ละคร คุณชายตำระเบิด
ดู 4,508 ครั้ง /
แชร์
ช่องที่ออกอากาศ | ละครช่อง 7 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
เริ่มออกอากาศ | 8 ตุลาคม 2553 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
เวลาออกอากาศ | 18:45 - 19:45 น. |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
กำกับโดย | วัชรา สังข์สุวรรณ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
ประพันธ์โดย | บทประพันธ์ ภาคินัย, บทโทรทัศน์ นันทนา วีระชน | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
นำแสดงโดย | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
ผู้สร้าง | ดีด้า วีดีโอ โปรดักชั่น จำกัด |
ภาพนิ่งจากละคร
เรื่องย่อ คุณชายตำระเบิด
ณ หมู่บ้านอันห่างไกลความเจริญแห่งหนึ่งในภาคอีสาน ที่เพิงหมาแหงนริมถนนนั้น เป็นที่เลื่องชื่อของรสมือการตำส้มตำรสแซ่บหลาย ถูกใจชาวบ้านชาวช่องเป็นนักหนา ที่น่าแปลกกว่านั้นคือ ผู้ลงมือเป็นชายหนุ่มร่างกายกำยำล่ำสัน ที่มีชื่อว่า "ไอ้เผือก" (ตะวัน จารุจินดา) ฝีมือระดับเซียนที่หาคนมาเทียบเทียมได้ยาก ทั้งลาบหมู น้ำตก ต้มแซ่บ ไก่ย่าง ล้วนแต่อร่อยจนแทบไม่เหลือให้หมาที่ทำตาละห้อยแถวนั้นได้กินเลยสักวัน
แต่ที่ต้องยกให้เป็นสุดยอดซุปเปอร์เมนูต้องเป็น "ตำระเบิด" เท่านั้น ส้มตำสูตรพิเศษรสแซ่บถึงเครื่อง ไม่มีหวงเครื่องปรุงให้เสียอารมณ์ ยิ่งกินกับขนมจีนด้วยแล้วละก็ หลายต่อหลายคนยอมนั่งรถจากในตัวเมืองมาลองลิ้มชิมรสตำระเบิดของเผือกกันอย่างถ้วนหน้า
อันที่จริง...เผือกน่าจะรวยเป็นมหาเศรษฐีไปแล้ว
แต่เพราะ "ทองมี" (นึกคิด บุญทอง) พ่อของเผือกนั้นติดเหล้าอย่างหนัก ไถเงินลูกชายไปให้ร้านเหล้า ยาดอง ในตัวอำเภอตลอด พอไม่ให้ก็ตบตี เผือกจำใจต้องยอมให้พ่อเพราะไม่อยากได้ขึ้นชื่อว่าเป็นลูกอกตัญญู เขาไม่ได้หวงเงินพ่อ แต่ไม่อยากให้พ่อเมาหัวราน้ำมากกว่า
เท่านั้นยังไม่พอ "รำจวญ" (รชนีกร พันธุ์มณี) ผู้เป็นแม่ก็ติดเล่นไพ่ งานการไม่ทำ วันๆ ขลุกอยู่แต่ในบ่อน คงไม่ต้องบอกว่าเงินที่เอาไปเล่นไพ่แทงหวยทุกวันนั้นมาจากใคร ถ้าไม่ใช่ "เผือก"
ดีที่ยังมี "ยายดวง" (เยาวเรศ นิศากร) กับ "ผึ้ง" (ศรศิลป์ มณีวรรณ์) สองยายหลานที่คอยเป็นกำลังใจให้เผือกสู้กับชีวิต ยายดวงเองไม่อยากเป็นภาระของหลาน อยากมาช่วยเผือกขายส้มตำ แต่ก็ฝืนสังขารตัวเองไม่ไหว ทำได้แค่ช่วยเตรียมข้าวของให้ ส่วนผึ้งนั้นเรียนอยู่ชั้น ม.6 แล้ว หญิงสาวมาช่วยพี่ชายขายส้มตำหลังจากเลิกเรียน และวันเสาร์อาทิตย์ผึ้งเองตั้งใจว่าถ้าจบ ม.6 แล้ว จะไม่เรียนต่อ เพราะสงสารเผือกที่ต้องทำงานหาเลี้ยงครอบครัวคนเดียว แต่เผือกไม่ยอม ไม่ว่าเขาจะทำงานเหนื่อยหรือหนักแค่ไหน เขาก็อยากให้น้องสาวคนเดียวของเขาได้เรียนสูงๆ เท่าที่จะทำได้ เพื่อทดแทนความฝันของเขาที่อยากเรียนแต่ไม่มีเงินเรียน จึงจบมาแค่วุฒิ ม.6 เท่านั้น
วันหนึ่ง มีชายแปลกหน้ามาขายล็อตเตอรี่ที่หมู่บ้าน แต่ไม่มีใครสนใจซื้อ ต่างก็เอาเงินไปเล่นหวยใต้ดินของ เจ๊ ในตัวอำเภอมากกว่า ชายคนนั้นหิวจนหน้ามืดเป็นลมตรงหน้าร้านส้มตำของเผือก เผือกจึงช่วยปฐมพยาบาลไว้และให้กินอาหารในร้านฟรี เพราะชายคนนั้นบอกว่าไม่มีเงิน โดยเผือกไม่เคยรู้เลยว่าแค่คำว่า
"ไม่เป็นไรพี่...มีกินก็แบ่งๆ กัน"
จะทำให้เขารวยเป็นเศรษฐีร้อยล้าน !
เพราะชายคนนั้นมอบล็อตเตอรี่ใบหนึ่งให้กับเผือก ซึ่งมันถูกแจ๊กพอตรางวัลที่หนึ่งในงวดนั้นนั่นเอง !
จาก "ไอ้เผือก" กลายเป็น "คุณชายเผือก" ในบัดดล
ด้วยความที่ไม่เคยมีเงินเยอะขนาดนี้มาก่อนในชีวิต ทำเอาทุกคนในครอบครัวตื่นเต้นต่างวาดฝันกันไปต่างๆ นานา ว่าจะซื้อนั่นซื้อนี่ แต่ยังไม่ทันจะได้ทำตามใจอยาก พวก "ญาติที่ไม่รู้จัก" ก็พากันมาเยี่ยมที่บ้านโดยไม่ได้นัดหมาย มีหลายคนที่เผือกไม่เคยเห็นหน้ามาตลอดชีวิต ก็เข้ามากอดอย่างรักใคร่ แน่นอนว่าทุกคนที่มาไม่ได้หวังแค่จะมาเยี่ยม แต่หวังที่จะมาเอาส่วนแบ่งไปด้วย
เห็นท่าจะไม่ได้การแล้ว ทุกคนในบ้านจึงจัดการวางแผน "อพยพ" ไปในที่ที่ห่างไกลและคิดว่าจะไม่มีใครตามมาเจอ นั่นคือ กรุงเทพฯ
บ้านนอกเข้ากรุงก็งานนี้แหละ ทั้งห้าคนตื่นเต้นราวกับเพิ่งได้มาเห็นเมืองที่มีตึกสูง และรถไฟฟ้าครั้งแรก ชีวิตเริ่มต้นด้วยการหาบ้านสักหลังเป็นที่พำนักอาศัย
ในที่สุด เผือกได้บ้านสุดหรูในหมู่บ้านไฮโซฯ มาพักอาศัย บ้านที่ใหญ่กว่ากระต๊อบหลังเดิมไม่รู้กี่เท่า ทองมีกับรำจวญดี๊ด๊าจะได้เป็นไฮโซฯ พากันแย่งขอเงินลูกชายไปประเดิมใช้ในกรุงเทพฯ เมื่อเผือกขัดก็ถูกต่อว่า สุดท้ายเลยต้องให้ไปตามระเบียบ
ที่ข้างบ้านของเผือกนั้นเป็นบ้านของ "คุณหญิงสายสมร" (ดวงดาว จารุจินดา) ที่ค่อนข้างเย่อหยิ่งและเก็บตัวไม่สุงสิงกับผู้ใด ด้วยความที่คนในครอบครัวของเผือกมาจากบ้านนอก จึงพากันส่งเสียงโวยวายลั่น จนคุณหญิงสายสมรไม่พอใจ ส่ง "จิ้งหรีด" (อัญรินทร์ ธีราธนันพัฒน์) สาวใช้ที่เพิ่งเข้ามาทำงานใหม่ไปต่อว่า และเมื่อเธอได้พบกับเผือกนั้น ก็นึกว่าเผือกเป็นคนใช้ของบ้าน จึงได้ต่อว่าอย่างรุนแรงและดูถูกต่างๆ นานา จิ้งหรีดทำเชิดบอกว่าตัวเองเป็นลูกสาวเจ้าของบ้านเพื่อข่มเผือก เผือกเองก็ใช่คนที่ยอมคนซะเมื่อไหร่ เขาจึงตอกกลับ สงครามน้ำลายข้ามรั้วจึงกำเนิดขึ้น
ผึ้งเองได้เข้าเรียนมหาวิทยาลัยเอกชนชื่อดัง ด้วยความที่เป็นเด็กบ้านนอก จึงตามความทันสมัยของเพื่อนๆ ไม่ทัน แต่ด้วยความที่ผึ้งเป็นคนสวยทำให้มีหนุ่มๆ มาติดมากมาย หนึ่งในนั้นคือ "นับหนึ่ง" (สุรบดินทร์ สมบัติเจริญ) รุ่นพี่ที่คณะสุดป๊อบ ยิ่งพอรู้ว่าผึ้งเป็นเศรษฐีมือใหม่ ยิ่งทำให้เขาสนใจใน "เงิน" ของผึ้งมากขึ้น นั่นทำให้ "รดา" (ภัทรนิษฐ แก้วมณี) หญิงสาวสุดเริ่ดของคณะที่หมายตานับหนึ่งไว้เช่นกัน ไม่พอใจ หาเรื่องกลั่นแกล้งเธอตลอดเวลา ดีที่มี "เฉิ่ม" (มิกค์ ทองระย้า) ชายหนุ่มหน้าซื่อคอยช่วยเหลือผึ้งตลอด แต่เพราะความศิวิไลซ์และความหลงในรูป รส กลิ่น เสียงของเมืองหลวง ทำให้ผึ้งเริ่มจะมองคนที่เปลือกนอกและวัตถุแพงๆ แล้ว โดยลืมที่จะคบคนที่จิตใจเหมือนตอนที่อยู่บ้านนอก
