ละคร ไฟอมตะ
ดู 4,027 ครั้ง /
แชร์
ละครออกอากาศ | วันเสาร์ วันอาทิตย์ | ||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
ช่องที่ออกอากาศ | ละครช่อง 9 | ||||||||||||||||||||||||||||||
เริ่มออกอากาศ | 10 เมษายน 2553 | ||||||||||||||||||||||||||||||
เวลาออกอากาศ | 20:30 - 21:30 น. |
||||||||||||||||||||||||||||||
กำกับโดย | พิไลวรรณ บุญล้น | ||||||||||||||||||||||||||||||
ประพันธ์โดย | บทประพันธ์ วิกรม กรมดิษฐ์, บทโทรทัศน์ ศัลยา | ||||||||||||||||||||||||||||||
นำแสดงโดย | |||||||||||||||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||||||||||||
ผู้สร้าง | เจ เอส แอล โกลบอล มีเดีย จำกัด |
ภาพนิ่งจากละคร
เรื่องย่อ ไฟอมตะ
อาทิตย์ (ชาคริต แย้มนาม) เกือบจะกลายเป็นฆาตกรปลิดชีวิตบิดาบังเกิดเกล้าผู้ให้กำเนิด ด้วยเหตุที่พ่อ (นิรุตติ์ ศิริจรรยา)ใช้ปืนยิงหัววิฑิต(อรรถพร ธีมากร)น้องคนที่สามของเขา แม่(อุทุมพร ศิลาพันธ์)พยายามห้ามอาทิตย์ไม่ให้ทำร้ายพ่อ โดยโทษว่าเรื่องที่เกิดขึ้นมันเป็นเวรกรรมของแม่ แต่สำหรับอาทิตย์คิดว่าเรื่องราววุ่นวาย ปัญหาร้ายๆที่ถาโถมเข้ามาในครอบครัวลูกมันเป็นเพราะ พ่อ! พ่อไม่เคยรู้จักคำว่าพอ มีเมียเล็กเมียน้อยนับไม่ถ้วน ยามโกรธพ่อก็มักจะมาลงกับคนในบ้าน ทะเลาะกับแม่ ทุบตีลูกจนปางตายเหมือนไม่ใช่เลือดเนื้อเชื้อไขของตัวเอง หากไม่คิดถึงแม่ผู้เป็นที่รักยิ่ง ไม่ห่วงว่าใครจะดูแลน้องๆ แล้วล่ะก็ อาทิตย์คงต้องก่อกรรมอันใหญ่หลวง สร้างตราบาปอันฝังลึกที่กี่ปีกี่ชาติก็ไม่มีวันลบเลือนได้.......
ย้อนไปเมื่อปี พ.ศ.2496.....เด็กชายติ้นฟ้งลืมตาดูโลก ณ บ้านเลขที่ 99 ถนนแสงชูโต
จ.กาญจนบุรี การเกิดของติ้นฟ้งสร้างความตื่นเต้นดีใจให้แก่พ่อแม่เป็นอย่างมากที่ได้ลูกคนแรกเป็นผู้ชาย ปู่ทำนายว่าติ้นฟ้งจะเป็นคนเก่ง มีบุญวาสนาทำให้ตระกูลเจริญรุ่งเรือง
ครอบครัวคนจีนมักจะสอนให้ลูกทำงานตั้งแต่เด็กๆ ติ้นฟ้งก็เหมือนกัน เด็กน้อยมีหน้าที่ดูแลน้องๆ ที่คลานตามกันออกมาทุกปี แถมยังต้องทำงานบ้าน ช่วยแม่นึ่งปลาทู ทำความสะอาดปลาเค็มเพื่อเอาไปขายที่แผงในตลาด พ่อเองก็สอนให้เขารู้จักจัดสินค้า ขายของที่ร้านค้าหน้าบ้านซึ่งก็มีทั้งพริกแห้ง ฝ้าย ละหุ่ง ข้าวโพด ข้าวฟ่าง ตลอดจนของป่าที่ชาวบ้านเอามาส่งให้ แม้จะต้องทำงานหนักเกินวัย แต่ติ้นฟ้งก็ไม่รู้จักคำว่าเหนื่อย คงเป็นเพราะความรักที่พ่อแม่ ปู่ย่า ตายายและญาติๆ มีให้อย่างเปี่ยมล้นนั่นเอง
