ละคร มายาเสน่หา
ดู 3,756 ครั้ง /
แชร์
ละครออกอากาศ | วันพุธ วันพฤหัส | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
ช่องที่ออกอากาศ | ละครช่อง 3 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
เริ่มออกอากาศ | 24 มีนาคม 2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
เวลาออกอากาศ | 20:30 - 22:30 น. |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
กำกับโดย | กิตติศักดิ์ ชีวาสัจจาสกุล | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
ประพันธ์โดย | บทประพันธ์ จรสจันทร์, บทโทรทัศน์ เอกลิขิต | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
นำแสดงโดย | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
ผู้สร้าง | บริษัท ทีวีซีน แอนด์ พิคเจอร์ จำกัด |
ภาพนิ่งจากละคร
เรื่องย่อ มายาเสน่หา
ชาครีย์ (ภูภูมิ พงศ์ภาณุภาค) กับ มนสิชา (ปรีชญา พงษ์ธนานิกร) คู่สามีภรรยาที่แต่งงานกันมาได้ 7 ปี เป็นการแต่งงานกันตั้งแต่อายุยังน้อย เพราะความรักที่หวือหวา แต่ทั้งคู่ไม่มีลูกด้วยกัน นิสัยก็ต่างกัน มนสิชาค่อนข้างเป็นคนละเอียดอ่อน ช่างจัดแจง มีพิธีรีตอง ใส่ใจกับทุกเรื่อง ในขณะที่ชาครีย์ไม่เคยคิดเล็กคิดน้อย และไม่เก็บเรื่องจุกจิกมาใส่ใจ การใช้ชีวิตจึงต่างกันเมื่อเวลาผ่านไป แค่ความรักมันไม่พอ ในที่สุดจุดเปลี่ยนครั้งใหญ่ของชีวิตคู่ก็มาถึง เมื่อ มะลิ (พิมพ์แข กุญชร ณ อยุธยา) แม่ครัวใหญ่ของบ้านชาครีย์พาหลานสาวชื่อ สวรส (ณิชชา โชคประจักษ์ชัด) มาอยู่ด้วย สวรสเป็นหญิงสาวที่หน้าตาสะสวยยิ้มแย้มแจ่มใส ช่างพูดช่างคุย สวรสตกหลุมรักชาครีย์ตั้งแต่แรกเห็น ระเบิดสำคัญอีกลูกคือความขัดแย้งของ 2 แม่ ระหว่าง เมทินี แม่ของมนสิชา กับ จินตนา แม่ของชาครีย์ ทั้งคู่ต่างก็อยากจะให้ลูกของตัวเองหย่าขาดจากกัน กลายเป็นความขัดแย้งของ 2 ครอบครัว ที่มนสิชากับชาครีย์พยายามกระชับความสัมพันธ์นี้ไว้ ชีวิตคู่ของทั้งสองรายล้อมไปด้วยปัญหาและอุปสรรครอบด้าน ทั้ง 2 แม่ที่หายใจเข้าออกเป็นใบหย่า ไหนจะสวรสสาวใช้สายมโนที่พร้อมจะเสียบตลอดเวลา ยังจะมี ภควัต (ชนาธิป โพธิ์ทองคำ) เพื่อนของมนสิชาที่พยายามทำทุกวิถีทางเพื่อเป็นมากกว่าเพื่อน และปัญหาภายในบริษัทของชาครีย์เองที่บั่นทอนสุขภาพจิตจนกลายเป็นความเครียด