ละคร เจ้าหญิงหลงยุค
ดู 6,337 ครั้ง /
แชร์
ช่องที่ออกอากาศ | ละครช่อง 7 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
เริ่มออกอากาศ | 22 มิถุนายน 2554 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
เวลาออกอากาศ | 18:40 - 19:30 น. |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
กำกับโดย | ตรัยยุทธ กิ่งภากร | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
ประพันธ์โดย | บทประพันธ์ ราเมศ เรืองประทุม, บทโทรทัศน์ อัจฉรียา | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
นำแสดงโดย | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||
ผู้สร้าง | ค่าย มิราบิลิส |
ภาพนิ่งจากละคร
เรื่องย่อ เจ้าหญิงหลงยุค
ณ เมืองมรกต เจ้าหญิงกรรณิกาเกสร (ภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์) ธิดาเจ้าผู้ครองผู้ที่มีรูปโฉมงดงามเป็นที่เลื่องลือไปทั่วทุกแคว้น แต่สิ่งที่เลื่องลือไม่แพ้ความงามของเธอก็คือการเอาแต่ใจตัวเองของเจ้าหญิง ความเย่อ หยิ่ง จองหอง จนเป็นที่เอือมระอาของข้าราชบริพานทั่วไป ไม่ว่าเจ้าหญิงต้องการอะไร ทุกผู้คนต่างก็ต้องทุ่มเทแรงกายและแรงใจหามาให้ได้ ไม่เว้นแม้แต่ รามเทพ (คณิน บัตติยา) ราชองครักษ์ ผู้ซึ่งเจ้าหญิงพอใจที่จะกลั่นแกล้งอยู่เสมอ เพราะรามเทพเป็นคนเดียวที่ทำทุกอย่างได้ดังใจเจ้าหญิง จนเจ้าหญิงไม่สามารถหาเรื่องลงโทษได้ นั่นยิ่งทำให้เจ้าหญิงกรรณิกาเกสรยิ่งชังรามเทพมากขึ้นมากขึ้น
และแล้วเรื่องราวใหญ่โตก็เกิดขึ้น เมื่อเจ้าอ้ายคำตัน (ทนงศักดิ์ ศุภการ) พ่อของเจ้าหญิงกรรณิกาเกสรตัดสินใจจะยกเจ้าหญิงกรรณิกาเกสรให้อภิเษกกับเจ้าชายตืนสาง (สุรศักดิ์ โชติทินวัฒน์) โอรสแคว้นข้างเคียง เพื่อเป็นการเชื่อมสัมพันธ์ไมตรีและเป็นการป้องกันการรุกรานจากอาณาจักรที่มีกำลังเข้มแข็งด้วย เรื่องนี้สร้างความขุ่นข้องหมองใจให้แก่เจ้าหญิงกรรณิกาเกสรเป็นอย่างมาก ถึงกับมีปากเสียงกับเสด็จพ่ออย่างรุนแรง เจ้าหญิงกรรณิกาเกสรไม่ยอมกินข้าวกินปลาขังตัวเองอยู่แต่ในห้องเดือดร้อนถึงเจ้าอ้ายคำตันเป็นพ่อที่ไม่รู้ว่าจะจัดการเรื่องนี้อย่างไรดี
เจ้าอ้ายคำตันปรึกษาเรื่องนี้กับรามเทพ เพราะเห็นว่ารามเทพเป็นคนฉลาดและเป็นเพื่อนกับเจ้าหญิงมาตั้งแต่น้อย รามเทพหาทางเข้าไปพูดคุยกับเจ้าหญิงกรรณิกาเกสร เขาโน้มน้าวให้เจ้าหญิงเห็นแก่เลือดขัตติยะที่ต้องเห็นแก่บ้านเมืองมาก่อนเรื่องส่วนตัว ถึงแม้เจ้าหญิงจะไม่ได้ชอบเจ้าชายตืนสางมาก่อนก็ตาม แต่เพื่อความสัมพันธ์ระหว่างแคว้นแล้วเจ้าหญิงกรรณิกาเกสรควรจะ ต้องเสียสละ เจ้าหญิงกรรณิกาเกสรท้าทายรามเทพว่าให้รามเทพหาดอกมะลิสีชมพูมาให้ได้ ถ้ารามเทพหามาได้เจ้าหญิงกรรณิกาเกสรจะทำตามสิ่งที่รามเทพต้องการรามเทพหามาจนได้ เจ้าหญิงกรรณิกาเกสรโมโหมาก เธอแค้นที่ต้องเป็นฝ่ายพ่ายแพ้รามเทพอีกครั้ง และครั้งนี้ดูเหมือนจะ ต้องเดิมพันด้วยความสุขชั่วชีวิตของเธอ
เจ้าหญิงกรรณิกาเกสร เข้านอนคืนนั้นด้วยความเศร้า การที่เธอต้องแต่งงานยังไม่เศร้าเท่า กับคนที่ทำให้เธอต้องแต่งงานกับชายอื่นคือคนที่เธอมีใจให้นั่นเอง รามเทพไม่เคยล่วงรู้ว่าความจริงแล้ว เจ้าหญิงกรรณิกาเกสรแอบชอบพอเขาอยู่ หรือบางทีเจ้าหญิงเองก็ยังไม่เคยแน่ใจจนกระทั่ง...บัดนี้เจ้าหญิงกรรณิกาเกสรอธิษฐานกับดอกมะลิสีชมพูในคืนนั้นเองว่าเธอยอมที่จะหายไปจากโลกนี้ดีกว่าที่จะต้องอยู่ต่อไปอย่างเจ็บช้ำ
พุทธศักราช 2553 ตลาดแห่งหนึ่ง กรุงเทพฯ
งานทำบุญของตลาดปีนี้จัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ด้วยการดำเนินงานของคุณหญิงพัชรี (กรองทอง รัชตะวรรณ) ลิเกคณะโชคสวนศรีกำลังเปิดการแสดงเป็นวันที่สามในจำนวน 5 วันตามข้อตกลง ลิเกคณะโชคสวนศรีเป็นคณะที่กำลังได้ความนิยมเนื่องจากมงคล โชคสวนศรี (นวพล ภูวดล) พระเอกลิเกดาวรุ่งหน้าหวานกำลังมีแม่ยกติดตามเป็นขบวน
