ละคร สะใภ้สายสตรอง
ดู 3,641 ครั้ง /
แชร์
ละครออกอากาศ | วันจันทร์ วันอังคาร | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
ช่องที่ออกอากาศ | ละครช่อง 3 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
เริ่มออกอากาศ | 23 มกราคม 2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
เวลาออกอากาศ | 20:30 - 22:30 น. |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
กำกับโดย | กรพจน์ สืบชมภู | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
ประพันธ์โดย | บทประพันธ์ นันทนา วีระชน, บทโทรทัศน์ สุธิสา วงษ์อยู่ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
นำแสดงโดย | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
ผู้สร้าง | บริษัท กู๊ด ฟีลลิ่ง จำกัด |
ภาพนิ่งจากละคร
เรื่องย่อ สะใภ้สายสตรอง
เรื่องราวเริ่มต้นเมื่อ ภาวินี (ณัฏฐณิชา ดังวัธนาวณิชย์) จบปริญญาโทด้านกฎหมายจากอเมริกา ได้รับรู้ข่าวร้ายของ ศรีกานดา (อธิชนัน ศรีเสวก) พี่สาวของเธอ ซึ่งเกิดจากฝีมือ คุณนวลสมร หรือ มาดามนวล (บุษกร วงศ์พัวพันธ์) นักเคลื่อนไหวผู้สร้างความสัมพันธ์เพื่อเอื้อผลประโยชน์ตัวแม่ของเมืองไทย และเธอคือแม่ของ นพนัยน์ (ณวัสน์ ภู่พันธัชสีห์) นั่นเองภาวินีรับรู้มาเสมอว่าพี่สาวของเธอเจอปัญหาแม่ผัวไม่ปลื้มมาตั้งแต่ศรีกานดากับนพนัยน์ตกหลุมรักกัน เมื่อครั้งทำงานที่บริษัทน้ำมันจนคบหากัน เนื่องจากศรีกานดามาจากครอบครัวชนชั้นกลาง พนิต พ่อของศรีกานดาและภาวินี เป็นเพียงอดีตข้าราชการครูปลดเกษียณ ต่างจาก ลลิตา (ลลินา ชูเอ็ทท์) ที่เป็นลูกสาวเจ้าของบริษัทอุปโภคบริโภคเบอร์ 1 ของเมืองไทยอย่าง สิงขร (ชาตโยดม หิรัณยัษฐิติ)
แต่ภาวินีไม่เคยคิดเลยว่าสิ่งที่พี่สาวเธอเจอจะหนักหนาสาหัสขนาดนี้ ภาวินีไม่อยากจะเชื่อว่ายุค 2022 ยังจะมีเรื่องน้ำเน่าโบราณเช่นนี้เกิดขึ้นอีก เพราะภาวินีลืมไปว่าความล้ำของเทคโนโลยี ความทันสมัยของนวัตกรรม ความไวของโลกไร้สาย สิ่งเหล่านี้ไม่ได้ช่วยพัฒนาจิตใจมนุษย์ให้ดีขึ้นได้ โลกเราจึงยังเต็มไปด้วยมนุษย์ที่เห็นแก่ตัว ร้ายกาจ อย่างมาดามนวล ภาวินีเห็นสภาพของศรีกานดาก็แทบหมดสติ รีบพาศรีกานดาไปโรงพยาบาลทันที ศรีกานดาใช้แรงเฮือกสุดท้ายที่มีอยู่เอ่ยทั้งน้ำตากับภาวินีว่า อย่าทิ้งหลาน และฝากขอโทษพ่อแทนเธอด้วย นี่คือสิ่งที่ศรีกานดาขอไว้ ก่อนที่เธอจะจากไปอย่างไม่มีวันกลับ
