ละคร อังกอร์
ดู 4,119 ครั้ง /
แชร์
ละครออกอากาศ | วันศุกร์ วันเสาร์ วันอาทิตย์ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
ช่องที่ออกอากาศ | ละครช่อง 3 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
เริ่มออกอากาศ | 24 สิงหาคม 2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
เวลาออกอากาศ | 20:15 - 22:45 น. |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
กำกับโดย | เฉิด ภักดีวิจิตร | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
ประพันธ์โดย | นอร์แมน วีรธรรม | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
นำแสดงโดย | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
ผู้สร้าง | บริษัท อาหลอง จูเนียร์ จำกัด |
ภาพนิ่งจากละคร
เรื่องย่อ อังกอร์
ป่าทึบใจกลางประเทศสาธารณรัฐบันตรันเจีย ปีพุทธศักราช 2497 นายพลมิน (วินัย ไกรบุตร) นำกลุ่มพรานและทหารคุ้มกันจำนวนมากเร่งฝีเท้าตามกลุ่มชาวบ้านอย่างเคร่งเครียด ทั้งหมดกำลังตามล่าเสือที่ไม่ใช่เสือธรรมดา แต่มันเป็นเสือที่อาฆาตและมีวิญญาณร้ายแฝงอยู่ เสียงเสือคำรามดังกึกก้อง เงาร่างของเสือขนาดใหญ่วิ่งวูบวาบอยู่ในป่า ทั้งหมดตามไปอย่างไม่ลดละ จนกระทั่งนายพลมินเผชิญหน้ากับมันสองต่อสอง ในมือของนายพลมินมีปืนล่าเสือที่บรรจุกระสุนเงิน ที่เชื่อว่าจะเป็นกระสุนอาคมที่สามารถฆ่าวิญญาณเสือร้ายได้ ทันทีที่นายพลมินเหนี่ยวไก กระสุนเกิดด้าน ทำให้นายพลมินต้องตัดสินใจใช้ปืนไรเฟิลคู่ใจยิงมัน เสือร้ายล้มลง แต่ก่อนที่มันจะสิ้นใจกลับมีแสงสีเขียวลอยออกจากร่างของเสือร้าย มันพุ่งไปด้วยความอาฆาตแค้น ณ บ้านพักของนายพลมิน ที่คุณหญิงผู้ซึ่งเป็นภรรยานายพลกำลังจะคลอดทารกน้อย ท่ามกลางเสียงโหยหวนด้วยความเจ็บปวดของคุณหญิงและเสียงฟ้าร้องคะนอง
ในที่สุดคุณหญิงก็คลอดทารกออกมาเป็นเพศหญิงชื่อว่า อังกอร์ (สุภาพร วงษ์ถ้วยทอง) วิญญาณร้ายพุ่งเข้าไปสิงสู่ร่างทารกอังกอร์ทันที เสียงเด็กร้องให้จ้า แม่นรินทร์กอดทารกอังกอร์ไว้แน่น เสียงฟ้าผ่าก้องท้องฟ้าแปรปรวน ดวงตาของทารกหญิงปรากฏเป็นประกายสีเขียวสะท้อนวูบ คุณหญิงผู้มีสัมผัสพิเศษรู้ดีว่าวิญญาณเสือร้ายเข้าสิงลูกสาวของตนเสียแล้ว คุณหญิงได้สั่งเสียและฝากลูกสาวของตนไว้กับแม่นรินทร์ ก่อนจะสิ้นใจลงในที่สุด นายพลมินและแม่นรินทร์ไม่มีใครรู้ว่าทำอย่างไร นอกจากคอยดูแลอังกอร์อย่างใกล้ชิด ถ้าถึงนาทีสุดท้ายที่วิญญาณเสือร้ายควบคุมอังกอร์ได้ นายพลมินจะสังหารเธอด้วยกระสุนเงินสุดท้ายที่ยังเหลืออยู่ทันที เพื่อไม่ให้เธอต้องรับกรรมทรมานไปตลอดชีวิต