ความบ้านนอกของบ้านเผือกนั้น ทำเอาคุณหญิงสายสมรแทบคลั่ง ทั้งเสียงคาราโอเกะเพลงอีสาน กลิ่นน้ำต้มปลาร้าที่ลอยโชยข้ามรั้วเข้ามา หรือเสียงด่าทอหยาบๆ คายๆ ของทองมีกับรำจวญยามทะเลาะกัน ในที่สุด คุณหญิงสายสมรก็หมดความอดทน ตัดสินใจจะไปพักผ่อนที่นิวยอร์กกับญาติที่นั่น โดยชวน "ต้นหอม" (กรรณาภรณ์ พวงทอง) ลูกสาวคนเดียวไปด้วยแต่ต้นหอมปฏิเสธ เธอยังอยากอยู่ดูแลกิจการโรงแรมของคุณหญิงสายสมรต่อ คุณหญิงสายสมรไม่อยากขัดใจจึงยอมให้ลูกสาวอยู่ดูแลบ้านและโรงแรมทางนี้ ส่วนตัวเองบินไปเที่ยวเพื่อหลีกหนีความ "บ้านนอก" ของคนข้างบ้าน
วันหนึ่ง ยายดวงออกมาเดินเล่นที่หน้าบ้าน ได้มาเจอกับ "ยายอิ่ม" (อรสา อิศรางกูร ณ อยุธยา) ที่กลับมาจากตลาดพอดี ทั้งสองเจอกันก็จำกันได้ว่าเป็นคนบ้านเดียวกัน ต่างไถ่ถามสารทุกข์สุขดิบจนได้รู้ว่าแท้ที่จริงแล้วทั้งคู่ไม่ใช่คนอื่นคนไกลเลย ยายอิ่ม เป็นหัวหน้าแม่บ้านอยู่บ้านของคุณหญิงสายสมรที่อยู่ริมรั้วบ้านของยายดวงนั่นเอง ทั้งคู่ดีใจที่ได้เจอเพื่อนเก่า ยายอิ่มเองก็อดตื่นเต้นไม่ได้ที่รู้ว่ายายดวงเพิ่งเป็นเศรษฐีใหม่ ของเมืองไทย
เรื่องราวอันน่าตื่นเต้นที่ถูกนำไปเล่าในบ้านของคุณหญิงสายสมร จิ้งหรีดได้ยินดังนั้นก็ตาโต เมื่อรู้ว่าคนที่เธอใช้หางตามองและด่าทอกันจนแทบจะฆ่ากันตายนั้นเป็นเจ้าของคฤหาสน์หลังงาม และรวยมีเงินเป็นร้อยล้าน ตายละวา...ไหงเรื่องกลับตาลปัตร แล้วถ้าไอ้หมอนั่นมารู้ว่าแท้ที่จริงแล้วเธอเป็นแค่คนใช้ ไม่ใช่ลูกสาวบ้านนี้จริงๆ จะทำอย่างไร มีหวังได้ซุกแผ่นดินหนีแน่ๆ
เผือกเริ่มรู้สึกว่าผึ้งเปลี่ยนไป หญิงสาวเริ่มแข็งกร้าวขึ้น ใช้เงินเก่งเตือนอะไรก็เถียง ไม่เชื่อฟังแบบตอนอยู่ที่บ้านนอก เขาเริ่มเป็นห่วงน้องสาว กลัวว่าจะหลงแสงสีไปตามคนเมือง จึงตามไปดูที่มหาวิทยาลัย ก็พบว่าผึ้งกำลังสวีตกับนับหนึ่งจนออกหน้าออกตา ชายหนุ่มเข้าไปห้าม แต่ผึ้งแกล้งทำเป็นไม่รู้จักพี่ชายของตัวเอง เพราะเผือกแต่งตัวบ้านนอกเหมือนตอนอยู่ต่างจังหวัด เธออายเพื่อน ไม่อยากให้ใครรู้ว่ามีพี่ชายที่มีสภาพเป็นแบบนี้
ทั้งเรื่องพ่อเรื่องแม่ และเรื่องน้องสาว ทำเอาเผือกกลุ้มใจไม่น้อย ชายหนุ่มตัดสินใจไปทำบุญที่วัดเพื่อให้จิตใจดีขึ้น และที่นั่นเอง เขาได้พบกับต้นหอมที่มาเลี้ยงข้าวกลางวันเด็กกำพร้าที่มูลนิธิใกล้ๆ วัด เธอสวยและจิตใจดีจนเผือกอดที่จะแอบมองไม่ได้ เหมือนฟ้าเป็นใจ เมื่อรถของต้นหอมเสียเผือกจึงอาสาไปส่ง ทั้งคู่คุยกันถูกคอ ที่สำคัญต้นหอมไม่มีทีท่ารังเกียจชายหนุ่มเลยแม่แต่น้อย นั่นทำให้เผือกยิ่งประทับใจในตัวต้นหอมมาก แล้วเรื่องเซอร์ไพรซ์ก็เกิดขึ้น เมื่อต้นหอมคือเพื่อนบ้านของเผือกนั่นเอง.. โลกช่างกลมเสียจริง
เผือกแอบชอบต้นหอมมาก แต่ก็รู้ตัวเองว่าเขาช่างเชยและบ้านนอกขนาดนี้ จึงตัดสินใจจ้าง "เจ๊ลิลลี่" (วรภร เลิศเกียรติไพบูลย์) มือโปรมาเนรมิตตัวเขาเองให้เป็นคุณชายเหมาะสมกับต้นหอม
จากชายหนุ่มบ้านนอกคอกนากลายเป็นคุณชายสุดหล่อ จนจิ้งหรีดถึงกับตกตะลึง ชอบชายหนุ่มขึ้นมาซะอย่างนั้น ด้วยหวังว่าจะได้ถีบตัวเองหลุดจากอาชีพคนใช้อันต่ำต้อยเสียที หากได้เผือกเป็นแฟน แต่หญิงสาวยังกังวลใจไม่หาย ว่าถ้าเผือกรู้ว่าตัวเธอเป็นแค่คนใช้ เขาไม่มีวันชอบเธอแน่ๆ จึงไปสารภาพความจริงกับต้นหอม ต้นหอมนึกสนุก เลยตกลงจะอุปโลกน์ให้จิ้งหรีดเป็นน้องสาวไฮโซของตัวเอง เพื่อเป็นแม่สื่อแม่ชักให้กับสาวใช้ เธอเชื่อว่าคนเราจะรักกันต้องเดินข้ามเรื่องชาติกำเนิดและเงินทอง โดยต้นหอมไม่เคยรู้เลยว่าเผือกนั้นแอบชอบต้นหอมไม่ใช่ชอบจิ้งหรีด
ที่สำคัญ จิ้งหรีดเองชอบที่ "เงิน" ของชายหนุ่มมากกว่าจิตใจ...
เผือกที่หลงรักต้นหอมมาก แต่ไม่รู้จะเข้าใกล้หญิงสาวได้อย่างไร จึงหวังที่จะเข้าใกล้ต้นหอมด้วยการมาทำดีกับจิ้งหรีด ที่เขาคิดว่าเป็นน้องสาวของต้นหอม เพราะความดีของเผือกทำเอาจิ้งหรีดยิ่งชอบเขามากขึ้นโดยไม่รู้เลยว่าเผือกมาทำดีนั้นเพราะอยากจีบต้นหอมมากกว่า
วันหนึ่งเป็นวันเกิดของเผือก เขาจึงจัดงานเล็กๆ ขึ้นที่บ้าน โดยการชวนต้นหอมและจิ้งหรีดมาร่วมงานด้วย แม้เผือกจะพยายามจัดงานให้หรูเลิศตามที่เจ๊ลิลลี่สั่งแล้วก็ตาม แต่พ่อแม่และยายของเขากลับทำให้งานเสียด้วยการตั้งโต๊ะตำส้มตำ ทำลาบ จกปลาร้ากันต่อหน้าต้นหอมและจิ้งหรีด ยายดวงบอกให้เผือกลองตำระเบิดโชว์ และสาธยายถึงความโด่งดังของส้มตำสูตรนี้ให้ต้นหอมกับจิ้งหรีดฟัง ทำให้ทั้งคู่อยากลองชิมมาก สุดท้ายเผือกก็ตัดสินใจถอดสูทหันมาควงสากโชว์ส้มตำระเบิดให้ทั้งสองกิน ต้นหอมติดใจในรสชาติมาก ถึงกับอยากให้เผือกช่วยทำส้มตำระเบิดนี้ไปรับแขกชาวต่างชาติที่โรงแรม เผือกตอบตกลงเพราะอยากทำคะแนนให้ต้นหอมรัก
ชื่อเสียงของเผือกดังกระฉ่อนทันทีที่ได้ออกงานแรก หลายต่อหลายคนออร์เดอร์มาเป็นร้อยๆ ครก เพื่อนำไปจัดเลี้ยงสร้างชื่อให้โรงแรมของต้นหอม ต้นหอมจึงทาบทามให้เผือกมาทำงานที่โรงแรมเพื่อเป็นหัวหน้าเชฟในการตำส้มตำโดยเฉพาะ เผือกตอบตกลงมาทำงานที่โรงแรม เพื่อจะได้ใกล้ชิดต้นหอม โดยจิ้งหรีดก็มาด้วย ตามแผนของต้นหอม
วันหนึ่ง เผือกจะไปสารภาพรักต้นหอม แต่กลับพบว่าหญิงสาวมีแฟนเป็นนักธุรกิจชื่อดังอยู่แล้ว เผือกเสียใจมาก อยากจะลาออกจากงาน แต่จิ้งหรีดห้ามไว้และให้กำลังใจชายหนุ่ม แม้จะรู้สึกเสียใจบ้างที่รู้ว่าเผือกไม่เคยมีใจให้เธอเลย แต่กลับมีใจให้กับต้นหอมผู้เป็นนายแทน
จากที่เคยคิดว่าจะชอบเขาเพียงเพราะเงิน จิ้งหรีดกลับตกหลุมรักในความดีงามในจิตใจของชายหนุ่มเข้าให้แล้ว...