การแสดงวันนี้เป็นเรื่องจันทโครพตามความนิยม ขณะที่มงคลผู้แสดงเป็นจันทโครพกำลังวาดลวดลายอยู่นั่นเอง ที่หลังเวทีทีมงานกำลังลุ้นอยู่ว่า เมย์ หรือ มาลี โชคสวนศรี (แพร เอมเมอรรี่) ผู้ที่แสดงเป็นนางเอกซึ่งยังมาไม่ถึงวิก มาลีรับปากทีมงานว่าให้เปิดการแสดงไปก่อนเลยเพราะเธอจะมาทันขึ้นเวทีแน่ๆ โดยที่พ่อโชค (เด่น ดอกประดู่) หัวหน้าคณะ ไม่รู้มาก่อนเลยว่ามาลียังมาไม่ถึงเพราะต่างคนต่างก็ช่วยกันปิดความลับนี้เอาไว้ พ่อโชคเข้ามาตามมาลี เพราะถึงคิวของมาลีที่ต้องเตรียมตัวข้างเวทีแล้วแต่พ่อโชคไม่เจอมาลี บานชื่น (ชมพูนุช ปิยธรรมชัย) ที่ทั้งเล่นลิเกเป็นตัวโจ๊ก และดูแลชาวคณะก็ไม่ยอมเอ่ยปากว่ามาลีหายไปไหนได้แต่หาทางแก้ปัญหาทางหน้าเวที มงคลผู้แสดงเป็นพระเอกกำลังจะเปิดผอบแล้ว บานชื่นจำเป็นต้องบอกโชคว่ามาลีไปเที่ยวในเมืองยังกลับมาไม่ถึงโชคโมโหรื้อข้าวของกระจุยกระจาย จนกระทั่งเขารื้อไปถึงกองเสื้อผ้าก็ปรากฏหญิงสาวในชุดแบบลิเกร้องโวยวายขึ้นมา... เจ้าหญิงกรรณิกาเกสรนั่นเอง
เจ้าหญิงกรรณิกาเกสรตื่นขึ้นมาได้ก็งงมากว่าเธอมาอยู่ที่ไหนและมาอยู่ได้ยังไง สิ่งเดียวที่ติดตัวเธอมาคือดอกมะลิสีชมพู แต่ที่งงพอๆ กับเจ้าหญิงก็คือพ่อโชค พ่อโชคงงว่าใครไปรับนักแสดงลิเกคนใหม่เข้ามาโดยที่ไม่บอกกล่าวกับหัวหน้าคณะ แถมยังให้แต่งชุดลิเกเรียบร้อยแล้วเสียด้วย พ่อโชคต่อว่าเจ้าหญิงกรรณิกาเกสรทันที แต่มีหรือที่เจ้าหญิงกรรณิกาเกสรผู้ลือชาว่าเจ้าอารมณ์นักหนา เมื่อพันปีก่อนจะยอมไม่มีใครเคยต่อว่าเธอได้แม้แต่เสด็จพ่อก็ตาม ยิ่งเป็นตาแก่พุงพลุ้ยที่ไหนก็ไม่รู้พูดจาไม่มีมารยาทเสียด้วย เจ้าหญิงต่อว่ากลับไปบ้างพร้อมทั้งเรียกทหาร...คำพูดทุกคำของเจ้าหญิงราวกับเป็นบทลิเกเรื่องใดเรื่องหนึ่ง เมื่อไม่มีทหารออกมาดังที่เจ้าหญิงสั่งเจ้าหญิง ก็ยิ่งโมโห เธอเริ่มอาละวาดสร้างความวุ่นวายให้แก่หลังเวทีเป็นอย่างยิ่ง
ที่เดือดร้อนไม่ต่างจากหลังเวทีก็คือหน้าเวทีที่กำลังแสดงอยู่ มงคลกำลังปาดเหงื่อ เมื่อนางโมราไม่ยอมออกจากผอบเสียที และแล้วโมราก็ออกมาจากหลังเวที แต่ไม่ใช่มาลีตามที่เคยซ้อมบท กันมา แต่กลับเป็นใครก็ไม่รู้ที่มงคลเองก็ไม่เคยเห็นมาก่อน คนที่ตกใจไม่แพ้มงคล ก็คือ เจ้าหญิงกรรณิกาเกสรที่ดันทะเล่อทะล่าเดินออกมาหน้าเวทีลิเกที่กำลังทำการแสดง แต่คำพูดทุกคำของเจ้าหญิงมันช่างลงตัวไปกับภาษาของลิเกได้อย่างแนบเนียน ขาดก็แต่เพียงเนื้อเรื่องเท่านั้นที่ดูเหมือนโมราคนนี้จะไม่ยอมทำตามบทประพันธ์ดั้งเดิมเอาเลย ผู้ชมเริ่มสนุกไปกับการมั่วบทของนักแสดงบนเวทีซึ่งเปรียบได้ดั่งการชมเรียลลิตี้โชว์ที่ไม่มีบทนั่นเอง ขาดก็แต่เพียงการโหวตเข้าไปในรายการ เสียงโห่ร้องของผู้ชมยิ่งดังก็ยิ่งสร้างความแตกตื่นให้กับเจ้าหญิงกรรณิกาเกสรมากยิ่งขึ้น จนกระทั่งเจ้าหญิงทนไม่ได้ถึงกับแสดงนิสัยโมโหร้ายออกมาอีกครั้ง สร้างความโกลาหลไปทั้งตลาด กว่าที่ทุกคนจะร่วมมือทำให้เจ้าหญิงกรรณิกาเกสรสงบลงไปได้
ที่บ้านคุณหญิงพัชรี ซึ่งกำลังมึนงงกับความวุ่นวายที่เกิดขึ้น ท่ามกลางความสนุกสนานของเหล่าคนใช้ที่กำลังบอกเล่าถึงความแปลกประหลาดของลิเกวันนี้ โดยเฉพาะความที่ออกมาจากปากนังแมวคนใช้ตัวป่วน รามลูกชายของคุณหญิงก็รู้สึกสนุกไปกับคำบอกเล่าของแมวไปด้วย พร้อมทั้งอยากเห็นนางเอกลิเกที่ดูเหมือนจะกลายเป็นดาวตลกซะมากกว่า
ที่คณะลิเก หลังจากที่พ่อโชค และบานชื่น จัดการจนเจ้าหญิงกรรณิกาเกสรสงบลงได้แล้ว ก็ทำการสอบสวนหาข้อเท็จจริงว่าเหตุใดกรรณิการ์จึงมาป่วนโรงลิเกของเขา มาลีได้ทีทั้งข่มทั้งโขกสับหาว่ากรรณิการ์ทำให้งานวันนี้ล่ม แต่ทุกคนลงความเห็นว่าถึงไม่มีใครมาป่วนงานก็ล่มอยู่ดีเพราะมาลีมาไม่ทันแสดงพ่อโชคจึงยุติเรื่องแล้วปล่อยกรรณิการ์ไป แต่กรรณิการ์ไม่รู้ว่าจะไปไหน เจ้าหญิงนั่งตกตะลึงอยู่ที่หน้าตลาด เธองงมากว่าเกิดอะไรขึ้นพยายามตื่นก็ไม่สำเร็จทุกอย่างรอบตัวเธอมันเป็นอะไรก็ไม่รู้ ก่อนที่เจ้าหญิงจะเตลิดไปมากกว่านี้ มงคลและบานชื่นก็วิ่งมาตามและบอกกรรณิการ์ว่าถ้ายังไม่รู้จะไปไหนก็ให้อยู่กับคณะลิเกไปก่อนได้ มาลีโมโหพ่อโชคที่ยอมให้กรรณิการ์อยู่ แถมยังให้บานชื่นคอยดูแล นัยว่าเพื่อเป็นตัวแทนมาลีได้เวลาที่เธอเหลวไหล มาลีไม่พอใจมากที่ความสำคัญของเธอในคณะลิเกลดลง