ในตอนเช้า...ติ้นฟ้งจะเห็นปู่กวาดถนนหน้าบ้านทุกวัน เขาเคยถามปู่ว่าทำไมต้องกวาด มีใครเห็นมั่ง ปู่ตอบด้วยสีหน้าเปื้อนยิ้มว่า เทียนเต๊เต๊ ฟ้าเป็นพยาน....เรากวาดถนนก็สะอาด ใช้แรงของเราทำประโยชน์ให้คนอื่น เราก็สบายใจ ปู่ก็เป็นอีกคนหนึ่งที่สอนให้ติ้นฟ้งรู้จักทำงาน รู้จักเป็นผู้ให้ ทุกครั้งที่กลับจากตลาดปู่ก็จะมีขนมติดไม้ติดมือมาฝากหลานๆ เสมอ
ติ้นฟ้งอยากไปโรงเรียนแต่พ่อก็ไม่เห็นด้วย แม่เห็นแววตาที่มุ่งมั่นเลยช่วยพูดให้ ในที่สุด พ่อก็ยอมให้ติ้นฟ้งไปโรงเรียน โดยมีข้อแม้ว่าติ้นฟ้งต้องทำหน้าที่ของตัวเองไม่ให้ขาดตกบกพร่อง
ติ้นฟ้งดีใจมาก เขาทำงานอย่างขยันขันแข็งตามที่รับปากกับพ่อไว้ ตอนที่วิฑิตหนีโรงเรียนกลับมาบ้านแล้วโดนพ่อตีอย่างหนัก พี่ใหญ่อย่างติ้นฟ้งก็เข้ามาปลอบ สอนน้องให้รู้จักรักการเรียน และพาน้องกลับไปส่งที่โรงเรียนประจำ
วันตรุษจีน...วันแห่งความสุขที่ติ้นฟ้งตั้งตารอคอยเวียนมาถึง นอกจากอาหารการกินและขนมแสนอร่อยที่เขาชอบแล้ว วันนี้เขายังได้แต๊ะเอียจากญาติผู้ใหญ่อีกด้วย ติ้นฟ้งนำเงินแต๊ะเอีย 40 บาทไปฝากแม่ไว้ เพราะกลัวหายไม่รู้จะซ่อนตรงไหนดี แต่พอวันที่เขาไปขอเงินที่ฝากไว้กับแม่เพื่อมาซื้อขนมให้น้องๆ แม่กลับไม่ให้แถมยังบอกว่า "เงินที่แม่ให้เอ็งซื้อขนมกินทุกวันนี้ ก็เงินเอ็งไง" ติ้นฟ้งร้องไห้อย่างผิดหวัง ไม่สามารถเรียกร้องหรือต่อสู้อะไรได้เลย ติ้นฟ้งจึงแอบขโมยเงินย่าที่ซ่อนไว้ใต้ที่นอนไปซื้อขนมให้น้องๆ พ่อโกรธมากดุด่าเฆี่ยนตีติ้นฟ้งอย่างสาหัส ไม่ว่าย่า(พิศมัย วิไลศักดิ์) แม่และป้าเฮียงจะทัดทานเพียงใด พ่อก็ไม่ฟัง...ภาพความรักที่พ่อเคยมีให้ในอดีต ตอนที่พ่อโอบอุ้มเล่นหัว ตอนที่พ่อพร่ำสอนในไร่ หรือแม้แต่ตอนที่พ่อเอาเขาซ้อนท้ายรถเครื่องไปดูหนังกลางแปลง.....ภาพความอบอุ่นเหล่านั้นมันเลือนหายไปหมดแล้ว.........เทศกาลตรุษจีนเวียนมาถึงในปีต่อมา...ติ้นฟ้งไม่ไว้ใจที่จะนำเงินไปฝากแม่อีกแล้ว เขาจึงนำเงินแต๊ะเอียที่ได้รับไปฝากไว้กับธนาคารกรุงเทพพาณิชยการใกล้ๆ บ้าน
ติ้นฟ้งเริ่มเป็น "เถ้าแก่น้อย" เมื่อ ป้าเฮียง(นรินทร ณ บางช้าง) ยกอุปกรณ์การทำถั่วคั่วให้ ย่าและติ้นฟ้งช่วยกันทำถั่วคั่วอย่างแข็งขัน ติ้นฟ้งนำถั่วคั่วไปขายทั้งที่ลานหนังกลางแปลง เขามีกลยุทธ์การขายด้วยการแจกหนังสือพิมพ์ให้ลูกค้าเอาไว้ปูนั่งดูหนัง เพิ่มสินค้าอีกหลายอย่างเอาไว้เป็นตัวเลือกให้ลูกค้า กิจการของติ้นฟ้งดีวันดีคืนขึ้นเรื่อยๆ จนย่าและแม่เอ่ยปากชม ด้วยวัยเพียงสิบสอง ติ้นฟ้งต้องเข้าไปช่วยพ่อทำไร่อ้อย เขามีหน้าที่คอยคุมคนงานตัดอ้อย ทำบัญชีต่างๆ บางคราวก็ต้องเอาควายมาไถไร่ หรือแม้แต่ขับรถไถเอง...