24 ปีผ่านไป ณ กรุงสุรัตจันเตรียม เมืองหลวงของสาธารณรัฐบันตรัยเจีย งานเลี้ยงต้อนรับอังกอร์ถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ในคฤหาสน์หรูกลางกรุงสุรัตจันเตรียม เมืองหลวงของสาธารณรัฐบันตรัยเจีย และเนื่องด้วยวันนี้เป็นวันคล้ายวันเกิดของนายพลมินจึงมีการจัดงานอย่างสมเกียรติ ผู้คนต่างทยอยมาอวยพรรวมทั้ง นายพลเวียน (เล็ก ไอศูรย์) และ ผู้กองคำปัน (ณฐกร ไตรกิศยเวช) ในงานนี้นายพลมินถือโอกาสเปิดตัวอังกอร์ลูกสาวของเขาซึ่งบัดนี้อายุย่างยี่สิบห้าปีและเป็นนักเรียนแพทย์ปีสุดท้ายจากประเทศอังกฤษ
อังกอร์เติบโตมาภายใต้การดูแลของแม่นรินท์ซึ่งมีความรู้ทางสมุนไพรยาโบราณ พรํ่าสอนจนอังกอร์มีความสามารถในด้านนี้อยู่ในระดับที่สูงอย่างไม่น่าเชื่อ ตลอดเวลาข้างกายมี ผู้กองคอยที (อนุชิต สพันธุ์พงษ์) ลูกชายของแม่นรินท์ มีอายุยี่สิบแปดปี เติบโตมาพร้อมกับอังกอร์ เป็นเจ้าหน้าที่ประจำหน่วยภารกิจพิเศษของสุรัตจันเตรียม มือขวาคู่ใจของท่านนายพลมินและเป็นองครักษ์ผู้แกร่งกร้าวของอังกอร์ คอยทีเป็นผู้นำที่แม้ว่าจะเฉียบขาดแต่กลับมีความเมตตากรุณาทำให้ผู้อยู่ใต้บังคับบัญชาทุกคนรัก และพร้อมจะสละชีวิตต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับคอยที ทำให้ชื่อเสียงของหน่วยปฏิบัติการพิเศษเป็นที่น่าเกรงขาม
นายพลมินต้องการปกป้องลูกสาวจากวิญญาณร้ายและไม่ต้องการให้อังกอร์กลายเป็นเสือร้ายไปฆ่าใคร เขาจึงได้มอบความไว้วางใจคอยที โดยเล่าเรื่องราวของอังกอร์ให้ฟังอีกทั้งมอบกระสุนเงินไว้ให้เป็นหน้าที่ของคอยทีที่จะจัดการกับวิญญาณร้ายเมื่ออังกอร์ถูกวิญญาณร้ายควบคุมโดยสิ้นเชิง คำปันมองอังกอร์ตาไม่กระพริบ มันหลงใหลอังกอร์มานาน และให้นายพลเวียนผู้เป็นพ่อมาทาบทามอังกอร์กับนายพลมินแต่นายพลมินก็ปฏิเสธทุกครั้งไป เพราะรู้ว่าอังกอร์ลูกสาวตนไม่ได้สนใจคำปัน ทำให้นายพลเวียนกับคำปันแค้นเคืองอยู่ในใจ
