ละคร สาปกระสือ
ดู 3,259 ครั้ง /
แชร์
ละครออกอากาศ | วันจันทร์ วันอังคาร วันพุธ วันพฤหัส | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
ช่องที่ออกอากาศ | ละครช่อง 8 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
เริ่มออกอากาศ | 24 กันยายน 2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
เวลาออกอากาศ | 18:35 - 19:35 น. |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
กำกับโดย | ภูมิภัทร สังวาลย์วรกุล | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
ประพันธ์โดย | อาณาจินต์ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
นำแสดงโดย | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
ผู้สร้าง | บริษัท เกียรติระพี จำกัด |
ภาพนิ่งจากละคร
เรื่องย่อ สาปกระสือ
นลิน (ชลิตา ส่วนเสน่ห์) หญิงสาวที่ทำงานอยู่กรมศิลปากรและ พนิช (ชานนท์ ทิพกนก) แฟนของนลินนำเงินไปเล่นการพนันจนเป็นหนี้ก้อนใหญ่ จึงหลอกใช้นลินขโมยวัตถุโบราณไปขาย เธอได้รับการติดต่อจาก ชลันตี (เพ็ญพักตร์ ศิริกุล) มาตามนลินกลับไปรับมรดกที่บ้านเกิดของแม่ ซึ่ง ยายเพียร (สาวิตรี สามิภักดิ์) กำลังป่วยหนัก นลินเข้าไปหายายเพียรตอนเช้าแต่พบว่ายายเพียรเสียชีวิตแล้ว นลินฝันประหลาดถึงหญิงคนหนึ่งที่กำลังร่ายรำอยู่ในสถานที่ลึกลับ และเริ่มรู้สึกตึงๆ รอบคอตลอดเวลา พฤติกรรมก็เริ่มเปลี่ยนไป ชอบใช้ชีวิตกลางคืนมากกว่ากลางวัน ตาสู้แสงไม่ได้ และยิ่งไปกว่านั้นคือเริ่มมีข่าวลือประหลาดๆ เกิดขึ้นว่ามีคนเห็นดวงไฟลอยวนไปมารอบๆ บริเวณที่นลินอาศัยอยู่ พอรุ่งเช้าก็จะพบคราบเลือดตามราวแขวนเสื้อหรือสถานที่ต่างๆ บ้างก็มีสัตว์ล้มตายในลักษณะที่ไส้หรือเครื่องในหายไป
ตฤณฤทธิ์ (กฤษฎา พรเวโรจน์) นักวิจัยหนุ่ม ผู้สนใจเกี่ยวกับกระสือ ลงพื้นที่เพื่อวิจัย และได้มาหาข้อมูลที่ทำงานของนลิน พบว่านลินมีอาการแปลกประหลาดบางอย่างที่ใกล้เคียงกับสิ่งที่เขากำลังวิจัย แต่ไม่คิดว่าเธอจะเกี่ยวข้องกับมัน นลินรู้ตัวว่ากลายเป็นทายาทกระสือไปแล้ว จนคืนหนึ่งนลินในร่างกระสือเกี่ยวถูกหนามพุทราที่ชาวบ้านปลูกไว้ ชาวบ้านพากันถืออาวุธออกมาจะทำร้าย แต่ตฤณฤทธิ์เห็นเข้าจึงรีบเข้าไปช่วยนลินไว้ได้ ตฤณฤทธิ์ตกใจมากในตอนแรกเมื่อรู้ว่าเธอคือกระสือจริงๆ แต่ต่อมาเขากลับเห็นใจอย่างบอกไม่ถูก ทำให้นลินเริ่มไว้ใจตฤณฤทธิ์และเปิดใจเล่าเรื่องต่างๆ ให้เขาฟัง
