ละคร ชาติเสือพันธุ์มังกร
ดู 3,251 ครั้ง /
แชร์
ละครออกอากาศ | วันจันทร์ วันอังคาร | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
ช่องที่ออกอากาศ | ละครช่อง 3 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
เริ่มออกอากาศ | 20 พฤศจิกายน 2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
เวลาออกอากาศ | 20:20 - 22:50 น. |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
กำกับโดย | กิตติศักดิ์ ชีวาสัจจาสกุล | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
ประพันธ์โดย | ปราณธร | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
นำแสดงโดย | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
ผู้สร้าง | บริษัท ทีวีซีน แอนด์ พิคเจอร์ จำกัด |
ภาพนิ่งจากละคร
เรื่องย่อ ชาติเสือพันธุ์มังกร
ปี 2506 ทรงวาด (เจมส์ มาร์) เด็กชายผู้ถูกตั้งชื่อตามสถานที่เกิดคือถนนทรงวาด ด้วยความที่พ่อแม่และอา อพยพมาจากเมืองจีนต้องต่อสู้ดิ้นรนอย่างยากลำบาก ทรงวาดกับน้องสาวจึงเติบโตมาอย่างปากกัดตีนถีบ ก่อนที่ทรงวาดจะได้ช่วยชีวิตนักการเมืองระดับประเทศคนหนึ่งไว้จากการลอบสังหารโดยบังเอิญ ทรงวาดจึงได้มาเป็นบุตรบุญธรรมของนักการเมืองผู้นั้น ทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้น และได้เรียนหนังสือสูงขึ้น
ในขณะที่พ่อของทรงวาดกับอา คือ ลิ้มเม่งฮง (ทนงศักดิ์ ศุภการ) ได้สาบานเป็นพี่น้องกับ โอ๊วฮุ่ยเชี้ยง (สันติสุข พรหมศิริ) นักเลงคนหนึ่งของเยาวราช ได้ร่วมกันทำกิจการบ่อน และโรงน้ำชาเพื่อค้าประเวณีขึ้น แต่พ่อของทรงวาดถูกยิงตายจากการเอาตัวเองเข้ารับกระสุนแทนน้องชาย ลิ้มเม่งฮงล้างแค้นให้พี่และขึ้นเป็นเจ้าพ่อคนหนึ่งของเยาวราช กิจการโรงน้ำชาของลิ้มเม่งฮงกำลังไปได้ดี จึงคิดขยายกิจการด้วยการหลอกซื้อตึกแถวหกห้องของตระกูลลี้ แต่หลังจากโอนแล้วก็ชักดาบไม่จ่ายเงิน แถมเอาคนมาฆ่าล้างบ้านตระกูลลี้จนเหลือ ปิ่นมุก หรือ ลี้เตียงจู (เดียร์น่า ฟลีโป) บุตรสาวคนเดียววัยสิบกว่าขวบ โอ๊วฮุ่ยเชี้ยงต้องการจะฆ่าปิดปากปิ่นมุกเด็กสาวหวาดกลัวและต่อสู้ คว้าตะเกียบฟาดเข้าหน้าโอ๊วฮุ่ยเชี้ยงจนไฟไหม้ใบหน้าครึ่งซีก ก่อนที่ปิ่นมุกจะหนีรอดไปได้
