ละคร ขุนเดช
ดู 3,379 ครั้ง /
แชร์
ละครออกอากาศ | วันพุธ วันพฤหัส | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
ช่องที่ออกอากาศ | ละครช่อง 7 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
เริ่มออกอากาศ | 18 เมษายน 2555 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
เวลาออกอากาศ | 20:30 - 22:30 น. |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
กำกับโดย | สยาม น่วมเศรษฐี | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
ประพันธ์โดย | บทประพันธ์ สุจิตต์ วงศ์เทศ, บทโทรทัศน์ ศุภชัย สิทธิอําพรรณ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
นำแสดงโดย | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
ผู้สร้าง | พอดีคํา |
ภาพนิ่งจากละคร
เรื่องย่อ ขุนเดช
นายเดื่อง (วินัย ไกรบุตร) หัวหน้าคนงานขุดแต่งโบราณสถานรับปาก อาจารย์ประทีป (วันชัย เผ่าวิบูลย์) หัวหน้าคณะศึกษาโบราณคดีของกรมศิลป์ว่าจะปักหลักเฝ้าพระศิลาพระพุทธรูปที่ถูกค้นพบในถ้ำศิลาบนเขาหลวงสุโขทัย ให้รอดพ้นจากเงื้อมมือของพวกโจรใจบาปที่จ้องจะลักตัดเศียรพระศิลา โดยเฉพาะกำนันบุญ สุโขทัย (สุรวุฑ ไหมกัน) ซึ่งมีนิสัยขี้โกง ชอบสะสมและลักลอบซื้อขายวัตถุโบราณ เมื่อกำนันบุญรู้เรื่องพระศิลาที่ถูกค้นพบเลยอยากได้ไว้ในครอบครองจึงเดินทางจากสุโขทัยมาศรีสัชนาลัยบ้านนายเดื่อง เพื่อขอให้นายเดื่องเปิดทางให้เข้าไปลักตัดเศียรพระ แต่กำนันบุญถูกนายเดื่องปฏิเสธและไล่ตะเพิดอย่างไม่เกรงกลัวอิทธิพล
นายเดื่องเป็นห่วงพระศิลาเลยจำเป็นต้องฝาก ขุนเดช (วีรภาพ สุภาพไพบูลย์) ลูกชายวัย 10 ขวบไว้กับ คำปัน (รชยา รักกสิกรณ์) หญิงสาวที่แอบชอบพ่อของขุนเดช และคอยช่วยเลี้ยงดูขุนเดชเหมือนลูกแท้ๆ แต่ความอยากรู้อยากเห็นของขุนเดชที่มีใจรักและสนใจในศิลปะโบราณซึ่งถูกถ่ายทอดจากพ่อ ทำให้ขุนเดชแอบขึ้นรถของอาจารย์ประทีปตามไปหาพ่อที่ถ้ำศิลา อาจารย์ประทีปกลัวภัยจะเกิดกับนายเดื่องจึงให้ปืนไว้ป้องกันตัว แต่นายเดื่องปฏิเสธยืนยันจะใช้แค่ไม้ตะพดหัวเงินอาวุธคู่กายปกป้องสมบัติของแผ่นดิน ฟากกำนันบุญที่โกรธแค้นนายเดื่องมากจึงสั่งให้เสือแชนกับเสือชิดลูกน้องคนสนิท พาพวกบุกไปที่ถ้ำศิลาเพื่อจัดการกับนายเดื่องและเอาเศียรพระศิลามาให้ได้
ขุนเดชที่แอบตามอาจารย์ประทีปมาหาพ่อที่เขาหลวงเกิดพลัดหลงอยู่ในป่าหาทางไปหาพ่อที่ถ้ำศิลาไม่ได้ โชคดีเจอหลวงพ่อสุข พระธุดงค์ที่มาปักกลดอยู่ในบริเวณเขาหลวง หลวงพ่อสุขเคยเจอนายเดื่องที่บริเวณถ้ำศิลาจึงพาขุนเดชไปหา นายเดื่องโกรธลูกชายมากที่แอบหนีมาจะลงมือตี แต่หลวงพ่อสุขห้ามไว้ บอกพรุ่งนี้เช้าจะเป็นคนพาขุนเดชกลับไปที่ศรีสัชนาลัยเอง คืนนั้นนายเดื่องจำเป็นต้องให้ขุนเดชค้างอยู่ในถ้ำ ขุนเดชนอนฟังพ่อเล่าเรื่อง ความเชื่อเกี่ยวกับเขาหลวงให้ฟังว่า เขาหลวงแห่งนี้ก็คือ “พระขพุง ผีเทวดาที่สถิตย์อยู่ที่นี่ยิ่งใหญ่กว่าเทวดาในเมืองสุโขทัย หากผู้ครองเมืองสุโขทัยจะเป็นผู้ใดก็ตามรู้จักนบไหว้ และทำพิธีเซ่นสรวงถูกต้องแล้ว เมืองสุโขทัยย่อมตั้งมั่นถาวรยั่งยืน แต่หากไม่รู้จักนบไหว้ไม่มีการพลีบูชาตามแบบแผนแล้ว ผีในเขาหลวงจะไม่คุ้มไม่เกรง เมืองสุโขทัยก็จะล่มจม” เพราะเหตุนี้นายเดื่องจึงต้องมาเฝ้าพระศิลาเอาไว้จากพวกคนใจบาป ขุนเดชเองก็รับปากพ่อว่าเมื่อโตขึ้นจะทำหน้าที่รักษาสมบัติของชาติแบบพ่อ
แต่ระหว่างนั้น พวกเสือแชน เสือชิดบุกเข้ามา นายเดื่องห่วงลูกชายจึงสั่งให้ขุนเดชไปซ่อนตัวแล้วเข้าต่อสู้กับ พวกเสือแชน เสือชิด ด้วยไม้ตะพดอันเดียว สุดท้ายนายเดื่องก็สู้ไม่ได้ถูกพวกมันฆ่าตายอย่างเหี้ยมโหดทารุณ ต่อหน้าต่อตาขุนเดช แล้วตัดเอาเศียรพระศิลาไป เสือชิดได้ยินเสียงขุนเดชที่ซ่อนตัวในถ้ำจึงคิดจัดการขุนเดชอีกคน แต่ขุนเดชคว้าไม้ตะพดของพ่อมาเป็นอาวุธและหนีพวกมันเข้าหายไปในป่าเขาหลวง กลางดึกคืนนั้นขณะที่หลวงพ่อสุขกำลังนั่งเจริญสมาธิอยู่ในกลด หลวงพ่อสุขได้เห็นนิมิตรบางอย่างที่น่าตกใจ ในนิมิตรหลวงพ่อเห็นความเสื่อมทรามของผู้คนที่ไม่เคารพต่อพระพุทธศาสนา ศิลปะโบราณวัตถุถูกย่ำยีกลายเป็นเครื่องประดับฝาบ้าน พระพุทธรูปต้องอยู่หลังกรงขังกั้น ไม่ให้ผู้มีจิตศรัทธากราบไหว้ บางองค์ก็ถูกรุมขัดถูเพื่อขอหวยมัวเมาในกิเลศ พระพุทธรูปที่งดงามตามโบราณสถานก็ถูกตัดเศียรเรียงรายจนน่าเวทนา
หลวงพ่อสุขสะดุ้งตื่นจากนิมิตรพร้อมกับเสียงร้องขอความช่วยเหลือจากขุนเดชที่กำลังถูกพวกเสือแชน เสือชิดไล่ตามล่า และคิดว่าขุนเดชตกหน้าผาตายไปแล้วจึงพากันกลับไป แต่ที่จริงแล้วขุนเดชหลบซ่อนตัวอยู่ในซอกหิน ด้วยความตื่นกลัวและตระหนกตกใจเป็นอย่างมาก ภาพของพ่อที่ถูกฆ่าตายอย่างเหี้ยมโหดต่อหน้าต่อตา ภาพของพระศิลาที่ถูกตัดเศียรทำให้ขุนเดชกลัวจนช็อคหมดสติ หลวงพ่อสุขไปพบนายเดื่องถูกฆ่าตายที่ถ้ำศิลาจึงออกตามหาขุนเดชด้วยความเป็นห่วง และได้พบขุนเดชสลบอยู่ที่ซอกหินจึงปลุกขุนเดชให้ตื่น แต่ขุนเดชกลับลุกขึ้นมาแสดงอาการเกรี้ยวกราด ดุดัน ใช้ไม้ตะพดที่กำไว้แน่นไล่ทำร้ายหลวงพ่อเหมือนกับสัตว์ร้ายตัวหนึ่ง หลวงพ่อรู้ว่าที่ขุนเดชเป็นอย่างนี้เพราะอาการช็อคตกใจกลัวจนเสียสติควบคุมตัวเองไม่ได้ หลวงพ่อนั่งนิ่งและแผ่เมตตาให้ขุนเดชใจสงบซึ่งก็ได้ผล ขุนเดชสงบนิ่งไปและเอาแต่ร้องห่มร้องไห้ฟูมฟายน่าเวทนา หลวงพ่อสุขจำเป็นต้องเป่ากะหม่อมขุนเดชให้หลับอย่างสงบ
ข่าวการตายของนายเดื่องและการหายตัวไปของขุนเดชลูกชายนายเดื่องเป็นที่โจษจันไปทั่วสุโขทัยว่าเป็นฝีมือโจรใจบาป จ่าแท่น (วีระชัย หัตถโกวิท) ซึ่งรักและเคารพนายเดื่องเหมือนพี่ชาย คิดว่าขุนเดชน่าจะยังมีชีวิตอยู่ จึงชวนคำปันซึ่งเป็นน้องสาวออกตามหาขุนเดช แต่ทั้งคู่ไม่พบร่องรอยขุนเดช คำปันร้องไห้เสียใจทำใจไม่ได้ว่าขุนเดชตาย ชาวบ้านที่เชื่อเรื่องผีสางพากันพูดกันว่าพระขผุงคงเอาตัวขุนเดชไปอยู่ด้วยที่เขาหลวง
10 ปีต่อมา หลวงพ่อสุขซึ่งเป็นเจ้าอาวาสอยู่ที่วัดแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ ได้เลี้ยงดูขุนเดชจนเติบโตเป็นหนุ่มหน้าตาดี มีความฉลาดเฉลียวโดยสามารถสอบเข้าเรียนเป็นนักศึกษาในคณะโบราณคดีด้วยคะแนนสูงสุด แต่ขุนเดชจำเรื่องราวเมื่อ 10 ปีก่อนไม่ได้ เพราะผลจากการตกใจกลัวจนช็อค ส่วนไม้ตะพดของนายเดื่องที่ติดตัวขุนเดชมา หลวงพ่อสุขก็เก็บรักษาเอาไว้ในกุฎิไม่เคยนำมาให้ขุนเดชเห็นเพราะเกรงว่า ถ้าขุนเดชจับไม้ตะพดนี้อีกครั้ง ความโกรธแค้น เกรี้ยวกราด ราวกับสัตว์ร้ายที่อยู่ในจิตใต้สำนึกของขุนเดชอย่างที่หลวงพ่อเจอในอดีตจะกลับมาสิงสู่ในร่างของขุนเดชอีกครั้ง แต่หลวงพ่อก็ไม่เคยรู้ว่าหลายต่อหลายคืนขุนเดชมักจะฝันร้ายเห็นภาพเศียรพระศิลา ถูกตัด ซึ่งขุนเดชก็ไม่กล้าเล่าให้หลวงพ่อฟัง เพราะกลัวว่าจะทำให้อาการอาพาธของหลวงพ่อที่ไม่ค่อยดีอยู่จะทรุดหนักขึ้น
ใกล้ๆ วัดที่ขุนเดชอาศัยอยู่เป็นโรงหล่อพระของลุงเถินที่เอ็นดูขุนเดชเพราะเป็นเด็กหนุ่มเอาการเอางานมักมาช่วยงานจ่าเถินเสมอๆ แถมขุนเดชยังช่วยติวหนังสือให้ ดารา (อคัมย์สิริ สุวรรณศุข) ลูกสาวคนสวยของจ่าเถิน ที่อยากจะสอบเข้าเรียนในคณะโบราณคดีเหมือนอย่างขุนเดช ดารามักจะค่อนขอดและงอนพ่อบ่อยๆ หาว่าพ่อรักขุนเดชเหมือนลูกชายที่เป็นอย่างนั้นเพราะจ่าเถินมักชวนขุนเดชคุยเรื่องในอดีตที่จ่าเถินเคยเป็นนักเลงเพลงดาบ ได้ฝีมือตีเหล็กตีดาบมาจากปู่ที่เป็นคนอรัญญิก จ่าเถินให้ขุนเดชดูดาบที่จ่าเถินตีตอนเป็นหนุ่มๆ มันเป็นดาบไทยที่คมกริบฟันฉับเดียวต้นกล้วยขาดเป็นสองท่อน แต่เวลานี้จ่าเถินเลิกทุกอย่างแล้วใช้วิชาความรู้มาหล่อพระแทนเพราะไม่อยากทำบาป จ่าเถินกลัวว่าถ้าตัวเองตายจะถ่ายทอดวิชาพวกนี้ให้ลูกสาวไม่ได้ จึงสอนให้ขุนเดชทั้งวิชาเชิงดาบและการตีดาบไว้เป็นความรู้ติดตัว
เวลาที่ขุนเดชไปไหนมาไหนกับดารา ใครๆ มักจะคิดว่าสองคนเป็นคนรักกัน แม้แต่ ย้ง หรือ ยงยุทธ (ศุกลวัฒน์ คณาเรศ) เพื่อนสนิทของขุนเดชที่กำลังสอบเข้าเรียนตำรวจก็คิดอย่างนั้น ขุนเดชอ่านใจของเพื่อนได้ว่าย้งเองก็แอบชอบดาราแต่ไม่กล้าแสดงออกเลยคิดจะช่วยให้ย้งมีโอกาสตามลำพังกับดารา ขุนเดชชักชวนไปเที่ยวอยุธยากันเพื่อชมโบราณสถาน แต่ดารารู้ว่าขุนเดชทำเพื่อย้งเลยน้อยใจเพราะตัวเองก็แอบชอบขุนเดชอยู่ ดาราจะนั่งรถบัสกลับกรุงเทพฯ คนเดียว แต่ระหว่างทางเจอกับประดับ (ณัฐวัฒน์ เปล่าศิริวัธน์) ลูกชายนายทหารนิสัยเกกมะเหรกเกเร เพราะมีพ่อเป็นนายทหารยศใหญ่โตจึงกร่างไม่กลัวใคร ประดับกับเพื่อนฝูงพยายามที่จะชวนดาราให้ขึ้นรถไปด้วยกัน ขุนเดชกับย้งตามมาเจอเลยมีเรื่องและเข้าตาจนถูกพวกประดับล้อมกรอบ ดีที่อาจารย์ประทีปและคณะศึกษาโบราณคดีขับรถผ่านมาพบเข้า พวกประดับจึงล่าถอยไปแต่ก็เก็บสมุดจดบันทึกของดาราได้ ทำให้ประดับรู้ว่าดาราเป็นใครและเรียนอยู่ที่ไหน
อาจารย์ประทีปอาสาพาพวกขุนเดชไปส่งกรุงเทพฯ เพราะกำลังไปที่นั่นเหมือนกัน และอาจารย์ประทีปก็สะดุดชื่อขุนเดชเป็นอย่างมาก ยิ่งได้รู้ว่าขุนเดชเป็นเด็กกำพร้า อาศัยอยู่ในวัดและเป็นนักศึกษาโบราณคดีที่มีความรู้เกี่ยวกับสุโขทัยจนหาตัวจับได้ยากก็ยิ่งสนใจ ขุนเดชกลับมาที่วัดก็ทราบข่าวร้ายว่าหลวงพ่อสุขอาพาธหนักแต่ไม่ยอมไปโรงพยาบาล เพราะคิดว่าเมื่อถึงเวลาต้องละสังขารก็ขอให้เป็นไปตามกรรม ส่วนอาจารย์ประทีปด้วยความสงสัยว่าทำไมหลวงพ่อสุขตั้งชื่อเด็กที่เอามาเลี้ยงว่าขุนเดชจึงเข้าไปมนัสการกราบหลวงพ่อ และก็จำได้ว่าหลวงพ่อสุขคือพระธุดงค์องค์เดียวกันกับที่เคยเจอที่เขาหลวงเมื่อ 10 ปีก่อน เลยยิ่งมั่นใจว่าต้องเกี่ยวข้องกับขุนเดชลูกชายนายเดื่องที่หาศพไม่พบจนทุกวันนี้ หลวงพ่อเลยเล่าให้อาจารย์ประทีปฟังถึงสาเหตุที่ต้องพาขุนเดชมาอยู่ที่วัดและเลี้ยงดูขุนเดช เพราะขุนเดชเห็นภาพพ่อตัวเองถูกฆ่าตายต่อหน้าต่อตาจึงช็อคและจำความไม่ได้ หลวงพ่อ กลัวว่าถ้าโจรพวกนั้นรู้ว่าขุนเดชยังมีชีวิตอยู่จะเป็นอันตรายจึงพาขุนเดชมากรุงเทพฯ แต่ขุนเดชยังมีจิตวิญญาณ ของคนศรีสัชนาลัย เพียงแค่ภาพโบราณสถานของสุโขทัยจากในหนังสือขุนเดชก็สามารถจดจำรายละเอียดที่มาได้หมด