การต่อสู้ของพวกฝ่ายทหารกบฏดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง และในที่สุดพวกกบฏ สามารถเข้ายึดกรุงสุรัตจันเตรียมได้ ไอ้คำปัน และ นายพลเวียนทรยศต่อรัฐบาลไปเข้ากับพวกกบฏ ด้วยความที่คำปันชื่นชมอังกอร์ มันจึงสั่งทุกหน่วยตามล่าอังกอร์อย่างไม่ลดละ คอยทีพาอังกอร์หนี แต่ก็ไม่สามารถรอดสายตาของพวกมันไปได้ และเมื่อเหตุการณ์คับขันคอยทีจึงให้อังกอร์แยกหนีไป จุดหมายคือค่ายอพยพชายแดนไทย ส่วนตัวเองจะล่อพวกทหารกบฏไปอีกทาง แล้วจะตามไปสมทบ แต่พวกมันมีจำนวนมาก คอยทีถูกพวกมันรุมล้อมจนเสียท่าและถูกจับตัวไป อังกอร์จึงต้องผจญภัยตามลำพัง มุ่งสู่ชายแดนไทย
ณ. ค่ายอพยพประเทศไทย ผู้กองกาญจน์ เดชะสิทธิ์ (อัชชา นามปาน) นายตำรวจหนุ่มฝีมือดีจากหน่วยสืบราชการลับ ได้รับมอบหมายจากกระทรวงกลาโหมให้มาประจำการที่ค่ายอพยพอย่างลับๆ เพื่อค้นหาอาวุธสงครามมูลค่าสองพันล้านบาท ของสหรัฐอเมริกาที่ส่งมาร่วมซ้อมรบกับไทย ในระหว่างเดินทางกลับ ขบวนของรถอาวุธทั้งหมดก็เกิดอุบัติเหตุตกเหว อาวุธทั้งหมดระเบิดเสียหายหมด แต่ภายหลังกลับมีร่องรอยของอาวุธเหล่านี้ปรากฏขึ้นแถวชายแดนบันตรันเจีย ทางการสหรัฐอเมริกาต้องการความจริงเรื่องนี้จากรัฐบาลไทย ผู้กองกาญจน์ต้องมาประจำที่นี่พร้อมกับลูกน้องคู่ใจทั้งสามคนคือ หมวดชยันต์ (ธนกฤต อยู่โต) หมวดภาวิไล (มาลินี โคทส์) และ หมวดเทอด (กานตพนธ์ บุญเสริม)
ผู้กองกาญจน์พบกับ หมวดฤทธิ์ (นภัสรัญชน์ มิตรธีรโรจน์) อดีตเจ้าหน้าที่ประจำค่ายอพยพชายแดนไทย ผู้ซึ่งมีอิทธิพลครอบคลุมค่ายอพยพ เพราะมีพ่อคือ กำนันหิน (โกวิท วัฒนกุล) ซึ่งเป็นนักเลงผู้มีอิทธิพลในจังหวัดนั้น โดยได้รับการสนับสนุนจาก ผอ. อาจณรงค์ (จิราวัฒน์ วชิรศรัณย์ภัทร) ผู้อำนวยการซึ่งมีหน้าที่ดูแลค่ายอพยพ ทำให้การทำงานของผู้กองกาญจน์มีอุปสรรค แต่โชคดีที่ยังมีเจ้าหน้าที่น้ำดีคอยช่วยเหลือนั่นคือ จ่าเข้ม (ชาติชาย งามสรรพ์) และ หมวดชาติ (วริษฐ์ ทิพโกมุท) รวมทั้ง ครูกิ่ง (พัชรวลัย พงษ์ภมร) ลูกสาวจ่าเข้มผู้มากฝีมือร่วมมือด้วย อังกอร์เดินทางระหกระเหินหนีพวกกบฏมากับพวกอพยพชาวสุรัตจันเตรียม ความสวยของอังกอร์เหมือนมีอำนาจมืดดึงดูดผู้คนให้ต้องการเธอ
