ละคร รางรักพรางใจ

เก็จอุษา (เกศรินทร์ น้อยผึ้ง) ตื่นขึ้นมาในโรงพยาบาลพร้อมกับความทรงจำที่หายไป โดยมี ฆราวัสส์ หรือ เทียน (ภัทรพลฒ์ เดชพงษ์วรานนท์) ผู้ชายหน้าเข้มเฝ้าอยู่ข้าง ๆ และเล่าให้ฟังว่า เธอถูกทำร้าย และนำร่างมาทิ้งไว้ที่สะพาน หมอชาญชล (ตวงสิทธิ์ เรียมจินดา) เจ้าของไข้บอกว่าสมองของเธออาจได้รับความกระทบกระเทือน เก็จอุษาเครียดมาก เพราะเทียนบอกว่าเธอไม่มีญาติที่ไหน เหลือเพียงแค่น้องสาวหนึ่งคนแต่ยังติดต่อไม่ได้ แถมยังเป็นผู้หญิงที่แต่งงานแล้วกับ ทิวธวัสส์ หรือ ทิว (กฤษฎา สุภาพพร้อม) พี่ชายของเขา เก็จอุษามักจะมีอาการฝันร้ายเห็นร่างตัวเองชุ่มไปด้วยเลือดจนตกใจตื่นบ่อยๆ เธอตัดสินใจขอร้องให้เทียนมานอนเป็นเพื่อนเธอ แต่เทียนปฎิเสธบอกว่าไม่เหมาะเพราะเขาเป็นแค่น้องชายของสามีเธอเท่านั้น เก็จอุษาสงสัยว่าทำไมสามีถึงไม่มาดูแลเธอเอง แต่เทียนก็ไม่ยอมตอบว่าทำไม

ถึงวันออกจากโรงพยาบาล เทียนมารับเก็จอุษากลับบ้าน ซึ่งเป็นสถานที่เกิดเหตุ เพื่อหวังกระตุ้นความทรงจำของเธอให้นึกเรื่องที่เกิดขึ้นในวันเกิดเหตุออก เพราะมีเพียงเธอเท่านั้นที่รู้เรื่องราวทั้งหมด เก็จอุษากลับไม่ได้รู้สึกคุ้นเคยกับที่นี่แม้แต่นิดเดียว และที่น่าตกใจเมื่อเก็จอุษาก็ได้รู้ว่าทิวสามีของเธอถูกยิงตายที่บ้านหลังนี้ โดยที่ตำรวจยังไม่สามารถหาฆาตกรได้ และผู้ต้องสงสัยในใจเทียนก็คื เก็จอุษานั่นเอง เขาทำทุกวิถีทางเพื่อกระตุ้นความทรงจำของเก็จอุษากลับมา แต่ยิ่งพยายาม เก็จอุษาก็ยิ่งรู้สึกว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่นี่ไม่ใช่สิ่งที่เธอคุ้นเคย แถมทุกคนรอบข้างก็ดูไม่เป็นมิตร เก็จอุษาจึงสอบถามจาก เก้า (ธราธิป สีหเดชรุ่งชัย) ลูกชายของคนงานเก่าแก่ แต่เก้าก็ไม่ยอมบอกข้อมูลอะไรเลย

เทียนให้ สุรีย์ (ราตรี วิทวัส) แม่บ้านขี้เมาท์ มาทำความสะอาดบ้าน และจับตาดูเก็จอุษา คืนหนึ่งเก็จอุษาไข้ขึ้นจากแผลที่ขา เทียนจึงพาเก็จอุษาไปโรงพยาบาล และได้พบกับ หมอเมธิช (ภูษณะ บัวงาม) แฟนเก่าของเก็จอุษา ที่คบหากันก่อนจะมาแต่งงานกับทิว ก่อนหน้านี้เทียนดูแลโรงน้ำตาลอยู่อีกจังหวัดหนึ่ง เขาจึงไม่รู้จักนิสัยใจคอพี่สะใภ้มากนัก แต่มีครั้งหนึ่งเทียนกลับมาเจอเก็จอุษาทะเลาะกับทิวเพราะความหึงหวง เก็จอุษาคิดขอหย่าเพื่อไปหาผู้ชายอื่น เทียนจึงรู้สึกว่าการตายของทิวอาจเกี่ยวข้องกับเรื่องชู้สาว ซึ่งเป็นหนึ่งในข้อสันนิษฐานที่ ผู้กองชวิศ (รัฐธีร์ วรโรจน์โยธิน) เคยบอกไว้ และเมื่อเก็จอุษาได้พบกับผู้กองชวิศซึ่งเอาแหวนแต่งงานที่หล่นมาคืนให้ เขาเล่าให้เธอฟังว่าเก้าเป็นคนพบศพทิวในห้องนอนเป็นคนแรก และตำรวจพบรอยเลือดของเก็จอุษาในห้องน้ำ แต่ไม่พบลายมือคนอื่น แถมในบ้านไม่มีร่องรอยการงัดแงะ ดังนั้นคนร้ายจะต้องเป็นคนที่ทิวกับเก็จอุษารู้จัก