หลวงพ่อสุขเอาไม้ตะพดมาให้อาจารย์ประทีปดูเพื่อยืนยันว่าเป็นขุนเดชลูกชายนายเดื่องจริงๆ หลวงพ่ออยากให้อาจารย์ประทีปรับปากว่าจะคืนไม้ตะพดอันนี้ให้ขุนเดช ก็ต่อเมื่อจิตใจของขุนเดชนิ่งสงบพอและรู้จักคำว่าอโหสิ เพราะถ้าขุนเดชยังมีจิตที่ไม่นิ่งไม้ตะพดก็จะไม่ต่างอะไรกับดาบในมือของทหารพระร่วง ประดับตามมาหาดาราถึงที่โรงหล่อพระแต่ถูกเถินกับขุนเดชไล่ตะเพิดเพราะดันมาลองดีกับเถินนักเลงเก่า ประดับเจ็บแค้นที่ถูกด่าสาดเสียเทเสียจึงใช้อิทธิพลของพ่อพาทหารบุกไปโรงหล่อพระ พยายามแจ้งข้อหาเท็จกับนายเถินว่าซ่องสุมอาวุธสงครามเพื่อเป็นประโยชน์ให้พวกกบฏ เถินปฏิเสธเสียงแข็งว่าไม่เคยเกี่ยวข้องกับอาวุธสงคราม และไม่สนใจการเมือง ประดับจึงสั่งให้พรรคพวกบุกทุบทำลายพระพุทรูปที่หล่อเสร็จแล้วต่อหน้าต่อตาดาราและนายเถินที่แทบหัวใจสลายที่เห็นพระพุทธรูปถูกทำลาย ประดับเอาปืนที่นำมายัดไว้ในองค์พระเพื่อเป็นหลักฐานเล่นงานนายเถินให้ถูกจับกุม
ขุนเดชต้องพาดาราไปพักอยู่กับย้งเพื่อความปลอดภัย ไม่ให้ถูกประดับตามมารังควาญอีก ย้งกับดารารู้สึกกลัวแววตาขุนเดชที่บอกว่าจะจัดการทุกอย่างให้ เมื่อย้งถามว่าขุนเดชคิดจะทำอะไร ขุนเดชก็ไม่ปริปากพูดสักคำ ขุนเดชไปที่โรงหล่อพระที่เหลือแต่เศษซากของพระพุทธรูปที่ถูกทำลาย เศียรพระที่ถูกทุบทำลายจนหลุดจากบ่าทำให้ภาพอดีตในวัยเด็กของขุนเดชผุดเข้ามาสร้างความเจ็บปวดให้ขุนเดชอีก แต่ขุนเดชยังไม่รู้ว่าภาพเหล่านั้นคืออะไรและเกี่ยวข้องกับตัวเองยังไง ขุนเดชรู้ว่าดาบของลุงเถิน ที่เคยใช้เมื่อวัยหนุ่มเก็บซ่อนไว้ที่ไหน ขุนเดชนำมันออกมาแล้วมุ่งหน้าไปหาประดับที่กำลังดื่มกินอยู่ในบาร์
คืนนั้นเอง อาการอาพาธของหลวงพ่อสุขกำเริบหนัก หลวงพ่อถามหาขุนเดช แต่ไม่มีใครรู้ว่าขุนเดชอยู่ที่ไหน ไม้ตะพดของขุนเดชตกลงมาจากชั้นวางนิมิตรที่หลวงพ่อเคยเห็นเมื่อ 10 ปีก่อนกลับมาอีกครั้ง เศษซากปรักหักพังของโบราณสถานถูกทำลาย เศียรพระเป็นเพียงเครื่องประดับข้างฝาบ้าน ภาพพระพุทธองค์กลายเป็นภาพประดับข้างฝาห้องน้ำของต่างชาติ หลวงพ่อสุขหายใจรวยรินพูดเป็นคำสุดท้ายก่อนมรณภาพว่า “จากนี้ไปไม่มีใครหยุดขุนเดชได้อีกแล้ว”
ขุนเดชควงดาบของลุงเถินบุกไปเล่นงานพวกประดับจนเกิดการต่อสู้โรมรันพันตู แต่ด้วยดาบเพียงเล่มเดียวขุนเดชเลยพลาดท่าถูกพวกประดับจับตัวได้ พวกมันซ้อมขุนเดชทั้งเตะทั้งอัดจนสบักสะบอม ความเจ็บปวดแสนสาหัสที่โดนทำร้าย กระตุ้นให้ภาพในอดีตของขุนเดชกลับคืนมาอีกครั้ง คราวนี้ขุนเดชเริ่มประติประต่อเรื่องราว เมื่อ10 ปีที่ผ่านมาได้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง ขุนเดชจำได้ว่าเขาคือลูกชายนายเดื่องผู้ที่สาบานจะถวายชีวิตปกป้องสมบัติของพระร่วงไม่ให้ใครย่ำยี ขุนเดชเองก็สาบานกับพ่อว่าจะถวายชีวิตเป็นทหารของพระร่วงแห่งศรีสัชนาลัย พวกประดับเห็นขุนเดชนิ่งไปก็นึกว่าหมดสภาพ แต่ขุนเดชกลับลุกขึ้นมาด้วยแววตากราดเกรี้ยวน่ากลัวราวกับมีสัตว์ร้ายเข้ามาสิงสู่ ขุนเดชคว้าดาบได้และเกือบสังหารประดับด้วยการบั่นคอ แต่ขุนเดชก็หยุดชะงักเมื่อมีกลุ่มทหารเข้ามายุติการก่อเหตุ ประดับนึกว่าคนของพ่อมาช่วยแต่เขาคิดผิด ทหารที่บุกเข้ามายุติเหตุการณ์เป็นทหารฝ่ายปฏิวัติ เพราะเวลานี้รัฐบาลทหาร (จอมพล ป.) ถูกคณะปฏิวัติ (จอมพลสฤษดิ์) เข้ายึดอำนาจ หลังการเลือกตั้งสกปรกและรัฐบาลได้รับการคัดค้านจากประชาชนอย่างหนัก
ประดับและครอบครัวหลบหนีภัยการเมืองออกนอกประเทศ ลุงเถินถูกปล่อยตัวออกจากคุกให้เป็นอิสระ ส่วนขุนเดชกลับมาไม่ทันกราบหลวงพ่อสุขที่มรณภาพในคืนนั้น ในงานศพของหลวงพ่อสุข ขุนเดชบอกอาจารย์ประทีปว่าตนเองจำความได้แล้วว่าเป็นลูกชายนายเดื่องที่หลวงพ่อช่วยชีวิตเอาไว้ เวลานี้เมื่อสิ้นบุญหลวงพ่อแล้วก็ถึงเวลาที่เขาควรจะกลับไปยังบ้านเกิดที่ศรีสัชนาลัย แต่อาจารย์ประทีปทักท้วงอยากให้ขุนเดชได้เรียนโบราณคดีต่อให้จบจะได้บรรจุเข้ารับราชการ ขุนเดชปฏิเสธด้วยเหตุผลว่าอยากจะสานต่องานที่พ่อทำ เพราะรับปากพ่อไว้ก่อนตาย อาจารย์ประทีปไม่สามารถเปลี่ยนความตั้งใจของขุนเดชจึงรับปากจะช่วยให้ขุนเดชทำงานขุดแต่งโบราณสถานที่ศรีสัชนาลับซึ่งขาดคนอยู่ ขุนเดชกราบขอบคุณ อาจารย์ประทีปและพร้อมจะเดินทางกลับบ้านเกิดทันที
อาจารย์ประทีปตามไปที่กุฏิหลวงพ่อสุข ถามหาไม้ตะพดหัวเงินที่หลวงพ่อเก็บไว้ แต่ลูกศิษย์วัดบอกว่าขุนเดชเอาไม้ตะพดไปแล้ว อาจารย์ประทีปใจคอไม่ดี เมื่อนึกถึงคำพูดของหลวงพ่อสุขที่กำชับไว้ว่า “อย่าคืนไม้ตะพดให้ขุนเดชจนกว่าจิตใจของขุนเดชนิ่งสงบพอและรู้จักคำว่าอโหสิ ถ้าขุนเดชยังทำไม่ได้ก็ไม่ต่างอะไรกับการคืนดาบให้กับทหารพระร่วง” ขุนเดชจากไปอย่างเงียบๆ แม้แต่ย้งกับดาราก็ไม่รู้ว่าขุนเดชไปไหนเพราะขุนเดชไม่ยอมบอกใครถึงอดีตของตัวเอง คงมีแต่ลุงเถินที่ได้พบขุนเดชเป็นคนสุดท้าย ขุนเดชเอาดาบลุงเถินที่ไปลับคมใหม่มาคืน เพราะวันที่สู้กับประดับ ขุนเดชใช้ดาบจนคมดาบบิ่น แต่ลุงเถินมอบให้กับขุนเดชเก็บเอาไว้เตือนสติว่า “ถึงดาบจะเป็นอาวุธที่อันตราย แต่สิ่งที่อันตรายกว่าคมดาบก็คือใจ” ขอให้ขุนเดชระลึกไว้ตลอดเวลา
10 ปีผ่านไป ศรีสัชนาลัยงดงามและมีมนต์ขลังด้วยศิลปะโบราณวัตถุอันทรงคุณค่า ขุนเดชทำงานเป็นหัวหน้าคนงานขุดแต่งโบราณสถานให้กับอาจารย์ประทีป และตั้งหน้าตั้งตาทำนุบำรุงโบราณสถานที่ตัวเองรักยิ่งชีวิต หลังจากที่ขุนเดชทำงานเสร็จจึงมาเดินเที่ยวชมวัดและเข้าไปไหว้พระอจนะที่ประดิษฐานอยู่ที่วัดศรีชุม ขณะกำลังไหว้พระเขาได้ยินเสียงเสี่ยงเซียมซี จึงหันไปตามเสียงและได้พบบัวทอง (อัษฎาพร สิริวัฒน์ธนกุล) เด็กสาวสวยวัยเพิ่งจะ 19 กำลังเขย่ากระบอกเซียมซีเสียงดังและอธิษฐานขอพรขมุบขมิบตามประสาเด็กวัยรุ่น ขุนเดชรู้สึกขำท่าทีของเด็กสาวจึงแกล้งพูดแหย่เล่นด้วยความเอ็นดู บัวทองไม่พอใจเดินหนีไป ขุนเดชเดินตาม บัวทองจึงวิ่งไปหาแม่ ขุนเดชเห็นแม่บัวทองจึงจำได้ว่าเป็นน้าคำปันที่เคยเลี้ยงดูขุนเดชตอนที่พ่อยังมีชีวิตอยู่
ขุนเดชดีใจที่ได้เจอน้าคำปันอีกครั้ง เพราะไม่ได้เจอกันตั้งแต่คราวที่พ่อถูกฆ่าตายเมื่อ 20 ปีที่แล้ว ที่ได้กลับมาที่ศรีสัชนาลัยก็ได้ข่าวว่าน้าคำปันกับจ่าแท่นพากันย้ายจากศรีสัชนาลัยไปตั้งรกรากที่อื่น น้าคำปันกอดขุนเดชด้วยน้ำตาว่าเพิ่งจะรู้เรื่องขุนเดชเมื่อไม่กี่ปีมานี่เอง เพราะตอนที่ย้ายจากศรีสัชนาลัยไปเป็นการย้ายเพราะกลัวพวกโจรที่ฆ่าพ่อขุนเดชจะย้อนมาทำร้าย ส่วนจ่าแท่นก็โดนย้ายตามเจ้านาย แต่ตอนนี้สามีของน้าคำปันเพิ่งเสียและจ่าแท่นก็เพิ่งจะได้ย้ายกลับมาที่ศรีสัชนาลัยแล้ว น้าคำปันแนะนำให้ขุนเดชรู้จักกับบัวทองลูกสาวของน้าคำปัน ขุนเดชยิ้มให้บัวทองอย่างเอ็นดูและชมว่าสวยเหมือนน้าสมัยสาวๆ แต่บัวทองกลับแลบลิ้นใส่ขุนเดชเพราะรู้สึกหมั่นไส้ที่ทำเป็นอวดเก่งอวดความรู้เรื่องโบราณสถานและทำมาเป็นสั่งสอน คำปันต้องปรามลูกสาวที่แก่นแก้วเป็นม้าดีดกะโหลก ขุนเดชไม่ติดใจอะไรบอกเด็กก็คงเป็นเด็ก บัวทองสวนขุนเดชกลับทันทีว่าปีนี้ อายุ 19 ไม่ใช่เด็กอีกแล้ว น้าคำปันอ่อนอกอ่อนใจฝากขุนเดชช่วยดูแลน้องด้วย ขุนเดชรับปากอย่างเป็นมั่นเป็นเหมาะ
ที่วัดพระพายหลวงสุโขทัย ขณะที่ขุนเดชแจกชะแลงและเครื่องมือให้คนงานอยู่ มีคนงานคนหนึ่งมีท่าทีแปลกๆ ชื่อ ไอ้เถร พ่อแม่ฝากให้ทำงานกับขุนเดชเพราะยากจน ขุนเดชจึงรับไว้เป็นคนงานขุดแต่งโบราณสถาน ไอ้เถรมีนิสัยชอบลักเล็กขโมยน้อยและชอบขโมยพระในกรุ ตกกลางคืนเถรแอบใช้ชะแลงที่ขุนเดชแจกให้ทำงานเข้าไปขุดกรุขโมยพระไปขายให้กำนันบุญ รุ่งเช้าขุนเดชเจอร่องรอยขโมยพระและเห็นรอยชะแลงที่หน้าดินซึ่งชะแลงแต่ละอันขุนเดชจะทำตำหนิไว้ทำให้ขุนเดชรู้ว่าใครเป็นคนขุด ตกดึกขุนเดชจึงลากตัวเถรและเอาชะแลงของเถรมาที่กรุพระ แล้วให้เถรนำชะแลงไปเทียบกับรอยดินว่าเป็นชะแลงอันเดียวกันรึป่าวแต่เถรขัดขืนจึงต่อสู้กัน
ขุนเดชใช้ไม้ตะพดหัวเงินตีจนเถรยอมเอาชะแลงไปเทียบกับรอยดินพบว่าเป็นรอยเดียวกัน เถรรีบปฏิเสธแล้วบอกว่าอาจมีคนขโมยชะแลงไปทำผิด ขุนเดชให้เถรเอามือล้วงไปในข้องปลาพร้อมทั้งสาบานว่าหากเอามือล้วงไปแล้วไม่เกิดอะไรขึ้นแสดงว่าไม่ได้ทำผิด ในข้องนั้นขุนเดชแอบเอางูเห่าใส่ไว้พอเถรล้วงลงไปจึงโดนงูกัด แต่เถรแสร้งทำเป็นไม่มีอะไรเกิดขึ้นขุนเดชจึงปล่อยไป ระหว่างทางพิษงูออกฤทธิ์เถรจึงเสียชีวิตเพราะพิษงู รุ่งเช้าที่ร้านกาแฟประจำหมู่บ้านของคู่ผัวเมียนายฮวดกับสาลี่ พวกชาวบ้านโจษจันถึงเรื่องการตายของไอ้เถร นายฮวดถามจ่าแท่น ลูกค้าประจำที่ชอบมาฟังชาวบ้านคุยกันว่าคิดยังไงกับการตายของไอ้เถรซึ่งขุนเดชนั่งฟังอยู่ จ่าแท่นบอกเพียงว่าเถรถูกงูเห่ากัดตาย ขุนเดชบอกสมควรแล้วก่อนจ่ายเงินค่ากาแฟแล้วจะไปทำงาน แต่จ่าแท่นรีบยืนทำความเคารพเจ้านายใหม่ที่เพิ่งย้ายมาประจำที่โรงพักศรีสัชนาลัย จ่าแท่นแนะนำร.ต.ท.ยงยุทธ หรือหมวดยงยุทธให้ทุกคนได้รู้จัก ขุนเดชกับหมวดยงยุทธพบหน้ากันก็จำได้ดีว่าเป็นเพื่อนเก่าเพื่อนแก่กันนั่นเอง
