ละคร ธิดาวานร

ดู 10,971 ครั้ง / แชร์
ละครออกอากาศ วันจันทร์ วันพุธ วันพฤหัส วันศุกร์ วันเสาร์ วันอาทิตย์
ช่องที่ออกอากาศ ละครช่อง 7
เริ่มออกอากาศ 1 กันยายน 2551
เวลาออกอากาศ 18:45 - 19:30 น.
  
กำกับโดย ประทุม สินธุอุส่าห์
ประพันธ์โดย วรพันธ์ รวี
นำแสดงโดย
วงศกร ปรมัตถากร ... พนา
อาเมเรีย จาคอป ... เมงกาเลีย/กาสะลอง
อติมา ธนเสนีวัฒน์ ... เอมฤดี
ดวงดาว จารุจินดา ... อรุณี
รชยา รักกสิกรณ์ ... นาถยา
ศตวรรษ ดุลยวิจิตร ... ดำรง
ผู้สร้าง บริษัท ดีด้า วีดีโอโปรดักชั่น จำกัด

ภาพนิ่งจากละคร

เรื่องย่อ ธิดาวานร

ธิดาวานรเป็นเรื่องแฟนตาซีแนวหนังวอลท์ดิสนีเพื่อเป็นการอนุรักษ์ธรรมชาติ เช่น ผืนป่า ต้นไม้ ลำธาร และสัตว์ทั้งหลายในป่า ต้องการให้คนที่ชมเรื่องนี้ เกิดความรักธรรมชาติ และสนใจเรื่องภาวะโลกร้อน เพราะการรักษาดูแลธรรมชาติคือสิ่งหนึ่งที่จะช่วยให้ลดภาวะโลกร้อน ป้องกันการเกิดภัยธรรมชาติ เช่นน้ำท่วม เป็นการเดินเรื่องราวผจญภัยของเด็กน้อยจนเป็นสาวชื่อเมงกาเลียที่มาพลัดหลงอยู่ในป่า จนกระทั่งออกจากป่าและได้พบกับสิ่งเลวร้าย จนในที่สุดพบครอบครัวอันเป็นที่รักคือพ่อและปู่ เพื่อเพิ่มความสนุกสนานของการนำเสนอ

หนูน้อยเมงกาเลีย วัยห้าขวบลูกสาวของ นายดำรง เศรษฐีหนุ่มหล่อภาคเหนือกับภรรยาสาวสวยชื่อ บัวบาน เมงกาเลียมีพี่เลี้ยงชื่อ ละเอ มาจากอีกฟากฝั่งของแม่น้ำเมยที่เชียงราย ละเอจงรักภักดีต่อคุณหนูของเธอมาก ตั้งชื่อเล่นให้หนูน้อยว่าเมงกาเลีย แต่ชื่อจริงคือกาสะลอง ละเอค่อนข้างออกแนวไสยศาสตร์ ทำนายทายทักและมีสัมผัสที่หกแต่ทุกคนก็ไม่ขำ ไม่ค่อยเชื่อคำพูดของละเอ ละเอบอกให้บัวบานระวังตัวจะโดนแย่งของรักและตกอยู่ในอันตรายทั้งบัวบานและเมงกาเลียไม่มีใครเชื่อ

ดำรงเข้ากรุงเทพไปติดต่อธุรกิจโดยที่ไม่ได้พาภรรยาและลูกสาวไปด้วย ดำรงได้พบกับนาถยา หม้ายสาวลูกติดชื่อ เอมฤดี อายุไล่เลี่ยกับเมงกาเลียแก่กว่าสักสองปี นาถยาหวังหาที่พึ่งเพื่อเป็นหลักให้เธอและลูกสาว โดยไม่สนใจว่าดำรงจะมีภรรยาและลูกแล้ว ทำแกล้งมาทางเหนือเพื่อมาติดต่องานกับดำรง และฉวยโอกาสมอมยาดำรง และกลายเป็นภรรยาน้อยของดำรงสำเร็จ จากนั้นนาถยาก็เริ่มแผนการขั้นที่สอง คือเข้ามาอาศัยอยู่ในบ้าน แสร้งทำตัวอ่อนน้อมน่าสงสารกับบัวบานที่พูดไม่ออก แต่ทำเฉพาะต่อหน้าดำรงเท่านั้น พอลับหลังก็หลอกล่อพูดจาทิ่มแทงให้บัวบานเสียใจเตลิดออกจากบ้านไปเพื่อจะไปบ้านบนภูเขาที่บัวบานกับดำรงมักพาลูกไปเที่ยวพักผ่อนที่นั่น นาถยาแอบจ้างคนมาตัดสายเบรกให้เกือบขาดเพื่อให้ดูเป็นอุบัติเหตุ