บุรัณย์ (พุทธิพงษ์ คล้ำจีนภาณุวงศ์) หาทางพิสูจน์ว่านลินเป็นกระสือ จึงแอบเอากล้องไปซ่อนไว้ในบ้าน และพบว่ามีคนในบ้านนี้ที่ถอดหัวกับไส้ออกได้จริงๆ จึงเอาคลิปวิดีโอนี้ไปออกข่าวทำให้มันเป็นเรื่องใหญ่โต นลินถูกตามล่าตัวจากคนในหมู่บ้าน ตฤณฤทธิ์จึงพานลินเข้าไปหาหลวงปู่คำ ซึ่งธุดงค์อยู่กลางป่า เพื่อหาวิธีที่จะทำให้เธอหลุดพ้นจากคำสาปนี้ได้ วิธีแรกคือต้องบำเพ็ญเพียรตลอดชีวิต ส่วนวิธีที่สอง หลวงปู่ไม่ยอมพูดถึง ระหว่างที่นลินบำเพ็ญเพียรอยู่ในป่านั้น ปัณรี (อธิชนัน ศรีเสวก) ก็สร้างเรื่องให้ชาวบ้านเข้าใจนลินผิดว่าที่หนีไปนั้นเป็นเพราะนลินได้ขโมยวัตถุโบราณที่พลเพิ่มเก็บไว้ไป แต่เพราะปัณรีเคยผูกกรรมร่วมกับนลินมาก่อนใน ปัณรีจึงได้กลายเป็นกระสือไปโดยไม่รู้ตัว และเริ่มมีชาวบ้านตายอย่างแปลกประหลาด ตฤณฤทธิ์คิดว่าเป็นฝีมือนลิน นลินปฏิเสธว่าไม่ใช่ฝีมือเธอ แต่ตฤณฤทธิ์ไม่เชื่อ ทั้งสองจึงทะเลาะกันใหญ่โต
นลินตัดสินใจออกเป็นกระสืออีกครั้งเพื่อสืบหาความจริง จนเจอปัณรีที่กำลังกินไส้ชายคนหนึ่งที่ถูกฆ่า ขณะที่ชาวบ้านและพวกของ พลเพิ่ม (นภัสกร มิตรธีรโรจน์) ตามมาเจอก็คิดว่านลินเป็นคนฆ่าชายคนนั้น แต่นลินหนีไปได้เสียก่อน และได้พบกับชลันตีจึงเล่าว่าที่นลินต้องอยู่ในสภาพนี้เพราะตระกูลของเธอถูกสาป เพราะกรรมที่นลินก่อขึ้นเองจากการขโมยสมบัติของแผ่นดิน ซึ่งในอดีตอาณาจักรเมืองโบราณ นลินคือ สาวิตราณี (ชลิตา ส่วนเสน่ห์) ที่เป็นนางรำและนางสนมของ เจ้าเมือง (นภัสกร มิตรธีรโรจน์) ซึ่งโปรดปรานเธอมาก แต่เธอมีคนรักอยู่แล้วคือ สิงหล (กฤษฎา พรเวโรจน์) องครักษ์ที่รับใช้ใกล้ชิด รุจิเทวี (อธิชนัน ศรีเสวก) ริษยาสาวิตราณีจึงนำเรื่องนี้ไปฟ้องเจ้าเมือง
สาวิตราณีไหวตัวทัน จึงขโมยสมบัติของเจ้าเมืองเพื่อเป็นทุน เจ้าเมืองตามจับได้ สาวิตราณีกลับถูกนำมาลงโทษประหารชีวิตอย่างทรมานต่อหน้าสิงหล พราหมณ์ทำพิธีเผาร่างสาวิตราณีด้วยไฟอาคม ไหม้จนเหลือหัวกับไส้ อีกทั้งวิญญาณยังถูกพราหมณ์ที่ทำพิธีสาปแช่ง โดยแกะสลักภาพของสาวิตราณีเป็นปีศาจที่มีแต่หัวกับไส้อยู่บนแท่นหินนั้น พร้อมกับสลักคำสาปเพื่อจองจำให้ลูกหลานหรือคนที่ผูกเวรผูกกรรมกับสาวิตราณีต้องอยู่อย่างทุกข์ทรมานเช่นนี้ไปชั่วกัปชั่วกัลป์ ตฤณฤทธิ์และนลินตัดสินใจเดินทางไปที่ปราสาทโบราณเพื่อแก้คำสาป แต่จะแก้ไขได้สำเร็จหรือไม่ คำสาปที่รอการหลุดพ้นจะจบลงอย่างไร ติดตามชมได้ในละคร
ตฤณฤทธิ์ (กฤษฎา พรเวโรจน์) นักวิจัยหนุ่ม ผู้สนใจเกี่ยวกับกระสือ ลงพื้นที่เพื่อวิจัย และได้มาหาข้อมูลที่ทำงานของนลิน พบว่านลินมีอาการแปลกประหลาดบางอย่างที่ใกล้เคียงกับสิ่งที่เขากำลังวิจัย แต่ไม่คิดว่าเธอจะเกี่ยวข้องกับมัน นลินรู้ตัวว่ากลายเป็นทายาทกระสือไปแล้ว จนคืนหนึ่งนลินในร่างกระสือเกี่ยวถูกหนามพุทราที่ชาวบ้านปลูกไว้ ชาวบ้านพากันถืออาวุธออกมาจะทำร้าย แต่ตฤณฤทธิ์เห็นเข้าจึงรีบเข้าไปช่วยนลินไว้ได้ ตฤณฤทธิ์ตกใจมากในตอนแรกเมื่อรู้ว่าเธอคือกระสือจริงๆ แต่ต่อมาเขากลับเห็นใจอย่างบอกไม่ถูก ทำให้นลินเริ่มไว้ใจตฤณฤทธิ์และเปิดใจเล่าเรื่องต่างๆ ให้เขาฟัง