ความใกล้ชิดของจิ้งหรีดกับเผือกเริ่มรู้ใจกันมากขึ้น ชายหนุ่มเริ่มเห็นด้านดีของหญิงสาว ความใสซื่อและดวงตาที่ดูเหมือนมีความนัยคู่นั้นทำให้เผือกอดรู้สึกแปลกๆ ด้วยไม่ได้ทั้งๆ ที่ในใจกลับตะโกนบอกว่าคนที่เขาต้องการนั้นคือต้นหอมคนเดียว
แต่เพราะความดีของจิ้งหรีดทำให้เผือกปฏิเสธตัวเองไม่ได้ว่ารักหญิงสาวเข้าให้แล้วเช่นกัน
นั่นทำให้จิ้งหรีดเริ่มรู้สึกผิดและกลัว กลัวว่าถ้าเผือกรู้ว่าตัวเองเป็นแค่คนใช้ เขาจะรับไม่ได้ ที่สำคัญเผือกจะต้องโกรธมากที่รู้ว่าเธอหลอกลวงเขามาตลอดว่าเป็นคุณหนู
ตำระเบิดของเผือกนั้นโด่งดังไปจนทั่วสารทิศ วันๆ หนึ่งเขาต้องตำส้มตำระเบิดไม่น้อยกว่าสามร้อยครก ทำให้ต้นหมอเริ่มตัดสินใจสั่งซื้อมะละกอจากสวนย่านชานเมืองมา และนั่นทำให้จิ้งหรีดได้เจอกับ "นวล" (เจมี่ บูเฮอร์) แม่ค้าขายส่งมะละกอพันธุ์ดี ซึ่งมีศักดิ์เป็นแม่เลี้ยงของจิ้งหรีดอีกด้วย
จิ้งหรีดพยายามหลบหน้าหลบตานวล เพราะกลัวนวลจะรู้ว่าเธอมาเป็นคนใช้อันต่ำต้อย ที่สำคัญเธอกลัวว่านวลจะเปิดโปงความลับว่าตัวของจิ้งหรีดเองนั้น ไม่ได้เป็นคนในครอบครัวของคุณหญิงสายสมร เจ้าของโรงแรมแต่อย่างได
เมื่อหลายปีก่อนนั้น จิ้งหรีดใช้ชีวิตเป็นสาวชาวสวนมะละกอ อยู่อย่างมีความสุข แม้ทางครอบครัวจะไม่ได้ร่ำรวยมาก แต่ก็พอมีพอกิน "คม" พ่อของจิ้งหรีดเป็นคนรักครอบครัวมาก เขาไม่เคยนอกใจ "วรรณ" (ภัทรา ทิวานนท์) เมียสุดที่รักเลย
แต่แล้วเรื่องไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เมื่อวรรณประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต คมเสียใจมาก ดื่มเหล้าเมายา ไม่ยอมทำสวนมะละกอต่อ ภาระหนักจึงตกมาอยู่ที่จิ้งหรีดที่ต้องดูแลทุกอย่างเอง วันหนึ่งคมได้พานวลกลับมาจากคลับในเมือง นั่นทำให้จิ้งหรีดไม่พอใจที่พ่อของตัวเองกำลังจะมีเมียใหม่ ทั้งคู่มีปากเสียงกัน แต่สุดท้ายจิ้งหรีดก็ต้องยอมให้พ่อพานวลเข้ามาอยู่ในไร่ ในฐานะเมียใหม่ของพ่อ
แรกๆ นั้น นวลก็ทำดีกับจิ้งหรีดเพื่อให้เธอตายใจ แต่สุดท้ายความชั่วร้ายก็ออกลาย นวลพยายามจะเอาทุกอย่างของคมไปเป็นเจ้าของ โดยใช้มารยาหญิงหลอกให้คมเซ็นโอนไร่มะละกอทั้งหมดให้กับเธอ จิ้งหรีดไม่พอใจมาก ไปต่อว่าพ่อ แต่ก็โดนตบกลับมา ทำให้หญิงสาวน้อยใจว่าพ่อไม่ใช่พ่อคนเดิมที่เธอเคยรู้จัก มิหนำซ้ำจิ้งหรีดยังไปรู้ความลับมาว่านวลนั้นแอบมีความสัมพันธ์ลับๆ กับคนงานในสวน เธอจะไปฟ้องพ่อ แต่นวลรู้ตัวเสียก่อน ทั้งคู่ตบตีกัน แต่นวลสร้างภาพว่าถูกจิ้งหรีดรังแกก่อน พ่อลูกจึงไม่มองหน้ากันอีกนับตั้งแต่วันนั้น
วันหนึ่ง ข่าวร้ายก็มาเยือนจิ้งหรีด เมื่อได้รู้ว่าผู้เป็นพ่อขับรถตกเหวเสียชีวิต เหมือนเสาหลักในชีวิตของจิ้งหรีดล้มไปเสียแล้ว หญิงสาวถูกนวลไล่ออกจากบ้านเพราะเธอไม่มีสิทธิ์อะไรในสมบัติของพ่อเลย
จิ้งหรีดไม่มีที่ไปจึงเสี่ยงโชคชะตามาในเมืองหลวง หวังว่าจะมาหางานทำเพื่อประทังชีวิต แต่ทุกอย่างไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ หญิงสาวถูกหลอกไปขายตัวในซ่อง แต่ก็เอาตัวรอดหนีออกมาได้ เคราะห์ซ้ำกรรมซัด ดันไปถูกรถของต้นหอมชนเข้า ดีที่จิ้งหรีดไม่เป็นอะไรมาก ต้นหอมจึงรับจิ้งหรีดเข้ามาทำงานในบ้านด้วยความสงสารหลังจากนั้นชีวิตของเธอก็ถูกเรียกว่า "คนรับใช้" ตลอดมา
นวลเหมือนว่าจะเห็นจิ้งหรีดแวบๆ จึงตามไป สุดท้ายจึงรู้ว่าจิ้งหรีดอยู่ที่โรงแรมแห่งนี้ และยิ่งแปลกใจเมื่อเผือกแนะนำว่าจิ้งหรีดคือน้องสาวของต้นหอม เจ้าของโรงแรมแห่งนี้ นวลแอบหมายตาเผือกไว้ คิดจะเปิดโปงความจริงว่าจิ้งหรีดไม่ใช่คนในครอบครัวของต้นหอม แต่ต้นหอมรู้ทันเสียก่อน จึงยื่นข้อเสนอว่าถ้าปิดเรื่องนี้เป็นความลับ เธอจะเป็นลูกค้ามะละกอของนวลตลอดไป และจะติดต่อโรงแรมของเพื่อนๆ ที่รู้จักให้ด้วย นวลตกลงแต่ยังไม่เลิกหมายตาเผือก เพราะถูกตาต้องใจเหลือเกิน
ความลับเรื่องของจิ้งหรีดดำเนินต่อไป พร้อมกับความรักของคนทั้งคู่
ช่วงนี้ยายดวงเจ็บออดๆ แอดๆ เผือกให้ไปตรวจร่างกายก็ไม่ยอมไป ตัวเขาเองก็ยุ่งอยู่ที่โรงแรม ผึ้งเองก็กลับบ้านดึกๆ ดื่นๆ อ้างว่าติดกิจกรรมของทางมหาวิทยาลัย ส่วนรำจวญกับทองมีไม่ต้องพูดถึง วันๆ มุดหัวอยู่แต่ในบ่อน ถ้าเงินไม่หมด ไม่กลับมาบ้าน บ่อยครั้งที่ยายดวงต้องอยู่บ้านเพียงลำพัง หญิงชราเริ่มไม่ชอบความมั่งมีที่ได้มาเสียแล้ว หากการมีเงินแล้วต้องเหงาแบบนี้ เธอขอกลับไปจนแล้วอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันอย่างเดิมเสียดีกว่า
หลังจากได้ติดต่อกับเผือกที่โรงแรมบ่อยครั้ง นวลเริ่มสืบเสาะหาที่อยู่ของเผือก เธอมักเอาของกำนัลมาฝากเผือกอยู่บ่อยๆ ซึ่งทำให้จิ้งหรีดไม่พอใจเป็นอย่างมาก ทั้งคู่มีปากเสียงกันทุกครั้งที่ได้เจอหน้า จนเผือกเริ่มจะสงสัยว่าทั้งคู่น่าจะเคยรู้จักกันมาก่อน แต่จิ้งหรีดก็ยังปิดบังความลับเรื่องระหว่างเธอกับนวลไว้
วันหนึ่งมีแก๊งค์มาเฟียโทรมาหาเผือก บอกให้เอาเงินสิบล้านไปไถ่ตัวทองมี กับรำจวญที่ไปเสียไฮโลที่ชายแดน ชายหนุ่มจำเป็นต้องเบิกเงินที่ร่อยหรอไปช่วยพ่อและแม่ เขาเริ่มจะเครียดแล้ว เพราะเงินที่ได้จากการถูกล็อตเตอรี่ครั้งนั้นใกล้หมดลงทุกที เนื่องจากคนในบ้านต่างใช้เงินราวกับเป็นเศษกระดาษ
เรื่องราวระหว่างนวลกับจิ้งหรีดเริ่มทวีความรุนแรงมากขึ้น ทั้งสองมีปากเสียงกัน ในขณะที่เผือกแอบฟังอยู่ จึงได้รู้ว่าแท้ที่จริงแล้วนวลเป็นแม่เลี้ยงของจิ้งหรีดนั่นเอง นั่นทำให้ชายหนุ่มงงว่าในเมื่อจิ้งหรีดเป็นน้องสาวของต้นหอมแล้ว ทำไมมีแม่เลี้ยงเป็นนวล หรือสามีของคุณหญิงสายสมรจะไปแต่งงานใหม่