บัวบานขับรถเสียใจมุ่งหน้าขึ้นเขา ในที่สุดเบรกรถก็ขาดรถเสียหลักตกเขากลิ้งหายลงไป
ในเหวบัวบานหายตัวไป ดำรงส่งคณะผู้เชี่ยวชาญตามหาบัวบานนานนับเดือนได้แต่กู้ซากรถที่แหลกเละเทะทั้งคันกลับคืนมา แต่ไม่มีวี่แววของบัวบานทำให้นาถยาดีใจมาก เริ่มแผนขั้นที่สามต่อไปด้วยการแต่งงานกับกับดำรง ละเอพยายามเตือนดำรงให้ระวังว่าเมงกาเลียกำลังตกอยู่ในอันตราย และจะมีชะตากรรมเหมือนกับบัวบาน ละเอกลับโดนดำรงดุว่าเหลวไหล นาถยาทำดีกับดำรงเอาอกเอาใจ นานวันเข้าดำรงยอมรับนาถยาเป็นภรรยาออกหน้าออกตา ยกเว้นจดทะเบียนสมรสเพราะดำรงต้องการรอว่าบัวบานอาจยังไม่ตายจึงให้นาถยารอไปสิบปี

นาถยาแกล้งทำรักใคร่เมงต่อหน้าผู้คน พอลับหลังให้ลูกสาวคือเอม รังแกเมงเสมอๆ ละเอพยายามบอกดำรง ดำรงก็หาว่าละเอใส่ร้ายนาถยา นาถยาวางแผนขั้นที่สี่ต่อไปด้วยการให้เมงมีอันเป็นไป
เหมือนกับบัวบาน ตลอดเวลาละเอเคยพยายามใช้สัมผัสที่หกตามหาบัวบาน ละเอมักฝันร้าย ในฝันเห็นบัวบานโดนเสือคาบไปกิน

ต่อมาวันหนึ่ง นาถยาแกล้งบอกให้ดำรงจัดให้ละเอข้ามกลับบ้านไปเยี่ยมญาติ และหาทางให้ดำรงไปติดต่อธุระที่กรุงเทพและรับอาสาดูแลเมงเอง พอทุกคนไปกันหมดแล้วนาถยาก็จับเมงใส่รถเอาไปปล่อยไว้ในป่าแล้วหนี เมงเดินสะเปะสะปะร้องไห้อยู่ในป่าจนมืดค่ำ

ในวันเดียวกันนั้น พนา อายุแปดถึงสิบขวบ กับ นายพินิจ และ นางอรุณี นักธุรกิจอัญญมณีชื่อดังทางภาคเหนือ ได้เดินทางโดยใช้รถไฟ เพราะต้องการเลี่ยงหลบจาก นายคำรณ มาเฟียที่จะพยายามฉกเพชรสีชมพูหลายสิบกะรัตของพวกเขา ทั้งสองเอาเพชรสีชมพูใส่ลูกเทนนิสติดกาวแนบเนียนมากแล้วใส่ไว้ในเป้ของลูกชาย สั่งให้สะพายเป้ติดหลังไว้ตลอดเวลาห้ามปลดออกเด็ดขาด พนาเชื่อฟังอย่างดี ขณะนั่งรถไฟมากลางทางที่เป็นป่าก็เกิดเหตุรถไฟเกิดเสียหลักไถลออกนอกรางในตอนกลางคืน ผู้คนบาดเจ็บกันมากมายต่างหาทางออกจากรถไฟ พนาหลุดออกมาได้ตามหาพ่อแม่ และพลัดหลงไปในป่า ส่วนพ่อแม่ปลอดภัยตามหาพนาไม่พบ