วันต่อมารามได้ตามคุณหญิงพัชรีผู้เป็นแม่มาที่งานบุญแสดงลิเก รามเห็นกรรณิการ์ที่เดินอยู่กับมงคลเขาสะดุดใจกรรณิการ์มากแต่ไม่รู้ว่าเพราะอะไรในการแสดงลิเกวันนี้กรรณิการ์ได้แค่ ทำหน้าที่จัดชุดแสดงอยู่หลังเวทีเพราะเมย์ไม่ยอมขาดการแสดงเพื่อให้นังเด็กใหม่ได้เกิดเป็นแน่ นอกจากนั้นมาลียังทำตัวโขกสับกรรณิการ์อีกด้วย นัยว่าเพื่อเป็นการแสดงอำนาจจนเกือบจะฟาดปากกันอยู่หลายยกดีที่มาลียังเกรงใจพ่อโชคอยู่ แต่ก็ไม่ดีที่กรรณิการ์ไม่เกรงใจพ่อโชค มาลีโดน ตบเข้าไปเต็มรัก
หลังการแสดงรามออกตามหากรรณิการ์ เขาไม่รู้ว่าทำไมถึงคุ้นหน้าผู้หญิงคนนี้นัก ขณะที่รามเข้าไปหาที่หลังเวทีลิเกเขาไม่เจอกรรณิการ์ เนื่องจากก่อนหน้านี้กรรณิการ์ตบมาลีจนถูกพ่อโชคไล่ออกไปสงบสติอารมณ์นานแล้ว แต่ในที่สุดรามและกรรณิการ์ก็ได้เจอกัน กรรณิการ์ดีใจมากที่เจอราม เธอทักเขาว่ารามเทพแถมยังพูดเรื่องอะไรก็ไม่รู้ที่รามไม่เข้าใจ กรรณิการ์ต่อว่ารามเสียยกใหญ่ รามตกใจและคิดว่าผู้หญิงคนนี้ คงมีอาการทางประสาท เขาหนีขึ้นรถแต่กรรณิการ์ก็ตาม ขึ้นไป เธอตามเขาจนกระทั่งถึงบ้าน รามไม่พอใจอย่างยิ่งแต่คุณหญิงพัชรีกลับมีท่าทางสงสารกรรณิการ์ คืนนั้นกรรณิการ์นั่งอยู่หน้าบ้านรามเพราะหาทางกลับไม่ถูก รามเห็นดังนั้นจึงอดไม่ได้ที่จะต้องไปส่งเธอ
รามมีอาชีพเป็นครีเอทีฟบริษัทโฆษณา เขากำลังวางแผนในการถ่ายทำโฆษณาตัวใหม่ซึ่งต้องการหญิงสาวที่ดูเป็นไทยๆ และยังต้องพูดภาษาโบราณได้คล่องปาก ในขณะที่กำลังคัดเลือกตัวนักแสดง ชลดา (ฐิตินันท์ สุวรรณถาวร) หญิงสาวที่เฝ้าตามเอาอกเอาใจรามก็มาหาเขา ชลดาอยากได้งานนี้เพราะเธอจะได้ไปถ่ายทำโฆษณาตัวนี้กับรามที่ต่างจังหวัดด้วย แต่รามไม่คิดว่าชลดาจะเหมาะ คุณหญิงพัชรีเสนอรามว่าลองเอากรรณิการ์ไปเทสต์หน้ากล้องให้ลูกค้าดู เพราะกรรณิการ์ดูมาดโบราณเนียนมาก รามไม่สนใจ
คุณหญิงพัชรีไปนำตัวกรรณิการ์มาจากคณะลิเกเพื่อเอามาโมดิฟายหน้าตาและทรงผมเสียใหม่เพื่อถ่ายรูปและอวดราม รามเห็นกรรณิการ์แล้วก็รู้สึกว่าใช่เลย แต่เขาไม่ค่อยชอบกรรณิการ์ไม่รู้ว่าเพราะอะไรเขาจึงปฏิเสธอย่างไม่มีเยื่อใยสร้างความไม่พอใจให้แก่กรรณิการ์มาก เลือดขัตติยะความเป็นเจ้าหญิงกรรณิกาเกสรจึงพุ่งขึ้นอีกครั้ง รามต่อว่ากรรณิการ์ที่เป็นคนโมโหร้ายจนกระทั่งรามถูกกรรณิการ์ตบเข้าไปเต็มๆ ชลดา ยังคงตามตื๊อรามที่จะถ่ายโฆษณาตัวนี้ เธอถึงกับตามไปอ่อยลูกค้า ลูกค้าเห็นรูปกรรณิการ์จากที่ติดไปในหนังสือของราม
ที่คณะลิเกมงคลสังเกตเห็นกรรณิการ์หงอยๆ ไปจึงเข้าไปคุยด้วย กรรณิการ์เล่าเรื่องเมืองของเธอและมงคลก็เออออไปกับกรรณิการ์ด้วย เพราะคิดว่ากรรณิการ์คงมีอาการทางประสาทจริงๆ แต่ที่น่าสงสัย ก็คือนอกจากเรื่องนี้แล้วกรรณิการ์ก็เหมือนคนทั่วไป รามมาหากรรณิการ์ที่คณะลิเกเพราะลูกค้าอยากได้กรรณิการ์มาเทสต์หน้ากล้อง กรรณิการ์ได้เป็นพรีเซนเตอร์ของสินค้าทันทีเพราะลูกค้าชอบมาก แม้ว่ารามจะพยายามพูดข้อเสียของกรรณิการ์ยังไงก็ตามสร้างความไม่พอใจอย่างยิ่งให้แก่ชลดาถึงกับมาอาละวาดกับราม ซึ่งรามก็ไม่พอใจชลดาเช่นกัน เพราะไม่รู้ว่าเธอมาวุ่นวายอะไร
คณะลิเกกำลังจะต้องย้ายวิก คุณหญิงพัชรีจึงรับกรรณิการ์เข้ามาอยู่ในบ้านเพื่อกรรณิการ์จะได้ไม่ต้องตะลอนไปตามคณะลิเก เพราะกรรณิการ์จะต้องเป็นพรีเซนเตอร์สินค้า ชลดายิ่งไม่พอใจรามเข้าไปใหญ่ถึงกับจะมาอาละวาดที่บ้านของราม เธอคิดว่ารามเป็นคนพากรรณิการ์เข้ามาอยู่ เธอจะฟ้องคุณหญิงพัชรี แต่แล้วชลดาก็พบว่าคนที่พอใจกรรณิการ์ก็คือคุณหญิงพัชรีคนนี้นี่เอง
เมื่อกรรณิการ์มาอยู่ในบ้านนี้ เธอก็มาสร้างความครื้นเครงเพราะเธอไม่กลัวราม เธอกลาย เป็นที่ชื่นชอบของบรรดาสาวใช้ทั้งหลายเพราะเธอเป็นเหมือนตัวแทนในการต่อสู้กับรามเจ้านายหนุ่มผู้ดุดัน คุณหญิงพัชรีก็ชอบกิริยาของกรรณิการ์ที่ดูมีสัมมาคารวะมากและก็เรียบร้อย เวลาที่ไม่โมโห จะเสียก็ตรงที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย โดยเฉพาะข้าวของเครื่องใช้ในบ้านทำเสียหายใช้มั่วไปหมด