ในที่สุดเธอก็ถูกพวกกะเหรี่ยงคะหยิ่นจับไปและได้ไปรู้เห็นหมวดฤทธิ์ทำการสังหารและฆาตกรรมเจ้าหน้าที่หลายคน เพื่อปิดปากที่ตนเองร่วมมือกับคะหยิ่น ค้าขายอาวุธสงครามของอเมริกาที่หายไป และหนึ่งในจำนวนนั้นมีลูกน้องทั้งสามคนของผู้กองกาญจน์อยู่ด้วยลูกน้องทั้งสามคนพยายามปกป้องอังกอร์ แต่ในที่สุดก็ถูกหมวดฤทธิ์ฆ่าตาย หมวดชยันต์ได้มอบสร้อยพระให้กับอังกอร์ก่อนที่จะสิ้นใจ หมวดฤทธิ์สั่งลูกน้องตามล่าอังกอร์แต่อังกอร์หนีรอดพ้นไปได้ อังกอร์หนีมาถึงค่ายอพยพ แม้ว่าจะได้พบกับผู้กองกาญจน์ แต่เธอไม่รู้ว่าเจ้าหน้าที่คนไหนเป็นเจ้าหน้าที่ดี อังกอร์จึงเงียบไม่ปริปากพูดกับใคร
ด้านผู้กองกาญจน์เมื่อได้พบหน้าอังกอร์ก็รู้สึกตรึงใจอย่างประหลาดเพราะความลึกลับมีเสน่ห์ และความสวยของอังกอร์ ทำให้เธอถูกพวก ไอ้เมฆ นักเลงประจำถิ่น จับไปเพื่อนำไปขายพร้อมกับสาวชาวอพยพอีกหลายสิบคน บังเอิญไอ้เมฆ น้องชายของหมวดฤทธิ์เกิดหลงใหลอังกอร์จึงใช้กำลังเข้าปลุกปลํ้า อังกอร์สู้อย่างสุดฤทธิ์จึงถูกไอ้เมฆทำร้ายอย่างรุนแรง และหลังจากนั้นเหตุการณ์ทุกอย่างก็มืดลง วันรุ่งขึ้นผู้กองกาญจน์ได้รับแจ้งถึงเหตุการณ์เรื่องที่มีเจ้าหน้าที่และคนตายหลายคนในป่านอกค่าย เมื่อสอบสวนก็พบว่าทุกคนถูกเสือขนาดใหญ่ทำร้ายเสียชีวิตหมด ยกเว้นร่องรอยที่ส่อให้เห็นว่ามีผู้หญิงคนหนึ่งอาจจะหนีรอดไปได้
กำนันหินผู้เป็นพ่อของ เมฆ (ศิระ รัตนโภคาสถิต) เกิดความแค้นใจที่ลูกชายคนเล็กถูกเสือฆ่าตายจึงได้พา พรานหม่อง (จรินทร์ พรหมรังสี) พรานล่าเสือชาวพม่ามาถึงสถานที่ หลังจากตรวจดูเหตุการณ์ก็บอกทุกคนว่าเสือที่ทำร้ายคนตายไม่ใช่เป็นเสือธรรมดาแต่เป็นเสือที่มีวิญญาณร้ายสิงอยู่แต่ก็ไม่มีใครเชื่อจริงจัง แม้ว่าผู้กองกาญจน์จะไม่เชื่อเรื่องเสือสมิงแต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งนี้ทำให้เขาพบหลักฐานว่ามีการจับเอาสาวอพยพไปขายซึ่งก็มีหลักฐานพาดพิงมาถึงหมวดฤทธิ์ และถ้าสามารถนำพยานมายืนยันได้ งานนี้หมวดฤทธิ์ต้องดิ้นไม่หลุดแน่ ผู้กองกาญจน์กลับมาที่พักพบอังกอร์ในสภาพบอบช้ำและจำได้ว่าอังกอร์เป็นชาวอพยพที่เคยพบ จึงนำอังกอร์มารักษาตัวที่ห้องพยาบาลของค่าย เพื่อที่จะทำการสอบสวนหาหลักฐานเอาผิดกับเจ้าหน้าที่เลวที่อยู่เบื้องหลัง