เก็จอุษาใจหายเมื่อรู้ว่าคนที่จะฆ่าเธอเป็นคนที่เธอรู้จัก และไว้ใจ แต่ขณะเดียวกันเธอก็ตระหนักได้ว่าตัวเองอยู่ในข่ายของผู้ต้องสงสัย จนมีชายชุดดำลอบเข้ามาทำร้ายเก็จอุษาที่บ้าน ทำให้เทียนบอกว่าเขาจะมาอยู่ที่บ้านกับเก็จอุษาด้วย เก็จอุษาบอกเดี๋ยวชาวบ้านจะนินทา แต่เทียนกลับบอกว่าเขาไม่สนใจว่าใครจะมองยังไง แค่ให้เก็จอุษาวางตัวให้ดีก็พอ ระหว่างนั้นเก็จอุษาก็รู้สึกว่าสิ่งที่ทุกคนบอกมันไม่ใช่ตัวตนของเธอ ทำให้เธอพยายามเริ่มต้นสืบหาความจริง โดยเริ่มสืบจากเก้า ลูกคนงานที่ดูเป็นมิตรกับเธอที่สุดแล้วในบ้าน แต่เก้ากลับอาละวาด และสติแตกทุกครั้งที่ถูกถามถึงวันที่เกิดอุบัติเหตุ หรือเรื่องทิว

เพื่อไม่ให้ฟุ้งซ่าน เก็จอุษาขอเทียนไปช่วยงานที่โรงงานน้ำตาล และได้พบกับ จีรา (พรชดา วราพชระ) อดีตเลขานุการของทิว กับ คณิณ (พูลภัทร อัตถปัญญาพล) หัวหน้าฝ่ายบัญชีที่ดูสุภาพ และขี้เกรงใจ ซึ่งเทียนให้ทั้งคู่คอยดูแลเก็จอุษา และก็เหมือนเดิมเธอรับรู้ได้ว่าจีรากับพนักงานคนอื่น ล้วนไม่ชอบเธอ เก็จอุษาตัดสินใจไม่สนใจตัวตนในอดีตว่าเคยทำอะไรไว้ และประพฤติตนให้เป็นตัวเองอย่างที่เธอเป็นในปัจจุบัน ทำให้จีรางงว่าคุณนายเก็จอุษาผู้แสนเย่อหยิ่ง ไม่เคยเห็นหัวใคร กลายเป็นคนที่มีอัธยาศัยดี ตั้งใจเรียนรู้งาน เทียนเองก็รู้สึกว่าเก็จอุษาคนนี้ ไม่ได้เป็นอย่างที่ทุกคนบอก เขาเริ่มประเมินพี่สะใภ้ผิดไปจากที่เคยเห็น ความเอื้ออาทร สดใส เรียบง่าย ตรงไปตรงมาของเก็จอุษา ทำให้หัวใจของเขารู้สึกแปลกๆ กับเธอขึ้นทุกที แต่ต้องคอยย้ำเตือนตนเองว่าไม่ควรรู้สึกดีกับพี่สะใภ้มากไป

ส่วนเก็จอุษาเองก็เช่นกัน เธอรู้สึกอบอุ่น และปลอดภัยเมื่อได้อยู่ใกล้เทียน แต่ความจริงที่ ทิว ต้องตายอาจเป็นเพราะเธอ คือเรื่องที่เธอต้องพิสูจน์ และค้นหาความจริง เขาและเธอจะค้นพบความจริงที่สุดท้ายจะต้องลงเอยด้วยรัก หรือความเจ็บปวด ร่วมค้นหาตัวตนที่แท้จริงของเก็จอุษา พร้อมลุ้นไปกับความรักที่ก่อตัวขึ้นบนเส้นแบ่งของหัวใจ และจริยธรรม ที่พวกเขาต้องเลือกว่าจะข้ามไปทางไหน และการไขปริศนาเรื่องราวฆาตกรรมครั้งนี้ไปด้วยกัน