หลังจากร้องไห้อย่างหนักจนตั้งสติได้แล้ว ภาวินีจึงตัดสินใจไปงานเลี้ยงของมาดามนวล เพื่อจะประกาศให้โลกรู้ว่า ดอกไม้เหล็กแห่งปีที่ใครๆ ต่างชื่นชม แท้จริงแล้วนางก็เป็นดอกไม้พิษ จิตใจคับแคบอำมหิต หญิงต่างวัยสองคนเผชิญหน้ากัน ภาวินีจ้องมาดามนวลด้วยดวงตาโกรธเกลียด ส่วนมาดามนวลก็มองเด็กเมื่อวานซืนอย่างภาวินีด้วยสายตาดูแคลนชนิดที่ไม่มีใครยอมใคร แล้วมาดามนวลก็เอ่ยขึ้นด้วยความเลือดเย็นว่า อ่อนแอก็แพ้ไป นี่คือคำพูดที่มาดามนวลสรุปให้แก่ชีวิตของศรีกานดา แต่ภาวินียืนยันว่าศรีกานดาไม่ได้อ่อนแอ พี่สาวของเธอยอมทำทุกอย่างเพื่อคนที่เธอรัก ซึ่งคนไม่มีหัวใจอย่างมาดามนวลคงจะไม่รู้จัก มาดามนวลจึงสรุปความเป็นศรีกานดาเพิ่มได้อีกหนึ่งคำคือโง่ เพราะการทำเพื่อคนที่รักมีวิธีอีกมากมาย ไม่เห็นจะต้องใช้วิธีสวมบทบาทนางเอกแสนดี บางทีการเป็นตัวร้ายในสายตาของคนอื่น อาจจะทำให้คนที่เรารักมีความสุขมากกว่า เหมือนอย่างที่เธอทำอยู่ในทุกวันนี้
คำพูดของมาดามนวลยิ่งสร้างความโกรธเกลียดให้แก่ภาวินี ภาวินีตัดสินใจเด็ดขาดแล้วว่านับจากนี้เธอจะทำหน้าที่หยิบยื่นความพ่ายแพ้ให้แก่ชีวิตของมาดามนวลด้วยตัวเอง สิ้นคำฟ้าก็ผ่าลงมาเปรี้ยง ราวกับเป็นเสียงระฆังบนเวทีมวยว่าสงครามได้เริ่มแล้ว หลังงานศพของศรีกานดาผ่านพ้นไป ภาวินีบอกกับนพนัยน์ว่า ศรีกานดาสั่งไว้ก่อนตาย ขอให้น้องนิคอยู่ในความดูแลของภาวินีเท่านั้น แต่นพนัยน์สัญญากับตัวเองว่าจะไม่มีวันยกลูกให้คนอื่น ที่สำคัญนพนัยน์ไม่เชื่อว่าแม่เขาเป็นคนบงการเรื่องราวทั้งหมด เพราะที่ผ่านมาเวลาเขากลับมาบ้าน เขาจะเห็นภาพความรักความผูกพันของศรีกานดากับทุกคนในครอบครัวของเขา และศรีกานดาก็ไม่เคยเล่าอะไรให้เขาฟังเลย ภาวินีรู้ว่าที่นพนัยน์ไม่เคยรู้เลยว่าแม่ของเขาเกลียดลูกสะใภ้ต่ำต้อย เป็นเพราะฝีมือของมาดามนวลที่จัดฉากปิดหูปิดตาเขา และเธอนี่แหละที่จะขอทำหน้าที่เปิดหูเปิดตาเปิดสมองให้กับนพนัยน์เอง