เมื่อเรียนจบมัธยมต้น ติ้นฟ้งก็เปลี่ยนชื่อเป็น"อาทิตย์" เพื่อความสะดวกในการสอบเข้าเตรียมทหาร แต่พอเห็นไถ่(ปอAF) ลูกชายป้าเฮียงซึ่งไปเรียนที่ไต้หวันกลับมาเยี่ยมบ้าน ชุดเครื่องแบบนักเรียนของไถ่ดูโก้ สร้างแรงบันดาลใจให้อาทิตย์ไม่น้อย พ่อเห็นอาทิตย์อยากเรียนจึงตัดสินใจที่จะส่งอาทิตย์ไปเรียนไต้หวันบ้าง
ที่ไต้หวัน....อาทิตย์เริ่มเรียนภาษาจีนปักกิ่งอย่างหนักในโรงเรียนสอนภาษากินนอนคาธอลิกซินจู๋ เพื่อเป็นพื้นฐานในการเข้าเรียนที่โรงเรียนมัธยมปลายซินจู๋....
"เคลลี่" (ซอนย่า คูลลิ่ง) หญิงสาวที่ทำให้อาทิตย์รู้จักคำว่ารัก.....เป็นรักแรกพบก็ว่าได้ อาทิตย์ก็สอบเข้าเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยแห่งชาติไต้หวัน แม้จะรู้สึกเหงาที่ต้องจากบ้านมาไกล คิดถึงแม่ คิดถึงน้องๆ แต่อาทิตย์ก็ยังรู้สึกอบอุ่นอยู่บ้างที่มีเพื่อนรักอย่างจิตรกร(อาร์ม-พิพัฒน์) เพื่อนนักเรียนคนไทยซึ่งเรียนด้วยกัน ...น้องๆ เขียนจดหมายมาหาเป็นระยะๆ พ่อยังคงอารมณ์ร้ายลงโทษน้องๆ แม่ก็ยังทะเลาะกับพ่อเป็นประจำ
อาทิตย์กลับมาเยี่ยมบ้านที่เมืองไทย ด้วยความตั้งใจว่าจะไปช่วยงานในฤดูร้อน แต่ทุกอย่างก็พังพินาศเมื่ออาทิตย์สุดจะทนชกพ่อไปทีหนึ่ง ก่อนจะกลายเป็นกระสอบทรายให้พ่อถลุงจนหมอบไปกับพื้น... รุ่งเช้าอาทิตย์กราบขอโทษพ่อทั้งน้ำตา เขาบอกลาว่าจะไม่กลับมาบ้านนี้อีก
พ่ออยากให้อาทิตย์กลับมาช่วยงานที่บ้านแต่อาทิตย์ไม่ยอม อาทิตย์เข้าเจรจาทำธุรกิจโรงงานผลิตเยื่อกระดาษ โดยจะติดต่อโรงงานที่ไต้หวันมาติดตั้งเครื่องจักรให้ เขาก็ต้องผิดหวังครั้งใหญ่ เมื่อโครงการต้องล้มเพราะปัญหาเงินทุน อาทิตย์เสียใจมากแต่ก็ฮึดสู้ เขาขอยืมเงินแม่ตั้งบริษัท วีแอนด์เอ้า เอ็นเตอร์ไพรส์ ส่งนิลไปขายต่างประเทศ
