่ทุกคนเห็นนั้นเป็นผีจริงหรือว่าผีปลอมกันแน่ แต่เอ๊ดมั่นใจว่าสิ่งที่ทุกคนเห็นจะต้องมีใครสักคนที่อยู่เบื้องหลังแล้วจัดฉากขึ้นมาหลอกลวงแน่ๆ และเขาจะต้องกระชากหน้ากากพวกลวงโลกพวกนี้ให้ได้
อาจารย์สำอาง กับอาจารย์พูนต้องอกหักยับเยิน เมื่อถูกวานีปฏิเสธรักแถมทั้งคู่ยังได้เห็นวานีกำลังจับไก่กินสดๆ ก็รู้ทันทีว่าวานีเป็นผีปอบตามที่ชาวบ้านบอกจริงๆ อาจารย์สำอางกับอาจารย์พูนเสียใจจนถึงขั้นดวลเหล้ากันจนเมามาย และที่ช็อคยิ่งกว่าก็เมื่อไปเจอภาพถ่ายที่ใช้ตั้งหน้าศพของผู้ใหญ่มาซึ่งเสียชีวิตมานานแล้ว ผู้ใหญ่มากับนางฟ้อนยอมรับกับทุกคนว่าเขากับเมียเสียชีวิตกันแล้วจริงๆ พอทุกคนรู้ว่าถูกผีหลอกก็รีบเผ่นแน่บไปหาหลวงพ่อทอง หลวงพ่อทองจึงยอมเล่าความจริงเรื่องหมู่บ้านโคกให้ทุกคนฟัง เกิดอะไรขึ้นกับหมู่บ้านโคกกันแน่ และความรักระหว่างเอ๊ดกับญาดาจะกลับมาเหมือนเดิมอีกครั้งหรือไม่
ผู้ใหญ่มากับ นางฟ้อน ผู้เป็นเมียให้การต้อนรับขับสู้ทุกคนด้วยความเต็มใจยิ่งและยังกำชับทุกคนว่าห้ามออกจากบ้านดึกๆ ดื่นๆ ตามลำพังเป็นอันขาด เพราะเวลานี้มีผีปอบกำลังออกอาละวาดอยู่ในหมู่บ้าน แต่ญาดากลับคิดว่าเป็นโอกาสที่ดีมาก เพราะถ้าทีมของเธอสามารถถ่ายภาพผีปอบตัวจริงๆได้ล่ะก็ หนังของพวกเธอมีหวังดังเป็นพลุแตกแน่นอนกลุ่มของญาดาคิดว่าเรื่องผีปอบยายม้วน (ปนัดดา โกมารทัต) กับ วานี (ณัทธมนกาญจน์ ศรีนิกรโชติ) อาจจะมีเบื้องลึกเบื้องหลังซ่อนเร้นอยู่ จึงอยากจะสืบหาความจริงต่อไป ประกอบกับรถที่เสียนั้นบุญรอดก็ยังหาอะไหล่มาซ่อมไม่ได้ ทั้งหมดจึงตกลงใจที่จะพักอยู่ที่นี่ต่อไปและเปลี่ยนโลเคชั่นที่จะใช้ถ่ายทำหนังสารคดีแนวผีๆ มาเป็นที่บ้านโคกซะเลย
เวลาต่อมา เอ๊ด (รัชชานนท์ สุประกอบ) ปาล์ม เป็ด ชัย เจน และหนูนา กลุ่มนักศึกษาคณะวิทยาศาสตร์ ซึ่งไม่เชื่อว่าผีมีจริงในโลกก็ได้เดินทางมาพร้อมกับ อาจารย์พูน (ธเนศ ฉิมท้วม) ซึ่งเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาเพื่อพิสูจน์เรื่องนี้ด้วยเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ และก็บังเอิญมารถเสียบริเวณเดียวกันกับทีมแรก และยังได้พบกับคำมีขับรถอีแต๊กผ่านมาเหมือนกันเปี๊ยบ คำมีพาทั้งหมดไปพบกับผู้ใหญ่มา และได้พักอยู่ที่บ้านอีกหลังซึ่งอยู่ใกล้ๆกับบ้านที่กลุ่มของญาดาพักอยู่ ทั้งสองกลุ่มเริ่มเปิดฉากไม่ลงรอยกันตั้งแต่ได้พบหน้า เพราะก่อนหน้านี้ก็ไม่ค่อยจะกินเส้นกันอยู่แล้ว โดยเฉพาะญาดากับเอ๊ดซึ่งเคยเป็นคู่รักกันในอดีต แต่มีเรื่องบาดหมางจนถึงขั้นตัดสัมพันธ์กันไป เปลี่ยนสถานะจากคนรักมาเป็นศัตรูคู่ปรับที่ต่างก็ไม่มีใครยอมใคร เอ๊ดกับญาดาถึงขั้นเดิมพันกันว่าถ้าทีมไหนสามารถพิสูจน์ได้ก่อนว่าผีมีจริงหรือไม่ก็จะเป็นผู้ชนะ และผู้แพ้จะต้องยอมเป็นเบ๊ให้ผู้ชนะใช้งานได้ทุกอย่าง