วันคืนเก่าๆ ของหมวดยงยุทธกับขุนเดชกลายเป็นเรื่องคุยกันที่บ้านพักของหมวดยงยุทธ ขุนเดชถามหมวดถึงดาราเพราะไม่ได้ข่าวเลยตั้งแต่ย้ายมาอยู่ที่ศรีสัชนาลัย ผู้หมวดหนักใจที่จะพูดถึงดารา บอกเพียงว่าดาราเป็นอาจารย์อยู่ที่คณะโบราณคดีอย่างที่ฝันไว้ และก็ไม่ได้เจอกันนานแล้วเพราะต้องย้ายไปทำงานหลายจังหวัด ยงยุทธชวนขุนเดชคุยเรื่องการตายของไอ้เถร เพราะสงสัยว่าไม่น่าจะเกิดจากงูกัดเสียชีวิตอย่างเดียว เนื่องจากตอนไปชันสูตรศพเห็นรอยการถูกตีด้วยของแข็งตามร่างกาย แต่ไม่รู้ว่าของแข็งนั้นคืออะไร จ่าแทนสงสัยถามย้อนว่าหมวดคิดว่านี่เป็นคดีฆาตกรรม หมวดยงยุทธค่อนข้างแน่ใจ แต่จ่าแท่นไม่คล้อยตามข้อสันนิษฐาน คิดว่าในศรีสัชนาลัยไม่มีฆาตกร เพราะชื่อศรีสัชนาลัยหมายความว่าเป็นเมืองของคนดี ขุนเดชได้แต่ฟัง เงียบๆ และมองหมวดยงยุทธเพื่อนเก่าด้วยรอยยิ้มที่ซ่อนความลับไว้
ต่อมาไม่นานมีคณะอาจารย์และนิสิตนักศึกษาจากกรุงเทพฯ มาเรียนรู้และดูงานเกี่ยวกับเรื่องโบราณสถาน อาจารย์ประทีปแนะนำให้ขุนเดชรู้จักอาจารย์ดารา เมื่อทั้งคู่ได้พบกันขุนเดชจึงนึกได้ว่าท่าทีอ้ำๆ อึ้งๆ ของหมวดยงยุทธ มีความหมายแท้จริงก็คือทุกวันนี้หมวดยงยุทธยังตามจีบดาราอยู่ เพราะเป็นผู้ชายตรงๆ จีบผู้หญิงไม่เป็น ทำให้ตลอด 10 ปีที่ผ่านมายังไม่สามารถเอาชนะใจดาราได้ เมื่อสบโอกาสรู้ว่าอาจารย์ดาราจะมาปักหลักทำงานที่ศรีสัชนาลัยจึงทำเรื่องขอย้ายตามมาเพื่อจะได้อยู่ใกล้ๆ นั่นเอง ขุนเดชถามอาจารย์ดาราถึงลุงเถิน ดาราบอกพ่อเสียไปเมื่อ 3 ปีก่อน ขุนเดชเสียใจที่ไม่ได้ไปเคารพศพ ดาราจึงชวนขุนเดชไปทำบุญทำสังฆทานให้พ่อ แต่ระหว่างที่ทำบุญที่วัด อาจารย์ดาราเจอบัวทอง ดาราสังเกตเห็นท่าทีบัวทองที่สนิทสนมกับขุนเดชก็เดาออกว่าขุนเดชกับบัวทองน่าจะมีใจให้กัน และทำใจยอมรับว่าขุนเดชไม่เคยมองเธอในฐานะคนรักเลยสักครั้ง อาจารย์ดาราจึงยับยั้งชั่งใจและเริ่มเปิดใจให้กับหมวดยงยุทธ
ระหว่างนั้นกำนันบุญและลูกชายชื่อ สัมฤทธิ์ (พิชยดนย์ พึ่งพันธ์) ซึ่งมีนิสัยไม่ต่างจากพ่อทั้งขี้โกง เจ้าชู้และชอบเก็บสะสมวัตถุโบราณโดยเฉพาะพระเครื่อง พระผงที่อยู่ในกรุเจดีย์ สองพ่อลูกคิดแผนชั่วจะขโมยวัตถุโบราณและตัดเศียรพระ แต่หาคนฝีมือดีไม่ได้เพราะลูกน้องที่ใช้ไปก็ถูกขุนเดชจัดการเกือบหมด จึงนึกถึงนายเปรื่อง อยุธยา หรือฉายา เปรื่อง เสียงแปล่ง โจรมืออาชีพลักลอบขุดเจาะขโมยพระทำมาทั่วทุกสารทิศ เปรื่องเข้ามาหาข้อมูลเกี่ยวกับพระองค์ใหญ่ที่ร้านกาแฟนายฮวด ขุนเดชสงสัยในตัวเปรื่องจึงแอบตามไปพบเปรื่องกำลังขโมยตัดเศียรพระองค์ใหญ่ ขุนเดชจึงเข้าไปจัดการ ทั้งคู่ต่อสู้กัน เปรื่องล้มไปใส่องค์พระ เศียรพระที่เปรื่องเจาะไว้จึงตกลงมาทับร่างเปรื่องเสียชีวิต
แต่กระนั้นโจรชั่วหนักแผ่นดินก็ยังไม่หมดไป ยังมีสองพ่อลูก ผู้ใหญ่น่วมกับลูกชายชื่อน้ำ ที่มีนิสัยนักเลงอันธพาล คบโจร โกงการพนัน ฉุดผู้หญิง ชอบขโมยขุดพระขุดเจดีย์ รู้มาว่าเจดีย์บนเขามีสมบัติและกรุพระเก่าอยู่ จึงขึ้นเขาไประเบิดเจดีย์เพื่อขโมยพระในกรุ แต่ก็ถูกขุนเดชตามฆ่าใช้ไม้ตะพดที่ทำขึ้นมาเลียนแบบเหมือนของพ่อ แต่ถูกดัดแปลงซ่อนดาบของลุงเถินไว้ข้างใน เพื่อใช้ต่อสู้กับพวกคนเลวทั้งสองคน แล้วขุนเดชก็ใช้เชือกรัดคอน้ำโหนกับต้นไม้ตายแล้วนำศพมาประจาน
เหตุการณ์ของโจรขโมยพระถูกฆ่าตายหลายคน ทำให้หมวดยงยุทธสงสัยและเริ่มสืบหาฝีมือของฆาตกรรายนี้ แต่หมวดยงยุทธก็จนปัญญา จนเมื่อผลการพิสูจน์หลักฐานแน่ชัดว่าของแข็งที่ใช้ทำร้ายพวกคนร้ายมีลักษณะตรงกับไม้ตะพดของขุนเดช หมวดยงยุทธจึงมั่นใจว่าเป็นฝีมือของขุนเดชซึ่งตั้งศาลเตี้ยลงทัณฑ์พวกโจรใจบาป โดยไม่สนใจกฎหมายทำให้หมวดยงยุทธไม่พอใจและคอยจับผิด หมวดยงยุทธพูดให้จ่าแท่นเชื่อในสิ่งที่เกิดขึ้นว่าเป็นฝีมือขุนเดชและกล่าวว่าขุนเดชเป็นวีรบุรุษบาป ให้จ่าแท่นช่วยหาหลักฐานมัดตัวขุนเดชแม้ว่าขุนเดชจะเป็นเพื่อนเก่าแก่ แต่กฎหมายก็ต้องศักดิ์สิทธิ์เมื่ออยู่ในมือผู้พิทักษ์สันติราษฎร์
หลังจากกำนันบุญทำงานไม่สำเร็จ ไม่มีสมบัติโบราณส่งไปให้ตามใบสั่งจากกรุงเทพฯ เพราะถูกขัดขวางจากขุนเดช ทำให้ท่านรัฐมนตรีปราชญ์ผู้ชื่นชอบในวัตถุโบราณ และเป็นผู้อยู่เบื้องหลังใบสั่งที่ส่งไปให้กำนันบุญจัดหามาให้เริ่มไม่พอใจ แต่ด้วยความที่เป็นถึงรัฐมนตรีจึงไม่สามารถออกหน้าได้ รัฐมนตรีปราชญ์จึงเรียกประดับ ทนายความและเลขาประจำตัวมาจัดการทุกอย่างให้ได้ตามประสงค์ เมื่อ 10 ปีที่แล้วหลังจากที่ประดับหนีภัยการเมืองไปอยู่เมืองนอก ประดับเรียนจบกฎหมายกลับมาทำงานเป็นทนายและเลขาส่วนตัวให้ท่านรัฐมนตรี เพราะมีจุดประสงค์ที่จะก้าวขึ้นสู่อำนาจอีกครั้ง หลังจากที่พ่อต้องตายอยู่ที่เมืองนอก ประดับจึงยอมให้ท่านรัฐมนตรีโขกสับ โดยในระหว่างนั้นก็วางแผนตีสนิทกับปารมี (ขวัญกวินท์ ธำรงรัฐเศรษฐ์) ลูกสาวคนสวยวัยเพียง 16 ของท่านรัฐมนตรีเพื่อใช้เป็นสะพานให้ตัวเองยกฐานะเป็นลูกเขย ซึ่งแผนการของประดับก็ดูสดใส เพราะปารมีเป็นเด็กแก่แดด ชอบช้อบปิ้ง และชอบหนุ่มหล่อ ซึ่งประดับก็เรียกความสนใจได้ไม่น้อยทีเดียว แต่ประดับต้องทำอย่างลับๆไม่ให้ท่านรัฐมนตรีรู้
ท่านรัฐมนตรีมีใบสั่งให้ประดับไปจัดการหามาให้ได้ ประดับรู้จักแจ็ค ฝรั่งพูดไทยคล่อง พ่อค้าวัตถุโบราณที่กรุงเทพฯ เดินทางมาขโมยวัตถุโบราณด้วยตนเอง โดยให้กำนันบุญคอยช่วยเหลือ แจ๊คระเบิดเจดีย์แล้วใช้รถพังวัตถุโบราณต่างๆ เป็นหน้ากอง โดยไม่กลัวความผิด เพราะถือว่ามีเส้นใหญ่เป็นถึงรัฐมนตรี ขุนเดชรู้เรื่องจึงไปจัดการฆ่าโดยการแขวนคอแจ๊คหน้าเจดีย์ การตายของแจ็คทำให้ประดับโดนท่านรัฐมนตรีเรียกไปด่า ประดับต้องอาศัยอำนาจท่านรัฐมนตรีกดดันตำรวจในพื้นที่ให้เร่งมือจัดการตามล่าตัวฆาตกรที่ลอยนวลอยู่นั่นเอง ที่ทำให้ประดับได้เจอกับหมวดยงยุทธ ดารา และขุนเดช ประดับแสดงท่าทางเจ้าชู้กับดาราเหมือนเมื่อก่อน แต่คราวนี้ประดับโดนหมวดยงยุทธขู่จะเล่นงานถ้ามายุ่งกับดาราอีก
ประดับเลยขู่กลับว่าจะอยู่ในหน้าที่ตำรวจอีกไม่นาน เมื่อไหร่ที่เขามีอำนาจทั้งสามต้องโดนแก้แค้นชนิดหาแผ่นดินยืนไม่มี แต่ประดับก็ต้องรีบกลับกรุงเทพฯ เพราะท่านรัฐมนตรีเรียกกลับด่วน ซึ่งเรื่องด่วนนั่นก็คือท่านรัฐมนตรีจับได้ว่าประดับกับปารมีแอบลักลอบมีความสัมพันธ์กันจนปารมีตั้งท้อง ประดับโดนท่านรัฐมนตรีเรียกคนมาซ้อมเพราะไม่พอใจ แต่ท่านรัฐมนตรีก็ไม่กล้าเอาเรื่องประดับถึงโรงพักฐานพรากผู้เยาว์ เพราะกลัวเป็นข่าวฉาวโฉ่ ปารมีก็มาอ้อนวอนพ่อขอร้องให้ไว้ชีวิตประดับ เพราะรักกันจริงๆ และให้เห็นแก่ลูกในท้อง ท่านรัฐมนตรีทำอะไรไม่ได้จำเป็นต้องเลื่อนฐานะประดับให้ขึ้นมาเป็นลูกเขยซึ่งก็สมใจประดับทันที
กำนันบุญเริ่มหงุดหงิดหัวเสียไม่รู้จะไปพึ่งใครให้ทำงานให้ ทำให้รู้สึกขวางหูขวางตาลงไม้ลงมือกับทุกคนไปหมด ไม่เว้นแม้แต่ รำพัน (ปริษา ทนาวิวัฒน์) เมียใหม่ของกำนันและเป็นแม่เลี้ยงของสัมฤทธิ์ก็โดนกำนันตบตีระบายอารมณ์ เพียงเพราะรำพันปล่อยให้ทิพย์ลูกสาววัย 12 ปี ที่เกิดกับกำนันบุญซึ่งเป็นปัญญาอ่อนชอบฟ้อนรำรบกวนอารมณ์กำนัน จนกำนันคิดจะส่งทิพย์ให้ไปอยู่โรงพยาบาลบ้า แต่รำพันก็อ้อนวอนขอเลี้ยงไว้เพราะยังไงก็ลูก
กำนันบุญนึกถึงเสือแชนลูกน้องเก่าซึ่งเมื่อ 20 ปีที่แล้วเป็นผู้ลงมือฆ่าพ่อของขุนเดชให้กลับมาช่วยงานขโมยพระ เสือแชนไม่ชอบสะสมวัตถุโบราณ แต่ชอบสะสมอาวุธโบราณ เช่น มีด หอก ดาบ เมื่อตำรวจสืบทราบจึงส่งสายตำรวจชื่อนายเหลืองไปตีสนิทโดยเอาดาบโบราณให้เสือแชนเพื่อสร้างความไว้วางใจ เหลืองบอกเสือแชนว่ายังมีอีกเยอะเพราะรู้แหล่งที่ฝั่งสมบัติอยู่ในถ้ำบนเขา เสือแชนหลงกลเชื่อจึงตามเหลืองขึ้นไปในถ้ำ เมื่อสบโอกาส เหลืองผลักเสือแชนตกลงไปก้นถ้ำแล้วออกมาตามหมวดยงยุทธกับจ่าแท่นซึ่งรออยู่ด้านนอกเพื่อรอจับ แต่ระหว่างนั้นขุนเดชซึ่งซ่อนตัวอยู่ในถ้ำได้โอกาสล้างแค้นให้พ่อ โดยปล่อยงูจงอางกัดเสือแชนแล้วใช้คมดาบฟันคอเสือแชนหลุดจากบ่า ตำรวจเข้ามาเจอแต่สภาพศพของเสือแชนที่ถูกฆ่าตายอย่างทารุณ สร้างความสงสัยให้หมวดยงยุทธว่าต้องเป็นฝีมือของขุนเดชแน่ๆ
การตายของเสือแชนทำให้กำนันบุญแค้นใจมากสั่งคนไปลอบยิงขุนเดชขณะกำลังตกแต่งเจดีย์พุ่มข้าวบิณฑ์ ขุนเดชร่วงลงจากยอดเจดีย์แต่รอดตายเพราะตกลงมาในดงต้นพุทธรักษา ในขณะที่ขุนเดชถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล หมวดยงยุทธกับจ่าแท่นก็มาตรวจที่เกิดเหตุ จ่าแท่นเจอไม้ตะพดของขุนเดชตกอยู่จึงหยิบขึ้นมาดูพอขยับออกมาพบว่าข้างในถูกดัดแปลงเป็นดาบ จ่าแท่นตกใจมากหรือว่าที่หมวดยงยุทธสงสัยจะเป็นเรื่องจริง แต่พอหมวดยงยุทธเดินมา จ่าแท่นรีบเก็บดาบเข้าฝักแล้วทำเป็นไม่มีอะไรเกิดขึ้น จ่าแท่นรีบตามไปที่โรงพยาบาลแล้วฝากไม้ตะพดให้บัวทองเอาไปคืนขุนเดชโดยที่ยังเก็บเอาความสงสัยไว้กับตัว
ด้านกำนันบุญพอรู้ว่าขุนเดชยังไม่ตายก็ปรึกษากับวงศ์เจ้าของบ่อนพนันที่คอยสนับสนุนและทำงานให้กำนันบุญมาโดยตลอด โดยสั่งให้วงศ์รวบรวมลูกน้องไปก่อกวนสถานที่ต่างๆ จนสร้างความโกลาหล โดยเฉพาะกับกลุ่มนักศึกษาชายและหญิงของอาจารย์ดาราที่โดนพวกนักเลงบ่อนของวงศ์คุกคามความปลอดภัย บุกเข้าไปทำอนาจารนักศึกษาสาวๆ เมื่ออาจารย์ดาราจะเอาเรื่อง วงศ์ก็ใช้อิทธิพลของกำนันบุญเอาตัวรอดจากคุกจากตะรางได้ ทำให้อาจารย์ดาราไม่พอใจหมวดยงยุทธที่ปล่อยให้พวกนอกกฏหมายทำตามอำเภอใจ หมวดเองถูกผู้ใหญ่กดดันเรื่องฆาตกรฆ่าโจรก็หลุดปากสวนกลับเพราะไม่พอใจที่ถูกต่อว่า และคิดว่าดาราเห็นด้วยกับการกระทำของวีรบุรุษบาปที่พวกชาวบ้านยกย่องเชิดชู แต่สิ่งที่มันทำก็ไม่ต่างจากอาชญากรคนหนึ่ง !!