หมวดฤทธิ์เข้ามาดูอังกอร์หลังจากรู้ว่าผู้กองกาญจน์ได้ตัวพยานมาแล้วแต่เนื่องด้วยใบหน้าที่บอบชํ้าทำให้หมวดฤทธิ์จำไม่ได้ อีกทั้งอังกอร์ยังแกล้งทำเป็นช็อคบ้าใบ้พูดไม่ได้เสียสติทำให้หมวดฤทธิ์ไม่ติดใจเพราะคิดว่าสภาพแบบนี้ไปเป็นพยานไม่ได้แน่ สร้อยพระที่หมวดคู่ใจของผู้กองกาญจน์ให้อังกอร์ไว้ก่อนตาย ก็โยงใยจนทำให้ผู้กองกาญจน์รู้ความจริงอย่างแน่ชัดว่าหมวดฤทธิ์คือผู้ที่อยู่เบื้องหลังการค้าอาวุธ และฆ่าเจ้าหน้าที่รวมทั้งลูกน้องทั้งสามของตน ทำให้ผู้กองตระหนักว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ใหญ่เกินกำลังตน และจากในสภาวะที่อังกอร์ยังให้การไม่ได้ อีกทั้งอังกอร์เป็นแค่ชาวอพยพ เรื่องจะต้องถูกเบี่ยงเบนจนฟังไม่ขึ้น ที่ร้ายที่สุดอังกอร์ต้องถูกฆ่าปิดปากอย่างแน่นอน เขาจึงตัดสินใจพาอังกอร์หนีออกจากค่าย เพื่อจะส่งกลับไปยังประเทศเกิด โดยมีหมวดชาติและครูกิ่งเป็นเพื่อนร่วมทางในครั้งนี้ด้วย
ผอ.อาจณรงค์สั่งให้กำนันหิน และหมวดฤทธิ์ จัดการกับพยานให้ได้ ถ้าเรื่องอาวุธสงครามไปถึงผู้ใหญ่ระดับสูง นั่นหมายถึงตำแหน่งและชีวิตของตนคอยที หนีพวกกบฏมาได้ แล้วมาเดินทางที่ค่ายอพยพ จึงรู้เรื่องราวจากจ่าเข้มว่าอังกอร์อยู่ภายใต้การคุ้มครองของผู้กองกาญจน์มุ่งสู่สุรัตจันเตรียมแล้ว คอยทีจึงรีบแกะรอยตามไป ผู้กองกาญจน์พาอังกอร์หนี โดยมีกำนันหิน หมวดฤทธิ์ ไล่ล่าอย่างไม่ลดละ จนฝ่ายผู้กองกาญจน์จนมุม ติดอยู่ใน แก่งนรก เหตุการณ์กำลังขับขัน ทันใดนั้นคอยทีก็เอาแพมาช่วย แล้วพาทั้งหมดหนีลงแก่งนรกไป แก่งนรกมีกระแสน้ำเชี่ยวดุจนรก ในที่สุดแพแตก หมวดฤทธิ์เข้าใจว่าทุกคนตายหมดจึงหันมาสนใจการค้าอาวุธของตนโดยนำเอาอาวุธสงครามมาขายให้กับไอ้คำปัน
ทางฝั่งค่ายอพยพชายแดน ขบวนรถฮัมวี่นำด้วยรถติดอาวุธเดินทางมา ผอ.อาจณรงค์และตำรวจตระเวนชายแดนตั้งขบวนต้อนรับ พันเอกหญิง มาเรีย โจเซฟิน หรือ ผิง (มิเชล เบอร์แมนน์) หน่วยสืบราชการลับจากรัฐบาลฝรั่งเศส ผิงดักพบจ่าเข้มบนถนนเปลี่ยว และขอให้จ่าเข้มช่วยเหลือตนด้วยความลับ หลังจากแพแตก อังกอร์กับทุกคนรอดมาได้ และรีบเดินทางไปจุดหมายระหว่างนั้นได้พบรอยรถบรรทุกขนาดใหญ่ผ่านเข้าไปในหุบเขาลึกลับ ผู้กองกาญจน์ได้ตามรอยเข้าไปจนพบรถอาวุธสงครามที่หมวดฤทธิ์เอามาขายให้คำปันและสามารถใช้เป็นหลักฐานมัดตัวหมวดฤทธิ์อย่างดิ้นไม่หลุด ผู้กองกาญจน์ กับ คอยที บุกเข้าไปทำลายรถขนอาวุธ แต่เหตุการณ์เกิดพลิกผัน เกิดการปะทะกัน ขณะที่ผู้กองกาญจน์ทิ้งตัวออกจากรถ แต่คอยทีเห็นว่ารถยังไม่ได้รัศมีของหน้าผา เขาจึงพยายามประคองรถให้ถึงขอบหน้าผาและทิ้งตัวออกไปพร้อมกับรถขนอาวุธ ผู้กองกาญจน์กลับมารายงานกับทุกคน ทำให้อังกอร์เสียใจจนสลบไป
ระหว่างทางไปขึ้นรถไฟที่สถานีมาบตะแบก ผู้กองกาญจน์ได้ปะทะกับพวกหมวดฤทธิ์ จังหวะหนึ่งหมวดฤทธิ์เล็งปืนมาที่อังกอร์ผู้กองกาญจน์เข้ามาขวางกระสุนไว้ จึงทำให้ผู้กองได้รับบาดเจ็บเสียเลือดไปมาก ทันใดนั้นคอยทีโผล่มาช่วยพวกผู้กองอย่างทันท่วงที อังกอร์ดีใจสุดกลั้น คอยทีเล่าให้ทุกคนฟังว่าทำไมตนรอดมาได้ คอยทีพาทุกคนมาหาที่หลบซ่อนเพื่อทำการผ่าตัด อังกอร์เป็นคนผ่าตัดให้ผู้กองกาญจน์ ทำให้ผู้กองและทุกคนรู้ว่าอังกอร์เป็นนักเรียนแพทย์ปีสุดท้ายและยังมีความรู้เกี่ยวกับสมุนไพรและการรักษาแบบโบราณที่เรียนรู้มาจากแม่นรินท์อีกด้วย ความใกล้ชิดในครั้งนี้ทำให้ผู้กองกาญจน์และอังกอร์มีความรู้สึกผูกพันกันและเริ่มมีความในใจต่อกันซึ่งก็ไม่รอดพ้นจากการสังเกตของคอยทีที่แอบชอบอังกอร์มานานแสนนาน ผู้กองกาญจน์ก็สังเกตได้เช่นกันว่าอังกอร์และคอยทีมีความสัมพันธ์ต่อกันเป็นพิเศษ จึงพยายามถอนตัวออกมา
คอยทีสังเกตว่าอังกอร์รักผู้กองกาญจน์อย่างจริงใจ เขาจึงตัดสินใจเล่าให้ผู้กองกาญจน์ฟังว่าอังกอร์มีวิญญาณของเสือร้ายสิงสู่อยู่ ไม่สามารถจะรักกับใครได้ เพราะเมื่อไรก็ตามที่มีความสัมพันธ์กัน อังกอร์จะต้องกลายร่างเป็นเสือทำร้ายคนไม่เว้นแม้กระทั่งคนรักของตนเอง แม้กระนั้นอังกอร์ก็ยังยินดีขอเพียงแต่ได้รักผู้กองทำให้คอยทีเสียใจและพูดในเชิงว่านึกไม่ถึงว่าอังกอร์จะรักผู้กองทั้งที่พบกันไม่นาน มีความหมายว่าอังกอร์ใจเร็ว อังกอร์ตบหน้าคอยทีด้วยความโกรธบวกด้วยความผิดหวัง แล้ววิ่งหนีไปท้องฟ้าเกิดแปรปรวนลมพัดแรงจนคอยทีตามไม่ทัน ทั้งนี้เป็นเพราะเมื่อใดที่อังกอร์เจ็บปวดหรือขาดสติ ร่างกายและจิตใจจะอ่อนแอ เปิดทางให้วิญญาณเสือร้ายที่สิงสู่มีหนทางออกมา จนกว่าอังกอร์จะมีสติและจิตใจที่แข็งแกร่งอีกครั้ง ถึงจะควบคุมวิญญาณร้ายไว้ได้และทุกครั้งที่วิญญาณร้ายจะปรากฏ ดินฟ้าอากาศจะวิปริตแปรปรวนเนื่องจากอำนาจร้ายของมัน
ในที่สุดคอยทีก็ตามมาพบอังกอร์ อังกอร์ขอโทษคอยทีและรู้ว่าที่คอยทีเฝ้าคุ้มครองเธอด้วยชีวิตมาตลอดนั้นที่แท้แล้วเพราะคอยทีรักเธอนั่นเอง อังกอร์กอดคอยทีด้วยความสงสารจับใจ แต่ว่าหัวใจเธออยู่กับผู้กองเสียแล้ว ในขณะที่ทั้งสองอยู่ในอ้อมกอดของกันและกัน อย่างไม่คาดคิดกำนันหินและหมวดฤทธิ์ก็ปรากฏตัวล้อมทั้งสองเอาไว้ คอยทีไม่กลัวต่อสู้กับพวกกำนันหิน แต่ในที่สุดคอยทีก็พลาดท่าเสียที ถูกหมวดฤทธิ์ยิงเข้าข้างหลัง และก่อนที่คอยทีจะล้มลงเขาได้ยินเสียงแว่วของแม่นรินท์ที่สั่งว่าให้ดูแลน้องให้ดี ดวงตาเศร้าคอยทีสลดที่ไม่สามารถ คุ้มครองอังกอร์ให้พ้นภัยได้
