ละคร สายโลหิต
ดู 5,711 ครั้ง /
แชร์
ละครออกอากาศ | วันศุกร์ วันเสาร์ วันอาทิตย์ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
ช่องที่ออกอากาศ | ละครช่อง 7 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
เริ่มออกอากาศ | 22 กันยายน 2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
เวลาออกอากาศ | 20:15 - 22:45 น. |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
กำกับโดย | เพ็ญลักษณ์ อุดมสิน | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
ประพันธ์โดย | บทประพันธ์ โสภาค สุวรรณ, บทโทรทัศน์ ศัลยา สุขะนิวัตติ์ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
นำแสดงโดย | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
ผู้สร้าง | บริษัท ดาราวิดีโอ จำกัด |
ภาพนิ่งจากละคร
เรื่องย่อ สายโลหิต
ปีพุทธศักราช 2301 กรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานีที่เจริญรุ่งเรืองที่สุด ณ เวลานั้น มี 3 ครอบครัวที่คนในครอบครัวมีชีวิตเกี่ยวพันกันทั้งรักทั้งแค้น จนกลายเป็นศัตรูคู่อาฆาตกันจนวาระสุดท้ายของชีวิต ครอบครัว พระสุวรรณราชา (ศรุต วิจิตรานนท์) เป็นช่างทองหลวง มีบุตร 3 คน คือ หลวงเสนาสุรภาค หรือ พ่อเดือน (นนทพันธ์ ใจกันทา) ลำดวน (กวิตา จินดาวัฒน์) และ ดาวเรือง (ทิสานาฏ ศรศึก) ถูกเลี้ยงดูโดย ย่านิ่ม (ดวงดาว จารุจินดา) อีกครอบครัวคือ พระยาพิริยะแสนพลพ่าย (อธิวัฒน์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา) และ คุณหญิงศรีนวล (ขวัญฤดี กลมกล่อม) มีบุตร 3 คนเช่นกัน คือ หลวงเทพฤทธิ์อริศัตรูพ่าย (อนุวัฒน์ ชูเชิดรัตนา) แต่งงานกับลำดวน ขุนไกร (ศรัณย์ ศิริลักษณ์) และ แม่หญิงเยื้อน (ณัฐชา นวลแจ่ม)
ส่วนครอบครัวที่สามคือ พระยาวิชิตปรีชา (ขจรศักดิ์ รัตนนิสสัย) และคุณหญิงปริก (รชนีกร พันธุ์มณี) มีบุตรชายเพียงคนเดียวคือ หมื่นทิพเทศา (ชนะพล สัตยา) ที่ถูกรักและตามใจ ทำให้หมื่นทิพหยิ่งผยอง พยายามเกี่ยวดองกับครอบครัวของพระยาพิริยะแสนพลพ่าย ทำให้แม่หญิงเยื้อนตกหลุมรัก แม้ขุนไกรจะท้วงเพราะรู้เช่นเห็นชาติของหมื่นทิพว่าเป็นคนไม่ดี แต่แม่หญิงเยื้อนก็ไม่ฟัง ยืนยันจะแต่งงานกับหมื่นทิพให้ได้ คุณหญิงศรีนวลผู้เป็นแม่ก็สนับสนุนหมื่นทิพเต็มที่ ขุนไกรกับหมื่นทิพจึงเป็นไม้เบื่อไม้เมากัน ส่วนดาวเรืองผู้ถูกเลี้ยงดูไม่เหมือนเด็กหญิงในอยุธยา เพราะได้เรียนหนังสือ อ่านออกเขียนได้ งานบ้านงานเรือนก็ทำได้ดี รวมถึงการสืบทอดวิธีทำทองของครอบครัว นี่คือสาเหตุทำให้ดาวเรืองมีความมั่นใจในตัวเอง มีความอยากรู้อยากเห็น
ดาวเรืองมักจะหนีคุณย่าและ นางเยื้อน (อินทิรา เจริญปุระ) พี่เลี้ยง ไปเที่ยวตลาดกับ ยายชด (ณัฐมนต์ พันธุ์เพ็ง) แม่ครัวของบ้าน จนถูกหมื่นทิพขู่บังคับให้ดาวเรืองนำเพลงยาวไปส่งให้แม่หญิงเยื้อน ไม่อย่างนั้นจะเอาเรื่องหนีเที่ยวไปฟ้องคุณย่านิ่ม พอขุนไกรจับได้ดาวเรืองสารภาพทั้งน้ำตาว่าโดนหมื่นทิพบังคับ ขุนไกรเลยบุกบ้านหมื่นทิพท้าดวลดาบ และขู่ว่าอย่าให้ดาวเรืองเอาเพลงยาวไปส่งให้แม่หญิงเยื้อนอีก หมื่นทิพโกรธเนื้อเต้น บีบคั้นแม่ให้ไปสู่ขอแม่หญิงเยื้อนให้ได้ เมื่อคุณย่านิ่มรู้เรื่องจึงสั่งห้ามดาวเรืองออกไปเที่ยว ขุนไกรสงสารจึงอาสาคุณย่าพาดาวเรืองเที่ยว