รามพากรรณิการ์มาหาจิตแพทย์ กรรณิการ์นึกว่าจิตแพทย์เป็นพวกพ่อหมอที่รู้เรื่องราว ต่างๆ เธอจึงพยายามถามทางกลับเมืองของเธอ แต่เมื่อกรรณิการ์รู้ว่าความจริงรามคิดว่าเธอเป็นโรคประสาทเธอก็โกรธรามและบอกว่าจะกลับไปอยู่คณะลิเก กรรณิการ์ออกจากบ้านไปโดยที่เธอก็ไม่รู้ว่าจะไปที่ไหนดี คุณหญิงพัชรีตกใจที่รามปล่อยให้กรรณิการ์หายไปและบังคับให้รามออกไปตาม จนในที่สุดรามก็เจอกรรณิการ์ที่ร้านขายเครื่องเรือนโบราณ กรรณิการ์เกิดไปติดใจปิ่นปักผมอันหนึ่ง
ในการถ่ายโฆษณาที่อยุธยา ชลดาหาเรื่องตามมาด้วย กรรณิการ์ดูร่าเริงและมีชีวิตชีวามากในเมืองโบราณแห่งนี้ เธอเหมือนคุ้นเคยไปเสียทุกที่ กรรณิการ์ได้พบกับพ่อหมอ (วันชัย เผ่าวิบูลย์) ซึ่งทักกรรณิการ์ได้ถูกต้องว่าเป็นเจ้าหญิงกรรณิกาเกสรแห่งเมืองมรกต กรรณิการ์ตามไปคุยกับพ่อหมอ แต่ยังไม่ทันรู้อะไรรามก็เข้ามาขัดขวางเสียก่อน
กรรณิการ์ได้พบกับ สุธี (สุรศักดิ์ โชติทินวัฒน์) นักวิจัยทางโบราณคดี ทั้งสองคุยกันได้อย่างถูกคอ สร้างความหงุดหงิดให้แก่ราม แต่ข้างกายรามก็ยังมีชลดาคอยตามติดอยู่นั่นเอง เมื่อการถ่ายโฆษณาจบลง กรรณิการ์ก็ยังต้องออกงานตามอีเว้นท์ต่างๆ ตามสัญญาที่ได้ตกลงไว้ และทุกครั้งเธอก็ต้องไปกับราม ซึ่งก็จะมีชลดาตามไปด้วย
กรรณิการ์ให้สุธีพากลับมาที่อยุธยาอีกครั้ง เธอต้องการหาทางกลับมาหาพ่อหมอเพื่อที่จะได้รู้ว่าเธอหลุดมาในยุคนี้ได้อย่างไร สุธีนำเอกสารทางประวัติศาสตร์เท่าที่หาพบเกี่ยวกับเรื่องราวของเจ้าหญิงกรรณิกาเกสร ที่จะถูกส่งตัวไปอภิเษกกับเจ้าชายแห่งอาณาจักรที่รุ่งเรือง แต่แล้วก็หายไปอย่างไร้ร่องรอยและก็ไม่ปรากฏในประวัติศาสตร์อีกเลยระบุไว้เพียงว่าสาบสูญ กรรณิการ์เสียใจมากเพราะนั่นหมายถึงเธอจะไม่ได้กลับไปอีกแล้ว พ่อหมอไม่อยู่เสียแล้วไม่มีใครรู้จักพ่อหมอและไม่รู้ว่า พ่อหมอนั่นเป็นใคร สุธีพากรรณิการ์มาส่งที่บ้าน คุณหญิงพัชรีและเกือบจะเกิดศึกหน้านางกับราม ดีที่กรรณิการ์หาทางหย่าศึกได้เสียก่อน พ่อโชคแห่งคณะลิเกได้มาหากรรณิการ์และขอร้องให้กรรณิการ์กลับไปเล่นเป็นนางเอกลิเกเพราะว่ามาลีทำตัวเหลวไหลเหลือเกิน บางทีก็ไม่ยอมเล่นลิเกเอาเสียดื้อๆ บางครั้งก็เมามา กรรณิการ์ตอบตกลง
ที่คณะลิเกมาลีเริ่มแกล้งกรรณิการ์อย่างรุนแรง เพราะเมื่อมีกรรณิการ์ มาลีก็เหมือนหมา หัวเน่าเท่านั้นเอง มาลีทำตัวนิสัยเหมือนเจ้าหญิงกรรณิกาเกสรเมื่อก่อนเปี๊ยบเลย ทำให้กรรณิการ์ได้เริ่มเรียนรู้ว่าเมื่อก่อนตัวเธอเองเป็นยังไงและคนรอบข้างรู้สึกกับเธออย่างไร ครั้งหนึ่งมาลีมีเรื่องกับพ่อโชคอย่างรุนแรงเหมือนตอนที่กรรณิการ์เคยมีเรื่องกับพ่อ กรรณิการ์จึงตกลงใจจะดัดนิสัยมาลีเสียใหม่ ในระหว่างที่กรรณิการ์เล่นลิเกอยู่ รามก็ตามรับตามส่งกรรณิการ์ไปทำงานเป็นพรีเซนเตอร์ รามมารับกรรณิการ์เหมือนอย่างเคย แต่คราวนี้เขามาเห็นกรรณิการ์อยู่กับสุธี...รามกลับทันทีโดยไม่ได้ใส่ใจงานที่ต้องรับกรรณิการ์ไปทำเลย สุธีรับอาสาพากรรณิการ์ไปทำงานแทนและก็รอรับกลับด้วย รามจงใจสวีทกับชลดาเพื่อให้กรรณิการ์เห็น
คืนหนึ่งหลังจากซ้อมลิเกเสร็จกรรณิการ์ก็พบกับพ่อหมออีกครั้ง เธอได้รู้ว่าเธอหลุดมาในยุคปัจจุบัน ตามคำอธิฐานของเธอรักแท้และสิ่งที่พาเธอมาสู่ยุคปัจจุบันจะสามารถพาเธอกลับไปสู่อดีตได้ กรรณิการ์คิดว่าสุธีคือรักแท้ของเธอจึงตกลงคบหากับสุธี ทำให้รามไม่พอใจมากและทำตัวสนิทสนมกับชลดาเพื่อประชดกรรณิการ์ กรรณิการ์เองคิดว่ารามไม่สนใจเธอไม่ใช่รักแท้ของเธอจึงตกลงใจหมั้นกับสุธี
ในงานหมั้นระหว่างสุธีและกรรณิการ์ แขกเหรื่อมาร่วมงานกันอย่างคับคั่งรวมไปถึงลิเก คณะโชคสวนศรีด้วย มาลีมาขอบใจกรรณิการ์ที่ทำให้เธอเปลี่ยนไป ส่วนรามไม่ได้ปรากฏตัวในงาน เขากำลังวางแผนร้ายอยู่แผนชิงตัวกรรณิการ์นั่นเอง รามร่วมกับพ่อโชคและมงคล รวมทั้งเหล่าคนใช้ ในบ้านวางแผนสร้างความวุ่นวาย เพื่อดึงความสนใจแล้วรามก็นำตัวกรรณิการ์ออกมาจนได้ กรรณิการ์บอกรามว่าที่ต้องแต่งงานกับสุธีเพราะมันจะเป็นหนทางทำให้เธอได้กลับไปสู่ยุคของเธอ กรรณิการ์พยายามอธิบายให้รามเข้าใจว่าเธอมาจากโลกอดีตเธอคือเจ้าหญิงกรรณิกาเกสรแห่งเมืองมรกต รามบอกว่าเขารักกรรณิการ์เขาจะไม่ยอมให้กรรณิการ์แต่งงานไปกับคนอื่นเป็นอันขาด... คืนนั้นกรรณิการ์ก็กลับไปเป็นเจ้าหญิงกรรณิกาเกสรอีกครั้งด้วยความรักของรามเทพ