อาทิตย์ตัดสินใจแต่งงานกับเคลลี่ที่ไต้หวัน แล้วกลับมาจัดพิธีอีกครั้งที่เมืองไทย ทั้งคู่ตกลงกันว่าจะไม่มีลูก เพราะอยากสร้างหลักฐานให้ครอบครัวก่อน อาทิตย์มุ่งมั่นเริ่มทำธุรกิจอีก บริษัทของเขาได้เป็นตัวแทนนำซอนมะเขือเทศมาขายให้โรงงานปลากระป๋อง และส่งปลาทูน่ากระป๋องไปขายยังสหรัฐอเมริกา ขณะเดียวกันกิจการส่งออกแป้งมันก็เจริญก้าวหน้า ทำให้บริษัทมีเงินหมุนเวียนเป็นกอบเป็นกำ
กราฟชีวิตด้านธุรกิจของอาทิตย์พุ่งสูงขึ้น แต่กราฟชีวิตครอบครัวกลับดิ่งลงเหว วิฑิตอึดอัดใจเป็นที่สุด เขาทะเลาะกับพ่ออย่างรุนแรงจนถึงขนาดโดนพ่อเอาปืนยิงหัว อาทิตย์โกรธแค้นมากถึงขนาดจะเอาปืนไปยิงพ่อ แต่แม่และน้องๆ ก็ห้ามไว้ อาทิตย์ตั้งสัจจะกับตัวเองว่า ต่อไปนี้เขาจะไม่มีวันทิ้งน้องๆ จะคอยปกป้อง ดูแลน้องๆ ให้เป็นคนดีของครอบครัว ของสังคมตลอดไป แม่ตัดสินใจหย่ากับพ่อ และย้ายมาอยู่กับอาทิตย์ที่บ้านสุขุมวิท ลูกๆ ทุกคนดีใจที่แม่จะเริ่มต้นชีวิตใหม่.....
"นรี" นักธุรกิจสาวก้าวเข้ามาในชีวิตของอาทิตย์ในวันที่เขารู้สึกโดดเดี่ยว...ความรักก่อตัวขึ้นอย่างเงียบๆ นานวันก็พัฒนาความสัมพันธ์กลายเป็นคนรักที่เข้าอกเข้าใจซึ่งกันและกัน.....
หลายปีต่อมา อาทิตย์และนรีต้องเลือกเดินกันคนละเส้นทางกัน อาทิตย์ได้พบรักครั้งใหม่กับ "แมว" สาวสวยผู้มีบุคลิกอันร่าเริงสดใส เธอเป็นผู้หญิงช่างเอาอกเอาใจ อาทิตย์รู้สึกมีความสุขมาก แต่ก็มิวายจะคิดถึงเคลลี่ หญิงสาวผู้เป็นเสมือนคนรัก...คนที่ทำให้เขารู้จักคำว่ารัก.....
เมื่อแม่ป่วย และเสียชีวิตลง อาทิตย์รู้สึกเศร้าโศก เสียใจที่สุดในชีวิต เขาตัดสินใจบวช เพื่อทดแทนพระคุณแม่ ผู้เป็นที่รักยิ่ง.....
แม้จะมีปัญหาชีวิต และมีปัญหาทางธุรกิจ อันเป็นเหมือนมรสุมร้ายที่สาดซัดเข้ามาเป็นระยะๆ แต่อาทิตย์ก็ไม่เคยย่อท้อ เขาลุกขึ้นต่อสู้อย่างเข้มแข็ง....เขาบอกกับตัวเองเสมอว่าต้องฟันฝ่า ต้องก้าวไปถึงเส้นชัยให้ได้......ชีวิตต้องดำเนินต่อไป.......เส้นทางชีวิตต้องสุกสว่างรุ่งโรจน์.....ดุจไฟอมตะในตัวเขาที่ไม่เคยมอดไหม้.....