ทุกอย่างเข้ามาในเวลาเดียวกัน เพราะความกลัดกลุ้มกับปัญหาชาครีย์จึงนัดเพื่อนสนิทไปดื่มเพื่อระบายความเครียด แต่เพราะเหล้ากลับทำให้ชีวิตของเขาต้องพังทลาย เมื่อเขาตื่นขึ้นมาในสภาพเปลือยเปล่าอยู่บนเตียงกับสวรส และช็อกยิ่งกว่าที่รู้ว่ามนสิชามาเห็นตนกับสวรสในสภาพนี้ไปแล้ว มนสิชาขอนัดหย่ากับเขาทันที
ขณะที่ชาครีย์กำลังขับรถไปที่เขตด้วยความกลัดกลุ้มนั้น เขาไม่ทันสังเกตเห็นว่ามีจักรยานยนต์คันหนึ่งขับมาประกบด้านข้างแล้วชักปืนยิงใส่เปรี้ยง ชาครีย์ตื่นขึ้นมาอีกครั้งในโรงพยาบาล แต่สิ่งที่น่าตกใจยิ่งกว่าก็คือการที่เขาเห็นว่าร่างของตัวเองกำลังนอนให้น้ำเกลือระโยงระยางอยู่บนเตียงในห้องพัก โดยที่ตัวเองเป็นเพียงวิญญาณที่ยืนอยู่ข้างเตียง เขาไม่สามารถพูดจาสื่อสารกับใครได้เลย ไม่มีใครมองเห็นเขาแม้แต่คนเดียว ณ นาทีนี้คือชาครีย์ยังไม่ตาย แต่วิญญาณเขายังไม่สามารถหาทางกลับเข้าร่างได้นั่นเอง มนสิชาแทบหมดสติเมื่อรู้ข่าว ทุกคนต่างรอคอยปาฏิหาริย์ เพื่อจะทำให้ชาครีย์ฟื้นกลับมาอีกครั้ง ทุกวันชาครีย์ได้แต่คุยกับวิญญาณที่อยู่ในสถานพักฟื้นที่ร่างเขาพักรักษาตัวอยู่ ซึ่งคอยช่วยเหลือเขา การได้คลุกคลีกับวิญญาณเหล่านั้นก็ได้สอนบทเรียนและให้มุมมองความคิดเรื่องชีวิตคู่กับชาครีย์อย่างประเมินค่าไม่ได้ และการที่เขากลายเป็นวิญญาณอย่างนี้ ทำให้เขารู้ธาตุแท้ของใครหลายคนที่เขาคาดไม่ถึง อีกทั้งยังเข้าใจในตัวมนสิชาดีขึ้น ได้เห็นภรรยาในมุมที่เขาไม่รู้มาก่อน ชาครีย์ได้แต่เสียใจที่เขามองภรรยาผิดไป ขณะเดียวกันสวรสก็เข้ามาแสดงตัวว่าเป็นเมียอีกคนของชาครีย์อย่างเปิดเผย และประกาศว่าเธอท้องกับชาครีย์ ระหว่างที่ชาครีย์นอนเป็นผัก เมธัส (ปวิช เวียงนนท์) กับ ตุลยา (นิศาชล ต้วมสูงเนิน) และ เบญจมาศ (ชาเคอลีน มึ้นช์) เพื่อนของชาครีย์ ก็พยายามติดต่อสื่อสารกับวิญญาณของชาครีย์จนได้ ส่วนภากรและเอกทัตที่เป็นทั้งเพื่อนและลูกน้องในบริษัทของชาครีย์ก็ยังคงขับเคี่ยวกันเพื่อหาต้นเหตุของคนที่บ่อนทำลายชาครีย์ลับหลัง ซึ่งคนที่น่าสงสัยที่สุดก็คือภควัต ทุกคนต่างมีผลประโยชน์ในการตายของชาครีย์ทั้งนั้น แต่ต่างกันที่เป้าหมาย บางคนอยากให้เขาฟื้น แต่ก็มีไม่น้อยที่อยากให้เขาตายไปจริง ๆ สุดท้ายเพราะความรักอันบริสุทธิ์ก็สามารถนำทางวิญญาณของชาครีย์กลับเข้าร่างได้สำเร็จ แต่ การกลับมามีชีวิตของเขาอาจจะต้องแลกกับการที่จะสูญเสียเธอไปหรือไม่ เพราะคนบงการที่แท้จริงยังลอยนวล