เมืองมรกตคืนก่อนส่งตัวเจ้าหญิงกรรณิกาเกสร เจ้าหญิงกรรณิกาเกสรทำตัวดีและเรียบร้อยมาเป็นอาทิตย์แล้ว เจ้าอ้ายคำตันรู้สึกขอบใจรามเทพมาก เพราะการที่เขาให้รามเทพไปเจรจากับกรรณิกาเกสรดูเหมือนจะสัมฤทธิ์ผล ในคืนนั้นกรรณิกาเกสรล่ำลาเสด็จพ่อเหมือนกับว่าจะไม่ได้กลับมาเมืองมรกตอีก แล้วรุ่งเช้าเจ้าหญิงกรรณิกาเกสรก็หายสาบสูญไป
ยุคปัจจุบันมีตำนานหนึ่งเล่าว่าลูกชายของเจ้าหญิงกรรณิกาเกสรกับรามเทพได้กลับมาครองเมืองมรกตอีกครั้ง แต่ก็ไม่มีใครรู้ว่ามันเป็นความจริงหรือไม่
และแล้วเรื่องราวใหญ่โตก็เกิดขึ้น เมื่อเจ้าอ้ายคำตัน (ทนงศักดิ์ ศุภการ) พ่อของเจ้าหญิงกรรณิกาเกสรตัดสินใจจะยกเจ้าหญิงกรรณิกาเกสรให้อภิเษกกับเจ้าชายตืนสาง (สุรศักดิ์ โชติทินวัฒน์) โอรสแคว้นข้างเคียง เพื่อเป็นการเชื่อมสัมพันธ์ไมตรีและเป็นการป้องกันการรุกรานจากอาณาจักรที่มีกำลังเข้มแข็งด้วย เรื่องนี้สร้างความขุ่นข้องหมองใจให้แก่เจ้าหญิงกรรณิกาเกสรเป็นอย่างมาก ถึงกับมีปากเสียงกับเสด็จพ่ออย่างรุนแรง เจ้าหญิงกรรณิกาเกสรไม่ยอมกินข้าวกินปลาขังตัวเองอยู่แต่ในห้องเดือดร้อนถึงเจ้าอ้ายคำตันเป็นพ่อที่ไม่รู้ว่าจะจัดการเรื่องนี้อย่างไรดี
เจ้าอ้ายคำตันปรึกษาเรื่องนี้กับรามเทพ เพราะเห็นว่ารามเทพเป็นคนฉลาดและเป็นเพื่อนกับเจ้าหญิงมาตั้งแต่น้อย รามเทพหาทางเข้าไปพูดคุยกับเจ้าหญิงกรรณิกาเกสร เขาโน้มน้าวให้เจ้าหญิงเห็นแก่เลือดขัตติยะที่ต้องเห็นแก่บ้านเมืองมาก่อนเรื่องส่วนตัว ถึงแม้เจ้าหญิงจะไม่ได้ชอบเจ้าชายตืนสางมาก่อนก็ตาม แต่เพื่อความสัมพันธ์ระหว่างแคว้นแล้วเจ้าหญิงกรรณิกาเกสรควรจะ ต้องเสียสละ เจ้าหญิงกรรณิกาเกสรท้าทายรามเทพว่าให้รามเทพหาดอกมะลิสีชมพูมาให้ได้ ถ้ารามเทพหามาได้เจ้าหญิงกรรณิกาเกสรจะทำตามสิ่งที่รามเทพต้องการรามเทพหามาจนได้ เจ้าหญิงกรรณิกาเกสรโมโหมาก เธอแค้นที่ต้องเป็นฝ่ายพ่ายแพ้รามเทพอีกครั้ง และครั้งนี้ดูเหมือนจะ ต้องเดิมพันด้วยความสุขชั่วชีวิตของเธอ
เจ้าหญิงกรรณิกาเกสร เข้านอนคืนนั้นด้วยความเศร้า การที่เธอต้องแต่งงานยังไม่เศร้าเท่า กับคนที่ทำให้เธอต้องแต่งงานกับชายอื่นคือคนที่เธอมีใจให้นั่นเอง รามเทพไม่เคยล่วงรู้ว่าความจริงแล้ว เจ้าหญิงกรรณิกาเกสรแอบชอบพอเขาอยู่ หรือบางทีเจ้าหญิงเองก็ยังไม่เคยแน่ใจจนกระทั่ง...บัดนี้เจ้าหญิงกรรณิกาเกสรอธิษฐานกับดอกมะลิสีชมพูในคืนนั้นเองว่าเธอยอมที่จะหายไปจากโลกนี้ดีกว่าที่จะต้องอยู่ต่อไปอย่างเจ็บช้ำ
พุทธศักราช 2553 ตลาดแห่งหนึ่ง กรุงเทพฯ
งานทำบุญของตลาดปีนี้จัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ด้วยการดำเนินงานของคุณหญิงพัชรี (กรองทอง รัชตะวรรณ) ลิเกคณะโชคสวนศรีกำลังเปิดการแสดงเป็นวันที่สามในจำนวน 5 วันตามข้อตกลง ลิเกคณะโชคสวนศรีเป็นคณะที่กำลังได้ความนิยมเนื่องจากมงคล โชคสวนศรี (นวพล ภูวดล) พระเอกลิเกดาวรุ่งหน้าหวานกำลังมีแม่ยกติดตามเป็นขบวน
การแสดงวันนี้เป็นเรื่องจันทโครพตามความนิยม ขณะที่มงคลผู้แสดงเป็นจันทโครพกำลังวาดลวดลายอยู่นั่นเอง ที่หลังเวทีทีมงานกำลังลุ้นอยู่ว่า เมย์ หรือ มาลี โชคสวนศรี (แพร เอมเมอรรี่) ผู้ที่แสดงเป็นนางเอกซึ่งยังมาไม่ถึงวิก มาลีรับปากทีมงานว่าให้เปิดการแสดงไปก่อนเลยเพราะเธอจะมาทันขึ้นเวทีแน่ๆ โดยที่พ่อโชค (เด่น ดอกประดู่) หัวหน้าคณะ ไม่รู้มาก่อนเลยว่ามาลียังมาไม่ถึงเพราะต่างคนต่างก็ช่วยกันปิดความลับนี้เอาไว้ พ่อโชคเข้ามาตามมาลี เพราะถึงคิวของมาลีที่ต้องเตรียมตัวข้างเวทีแล้วแต่พ่อโชคไม่เจอมาลี บานชื่น (ชมพูนุช ปิยธรรมชัย) ที่ทั้งเล่นลิเกเป็นตัวโจ๊ก และดูแลชาวคณะก็ไม่ยอมเอ่ยปากว่ามาลีหายไปไหนได้แต่หาทางแก้ปัญหาทางหน้าเวที มงคลผู้แสดงเป็นพระเอกกำลังจะเปิดผอบแล้ว บานชื่นจำเป็นต้องบอกโชคว่ามาลีไปเที่ยวในเมืองยังกลับมาไม่ถึงโชคโมโหรื้อข้าวของกระจุยกระจาย จนกระทั่งเขารื้อไปถึงกองเสื้อผ้าก็ปรากฏหญิงสาวในชุดแบบลิเกร้องโวยวายขึ้นมา... เจ้าหญิงกรรณิกาเกสรนั่นเอง