วงศ์ย่ามใจทำเรื่องผิดกฎหมายโดยไม่เกรงกลัวเพราะถือว่ามีกำนันบุญและรัฐมนตรีหนุนหลังกำนันบุญช่วยอยู่ และเมื่อรู้ว่ามีสมบัติอยู่บนเขาจึงชวนนางหวาดผู้เป็นเมียขึ้นไปขุดสมบัติ วงศ์ขุดเจอดาบทองคำ ส่วนหวาดเจอกำไลทองจึงดีใจมาก พอรุ่งเช้าวงศ์ถูกผีเข้าสิงเอาดาบทองคำไล่ฟันเมีย หวาดจึงต่อสู้แล้วใช้มีดฟันวงศ์จนตาย ส่วนตนเองพอฆ่าผัวตายจึงเป็นบ้า เอาดาบและกำไลทองคำหนีเข้าป่าหายสาบสูบไป
สำหรับนายสัมฤทธิ์ลูกชายกำนันบุญ ซึ่งเคยเจอบัวทองในงานวัด จึงถูกตาต้องใจในความสวยของบัวทอง สัมฤทธิ์ตามจีบและเอาของมีค่ามาให้บัวทองเพื่อหวังจะชนะใจ แต่บัวทองไม่เล่นด้วยแถมยังเกลียดเข้าไส้ สัมฤทธิ์จึงทำทุกวิถีทางเพื่อให้บัวทองมาเป็นเมียแต่ไม่สำเร็จ จึงคิดแผนชั่วให้ลูกน้องและจำเริญคนงานเก่าของขุนเดชมาฉุดบัวทองไปที่กระท่อมร้าง บัวทองเกือบตกเป็นของสัมฤทธิ์ ดีที่นางหวาดโผล่มาอาละวาดเอาดาบไล่ฟันสัมฤทธิ์ บัวทองจึงหนีไปได้ สัมฤทธิ์โกรธมากยิงนางหวาดตาย พอตำรวจรู้เรื่องจาก หมอน้อย (ตฤณ เศรษฐโชค) หมอประจำหมู่บ้านที่เป็นที่เคารพของทุกคน
ซึ่งเห็นเหตุการณ์บัวทองถูกฉุดและมาแจ้งความให้ตำรวจไปช่วยบัวทอง จ่าแท่นจึงนำกำลังมาช่วยหลาน จำเริญซึ่งคอยดูต้นทางได้ยินลูกน้องสัมฤทธิ์คุยกันว่า บัวทองเป็นแฟนขุนเดชก็ตกใจมาก เพราะไม่เคยรู้มาก่อนว่าบัวทองเป็นแฟนขุนเดช หัวหน้าเก่า สาเหตุที่จำเริญยอมทำชั่วช่วยสัมฤทธิ์เพราะอยากได้เงินไปให้แม่ที่กำลังป่วยและบวชทดแทนบุญคุณให้แม่ แต่พอรู้ว่าบัวทองเป็นแฟนขุนเดช จำเริญกลัวจึงหนีไป ส่วนสัมฤทธิ์เกือบโดนตำรวจจับ แต่ได้เจอเสือเพิกเพื่อนเก่ากำนันบุญมาช่วยไว้ แล้วพาไปอยู่ที่ซุ้มโจรด้วยกันช่วยกันออกปล้นฆ่าชาวบ้าน แต่สัมฤทธิ์คิดชั่วอยากได้ลูกน้องของ เสือเพิกมาเป็นของตัวเองจึงหักหลังฆ่าเสือเพิกแล้วตั้งตัวเป็นหัวหน้าโจรเอง
หลังจากที่จำเริญกับพวกคนอื่นๆ หนีตำรวจมาได้ก็ถูกขุนเดชไล่ล่าฆ่าตายทีละคน เหลือแต่จำเริญที่หนีมาบวชเพื่อทดแทนคุณแม่เพราะกลับตัวกลับใจสำนึกผิด หวังว่าการบวชครั้งนี้นอกจากทดแทนบุญคุญแม่แล้วยังจะช่วยลบล้างความผิดที่ทำมา ขุนเดชตามมางานบวชจำเริญโดยมีหมวดยงยุทธกับจ่าแท่นแอบตามมาดูขุนเดชว่าจะฆ่าจำเริญหรือไม่ แต่เมื่อขุนเดชเจอจำเริญในผ้าเหลืองจึงอโหสิกรรมทุกอย่าง จ่าแท่นจึงรู้สึกโล่งใจที่ขุนเดชไม่ทำอะไรวู่ว่ามลงไป
คำว่าอโหสิกรรมที่ขุนเดชกล่าวต่อหน้าพระจำเริญทำให้ขุนเดชคิดได้ และการดูแลเอาใจใส่ของบัวทองระหว่างที่ขุนเดชพักรักษาตัวตอนถูกยิง ก็ทำให้หัวใจขุนเดชที่เคยตั้งใจไว้ว่าจะไม่มีความรักให้ใครก็เริ่มอ่อนลง เมื่อรู้ข่าวเรื่องโจรขโมยพระ ขุนเดชก็พยายามถอยและไม่ลงมือเอง แต่ส่งเบาะแสให้ตำรวจจัดการ จนกระทั่งมีชายเชื้อสายจีนไว้ผมเปียยาวขายของเด็กเล่นอาศัยอยู่บนเรือชาวบ้านเรียกเค้าว่า จีนเปีย เข้ามาในศรีสัชนาลัย ขุนเดชสงสัยในท่าทีมีพิรุธ จึงสืบจนรู้ว่าเป็นพวกขโมยพระแล้วนำพระมาซ่อนบนเรือ ขุนเดชจึงให้เบาะแสกับตำรวจ จนตำรวจสามารถจับจีนเปียไว้ได้ จีนเปียวางแผนแหกคุกโดยโกหกว่าหิวน้ำ พอตำรวจเผลอจึงเอามีดเล็กที่ซ่อนอยู่ที่ผมเปียปาดคอตำรวจตายแล้วหลบหนีไป ตำรวจพยายามไล่ล่าจีนเปีย แต่จีนเปียก็หนีไปได้ ขุนเดชจึงต้องออกโรงจัดการฆ่าจีนเปียแล้วนำศพมาส่งให้ที่สถานีตำรวจ
หลังจากที่สัมฤทธิ์เป็นหัวหน้าโจรปล้นฆ่าชาวบ้าน จนถูกทางการกดดันตามล่าตัว สัมฤทธิ์จึงหนีกลับมากบดานที่บ้านกำนันบุญที่ใช้อิทธิพลของตัวเองซ่อนลูกชายไว้ ทางฟากรัฐมนตรีปราชญ์ที่พยายามปกปิดเรื่องลูกสาวท้องโตในวัยเรียนมาตลอดเรื่องก็กลับมาอื้อฉาว เพราะประดับทะเลาะกับปารมีอย่างรุนแรงเรื่องที่เขาคิดใช้เธอเป็นเครื่องมือเข้ามาเป็นลูกเขยรัฐมนตรีเท่านั้น ปารมีน้อยใจขับรถไปชนแม่ค้าข้างถนนตายกลายเป็นข่าวครึกโครม ชื่อเสียงรัฐมนตรีปราชญ์เสียหายหนัก จนมีข่าวแว่วมาว่ามีสิทธิ์ถูกถอดถอน ประดับกลัวว่าตัวเองจะเสียโอกาสถ้าไม่มีพ่อตาเป็นรัฐมนตรี จึงอาสาจะทำทุกอย่างไม่ให้รัฐมนตรีปราชญ์หลุดจากเก้าอี้ รัฐมนตรีรู้มาว่าถ้าสามารถหาเครื่องชามสังคโลกโบราณที่ยังอยู่ในสภาพสมบูรณ์มาเป็นสินบนให้ผู้ใหญ่ในพรรค เก้าอี้ของตัวเองก็จะไม่หลุด เพราะเครื่องชามสังคโลกที่ยังสมบูรณ์และงดงามไร้ที่ติไม่ใช่ของหาง่าย เท่าที่มีอยู่ก็มีแต่ในพิพิธภัณฑ์แห่งชาติเท่านั้น ประดับอาสาจะจัดการเรื่องนี้ เพราะก่อนหน้านี้ได้ข่าวจากกำนันบุญว่ามีการค้นพบเครื่องชามสังคโลกในสภาพสมบูรณ์ที่ศรีสัชนาลัย
ประดับเดินทางมาหากำนันบุญ ซึ่งยืนยันเรื่องเครื่องชามสังคโลกว่ามีการค้นพบจริงๆ โดยรู้มาจากลูกน้องที่เคยแอบเข้าไปลักขุดขโมยของโบราณในที่ดินหมอน้อย และรู้ว่าหมอน้อยมีเครื่องชามสังคโลกโบราณอยู่ กำนันบุญจึงไปทาบทามขอซื้อแต่ถูกหมอปฏิเสธ หมอน้อยได้บริจาคที่ดินรวมถึงเครื่องชามสังคโลกให้ทางการหมดแล้วเพื่อเป็นประโยชน์แก่แผ่นดิน กำนันบุญโกรธมากให้สัมฤทธิ์พาลูกน้องปล้นบ้านหมอน้อย
สัมฤทธิ์ฆ่าหมอน้อย เมียและลูก รวมถึง นายชื่น คนงานเฝ้าไร่ตายทั้งบ้าน โชคดี ที่นายชื่นแค่บาดเจ็บ จึงมาบอกเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าพวกสัมฤทธิ์ฆ่าหมอน้อยและครอบครัว หมวดยงยุทธบุกไปจับสัมฤทธิ์ที่บ้านกำนันบุญ เพราะรำพันแอบส่งข่าวให้ตำรวจรู้ว่าสัมฤทธิ์กบดานอยู่ที่บ้าน สัมฤทธิ์รอดไปได้ โดยพ่อส่งไปกบดานกับ นายซ้อน ลูกน้องเก่าที่ทำไร่อยู่เขาพนมเพลิง ส่วนรำพันถูกกำนันบุญตบตีทำร้ายจะเอาถึงตาย ทิพย์ร้องไห้กระจองอแง เข้าไปกอดไม่ให้พ่อทำร้ายแม่ กำนันโกรธลูกสาวปัญญาอ่อนและทนรำคาญไม่ไหว เลยจับตัวจะไปส่งโรงพยาบาลบ้า แต่ระหว่างนั้น ทิพย์สะบัดตัวหนี กำนันบุญพลาดตกบันไดลงมาหมดสติ
ในระหว่างที่หมดสติ กำนันบุญฝันเห็นภาพในอดีตของตัวเองที่เคยลักตัดเศียรพระ และเจองูเห่านับสิบตัวเลื้อยปกป้ององค์พระ พวกลูกน้องพากันกลัวว่าเป็นงูเจ้าไม่ควรไปยุ่งหรือทำร้ายไม่อย่างนั้นบาปจะติดตัว แต่กำนันไม่เกรงกลัวเอาถังน้ำมันราดแล้วจุดไฟเผาฆ่างูเจ้าตายเกลี้ยง หลังจากนั้นไม่นานรำพันก็คลอดทิพย์ที่ตอนเกิดมีเกล็ดตามตัวเหมือนเกล็ดงู และเมื่อโตขึ้นทิพย์ก็มีอาการปัญญาอ่อนไม่สมประกอบ เมื่อกำนันฟื้นขึ้นก็พบว่ารำพันพาทิพย์หนีไปแล้ว ส่วนตัวเขาลุกไม่ขึ้น เพราะแข้งขาไม่มีเรี่ยวมีแรงจะขยับไปไหนก็ต้องใช้วิธีเลื้อยเอาคล้ายงูที่ต้องเลื้อยไปมา หมอบอกว่าที่กำนันบุญเป็นอย่างนี้มาจากการตกบันไดทำให้เส้นประสาทที่ขาเสียหาย
กำนันบุญกังวลและคิดถึงบาปกรรมที่เคยทำไว้ในอดีต ประดับมาหากำนันบุญเพื่อขอเอาชามสังคโลกที่ได้มาจากหมอน้อย กำนันบุญยื่นข้อเสนอเพิ่มเติมนอกจากเงิน ขอให้ท่านรัฐมนตรีช่วยลูกชายให้พ้นคดี และหาหมอเก่งๆ มารักษาให้กลับมาเดินได้อีกครั้ง เพราะกลัวว่าถ้าขุนเดชรู้ว่าตัวเขาพิการ มันต้องมาแก้แค้นที่เคยไปฆ่าพ่อมันแน่ๆ ประดับเลยได้รู้ว่าขุนเดชศัตรูในอดีตที่เคยฝากความแค้นกันไว้ ตอนนี้มันตามรังควาญเขาไม่หยุด ประดับคิดแผนบางอย่างจัดการกับขุนเดชเพื่อสางความแค้น เลยทำเป็นรับปากกำนันบุญว่าจะจัดการตามที่ต้องการทุกอย่าง แต่พอลงจากเรือนกำนันบุญได้ไม่นาน ประดับก็สั่งลูกน้องให้เผาบ้านกำนันบุญ ทรัพย์สมบัติของกำนันบุญก็สั่งให้คนขนออกมาจนเกลี้ยง ลูกน้องคนไหนไม่ยอมแปรพักต์ก็จัดการฆ่าตายให้หมด แล้วใช้เลือดเขียนบนผนังเรือนว่านี่คือการแก้แค้นของขุนเดช
การตายของหมอน้อยพร้อมครอบครัว สร้างความเสียใจให้ทุกคนในศรีสัชนาลัยที่ต้องสิ้นคนดี ขุนเดชรักและเคารพหมอน้อยเหมือนญาติผู้ใหญ่ จึงโกรธแค้นอย่างมากและคิดแก้แค้นให้หมอน้อย นายซ้อนซึ่งให้ที่พักสัมฤทธิ์แอบมาพบขุนเดชเพื่อส่งข่าวเรื่องสัมฤทธิ์ ถึงนายซ้อนจะเคยเป็นลูกน้องกำนันบุญ แต่ตอนนี้ก็กลับตัวแล้ว จึงขอให้ขุนเดชไปจัดการสัมฤทธิ์ที่เขาพนมเพลิง ขุนเดชตามไปฆ่าโดยขุดหลุมพราง ให้สัมฤทธิ์ตกไปในหลุมแล้วใช้น้ำมันราดเผาสัมฤทธิ์ทั้งเป็น และยืนดูมันตายอย่างทรมานให้สาสมกับความผิดที่เคยทำ หมวดยงยุทธตามมาพบขุนเดชฆ่านายสัมฤทธิ์ซึ่งเป็นหลักฐานคาตา ยงยุทธขอให้ขุนเดชมอบตัว เพราะตอนนี้ขุนเดชกลายเป็นอาชญากรที่ตำรวจต้องการ หลังจากไปปล้นเผาบ้านกำนันบุญ ขุนเดชปฏิเสธไม่ได้เป็นคนปล้นบ้านกำนันบุญ หมวดยงยุทธและจ่าแท่นเชื่อว่าขุนเดชไม่ได้ทำและโดนใส่ร้าย จึงขอร้องให้ขุนเดชมอบตัว เพื่อพิสูจน์ความจริงกับศาล แต่ขุนเดชไม่ยอมมอบตัวและเข้าต่อสู้กับหมวดยงยุทธจนหนีไปได้
ที่จริงแล้วกำนันบุญยังไม่ตายแต่ถูกประดับจับตัวไว้เพื่อเรียกให้ขุนเดชมาจัดการ โดย ประดับซ้อนแผนให้ตำรวจมาพบตอนที่ขุนเดชฆ่ากำนันบุญ ประดับส่งข่าวกำนันบุญให้ขุนเดชรู้ผ่านทางดารา ว่ากำนันบุญอยู่ที่ถ้ำ พระศิลาบนเขาหลวง ที่ๆ พ่อขุนเดชถูกฆ่าตาย อาจารย์ดาราเตือนขุนเดชไม่ให้ไป ตกหลุมพรางของประดับ และอาจารย์ประทีปก็เอาคำพูดของหลวงพ่อสุขที่เคยเตือนเอาไว้พูดให้ขุนเดชรู้ แต่ขุนเดชยืนยันว่าเขาเกิดมาเพื่อปกป้องสมบัติของชาติ เขาคือทหารของพระร่วง ขุนเดชเดินทางไปที่ถ้ำศิลาและได้พบกำนันบุญในสภาพนั่งรถเข็นน่าเวทนา กำนันบุญขอร้องให้ไว้ชีวิตอ้างว่าตอนนี้ ตัวเองไม่เหลืออะไรอีกแล้ว ได้รับกรรมที่เคยทำไว้แล้วอยากให้ขุนเดชอโหสิให้
ขุนเดชลังเลใจนึกถึงคำพูดของหลวงพ่อสุข ที่อาจารย์ประทีปบอกไว้และคำสัญญากับบัวทองว่าจะใช้ชีวิตด้วยกันอย่างสงบ ขุนเดชคิดจะอโหสิให้กำนันบุญ แต่กลับถูกกำนันยิงเข้ากลางอกด้วยปืนที่ซุกไว้ในรถเข็น ขุนเดชทรุดฮวบหายใจรวยรินเจ็บใจที่โดนกำนันหลอก ประดับโผล่เข้ามาหัวเราะสะใจที่ขุนเดชโดนเล่นงาน กำนันอ้างว่าประดับสั่งให้ทำ ประดับเข้ามาจิกหัวขุนเดช สมเพชเวทนา อยากเห็นขุนเดชตายต่อหน้าต่อตา เพราะถ้าขืนปล่อยให้ตำรวจได้ตัวไป วันนึงขุนเดชก็ต้องพ้นโทษออกมาอีก ประดับทิ้งขุนเดชไว้ในถ้ำกับกำนันบุญ ขุนเดชเกือบจะตายอยู่ แล้วแต่ด้วยคำพูดของพ่อที่พูดถึงพระขพุงผี ผีเทวดาที่ยิ่งใหญ่กว่าเทวดาใดๆ บนเขาหลวง ขุนเดชก็ฮึดลุกขึ้นมา กำนันบุญจะยิงขุนเดชซ้ำ แต่ขุนเดชก็ฟันฉับเข้าที่คอ กำนันบุญคอขาดกระเด็นสาสมกับกรรมที่ทำไว้