พนาเดินสะเปะสะปะไปในป่า ขณะที่เมงก็เดินร้องไห้ ทั้งหิว ทั้งเหนื่อย และก่อนที่จะหลงนาถยาสั่งให้มาตามหาแม่ แม่ของเมงตกลงไปในเหวให้ไปหาในเหว เมงจึงมายืนมองที่เหวแห่งหนึ่งที่คิดเอาเองว่าแม่คงตกลงไปตรงนี้ เมงปีนไปที่กิ่งไม้ซึ่งยื่นไปในเหวมองลงไปตกใจกลัวร้องไห้จะกลับเข้ามาก็กลับไม่ได้ เมงร้องไห้จ้าดังลั่น พนาซึ่งเดินหลงมาได้ยินเสียงร้องของเด็กจึงวิ่งไปดู พนาเห็นเด็กหญิงคนหนึ่งกำลังไต่อยู่บนกิ่งไม้ที่ยื่นไปในหน้าผา พนาตกใจมากกลัวก็กลัวสงสารเด็กก็สงสาร ในที่สุดพนาก็ตัดสินใจไต่ไปที่กิ่งไม้ใกล้ๆ กันเพื่อช่วยเด็กหญิง แต่เป้ของพนาเกะกะมากและไปเกี่ยวกับกิ่งไม้หลุดไปจากหลัง พนาเอื้อมมือจะไปช่วยเด็กหญิง เด็กหญิงไม่เข้าใจโผมาหาแล้วพลัดตกลงไปเบื้องล่าง พนาตกใจมากเกาะแน่นอยู่กับกิ่งไม้โทษตัวเองว่าเขาทำให้เด็กหญิงตกเหวตาย แต่เมงกลับตกลงไปติดอยู่ที่กิ่งไม้อีกต้นที่อยู่ต่ำลงไปอีกและเกาะร้องไห้อยู่เช่นนั้น

ในป่านั้นเอง พรานเส็ง ได้พาพวกเข้ามาจับสัตว์ในป่าไปเพื่อเอาไปขาย มุ่งจับเฉพาะสัตว์ตัวลูกแล้วจะฆ่าแม่ แม่ลิงตัวหนึ่งโดนยิงบาดเจ็บเพราะไม่ยอมให้จับลูก ในที่สุดก็โดนแย่งลูกไปจนได้ แม่ลิงตามไปอีกโดนยิงล้มลงตามไม่ทันจึงถอยกลับมาเสียใจตีอกชกหัวร้องไห้เอาสมุนไพรรักษาตัวเอง แม่ลิงไปนั่งซุกอยู่บนกิ่งไม้ต้นเดียวกับที่เมงนั่งเกาะร้องไห้อยู่ แม่ลิงเห็นเมงเกิดความคิดถึงลูกมองว่าเมงเป็นลูกน้อยที่โดนจับไปมาแทนที่ลูกได้จึงเข้าไปช่วยเหลือพาเมงไปดูแล

ส่วนพนาเมื่อฟ้าสางแล้วพ่อ แม่ และคณะติดตามหาพบพนาเกาะกิ่งไม้อยู่จึงเข้าช่วยเหลือ
แต่ไม่พบเป้ของพนา พนาบอกว่าตกลงไปในเหวลึกแล้ว พ่อ แม่จึงทำใจว่าคงไม่มีโอกาสพบอีก ส่วนเรื่องเด็กหญิงที่พลัดตกลงไป พนาไม่ได้บอกใครเพราะกลัวความผิด และคิดว่าบางทีเมงอาจจะรอด ตลอดมาพนามักฝันร้ายถึงเด็กหญิงคนนั้นเช่นเดียวกันกับเมงที่ฝันดีถึงพนาตลอดมา