ทรงวาดเติบโตขึ้นจนสอบเข้าโรงเรียนนายร้อยตำรวจได้ แต่ขณะเรียนอยู่ปีสุดท้ายก็ถูกคู่แข่งทางการเมืองของพ่อบุญธรรมกลั่นแกล้ง จนต้องออกจากโรงเรียน ชาญยุทธ หรือ อ้าย (เอกพงศ์ จงเกษกรณ์) พี่ชายบุญธรรมซึ่งดำเนินรอยตามพ่อมาเล่นการเมือง ได้ส่งทรงวาดกลับมาเยาวราชและออกทุนให้เปิดร้านค้าขายข้าวสารชื่อโฮ่ว เฮง จั่น ขึ้นแต่ก็ต้องแลกกับการส่งข่าวและทำตามที่พี่กับพ่อบุญธรรมสั่งทุกอย่าง แต่ทรงวาดก็เลือกที่จะทำตามนั้น เพราะดีกว่าที่ตนต้องกลับไปรับช่วงโรงน้ำชาที่ตนรังเกียจ
ทรงวาดเริ่มกิจการค้าข้าวอย่างราบรื่น โดยมี ทิเหล็ง (ดนัย จารุจินดา) อดีตคนลากรถเป็นมือขวาจนกระทั่งทรงวาดได้มาพบกับเตียงจูโดยบังเอิญที่ศาลเจ้า ทรงวาดรู้จากทิเหล็งว่าเตียงจูต้องกลายเป็นเด็กเร่ร่อนอาศัยศาลเจ้านอนเพราะอาของตน จึงคิดจะไถ่โทษด้วยการเอาเตียงจูมาเลี้ยง ทรงวาดเลี้ยงเตียงจูอย่างเข้มงวด และพยายามให้เตียงจูเรียนหนังสือให้ได้สูงที่สุด เพื่อชดเชยที่ ป่วยซัง (รินรดา แก้วบัวสาย) น้องสาวแท้ๆ ของตนไม่ได้เรียนหนังสือ
เตียงจูพยายามหาโอกาสฆ่าลิ้มเม่งฮงเพื่อแก้แค้นให้ครอบครัว แต่ก็แพ้ความดีของทรงวาด เตียงจูซึ้งใจและเริ่มรู้สึกรักทรงวาดขึ้นมาแบบเงียบๆ โดยที่แม้แต่ตนเองก็ไม่รู้สึกตัว ทรงวาดดำเนินกิจการค้าข้าวไปและพยายามไม่ยุ่งเกี่ยวกับกิจการโรงน้ำชาและบ่อนของครอบครัว แต่ก็มักจะมีเหตุจำเป็นที่ดึงให้ทรงวาดต้องเข้าไปคอยช่วยเหลือเรื่อยมา ด้วยนิสัยคนจริงของตนจึงเป็นเหตุทำให้ทรงวาดได้รับการยอมรับนับถือจากเหล่านักเลงเป็นวงกว้าง และชื่อของทรงวาดหรือเถ้าแก่เสือ ก็ติดทำเนียบเจ้าพ่อเยาวราช แม้ว่าทรงวาดเองจะไม่ตั้งใจให้เป็นอย่างนี้ก็ตาม
ทรงวาดค้าขายข้าวจนร่ำรวยขึ้นมากพร้อมกับส่งเตียงจูเรียนจนสอบติดคณะแพทยศาสตร์ รวมทั้ง ก๊กไช้ (ธนลภย์ ปรีดามาโนช) น้องชายของทิเหล็งก็สอบติดคณะนิติศาสตร์เช่นกัน ก๊กไช้แอบหลงรักเตียงจูแต่ไม่กล้าแสดงออก ในขณะที่ทรงวาดเองก็มองทั้งสองคนเหมือนน้องมาตลอด แต่ยิ่งใกล้ชิดเตียงจูมากเท่าไหร่ ทรงวาดก็ยิ่งหวั่นไหวมากขึ้นโดยไม่รู้ตัว จนเป็นเหตุให้ทรงวาดปฏิเสธการแต่งงานกับ ไต้เกียว (มณีรัตน์ ศรีจรูญ) หลานสาวคนสวยของโอ๊วฮุ่ยเชี้ยง ทำให้โอ๊วฮุ่ยเชี้ยงอาฆาตทรงวาดมาตลอด
ทรงวาดยังต้องทำตามที่ชาญยุทธสั่งในหลายเรื่อง รวมทั้งต้องปกป้องน้องสาวและครอบครัวด้วย เลยถูกเพ่งเล็งจากทางตำรวจ โดยเฉพาะกลุ่มสี่คิง ซึ่งเป็นตำรวจที่คุมเยาวราช จักรวรรดิ พลับพลาไชยทั้งหมด โดยมี สิบตำรวจเอกรณชิต (จิตรภาณุ กลมแก้ว) เป็นไม้เบื่อไม้เมากับทรงวาดมาตลอด รณชิตเป็นตำรวจหนุ่มรูปหล่อ อนาคตไกล เลยทำให้สาวๆ ในเยาวราชหลายคนมองกันตาเป็นมัน รวมทั้ง ลี่เง็ก (ณัฐฐชาช์ บุญประชม) ลูกสาวของลิ้มเม่งฮงด้วย แต่รณชิตก็ไม่สนใจใคร เพราะผู้หญิงคนเดียวที่รณชิตมีใจด้วยกลับเป็นเตียงจูนั่นเอง