หมวดยงยุทธกับจ่าแท่นและกำลังตำรวจตามมาที่เขาหลวงเพื่อต้องการระงับเหตุและจับตัว ขุนเดช บัวทองกับอาจารย์ดาราตามจ่าแท่นมาด้วยเพราะเป็นห่วงขุนเดช แต่หมวดยงยุทธสั่งห้ามไม่ให้ขึ้นไป ที่เขาหลวง อาจารย์ดาราขอร้องหมวดยงยุทธให้ปล่อยขุนเดชไป แต่หมวดยงยุทธยืนยันว่าเขาต้องทำทุกอย่าง ตามความถูกต้อง เพราะถ้าเขาทำสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ชาตินี้เขาคงทนมองหน้าใครไม่ได้อีก และอาจารย์ดาราก็คง จะภูมิใจในตัวเขาไม่ได้ ดาราน้ำตารื้นยอมเข้าใจว่าหมวดยงยุทธจำเป็น จึงยอมอยู่กับบัวทองที่ตีนเขาหลวง
ขุนเดชในสภาพที่บาดเจ็บหนักไล่ล่าตามหาตัวประดับในป่าบนเขาหลวง ประดับคิดว่า ตัวเองน่าจะหาทางออกได้แต่เกิดเรื่องอัศจรรย์ เมื่อทางออกที่เคยเดินไม่เหมือนเดิม ประดับเริ่มเดินวนเวียน อยู่ในป่าจนหลงทาง และได้ยินเสียงหวีดร้องน่ากลัวไปทั่วป่า ประดับยิงปืนไปทั่วเพราะคิดว่าเป็นฝีมือ ขุนเดช แต่ภาพที่ประดับเห็นกลับเป็นภาพนักรบโบราณเดินไปเดินมารอบตัว และหนึ่งในกลุ่ม นักรบโบราณ ก็คือขุนเดชที่ยืนจังก้า ในมือถือไม้ตะพดที่ชักออกมาเป็นดาบคมกริบ ขุนเดชตวัดดาบเข้าสู้กับประดับ และใช้มันเสียบทะลุหัวใจประดับจนตายคาที่ จ่าแท่นกับหมวดยงยุทธตามมาพบขุนเดชในสภาพหายใจรวยริน ขุนเดชบอกหมวดยงยุทธว่าเสียใจที่ให้หมวดจับเข้าคุกไม่ได้ เพราะคงสิ้นลมหายใจอยู่ที่เขาหลวงแห่งนี้ ขุนเดชขอร้องหมวดยงยุทธว่าปล่อยให้เขาตายที่นี่ จะได้เป็นผีเฝ้าสมบัติของบรรพบุรุษจากพวกใจบาป ขุนเดชแน่นิ่งไปต่อหน้าต่อตาหมวดยงยุทธ
รัฐมนตรีปราชญ์มาที่สุโขทัยเพื่อรับถ้วยชามสังคโลกที่ประดับเก็บไว้ให้ เมื่อนักข่าวถามถึงเรื่องของประดับที่ไปเกี่ยวข้องกับพวกค้าวัตถุโบราณ ท่านรัฐมนตรีด่าประดับว่าเป็นพวกสารเลวและเพิ่งรู้เห็นความเลวของมันเหมือนกัน สาสมที่มันตายซะได้แถมยังรับปากกับประชาชนว่าจะกวาดล้างพวกขายสมบัติชาติให้สิ้นซาก แต่ครั้นเมื่อท่านรัฐมนตรีกลับมาถึงบ้านก็ต้องพบกับภาพอันบาดสะเทือนหัวใจ เมื่อปารมีลูกสาวของตัวเองกินยาขับเลือดนอนแท้งลูก ตกเลือดตายอยู่บนเตียง
หมวดยงยุทธกับจ่าแท่นและชาวบ้านร่วมกันจัดงานเผาศพให้ขุนเดช ทุกคนมาร่วมงานศพ บัวทองยืนร้องไห้เสียใจ แค้นที่คนดีๆ อย่างขุนเดชต้องมาตายเพราะฝีมือคนชั่ว บัวทองเสียใจมากจึงได้เดินหลบออกไป จ่าแท่นเดินตามมาแล้วเล่าความจริงให้บัวทองฟังว่า ขุนเดชยังไม่ตาย ตอนนี้หลบพักรักษาตัวอยู่ และเป็นความตั้งใจของหมวดยงยุทธที่จะให้ทุกคนเข้าใจว่าวีรบุรุษบาปอย่างขุนเดชตายจากไปแล้ว บัวทองดีใจเมื่อรู้ดังนั้นจึงพาแม่ไปอาศัยอยู่กับขุนเดชไปปลูกไร่ ไถ่นาอยู่กันตามประสาอย่างมีความสุข โดยที่ไม่มีผู้ใดรู้ว่าขุนเดชยังมีชีวิตอยู่ ส่วนหมวดยงยุทธได้เลื่อนยศขึ้นเป็นผู้การที่จังหวัดสุโขทัยและแต่งงานกับอาจารย์ดารา ทุกๆ วันหมวดยงยุทธมักจะยืนมองโบราณสถานที่ยังทรงคุณค่า และนึกขอบใจขุนเดชที่เสียสละตัวเองเพื่อปกป้องสมบัติและภูมิปัญญาของบรรพบุรุษให้อยู่สืบไป
นายเดื่องเป็นห่วงพระศิลาเลยจำเป็นต้องฝาก ขุนเดช (วีรภาพ สุภาพไพบูลย์) ลูกชายวัย 10 ขวบไว้กับ คำปัน (รชยา รักกสิกรณ์) หญิงสาวที่แอบชอบพ่อของขุนเดช และคอยช่วยเลี้ยงดูขุนเดชเหมือนลูกแท้ๆ แต่ความอยากรู้อยากเห็นของขุนเดชที่มีใจรักและสนใจในศิลปะโบราณซึ่งถูกถ่ายทอดจากพ่อ ทำให้ขุนเดชแอบขึ้นรถของอาจารย์ประทีปตามไปหาพ่อที่ถ้ำศิลา อาจารย์ประทีปกลัวภัยจะเกิดกับนายเดื่องจึงให้ปืนไว้ป้องกันตัว แต่นายเดื่องปฏิเสธยืนยันจะใช้แค่ไม้ตะพดหัวเงินอาวุธคู่กายปกป้องสมบัติของแผ่นดิน ฟากกำนันบุญที่โกรธแค้นนายเดื่องมากจึงสั่งให้เสือแชนกับเสือชิดลูกน้องคนสนิท พาพวกบุกไปที่ถ้ำศิลาเพื่อจัดการกับนายเดื่องและเอาเศียรพระศิลามาให้ได้
ขุนเดชที่แอบตามอาจารย์ประทีปมาหาพ่อที่เขาหลวงเกิดพลัดหลงอยู่ในป่าหาทางไปหาพ่อที่ถ้ำศิลาไม่ได้ โชคดีเจอหลวงพ่อสุข พระธุดงค์ที่มาปักกลดอยู่ในบริเวณเขาหลวง หลวงพ่อสุขเคยเจอนายเดื่องที่บริเวณถ้ำศิลาจึงพาขุนเดชไปหา นายเดื่องโกรธลูกชายมากที่แอบหนีมาจะลงมือตี แต่หลวงพ่อสุขห้ามไว้ บอกพรุ่งนี้เช้าจะเป็นคนพาขุนเดชกลับไปที่ศรีสัชนาลัยเอง คืนนั้นนายเดื่องจำเป็นต้องให้ขุนเดชค้างอยู่ในถ้ำ ขุนเดชนอนฟังพ่อเล่าเรื่อง ความเชื่อเกี่ยวกับเขาหลวงให้ฟังว่า เขาหลวงแห่งนี้ก็คือ “พระขพุง ผีเทวดาที่สถิตย์อยู่ที่นี่ยิ่งใหญ่กว่าเทวดาในเมืองสุโขทัย หากผู้ครองเมืองสุโขทัยจะเป็นผู้ใดก็ตามรู้จักนบไหว้ และทำพิธีเซ่นสรวงถูกต้องแล้ว เมืองสุโขทัยย่อมตั้งมั่นถาวรยั่งยืน แต่หากไม่รู้จักนบไหว้ไม่มีการพลีบูชาตามแบบแผนแล้ว ผีในเขาหลวงจะไม่คุ้มไม่เกรง เมืองสุโขทัยก็จะล่มจม” เพราะเหตุนี้นายเดื่องจึงต้องมาเฝ้าพระศิลาเอาไว้จากพวกคนใจบาป ขุนเดชเองก็รับปากพ่อว่าเมื่อโตขึ้นจะทำหน้าที่รักษาสมบัติของชาติแบบพ่อ
แต่ระหว่างนั้น พวกเสือแชน เสือชิดบุกเข้ามา นายเดื่องห่วงลูกชายจึงสั่งให้ขุนเดชไปซ่อนตัวแล้วเข้าต่อสู้กับ พวกเสือแชน เสือชิด ด้วยไม้ตะพดอันเดียว สุดท้ายนายเดื่องก็สู้ไม่ได้ถูกพวกมันฆ่าตายอย่างเหี้ยมโหดทารุณ ต่อหน้าต่อตาขุนเดช แล้วตัดเอาเศียรพระศิลาไป เสือชิดได้ยินเสียงขุนเดชที่ซ่อนตัวในถ้ำจึงคิดจัดการขุนเดชอีกคน แต่ขุนเดชคว้าไม้ตะพดของพ่อมาเป็นอาวุธและหนีพวกมันเข้าหายไปในป่าเขาหลวง กลางดึกคืนนั้นขณะที่หลวงพ่อสุขกำลังนั่งเจริญสมาธิอยู่ในกลด หลวงพ่อสุขได้เห็นนิมิตรบางอย่างที่น่าตกใจ ในนิมิตรหลวงพ่อเห็นความเสื่อมทรามของผู้คนที่ไม่เคารพต่อพระพุทธศาสนา ศิลปะโบราณวัตถุถูกย่ำยีกลายเป็นเครื่องประดับฝาบ้าน พระพุทธรูปต้องอยู่หลังกรงขังกั้น ไม่ให้ผู้มีจิตศรัทธากราบไหว้ บางองค์ก็ถูกรุมขัดถูเพื่อขอหวยมัวเมาในกิเลศ พระพุทธรูปที่งดงามตามโบราณสถานก็ถูกตัดเศียรเรียงรายจนน่าเวทนา
หลวงพ่อสุขสะดุ้งตื่นจากนิมิตรพร้อมกับเสียงร้องขอความช่วยเหลือจากขุนเดชที่กำลังถูกพวกเสือแชน เสือชิดไล่ตามล่า และคิดว่าขุนเดชตกหน้าผาตายไปแล้วจึงพากันกลับไป แต่ที่จริงแล้วขุนเดชหลบซ่อนตัวอยู่ในซอกหิน ด้วยความตื่นกลัวและตระหนกตกใจเป็นอย่างมาก ภาพของพ่อที่ถูกฆ่าตายอย่างเหี้ยมโหดต่อหน้าต่อตา ภาพของพระศิลาที่ถูกตัดเศียรทำให้ขุนเดชกลัวจนช็อคหมดสติ หลวงพ่อสุขไปพบนายเดื่องถูกฆ่าตายที่ถ้ำศิลาจึงออกตามหาขุนเดชด้วยความเป็นห่วง และได้พบขุนเดชสลบอยู่ที่ซอกหินจึงปลุกขุนเดชให้ตื่น แต่ขุนเดชกลับลุกขึ้นมาแสดงอาการเกรี้ยวกราด ดุดัน ใช้ไม้ตะพดที่กำไว้แน่นไล่ทำร้ายหลวงพ่อเหมือนกับสัตว์ร้ายตัวหนึ่ง หลวงพ่อรู้ว่าที่ขุนเดชเป็นอย่างนี้เพราะอาการช็อคตกใจกลัวจนเสียสติควบคุมตัวเองไม่ได้ หลวงพ่อนั่งนิ่งและแผ่เมตตาให้ขุนเดชใจสงบซึ่งก็ได้ผล ขุนเดชสงบนิ่งไปและเอาแต่ร้องห่มร้องไห้ฟูมฟายน่าเวทนา หลวงพ่อสุขจำเป็นต้องเป่ากะหม่อมขุนเดชให้หลับอย่างสงบ
ข่าวการตายของนายเดื่องและการหายตัวไปของขุนเดชลูกชายนายเดื่องเป็นที่โจษจันไปทั่วสุโขทัยว่าเป็นฝีมือโจรใจบาป จ่าแท่น (วีระชัย หัตถโกวิท) ซึ่งรักและเคารพนายเดื่องเหมือนพี่ชาย คิดว่าขุนเดชน่าจะยังมีชีวิตอยู่ จึงชวนคำปันซึ่งเป็นน้องสาวออกตามหาขุนเดช แต่ทั้งคู่ไม่พบร่องรอยขุนเดช คำปันร้องไห้เสียใจทำใจไม่ได้ว่าขุนเดชตาย ชาวบ้านที่เชื่อเรื่องผีสางพากันพูดกันว่าพระขผุงคงเอาตัวขุนเดชไปอยู่ด้วยที่เขาหลวง
10 ปีต่อมา หลวงพ่อสุขซึ่งเป็นเจ้าอาวาสอยู่ที่วัดแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ ได้เลี้ยงดูขุนเดชจนเติบโตเป็นหนุ่มหน้าตาดี มีความฉลาดเฉลียวโดยสามารถสอบเข้าเรียนเป็นนักศึกษาในคณะโบราณคดีด้วยคะแนนสูงสุด แต่ขุนเดชจำเรื่องราวเมื่อ 10 ปีก่อนไม่ได้ เพราะผลจากการตกใจกลัวจนช็อค ส่วนไม้ตะพดของนายเดื่องที่ติดตัวขุนเดชมา หลวงพ่อสุขก็เก็บรักษาเอาไว้ในกุฎิไม่เคยนำมาให้ขุนเดชเห็นเพราะเกรงว่า ถ้าขุนเดชจับไม้ตะพดนี้อีกครั้ง ความโกรธแค้น เกรี้ยวกราด ราวกับสัตว์ร้ายที่อยู่ในจิตใต้สำนึกของขุนเดชอย่างที่หลวงพ่อเจอในอดีตจะกลับมาสิงสู่ในร่างของขุนเดชอีกครั้ง แต่หลวงพ่อก็ไม่เคยรู้ว่าหลายต่อหลายคืนขุนเดชมักจะฝันร้ายเห็นภาพเศียรพระศิลา ถูกตัด ซึ่งขุนเดชก็ไม่กล้าเล่าให้หลวงพ่อฟัง เพราะกลัวว่าจะทำให้อาการอาพาธของหลวงพ่อที่ไม่ค่อยดีอยู่จะทรุดหนักขึ้น
ใกล้ๆ วัดที่ขุนเดชอาศัยอยู่เป็นโรงหล่อพระของลุงเถินที่เอ็นดูขุนเดชเพราะเป็นเด็กหนุ่มเอาการเอางานมักมาช่วยงานจ่าเถินเสมอๆ แถมขุนเดชยังช่วยติวหนังสือให้ ดารา (อคัมย์สิริ สุวรรณศุข) ลูกสาวคนสวยของจ่าเถิน ที่อยากจะสอบเข้าเรียนในคณะโบราณคดีเหมือนอย่างขุนเดช ดารามักจะค่อนขอดและงอนพ่อบ่อยๆ หาว่าพ่อรักขุนเดชเหมือนลูกชายที่เป็นอย่างนั้นเพราะจ่าเถินมักชวนขุนเดชคุยเรื่องในอดีตที่จ่าเถินเคยเป็นนักเลงเพลงดาบ ได้ฝีมือตีเหล็กตีดาบมาจากปู่ที่เป็นคนอรัญญิก จ่าเถินให้ขุนเดชดูดาบที่จ่าเถินตีตอนเป็นหนุ่มๆ มันเป็นดาบไทยที่คมกริบฟันฉับเดียวต้นกล้วยขาดเป็นสองท่อน แต่เวลานี้จ่าเถินเลิกทุกอย่างแล้วใช้วิชาความรู้มาหล่อพระแทนเพราะไม่อยากทำบาป จ่าเถินกลัวว่าถ้าตัวเองตายจะถ่ายทอดวิชาพวกนี้ให้ลูกสาวไม่ได้ จึงสอนให้ขุนเดชทั้งวิชาเชิงดาบและการตีดาบไว้เป็นความรู้ติดตัว
เวลาที่ขุนเดชไปไหนมาไหนกับดารา ใครๆ มักจะคิดว่าสองคนเป็นคนรักกัน แม้แต่ ย้ง หรือ ยงยุทธ (ศุกลวัฒน์ คณาเรศ) เพื่อนสนิทของขุนเดชที่กำลังสอบเข้าเรียนตำรวจก็คิดอย่างนั้น ขุนเดชอ่านใจของเพื่อนได้ว่าย้งเองก็แอบชอบดาราแต่ไม่กล้าแสดงออกเลยคิดจะช่วยให้ย้งมีโอกาสตามลำพังกับดารา ขุนเดชชักชวนไปเที่ยวอยุธยากันเพื่อชมโบราณสถาน แต่ดารารู้ว่าขุนเดชทำเพื่อย้งเลยน้อยใจเพราะตัวเองก็แอบชอบขุนเดชอยู่ ดาราจะนั่งรถบัสกลับกรุงเทพฯ คนเดียว แต่ระหว่างทางเจอกับประดับ (ณัฐวัฒน์ เปล่าศิริวัธน์) ลูกชายนายทหารนิสัยเกกมะเหรกเกเร เพราะมีพ่อเป็นนายทหารยศใหญ่โตจึงกร่างไม่กลัวใคร ประดับกับเพื่อนฝูงพยายามที่จะชวนดาราให้ขึ้นรถไปด้วยกัน ขุนเดชกับย้งตามมาเจอเลยมีเรื่องและเข้าตาจนถูกพวกประดับล้อมกรอบ ดีที่อาจารย์ประทีปและคณะศึกษาโบราณคดีขับรถผ่านมาพบเข้า พวกประดับจึงล่าถอยไปแต่ก็เก็บสมุดจดบันทึกของดาราได้ ทำให้ประดับรู้ว่าดาราเป็นใครและเรียนอยู่ที่ไหน