ดำรงเสียใจมากนาถยาอ้างว่าไม่รู้ว่าเมงหายไปไหน คงวิ่งหนีออกไปเล่นนอกบ้าน นาถยาทำเป็นร้องไห้ร้องห่มที่ตามหาเมงไม่พบ ดำรงต้องเข้าไปปลอบ ฝ่ายละเอกลับมาจากฝั่งโน้น แอบไปฝึกวิชาอาคมเพิ่มมาอีกใช้สัมผัสที่หกพยายามติดต่อกับบัวบานและเมง ละเอบอกว่าเมงยังไม่ตาย ดำรงมีความหวังแต่นาถยาไม่เชื่อพร้อมกับแอบด่าว่าละเอหาว่าเพ้อเจ้อ

สิบปีต่อมา นาถยาคาดคั้นให้ดำรงจดทะเบียนด้วยสักที ดำรงตกลง แต่คืนนั้นเองดำรงก็ฝันถึงบัวบานและเมงกาเลียมาอ้อนวอนร้องไห้ตรงหน้าและบอกว่ากำลังจะกลับมาในไม่ช้า เช้าขึ้นดำรงจึงเปลี่ยนใจโดยไม่บอกสาเหตุกับนาถยาแต่บอกว่าขอเวลาอีกสามปี นาถยาไม่พอใจมากสงสัยว่าละเอแอบพูดอะไรหรือเปล่าจึงทำให้ดำรงปลี่ยนใจ

สิบปีต่อมาสำหรับ เมงกาเลีย กลายเป็นเด็กสาวสวยงามแต่โดนความมอมแมมบดบังจนดูคล้ายปีศาจตัวน้อยๆ เมงสามารถพูดจากับสัตว์และสื่อสารกับสัตว์ ห้ามสัตว์ทะเลาะกัน นำฝูงงู ฝูงช้าง ฝูงนก ฝูงแมลงไปต่อสู้ขับไล่ผู้บุกรุกป่า เมงรักแม่ลิง รักต้นไม้ทุกต้นรักป่าและลำธาร เมงจึงมักมีปัญหากับพวกนายพราน โดยเฉพาะพรานเส็งที่แก่ลงไปมากแต่ยังชอบพาคนมาจับสัตว์ไปขายต่างชาติบ้าง เอาไปเล่นละครสัตว์บ้าง นักมายากลบ้างนอกจากพวกนายพรานดังกล่าว ยังมีพวกมาเฟียคำรณหาเพชรสีชมพูของพินิจพ่อพนาอีก

คนพวกนี้เคยเห็นเมง สนใจเมงมาก ไม่รู้ว่าเป็นตัวอะไรกันแน่ บ้างก็ว่าเป็นปีศาจ บ้างว่าเป็นมนุษย์โบราณที่หลงเหลืออยู่ แต่สรุปแล้วทุกคนต่างต้องการจับตัวเมงไปทั้งนั้น จับไปขาย จับไปเล่นละครสัตว์ จับไปสอบถามหาเพชรสีชมพู

ยกเว้นพวกชาวบ้านตามราวป่า ที่หาว่าเมงคือภูตผี เพราะบางวันเมงติดตามพวกฝูงสัตว์มาเที่ยวราวป่า บางวันก็ขี่ช้างมา บางวันก็ไต่ต้นไม้มากับพวกลิง บางครั้งพบอาหารแปลกๆ ก็ทดลองกินจนหมด ชาวบ้านต่างหวาดกลัวจนต้องไปหาหมอผีมาไล่ผีประหลาด แต่ไม่เคยมีใครไล่สำเร็จหรือทำให้เมงพ่ายแพ้ เมงนั้นวันดีคืนดีมักได้ยินเสียงเรียกมาจากที่ไกลๆ ว่าเมงกาเลีย จนเมงจำคำว่าเมงกาเลียได้แม่นยำและมักพูดคำนี้ออกมาเสมอแต่ไม่มีใครเข้าใจ ความจริงเสียงนั้นคือเสียงของละเอที่พยายามส่งโทรจิตให้เมงนั่นเอง