ขณะที่ชาครีย์กำลังขับรถไปที่เขตด้วยความกลัดกลุ้มนั้น เขาไม่ทันสังเกตเห็นว่ามีจักรยานยนต์คันหนึ่งขับมาประกบด้านข้างแล้วชักปืนยิงใส่เปรี้ยง ชาครีย์ตื่นขึ้นมาอีกครั้งในโรงพยาบาล แต่สิ่งที่น่าตกใจยิ่งกว่าก็คือการที่เขาเห็นว่าร่างของตัวเองกำลังนอนให้น้ำเกลือระโยงระยางอยู่บนเตียงในห้องพัก โดยที่ตัวเองเป็นเพียงวิญญาณที่ยืนอยู่ข้างเตียง เขาไม่สามารถพูดจาสื่อสารกับใครได้เลย ไม่มีใครมองเห็นเขาแม้แต่คนเดียว ณ นาทีนี้คือชาครีย์ยังไม่ตาย แต่วิญญาณเขายังไม่สามารถหาทางกลับเข้าร่างได้นั่นเอง มนสิชาแทบหมดสติเมื่อรู้ข่าว ทุกคนต่างรอคอยปาฏิหาริย์ เพื่อจะทำให้ชาครีย์ฟื้นกลับมาอีกครั้ง ทุกวันชาครีย์ได้แต่คุยกับวิญญาณที่อยู่ในสถานพักฟื้นที่ร่างเขาพักรักษาตัวอยู่ ซึ่งคอยช่วยเหลือเขา การได้คลุกคลีกับวิญญาณเหล่านั้นก็ได้สอนบทเรียนและให้มุมมองความคิดเรื่องชีวิตคู่กับชาครีย์อย่างประเมินค่าไม่ได้ และการที่เขากลายเป็นวิญญาณอย่างนี้ ทำให้เขารู้ธาตุแท้ของใครหลายคนที่เขาคาดไม่ถึง อีกทั้งยังเข้าใจในตัวมนสิชาดีขึ้น ได้เห็นภรรยาในมุมที่เขาไม่รู้มาก่อน ชาครีย์ได้แต่เสียใจที่เขามองภรรยาผิดไป ขณะเดียวกันสวรสก็เข้ามาแสดงตัวว่าเป็นเมียอีกคนของชาครีย์อย่างเปิดเผย และประกาศว่าเธอท้องกับชาครีย์ ระหว่างที่ชาครีย์นอนเป็นผัก เมธัส (ปวิช เวียงนนท์) กับ ตุลยา (นิศาชล ต้วมสูงเนิน) และ เบญจมาศ (ชาเคอลีน มึ้นช์) เพื่อนของชาครีย์ ก็พยายามติดต่อสื่อสารกับวิญญาณของชาครีย์จนได้ ส่วนภากรและเอกทัตที่เป็นทั้งเพื่อนและลูกน้องในบริษัทของชาครีย์ก็ยังคงขับเคี่ยวกันเพื่อหาต้นเหตุของคนที่บ่อนทำลายชาครีย์ลับหลัง ซึ่งคนที่น่าสงสัยที่สุดก็คือภควัต ทุกคนต่างมีผลประโยชน์ในการตายของชาครีย์ทั้งนั้น แต่ต่างกันที่เป้าหมาย บางคนอยากให้เขาฟื้น แต่ก็มีไม่น้อยที่อยากให้เขาตายไปจริง ๆ สุดท้ายเพราะความรักอันบริสุทธิ์ก็สามารถนำทางวิญญาณของชาครีย์กลับเข้าร่างได้สำเร็จ แต่ การกลับมามีชีวิตของเขาอาจจะต้องแลกกับการที่จะสูญเสียเธอไปหรือไม่ เพราะคนบงการที่แท้จริงยังลอยนวล