ย้อนไปเมื่อปี พ.ศ.2496.....เด็กชายติ้นฟ้งลืมตาดูโลก ณ บ้านเลขที่ 99 ถนนแสงชูโต
จ.กาญจนบุรี การเกิดของติ้นฟ้งสร้างความตื่นเต้นดีใจให้แก่พ่อแม่เป็นอย่างมากที่ได้ลูกคนแรกเป็นผู้ชาย ปู่ทำนายว่าติ้นฟ้งจะเป็นคนเก่ง มีบุญวาสนาทำให้ตระกูลเจริญรุ่งเรือง
ครอบครัวคนจีนมักจะสอนให้ลูกทำงานตั้งแต่เด็กๆ ติ้นฟ้งก็เหมือนกัน เด็กน้อยมีหน้าที่ดูแลน้องๆ ที่คลานตามกันออกมาทุกปี แถมยังต้องทำงานบ้าน ช่วยแม่นึ่งปลาทู ทำความสะอาดปลาเค็มเพื่อเอาไปขายที่แผงในตลาด พ่อเองก็สอนให้เขารู้จักจัดสินค้า ขายของที่ร้านค้าหน้าบ้านซึ่งก็มีทั้งพริกแห้ง ฝ้าย ละหุ่ง ข้าวโพด ข้าวฟ่าง ตลอดจนของป่าที่ชาวบ้านเอามาส่งให้ แม้จะต้องทำงานหนักเกินวัย แต่ติ้นฟ้งก็ไม่รู้จักคำว่าเหนื่อย คงเป็นเพราะความรักที่พ่อแม่ ปู่ย่า ตายายและญาติๆ มีให้อย่างเปี่ยมล้นนั่นเอง
ในตอนเช้า...ติ้นฟ้งจะเห็นปู่กวาดถนนหน้าบ้านทุกวัน เขาเคยถามปู่ว่าทำไมต้องกวาด มีใครเห็นมั่ง ปู่ตอบด้วยสีหน้าเปื้อนยิ้มว่า เทียนเต๊เต๊ ฟ้าเป็นพยาน....เรากวาดถนนก็สะอาด ใช้แรงของเราทำประโยชน์ให้คนอื่น เราก็สบายใจ ปู่ก็เป็นอีกคนหนึ่งที่สอนให้ติ้นฟ้งรู้จักทำงาน รู้จักเป็นผู้ให้ ทุกครั้งที่กลับจากตลาดปู่ก็จะมีขนมติดไม้ติดมือมาฝากหลานๆ เสมอ
ติ้นฟ้งอยากไปโรงเรียนแต่พ่อก็ไม่เห็นด้วย แม่เห็นแววตาที่มุ่งมั่นเลยช่วยพูดให้ ในที่สุด พ่อก็ยอมให้ติ้นฟ้งไปโรงเรียน โดยมีข้อแม้ว่าติ้นฟ้งต้องทำหน้าที่ของตัวเองไม่ให้ขาดตกบกพร่อง
ติ้นฟ้งดีใจมาก เขาทำงานอย่างขยันขันแข็งตามที่รับปากกับพ่อไว้ ตอนที่วิฑิตหนีโรงเรียนกลับมาบ้านแล้วโดนพ่อตีอย่างหนัก พี่ใหญ่อย่างติ้นฟ้งก็เข้ามาปลอบ สอนน้องให้รู้จักรักการเรียน และพาน้องกลับไปส่งที่โรงเรียนประจำ
วันตรุษจีน...วันแห่งความสุขที่ติ้นฟ้งตั้งตารอคอยเวียนมาถึง นอกจากอาหารการกินและขนมแสนอร่อยที่เขาชอบแล้ว วันนี้เขายังได้แต๊ะเอียจากญาติผู้ใหญ่อีกด้วย ติ้นฟ้งนำเงินแต๊ะเอีย 40 บาทไปฝากแม่ไว้ เพราะกลัวหายไม่รู้จะซ่อนตรงไหนดี แต่พอวันที่เขาไปขอเงินที่ฝากไว้กับแม่เพื่อมาซื้อขนมให้น้องๆ แม่กลับไม่ให้แถมยังบอกว่า "เงินที่แม่ให้เอ็งซื้อขนมกินทุกวันนี้ ก็เงินเอ็งไง" ติ้นฟ้งร้องไห้อย่างผิดหวัง ไม่สามารถเรียกร้องหรือต่อสู้อะไรได้เลย ติ้นฟ้งจึงแอบขโมยเงินย่าที่ซ่อนไว้ใต้ที่นอนไปซื้อขนมให้น้องๆ พ่อโกรธมากดุด่าเฆี่ยนตีติ้นฟ้งอย่างสาหัส ไม่ว่าย่า(พิศมัย วิไลศักดิ์) แม่และป้าเฮียงจะทัดทานเพียงใด พ่อก็ไม่ฟัง...