ทางฝ่ายบัวบานแม่ของเมง โดนเสือกินเข้าไปและสิงอยู่ในร่างเสือ และจิตใจยังคิดถึงลูกเสมอจึงพยายามวนเวียนตามหาเมง และได้พบว่าเมงอยู่กับแม่ลิง วันแรมสิบห้าค่ำเดือนมืดทีไร เสือที่กินบัวบานจะกลายร่างเป็นหญิงสาวสวย เดินร้องเพลงบ้าง คอยหลอกล่อผู้คนที่คิดจะมาทำร้ายเมงบ้าง จนเลื่องลือไปทั่วว่าป่าแห่งนี้มีทั้งเสือสมิงและปีศาจประหลาด

ส่วนพนามักชอบหาโอกาสเข้ามาในป่าแห่งนี้ ไม่ใช่เพื่อสืบหาเพชรสีชมพู แต่สืบร่องรอยของเด็กผู้หญิงที่เขาเคยพบ แต่ก็ไม่มีวี่แววเพราะมักเฉียดไปมากับเมง แต่ส่วนใหญ่เมงมักเป็นคนเห็นพนาเสียเอง เมงนึกชอบใจพนาที่ดูใจดีอ่อนโยนและรักป่า รักต้นไม้ รักสัตว์ เมงเคยแอบช่วยเหลือพนาให้รอดพ้นจากน้ำมือของมาเฟียและนายพรานที่จะทำร้ายพนาเนื่องจากไปขัดขวางการทำร้ายสัตว์ และทำลายป่า แต่ไม่สามารถจำได้ว่านั่นคือเด็กผู้ชายที่พยายามช่วยเหลือเธอเมื่อยังเด็ก

ที่อาศัยหลับนอนของเมงคือถ้ำใหญ่ มีน้ำตกอยู่หน้าถ้ำ วันที่แม่ลิงอุ้มเมงมาเลี้ยงก็เอาเมง ซ่อนไว้ในถ้ำนี้ แม่ลิงได้พบเป้ของพนาที่ตกอยู่เอามาให้เมง เมงแกะเป้ออกมาเล่นเจอเพชรสีชมพู จึงเก็บไว้ วันดีคืนดีก็เอาออกมาเล่น และนอกจากนั้นเมงยังมีลอคเก็ตอันหนึ่งที่นาถยาถอดออกมาจากคอ แล้วโยนลงมาในเหวตอนปล่อยเมง ไม่คิดว่าเมงจะรอด เมงได้พบสร้อยลอคเก็ตอันนี้จึงเอามาเก็บไว้ในเป้ ของพนาบางวันก็เอามาใส่เล่น

วันหนึ่งตอนที่เมงโตเป็นสาวรุ่นแล้ว เมงออกมาเที่ยวเล่นกับฝูงสัตว์ตามปกติ เมงจะมีนกเหยี่ยวตัวใหญ่คอยสื่อสารและบอกข่าวล่วงหน้า แต่วันนั้นนกไม่อยู่ บินไปหากินไกลมาก เมงจึงชะล่าใจออกมาเที่ยวเล่นโดยไม่รู้ว่าที่กำลังไปเล่นมีมนุษย์ใจร้ายกำลังมาตามหาสมบัติ เมงถือเพชรสีชมพูมาเล่นด้วยและได้พบกับมาเฟียคำรณและพวกเห็นเพชรที่เมงเดาะเล่นอยู่ดีใจมากจะจับตัวเมง เมงหนี พวกนั้นไล่ยิงเมง เมงหนีมาเจอกับพนา พนาช่วยเมงไว้ ระหว่างหนีเมงได้โยนเพชรสีชมพูทิ้ง พนาจึงไม่เห็นเพชร