และแล้วความลับทั้งหมดก็ถูกเปิดเผยเมื่อคุณหญิงสายสมรกลับมาเมืองไทย แล้วเห็นนวลกับจิ้งหรีดกำลังทะเลาะกันอยู่หน้าบ้าน จึงเข้าไปต่อว่า ความลับที่ว่าจิ้งหรีดไม่ใช่ลูกสาวคุณหญิงสายสมรและมีหน้าที่เป็นเพียงคนรับใช้จึงถูกเปิดโปงขึ้น นั่นทำให้เผือกโกรธหญิงสาวมาก ไม่ยอมพูดด้วยเพราะเขาเกลียดการโกหกที่สุด
ส่วนจิ้งหรีดเองกลับคิดว่าที่เผือกโกรธเธอนั้นเพราะรู้ว่าเธอเป็นแค่คนรับใช้ ไม่ได้ร่ำรวยเหมือนที่ได้สร้างภาพมา เผือกอาจไม่ได้รักเธอเพราะจิตใจ แต่เป็นเพราะที่ความหรูหราและความมีเกียรติมากกว่า
ผึ้งขออนุญาตไปเที่ยวทะเลกับเพื่อนๆ ที่คณะ ซึ่งรดากับเพื่อนๆ วางแผนไว้แล้วว่าจะทำให้ผึ้งเสียคนก็คราวนี้ ด้วยการวางแผนให้ผู้ชายในคณะจัดการพาผึ้งไปรุมโทรม เฉิ่มรู้เรื่องเข้าก็ไปเตือนผึ้ง แต่ถูกผึ้งตอกหน้ากลับมาว่าไม่หวังดี เฉิ่มเองอดเป็นห่วงผึ้งไม่ได้ จึงลงทะเบียนไปเที่ยวในครั้งนี้ด้วย แล้วก็เป็นจริงดังที่เขาได้ยินมา เมื่อผึ้งจะถูกผู้ชายสามคนจะพาไปข่มขืน แม้นับหนึ่งเองจะอยู่บริเวณนั้น แต่กลับหนีเอาตัวรอด เฉิ่มแสดงความรักด้วยการสู้สุดชีวิตจนตัวเองสะบักสะบอม ในที่สุดตำรวจก็มาจับคนร้ายได้แล้วซัดทอดไปถึงรดา ทำให้รดาถูกตำรวจจับไปด้วย
ข่าวออกทีวีครึกโครม ในขณะที่เผือกกับยายดวงกำลังนั่งดูอยู่ ทั้งคู่ตกใจมากโดยเฉพาะยายดวง ถึงขั้นเป็นลมหมดสติไป เผือกรีบนำตัวยายดวงส่งโรงพยาบาล หมอบอกว่ายายดวงเป็นโรคหัวใจตีบ ต้องรีบผ่าตัดด่วน เผือกจึงยอมให้หมอผ่าตัดยายดวง
ผึ้งเองรู้เรื่องก็ให้เฉิ่มรีบพากลับมา เช่นเดียวกับทองมีและรำจวญที่ยอมทิ้งไพ่มาดูใจยายดวง หมอบอกให้ทำใจไว้เพราะโอกาสรอดมีแค่ 50 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ที่สำคัญค่าใช้จ่ายสูงมาก เงินที่เผือกเหลือเก็บตอนนี้มีไม่พอ ท้ายสุดแล้วชายหนุ่มตัดสินใจเอาบ้านไปจำนองไว้กับธนาคารเพื่อนำเงินก้อนสุดท้ายมารักษาผู้เป็นยาย
ทั้งหมดเพิ่งเข้าใจว่าไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าคนในครอบครัวอีกแล้ว...
เมื่อผ่านเรื่องราวของ "คนมีเงิน" มามากมาย ทำให้ทุกคนรู้ว่าชีวิตมันไม่ได้สวยงามอย่างที่คิดเอาเสียเลย แม้จะชอบความหรูหราของคนมีเงิน แต่พวกเขากลับรักที่จะอยู่กันอย่างอบอุ่นแบบเดิมมากกว่า
ผึ้งได้เรียนรู้ว่าชีวิตที่ฟุ้งเฟ้อฟู่ฟ่าของสังคมเมืองหลวงนั้นไม่ได้ดีไปเสียทุกอย่าง การมองคนเพียงแค่หน้าตากลับทำให้เธอเกือบเอาชีวิตไม่รอด มองคนต้องมองที่จิตใจเหมือนที่เธอเคยเรียนรู้มาก่อนที่จะย้ายมาอยู่ที่กรุงเทพฯ
ทองมี กับ รำจวญ ที่ก่อหนี้ก่อสินไว้มากมายก็เริ่มสำนึก เผือกเอาเงินที่เหลือไปใช้หนี้ให้พ่อกับแม่ทั้งหมด ทั้งสองขอโทษลูกชายที่ทำตัวไม่ดีมาตลอด และสัญญาว่าจะเปลี่ยนแปลงตัวเองให้ดีขึ้น
ยายดวงปลอดภัย แต่ยังต้องกินยารักษาตัวอีกเดือนละหลายแสนบาท เผือกตัดสินใจขายบ้าน รถ และทรัพย์สินทุกอย่างเพื่อเก็บเงินไว้ใช้ยามจำเป็น ทั้งห้าตกลงกันแล้วว่าชีวิตในเมืองหลวงช่างไม่เหมาะกับคนบ้านนอกอย่างพวกเขา จึงจะกลับไปตั้งต้นชีวิตใหม่ที่บ้านนอกที่เคยจากมา แม้ที่บ้านนอกจะไม่หรูหรา ไม่ศิวิไลซ์เหมือนในเมืองหลวง แต่ที่นั่นทำให้เขาได้รู้สึกถึงคำว่า "ครอบครัว" อย่างเต็มที่
ผึ้งไปกล่าวลาเฉิ่มว่าอาจไม่เจอกันอีกแล้วชาตินี้ เพราะเธอจะกลับไปเรียนต่อที่บ้านนอก เฉิ่มเองก็เสียใจแต่ก็ยอมให้หญิงสาวไป เพราะเคารพการตัดสินใจของผึ้ง
จิ้งหรีดรู้ข่าวจากยายดวงว่ากำลังจะย้ายกลับบ้านนอกกันทั้งครอบครัว ก็ใจหาย ใจหนึ่งก็อยากจะขอโทษเผือก แต่อีกใจมันก็มีอคติ เลยทำปากแข็งว่าไม่รู้สึกอะไรกับการจากไปของชายหนุ่ม เช่นเดียวกับเผือกเอง เขาก็อยากบอกลาจิ้งหรีดเป็นครั้งสุดท้าย แต่เห็นว่าหญิงสาวทำเฉยชา จึงตัดสินใจจากไปโดยไม่มีการปรับความเข้าใจกัน
ทั้งหมดกลับมาตั้งหลักที่บ้าน เผือกเจียดเงินมาทำร้านอาหารอีสานเล็กๆ ทำมาหากินเพื่อประทังชีวิต โดยมีรำจวญคอยช่วยลูกชาย ส่วนผึ้งได้โอนหน่วยกิตมาเรียนต่อราชภัฏในตัวเมือง ทางด้านทองมีก็ทำสวนทำไร่เล็กๆ น้อยๆ และมีหน้าที่คอยดูแลยายดวงในฐานะลูกเขยที่ดี ที่เขาไม่เคยได้ทำมาเลยตลอดชีวิต
วันหนึ่งผึ้งไปเจอกับเฉิ่มโดยบังเอิญ โชคชะตาเหมือนเป็นใจเพราะเฉิ่มกลับมาเยี่ยมบ้าน ซึ่งอยู่จังหวัดเดียวกันกับผึ้ง บ้านของเฉิ่มนั้นเป็นร้านค้าส่งปุ๋ยและค้าข้าวรายใหญ่ของจังหวัด ชายหนุ่มไม่ได้จนอย่างที่ผึ้งคิดไว้เลย เพียงแต่เฉิ่มเป็นคนไม่ฟุ้งเฟ้อ ไม่เคยหลงไปกับเงินทองมากมาย นั่นทำให้ผึ้งละอายใจมาก แต่เฉิ่มก็ให้อภัย ทั้งคู่ตัดสินใจคบกันโดยให้พ่อแม่ของแต่ละฝ่ายมาผูกมิตรกันไว้ แม่ของเฉิ่มนั้นเป็นลูกค้าประจำร้านตำระเบิดของเผือกมานาน ก็ปลื้มใจ ไม่ได้รังเกียจในความจนของครอบครัวของผึ้ง แต่กลับชื่นชมในความขยันขันแข็งซะอีก จึงขอหมั้นหมายผึ้งให้เฉิ่มไว้ ถ้าทั้งคู่เรียนจบจะให้แต่งงานกัน
ทางด้านเผือกเอง แม้จะทำใจให้ลืมจิ้งหรีด แต่เขาก็ทำไม่ได้ เช่นเดียวกับจิ้งหรีดที่ยังคงเหม่อลอยคิดถึงเผือกเสมอ หญิงสาวรู้ตัวแล้วว่าผิด และไม่ควรถือตัวทำปากแข็ง ไม่ยอมขอโทษชายหนุ่ม แต่กว่าจะคิดได้ก็สายไปเสียแล้ว เธอไม่รู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน ยายอิ่มรู้ทันทีจึงเอาที่อยู่บ้านของยายดวงให้จิ้งหรีด เธอขอไว้ก่อนที่ยายดวงจะกลับไปบ้านนอก เผื่อมีเวลาจะได้ไปเยี่ยมเยียน
