ละคร/ซีรีส์ คุณพี่เจ้าขาดิฉันเป็นห่านมิใช่หงส์
ดู 413 ครั้ง /
แชร์
ละครออกอากาศ | วันพุธ วันพฤหัส | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
ช่องที่ออกอากาศ | ละครช่อง 3 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
เริ่มออกอากาศ | 22 มกราคม 2568 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
เวลาออกอากาศ | 20:30 - 21:45 น. |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
กำกับโดย | ยุทธนา ลอพันธุ์ไพบูลย์ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
ประพันธ์โดย | บทประพันธ์ ฝันเอ้อระเหย, บทโทรทัศน์ ศุภวรรณ ทองขลิบ, เหมือนฝัน ชาวเหนือ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
นำแสดงโดย | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
ผู้สร้าง | บริษัท ถนัดละคร จำกัด |
ภาพนิ่งจากละคร
เรื่องย่อ คุณพี่เจ้าขาดิฉันเป็นห่านมิใช่หงส์
โชคชะตานำพาให้ นิทรา (เมลดา สุศรี) นางเอกสาวดาวรุ่ง ต้องจับพลัดจับผลูย้อนอดีตมาเป็น บุญตา (เมลดา สุศรี) นางคณิกาน้องใหม่แห่งโรงแม่แฟง ผู้มีใบหน้าเหมือนเธอราวกับคนเดียวกันยังไม่พอ ยังพาย้อนมาอยู่ตอนที่บุญตากำลังกระโดดน้ำฆ่าตัวตายอีก โชคดีที่ หลวงทุกขราษฎร์ หรือ ฉาย (ณวัสน์ ภู่พันธัชสีห์) ขุนนางหนุ่มแห่งกรมพระนครบาล ช่วยชีวิตนิทราไว้ได้ ก่อนนิทราจะหมดสติไป นิทราฟื้นขึ้นมาอีกครั้งในโรงแม่แฟง เข้าใจว่ายังอยู่ในกองถ่ายละครเลยยอมให้ ลำเจียก (ปฤสยา เจริญเนติศาสตร์) ช่อ (สิรินรัตน์ วิทยพูม) นวล (น้ำหนึ่ง สุทธิเดชานัย) และ พุดซ้อน (นาตาชา จุลานนท์) นางคณิกาในโรงแม่แฟง ช่วยแต่งตัวให้ เพื่อเปิดประมูลตัวตามคำสั่งของแฟงโดยไม่ขัดขืน คืนนั้น กปิตันเจมส์ ประมูลตัวนิทราได้ นิทราถูกบังคับให้ขึ้นห้องกับกปิตันเจมส์ แต่พอถูกใช้กำลัง ข่มเหง ตบจริง จูบจริง ก็เริ่มเอะใจ หรือนี่ไม่ใช่การถ่ายละคร โชคดีที่ฉายปลอมตัวมาสืบราชการลับอยู่ห้องข้าง ๆ ได้ยินเสียงเอะอะโครมครามก็โผล่เข้ามาขวางเจมส์ไว้ได้