พนาช่วยเมงที่บาดเจ็บหลบจากพวกมาเฟีย พยายามพูดจาซักถาม เมงพูดไม่เป็น พูดไม่รู้เรื่อง ได้แต่ส่งภาษาแปลกๆ แต่พูดคำคล้ายมนุษย์คำเดียวคือเมงกาเลีย ทำให้พนารู้จักคำนี้ไปด้วย นอกจากนั้นพนายังพยายามสอนให้เมงเรียกตัวเขาว่าพนา เมงพยายามเรียกในที่สุดเมงก็เรียกพนาได้ และจำแม่นว่านี่คือพนา พนาพาเมงไปอาบน้ำในลำธาร จับเมงโยนลงไป ในที่สุดพนาก็พบว่าเมงสวยงามมาก ไม่ได้ดูสกปรกมอมแมมเหมือนผีที่เขาเคยได้ยินพวกชาวบ้านร่ำลือ พนาเชื่อแปดสิบเปอร์เซ็นต์ว่าเมงคือเด็กหญิงที่เขาเคยช่วยเอาไว้ เขาพยายามจะพาเมงเข้าไปในเมืองแต่ไม่สำเร็จ เมงโกรธมากเมื่อพนาฉุดดึงให้ออกมาจากป่า เมงอาละวาดทำร้ายพนาแล้วหนีไป

ต่อมาพนาพยายามเข้ามาตามหาเมงอีกแต่ไม่พบเพราะเมงคอยหลบหลีก แต่เมงก็ยังนึกถึงพนาเสมอ เป็นความรู้สึกที่อบอุ่นแบบไม่เคยมีมาก่อน พนาก็นึกถึงแต่เมง พนาเลิกทำอย่างอื่นเพียรแต่จะเข้าป่าแต่ไม่ได้บอกใครว่ามาทำอะไร ส่วนพวกมาเฟียคำรณต่างพากันคิดว่าพนาเข้ามาหาเพชรสีชมพูตามคำสั่งของพินิจจึงฉวยโอกาสลอบทำร้ายพนา เมงมาพบเข้าจึงช่วยเหลือพนา และช่วยกันกับแม่ลิง และฝูงสัตว์พาพนาไปรักษาตัวในถ้ำ พวกมาเฟียพยายามติดตามกลับโดนเสือโผล่มาสะกัดอยู่พักหนึ่ง ไม่เพียงแค่นั้นเสือยังกลายร่างเป็นผู้หญิงอีกตอนกลางคืนทำให้พวกมาเฟียต้องถอยหนีกลับออกไป

เมงรักษาพนาจนหาย พนาพบเป้ของตัวเอง ค้นหาในเป้ไม่พบเพชรสีชมพู พยายามถามก็ไม่เข้าใจกัน แต่กลับได้พบลอคเก็ตสลักชื่อกาสะลองเอาไว้ เมงและพวกลิงและฝูงสัตว์ พากันมาส่งพนาที่ราวป่าคืนเดือนหงายคืนหนึ่ง พนาได้สอนให้เมงเรียนรู้ความรู้สึกดีๆ อีกมากมาย เมงติดพนาแจแต่ก็ยังไม่ยอมเข้าเมืองอีกเช่นเคย

ต่อมาเมงโดนพวกเล่นกลใช้อุบายจับเมงไปหัดเล่นกล พนากลับเข้ามาหาเมงไม่พบเมง พนาว้าวุ่นมาก พนาได้พบนกเหยี่ยวที่แอบติดตามว่าเมงโดนจับไปไหน กลับมาส่งข่าว พนาจึงติดตาม
ไปพบเมงโดนจับไปเล่นกลและละครสัตว์ ขังเอาไว้ในกรงเหมือนสัตว์ทั่วไปกับลิงตัวหนึ่ง พอจะไปช่วยกลับไม่ทันพวกออกงานวัดมาแย่งจับเมงกับลิงตัวนั้นไปออกงานวัดอีกต่อ เดือดร้อนถึงนกเหยี่ยวต้องบินไปตามหาเมง จนเจอและช่วยออกมาทั้งลิงและเมงในที่สุด เมงกับลิงตัวนั้นกลายเป็นเพื่อนกัน ลิงพยายามบอกเมงว่าถูกจับมาและแม่โดนยิงคงตายแล้ว ทั้งหมดกลับเข้าป่าและแยกย้ายกันไป ลิงตัวนั้นมีตำหนิที่เท้า