จิ้งหรีดตัดสินใจขึ้นรถไปหาเผือกทันที หญิงสาวได้เจอเผือกที่ร้านตำระเบิด ทั้งคู่ต่างปรับความเข้าใจกัน และสารภาพความในใจของกันและกันทั้งหมด จิ้งหรีดอาสาจะอยู่ที่นี่ช่วยเผือกดูแลร้าน เผือกบอกกับเธอว่า เขาไม่ได้มั่งมีเหมือนเมื่อก่อน ถ้าจิ้งหรีดอยู่ด้วยจะลำบาก แต่จิ้งหรีดไม่กลัว เธอพร้อมที่จะอยู่เคียงข้างชายหนุ่มคนที่เป็นเจ้าของหัวใจเธอตลอดไป
ต่อให้รวยล้นฟ้าแค่ไหน ถ้าไม่มีความสุขเธอก็ไม่เอา ขอแค่มีความรักและความอบอุ่นเท่านั้นก็ "พอเพียง" แล้วสำหรับชีวิตนี้"
แต่ที่ต้องยกให้เป็นสุดยอดซุปเปอร์เมนูต้องเป็น "ตำระเบิด" เท่านั้น ส้มตำสูตรพิเศษรสแซ่บถึงเครื่อง ไม่มีหวงเครื่องปรุงให้เสียอารมณ์ ยิ่งกินกับขนมจีนด้วยแล้วละก็ หลายต่อหลายคนยอมนั่งรถจากในตัวเมืองมาลองลิ้มชิมรสตำระเบิดของเผือกกันอย่างถ้วนหน้า
อันที่จริง...เผือกน่าจะรวยเป็นมหาเศรษฐีไปแล้ว
แต่เพราะ "ทองมี" (นึกคิด บุญทอง) พ่อของเผือกนั้นติดเหล้าอย่างหนัก ไถเงินลูกชายไปให้ร้านเหล้า ยาดอง ในตัวอำเภอตลอด พอไม่ให้ก็ตบตี เผือกจำใจต้องยอมให้พ่อเพราะไม่อยากได้ขึ้นชื่อว่าเป็นลูกอกตัญญู เขาไม่ได้หวงเงินพ่อ แต่ไม่อยากให้พ่อเมาหัวราน้ำมากกว่า
เท่านั้นยังไม่พอ "รำจวญ" (รชนีกร พันธุ์มณี) ผู้เป็นแม่ก็ติดเล่นไพ่ งานการไม่ทำ วันๆ ขลุกอยู่แต่ในบ่อน คงไม่ต้องบอกว่าเงินที่เอาไปเล่นไพ่แทงหวยทุกวันนั้นมาจากใคร ถ้าไม่ใช่ "เผือก"
ดีที่ยังมี "ยายดวง" (เยาวเรศ นิศากร) กับ "ผึ้ง" (ศรศิลป์ มณีวรรณ์) สองยายหลานที่คอยเป็นกำลังใจให้เผือกสู้กับชีวิต ยายดวงเองไม่อยากเป็นภาระของหลาน อยากมาช่วยเผือกขายส้มตำ แต่ก็ฝืนสังขารตัวเองไม่ไหว ทำได้แค่ช่วยเตรียมข้าวของให้ ส่วนผึ้งนั้นเรียนอยู่ชั้น ม.6 แล้ว หญิงสาวมาช่วยพี่ชายขายส้มตำหลังจากเลิกเรียน และวันเสาร์อาทิตย์ผึ้งเองตั้งใจว่าถ้าจบ ม.6 แล้ว จะไม่เรียนต่อ เพราะสงสารเผือกที่ต้องทำงานหาเลี้ยงครอบครัวคนเดียว แต่เผือกไม่ยอม ไม่ว่าเขาจะทำงานเหนื่อยหรือหนักแค่ไหน เขาก็อยากให้น้องสาวคนเดียวของเขาได้เรียนสูงๆ เท่าที่จะทำได้ เพื่อทดแทนความฝันของเขาที่อยากเรียนแต่ไม่มีเงินเรียน จึงจบมาแค่วุฒิ ม.6 เท่านั้น
วันหนึ่ง มีชายแปลกหน้ามาขายล็อตเตอรี่ที่หมู่บ้าน แต่ไม่มีใครสนใจซื้อ ต่างก็เอาเงินไปเล่นหวยใต้ดินของ เจ๊ ในตัวอำเภอมากกว่า ชายคนนั้นหิวจนหน้ามืดเป็นลมตรงหน้าร้านส้มตำของเผือก เผือกจึงช่วยปฐมพยาบาลไว้และให้กินอาหารในร้านฟรี เพราะชายคนนั้นบอกว่าไม่มีเงิน โดยเผือกไม่เคยรู้เลยว่าแค่คำว่า
"ไม่เป็นไรพี่...มีกินก็แบ่งๆ กัน"
จะทำให้เขารวยเป็นเศรษฐีร้อยล้าน !
เพราะชายคนนั้นมอบล็อตเตอรี่ใบหนึ่งให้กับเผือก ซึ่งมันถูกแจ๊กพอตรางวัลที่หนึ่งในงวดนั้นนั่นเอง !
จาก "ไอ้เผือก" กลายเป็น "คุณชายเผือก" ในบัดดล
ด้วยความที่ไม่เคยมีเงินเยอะขนาดนี้มาก่อนในชีวิต ทำเอาทุกคนในครอบครัวตื่นเต้นต่างวาดฝันกันไปต่างๆ นานา ว่าจะซื้อนั่นซื้อนี่ แต่ยังไม่ทันจะได้ทำตามใจอยาก พวก "ญาติที่ไม่รู้จัก" ก็พากันมาเยี่ยมที่บ้านโดยไม่ได้นัดหมาย มีหลายคนที่เผือกไม่เคยเห็นหน้ามาตลอดชีวิต ก็เข้ามากอดอย่างรักใคร่ แน่นอนว่าทุกคนที่มาไม่ได้หวังแค่จะมาเยี่ยม แต่หวังที่จะมาเอาส่วนแบ่งไปด้วย
เห็นท่าจะไม่ได้การแล้ว ทุกคนในบ้านจึงจัดการวางแผน "อพยพ" ไปในที่ที่ห่างไกลและคิดว่าจะไม่มีใครตามมาเจอ นั่นคือ กรุงเทพฯ
บ้านนอกเข้ากรุงก็งานนี้แหละ ทั้งห้าคนตื่นเต้นราวกับเพิ่งได้มาเห็นเมืองที่มีตึกสูง และรถไฟฟ้าครั้งแรก ชีวิตเริ่มต้นด้วยการหาบ้านสักหลังเป็นที่พำนักอาศัย
ในที่สุด เผือกได้บ้านสุดหรูในหมู่บ้านไฮโซฯ มาพักอาศัย บ้านที่ใหญ่กว่ากระต๊อบหลังเดิมไม่รู้กี่เท่า ทองมีกับรำจวญดี๊ด๊าจะได้เป็นไฮโซฯ พากันแย่งขอเงินลูกชายไปประเดิมใช้ในกรุงเทพฯ เมื่อเผือกขัดก็ถูกต่อว่า สุดท้ายเลยต้องให้ไปตามระเบียบ
ที่ข้างบ้านของเผือกนั้นเป็นบ้านของ "คุณหญิงสายสมร" (ดวงดาว จารุจินดา) ที่ค่อนข้างเย่อหยิ่งและเก็บตัวไม่สุงสิงกับผู้ใด ด้วยความที่คนในครอบครัวของเผือกมาจากบ้านนอก จึงพากันส่งเสียงโวยวายลั่น จนคุณหญิงสายสมรไม่พอใจ ส่ง "จิ้งหรีด" (อัญรินทร์ ธีราธนันพัฒน์) สาวใช้ที่เพิ่งเข้ามาทำงานใหม่ไปต่อว่า และเมื่อเธอได้พบกับเผือกนั้น ก็นึกว่าเผือกเป็นคนใช้ของบ้าน จึงได้ต่อว่าอย่างรุนแรงและดูถูกต่างๆ นานา จิ้งหรีดทำเชิดบอกว่าตัวเองเป็นลูกสาวเจ้าของบ้านเพื่อข่มเผือก เผือกเองก็ใช่คนที่ยอมคนซะเมื่อไหร่ เขาจึงตอกกลับ สงครามน้ำลายข้ามรั้วจึงกำเนิดขึ้น
ผึ้งเองได้เข้าเรียนมหาวิทยาลัยเอกชนชื่อดัง ด้วยความที่เป็นเด็กบ้านนอก จึงตามความทันสมัยของเพื่อนๆ ไม่ทัน แต่ด้วยความที่ผึ้งเป็นคนสวยทำให้มีหนุ่มๆ มาติดมากมาย หนึ่งในนั้นคือ "นับหนึ่ง" (สุรบดินทร์ สมบัติเจริญ) รุ่นพี่ที่คณะสุดป๊อบ ยิ่งพอรู้ว่าผึ้งเป็นเศรษฐีมือใหม่ ยิ่งทำให้เขาสนใจใน "เงิน" ของผึ้งมากขึ้น นั่นทำให้ "รดา" (ภัทรนิษฐ แก้วมณี) หญิงสาวสุดเริ่ดของคณะที่หมายตานับหนึ่งไว้เช่นกัน ไม่พอใจ หาเรื่องกลั่นแกล้งเธอตลอดเวลา ดีที่มี "เฉิ่ม" (มิกค์ ทองระย้า) ชายหนุ่มหน้าซื่อคอยช่วยเหลือผึ้งตลอด แต่เพราะความศิวิไลซ์และความหลงในรูป รส กลิ่น เสียงของเมืองหลวง ทำให้ผึ้งเริ่มจะมองคนที่เปลือกนอกและวัตถุแพงๆ แล้ว โดยลืมที่จะคบคนที่จิตใจเหมือนตอนที่อยู่บ้านนอก