นิทราเลยวิ่งหนีเตลิดออกไป เห็นผู้คนแต่งตัวชุดโบราณ และบรรยากาศย่านตรอกเต๊าสำเพ็งที่จุดโคมเขียวโคมแดงสว่างไสวไปทั้งย่าน นิทราก็ตกตะลึง ก่อนจะเป็นลมหมดสติไปในอ้อมแขนของฉายที่ตามมาด้วยความเป็นห่วง ฉายพานิทราไปค้างที่เรือนเล็ก นิทราฟื้นขึ้นมาเจอหน้าฉาย ได้รู้ความจริงว่าชายหนุ่มที่ช่วยเธอไม่ใช่พระเอกใหม่ของช่องอย่างที่เข้าใจ และเธอไม่ได้อยู่ในกองถ่าย แต่ย้อนมาอยู่ในปี จ.ศ. 1187 ต้นรัชกาลที่ 3 ช่วงเวลาที่สยามกำลังจะทำสนธิสัญญาเบอร์นีย์กับอังกฤษ เป็นยุคที่การค้าคึกคัก ชาวต่างชาติเดินกันขวักไขว่ น้ำตาลมีค่าดั่งทองคำ และโรงคณิกาเฟื่องฟู
นิทราถูก มิ่ง (ปณิธิ เครือโสภณ) ผู้คุมโรงคณิกา ลากตัวกลับโรงแม่แฟง ฉายจะขอไถ่ตัวนิทรา แต่แฟงโก่งราคาขึ้นเป็นเท่าตัว ฉายโดนหยามเกียรติก็ไม่พอใจ แต่ถึงจะยอมถอยกลับไป แต่ในใจยังคิดหาทางไถ่ตัวนิทราอยู่ทุกลมหายใจ เพราะรู้สึกผิดที่เคยจับกุม นางบัว มารดาของบุญตา ข้อหาค้าน้ำตาลให้พวกวิลาศ เป็นเหตุให้นางบัวเสียชีวิต ความสัมพันธ์ของฉายกับบุญตาต้องขาดสะบั้น และบุญตาต้องมาตกระกำลำบากอยู่ในโรง แม่แฟง (รินลณี ศรีเพ็ญ) แม้จะยังรักบุญตาอยู่เต็มหัวใจ แต่ฉายก็ทำได้เพียงคอยตามช่วยเหลือบุญตาด้วยความห่วงใยอยู่เสมอ แฟงสั่งล่ามนิทราและให้อดข้าวอดน้ำจนกว่าจะสำนึก นิทราพยายามหนีไปกระโดดน้ำคลองเพื่อข้ามกลับไปปัจจุบันเหมือนตอนที่ข้ามมา แต่ก็ข้ามกลับไปไม่ได้ แถมยังโดนแฟงขู่อย่างโหดเหี้ยม จึงจำต้องก้มหน้ารับบทเป็นนางคณิกาต่อไป จนกระทั่ง กปิตันจอห์นสัน ซึ่งเคยซื้อขายน้ำตาลกับมารดาของบุญตาถูกใจนิทรา มาขอไถ่ตัวและจ่ายค่ามัดจำนิทราเอาไว้ก่อนไปสิงคโปร์ นิทราโล่งอกที่รอดพ้นจากการเป็นนางคณิกา กลายไปเป็นลูกมือป้าเมี้ยนในโรงครัวแทน
นิทราทั้งต้องหาทางกลับบ้าน พยายามปรับตัว งัดเอาความรู้รอบตัว ความสามารถพิเศษที่ทั้งสำเพ็งต้องเลื่องลือ ใช้เล่ห์เหลี่ยมและมารยาของอาชีพนักแสดงมาทำมาหากินและเอาตัวรอด ช่วยเหลือผู้คนรอบตัว เพื่อนๆ ในโรงคณิกา แม้กระทั่งแม่เล้าสุดโหดอย่างแม่แฟง ก็หันมายอมรับในตัวนิทรา ก่อเกิดความผูกพัน รอยยิ้มและมิตรภาพอันแน่นแฟ้นที่ยากจะลืม เรื่องงาน เรื่องเพื่อนก็รุ่ง เรื่องหัวใจก็ไม่แผ่ว เมื่อฉายคอยแวะเวียนมาทำให้ใจสั่นหวั่นไหวไม่พัก ความรักก็เริ่มก่อตัว ดอกแก้ว คู่หมายของฉาย รู้ว่าฉายมาติดพันนิทราก็ไม่พอใจ พิกุล มารดาของดอกแก้ว พยายามเร่งให้ ทับทิม มารดาของฉาย หาทางรวบรัดให้ทั้งคู่ได้ลงเอยกัน แม้ทับทิมจะพยายามจัดฉากบุพเพสันนิวาสอย่างไร ฉายก็ไม่มีท่าทีสนใจดอกแก้วไปมากกว่าน้องสาว แถมฉายยังคอยให้ หลวงวาสุเทพ หรือ เผือก (ธัชทร ทรัพย์อนันต์) ลูกพี่ลูกน้องผู้เป็นเพื่อนสนิท คอยช่วยเป็นไม้กันหมาให้ เผือกกับดอกแก้วจึงเป็นคู่กัดกันทุกครั้งที่เจอหน้า
เจ้าสัวทอง (สุริยนต์ อรุณวัฒนกูล) เจอนิทราที่ตลาด และหมายมั่นปั้นมือจะหาทางไถ่ตัวนิทรากลับมาเป็นเมียให้ได้ เกสร (ฉัตรฑริกา สิทธิพรม) เมียเอก เจ้าสัวทอง (สุริยนต์ อรุณวัฒนกูล) รู้ว่าเจ้าสัวทองยังไม่ลืมบุญตาก็ไม่พอใจ เร่งให้ ทิศ ลูกน้องเก่าของเจ้าสัวทอง หาทางลงมือฆ่าปิดปากนิทราให้ได้ หลังจากเคยพลาดมาแล้ว นิทราต้องตกอยู่ในอันตราย ต้องเอาตัวรอดจากคนร้ายที่หมายเอาชีวิตบุญตาไม่พอ ยังต้องช่วยฉายไขคดีฆาตกรรมต่อเนื่องนางคณิกา และคดีฆาตกรรมสรั่งที่มีเจ้าสัวทองเป็นผู้ปลุกปั่นอยู่เบื้องหลัง โดยมีการเจรจาสนธิสัญญาเบอร์นีย์เป็นเดิมพันอีกด้วย
นิทราเลยวิ่งหนีเตลิดออกไป เห็นผู้คนแต่งตัวชุดโบราณ และบรรยากาศย่านตรอกเต๊าสำเพ็งที่จุดโคมเขียวโคมแดงสว่างไสวไปทั้งย่าน นิทราก็ตกตะลึง ก่อนจะเป็นลมหมดสติไปในอ้อมแขนของฉายที่ตามมาด้วยความเป็นห่วง ฉายพานิทราไปค้างที่เรือนเล็ก นิทราฟื้นขึ้นมาเจอหน้าฉาย ได้รู้ความจริงว่าชายหนุ่มที่ช่วยเธอไม่ใช่พระเอกใหม่ของช่องอย่างที่เข้าใจ และเธอไม่ได้อยู่ในกองถ่าย แต่ย้อนมาอยู่ในปี จ.ศ. 1187 ต้นรัชกาลที่ 3 ช่วงเวลาที่สยามกำลังจะทำสนธิสัญญาเบอร์นีย์กับอังกฤษ เป็นยุคที่การค้าคึกคัก ชาวต่างชาติเดินกันขวักไขว่ น้ำตาลมีค่าดั่งทองคำ และโรงคณิกาเฟื่องฟู
นิทราถูก มิ่ง (ปณิธิ เครือโสภณ) ผู้คุมโรงคณิกา ลากตัวกลับโรงแม่แฟง ฉายจะขอไถ่ตัวนิทรา แต่แฟงโก่งราคาขึ้นเป็นเท่าตัว ฉายโดนหยามเกียรติก็ไม่พอใจ แต่ถึงจะยอมถอยกลับไป แต่ในใจยังคิดหาทางไถ่ตัวนิทราอยู่ทุกลมหายใจ เพราะรู้สึกผิดที่เคยจับกุม นางบัว มารดาของบุญตา ข้อหาค้าน้ำตาลให้พวกวิลาศ เป็นเหตุให้นางบัวเสียชีวิต ความสัมพันธ์ของฉายกับบุญตาต้องขาดสะบั้น และบุญตาต้องมาตกระกำลำบากอยู่ในโรง แม่แฟง (รินลณี ศรีเพ็ญ) แม้จะยังรักบุญตาอยู่เต็มหัวใจ แต่ฉายก็ทำได้เพียงคอยตามช่วยเหลือบุญตาด้วยความห่วงใยอยู่เสมอ แฟงสั่งล่ามนิทราและให้อดข้าวอดน้ำจนกว่าจะสำนึก นิทราพยายามหนีไปกระโดดน้ำคลองเพื่อข้ามกลับไปปัจจุบันเหมือนตอนที่ข้ามมา แต่ก็ข้ามกลับไปไม่ได้ แถมยังโดนแฟงขู่อย่างโหดเหี้ยม จึงจำต้องก้มหน้ารับบทเป็นนางคณิกาต่อไป จนกระทั่ง กปิตันจอห์นสัน ซึ่งเคยซื้อขายน้ำตาลกับมารดาของบุญตาถูกใจนิทรา มาขอไถ่ตัวและจ่ายค่ามัดจำนิทราเอาไว้ก่อนไปสิงคโปร์ นิทราโล่งอกที่รอดพ้นจากการเป็นนางคณิกา กลายไปเป็นลูกมือป้าเมี้ยนในโรงครัวแทน
นิทราทั้งต้องหาทางกลับบ้าน พยายามปรับตัว งัดเอาความรู้รอบตัว ความสามารถพิเศษที่ทั้งสำเพ็งต้องเลื่องลือ ใช้เล่ห์เหลี่ยมและมารยาของอาชีพนักแสดงมาทำมาหากินและเอาตัวรอด ช่วยเหลือผู้คนรอบตัว เพื่อนๆ ในโรงคณิกา แม้กระทั่งแม่เล้าสุดโหดอย่างแม่แฟง ก็หันมายอมรับในตัวนิทรา ก่อเกิดความผูกพัน รอยยิ้มและมิตรภาพอันแน่นแฟ้นที่ยากจะลืม เรื่องงาน เรื่องเพื่อนก็รุ่ง เรื่องหัวใจก็ไม่แผ่ว เมื่อฉายคอยแวะเวียนมาทำให้ใจสั่นหวั่นไหวไม่พัก ความรักก็เริ่มก่อตัว ดอกแก้ว คู่หมายของฉาย รู้ว่าฉายมาติดพันนิทราก็ไม่พอใจ พิกุล มารดาของดอกแก้ว พยายามเร่งให้ ทับทิม มารดาของฉาย หาทางรวบรัดให้ทั้งคู่ได้ลงเอยกัน แม้ทับทิมจะพยายามจัดฉากบุพเพสันนิวาสอย่างไร ฉายก็ไม่มีท่าทีสนใจดอกแก้วไปมากกว่าน้องสาว แถมฉายยังคอยให้ หลวงวาสุเทพ หรือ เผือก (ธัชทร ทรัพย์อนันต์) ลูกพี่ลูกน้องผู้เป็นเพื่อนสนิท คอยช่วยเป็นไม้กันหมาให้ เผือกกับดอกแก้วจึงเป็นคู่กัดกันทุกครั้งที่เจอหน้า
เจ้าสัวทอง (สุริยนต์ อรุณวัฒนกูล) เจอนิทราที่ตลาด และหมายมั่นปั้นมือจะหาทางไถ่ตัวนิทรากลับมาเป็นเมียให้ได้ เกสร (ฉัตรฑริกา สิทธิพรม) เมียเอก เจ้าสัวทอง (สุริยนต์ อรุณวัฒนกูล) รู้ว่าเจ้าสัวทองยังไม่ลืมบุญตาก็ไม่พอใจ เร่งให้ ทิศ ลูกน้องเก่าของเจ้าสัวทอง หาทางลงมือฆ่าปิดปากนิทราให้ได้ หลังจากเคยพลาดมาแล้ว นิทราต้องตกอยู่ในอันตราย ต้องเอาตัวรอดจากคนร้ายที่หมายเอาชีวิตบุญตาไม่พอ ยังต้องช่วยฉายไขคดีฆาตกรรมต่อเนื่องนางคณิกา และคดีฆาตกรรมสรั่งที่มีเจ้าสัวทองเป็นผู้ปลุกปั่นอยู่เบื้องหลัง โดยมีการเจรจาสนธิสัญญาเบอร์นีย์เป็นเดิมพันอีกด้วย