ภาพความรักที่พ่อเคยมีให้ในอดีต ตอนที่พ่อโอบอุ้มเล่นหัว ตอนที่พ่อพร่ำสอนในไร่ หรือแม้แต่ตอนที่พ่อเอาเขาซ้อนท้ายรถเครื่องไปดูหนังกลางแปลง.....ภาพความอบอุ่นเหล่านั้นมันเลือนหายไปหมดแล้ว.........เทศกาลตรุษจีนเวียนมาถึงในปีต่อมา...ติ้นฟ้งไม่ไว้ใจที่จะนำเงินไปฝากแม่อีกแล้ว เขาจึงนำเงินแต๊ะเอียที่ได้รับไปฝากไว้กับธนาคารกรุงเทพพาณิชยการใกล้ๆ บ้าน
ติ้นฟ้งเริ่มเป็น "เถ้าแก่น้อย" เมื่อ ป้าเฮียง(นรินทร ณ บางช้าง) ยกอุปกรณ์การทำถั่วคั่วให้ ย่าและติ้นฟ้งช่วยกันทำถั่วคั่วอย่างแข็งขัน ติ้นฟ้งนำถั่วคั่วไปขายทั้งที่ลานหนังกลางแปลง เขามีกลยุทธ์การขายด้วยการแจกหนังสือพิมพ์ให้ลูกค้าเอาไว้ปูนั่งดูหนัง เพิ่มสินค้าอีกหลายอย่างเอาไว้เป็นตัวเลือกให้ลูกค้า กิจการของติ้นฟ้งดีวันดีคืนขึ้นเรื่อยๆ จนย่าและแม่เอ่ยปากชม ด้วยวัยเพียงสิบสอง ติ้นฟ้งต้องเข้าไปช่วยพ่อทำไร่อ้อย เขามีหน้าที่คอยคุมคนงานตัดอ้อย ทำบัญชีต่างๆ บางคราวก็ต้องเอาควายมาไถไร่ หรือแม้แต่ขับรถไถเอง...
เมื่อเรียนจบมัธยมต้น ติ้นฟ้งก็เปลี่ยนชื่อเป็น"อาทิตย์" เพื่อความสะดวกในการสอบเข้าเตรียมทหาร แต่พอเห็นไถ่(ปอAF) ลูกชายป้าเฮียงซึ่งไปเรียนที่ไต้หวันกลับมาเยี่ยมบ้าน ชุดเครื่องแบบนักเรียนของไถ่ดูโก้ สร้างแรงบันดาลใจให้อาทิตย์ไม่น้อย พ่อเห็นอาทิตย์อยากเรียนจึงตัดสินใจที่จะส่งอาทิตย์ไปเรียนไต้หวันบ้าง
ที่ไต้หวัน....อาทิตย์เริ่มเรียนภาษาจีนปักกิ่งอย่างหนักในโรงเรียนสอนภาษากินนอนคาธอลิกซินจู๋ เพื่อเป็นพื้นฐานในการเข้าเรียนที่โรงเรียนมัธยมปลายซินจู๋....
"เคลลี่" (ซอนย่า คูลลิ่ง) หญิงสาวที่ทำให้อาทิตย์รู้จักคำว่ารัก.....เป็นรักแรกพบก็ว่าได้ อาทิตย์ก็สอบเข้าเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยแห่งชาติไต้หวัน แม้จะรู้สึกเหงาที่ต้องจากบ้านมาไกล คิดถึงแม่ คิดถึงน้องๆ แต่อาทิตย์ก็ยังรู้สึกอบอุ่นอยู่บ้างที่มีเพื่อนรักอย่างจิตรกร(อาร์ม-พิพัฒน์) เพื่อนนักเรียนคนไทยซึ่งเรียนด้วยกัน ...น้องๆ เขียนจดหมายมาหาเป็นระยะๆ พ่อยังคงอารมณ์ร้ายลงโทษน้องๆ แม่ก็ยังทะเลาะกับพ่อเป็นประจำ
อาทิตย์กลับมาเยี่ยมบ้านที่เมืองไทย ด้วยความตั้งใจว่าจะไปช่วยงานในฤดูร้อน แต่ทุกอย่างก็พังพินาศเมื่ออาทิตย์สุดจะทนชกพ่อไปทีหนึ่ง ก่อนจะกลายเป็นกระสอบทรายให้พ่อถลุงจนหมอบไปกับพื้น... รุ่งเช้าอาทิตย์กราบขอโทษพ่อทั้งน้ำตา เขาบอกลาว่าจะไม่กลับมาบ้านนี้อีก