ทีมของญาดากับวิทย์เริ่มถ่ายทำสารคดีเกาะติดวิญญาณโดยมีการสัมภาษณ์ชาวบ้านหลายคนถึงเรื่องวิญญาณผีเฮี้ยนที่ชาวบ้านเคยประสบพบมา ซึ่งชาวบ้านต่างก็ยืนยันว่าที่บ้านโคกมีผีจริงและเฮี้ยนกว่าที่อื่นแน่นอน วิทย์เสนอให้ถ่ายทำบางส่วนเป็นภาพเหตุการณ์จำลองตามคำบอกเล่าของชาวบ้าน เพื่อให้ดูสมจริง โดยให้ชาวบ้านมาร่วมแสดงเป็นผีด้วย และพอถึงเวลาถ่ายทำจริงตัวประกอบเหล่านั้นก็แสดงได้สมจริงมาก ไม่ว่าจะแสดงเป็นผีหัวขาด ผีไส้ไหล ผีตาโบ๋ ผีกระสือ ฯลฯ แต่ละตัวก็ดูสมจริงอย่างน่าทึ่ง ทั้งๆที่ไม่มีทีมเอ็ฟเฟ็กต์มาช่วยแต่งหน้าแม้แต่คนเดียว ซึ่งภาพที่ออกมานั้นทำให้ทุกคนพอใจมาก แต่บางคนก็เริ่มรู้สึกว่ามีอะไรแปลกๆซะแล้ว
ส่วนทีมของเอ๊ดกับปาล์มก็พากันออกสำรวจหาวิญญาณด้วยการใช้เครื่องมือไฮเทคตรวจจับคลื่นความถี่ และปรากฏว่าเครื่องจะร้องทุกครั้งที่มีชาวบ้านเข้ามาอยู่ใกล้ๆ แต่เอ๊ดคิดว่าเครื่องอาจจะขัดข้องจนทำงานผิดพลาด แต่ไม่ว่าจะลองแก้ไขแล้วนำมาทดลองกี่ครั้งผลก็ยังเป็นเหมือนเดิมคือทุกครั้ง ที่มีชาวบ้านเข้ามาใกล้เครื่องก็จะส่งสัญญาณดังขึ้นทันที แต่พอทีมของญาดากลับมาเช็คภาพในเทปวีดีโอที่ถ่ายไว้กลับปรากฏว่าเทปเสียทั้งหมด จึงไม่มีหลักฐานมายืนยันได้ว่าผีที่ทุกคนเห็นนั้นเป็นผีจริงหรือว่าผีปลอมกันแน่ แต่เอ๊ดมั่นใจว่าสิ่งที่ทุกคนเห็นจะต้องมีใครสักคนที่อยู่เบื้องหลังแล้วจัดฉากขึ้นมาหลอกลวงแน่ๆ และเขาจะต้องกระชากหน้ากากพวกลวงโลกพวกนี้ให้ได้
อาจารย์สำอาง กับอาจารย์พูนต้องอกหักยับเยิน เมื่อถูกวานีปฏิเสธรักแถมทั้งคู่ยังได้เห็นวานีกำลังจับไก่กินสดๆ ก็รู้ทันทีว่าวานีเป็นผีปอบตามที่ชาวบ้านบอกจริงๆ อาจารย์สำอางกับอาจารย์พูนเสียใจจนถึงขั้นดวลเหล้ากันจนเมามาย และที่ช็อคยิ่งกว่าก็เมื่อไปเจอภาพถ่ายที่ใช้ตั้งหน้าศพของผู้ใหญ่มาซึ่งเสียชีวิตมานานแล้ว ผู้ใหญ่มากับนางฟ้อนยอมรับกับทุกคนว่าเขากับเมียเสียชีวิตกันแล้วจริงๆ พอทุกคนรู้ว่าถูกผีหลอกก็รีบเผ่นแน่บไปหาหลวงพ่อทอง หลวงพ่อทองจึงยอมเล่าความจริงเรื่องหมู่บ้านโคกให้ทุกคนฟัง เกิดอะไรขึ้นกับหมู่บ้านโคกกันแน่ และความรักระหว่างเอ๊ดกับญาดาจะกลับมาเหมือนเดิมอีกครั้งหรือไม่