เจ้าหญิงกรรณิกาเกสรตื่นขึ้นมาได้ก็งงมากว่าเธอมาอยู่ที่ไหนและมาอยู่ได้ยังไง สิ่งเดียวที่ติดตัวเธอมาคือดอกมะลิสีชมพู แต่ที่งงพอๆ กับเจ้าหญิงก็คือพ่อโชค พ่อโชคงงว่าใครไปรับนักแสดงลิเกคนใหม่เข้ามาโดยที่ไม่บอกกล่าวกับหัวหน้าคณะ แถมยังให้แต่งชุดลิเกเรียบร้อยแล้วเสียด้วย พ่อโชคต่อว่าเจ้าหญิงกรรณิกาเกสรทันที แต่มีหรือที่เจ้าหญิงกรรณิกาเกสรผู้ลือชาว่าเจ้าอารมณ์นักหนา เมื่อพันปีก่อนจะยอมไม่มีใครเคยต่อว่าเธอได้แม้แต่เสด็จพ่อก็ตาม ยิ่งเป็นตาแก่พุงพลุ้ยที่ไหนก็ไม่รู้พูดจาไม่มีมารยาทเสียด้วย เจ้าหญิงต่อว่ากลับไปบ้างพร้อมทั้งเรียกทหาร...คำพูดทุกคำของเจ้าหญิงราวกับเป็นบทลิเกเรื่องใดเรื่องหนึ่ง เมื่อไม่มีทหารออกมาดังที่เจ้าหญิงสั่งเจ้าหญิง ก็ยิ่งโมโห เธอเริ่มอาละวาดสร้างความวุ่นวายให้แก่หลังเวทีเป็นอย่างยิ่ง
ที่เดือดร้อนไม่ต่างจากหลังเวทีก็คือหน้าเวทีที่กำลังแสดงอยู่ มงคลกำลังปาดเหงื่อ เมื่อนางโมราไม่ยอมออกจากผอบเสียที และแล้วโมราก็ออกมาจากหลังเวที แต่ไม่ใช่มาลีตามที่เคยซ้อมบท กันมา แต่กลับเป็นใครก็ไม่รู้ที่มงคลเองก็ไม่เคยเห็นมาก่อน คนที่ตกใจไม่แพ้มงคล ก็คือ เจ้าหญิงกรรณิกาเกสรที่ดันทะเล่อทะล่าเดินออกมาหน้าเวทีลิเกที่กำลังทำการแสดง แต่คำพูดทุกคำของเจ้าหญิงมันช่างลงตัวไปกับภาษาของลิเกได้อย่างแนบเนียน ขาดก็แต่เพียงเนื้อเรื่องเท่านั้นที่ดูเหมือนโมราคนนี้จะไม่ยอมทำตามบทประพันธ์ดั้งเดิมเอาเลย ผู้ชมเริ่มสนุกไปกับการมั่วบทของนักแสดงบนเวทีซึ่งเปรียบได้ดั่งการชมเรียลลิตี้โชว์ที่ไม่มีบทนั่นเอง ขาดก็แต่เพียงการโหวตเข้าไปในรายการ เสียงโห่ร้องของผู้ชมยิ่งดังก็ยิ่งสร้างความแตกตื่นให้กับเจ้าหญิงกรรณิกาเกสรมากยิ่งขึ้น จนกระทั่งเจ้าหญิงทนไม่ได้ถึงกับแสดงนิสัยโมโหร้ายออกมาอีกครั้ง สร้างความโกลาหลไปทั้งตลาด กว่าที่ทุกคนจะร่วมมือทำให้เจ้าหญิงกรรณิกาเกสรสงบลงไปได้
ที่บ้านคุณหญิงพัชรี ซึ่งกำลังมึนงงกับความวุ่นวายที่เกิดขึ้น ท่ามกลางความสนุกสนานของเหล่าคนใช้ที่กำลังบอกเล่าถึงความแปลกประหลาดของลิเกวันนี้ โดยเฉพาะความที่ออกมาจากปากนังแมวคนใช้ตัวป่วน รามลูกชายของคุณหญิงก็รู้สึกสนุกไปกับคำบอกเล่าของแมวไปด้วย พร้อมทั้งอยากเห็นนางเอกลิเกที่ดูเหมือนจะกลายเป็นดาวตลกซะมากกว่า
ที่คณะลิเก หลังจากที่พ่อโชค และบานชื่น จัดการจนเจ้าหญิงกรรณิกาเกสรสงบลงได้แล้ว ก็ทำการสอบสวนหาข้อเท็จจริงว่าเหตุใดกรรณิการ์จึงมาป่วนโรงลิเกของเขา มาลีได้ทีทั้งข่มทั้งโขกสับหาว่ากรรณิการ์ทำให้งานวันนี้ล่ม แต่ทุกคนลงความเห็นว่าถึงไม่มีใครมาป่วนงานก็ล่มอยู่ดีเพราะมาลีมาไม่ทันแสดงพ่อโชคจึงยุติเรื่องแล้วปล่อยกรรณิการ์ไป แต่กรรณิการ์ไม่รู้ว่าจะไปไหน เจ้าหญิงนั่งตกตะลึงอยู่ที่หน้าตลาด เธองงมากว่าเกิดอะไรขึ้นพยายามตื่นก็ไม่สำเร็จทุกอย่างรอบตัวเธอมันเป็นอะไรก็ไม่รู้ ก่อนที่เจ้าหญิงจะเตลิดไปมากกว่านี้ มงคลและบานชื่นก็วิ่งมาตามและบอกกรรณิการ์ว่าถ้ายังไม่รู้จะไปไหนก็ให้อยู่กับคณะลิเกไปก่อนได้ มาลีโมโหพ่อโชคที่ยอมให้กรรณิการ์อยู่ แถมยังให้บานชื่นคอยดูแล นัยว่าเพื่อเป็นตัวแทนมาลีได้เวลาที่เธอเหลวไหล มาลีไม่พอใจมากที่ความสำคัญของเธอในคณะลิเกลดลง
วันต่อมารามได้ตามคุณหญิงพัชรีผู้เป็นแม่มาที่งานบุญแสดงลิเก รามเห็นกรรณิการ์ที่เดินอยู่กับมงคลเขาสะดุดใจกรรณิการ์มากแต่ไม่รู้ว่าเพราะอะไรในการแสดงลิเกวันนี้กรรณิการ์ได้แค่ ทำหน้าที่จัดชุดแสดงอยู่หลังเวทีเพราะเมย์ไม่ยอมขาดการแสดงเพื่อให้นังเด็กใหม่ได้เกิดเป็นแน่ นอกจากนั้นมาลียังทำตัวโขกสับกรรณิการ์อีกด้วย นัยว่าเพื่อเป็นการแสดงอำนาจจนเกือบจะฟาดปากกันอยู่หลายยกดีที่มาลียังเกรงใจพ่อโชคอยู่ แต่ก็ไม่ดีที่กรรณิการ์ไม่เกรงใจพ่อโชค มาลีโดน ตบเข้าไปเต็มรัก
หลังการแสดงรามออกตามหากรรณิการ์ เขาไม่รู้ว่าทำไมถึงคุ้นหน้าผู้หญิงคนนี้นัก ขณะที่รามเข้าไปหาที่หลังเวทีลิเกเขาไม่เจอกรรณิการ์ เนื่องจากก่อนหน้านี้กรรณิการ์ตบมาลีจนถูกพ่อโชคไล่ออกไปสงบสติอารมณ์นานแล้ว แต่ในที่สุดรามและกรรณิการ์ก็ได้เจอกัน กรรณิการ์ดีใจมากที่เจอราม เธอทักเขาว่ารามเทพแถมยังพูดเรื่องอะไรก็ไม่รู้ที่รามไม่เข้าใจ กรรณิการ์ต่อว่ารามเสียยกใหญ่ รามตกใจและคิดว่าผู้หญิงคนนี้ คงมีอาการทางประสาท เขาหนีขึ้นรถแต่กรรณิการ์ก็ตาม ขึ้นไป เธอตามเขาจนกระทั่งถึงบ้าน รามไม่พอใจอย่างยิ่งแต่คุณหญิงพัชรีกลับมีท่าทางสงสารกรรณิการ์ คืนนั้นกรรณิการ์นั่งอยู่หน้าบ้านรามเพราะหาทางกลับไม่ถูก รามเห็นดังนั้นจึงอดไม่ได้ที่จะต้องไปส่งเธอ
รามมีอาชีพเป็นครีเอทีฟบริษัทโฆษณา เขากำลังวางแผนในการถ่ายทำโฆษณาตัวใหม่ซึ่งต้องการหญิงสาวที่ดูเป็นไทยๆ และยังต้องพูดภาษาโบราณได้คล่องปาก ในขณะที่กำลังคัดเลือกตัวนักแสดง ชลดา (ฐิตินันท์ สุวรรณถาวร) หญิงสาวที่เฝ้าตามเอาอกเอาใจรามก็มาหาเขา ชลดาอยากได้งานนี้เพราะเธอจะได้ไปถ่ายทำโฆษณาตัวนี้กับรามที่ต่างจังหวัดด้วย แต่รามไม่คิดว่าชลดาจะเหมาะ คุณหญิงพัชรีเสนอรามว่าลองเอากรรณิการ์ไปเทสต์หน้ากล้องให้ลูกค้าดู เพราะกรรณิการ์ดูมาดโบราณเนียนมาก รามไม่สนใจ
คุณหญิงพัชรีไปนำตัวกรรณิการ์มาจากคณะลิเกเพื่อเอามาโมดิฟายหน้าตาและทรงผมเสียใหม่เพื่อถ่ายรูปและอวดราม รามเห็นกรรณิการ์แล้วก็รู้สึกว่าใช่เลย แต่เขาไม่ค่อยชอบกรรณิการ์ไม่รู้ว่าเพราะอะไรเขาจึงปฏิเสธอย่างไม่มีเยื่อใยสร้างความไม่พอใจให้แก่กรรณิการ์มาก เลือดขัตติยะความเป็นเจ้าหญิงกรรณิกาเกสรจึงพุ่งขึ้นอีกครั้ง รามต่อว่ากรรณิการ์ที่เป็นคนโมโหร้ายจนกระทั่งรามถูกกรรณิการ์ตบเข้าไปเต็มๆ ชลดา ยังคงตามตื๊อรามที่จะถ่ายโฆษณาตัวนี้ เธอถึงกับตามไปอ่อยลูกค้า ลูกค้าเห็นรูปกรรณิการ์จากที่ติดไปในหนังสือของราม
ที่คณะลิเกมงคลสังเกตเห็นกรรณิการ์หงอยๆ ไปจึงเข้าไปคุยด้วย กรรณิการ์เล่าเรื่องเมืองของเธอและมงคลก็เออออไปกับกรรณิการ์ด้วย เพราะคิดว่ากรรณิการ์คงมีอาการทางประสาทจริงๆ แต่ที่น่าสงสัย ก็คือนอกจากเรื่องนี้แล้วกรรณิการ์ก็เหมือนคนทั่วไป รามมาหากรรณิการ์ที่คณะลิเกเพราะลูกค้าอยากได้กรรณิการ์มาเทสต์หน้ากล้อง กรรณิการ์ได้เป็นพรีเซนเตอร์ของสินค้าทันทีเพราะลูกค้าชอบมาก แม้ว่ารามจะพยายามพูดข้อเสียของกรรณิการ์ยังไงก็ตามสร้างความไม่พอใจอย่างยิ่งให้แก่ชลดาถึงกับมาอาละวาดกับราม ซึ่งรามก็ไม่พอใจชลดาเช่นกัน เพราะไม่รู้ว่าเธอมาวุ่นวายอะไร
คณะลิเกกำลังจะต้องย้ายวิก คุณหญิงพัชรีจึงรับกรรณิการ์เข้ามาอยู่ในบ้านเพื่อกรรณิการ์จะได้ไม่ต้องตะลอนไปตามคณะลิเก เพราะกรรณิการ์จะต้องเป็นพรีเซนเตอร์สินค้า ชลดายิ่งไม่พอใจรามเข้าไปใหญ่ถึงกับจะมาอาละวาดที่บ้านของราม เธอคิดว่ารามเป็นคนพากรรณิการ์เข้ามาอยู่ เธอจะฟ้องคุณหญิงพัชรี แต่แล้วชลดาก็พบว่าคนที่พอใจกรรณิการ์ก็คือคุณหญิงพัชรีคนนี้นี่เอง
เมื่อกรรณิการ์มาอยู่ในบ้านนี้ เธอก็มาสร้างความครื้นเครงเพราะเธอไม่กลัวราม เธอกลาย เป็นที่ชื่นชอบของบรรดาสาวใช้ทั้งหลายเพราะเธอเป็นเหมือนตัวแทนในการต่อสู้กับรามเจ้านายหนุ่มผู้ดุดัน คุณหญิงพัชรีก็ชอบกิริยาของกรรณิการ์ที่ดูมีสัมมาคารวะมากและก็เรียบร้อย เวลาที่ไม่โมโห จะเสียก็ตรงที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย โดยเฉพาะข้าวของเครื่องใช้ในบ้านทำเสียหายใช้มั่วไปหมด
รามพากรรณิการ์มาหาจิตแพทย์ กรรณิการ์นึกว่าจิตแพทย์เป็นพวกพ่อหมอที่รู้เรื่องราว ต่างๆ เธอจึงพยายามถามทางกลับเมืองของเธอ แต่เมื่อกรรณิการ์รู้ว่าความจริงรามคิดว่าเธอเป็นโรคประสาทเธอก็โกรธรามและบอกว่าจะกลับไปอยู่คณะลิเก กรรณิการ์ออกจากบ้านไปโดยที่เธอก็ไม่รู้ว่าจะไปที่ไหนดี คุณหญิงพัชรีตกใจที่รามปล่อยให้กรรณิการ์หายไปและบังคับให้รามออกไปตาม จนในที่สุดรามก็เจอกรรณิการ์ที่ร้านขายเครื่องเรือนโบราณ กรรณิการ์เกิดไปติดใจปิ่นปักผมอันหนึ่ง
ในการถ่ายโฆษณาที่อยุธยา ชลดาหาเรื่องตามมาด้วย กรรณิการ์ดูร่าเริงและมีชีวิตชีวามากในเมืองโบราณแห่งนี้ เธอเหมือนคุ้นเคยไปเสียทุกที่ กรรณิการ์ได้พบกับพ่อหมอ (วันชัย เผ่าวิบูลย์) ซึ่งทักกรรณิการ์ได้ถูกต้องว่าเป็นเจ้าหญิงกรรณิกาเกสรแห่งเมืองมรกต กรรณิการ์ตามไปคุยกับพ่อหมอ แต่ยังไม่ทันรู้อะไรรามก็เข้ามาขัดขวางเสียก่อน