ความบ้านนอกของบ้านเผือกนั้น ทำเอาคุณหญิงสายสมรแทบคลั่ง ทั้งเสียงคาราโอเกะเพลงอีสาน กลิ่นน้ำต้มปลาร้าที่ลอยโชยข้ามรั้วเข้ามา หรือเสียงด่าทอหยาบๆ คายๆ ของทองมีกับรำจวญยามทะเลาะกัน ในที่สุด คุณหญิงสายสมรก็หมดความอดทน ตัดสินใจจะไปพักผ่อนที่นิวยอร์กกับญาติที่นั่น โดยชวน "ต้นหอม" (กรรณาภรณ์ พวงทอง) ลูกสาวคนเดียวไปด้วยแต่ต้นหอมปฏิเสธ เธอยังอยากอยู่ดูแลกิจการโรงแรมของคุณหญิงสายสมรต่อ คุณหญิงสายสมรไม่อยากขัดใจจึงยอมให้ลูกสาวอยู่ดูแลบ้านและโรงแรมทางนี้ ส่วนตัวเองบินไปเที่ยวเพื่อหลีกหนีความ "บ้านนอก" ของคนข้างบ้าน
วันหนึ่ง ยายดวงออกมาเดินเล่นที่หน้าบ้าน ได้มาเจอกับ "ยายอิ่ม" (อรสา อิศรางกูร ณ อยุธยา) ที่กลับมาจากตลาดพอดี ทั้งสองเจอกันก็จำกันได้ว่าเป็นคนบ้านเดียวกัน ต่างไถ่ถามสารทุกข์สุขดิบจนได้รู้ว่าแท้ที่จริงแล้วทั้งคู่ไม่ใช่คนอื่นคนไกลเลย ยายอิ่ม เป็นหัวหน้าแม่บ้านอยู่บ้านของคุณหญิงสายสมรที่อยู่ริมรั้วบ้านของยายดวงนั่นเอง ทั้งคู่ดีใจที่ได้เจอเพื่อนเก่า ยายอิ่มเองก็อดตื่นเต้นไม่ได้ที่รู้ว่ายายดวงเพิ่งเป็นเศรษฐีใหม่ ของเมืองไทย
เรื่องราวอันน่าตื่นเต้นที่ถูกนำไปเล่าในบ้านของคุณหญิงสายสมร จิ้งหรีดได้ยินดังนั้นก็ตาโต เมื่อรู้ว่าคนที่เธอใช้หางตามองและด่าทอกันจนแทบจะฆ่ากันตายนั้นเป็นเจ้าของคฤหาสน์หลังงาม และรวยมีเงินเป็นร้อยล้าน ตายละวา...ไหงเรื่องกลับตาลปัตร แล้วถ้าไอ้หมอนั่นมารู้ว่าแท้ที่จริงแล้วเธอเป็นแค่คนใช้ ไม่ใช่ลูกสาวบ้านนี้จริงๆ จะทำอย่างไร มีหวังได้ซุกแผ่นดินหนีแน่ๆ
เผือกเริ่มรู้สึกว่าผึ้งเปลี่ยนไป หญิงสาวเริ่มแข็งกร้าวขึ้น ใช้เงินเก่งเตือนอะไรก็เถียง ไม่เชื่อฟังแบบตอนอยู่ที่บ้านนอก เขาเริ่มเป็นห่วงน้องสาว กลัวว่าจะหลงแสงสีไปตามคนเมือง จึงตามไปดูที่มหาวิทยาลัย ก็พบว่าผึ้งกำลังสวีตกับนับหนึ่งจนออกหน้าออกตา ชายหนุ่มเข้าไปห้าม แต่ผึ้งแกล้งทำเป็นไม่รู้จักพี่ชายของตัวเอง เพราะเผือกแต่งตัวบ้านนอกเหมือนตอนอยู่ต่างจังหวัด เธออายเพื่อน ไม่อยากให้ใครรู้ว่ามีพี่ชายที่มีสภาพเป็นแบบนี้
ทั้งเรื่องพ่อเรื่องแม่ และเรื่องน้องสาว ทำเอาเผือกกลุ้มใจไม่น้อย ชายหนุ่มตัดสินใจไปทำบุญที่วัดเพื่อให้จิตใจดีขึ้น และที่นั่นเอง เขาได้พบกับต้นหอมที่มาเลี้ยงข้าวกลางวันเด็กกำพร้าที่มูลนิธิใกล้ๆ วัด เธอสวยและจิตใจดีจนเผือกอดที่จะแอบมองไม่ได้ เหมือนฟ้าเป็นใจ เมื่อรถของต้นหอมเสียเผือกจึงอาสาไปส่ง ทั้งคู่คุยกันถูกคอ ที่สำคัญต้นหอมไม่มีทีท่ารังเกียจชายหนุ่มเลยแม่แต่น้อย นั่นทำให้เผือกยิ่งประทับใจในตัวต้นหอมมาก แล้วเรื่องเซอร์ไพรซ์ก็เกิดขึ้น เมื่อต้นหอมคือเพื่อนบ้านของเผือกนั่นเอง.. โลกช่างกลมเสียจริง
เผือกแอบชอบต้นหอมมาก แต่ก็รู้ตัวเองว่าเขาช่างเชยและบ้านนอกขนาดนี้ จึงตัดสินใจจ้าง "เจ๊ลิลลี่" (วรภร เลิศเกียรติไพบูลย์) มือโปรมาเนรมิตตัวเขาเองให้เป็นคุณชายเหมาะสมกับต้นหอม
จากชายหนุ่มบ้านนอกคอกนากลายเป็นคุณชายสุดหล่อ จนจิ้งหรีดถึงกับตกตะลึง ชอบชายหนุ่มขึ้นมาซะอย่างนั้น ด้วยหวังว่าจะได้ถีบตัวเองหลุดจากอาชีพคนใช้อันต่ำต้อยเสียที หากได้เผือกเป็นแฟน แต่หญิงสาวยังกังวลใจไม่หาย ว่าถ้าเผือกรู้ว่าตัวเธอเป็นแค่คนใช้ เขาไม่มีวันชอบเธอแน่ๆ จึงไปสารภาพความจริงกับต้นหอม ต้นหอมนึกสนุก เลยตกลงจะอุปโลกน์ให้จิ้งหรีดเป็นน้องสาวไฮโซของตัวเอง เพื่อเป็นแม่สื่อแม่ชักให้กับสาวใช้ เธอเชื่อว่าคนเราจะรักกันต้องเดินข้ามเรื่องชาติกำเนิดและเงินทอง โดยต้นหอมไม่เคยรู้เลยว่าเผือกนั้นแอบชอบต้นหอมไม่ใช่ชอบจิ้งหรีด
ที่สำคัญ จิ้งหรีดเองชอบที่ "เงิน" ของชายหนุ่มมากกว่าจิตใจ...
เผือกที่หลงรักต้นหอมมาก แต่ไม่รู้จะเข้าใกล้หญิงสาวได้อย่างไร จึงหวังที่จะเข้าใกล้ต้นหอมด้วยการมาทำดีกับจิ้งหรีด ที่เขาคิดว่าเป็นน้องสาวของต้นหอม เพราะความดีของเผือกทำเอาจิ้งหรีดยิ่งชอบเขามากขึ้นโดยไม่รู้เลยว่าเผือกมาทำดีนั้นเพราะอยากจีบต้นหอมมากกว่า
วันหนึ่งเป็นวันเกิดของเผือก เขาจึงจัดงานเล็กๆ ขึ้นที่บ้าน โดยการชวนต้นหอมและจิ้งหรีดมาร่วมงานด้วย แม้เผือกจะพยายามจัดงานให้หรูเลิศตามที่เจ๊ลิลลี่สั่งแล้วก็ตาม แต่พ่อแม่และยายของเขากลับทำให้งานเสียด้วยการตั้งโต๊ะตำส้มตำ ทำลาบ จกปลาร้ากันต่อหน้าต้นหอมและจิ้งหรีด ยายดวงบอกให้เผือกลองตำระเบิดโชว์ และสาธยายถึงความโด่งดังของส้มตำสูตรนี้ให้ต้นหอมกับจิ้งหรีดฟัง ทำให้ทั้งคู่อยากลองชิมมาก สุดท้ายเผือกก็ตัดสินใจถอดสูทหันมาควงสากโชว์ส้มตำระเบิดให้ทั้งสองกิน ต้นหอมติดใจในรสชาติมาก ถึงกับอยากให้เผือกช่วยทำส้มตำระเบิดนี้ไปรับแขกชาวต่างชาติที่โรงแรม เผือกตอบตกลงเพราะอยากทำคะแนนให้ต้นหอมรัก
ชื่อเสียงของเผือกดังกระฉ่อนทันทีที่ได้ออกงานแรก หลายต่อหลายคนออร์เดอร์มาเป็นร้อยๆ ครก เพื่อนำไปจัดเลี้ยงสร้างชื่อให้โรงแรมของต้นหอม ต้นหอมจึงทาบทามให้เผือกมาทำงานที่โรงแรมเพื่อเป็นหัวหน้าเชฟในการตำส้มตำโดยเฉพาะ เผือกตอบตกลงมาทำงานที่โรงแรม เพื่อจะได้ใกล้ชิดต้นหอม โดยจิ้งหรีดก็มาด้วย ตามแผนของต้นหอม
วันหนึ่ง เผือกจะไปสารภาพรักต้นหอม แต่กลับพบว่าหญิงสาวมีแฟนเป็นนักธุรกิจชื่อดังอยู่แล้ว เผือกเสียใจมาก อยากจะลาออกจากงาน แต่จิ้งหรีดห้ามไว้และให้กำลังใจชายหนุ่ม แม้จะรู้สึกเสียใจบ้างที่รู้ว่าเผือกไม่เคยมีใจให้เธอเลย แต่กลับมีใจให้กับต้นหอมผู้เป็นนายแทน
จากที่เคยคิดว่าจะชอบเขาเพียงเพราะเงิน จิ้งหรีดกลับตกหลุมรักในความดีงามในจิตใจของชายหนุ่มเข้าให้แล้ว...