พนาห่วงเมงมากพยายามจะพาเมงออกจากป่าเกรงว่าจะโดนลอบทำร้ายและจับตัวอีก เมง ปฎิเสธ เมงกับพนาใช้ภาษาใบ้ ใช้วิธีวาดรูปสื่อสารกันประกอบด้วย เมงบอกว่าห่วงแม่ลิง ทิ้งไม่ได้ พนาจำใจกลับเข้าเมืองและติดต่อกับเมงผ่านนกเหยี่ยว พนาพยายามหาทางพาเมงเข้าเมืองและพาแม่ลิงมาอยู่ด้วย อ้อนวอนพ่อ แม่ จนที่สุดพ่อ แม่ก็ยินยอมแต่ไม่ยอมให้ปล่อยแม่ลิงให้ขังไว้ แม่ลิงไม่ยอมให้ขัง ในกรง เมงก็ไม่ยอมให้ขังแม่ ในที่สุดจึงเอาแม่ลิงไว้ในห้องเหมือนคนทั่วไป ผู้คนในบ้านต่างหวาดกลัวแม่ลิงและเมง

เอมฤดีเป็นคนรักของพนา มาหาพนาที่บ้านพบเมงอยู่ในบ้าน ไม่พอใจมากๆ แอบสอบถาม
กับสาวใช้บางคนที่ไม่ชอบเมงได้ความว่ามาจากในป่า เอมไปเล่าให้นาถยาฟัง นาถยาสงสัยมากว่าอาจเป็นเมงก็ได้ สั่งห้ามไม่ให้เอมบอกกับดำรงเรื่องนี้เด็ดขาด และพยายามหาทางกลั่นแกล้งเมงต่างๆ นานาแต่ก็กลับโดนย้อนรอยแปลกๆ ขำๆ เสียท่ากลับไปทุกที ทำให้เอมเกลียดเมงมากขึ้น ประกอบกับได้ยินทุกคนเรียกเมงว่าเมงกาเลียยิ่งทำให้เอมกับนาถมั่นใจว่าใช่แน่ถึงกับพยายามหาทางเล่นงานเมง

ที่บ้านพนา พินิจ และอรุณีแม่ของพนาดีกับเมงมาก พยายามจะให้เมงตามหาพ่อแม่ให้พบ พยายามให้เมงเรียนรู้เรื่องของคนในเมือง แต่เมงกลับไม่ค่อยมีความสุขมากนัก รวมทั้งแม่ลิง แต่แม่ลิงอยากให้เมงอยู่ในเมืองเพื่ออนาคตที่ดี ส่วนตัวเองหนีกลับเข้าป่า เมงกลับตามหาแม่ลิง ไม่ยอมอยู่ต่อไป แม่ลิงหนีซ่อนไม่ให้เมงพบ เมงจะกลับเข้าไปในป่าอีกจนไปเจอเอาพวกนายพรานที่ไปเข้ากับมาเฟียคำรณเข้า ระหว่างเดินทางกลับเข้าป่าแม่ลิงได้พบเพชรสีชมพูจึงเอากลับไปไว้ในถ้ำและบอกกับนกเหยี่ยวของเมงไว้

เมงกับพนาตามหาแม่ลิงพบกับพวกคำรณและนายพราน แม่ลิงตัดสินใจเสียสละกระโดดหน้าผาหายไปเพื่อให้เมงปลอดภัย พวกคำรณไม่สามารถจับแม่ลิงมาเป็นตัวประกันให้เมงกับพนายอมแพ้ได้จึงเลิกราไปหาวิธีอื่น แม่ลิงตกลงไปบาดเจ็บ เจอเอาลิงหนุ่มตัวหนึ่งเข้ามาช่วยเหลือทั้งสองมองหน้ากัน ลิงหนุ่มยกเท้าที่เป็นแผลให้ดู ทั้งสองต่างคิดถึงวันที่โดนคนใจร้ายทำให้พรากจากกัน จำกันได้โผเข้ากอดกัน ด้วยความยินดีลิงหนุ่มแบกแม่ลิงไปดูแล