พ่ออยากให้อาทิตย์กลับมาช่วยงานที่บ้านแต่อาทิตย์ไม่ยอม อาทิตย์เข้าเจรจาทำธุรกิจโรงงานผลิตเยื่อกระดาษ โดยจะติดต่อโรงงานที่ไต้หวันมาติดตั้งเครื่องจักรให้ เขาก็ต้องผิดหวังครั้งใหญ่ เมื่อโครงการต้องล้มเพราะปัญหาเงินทุน อาทิตย์เสียใจมากแต่ก็ฮึดสู้ เขาขอยืมเงินแม่ตั้งบริษัท วีแอนด์เอ้า เอ็นเตอร์ไพรส์ ส่งนิลไปขายต่างประเทศ
อาทิตย์ตัดสินใจแต่งงานกับเคลลี่ที่ไต้หวัน แล้วกลับมาจัดพิธีอีกครั้งที่เมืองไทย ทั้งคู่ตกลงกันว่าจะไม่มีลูก เพราะอยากสร้างหลักฐานให้ครอบครัวก่อน อาทิตย์มุ่งมั่นเริ่มทำธุรกิจอีก บริษัทของเขาได้เป็นตัวแทนนำซอนมะเขือเทศมาขายให้โรงงานปลากระป๋อง และส่งปลาทูน่ากระป๋องไปขายยังสหรัฐอเมริกา ขณะเดียวกันกิจการส่งออกแป้งมันก็เจริญก้าวหน้า ทำให้บริษัทมีเงินหมุนเวียนเป็นกอบเป็นกำ
กราฟชีวิตด้านธุรกิจของอาทิตย์พุ่งสูงขึ้น แต่กราฟชีวิตครอบครัวกลับดิ่งลงเหว วิฑิตอึดอัดใจเป็นที่สุด เขาทะเลาะกับพ่ออย่างรุนแรงจนถึงขนาดโดนพ่อเอาปืนยิงหัว อาทิตย์โกรธแค้นมากถึงขนาดจะเอาปืนไปยิงพ่อ แต่แม่และน้องๆ ก็ห้ามไว้ อาทิตย์ตั้งสัจจะกับตัวเองว่า ต่อไปนี้เขาจะไม่มีวันทิ้งน้องๆ จะคอยปกป้อง ดูแลน้องๆ ให้เป็นคนดีของครอบครัว ของสังคมตลอดไป แม่ตัดสินใจหย่ากับพ่อ และย้ายมาอยู่กับอาทิตย์ที่บ้านสุขุมวิท ลูกๆ ทุกคนดีใจที่แม่จะเริ่มต้นชีวิตใหม่.....
"นรี" นักธุรกิจสาวก้าวเข้ามาในชีวิตของอาทิตย์ในวันที่เขารู้สึกโดดเดี่ยว...ความรักก่อตัวขึ้นอย่างเงียบๆ นานวันก็พัฒนาความสัมพันธ์กลายเป็นคนรักที่เข้าอกเข้าใจซึ่งกันและกัน.....
หลายปีต่อมา อาทิตย์และนรีต้องเลือกเดินกันคนละเส้นทางกัน อาทิตย์ได้พบรักครั้งใหม่กับ "แมว" สาวสวยผู้มีบุคลิกอันร่าเริงสดใส เธอเป็นผู้หญิงช่างเอาอกเอาใจ อาทิตย์รู้สึกมีความสุขมาก แต่ก็มิวายจะคิดถึงเคลลี่ หญิงสาวผู้เป็นเสมือนคนรัก...คนที่ทำให้เขารู้จักคำว่ารัก.....
เมื่อแม่ป่วย และเสียชีวิตลง อาทิตย์รู้สึกเศร้าโศก เสียใจที่สุดในชีวิต เขาตัดสินใจบวช เพื่อทดแทนพระคุณแม่ ผู้เป็นที่รักยิ่ง.....
แม้จะมีปัญหาชีวิต และมีปัญหาทางธุรกิจ อันเป็นเหมือนมรสุมร้ายที่สาดซัดเข้ามาเป็นระยะๆ แต่อาทิตย์ก็ไม่เคยย่อท้อ เขาลุกขึ้นต่อสู้อย่างเข้มแข็ง....เขาบอกกับตัวเองเสมอว่าต้องฟันฝ่า ต้องก้าวไปถึงเส้นชัยให้ได้......ชีวิตต้องดำเนินต่อไป.......เส้นทางชีวิตต้องสุกสว่างรุ่งโรจน์.....ดุจไฟอมตะในตัวเขาที่ไม่เคยมอดไหม้.....