ความใกล้ชิดของจิ้งหรีดกับเผือกเริ่มรู้ใจกันมากขึ้น ชายหนุ่มเริ่มเห็นด้านดีของหญิงสาว ความใสซื่อและดวงตาที่ดูเหมือนมีความนัยคู่นั้นทำให้เผือกอดรู้สึกแปลกๆ ด้วยไม่ได้ทั้งๆ ที่ในใจกลับตะโกนบอกว่าคนที่เขาต้องการนั้นคือต้นหอมคนเดียว
แต่เพราะความดีของจิ้งหรีดทำให้เผือกปฏิเสธตัวเองไม่ได้ว่ารักหญิงสาวเข้าให้แล้วเช่นกัน
นั่นทำให้จิ้งหรีดเริ่มรู้สึกผิดและกลัว กลัวว่าถ้าเผือกรู้ว่าตัวเองเป็นแค่คนใช้ เขาจะรับไม่ได้ ที่สำคัญเผือกจะต้องโกรธมากที่รู้ว่าเธอหลอกลวงเขามาตลอดว่าเป็นคุณหนู
ตำระเบิดของเผือกนั้นโด่งดังไปจนทั่วสารทิศ วันๆ หนึ่งเขาต้องตำส้มตำระเบิดไม่น้อยกว่าสามร้อยครก ทำให้ต้นหมอเริ่มตัดสินใจสั่งซื้อมะละกอจากสวนย่านชานเมืองมา และนั่นทำให้จิ้งหรีดได้เจอกับ "นวล" (เจมี่ บูเฮอร์) แม่ค้าขายส่งมะละกอพันธุ์ดี ซึ่งมีศักดิ์เป็นแม่เลี้ยงของจิ้งหรีดอีกด้วย
จิ้งหรีดพยายามหลบหน้าหลบตานวล เพราะกลัวนวลจะรู้ว่าเธอมาเป็นคนใช้อันต่ำต้อย ที่สำคัญเธอกลัวว่านวลจะเปิดโปงความลับว่าตัวของจิ้งหรีดเองนั้น ไม่ได้เป็นคนในครอบครัวของคุณหญิงสายสมร เจ้าของโรงแรมแต่อย่างได
เมื่อหลายปีก่อนนั้น จิ้งหรีดใช้ชีวิตเป็นสาวชาวสวนมะละกอ อยู่อย่างมีความสุข แม้ทางครอบครัวจะไม่ได้ร่ำรวยมาก แต่ก็พอมีพอกิน "คม" พ่อของจิ้งหรีดเป็นคนรักครอบครัวมาก เขาไม่เคยนอกใจ "วรรณ" (ภัทรา ทิวานนท์) เมียสุดที่รักเลย
แต่แล้วเรื่องไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เมื่อวรรณประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต คมเสียใจมาก ดื่มเหล้าเมายา ไม่ยอมทำสวนมะละกอต่อ ภาระหนักจึงตกมาอยู่ที่จิ้งหรีดที่ต้องดูแลทุกอย่างเอง วันหนึ่งคมได้พานวลกลับมาจากคลับในเมือง นั่นทำให้จิ้งหรีดไม่พอใจที่พ่อของตัวเองกำลังจะมีเมียใหม่ ทั้งคู่มีปากเสียงกัน แต่สุดท้ายจิ้งหรีดก็ต้องยอมให้พ่อพานวลเข้ามาอยู่ในไร่ ในฐานะเมียใหม่ของพ่อ
แรกๆ นั้น นวลก็ทำดีกับจิ้งหรีดเพื่อให้เธอตายใจ แต่สุดท้ายความชั่วร้ายก็ออกลาย นวลพยายามจะเอาทุกอย่างของคมไปเป็นเจ้าของ โดยใช้มารยาหญิงหลอกให้คมเซ็นโอนไร่มะละกอทั้งหมดให้กับเธอ จิ้งหรีดไม่พอใจมาก ไปต่อว่าพ่อ แต่ก็โดนตบกลับมา ทำให้หญิงสาวน้อยใจว่าพ่อไม่ใช่พ่อคนเดิมที่เธอเคยรู้จัก มิหนำซ้ำจิ้งหรีดยังไปรู้ความลับมาว่านวลนั้นแอบมีความสัมพันธ์ลับๆ กับคนงานในสวน เธอจะไปฟ้องพ่อ แต่นวลรู้ตัวเสียก่อน ทั้งคู่ตบตีกัน แต่นวลสร้างภาพว่าถูกจิ้งหรีดรังแกก่อน พ่อลูกจึงไม่มองหน้ากันอีกนับตั้งแต่วันนั้น
วันหนึ่ง ข่าวร้ายก็มาเยือนจิ้งหรีด เมื่อได้รู้ว่าผู้เป็นพ่อขับรถตกเหวเสียชีวิต เหมือนเสาหลักในชีวิตของจิ้งหรีดล้มไปเสียแล้ว หญิงสาวถูกนวลไล่ออกจากบ้านเพราะเธอไม่มีสิทธิ์อะไรในสมบัติของพ่อเลย
จิ้งหรีดไม่มีที่ไปจึงเสี่ยงโชคชะตามาในเมืองหลวง หวังว่าจะมาหางานทำเพื่อประทังชีวิต แต่ทุกอย่างไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ หญิงสาวถูกหลอกไปขายตัวในซ่อง แต่ก็เอาตัวรอดหนีออกมาได้ เคราะห์ซ้ำกรรมซัด ดันไปถูกรถของต้นหอมชนเข้า ดีที่จิ้งหรีดไม่เป็นอะไรมาก ต้นหอมจึงรับจิ้งหรีดเข้ามาทำงานในบ้านด้วยความสงสารหลังจากนั้นชีวิตของเธอก็ถูกเรียกว่า "คนรับใช้" ตลอดมา
นวลเหมือนว่าจะเห็นจิ้งหรีดแวบๆ จึงตามไป สุดท้ายจึงรู้ว่าจิ้งหรีดอยู่ที่โรงแรมแห่งนี้ และยิ่งแปลกใจเมื่อเผือกแนะนำว่าจิ้งหรีดคือน้องสาวของต้นหอม เจ้าของโรงแรมแห่งนี้ นวลแอบหมายตาเผือกไว้ คิดจะเปิดโปงความจริงว่าจิ้งหรีดไม่ใช่คนในครอบครัวของต้นหอม แต่ต้นหอมรู้ทันเสียก่อน จึงยื่นข้อเสนอว่าถ้าปิดเรื่องนี้เป็นความลับ เธอจะเป็นลูกค้ามะละกอของนวลตลอดไป และจะติดต่อโรงแรมของเพื่อนๆ ที่รู้จักให้ด้วย นวลตกลงแต่ยังไม่เลิกหมายตาเผือก เพราะถูกตาต้องใจเหลือเกิน
ความลับเรื่องของจิ้งหรีดดำเนินต่อไป พร้อมกับความรักของคนทั้งคู่
ช่วงนี้ยายดวงเจ็บออดๆ แอดๆ เผือกให้ไปตรวจร่างกายก็ไม่ยอมไป ตัวเขาเองก็ยุ่งอยู่ที่โรงแรม ผึ้งเองก็กลับบ้านดึกๆ ดื่นๆ อ้างว่าติดกิจกรรมของทางมหาวิทยาลัย ส่วนรำจวญกับทองมีไม่ต้องพูดถึง วันๆ มุดหัวอยู่แต่ในบ่อน ถ้าเงินไม่หมด ไม่กลับมาบ้าน บ่อยครั้งที่ยายดวงต้องอยู่บ้านเพียงลำพัง หญิงชราเริ่มไม่ชอบความมั่งมีที่ได้มาเสียแล้ว หากการมีเงินแล้วต้องเหงาแบบนี้ เธอขอกลับไปจนแล้วอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันอย่างเดิมเสียดีกว่า
หลังจากได้ติดต่อกับเผือกที่โรงแรมบ่อยครั้ง นวลเริ่มสืบเสาะหาที่อยู่ของเผือก เธอมักเอาของกำนัลมาฝากเผือกอยู่บ่อยๆ ซึ่งทำให้จิ้งหรีดไม่พอใจเป็นอย่างมาก ทั้งคู่มีปากเสียงกันทุกครั้งที่ได้เจอหน้า จนเผือกเริ่มจะสงสัยว่าทั้งคู่น่าจะเคยรู้จักกันมาก่อน แต่จิ้งหรีดก็ยังปิดบังความลับเรื่องระหว่างเธอกับนวลไว้
วันหนึ่งมีแก๊งค์มาเฟียโทรมาหาเผือก บอกให้เอาเงินสิบล้านไปไถ่ตัวทองมี กับรำจวญที่ไปเสียไฮโลที่ชายแดน ชายหนุ่มจำเป็นต้องเบิกเงินที่ร่อยหรอไปช่วยพ่อและแม่ เขาเริ่มจะเครียดแล้ว เพราะเงินที่ได้จากการถูกล็อตเตอรี่ครั้งนั้นใกล้หมดลงทุกที เนื่องจากคนในบ้านต่างใช้เงินราวกับเป็นเศษกระดาษ
เรื่องราวระหว่างนวลกับจิ้งหรีดเริ่มทวีความรุนแรงมากขึ้น ทั้งสองมีปากเสียงกัน ในขณะที่เผือกแอบฟังอยู่ จึงได้รู้ว่าแท้ที่จริงแล้วนวลเป็นแม่เลี้ยงของจิ้งหรีดนั่นเอง นั่นทำให้ชายหนุ่มงงว่าในเมื่อจิ้งหรีดเป็นน้องสาวของต้นหอมแล้ว ทำไมมีแม่เลี้ยงเป็นนวล หรือสามีของคุณหญิงสายสมรจะไปแต่งงานใหม่