ทรงวาดต้องสู้กับอำนาจมืดของกลุ่มอิทธิพลทางการเมือง และทางธุรกิจเพื่อช่วยเหลือพี่ชายและพ่อบุญธรรมมาโดยตลอด และเรื่องหัวใจก็ต้องต่อสู้กับคู่แข่งที่ไม่ยอมอ่อนข้อให้เช่นกัน สุดท้ายทรงวาดชายหนุ่มผู้มีหัวใจที่แข็งแกร่งและมั่นคงแห่งเยาวราช จะผ่าฟันอุปสรรคในเส้นทางรักและเส้นทางรบไปได้อย่างไรเพื่อให้ได้เดินบนเส้นทางที่ตนต้องการจริงๆ เสียที
ในขณะที่พ่อของทรงวาดกับอา คือ ลิ้มเม่งฮง (ทนงศักดิ์ ศุภการ) ได้สาบานเป็นพี่น้องกับ โอ๊วฮุ่ยเชี้ยง (สันติสุข พรหมศิริ) นักเลงคนหนึ่งของเยาวราช ได้ร่วมกันทำกิจการบ่อน และโรงน้ำชาเพื่อค้าประเวณีขึ้น แต่พ่อของทรงวาดถูกยิงตายจากการเอาตัวเองเข้ารับกระสุนแทนน้องชาย ลิ้มเม่งฮงล้างแค้นให้พี่และขึ้นเป็นเจ้าพ่อคนหนึ่งของเยาวราช กิจการโรงน้ำชาของลิ้มเม่งฮงกำลังไปได้ดี จึงคิดขยายกิจการด้วยการหลอกซื้อตึกแถวหกห้องของตระกูลลี้ แต่หลังจากโอนแล้วก็ชักดาบไม่จ่ายเงิน แถมเอาคนมาฆ่าล้างบ้านตระกูลลี้จนเหลือ ปิ่นมุก หรือ ลี้เตียงจู (เดียร์น่า ฟลีโป) บุตรสาวคนเดียววัยสิบกว่าขวบ โอ๊วฮุ่ยเชี้ยงต้องการจะฆ่าปิดปากปิ่นมุกเด็กสาวหวาดกลัวและต่อสู้ คว้าตะเกียบฟาดเข้าหน้าโอ๊วฮุ่ยเชี้ยงจนไฟไหม้ใบหน้าครึ่งซีก ก่อนที่ปิ่นมุกจะหนีรอดไปได้
ทรงวาดเติบโตขึ้นจนสอบเข้าโรงเรียนนายร้อยตำรวจได้ แต่ขณะเรียนอยู่ปีสุดท้ายก็ถูกคู่แข่งทางการเมืองของพ่อบุญธรรมกลั่นแกล้ง จนต้องออกจากโรงเรียน ชาญยุทธ หรือ อ้าย (เอกพงศ์ จงเกษกรณ์) พี่ชายบุญธรรมซึ่งดำเนินรอยตามพ่อมาเล่นการเมือง ได้ส่งทรงวาดกลับมาเยาวราชและออกทุนให้เปิดร้านค้าขายข้าวสารชื่อโฮ่ว เฮง จั่น ขึ้นแต่ก็ต้องแลกกับการส่งข่าวและทำตามที่พี่กับพ่อบุญธรรมสั่งทุกอย่าง แต่ทรงวาดก็เลือกที่จะทำตามนั้น เพราะดีกว่าที่ตนต้องกลับไปรับช่วงโรงน้ำชาที่ตนรังเกียจ
ทรงวาดเริ่มกิจการค้าข้าวอย่างราบรื่น โดยมี ทิเหล็ง (ดนัย จารุจินดา) อดีตคนลากรถเป็นมือขวาจนกระทั่งทรงวาดได้มาพบกับเตียงจูโดยบังเอิญที่ศาลเจ้า ทรงวาดรู้จากทิเหล็งว่าเตียงจูต้องกลายเป็นเด็กเร่ร่อนอาศัยศาลเจ้านอนเพราะอาของตน จึงคิดจะไถ่โทษด้วยการเอาเตียงจูมาเลี้ยง ทรงวาดเลี้ยงเตียงจูอย่างเข้มงวด และพยายามให้เตียงจูเรียนหนังสือให้ได้สูงที่สุด เพื่อชดเชยที่ ป่วยซัง (รินรดา แก้วบัวสาย) น้องสาวแท้ๆ ของตนไม่ได้เรียนหนังสือ