อาจารย์ประทีปอาสาพาพวกขุนเดชไปส่งกรุงเทพฯ เพราะกำลังไปที่นั่นเหมือนกัน และอาจารย์ประทีปก็สะดุดชื่อขุนเดชเป็นอย่างมาก ยิ่งได้รู้ว่าขุนเดชเป็นเด็กกำพร้า อาศัยอยู่ในวัดและเป็นนักศึกษาโบราณคดีที่มีความรู้เกี่ยวกับสุโขทัยจนหาตัวจับได้ยากก็ยิ่งสนใจ ขุนเดชกลับมาที่วัดก็ทราบข่าวร้ายว่าหลวงพ่อสุขอาพาธหนักแต่ไม่ยอมไปโรงพยาบาล เพราะคิดว่าเมื่อถึงเวลาต้องละสังขารก็ขอให้เป็นไปตามกรรม ส่วนอาจารย์ประทีปด้วยความสงสัยว่าทำไมหลวงพ่อสุขตั้งชื่อเด็กที่เอามาเลี้ยงว่าขุนเดชจึงเข้าไปมนัสการกราบหลวงพ่อ และก็จำได้ว่าหลวงพ่อสุขคือพระธุดงค์องค์เดียวกันกับที่เคยเจอที่เขาหลวงเมื่อ 10 ปีก่อน เลยยิ่งมั่นใจว่าต้องเกี่ยวข้องกับขุนเดชลูกชายนายเดื่องที่หาศพไม่พบจนทุกวันนี้ หลวงพ่อเลยเล่าให้อาจารย์ประทีปฟังถึงสาเหตุที่ต้องพาขุนเดชมาอยู่ที่วัดและเลี้ยงดูขุนเดช เพราะขุนเดชเห็นภาพพ่อตัวเองถูกฆ่าตายต่อหน้าต่อตาจึงช็อคและจำความไม่ได้ หลวงพ่อ กลัวว่าถ้าโจรพวกนั้นรู้ว่าขุนเดชยังมีชีวิตอยู่จะเป็นอันตรายจึงพาขุนเดชมากรุงเทพฯ แต่ขุนเดชยังมีจิตวิญญาณ ของคนศรีสัชนาลัย เพียงแค่ภาพโบราณสถานของสุโขทัยจากในหนังสือขุนเดชก็สามารถจดจำรายละเอียดที่มาได้หมด
หลวงพ่อสุขเอาไม้ตะพดมาให้อาจารย์ประทีปดูเพื่อยืนยันว่าเป็นขุนเดชลูกชายนายเดื่องจริงๆ หลวงพ่ออยากให้อาจารย์ประทีปรับปากว่าจะคืนไม้ตะพดอันนี้ให้ขุนเดช ก็ต่อเมื่อจิตใจของขุนเดชนิ่งสงบพอและรู้จักคำว่าอโหสิ เพราะถ้าขุนเดชยังมีจิตที่ไม่นิ่งไม้ตะพดก็จะไม่ต่างอะไรกับดาบในมือของทหารพระร่วง ประดับตามมาหาดาราถึงที่โรงหล่อพระแต่ถูกเถินกับขุนเดชไล่ตะเพิดเพราะดันมาลองดีกับเถินนักเลงเก่า ประดับเจ็บแค้นที่ถูกด่าสาดเสียเทเสียจึงใช้อิทธิพลของพ่อพาทหารบุกไปโรงหล่อพระ พยายามแจ้งข้อหาเท็จกับนายเถินว่าซ่องสุมอาวุธสงครามเพื่อเป็นประโยชน์ให้พวกกบฏ เถินปฏิเสธเสียงแข็งว่าไม่เคยเกี่ยวข้องกับอาวุธสงคราม และไม่สนใจการเมือง ประดับจึงสั่งให้พรรคพวกบุกทุบทำลายพระพุทรูปที่หล่อเสร็จแล้วต่อหน้าต่อตาดาราและนายเถินที่แทบหัวใจสลายที่เห็นพระพุทธรูปถูกทำลาย ประดับเอาปืนที่นำมายัดไว้ในองค์พระเพื่อเป็นหลักฐานเล่นงานนายเถินให้ถูกจับกุม
ขุนเดชต้องพาดาราไปพักอยู่กับย้งเพื่อความปลอดภัย ไม่ให้ถูกประดับตามมารังควาญอีก ย้งกับดารารู้สึกกลัวแววตาขุนเดชที่บอกว่าจะจัดการทุกอย่างให้ เมื่อย้งถามว่าขุนเดชคิดจะทำอะไร ขุนเดชก็ไม่ปริปากพูดสักคำ ขุนเดชไปที่โรงหล่อพระที่เหลือแต่เศษซากของพระพุทธรูปที่ถูกทำลาย เศียรพระที่ถูกทุบทำลายจนหลุดจากบ่าทำให้ภาพอดีตในวัยเด็กของขุนเดชผุดเข้ามาสร้างความเจ็บปวดให้ขุนเดชอีก แต่ขุนเดชยังไม่รู้ว่าภาพเหล่านั้นคืออะไรและเกี่ยวข้องกับตัวเองยังไง ขุนเดชรู้ว่าดาบของลุงเถิน ที่เคยใช้เมื่อวัยหนุ่มเก็บซ่อนไว้ที่ไหน ขุนเดชนำมันออกมาแล้วมุ่งหน้าไปหาประดับที่กำลังดื่มกินอยู่ในบาร์
คืนนั้นเอง อาการอาพาธของหลวงพ่อสุขกำเริบหนัก หลวงพ่อถามหาขุนเดช แต่ไม่มีใครรู้ว่าขุนเดชอยู่ที่ไหน ไม้ตะพดของขุนเดชตกลงมาจากชั้นวางนิมิตรที่หลวงพ่อเคยเห็นเมื่อ 10 ปีก่อนกลับมาอีกครั้ง เศษซากปรักหักพังของโบราณสถานถูกทำลาย เศียรพระเป็นเพียงเครื่องประดับข้างฝาบ้าน ภาพพระพุทธองค์กลายเป็นภาพประดับข้างฝาห้องน้ำของต่างชาติ หลวงพ่อสุขหายใจรวยรินพูดเป็นคำสุดท้ายก่อนมรณภาพว่า “จากนี้ไปไม่มีใครหยุดขุนเดชได้อีกแล้ว”
ขุนเดชควงดาบของลุงเถินบุกไปเล่นงานพวกประดับจนเกิดการต่อสู้โรมรันพันตู แต่ด้วยดาบเพียงเล่มเดียวขุนเดชเลยพลาดท่าถูกพวกประดับจับตัวได้ พวกมันซ้อมขุนเดชทั้งเตะทั้งอัดจนสบักสะบอม ความเจ็บปวดแสนสาหัสที่โดนทำร้าย กระตุ้นให้ภาพในอดีตของขุนเดชกลับคืนมาอีกครั้ง คราวนี้ขุนเดชเริ่มประติประต่อเรื่องราว เมื่อ10 ปีที่ผ่านมาได้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง ขุนเดชจำได้ว่าเขาคือลูกชายนายเดื่องผู้ที่สาบานจะถวายชีวิตปกป้องสมบัติของพระร่วงไม่ให้ใครย่ำยี ขุนเดชเองก็สาบานกับพ่อว่าจะถวายชีวิตเป็นทหารของพระร่วงแห่งศรีสัชนาลัย พวกประดับเห็นขุนเดชนิ่งไปก็นึกว่าหมดสภาพ แต่ขุนเดชกลับลุกขึ้นมาด้วยแววตากราดเกรี้ยวน่ากลัวราวกับมีสัตว์ร้ายเข้ามาสิงสู่ ขุนเดชคว้าดาบได้และเกือบสังหารประดับด้วยการบั่นคอ แต่ขุนเดชก็หยุดชะงักเมื่อมีกลุ่มทหารเข้ามายุติการก่อเหตุ ประดับนึกว่าคนของพ่อมาช่วยแต่เขาคิดผิด ทหารที่บุกเข้ามายุติเหตุการณ์เป็นทหารฝ่ายปฏิวัติ เพราะเวลานี้รัฐบาลทหาร (จอมพล ป.) ถูกคณะปฏิวัติ (จอมพลสฤษดิ์) เข้ายึดอำนาจ หลังการเลือกตั้งสกปรกและรัฐบาลได้รับการคัดค้านจากประชาชนอย่างหนัก
ประดับและครอบครัวหลบหนีภัยการเมืองออกนอกประเทศ ลุงเถินถูกปล่อยตัวออกจากคุกให้เป็นอิสระ ส่วนขุนเดชกลับมาไม่ทันกราบหลวงพ่อสุขที่มรณภาพในคืนนั้น ในงานศพของหลวงพ่อสุข ขุนเดชบอกอาจารย์ประทีปว่าตนเองจำความได้แล้วว่าเป็นลูกชายนายเดื่องที่หลวงพ่อช่วยชีวิตเอาไว้ เวลานี้เมื่อสิ้นบุญหลวงพ่อแล้วก็ถึงเวลาที่เขาควรจะกลับไปยังบ้านเกิดที่ศรีสัชนาลัย แต่อาจารย์ประทีปทักท้วงอยากให้ขุนเดชได้เรียนโบราณคดีต่อให้จบจะได้บรรจุเข้ารับราชการ ขุนเดชปฏิเสธด้วยเหตุผลว่าอยากจะสานต่องานที่พ่อทำ เพราะรับปากพ่อไว้ก่อนตาย อาจารย์ประทีปไม่สามารถเปลี่ยนความตั้งใจของขุนเดชจึงรับปากจะช่วยให้ขุนเดชทำงานขุดแต่งโบราณสถานที่ศรีสัชนาลับซึ่งขาดคนอยู่ ขุนเดชกราบขอบคุณ อาจารย์ประทีปและพร้อมจะเดินทางกลับบ้านเกิดทันที
อาจารย์ประทีปตามไปที่กุฏิหลวงพ่อสุข ถามหาไม้ตะพดหัวเงินที่หลวงพ่อเก็บไว้ แต่ลูกศิษย์วัดบอกว่าขุนเดชเอาไม้ตะพดไปแล้ว อาจารย์ประทีปใจคอไม่ดี เมื่อนึกถึงคำพูดของหลวงพ่อสุขที่กำชับไว้ว่า “อย่าคืนไม้ตะพดให้ขุนเดชจนกว่าจิตใจของขุนเดชนิ่งสงบพอและรู้จักคำว่าอโหสิ ถ้าขุนเดชยังทำไม่ได้ก็ไม่ต่างอะไรกับการคืนดาบให้กับทหารพระร่วง” ขุนเดชจากไปอย่างเงียบๆ แม้แต่ย้งกับดาราก็ไม่รู้ว่าขุนเดชไปไหนเพราะขุนเดชไม่ยอมบอกใครถึงอดีตของตัวเอง คงมีแต่ลุงเถินที่ได้พบขุนเดชเป็นคนสุดท้าย ขุนเดชเอาดาบลุงเถินที่ไปลับคมใหม่มาคืน เพราะวันที่สู้กับประดับ ขุนเดชใช้ดาบจนคมดาบบิ่น แต่ลุงเถินมอบให้กับขุนเดชเก็บเอาไว้เตือนสติว่า “ถึงดาบจะเป็นอาวุธที่อันตราย แต่สิ่งที่อันตรายกว่าคมดาบก็คือใจ” ขอให้ขุนเดชระลึกไว้ตลอดเวลา
10 ปีผ่านไป ศรีสัชนาลัยงดงามและมีมนต์ขลังด้วยศิลปะโบราณวัตถุอันทรงคุณค่า ขุนเดชทำงานเป็นหัวหน้าคนงานขุดแต่งโบราณสถานให้กับอาจารย์ประทีป และตั้งหน้าตั้งตาทำนุบำรุงโบราณสถานที่ตัวเองรักยิ่งชีวิต หลังจากที่ขุนเดชทำงานเสร็จจึงมาเดินเที่ยวชมวัดและเข้าไปไหว้พระอจนะที่ประดิษฐานอยู่ที่วัดศรีชุม ขณะกำลังไหว้พระเขาได้ยินเสียงเสี่ยงเซียมซี จึงหันไปตามเสียงและได้พบบัวทอง (อัษฎาพร สิริวัฒน์ธนกุล) เด็กสาวสวยวัยเพิ่งจะ 19 กำลังเขย่ากระบอกเซียมซีเสียงดังและอธิษฐานขอพรขมุบขมิบตามประสาเด็กวัยรุ่น ขุนเดชรู้สึกขำท่าทีของเด็กสาวจึงแกล้งพูดแหย่เล่นด้วยความเอ็นดู บัวทองไม่พอใจเดินหนีไป ขุนเดชเดินตาม บัวทองจึงวิ่งไปหาแม่ ขุนเดชเห็นแม่บัวทองจึงจำได้ว่าเป็นน้าคำปันที่เคยเลี้ยงดูขุนเดชตอนที่พ่อยังมีชีวิตอยู่
ขุนเดชดีใจที่ได้เจอน้าคำปันอีกครั้ง เพราะไม่ได้เจอกันตั้งแต่คราวที่พ่อถูกฆ่าตายเมื่อ 20 ปีที่แล้ว ที่ได้กลับมาที่ศรีสัชนาลัยก็ได้ข่าวว่าน้าคำปันกับจ่าแท่นพากันย้ายจากศรีสัชนาลัยไปตั้งรกรากที่อื่น น้าคำปันกอดขุนเดชด้วยน้ำตาว่าเพิ่งจะรู้เรื่องขุนเดชเมื่อไม่กี่ปีมานี่เอง เพราะตอนที่ย้ายจากศรีสัชนาลัยไปเป็นการย้ายเพราะกลัวพวกโจรที่ฆ่าพ่อขุนเดชจะย้อนมาทำร้าย ส่วนจ่าแท่นก็โดนย้ายตามเจ้านาย แต่ตอนนี้สามีของน้าคำปันเพิ่งเสียและจ่าแท่นก็เพิ่งจะได้ย้ายกลับมาที่ศรีสัชนาลัยแล้ว น้าคำปันแนะนำให้ขุนเดชรู้จักกับบัวทองลูกสาวของน้าคำปัน ขุนเดชยิ้มให้บัวทองอย่างเอ็นดูและชมว่าสวยเหมือนน้าสมัยสาวๆ แต่บัวทองกลับแลบลิ้นใส่ขุนเดชเพราะรู้สึกหมั่นไส้ที่ทำเป็นอวดเก่งอวดความรู้เรื่องโบราณสถานและทำมาเป็นสั่งสอน คำปันต้องปรามลูกสาวที่แก่นแก้วเป็นม้าดีดกะโหลก ขุนเดชไม่ติดใจอะไรบอกเด็กก็คงเป็นเด็ก บัวทองสวนขุนเดชกลับทันทีว่าปีนี้ อายุ 19 ไม่ใช่เด็กอีกแล้ว น้าคำปันอ่อนอกอ่อนใจฝากขุนเดชช่วยดูแลน้องด้วย ขุนเดชรับปากอย่างเป็นมั่นเป็นเหมาะ
ที่วัดพระพายหลวงสุโขทัย ขณะที่ขุนเดชแจกชะแลงและเครื่องมือให้คนงานอยู่ มีคนงานคนหนึ่งมีท่าทีแปลกๆ ชื่อ ไอ้เถร พ่อแม่ฝากให้ทำงานกับขุนเดชเพราะยากจน ขุนเดชจึงรับไว้เป็นคนงานขุดแต่งโบราณสถาน ไอ้เถรมีนิสัยชอบลักเล็กขโมยน้อยและชอบขโมยพระในกรุ ตกกลางคืนเถรแอบใช้ชะแลงที่ขุนเดชแจกให้ทำงานเข้าไปขุดกรุขโมยพระไปขายให้กำนันบุญ รุ่งเช้าขุนเดชเจอร่องรอยขโมยพระและเห็นรอยชะแลงที่หน้าดินซึ่งชะแลงแต่ละอันขุนเดชจะทำตำหนิไว้ทำให้ขุนเดชรู้ว่าใครเป็นคนขุด ตกดึกขุนเดชจึงลากตัวเถรและเอาชะแลงของเถรมาที่กรุพระ แล้วให้เถรนำชะแลงไปเทียบกับรอยดินว่าเป็นชะแลงอันเดียวกันรึป่าวแต่เถรขัดขืนจึงต่อสู้กัน
ขุนเดชใช้ไม้ตะพดหัวเงินตีจนเถรยอมเอาชะแลงไปเทียบกับรอยดินพบว่าเป็นรอยเดียวกัน เถรรีบปฏิเสธแล้วบอกว่าอาจมีคนขโมยชะแลงไปทำผิด ขุนเดชให้เถรเอามือล้วงไปในข้องปลาพร้อมทั้งสาบานว่าหากเอามือล้วงไปแล้วไม่เกิดอะไรขึ้นแสดงว่าไม่ได้ทำผิด ในข้องนั้นขุนเดชแอบเอางูเห่าใส่ไว้พอเถรล้วงลงไปจึงโดนงูกัด แต่เถรแสร้งทำเป็นไม่มีอะไรเกิดขึ้นขุนเดชจึงปล่อยไป ระหว่างทางพิษงูออกฤทธิ์เถรจึงเสียชีวิตเพราะพิษงู รุ่งเช้าที่ร้านกาแฟประจำหมู่บ้านของคู่ผัวเมียนายฮวดกับสาลี่ พวกชาวบ้านโจษจันถึงเรื่องการตายของไอ้เถร นายฮวดถามจ่าแท่น ลูกค้าประจำที่ชอบมาฟังชาวบ้านคุยกันว่าคิดยังไงกับการตายของไอ้เถรซึ่งขุนเดชนั่งฟังอยู่ จ่าแท่นบอกเพียงว่าเถรถูกงูเห่ากัดตาย ขุนเดชบอกสมควรแล้วก่อนจ่ายเงินค่ากาแฟแล้วจะไปทำงาน แต่จ่าแท่นรีบยืนทำความเคารพเจ้านายใหม่ที่เพิ่งย้ายมาประจำที่โรงพักศรีสัชนาลัย จ่าแท่นแนะนำร.ต.ท.ยงยุทธ หรือหมวดยงยุทธให้ทุกคนได้รู้จัก ขุนเดชกับหมวดยงยุทธพบหน้ากันก็จำได้ดีว่าเป็นเพื่อนเก่าเพื่อนแก่กันนั่นเอง