เมงกลับเข้าเมืองด้วยความโศกเศร้าคิดถึงแม่ลิง พนาคอยปลอบโยน เมงพูดภาษาคนได้มากขึ้นเริ่มออกงาน อ่านหนังสือออก เขียนได้ แต่ก็สร้างมุกตลกๆ ให้คนรอบข้างขำเพราะเมงมักพูดผิด พูดกลับกัน เมงได้พบดำรงในงานแต่ไม่รู้จักกัน เพราะเมงได้ชื่อใหม่ว่ามาณวิกาแล้ว ดำรงเข้าใจว่าเมงเป็นหลานของพินิจ เมงเองก็เข้าใจว่าดำรงเป็นพ่อของเอมฤดี แต่เหมือนมีความผูกพันกันทำให้ทั้งสองถูกคอกันมาก จนทำให้เอมกับนาถยาอยากกำจัด เอมจึงไปเข้ากับพวกคำรณให้จัดการเมง ดำรงตามไปช่วยเอาไว้กับพนา พนาเรียกเมงว่าเมงกาเลียทำให้ดำรงตกใจ และสนใจสอบถามจนกระทั้งรู้ความจริงว่าเมงคือลูก พนาได้มอบสร้อยและลอคเก็ตกาสะลองให้ดำรงดู ดำรงยิ่งมั่นใจว่าเมงคือลูก คำรณโดนจับได้ และซัดทอดว่านาถยากับเอมฤดีจ้างวาน ทั้งหมดจึงติดคุกไปด้วยกัน

เมงได้พบพ่อและกลับมาอยู่กับพ่อ และละเออีก เมงพยายามฝากข้อความสื่อสารไปหานกเหยี่ยว ในที่สุดนกเหยี่ยวก็มาหาเมง เมงบอกว่าอยากไปเยี่ยมพวกเพื่อนๆ จึงขออนุญาตพ่อไปกับพนา ที่นั่นเมงได้พบกับพวกสัตว์ของเมง และได้พบเป้ที่แม่ลิงเอาเพชรสีชมพูมาใส่ไว้ให้ เมงสงสัยว่าแม่ลิงยังไม่ตาย ในที่สุดนกเหยี่ยวก็พาเมงกับพนาไปพบแม่ลิงที่แก่และเดินขาเป๋ ซ่อนตัวอยู่ในถ้ำอีกแห่ง มีลูกลิงหนุ่มที่พลัดพรากกลับมาดูแล ลิงหนุ่มจำเมงกับพนาได้ต่างดีใจที่ได้พบกัน ลิงหนุ่มและแม่ลิงบอกว่าไม่ต้องห่วงแม่ลิงอีกต่อไปแล้ว ให้เมงกลับไปอยู่กับพนาและอยู่กับมนุษย์ ติดต่อส่งข่าวถึงกันผ่านนกเหยี่ยว คิดถึงกันก็มาหากันได้ ทั้งหมดจากกันแบบอาลัยอาวรณ์ พวกสัตว์ทั้งหลายพากันมาส่งเมงที่ราวป่า

ต่อมา เมงตัดสินใจเรียนศึกษาผู้ใหญ่จนจบและสอบเข้าเรียนวนศาสตร์ และมาอยู่ในบ้านบนเขาหลังที่แม่กับพ่อเคยพาเมงมาพักตอนเด็กๆ กับละเอ โดยมีพนาทำงานป่าไม้อยู่ใกล้กันนั้น ทั้งสองสัญญากันว่าจะช่วยกันดูแลรักษาป่า ลำธาร สัตว์ และสภาพป่าให้คงเดิม เพราะป่าคือชีวิตของเรา พวกชาวบ้านและหมอผีไม่กลัวเมงอีกต่อไป บางวันแม่ลิงกับลิงหนุ่มก็มาเยี่ยมเมง บางวันก็มีช้างและสัตว์อื่นๆ มาเยี่ยมเมง เมงกับพนามีแผนการจะแต่งงานกันในอนาคต และอยู่รักษาผืนป่าตลอดไปจนกว่าชีวิตจะหาไม่