เวลาผ่านไปดาวเรืองโตเป็นสาวสวย ทำให้หมื่นทิพมาเกะกะระรานเกี้ยวพาราสี ส่วนแม่หญิงเยื้อนก็ป่วยจนหมื่นทิพหมดรัก ทำให้แม่หญิงเยื้อนตรอมใจตาย เมื่อขุนไกรกลับมาจากราชการที่หัวเมือง ก็จำดาวเรืองไม่ได้เพราะโตเป็นสาว ความหลังระหว่างสองคนถูกรื้อฟื้น จนทั้งคู่ซาบซึ้งใจกันจนเกิดเป็นความรัก ขุนไกรให้แหวนแทนใจกับดาวเรืองก่อนกลับไปราชการอีกครั้ง ระหว่างนั้นคุณย่านิ่มผู้มีความรู้เรื่องโหราศาสตร์ เห็นดวงเมืองของกรุงศรีอยุธยาว่าถึงคราวพินาศด้วยน้ำมือข้าศึกแต่คุณย่าก็ไม่ได้ปริปากบอกใคร เรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อไป ติดตามชมได้ในละคร
ส่วนครอบครัวที่สามคือ พระยาวิชิตปรีชา (ขจรศักดิ์ รัตนนิสสัย) และคุณหญิงปริก (รชนีกร พันธุ์มณี) มีบุตรชายเพียงคนเดียวคือ หมื่นทิพเทศา (ชนะพล สัตยา) ที่ถูกรักและตามใจ ทำให้หมื่นทิพหยิ่งผยอง พยายามเกี่ยวดองกับครอบครัวของพระยาพิริยะแสนพลพ่าย ทำให้แม่หญิงเยื้อนตกหลุมรัก แม้ขุนไกรจะท้วงเพราะรู้เช่นเห็นชาติของหมื่นทิพว่าเป็นคนไม่ดี แต่แม่หญิงเยื้อนก็ไม่ฟัง ยืนยันจะแต่งงานกับหมื่นทิพให้ได้ คุณหญิงศรีนวลผู้เป็นแม่ก็สนับสนุนหมื่นทิพเต็มที่ ขุนไกรกับหมื่นทิพจึงเป็นไม้เบื่อไม้เมากัน ส่วนดาวเรืองผู้ถูกเลี้ยงดูไม่เหมือนเด็กหญิงในอยุธยา เพราะได้เรียนหนังสือ อ่านออกเขียนได้ งานบ้านงานเรือนก็ทำได้ดี รวมถึงการสืบทอดวิธีทำทองของครอบครัว นี่คือสาเหตุทำให้ดาวเรืองมีความมั่นใจในตัวเอง มีความอยากรู้อยากเห็น
ดาวเรืองมักจะหนีคุณย่าและ นางเยื้อน (อินทิรา เจริญปุระ) พี่เลี้ยง ไปเที่ยวตลาดกับ ยายชด (ณัฐมนต์ พันธุ์เพ็ง) แม่ครัวของบ้าน จนถูกหมื่นทิพขู่บังคับให้ดาวเรืองนำเพลงยาวไปส่งให้แม่หญิงเยื้อน ไม่อย่างนั้นจะเอาเรื่องหนีเที่ยวไปฟ้องคุณย่านิ่ม พอขุนไกรจับได้ดาวเรืองสารภาพทั้งน้ำตาว่าโดนหมื่นทิพบังคับ ขุนไกรเลยบุกบ้านหมื่นทิพท้าดวลดาบ และขู่ว่าอย่าให้ดาวเรืองเอาเพลงยาวไปส่งให้แม่หญิงเยื้อนอีก หมื่นทิพโกรธเนื้อเต้น บีบคั้นแม่ให้ไปสู่ขอแม่หญิงเยื้อนให้ได้ เมื่อคุณย่านิ่มรู้เรื่องจึงสั่งห้ามดาวเรืองออกไปเที่ยว ขุนไกรสงสารจึงอาสาคุณย่าพาดาวเรืองเที่ยว
เวลาผ่านไปดาวเรืองโตเป็นสาวสวย ทำให้หมื่นทิพมาเกะกะระรานเกี้ยวพาราสี ส่วนแม่หญิงเยื้อนก็ป่วยจนหมื่นทิพหมดรัก ทำให้แม่หญิงเยื้อนตรอมใจตาย เมื่อขุนไกรกลับมาจากราชการที่หัวเมือง ก็จำดาวเรืองไม่ได้เพราะโตเป็นสาว ความหลังระหว่างสองคนถูกรื้อฟื้น จนทั้งคู่ซาบซึ้งใจกันจนเกิดเป็นความรัก ขุนไกรให้แหวนแทนใจกับดาวเรืองก่อนกลับไปราชการอีกครั้ง ระหว่างนั้นคุณย่านิ่มผู้มีความรู้เรื่องโหราศาสตร์ เห็นดวงเมืองของกรุงศรีอยุธยาว่าถึงคราวพินาศด้วยน้ำมือข้าศึกแต่คุณย่าก็ไม่ได้ปริปากบอกใคร เรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อไป ติดตามชมได้ในละคร