บุรัณย์ (พุทธิพงษ์ คล้ำจีนภาณุวงศ์) หาทางพิสูจน์ว่านลินเป็นกระสือ จึงแอบเอากล้องไปซ่อนไว้ในบ้าน และพบว่ามีคนในบ้านนี้ที่ถอดหัวกับไส้ออกได้จริงๆ จึงเอาคลิปวิดีโอนี้ไปออกข่าวทำให้มันเป็นเรื่องใหญ่โต นลินถูกตามล่าตัวจากคนในหมู่บ้าน ตฤณฤทธิ์จึงพานลินเข้าไปหาหลวงปู่คำ ซึ่งธุดงค์อยู่กลางป่า เพื่อหาวิธีที่จะทำให้เธอหลุดพ้นจากคำสาปนี้ได้ วิธีแรกคือต้องบำเพ็ญเพียรตลอดชีวิต ส่วนวิธีที่สอง หลวงปู่ไม่ยอมพูดถึง ระหว่างที่นลินบำเพ็ญเพียรอยู่ในป่านั้น ปัณรี (อธิชนัน ศรีเสวก) ก็สร้างเรื่องให้ชาวบ้านเข้าใจนลินผิดว่าที่หนีไปนั้นเป็นเพราะนลินได้ขโมยวัตถุโบราณที่พลเพิ่มเก็บไว้ไป แต่เพราะปัณรีเคยผูกกรรมร่วมกับนลินมาก่อนใน ปัณรีจึงได้กลายเป็นกระสือไปโดยไม่รู้ตัว และเริ่มมีชาวบ้านตายอย่างแปลกประหลาด ตฤณฤทธิ์คิดว่าเป็นฝีมือนลิน นลินปฏิเสธว่าไม่ใช่ฝีมือเธอ แต่ตฤณฤทธิ์ไม่เชื่อ ทั้งสองจึงทะเลาะกันใหญ่โต
นลินตัดสินใจออกเป็นกระสืออีกครั้งเพื่อสืบหาความจริง จนเจอปัณรีที่กำลังกินไส้ชายคนหนึ่งที่ถูกฆ่า ขณะที่ชาวบ้านและพวกของ พลเพิ่ม (นภัสกร มิตรธีรโรจน์) ตามมาเจอก็คิดว่านลินเป็นคนฆ่าชายคนนั้น แต่นลินหนีไปได้เสียก่อน และได้พบกับชลันตีจึงเล่าว่าที่นลินต้องอยู่ในสภาพนี้เพราะตระกูลของเธอถูกสาป เพราะกรรมที่นลินก่อขึ้นเองจากการขโมยสมบัติของแผ่นดิน ซึ่งในอดีตอาณาจักรเมืองโบราณ นลินคือ สาวิตราณี (ชลิตา ส่วนเสน่ห์) ที่เป็นนางรำและนางสนมของ เจ้าเมือง (นภัสกร มิตรธีรโรจน์) ซึ่งโปรดปรานเธอมาก แต่เธอมีคนรักอยู่แล้วคือ สิงหล (กฤษฎา พรเวโรจน์) องครักษ์ที่รับใช้ใกล้ชิด รุจิเทวี (อธิชนัน ศรีเสวก) ริษยาสาวิตราณีจึงนำเรื่องนี้ไปฟ้องเจ้าเมือง
สาวิตราณีไหวตัวทัน จึงขโมยสมบัติของเจ้าเมืองเพื่อเป็นทุน เจ้าเมืองตามจับได้ สาวิตราณีกลับถูกนำมาลงโทษประหารชีวิตอย่างทรมานต่อหน้าสิงหล พราหมณ์ทำพิธีเผาร่างสาวิตราณีด้วยไฟอาคม ไหม้จนเหลือหัวกับไส้ อีกทั้งวิญญาณยังถูกพราหมณ์ที่ทำพิธีสาปแช่ง โดยแกะสลักภาพของสาวิตราณีเป็นปีศาจที่มีแต่หัวกับไส้อยู่บนแท่นหินนั้น พร้อมกับสลักคำสาปเพื่อจองจำให้ลูกหลานหรือคนที่ผูกเวรผูกกรรมกับสาวิตราณีต้องอยู่อย่างทุกข์ทรมานเช่นนี้ไปชั่วกัปชั่วกัลป์ ตฤณฤทธิ์และนลินตัดสินใจเดินทางไปที่ปราสาทโบราณเพื่อแก้คำสาป แต่จะแก้ไขได้สำเร็จหรือไม่ คำสาปที่รอการหลุดพ้นจะจบลงอย่างไร ติดตามชมได้ในละคร