ภาวินีท้ากับนพนัยน์ว่าให้จดทะเบียนสมรสกับเธอ เธอจะอยู่เป็นลูกสะใภ้ต่ำต้อยของมาดามนวลอย่างที่พี่สาวเธอเคยเป็น และเธอขอเวลาแค่ 6 เดือน เพื่อทำให้นพนัยน์เห็นว่ามาดามนวลไม่ใช่เป็นคนดีเลิศเลออย่างที่เขาคิดมาทั้งชีวิต และเมื่อถึงวันนั้นเขาจะต้องทำหน้าที่พามาดามนวลและเนตรดาวไปกราบขอโทษที่หน้าเจดีย์เก็บกระดูกของศรีกานดา รวมทั้งเขาจะต้องยกน้องนิคให้เธอ แต่ถ้า 6 เดือนผ่านไป ภาวินีไม่สามารถทำให้นพนัยน์รู้สึกว่าแม่ของเขาเป็นคนไม่ดี ภาวินีจะยอมเป็นฝ่ายเข้าไปกราบเท้าขอโทษมาดามนวลที่เคยมองมาดามนวลในแง่ลบ และเธอก็จะเดินจากบ้านหลังนี้ไปเอง นพนัยน์ยอมตกลง เพราะเขาเองก็อยากรู้ความจริงว่าเกิดอะไรขึ้นกับครอบครัวเขากันแน่ สงครามระหว่างแม่ผัวและลูกสะใภ้ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว และมันจะไม่มีทางจบง่ายๆ เหมือนที่ผ่านมา คนอย่างมาดามนวลต้องเจอคนอย่างภาวินีเท่านั้น
แต่ภาวินีไม่เคยคิดเลยว่าสิ่งที่พี่สาวเธอเจอจะหนักหนาสาหัสขนาดนี้ ภาวินีไม่อยากจะเชื่อว่ายุค 2022 ยังจะมีเรื่องน้ำเน่าโบราณเช่นนี้เกิดขึ้นอีก เพราะภาวินีลืมไปว่าความล้ำของเทคโนโลยี ความทันสมัยของนวัตกรรม ความไวของโลกไร้สาย สิ่งเหล่านี้ไม่ได้ช่วยพัฒนาจิตใจมนุษย์ให้ดีขึ้นได้ โลกเราจึงยังเต็มไปด้วยมนุษย์ที่เห็นแก่ตัว ร้ายกาจ อย่างมาดามนวล ภาวินีเห็นสภาพของศรีกานดาก็แทบหมดสติ รีบพาศรีกานดาไปโรงพยาบาลทันที ศรีกานดาใช้แรงเฮือกสุดท้ายที่มีอยู่เอ่ยทั้งน้ำตากับภาวินีว่า อย่าทิ้งหลาน และฝากขอโทษพ่อแทนเธอด้วย นี่คือสิ่งที่ศรีกานดาขอไว้ ก่อนที่เธอจะจากไปอย่างไม่มีวันกลับ
หลังจากร้องไห้อย่างหนักจนตั้งสติได้แล้ว ภาวินีจึงตัดสินใจไปงานเลี้ยงของมาดามนวล เพื่อจะประกาศให้โลกรู้ว่า ดอกไม้เหล็กแห่งปีที่ใครๆ ต่างชื่นชม แท้จริงแล้วนางก็เป็นดอกไม้พิษ จิตใจคับแคบอำมหิต หญิงต่างวัยสองคนเผชิญหน้ากัน ภาวินีจ้องมาดามนวลด้วยดวงตาโกรธเกลียด ส่วนมาดามนวลก็มองเด็กเมื่อวานซืนอย่างภาวินีด้วยสายตาดูแคลนชนิดที่ไม่มีใครยอมใคร แล้วมาดามนวลก็เอ่ยขึ้นด้วยความเลือดเย็นว่า อ่อนแอก็แพ้ไป นี่คือคำพูดที่มาดามนวลสรุปให้แก่ชีวิตของศรีกานดา แต่ภาวินียืนยันว่าศรีกานดาไม่ได้อ่อนแอ พี่สาวของเธอยอมทำทุกอย่างเพื่อคนที่เธอรัก ซึ่งคนไม่มีหัวใจอย่างมาดามนวลคงจะไม่รู้จัก มาดามนวลจึงสรุปความเป็นศรีกานดาเพิ่มได้อีกหนึ่งคำคือโง่ เพราะการทำเพื่อคนที่รักมีวิธีอีกมากมาย ไม่เห็นจะต้องใช้วิธีสวมบทบาทนางเอกแสนดี บางทีการเป็นตัวร้ายในสายตาของคนอื่น อาจจะทำให้คนที่เรารักมีความสุขมากกว่า เหมือนอย่างที่เธอทำอยู่ในทุกวันนี้