วันคืนเก่าๆ ของหมวดยงยุทธกับขุนเดชกลายเป็นเรื่องคุยกันที่บ้านพักของหมวดยงยุทธ ขุนเดชถามหมวดถึงดาราเพราะไม่ได้ข่าวเลยตั้งแต่ย้ายมาอยู่ที่ศรีสัชนาลัย ผู้หมวดหนักใจที่จะพูดถึงดารา บอกเพียงว่าดาราเป็นอาจารย์อยู่ที่คณะโบราณคดีอย่างที่ฝันไว้ และก็ไม่ได้เจอกันนานแล้วเพราะต้องย้ายไปทำงานหลายจังหวัด ยงยุทธชวนขุนเดชคุยเรื่องการตายของไอ้เถร เพราะสงสัยว่าไม่น่าจะเกิดจากงูกัดเสียชีวิตอย่างเดียว เนื่องจากตอนไปชันสูตรศพเห็นรอยการถูกตีด้วยของแข็งตามร่างกาย แต่ไม่รู้ว่าของแข็งนั้นคืออะไร จ่าแทนสงสัยถามย้อนว่าหมวดคิดว่านี่เป็นคดีฆาตกรรม หมวดยงยุทธค่อนข้างแน่ใจ แต่จ่าแท่นไม่คล้อยตามข้อสันนิษฐาน คิดว่าในศรีสัชนาลัยไม่มีฆาตกร เพราะชื่อศรีสัชนาลัยหมายความว่าเป็นเมืองของคนดี ขุนเดชได้แต่ฟัง เงียบๆ และมองหมวดยงยุทธเพื่อนเก่าด้วยรอยยิ้มที่ซ่อนความลับไว้
ต่อมาไม่นานมีคณะอาจารย์และนิสิตนักศึกษาจากกรุงเทพฯ มาเรียนรู้และดูงานเกี่ยวกับเรื่องโบราณสถาน อาจารย์ประทีปแนะนำให้ขุนเดชรู้จักอาจารย์ดารา เมื่อทั้งคู่ได้พบกันขุนเดชจึงนึกได้ว่าท่าทีอ้ำๆ อึ้งๆ ของหมวดยงยุทธ มีความหมายแท้จริงก็คือทุกวันนี้หมวดยงยุทธยังตามจีบดาราอยู่ เพราะเป็นผู้ชายตรงๆ จีบผู้หญิงไม่เป็น ทำให้ตลอด 10 ปีที่ผ่านมายังไม่สามารถเอาชนะใจดาราได้ เมื่อสบโอกาสรู้ว่าอาจารย์ดาราจะมาปักหลักทำงานที่ศรีสัชนาลัยจึงทำเรื่องขอย้ายตามมาเพื่อจะได้อยู่ใกล้ๆ นั่นเอง ขุนเดชถามอาจารย์ดาราถึงลุงเถิน ดาราบอกพ่อเสียไปเมื่อ 3 ปีก่อน ขุนเดชเสียใจที่ไม่ได้ไปเคารพศพ ดาราจึงชวนขุนเดชไปทำบุญทำสังฆทานให้พ่อ แต่ระหว่างที่ทำบุญที่วัด อาจารย์ดาราเจอบัวทอง ดาราสังเกตเห็นท่าทีบัวทองที่สนิทสนมกับขุนเดชก็เดาออกว่าขุนเดชกับบัวทองน่าจะมีใจให้กัน และทำใจยอมรับว่าขุนเดชไม่เคยมองเธอในฐานะคนรักเลยสักครั้ง อาจารย์ดาราจึงยับยั้งชั่งใจและเริ่มเปิดใจให้กับหมวดยงยุทธ
ระหว่างนั้นกำนันบุญและลูกชายชื่อ สัมฤทธิ์ (พิชยดนย์ พึ่งพันธ์) ซึ่งมีนิสัยไม่ต่างจากพ่อทั้งขี้โกง เจ้าชู้และชอบเก็บสะสมวัตถุโบราณโดยเฉพาะพระเครื่อง พระผงที่อยู่ในกรุเจดีย์ สองพ่อลูกคิดแผนชั่วจะขโมยวัตถุโบราณและตัดเศียรพระ แต่หาคนฝีมือดีไม่ได้เพราะลูกน้องที่ใช้ไปก็ถูกขุนเดชจัดการเกือบหมด จึงนึกถึงนายเปรื่อง อยุธยา หรือฉายา เปรื่อง เสียงแปล่ง โจรมืออาชีพลักลอบขุดเจาะขโมยพระทำมาทั่วทุกสารทิศ เปรื่องเข้ามาหาข้อมูลเกี่ยวกับพระองค์ใหญ่ที่ร้านกาแฟนายฮวด ขุนเดชสงสัยในตัวเปรื่องจึงแอบตามไปพบเปรื่องกำลังขโมยตัดเศียรพระองค์ใหญ่ ขุนเดชจึงเข้าไปจัดการ ทั้งคู่ต่อสู้กัน เปรื่องล้มไปใส่องค์พระ เศียรพระที่เปรื่องเจาะไว้จึงตกลงมาทับร่างเปรื่องเสียชีวิต
แต่กระนั้นโจรชั่วหนักแผ่นดินก็ยังไม่หมดไป ยังมีสองพ่อลูก ผู้ใหญ่น่วมกับลูกชายชื่อน้ำ ที่มีนิสัยนักเลงอันธพาล คบโจร โกงการพนัน ฉุดผู้หญิง ชอบขโมยขุดพระขุดเจดีย์ รู้มาว่าเจดีย์บนเขามีสมบัติและกรุพระเก่าอยู่ จึงขึ้นเขาไประเบิดเจดีย์เพื่อขโมยพระในกรุ แต่ก็ถูกขุนเดชตามฆ่าใช้ไม้ตะพดที่ทำขึ้นมาเลียนแบบเหมือนของพ่อ แต่ถูกดัดแปลงซ่อนดาบของลุงเถินไว้ข้างใน เพื่อใช้ต่อสู้กับพวกคนเลวทั้งสองคน แล้วขุนเดชก็ใช้เชือกรัดคอน้ำโหนกับต้นไม้ตายแล้วนำศพมาประจาน
เหตุการณ์ของโจรขโมยพระถูกฆ่าตายหลายคน ทำให้หมวดยงยุทธสงสัยและเริ่มสืบหาฝีมือของฆาตกรรายนี้ แต่หมวดยงยุทธก็จนปัญญา จนเมื่อผลการพิสูจน์หลักฐานแน่ชัดว่าของแข็งที่ใช้ทำร้ายพวกคนร้ายมีลักษณะตรงกับไม้ตะพดของขุนเดช หมวดยงยุทธจึงมั่นใจว่าเป็นฝีมือของขุนเดชซึ่งตั้งศาลเตี้ยลงทัณฑ์พวกโจรใจบาป โดยไม่สนใจกฎหมายทำให้หมวดยงยุทธไม่พอใจและคอยจับผิด หมวดยงยุทธพูดให้จ่าแท่นเชื่อในสิ่งที่เกิดขึ้นว่าเป็นฝีมือขุนเดชและกล่าวว่าขุนเดชเป็นวีรบุรุษบาป ให้จ่าแท่นช่วยหาหลักฐานมัดตัวขุนเดชแม้ว่าขุนเดชจะเป็นเพื่อนเก่าแก่ แต่กฎหมายก็ต้องศักดิ์สิทธิ์เมื่ออยู่ในมือผู้พิทักษ์สันติราษฎร์
หลังจากกำนันบุญทำงานไม่สำเร็จ ไม่มีสมบัติโบราณส่งไปให้ตามใบสั่งจากกรุงเทพฯ เพราะถูกขัดขวางจากขุนเดช ทำให้ท่านรัฐมนตรีปราชญ์ผู้ชื่นชอบในวัตถุโบราณ และเป็นผู้อยู่เบื้องหลังใบสั่งที่ส่งไปให้กำนันบุญจัดหามาให้เริ่มไม่พอใจ แต่ด้วยความที่เป็นถึงรัฐมนตรีจึงไม่สามารถออกหน้าได้ รัฐมนตรีปราชญ์จึงเรียกประดับ ทนายความและเลขาประจำตัวมาจัดการทุกอย่างให้ได้ตามประสงค์ เมื่อ 10 ปีที่แล้วหลังจากที่ประดับหนีภัยการเมืองไปอยู่เมืองนอก ประดับเรียนจบกฎหมายกลับมาทำงานเป็นทนายและเลขาส่วนตัวให้ท่านรัฐมนตรี เพราะมีจุดประสงค์ที่จะก้าวขึ้นสู่อำนาจอีกครั้ง หลังจากที่พ่อต้องตายอยู่ที่เมืองนอก ประดับจึงยอมให้ท่านรัฐมนตรีโขกสับ โดยในระหว่างนั้นก็วางแผนตีสนิทกับปารมี (ขวัญกวินท์ ธำรงรัฐเศรษฐ์) ลูกสาวคนสวยวัยเพียง 16 ของท่านรัฐมนตรีเพื่อใช้เป็นสะพานให้ตัวเองยกฐานะเป็นลูกเขย ซึ่งแผนการของประดับก็ดูสดใส เพราะปารมีเป็นเด็กแก่แดด ชอบช้อบปิ้ง และชอบหนุ่มหล่อ ซึ่งประดับก็เรียกความสนใจได้ไม่น้อยทีเดียว แต่ประดับต้องทำอย่างลับๆไม่ให้ท่านรัฐมนตรีรู้
ท่านรัฐมนตรีมีใบสั่งให้ประดับไปจัดการหามาให้ได้ ประดับรู้จักแจ็ค ฝรั่งพูดไทยคล่อง พ่อค้าวัตถุโบราณที่กรุงเทพฯ เดินทางมาขโมยวัตถุโบราณด้วยตนเอง โดยให้กำนันบุญคอยช่วยเหลือ แจ๊คระเบิดเจดีย์แล้วใช้รถพังวัตถุโบราณต่างๆ เป็นหน้ากอง โดยไม่กลัวความผิด เพราะถือว่ามีเส้นใหญ่เป็นถึงรัฐมนตรี ขุนเดชรู้เรื่องจึงไปจัดการฆ่าโดยการแขวนคอแจ๊คหน้าเจดีย์ การตายของแจ็คทำให้ประดับโดนท่านรัฐมนตรีเรียกไปด่า ประดับต้องอาศัยอำนาจท่านรัฐมนตรีกดดันตำรวจในพื้นที่ให้เร่งมือจัดการตามล่าตัวฆาตกรที่ลอยนวลอยู่นั่นเอง ที่ทำให้ประดับได้เจอกับหมวดยงยุทธ ดารา และขุนเดช ประดับแสดงท่าทางเจ้าชู้กับดาราเหมือนเมื่อก่อน แต่คราวนี้ประดับโดนหมวดยงยุทธขู่จะเล่นงานถ้ามายุ่งกับดาราอีก
ประดับเลยขู่กลับว่าจะอยู่ในหน้าที่ตำรวจอีกไม่นาน เมื่อไหร่ที่เขามีอำนาจทั้งสามต้องโดนแก้แค้นชนิดหาแผ่นดินยืนไม่มี แต่ประดับก็ต้องรีบกลับกรุงเทพฯ เพราะท่านรัฐมนตรีเรียกกลับด่วน ซึ่งเรื่องด่วนนั่นก็คือท่านรัฐมนตรีจับได้ว่าประดับกับปารมีแอบลักลอบมีความสัมพันธ์กันจนปารมีตั้งท้อง ประดับโดนท่านรัฐมนตรีเรียกคนมาซ้อมเพราะไม่พอใจ แต่ท่านรัฐมนตรีก็ไม่กล้าเอาเรื่องประดับถึงโรงพักฐานพรากผู้เยาว์ เพราะกลัวเป็นข่าวฉาวโฉ่ ปารมีก็มาอ้อนวอนพ่อขอร้องให้ไว้ชีวิตประดับ เพราะรักกันจริงๆ และให้เห็นแก่ลูกในท้อง ท่านรัฐมนตรีทำอะไรไม่ได้จำเป็นต้องเลื่อนฐานะประดับให้ขึ้นมาเป็นลูกเขยซึ่งก็สมใจประดับทันที
กำนันบุญเริ่มหงุดหงิดหัวเสียไม่รู้จะไปพึ่งใครให้ทำงานให้ ทำให้รู้สึกขวางหูขวางตาลงไม้ลงมือกับทุกคนไปหมด ไม่เว้นแม้แต่ รำพัน (ปริษา ทนาวิวัฒน์) เมียใหม่ของกำนันและเป็นแม่เลี้ยงของสัมฤทธิ์ก็โดนกำนันตบตีระบายอารมณ์ เพียงเพราะรำพันปล่อยให้ทิพย์ลูกสาววัย 12 ปี ที่เกิดกับกำนันบุญซึ่งเป็นปัญญาอ่อนชอบฟ้อนรำรบกวนอารมณ์กำนัน จนกำนันคิดจะส่งทิพย์ให้ไปอยู่โรงพยาบาลบ้า แต่รำพันก็อ้อนวอนขอเลี้ยงไว้เพราะยังไงก็ลูก
กำนันบุญนึกถึงเสือแชนลูกน้องเก่าซึ่งเมื่อ 20 ปีที่แล้วเป็นผู้ลงมือฆ่าพ่อของขุนเดชให้กลับมาช่วยงานขโมยพระ เสือแชนไม่ชอบสะสมวัตถุโบราณ แต่ชอบสะสมอาวุธโบราณ เช่น มีด หอก ดาบ เมื่อตำรวจสืบทราบจึงส่งสายตำรวจชื่อนายเหลืองไปตีสนิทโดยเอาดาบโบราณให้เสือแชนเพื่อสร้างความไว้วางใจ เหลืองบอกเสือแชนว่ายังมีอีกเยอะเพราะรู้แหล่งที่ฝั่งสมบัติอยู่ในถ้ำบนเขา เสือแชนหลงกลเชื่อจึงตามเหลืองขึ้นไปในถ้ำ เมื่อสบโอกาส เหลืองผลักเสือแชนตกลงไปก้นถ้ำแล้วออกมาตามหมวดยงยุทธกับจ่าแท่นซึ่งรออยู่ด้านนอกเพื่อรอจับ แต่ระหว่างนั้นขุนเดชซึ่งซ่อนตัวอยู่ในถ้ำได้โอกาสล้างแค้นให้พ่อ โดยปล่อยงูจงอางกัดเสือแชนแล้วใช้คมดาบฟันคอเสือแชนหลุดจากบ่า ตำรวจเข้ามาเจอแต่สภาพศพของเสือแชนที่ถูกฆ่าตายอย่างทารุณ สร้างความสงสัยให้หมวดยงยุทธว่าต้องเป็นฝีมือของขุนเดชแน่ๆ
การตายของเสือแชนทำให้กำนันบุญแค้นใจมากสั่งคนไปลอบยิงขุนเดชขณะกำลังตกแต่งเจดีย์พุ่มข้าวบิณฑ์ ขุนเดชร่วงลงจากยอดเจดีย์แต่รอดตายเพราะตกลงมาในดงต้นพุทธรักษา ในขณะที่ขุนเดชถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล หมวดยงยุทธกับจ่าแท่นก็มาตรวจที่เกิดเหตุ จ่าแท่นเจอไม้ตะพดของขุนเดชตกอยู่จึงหยิบขึ้นมาดูพอขยับออกมาพบว่าข้างในถูกดัดแปลงเป็นดาบ จ่าแท่นตกใจมากหรือว่าที่หมวดยงยุทธสงสัยจะเป็นเรื่องจริง แต่พอหมวดยงยุทธเดินมา จ่าแท่นรีบเก็บดาบเข้าฝักแล้วทำเป็นไม่มีอะไรเกิดขึ้น จ่าแท่นรีบตามไปที่โรงพยาบาลแล้วฝากไม้ตะพดให้บัวทองเอาไปคืนขุนเดชโดยที่ยังเก็บเอาความสงสัยไว้กับตัว
ด้านกำนันบุญพอรู้ว่าขุนเดชยังไม่ตายก็ปรึกษากับวงศ์เจ้าของบ่อนพนันที่คอยสนับสนุนและทำงานให้กำนันบุญมาโดยตลอด โดยสั่งให้วงศ์รวบรวมลูกน้องไปก่อกวนสถานที่ต่างๆ จนสร้างความโกลาหล โดยเฉพาะกับกลุ่มนักศึกษาชายและหญิงของอาจารย์ดาราที่โดนพวกนักเลงบ่อนของวงศ์คุกคามความปลอดภัย บุกเข้าไปทำอนาจารนักศึกษาสาวๆ เมื่ออาจารย์ดาราจะเอาเรื่อง วงศ์ก็ใช้อิทธิพลของกำนันบุญเอาตัวรอดจากคุกจากตะรางได้ ทำให้อาจารย์ดาราไม่พอใจหมวดยงยุทธที่ปล่อยให้พวกนอกกฏหมายทำตามอำเภอใจ หมวดเองถูกผู้ใหญ่กดดันเรื่องฆาตกรฆ่าโจรก็หลุดปากสวนกลับเพราะไม่พอใจที่ถูกต่อว่า และคิดว่าดาราเห็นด้วยกับการกระทำของวีรบุรุษบาปที่พวกชาวบ้านยกย่องเชิดชู แต่สิ่งที่มันทำก็ไม่ต่างจากอาชญากรคนหนึ่ง !!