กรรณิการ์ได้พบกับ สุธี (สุรศักดิ์ โชติทินวัฒน์) นักวิจัยทางโบราณคดี ทั้งสองคุยกันได้อย่างถูกคอ สร้างความหงุดหงิดให้แก่ราม แต่ข้างกายรามก็ยังมีชลดาคอยตามติดอยู่นั่นเอง เมื่อการถ่ายโฆษณาจบลง กรรณิการ์ก็ยังต้องออกงานตามอีเว้นท์ต่างๆ ตามสัญญาที่ได้ตกลงไว้ และทุกครั้งเธอก็ต้องไปกับราม ซึ่งก็จะมีชลดาตามไปด้วย
กรรณิการ์ให้สุธีพากลับมาที่อยุธยาอีกครั้ง เธอต้องการหาทางกลับมาหาพ่อหมอเพื่อที่จะได้รู้ว่าเธอหลุดมาในยุคนี้ได้อย่างไร สุธีนำเอกสารทางประวัติศาสตร์เท่าที่หาพบเกี่ยวกับเรื่องราวของเจ้าหญิงกรรณิกาเกสร ที่จะถูกส่งตัวไปอภิเษกกับเจ้าชายแห่งอาณาจักรที่รุ่งเรือง แต่แล้วก็หายไปอย่างไร้ร่องรอยและก็ไม่ปรากฏในประวัติศาสตร์อีกเลยระบุไว้เพียงว่าสาบสูญ กรรณิการ์เสียใจมากเพราะนั่นหมายถึงเธอจะไม่ได้กลับไปอีกแล้ว พ่อหมอไม่อยู่เสียแล้วไม่มีใครรู้จักพ่อหมอและไม่รู้ว่า พ่อหมอนั่นเป็นใคร สุธีพากรรณิการ์มาส่งที่บ้าน คุณหญิงพัชรีและเกือบจะเกิดศึกหน้านางกับราม ดีที่กรรณิการ์หาทางหย่าศึกได้เสียก่อน พ่อโชคแห่งคณะลิเกได้มาหากรรณิการ์และขอร้องให้กรรณิการ์กลับไปเล่นเป็นนางเอกลิเกเพราะว่ามาลีทำตัวเหลวไหลเหลือเกิน บางทีก็ไม่ยอมเล่นลิเกเอาเสียดื้อๆ บางครั้งก็เมามา กรรณิการ์ตอบตกลง
ที่คณะลิเกมาลีเริ่มแกล้งกรรณิการ์อย่างรุนแรง เพราะเมื่อมีกรรณิการ์ มาลีก็เหมือนหมา หัวเน่าเท่านั้นเอง มาลีทำตัวนิสัยเหมือนเจ้าหญิงกรรณิกาเกสรเมื่อก่อนเปี๊ยบเลย ทำให้กรรณิการ์ได้เริ่มเรียนรู้ว่าเมื่อก่อนตัวเธอเองเป็นยังไงและคนรอบข้างรู้สึกกับเธออย่างไร ครั้งหนึ่งมาลีมีเรื่องกับพ่อโชคอย่างรุนแรงเหมือนตอนที่กรรณิการ์เคยมีเรื่องกับพ่อ กรรณิการ์จึงตกลงใจจะดัดนิสัยมาลีเสียใหม่ ในระหว่างที่กรรณิการ์เล่นลิเกอยู่ รามก็ตามรับตามส่งกรรณิการ์ไปทำงานเป็นพรีเซนเตอร์ รามมารับกรรณิการ์เหมือนอย่างเคย แต่คราวนี้เขามาเห็นกรรณิการ์อยู่กับสุธี...รามกลับทันทีโดยไม่ได้ใส่ใจงานที่ต้องรับกรรณิการ์ไปทำเลย สุธีรับอาสาพากรรณิการ์ไปทำงานแทนและก็รอรับกลับด้วย รามจงใจสวีทกับชลดาเพื่อให้กรรณิการ์เห็น
คืนหนึ่งหลังจากซ้อมลิเกเสร็จกรรณิการ์ก็พบกับพ่อหมออีกครั้ง เธอได้รู้ว่าเธอหลุดมาในยุคปัจจุบัน ตามคำอธิฐานของเธอรักแท้และสิ่งที่พาเธอมาสู่ยุคปัจจุบันจะสามารถพาเธอกลับไปสู่อดีตได้ กรรณิการ์คิดว่าสุธีคือรักแท้ของเธอจึงตกลงคบหากับสุธี ทำให้รามไม่พอใจมากและทำตัวสนิทสนมกับชลดาเพื่อประชดกรรณิการ์ กรรณิการ์เองคิดว่ารามไม่สนใจเธอไม่ใช่รักแท้ของเธอจึงตกลงใจหมั้นกับสุธี
ในงานหมั้นระหว่างสุธีและกรรณิการ์ แขกเหรื่อมาร่วมงานกันอย่างคับคั่งรวมไปถึงลิเก คณะโชคสวนศรีด้วย มาลีมาขอบใจกรรณิการ์ที่ทำให้เธอเปลี่ยนไป ส่วนรามไม่ได้ปรากฏตัวในงาน เขากำลังวางแผนร้ายอยู่แผนชิงตัวกรรณิการ์นั่นเอง รามร่วมกับพ่อโชคและมงคล รวมทั้งเหล่าคนใช้ ในบ้านวางแผนสร้างความวุ่นวาย เพื่อดึงความสนใจแล้วรามก็นำตัวกรรณิการ์ออกมาจนได้ กรรณิการ์บอกรามว่าที่ต้องแต่งงานกับสุธีเพราะมันจะเป็นหนทางทำให้เธอได้กลับไปสู่ยุคของเธอ กรรณิการ์พยายามอธิบายให้รามเข้าใจว่าเธอมาจากโลกอดีตเธอคือเจ้าหญิงกรรณิกาเกสรแห่งเมืองมรกต รามบอกว่าเขารักกรรณิการ์เขาจะไม่ยอมให้กรรณิการ์แต่งงานไปกับคนอื่นเป็นอันขาด... คืนนั้นกรรณิการ์ก็กลับไปเป็นเจ้าหญิงกรรณิกาเกสรอีกครั้งด้วยความรักของรามเทพ
เมืองมรกตคืนก่อนส่งตัวเจ้าหญิงกรรณิกาเกสร เจ้าหญิงกรรณิกาเกสรทำตัวดีและเรียบร้อยมาเป็นอาทิตย์แล้ว เจ้าอ้ายคำตันรู้สึกขอบใจรามเทพมาก เพราะการที่เขาให้รามเทพไปเจรจากับกรรณิกาเกสรดูเหมือนจะสัมฤทธิ์ผล ในคืนนั้นกรรณิกาเกสรล่ำลาเสด็จพ่อเหมือนกับว่าจะไม่ได้กลับมาเมืองมรกตอีก แล้วรุ่งเช้าเจ้าหญิงกรรณิกาเกสรก็หายสาบสูญไป
ยุคปัจจุบันมีตำนานหนึ่งเล่าว่าลูกชายของเจ้าหญิงกรรณิกาเกสรกับรามเทพได้กลับมาครองเมืองมรกตอีกครั้ง แต่ก็ไม่มีใครรู้ว่ามันเป็นความจริงหรือไม่