คำพูดของมาดามนวลยิ่งสร้างความโกรธเกลียดให้แก่ภาวินี ภาวินีตัดสินใจเด็ดขาดแล้วว่านับจากนี้เธอจะทำหน้าที่หยิบยื่นความพ่ายแพ้ให้แก่ชีวิตของมาดามนวลด้วยตัวเอง สิ้นคำฟ้าก็ผ่าลงมาเปรี้ยง ราวกับเป็นเสียงระฆังบนเวทีมวยว่าสงครามได้เริ่มแล้ว หลังงานศพของศรีกานดาผ่านพ้นไป ภาวินีบอกกับนพนัยน์ว่า ศรีกานดาสั่งไว้ก่อนตาย ขอให้น้องนิคอยู่ในความดูแลของภาวินีเท่านั้น แต่นพนัยน์สัญญากับตัวเองว่าจะไม่มีวันยกลูกให้คนอื่น ที่สำคัญนพนัยน์ไม่เชื่อว่าแม่เขาเป็นคนบงการเรื่องราวทั้งหมด เพราะที่ผ่านมาเวลาเขากลับมาบ้าน เขาจะเห็นภาพความรักความผูกพันของศรีกานดากับทุกคนในครอบครัวของเขา และศรีกานดาก็ไม่เคยเล่าอะไรให้เขาฟังเลย ภาวินีรู้ว่าที่นพนัยน์ไม่เคยรู้เลยว่าแม่ของเขาเกลียดลูกสะใภ้ต่ำต้อย เป็นเพราะฝีมือของมาดามนวลที่จัดฉากปิดหูปิดตาเขา และเธอนี่แหละที่จะขอทำหน้าที่เปิดหูเปิดตาเปิดสมองให้กับนพนัยน์เอง
ภาวินีท้ากับนพนัยน์ว่าให้จดทะเบียนสมรสกับเธอ เธอจะอยู่เป็นลูกสะใภ้ต่ำต้อยของมาดามนวลอย่างที่พี่สาวเธอเคยเป็น และเธอขอเวลาแค่ 6 เดือน เพื่อทำให้นพนัยน์เห็นว่ามาดามนวลไม่ใช่เป็นคนดีเลิศเลออย่างที่เขาคิดมาทั้งชีวิต และเมื่อถึงวันนั้นเขาจะต้องทำหน้าที่พามาดามนวลและเนตรดาวไปกราบขอโทษที่หน้าเจดีย์เก็บกระดูกของศรีกานดา รวมทั้งเขาจะต้องยกน้องนิคให้เธอ แต่ถ้า 6 เดือนผ่านไป ภาวินีไม่สามารถทำให้นพนัยน์รู้สึกว่าแม่ของเขาเป็นคนไม่ดี ภาวินีจะยอมเป็นฝ่ายเข้าไปกราบเท้าขอโทษมาดามนวลที่เคยมองมาดามนวลในแง่ลบ และเธอก็จะเดินจากบ้านหลังนี้ไปเอง นพนัยน์ยอมตกลง เพราะเขาเองก็อยากรู้ความจริงว่าเกิดอะไรขึ้นกับครอบครัวเขากันแน่ สงครามระหว่างแม่ผัวและลูกสะใภ้ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว และมันจะไม่มีทางจบง่ายๆ เหมือนที่ผ่านมา คนอย่างมาดามนวลต้องเจอคนอย่างภาวินีเท่านั้น