วงศ์ย่ามใจทำเรื่องผิดกฎหมายโดยไม่เกรงกลัวเพราะถือว่ามีกำนันบุญและรัฐมนตรีหนุนหลังกำนันบุญช่วยอยู่ และเมื่อรู้ว่ามีสมบัติอยู่บนเขาจึงชวนนางหวาดผู้เป็นเมียขึ้นไปขุดสมบัติ วงศ์ขุดเจอดาบทองคำ ส่วนหวาดเจอกำไลทองจึงดีใจมาก พอรุ่งเช้าวงศ์ถูกผีเข้าสิงเอาดาบทองคำไล่ฟันเมีย หวาดจึงต่อสู้แล้วใช้มีดฟันวงศ์จนตาย ส่วนตนเองพอฆ่าผัวตายจึงเป็นบ้า เอาดาบและกำไลทองคำหนีเข้าป่าหายสาบสูบไป
สำหรับนายสัมฤทธิ์ลูกชายกำนันบุญ ซึ่งเคยเจอบัวทองในงานวัด จึงถูกตาต้องใจในความสวยของบัวทอง สัมฤทธิ์ตามจีบและเอาของมีค่ามาให้บัวทองเพื่อหวังจะชนะใจ แต่บัวทองไม่เล่นด้วยแถมยังเกลียดเข้าไส้ สัมฤทธิ์จึงทำทุกวิถีทางเพื่อให้บัวทองมาเป็นเมียแต่ไม่สำเร็จ จึงคิดแผนชั่วให้ลูกน้องและจำเริญคนงานเก่าของขุนเดชมาฉุดบัวทองไปที่กระท่อมร้าง บัวทองเกือบตกเป็นของสัมฤทธิ์ ดีที่นางหวาดโผล่มาอาละวาดเอาดาบไล่ฟันสัมฤทธิ์ บัวทองจึงหนีไปได้ สัมฤทธิ์โกรธมากยิงนางหวาดตาย พอตำรวจรู้เรื่องจาก หมอน้อย (ตฤณ เศรษฐโชค) หมอประจำหมู่บ้านที่เป็นที่เคารพของทุกคน
ซึ่งเห็นเหตุการณ์บัวทองถูกฉุดและมาแจ้งความให้ตำรวจไปช่วยบัวทอง จ่าแท่นจึงนำกำลังมาช่วยหลาน จำเริญซึ่งคอยดูต้นทางได้ยินลูกน้องสัมฤทธิ์คุยกันว่า บัวทองเป็นแฟนขุนเดชก็ตกใจมาก เพราะไม่เคยรู้มาก่อนว่าบัวทองเป็นแฟนขุนเดช หัวหน้าเก่า สาเหตุที่จำเริญยอมทำชั่วช่วยสัมฤทธิ์เพราะอยากได้เงินไปให้แม่ที่กำลังป่วยและบวชทดแทนบุญคุณให้แม่ แต่พอรู้ว่าบัวทองเป็นแฟนขุนเดช จำเริญกลัวจึงหนีไป ส่วนสัมฤทธิ์เกือบโดนตำรวจจับ แต่ได้เจอเสือเพิกเพื่อนเก่ากำนันบุญมาช่วยไว้ แล้วพาไปอยู่ที่ซุ้มโจรด้วยกันช่วยกันออกปล้นฆ่าชาวบ้าน แต่สัมฤทธิ์คิดชั่วอยากได้ลูกน้องของ เสือเพิกมาเป็นของตัวเองจึงหักหลังฆ่าเสือเพิกแล้วตั้งตัวเป็นหัวหน้าโจรเอง
หลังจากที่จำเริญกับพวกคนอื่นๆ หนีตำรวจมาได้ก็ถูกขุนเดชไล่ล่าฆ่าตายทีละคน เหลือแต่จำเริญที่หนีมาบวชเพื่อทดแทนคุณแม่เพราะกลับตัวกลับใจสำนึกผิด หวังว่าการบวชครั้งนี้นอกจากทดแทนบุญคุญแม่แล้วยังจะช่วยลบล้างความผิดที่ทำมา ขุนเดชตามมางานบวชจำเริญโดยมีหมวดยงยุทธกับจ่าแท่นแอบตามมาดูขุนเดชว่าจะฆ่าจำเริญหรือไม่ แต่เมื่อขุนเดชเจอจำเริญในผ้าเหลืองจึงอโหสิกรรมทุกอย่าง จ่าแท่นจึงรู้สึกโล่งใจที่ขุนเดชไม่ทำอะไรวู่ว่ามลงไป
คำว่าอโหสิกรรมที่ขุนเดชกล่าวต่อหน้าพระจำเริญทำให้ขุนเดชคิดได้ และการดูแลเอาใจใส่ของบัวทองระหว่างที่ขุนเดชพักรักษาตัวตอนถูกยิง ก็ทำให้หัวใจขุนเดชที่เคยตั้งใจไว้ว่าจะไม่มีความรักให้ใครก็เริ่มอ่อนลง เมื่อรู้ข่าวเรื่องโจรขโมยพระ ขุนเดชก็พยายามถอยและไม่ลงมือเอง แต่ส่งเบาะแสให้ตำรวจจัดการ จนกระทั่งมีชายเชื้อสายจีนไว้ผมเปียยาวขายของเด็กเล่นอาศัยอยู่บนเรือชาวบ้านเรียกเค้าว่า จีนเปีย เข้ามาในศรีสัชนาลัย ขุนเดชสงสัยในท่าทีมีพิรุธ จึงสืบจนรู้ว่าเป็นพวกขโมยพระแล้วนำพระมาซ่อนบนเรือ ขุนเดชจึงให้เบาะแสกับตำรวจ จนตำรวจสามารถจับจีนเปียไว้ได้ จีนเปียวางแผนแหกคุกโดยโกหกว่าหิวน้ำ พอตำรวจเผลอจึงเอามีดเล็กที่ซ่อนอยู่ที่ผมเปียปาดคอตำรวจตายแล้วหลบหนีไป ตำรวจพยายามไล่ล่าจีนเปีย แต่จีนเปียก็หนีไปได้ ขุนเดชจึงต้องออกโรงจัดการฆ่าจีนเปียแล้วนำศพมาส่งให้ที่สถานีตำรวจ
หลังจากที่สัมฤทธิ์เป็นหัวหน้าโจรปล้นฆ่าชาวบ้าน จนถูกทางการกดดันตามล่าตัว สัมฤทธิ์จึงหนีกลับมากบดานที่บ้านกำนันบุญที่ใช้อิทธิพลของตัวเองซ่อนลูกชายไว้ ทางฟากรัฐมนตรีปราชญ์ที่พยายามปกปิดเรื่องลูกสาวท้องโตในวัยเรียนมาตลอดเรื่องก็กลับมาอื้อฉาว เพราะประดับทะเลาะกับปารมีอย่างรุนแรงเรื่องที่เขาคิดใช้เธอเป็นเครื่องมือเข้ามาเป็นลูกเขยรัฐมนตรีเท่านั้น ปารมีน้อยใจขับรถไปชนแม่ค้าข้างถนนตายกลายเป็นข่าวครึกโครม ชื่อเสียงรัฐมนตรีปราชญ์เสียหายหนัก จนมีข่าวแว่วมาว่ามีสิทธิ์ถูกถอดถอน ประดับกลัวว่าตัวเองจะเสียโอกาสถ้าไม่มีพ่อตาเป็นรัฐมนตรี จึงอาสาจะทำทุกอย่างไม่ให้รัฐมนตรีปราชญ์หลุดจากเก้าอี้ รัฐมนตรีรู้มาว่าถ้าสามารถหาเครื่องชามสังคโลกโบราณที่ยังอยู่ในสภาพสมบูรณ์มาเป็นสินบนให้ผู้ใหญ่ในพรรค เก้าอี้ของตัวเองก็จะไม่หลุด เพราะเครื่องชามสังคโลกที่ยังสมบูรณ์และงดงามไร้ที่ติไม่ใช่ของหาง่าย เท่าที่มีอยู่ก็มีแต่ในพิพิธภัณฑ์แห่งชาติเท่านั้น ประดับอาสาจะจัดการเรื่องนี้ เพราะก่อนหน้านี้ได้ข่าวจากกำนันบุญว่ามีการค้นพบเครื่องชามสังคโลกในสภาพสมบูรณ์ที่ศรีสัชนาลัย
ประดับเดินทางมาหากำนันบุญ ซึ่งยืนยันเรื่องเครื่องชามสังคโลกว่ามีการค้นพบจริงๆ โดยรู้มาจากลูกน้องที่เคยแอบเข้าไปลักขุดขโมยของโบราณในที่ดินหมอน้อย และรู้ว่าหมอน้อยมีเครื่องชามสังคโลกโบราณอยู่ กำนันบุญจึงไปทาบทามขอซื้อแต่ถูกหมอปฏิเสธ หมอน้อยได้บริจาคที่ดินรวมถึงเครื่องชามสังคโลกให้ทางการหมดแล้วเพื่อเป็นประโยชน์แก่แผ่นดิน กำนันบุญโกรธมากให้สัมฤทธิ์พาลูกน้องปล้นบ้านหมอน้อย
สัมฤทธิ์ฆ่าหมอน้อย เมียและลูก รวมถึง นายชื่น คนงานเฝ้าไร่ตายทั้งบ้าน โชคดี ที่นายชื่นแค่บาดเจ็บ จึงมาบอกเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าพวกสัมฤทธิ์ฆ่าหมอน้อยและครอบครัว หมวดยงยุทธบุกไปจับสัมฤทธิ์ที่บ้านกำนันบุญ เพราะรำพันแอบส่งข่าวให้ตำรวจรู้ว่าสัมฤทธิ์กบดานอยู่ที่บ้าน สัมฤทธิ์รอดไปได้ โดยพ่อส่งไปกบดานกับ นายซ้อน ลูกน้องเก่าที่ทำไร่อยู่เขาพนมเพลิง ส่วนรำพันถูกกำนันบุญตบตีทำร้ายจะเอาถึงตาย ทิพย์ร้องไห้กระจองอแง เข้าไปกอดไม่ให้พ่อทำร้ายแม่ กำนันโกรธลูกสาวปัญญาอ่อนและทนรำคาญไม่ไหว เลยจับตัวจะไปส่งโรงพยาบาลบ้า แต่ระหว่างนั้น ทิพย์สะบัดตัวหนี กำนันบุญพลาดตกบันไดลงมาหมดสติ
ในระหว่างที่หมดสติ กำนันบุญฝันเห็นภาพในอดีตของตัวเองที่เคยลักตัดเศียรพระ และเจองูเห่านับสิบตัวเลื้อยปกป้ององค์พระ พวกลูกน้องพากันกลัวว่าเป็นงูเจ้าไม่ควรไปยุ่งหรือทำร้ายไม่อย่างนั้นบาปจะติดตัว แต่กำนันไม่เกรงกลัวเอาถังน้ำมันราดแล้วจุดไฟเผาฆ่างูเจ้าตายเกลี้ยง หลังจากนั้นไม่นานรำพันก็คลอดทิพย์ที่ตอนเกิดมีเกล็ดตามตัวเหมือนเกล็ดงู และเมื่อโตขึ้นทิพย์ก็มีอาการปัญญาอ่อนไม่สมประกอบ เมื่อกำนันฟื้นขึ้นก็พบว่ารำพันพาทิพย์หนีไปแล้ว ส่วนตัวเขาลุกไม่ขึ้น เพราะแข้งขาไม่มีเรี่ยวมีแรงจะขยับไปไหนก็ต้องใช้วิธีเลื้อยเอาคล้ายงูที่ต้องเลื้อยไปมา หมอบอกว่าที่กำนันบุญเป็นอย่างนี้มาจากการตกบันไดทำให้เส้นประสาทที่ขาเสียหาย
กำนันบุญกังวลและคิดถึงบาปกรรมที่เคยทำไว้ในอดีต ประดับมาหากำนันบุญเพื่อขอเอาชามสังคโลกที่ได้มาจากหมอน้อย กำนันบุญยื่นข้อเสนอเพิ่มเติมนอกจากเงิน ขอให้ท่านรัฐมนตรีช่วยลูกชายให้พ้นคดี และหาหมอเก่งๆ มารักษาให้กลับมาเดินได้อีกครั้ง เพราะกลัวว่าถ้าขุนเดชรู้ว่าตัวเขาพิการ มันต้องมาแก้แค้นที่เคยไปฆ่าพ่อมันแน่ๆ ประดับเลยได้รู้ว่าขุนเดชศัตรูในอดีตที่เคยฝากความแค้นกันไว้ ตอนนี้มันตามรังควาญเขาไม่หยุด ประดับคิดแผนบางอย่างจัดการกับขุนเดชเพื่อสางความแค้น เลยทำเป็นรับปากกำนันบุญว่าจะจัดการตามที่ต้องการทุกอย่าง แต่พอลงจากเรือนกำนันบุญได้ไม่นาน ประดับก็สั่งลูกน้องให้เผาบ้านกำนันบุญ ทรัพย์สมบัติของกำนันบุญก็สั่งให้คนขนออกมาจนเกลี้ยง ลูกน้องคนไหนไม่ยอมแปรพักต์ก็จัดการฆ่าตายให้หมด แล้วใช้เลือดเขียนบนผนังเรือนว่านี่คือการแก้แค้นของขุนเดช
การตายของหมอน้อยพร้อมครอบครัว สร้างความเสียใจให้ทุกคนในศรีสัชนาลัยที่ต้องสิ้นคนดี ขุนเดชรักและเคารพหมอน้อยเหมือนญาติผู้ใหญ่ จึงโกรธแค้นอย่างมากและคิดแก้แค้นให้หมอน้อย นายซ้อนซึ่งให้ที่พักสัมฤทธิ์แอบมาพบขุนเดชเพื่อส่งข่าวเรื่องสัมฤทธิ์ ถึงนายซ้อนจะเคยเป็นลูกน้องกำนันบุญ แต่ตอนนี้ก็กลับตัวแล้ว จึงขอให้ขุนเดชไปจัดการสัมฤทธิ์ที่เขาพนมเพลิง ขุนเดชตามไปฆ่าโดยขุดหลุมพราง ให้สัมฤทธิ์ตกไปในหลุมแล้วใช้น้ำมันราดเผาสัมฤทธิ์ทั้งเป็น และยืนดูมันตายอย่างทรมานให้สาสมกับความผิดที่เคยทำ หมวดยงยุทธตามมาพบขุนเดชฆ่านายสัมฤทธิ์ซึ่งเป็นหลักฐานคาตา ยงยุทธขอให้ขุนเดชมอบตัว เพราะตอนนี้ขุนเดชกลายเป็นอาชญากรที่ตำรวจต้องการ หลังจากไปปล้นเผาบ้านกำนันบุญ ขุนเดชปฏิเสธไม่ได้เป็นคนปล้นบ้านกำนันบุญ หมวดยงยุทธและจ่าแท่นเชื่อว่าขุนเดชไม่ได้ทำและโดนใส่ร้าย จึงขอร้องให้ขุนเดชมอบตัว เพื่อพิสูจน์ความจริงกับศาล แต่ขุนเดชไม่ยอมมอบตัวและเข้าต่อสู้กับหมวดยงยุทธจนหนีไปได้
ที่จริงแล้วกำนันบุญยังไม่ตายแต่ถูกประดับจับตัวไว้เพื่อเรียกให้ขุนเดชมาจัดการ โดย ประดับซ้อนแผนให้ตำรวจมาพบตอนที่ขุนเดชฆ่ากำนันบุญ ประดับส่งข่าวกำนันบุญให้ขุนเดชรู้ผ่านทางดารา ว่ากำนันบุญอยู่ที่ถ้ำ พระศิลาบนเขาหลวง ที่ๆ พ่อขุนเดชถูกฆ่าตาย อาจารย์ดาราเตือนขุนเดชไม่ให้ไป ตกหลุมพรางของประดับ และอาจารย์ประทีปก็เอาคำพูดของหลวงพ่อสุขที่เคยเตือนเอาไว้พูดให้ขุนเดชรู้ แต่ขุนเดชยืนยันว่าเขาเกิดมาเพื่อปกป้องสมบัติของชาติ เขาคือทหารของพระร่วง ขุนเดชเดินทางไปที่ถ้ำศิลาและได้พบกำนันบุญในสภาพนั่งรถเข็นน่าเวทนา กำนันบุญขอร้องให้ไว้ชีวิตอ้างว่าตอนนี้ ตัวเองไม่เหลืออะไรอีกแล้ว ได้รับกรรมที่เคยทำไว้แล้วอยากให้ขุนเดชอโหสิให้
ขุนเดชลังเลใจนึกถึงคำพูดของหลวงพ่อสุข ที่อาจารย์ประทีปบอกไว้และคำสัญญากับบัวทองว่าจะใช้ชีวิตด้วยกันอย่างสงบ ขุนเดชคิดจะอโหสิให้กำนันบุญ แต่กลับถูกกำนันยิงเข้ากลางอกด้วยปืนที่ซุกไว้ในรถเข็น ขุนเดชทรุดฮวบหายใจรวยรินเจ็บใจที่โดนกำนันหลอก ประดับโผล่เข้ามาหัวเราะสะใจที่ขุนเดชโดนเล่นงาน กำนันอ้างว่าประดับสั่งให้ทำ ประดับเข้ามาจิกหัวขุนเดช สมเพชเวทนา อยากเห็นขุนเดชตายต่อหน้าต่อตา เพราะถ้าขืนปล่อยให้ตำรวจได้ตัวไป วันนึงขุนเดชก็ต้องพ้นโทษออกมาอีก ประดับทิ้งขุนเดชไว้ในถ้ำกับกำนันบุญ ขุนเดชเกือบจะตายอยู่ แล้วแต่ด้วยคำพูดของพ่อที่พูดถึงพระขพุงผี ผีเทวดาที่ยิ่งใหญ่กว่าเทวดาใดๆ บนเขาหลวง ขุนเดชก็ฮึดลุกขึ้นมา กำนันบุญจะยิงขุนเดชซ้ำ แต่ขุนเดชก็ฟันฉับเข้าที่คอ กำนันบุญคอขาดกระเด็นสาสมกับกรรมที่ทำไว้
หมวดยงยุทธกับจ่าแท่นและกำลังตำรวจตามมาที่เขาหลวงเพื่อต้องการระงับเหตุและจับตัว ขุนเดช บัวทองกับอาจารย์ดาราตามจ่าแท่นมาด้วยเพราะเป็นห่วงขุนเดช แต่หมวดยงยุทธสั่งห้ามไม่ให้ขึ้นไป ที่เขาหลวง อาจารย์ดาราขอร้องหมวดยงยุทธให้ปล่อยขุนเดชไป แต่หมวดยงยุทธยืนยันว่าเขาต้องทำทุกอย่าง ตามความถูกต้อง เพราะถ้าเขาทำสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ชาตินี้เขาคงทนมองหน้าใครไม่ได้อีก และอาจารย์ดาราก็คง จะภูมิใจในตัวเขาไม่ได้ ดาราน้ำตารื้นยอมเข้าใจว่าหมวดยงยุทธจำเป็น จึงยอมอยู่กับบัวทองที่ตีนเขาหลวง
ขุนเดชในสภาพที่บาดเจ็บหนักไล่ล่าตามหาตัวประดับในป่าบนเขาหลวง ประดับคิดว่า ตัวเองน่าจะหาทางออกได้แต่เกิดเรื่องอัศจรรย์ เมื่อทางออกที่เคยเดินไม่เหมือนเดิม ประดับเริ่มเดินวนเวียน อยู่ในป่าจนหลงทาง และได้ยินเสียงหวีดร้องน่ากลัวไปทั่วป่า ประดับยิงปืนไปทั่วเพราะคิดว่าเป็นฝีมือ ขุนเดช แต่ภาพที่ประดับเห็นกลับเป็นภาพนักรบโบราณเดินไปเดินมารอบตัว และหนึ่งในกลุ่ม นักรบโบราณ ก็คือขุนเดชที่ยืนจังก้า ในมือถือไม้ตะพดที่ชักออกมาเป็นดาบคมกริบ ขุนเดชตวัดดาบเข้าสู้กับประดับ และใช้มันเสียบทะลุหัวใจประดับจนตายคาที่ จ่าแท่นกับหมวดยงยุทธตามมาพบขุนเดชในสภาพหายใจรวยริน ขุนเดชบอกหมวดยงยุทธว่าเสียใจที่ให้หมวดจับเข้าคุกไม่ได้ เพราะคงสิ้นลมหายใจอยู่ที่เขาหลวงแห่งนี้ ขุนเดชขอร้องหมวดยงยุทธว่าปล่อยให้เขาตายที่นี่ จะได้เป็นผีเฝ้าสมบัติของบรรพบุรุษจากพวกใจบาป ขุนเดชแน่นิ่งไปต่อหน้าต่อตาหมวดยงยุทธ
รัฐมนตรีปราชญ์มาที่สุโขทัยเพื่อรับถ้วยชามสังคโลกที่ประดับเก็บไว้ให้ เมื่อนักข่าวถามถึงเรื่องของประดับที่ไปเกี่ยวข้องกับพวกค้าวัตถุโบราณ ท่านรัฐมนตรีด่าประดับว่าเป็นพวกสารเลวและเพิ่งรู้เห็นความเลวของมันเหมือนกัน สาสมที่มันตายซะได้แถมยังรับปากกับประชาชนว่าจะกวาดล้างพวกขายสมบัติชาติให้สิ้นซาก แต่ครั้นเมื่อท่านรัฐมนตรีกลับมาถึงบ้านก็ต้องพบกับภาพอันบาดสะเทือนหัวใจ เมื่อปารมีลูกสาวของตัวเองกินยาขับเลือดนอนแท้งลูก ตกเลือดตายอยู่บนเตียง
หมวดยงยุทธกับจ่าแท่นและชาวบ้านร่วมกันจัดงานเผาศพให้ขุนเดช ทุกคนมาร่วมงานศพ บัวทองยืนร้องไห้เสียใจ แค้นที่คนดีๆ อย่างขุนเดชต้องมาตายเพราะฝีมือคนชั่ว บัวทองเสียใจมากจึงได้เดินหลบออกไป จ่าแท่นเดินตามมาแล้วเล่าความจริงให้บัวทองฟังว่า ขุนเดชยังไม่ตาย ตอนนี้หลบพักรักษาตัวอยู่ และเป็นความตั้งใจของหมวดยงยุทธที่จะให้ทุกคนเข้าใจว่าวีรบุรุษบาปอย่างขุนเดชตายจากไปแล้ว บัวทองดีใจเมื่อรู้ดังนั้นจึงพาแม่ไปอาศัยอยู่กับขุนเดชไปปลูกไร่ ไถ่นาอยู่กันตามประสาอย่างมีความสุข โดยที่ไม่มีผู้ใดรู้ว่าขุนเดชยังมีชีวิตอยู่ ส่วนหมวดยงยุทธได้เลื่อนยศขึ้นเป็นผู้การที่จังหวัดสุโขทัยและแต่งงานกับอาจารย์ดารา ทุกๆ วันหมวดยงยุทธมักจะยืนมองโบราณสถานที่ยังทรงคุณค่า และนึกขอบใจขุนเดชที่เสียสละตัวเองเพื่อปกป้องสมบัติและภูมิปัญญาของบรรพบุรุษให้อยู่สืบไป