เตียงจูพยายามหาโอกาสฆ่าลิ้มเม่งฮงเพื่อแก้แค้นให้ครอบครัว แต่ก็แพ้ความดีของทรงวาด เตียงจูซึ้งใจและเริ่มรู้สึกรักทรงวาดขึ้นมาแบบเงียบๆ โดยที่แม้แต่ตนเองก็ไม่รู้สึกตัว ทรงวาดดำเนินกิจการค้าข้าวไปและพยายามไม่ยุ่งเกี่ยวกับกิจการโรงน้ำชาและบ่อนของครอบครัว แต่ก็มักจะมีเหตุจำเป็นที่ดึงให้ทรงวาดต้องเข้าไปคอยช่วยเหลือเรื่อยมา ด้วยนิสัยคนจริงของตนจึงเป็นเหตุทำให้ทรงวาดได้รับการยอมรับนับถือจากเหล่านักเลงเป็นวงกว้าง และชื่อของทรงวาดหรือเถ้าแก่เสือ ก็ติดทำเนียบเจ้าพ่อเยาวราช แม้ว่าทรงวาดเองจะไม่ตั้งใจให้เป็นอย่างนี้ก็ตาม
ทรงวาดค้าขายข้าวจนร่ำรวยขึ้นมากพร้อมกับส่งเตียงจูเรียนจนสอบติดคณะแพทยศาสตร์ รวมทั้ง ก๊กไช้ (ธนลภย์ ปรีดามาโนช) น้องชายของทิเหล็งก็สอบติดคณะนิติศาสตร์เช่นกัน ก๊กไช้แอบหลงรักเตียงจูแต่ไม่กล้าแสดงออก ในขณะที่ทรงวาดเองก็มองทั้งสองคนเหมือนน้องมาตลอด แต่ยิ่งใกล้ชิดเตียงจูมากเท่าไหร่ ทรงวาดก็ยิ่งหวั่นไหวมากขึ้นโดยไม่รู้ตัว จนเป็นเหตุให้ทรงวาดปฏิเสธการแต่งงานกับ ไต้เกียว (มณีรัตน์ ศรีจรูญ) หลานสาวคนสวยของโอ๊วฮุ่ยเชี้ยง ทำให้โอ๊วฮุ่ยเชี้ยงอาฆาตทรงวาดมาตลอด
ทรงวาดยังต้องทำตามที่ชาญยุทธสั่งในหลายเรื่อง รวมทั้งต้องปกป้องน้องสาวและครอบครัวด้วย เลยถูกเพ่งเล็งจากทางตำรวจ โดยเฉพาะกลุ่มสี่คิง ซึ่งเป็นตำรวจที่คุมเยาวราช จักรวรรดิ พลับพลาไชยทั้งหมด โดยมี สิบตำรวจเอกรณชิต (จิตรภาณุ กลมแก้ว) เป็นไม้เบื่อไม้เมากับทรงวาดมาตลอด รณชิตเป็นตำรวจหนุ่มรูปหล่อ อนาคตไกล เลยทำให้สาวๆ ในเยาวราชหลายคนมองกันตาเป็นมัน รวมทั้ง ลี่เง็ก (ณัฐฐชาช์ บุญประชม) ลูกสาวของลิ้มเม่งฮงด้วย แต่รณชิตก็ไม่สนใจใคร เพราะผู้หญิงคนเดียวที่รณชิตมีใจด้วยกลับเป็นเตียงจูนั่นเอง
ทรงวาดต้องสู้กับอำนาจมืดของกลุ่มอิทธิพลทางการเมือง และทางธุรกิจเพื่อช่วยเหลือพี่ชายและพ่อบุญธรรมมาโดยตลอด และเรื่องหัวใจก็ต้องต่อสู้กับคู่แข่งที่ไม่ยอมอ่อนข้อให้เช่นกัน สุดท้ายทรงวาดชายหนุ่มผู้มีหัวใจที่แข็งแกร่งและมั่นคงแห่งเยาวราช จะผ่าฟันอุปสรรคในเส้นทางรักและเส้นทางรบไปได้อย่างไรเพื่อให้ได้เดินบนเส้นทางที่ตนต้องการจริงๆ เสียที