และแล้วความลับทั้งหมดก็ถูกเปิดเผยเมื่อคุณหญิงสายสมรกลับมาเมืองไทย แล้วเห็นนวลกับจิ้งหรีดกำลังทะเลาะกันอยู่หน้าบ้าน จึงเข้าไปต่อว่า ความลับที่ว่าจิ้งหรีดไม่ใช่ลูกสาวคุณหญิงสายสมรและมีหน้าที่เป็นเพียงคนรับใช้จึงถูกเปิดโปงขึ้น นั่นทำให้เผือกโกรธหญิงสาวมาก ไม่ยอมพูดด้วยเพราะเขาเกลียดการโกหกที่สุด
ส่วนจิ้งหรีดเองกลับคิดว่าที่เผือกโกรธเธอนั้นเพราะรู้ว่าเธอเป็นแค่คนรับใช้ ไม่ได้ร่ำรวยเหมือนที่ได้สร้างภาพมา เผือกอาจไม่ได้รักเธอเพราะจิตใจ แต่เป็นเพราะที่ความหรูหราและความมีเกียรติมากกว่า
ผึ้งขออนุญาตไปเที่ยวทะเลกับเพื่อนๆ ที่คณะ ซึ่งรดากับเพื่อนๆ วางแผนไว้แล้วว่าจะทำให้ผึ้งเสียคนก็คราวนี้ ด้วยการวางแผนให้ผู้ชายในคณะจัดการพาผึ้งไปรุมโทรม เฉิ่มรู้เรื่องเข้าก็ไปเตือนผึ้ง แต่ถูกผึ้งตอกหน้ากลับมาว่าไม่หวังดี เฉิ่มเองอดเป็นห่วงผึ้งไม่ได้ จึงลงทะเบียนไปเที่ยวในครั้งนี้ด้วย แล้วก็เป็นจริงดังที่เขาได้ยินมา เมื่อผึ้งจะถูกผู้ชายสามคนจะพาไปข่มขืน แม้นับหนึ่งเองจะอยู่บริเวณนั้น แต่กลับหนีเอาตัวรอด เฉิ่มแสดงความรักด้วยการสู้สุดชีวิตจนตัวเองสะบักสะบอม ในที่สุดตำรวจก็มาจับคนร้ายได้แล้วซัดทอดไปถึงรดา ทำให้รดาถูกตำรวจจับไปด้วย
ข่าวออกทีวีครึกโครม ในขณะที่เผือกกับยายดวงกำลังนั่งดูอยู่ ทั้งคู่ตกใจมากโดยเฉพาะยายดวง ถึงขั้นเป็นลมหมดสติไป เผือกรีบนำตัวยายดวงส่งโรงพยาบาล หมอบอกว่ายายดวงเป็นโรคหัวใจตีบ ต้องรีบผ่าตัดด่วน เผือกจึงยอมให้หมอผ่าตัดยายดวง
ผึ้งเองรู้เรื่องก็ให้เฉิ่มรีบพากลับมา เช่นเดียวกับทองมีและรำจวญที่ยอมทิ้งไพ่มาดูใจยายดวง หมอบอกให้ทำใจไว้เพราะโอกาสรอดมีแค่ 50 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ที่สำคัญค่าใช้จ่ายสูงมาก เงินที่เผือกเหลือเก็บตอนนี้มีไม่พอ ท้ายสุดแล้วชายหนุ่มตัดสินใจเอาบ้านไปจำนองไว้กับธนาคารเพื่อนำเงินก้อนสุดท้ายมารักษาผู้เป็นยาย
ทั้งหมดเพิ่งเข้าใจว่าไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าคนในครอบครัวอีกแล้ว...
เมื่อผ่านเรื่องราวของ "คนมีเงิน" มามากมาย ทำให้ทุกคนรู้ว่าชีวิตมันไม่ได้สวยงามอย่างที่คิดเอาเสียเลย แม้จะชอบความหรูหราของคนมีเงิน แต่พวกเขากลับรักที่จะอยู่กันอย่างอบอุ่นแบบเดิมมากกว่า
ผึ้งได้เรียนรู้ว่าชีวิตที่ฟุ้งเฟ้อฟู่ฟ่าของสังคมเมืองหลวงนั้นไม่ได้ดีไปเสียทุกอย่าง การมองคนเพียงแค่หน้าตากลับทำให้เธอเกือบเอาชีวิตไม่รอด มองคนต้องมองที่จิตใจเหมือนที่เธอเคยเรียนรู้มาก่อนที่จะย้ายมาอยู่ที่กรุงเทพฯ
ทองมี กับ รำจวญ ที่ก่อหนี้ก่อสินไว้มากมายก็เริ่มสำนึก เผือกเอาเงินที่เหลือไปใช้หนี้ให้พ่อกับแม่ทั้งหมด ทั้งสองขอโทษลูกชายที่ทำตัวไม่ดีมาตลอด และสัญญาว่าจะเปลี่ยนแปลงตัวเองให้ดีขึ้น
ยายดวงปลอดภัย แต่ยังต้องกินยารักษาตัวอีกเดือนละหลายแสนบาท เผือกตัดสินใจขายบ้าน รถ และทรัพย์สินทุกอย่างเพื่อเก็บเงินไว้ใช้ยามจำเป็น ทั้งห้าตกลงกันแล้วว่าชีวิตในเมืองหลวงช่างไม่เหมาะกับคนบ้านนอกอย่างพวกเขา จึงจะกลับไปตั้งต้นชีวิตใหม่ที่บ้านนอกที่เคยจากมา แม้ที่บ้านนอกจะไม่หรูหรา ไม่ศิวิไลซ์เหมือนในเมืองหลวง แต่ที่นั่นทำให้เขาได้รู้สึกถึงคำว่า "ครอบครัว" อย่างเต็มที่
ผึ้งไปกล่าวลาเฉิ่มว่าอาจไม่เจอกันอีกแล้วชาตินี้ เพราะเธอจะกลับไปเรียนต่อที่บ้านนอก เฉิ่มเองก็เสียใจแต่ก็ยอมให้หญิงสาวไป เพราะเคารพการตัดสินใจของผึ้ง
จิ้งหรีดรู้ข่าวจากยายดวงว่ากำลังจะย้ายกลับบ้านนอกกันทั้งครอบครัว ก็ใจหาย ใจหนึ่งก็อยากจะขอโทษเผือก แต่อีกใจมันก็มีอคติ เลยทำปากแข็งว่าไม่รู้สึกอะไรกับการจากไปของชายหนุ่ม เช่นเดียวกับเผือกเอง เขาก็อยากบอกลาจิ้งหรีดเป็นครั้งสุดท้าย แต่เห็นว่าหญิงสาวทำเฉยชา จึงตัดสินใจจากไปโดยไม่มีการปรับความเข้าใจกัน
ทั้งหมดกลับมาตั้งหลักที่บ้าน เผือกเจียดเงินมาทำร้านอาหารอีสานเล็กๆ ทำมาหากินเพื่อประทังชีวิต โดยมีรำจวญคอยช่วยลูกชาย ส่วนผึ้งได้โอนหน่วยกิตมาเรียนต่อราชภัฏในตัวเมือง ทางด้านทองมีก็ทำสวนทำไร่เล็กๆ น้อยๆ และมีหน้าที่คอยดูแลยายดวงในฐานะลูกเขยที่ดี ที่เขาไม่เคยได้ทำมาเลยตลอดชีวิต
วันหนึ่งผึ้งไปเจอกับเฉิ่มโดยบังเอิญ โชคชะตาเหมือนเป็นใจเพราะเฉิ่มกลับมาเยี่ยมบ้าน ซึ่งอยู่จังหวัดเดียวกันกับผึ้ง บ้านของเฉิ่มนั้นเป็นร้านค้าส่งปุ๋ยและค้าข้าวรายใหญ่ของจังหวัด ชายหนุ่มไม่ได้จนอย่างที่ผึ้งคิดไว้เลย เพียงแต่เฉิ่มเป็นคนไม่ฟุ้งเฟ้อ ไม่เคยหลงไปกับเงินทองมากมาย นั่นทำให้ผึ้งละอายใจมาก แต่เฉิ่มก็ให้อภัย ทั้งคู่ตัดสินใจคบกันโดยให้พ่อแม่ของแต่ละฝ่ายมาผูกมิตรกันไว้ แม่ของเฉิ่มนั้นเป็นลูกค้าประจำร้านตำระเบิดของเผือกมานาน ก็ปลื้มใจ ไม่ได้รังเกียจในความจนของครอบครัวของผึ้ง แต่กลับชื่นชมในความขยันขันแข็งซะอีก จึงขอหมั้นหมายผึ้งให้เฉิ่มไว้ ถ้าทั้งคู่เรียนจบจะให้แต่งงานกัน
ทางด้านเผือกเอง แม้จะทำใจให้ลืมจิ้งหรีด แต่เขาก็ทำไม่ได้ เช่นเดียวกับจิ้งหรีดที่ยังคงเหม่อลอยคิดถึงเผือกเสมอ หญิงสาวรู้ตัวแล้วว่าผิด และไม่ควรถือตัวทำปากแข็ง ไม่ยอมขอโทษชายหนุ่ม แต่กว่าจะคิดได้ก็สายไปเสียแล้ว เธอไม่รู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน ยายอิ่มรู้ทันทีจึงเอาที่อยู่บ้านของยายดวงให้จิ้งหรีด เธอขอไว้ก่อนที่ยายดวงจะกลับไปบ้านนอก เผื่อมีเวลาจะได้ไปเยี่ยมเยียน
จิ้งหรีดตัดสินใจขึ้นรถไปหาเผือกทันที หญิงสาวได้เจอเผือกที่ร้านตำระเบิด ทั้งคู่ต่างปรับความเข้าใจกัน และสารภาพความในใจของกันและกันทั้งหมด จิ้งหรีดอาสาจะอยู่ที่นี่ช่วยเผือกดูแลร้าน เผือกบอกกับเธอว่า เขาไม่ได้มั่งมีเหมือนเมื่อก่อน ถ้าจิ้งหรีดอยู่ด้วยจะลำบาก แต่จิ้งหรีดไม่กลัว เธอพร้อมที่จะอยู่เคียงข้างชายหนุ่มคนที่เป็นเจ้าของหัวใจเธอตลอดไป
ต่อให้รวยล้นฟ้าแค่ไหน ถ้าไม่มีความสุขเธอก็ไม่เอา ขอแค่มีความรักและความอบอุ่นเท่านั้นก็ "พอเพียง" แล้วสำหรับชีวิตนี้"