ผู้กองกาญจน์ตามมาเห็นเหตุการณ์พอดี อังกอร์เห็นคอยทีถูกยิง เกิดความโกรธถึงขีดสุด กรีดร้องอย่างขาดสติ ทำให้วิญญาณร้ายครอบงำท้องฟ้าแปรปรวนร่างกลายเป็นเสืออย่างฉับพลัน พวกหมวดฤทธิ์ถึงกับขวัญกระเจิง อังกอร์ฆ่าพวกหมวดฤทธิ์ตาย และท้ายสุดก็ตบกำนันหิน จนหัวหลุดตายอย่างน่าอนาถ พรานหม่องพาหมวดฤทธิ์หนีไปได้ หมวดฤทธิ์แค้นใจสาบานว่าจะต้องฆ่าอังกอร์ไม่ว่าจะต้องตามไปถึงนรกหรือสวรรค์ ผู้กองกาญจน์เห็นอังกอร์กลายร่างเป็นเสือฆ่าคนตายอย่างโหดร้ายถึงกับอึ้งและแทบไม่เชื่อในสายตาเขารีบไปดูคอยที ซึ่งยังคงมีลมหายใจสุดท้ายเหลืออยู่ คอยทีฝากให้ผู้กองดูแลอังกอร์ต่อจากเขา และมอบกระสุนเงินพร้อมปืนเพื่อทำลายวิญญาณร้าย ถ้าไม่สามารถจะช่วยอังกอร์ให้หลุดพ้นได้ ผู้กองกาญจน์รับปากคอยทีและในที่สุดคอยทีก็ขาดใจตาย
ในป่าลึก ณ ค่ายผู้กองคำปัน ผิงแทรกตัวเข้ามาทำทีว่าเป็นพวกสายลับรุ่นกระจอก ทำพวกคำปันเกิดการปั่นป่วน จนต้องย้ายค่ายหนีไป ผิงได้พบกับพวกผู้กองกาญจน์ แนะนำให้ผู้กองกาญจน์กับอังกอร์แยกไปอีกทางหนึ่ง ในที่สุดทั้งหมดก็ตกลงแยกทางกันไป ผู้กองกาญจน์กับอังกอร์เดินทางไปด้วยกัน คืนหนึ่งอังกอร์สะดุ้งตื่นก็พบกับดวงไฟสีเหลืองลอยอยู่ในระยะไกลจึงลุกตามไป ผู้กองกาญจน์ จึงตามด้วย เมื่อเข้าไปใกล้ก็พบว่าดวงไฟสีเหลืองดวงนั้นก็คือพระภิกษุที่มาปักกลดธุดงค์รูปหนึ่งนั่นเอง พระภิกษุบอกว่าอังกอร์มีบาป มีวิญญาณร้ายสิงสู่ จึงเล่าเรื่องกริชเงินในตำนานของนางปทุมเทวีให้ฟัง
ครั้งหนึ่งนางปทุมเทวีถูกภูตร้ายจับไว้และข่มขู่ท้าวแสนชัยพระสวามีให้จำนน ด้วยความรักนางปทุมเทวีจึงใช้กริชเงินที่พระสวามีให้ไว้ฆ่าตัวตายเพื่อช่วยพระสวามีจนพระสวามีสามารถเอาชัยศัตรูได้ หลังจากนั้นท้าวแสนชัยฝังร่างของนางปทุมเทวีไว้ในถ้ำน้ำตกและปักกริชเงินไว้ เพื่อไม่ให้ภูตร้ายมารบกวนวิญญาณของนาง จึงเป็นที่มาของกริชเงินในตำนานว่าเป็นกริชแห่งความรักสามารถทำลายวิญญาณร้ายได้ แต่ทั้งหมดก็ต้องขึ้นอยู่กับโชคชะตาและความรักที่เสียสละ ผู้กองกาญจน์และอังกอร์รู้สึกมีความหวังขึ้นมา จึงตัดสินใจเสี่ยงเดินทางไปตามที่พระภิกษุบอกในขณะที่เดินทางอยู่ก็ได้พบชาวป่าผู้หนึ่งกำลังสู้กับไอ้ดอกขาวเสือดำที่เกรี้ยวกราดคร่าชีวิตชาวบ้าน อังกอร์จึงเข้าไปช่วย เสือดำสัมผัสถึงวิญญาณร้ายในร่างของอังกอร์จึงหนีไป ทั้งหมดจึงพาชาวป่าไปส่งที่บ้านจึงรู้ว่าชื่อ ผา (นริศสันต์ โลกวิทย์)
ผาเป็นน้องชายหัวหน้าหมู่บ้านซึ่งเป็นพรานหนุ่มผู้รอบรู้และมากวิชาชื่อ พรานผาด (กัญจน์ ภักดีวิจิตร) เขาต้องการตอบแทนที่อังกอร์ช่วยชีวิตผาน้องชายของตน จึงสัญญาว่าจะพาทั้งสองไปถ้ำน้ำตก ทำให้ผู้กองกาญจน์กับอังกอร์ตื่นเต้นดีใจ และมีความหวัง อาม้งเป็นหมอผีของหมู่บ้าน รู้ว่าอังกอร์มีวิญญาณร้ายและรู้ว่าการที่จะให้กริชเงินปรากฏนั้นต้องใช้เลือดจากหัวใจของวิญญาณร้าย มันจึงหาทางจะจับอังกอร์และเอาตัวไปถ้ำน้ำตก ซึ่งมันคิดว่านอกจากกริชเงินแล้ว น่าจะยังมีสมบัติอื่นๆอยู่อีกมากมาย หมวดฤทธิ์ตามมาถึงที่หมู่บ้านของผา เกิดการต่อสู้กันขึ้น พรานผาดต้านพวกหมวดฤทธิ์ไว้ ผาพาผู้กองและอังกอร์หนีไปได้ ส่วนอาม้งได้โอกาสยอมเป็นพวกกับหมวดฤทธิ์ อาสาพาหมวดฤทธิ์ตามพวกผู้กองกาญจน์และอังกอร์
ผาพาผู้กองกาญจน์ อังกอร์และทุกคนไปหาแม่แก่ซึ่งเคยอยู่ในหมู่บ้านแต่แยกออกมาอยู่สันโดษถือศีลธรรมโดยมี พังพอน หลานสาวน่าตาน่ารัก เป็นผู้ดูแล ผามาเพื่อขอคำปรึกษาในการเดินทางไปถ้ำน้ำตกเพราะตนเองเคยได้ยินแต่พรานผาดเล่าให้ฟังเท่านั้น ระหว่างทางพบพังพอนซึ่งออกมาหาของป่า ทั้งหมดจึงเดินทางมาหาแม่แก่ อาม้งพาพวกมาดักซุ่มอยู่แล้วจับทุกคนไว้แต่ผาหนีไปได้ความจริงคือพวกอาม้งมาถึงก่อนแล้วจับแม่แก่เป็นตัวประกันให้พังพอนไปล่อพวกผู้กองกาญจน์กับอังกอร์เข้ามา
ผาหนีไปได้และหาทางกลับมาที่จะช่วยทุกคน ระหว่างหนีผาได้พลัดตกลงจากเนินสูงและสลบไป กลางดึกวิญญาณของคอยทีเรียกผาให้ลืมตาขึ้น ผาได้พบกับคอยทีและไม่รู้ว่าคอยทีเป็นใครผาขอความช่วยเหลือจากคอยที คอยทีบอกว่าตนจะช่วย คอยทีจึงเข้าสิงร่างของผา ลอบบุกเข้าไปช่วยทุกคนออกมาได้ และฆ่าอาม้งตาย พอทุกคนหนีออกมาได้ ผาก็หมดสติ พอรู้ตัวก็จำความอะไรไม่ได้เพียงแต่เล่าว่าได้พบคอยที ทำให้ทุกคนเข้าใจว่าเป็นวิญญาณของคอยทีนั่นเองที่มาช่วยไว้ อังกอร์รู้สึกตื้นตันและซาบซึ้ง
ผารีบพาพวกผู้กองกาญจน์กลับไปหาแม่แก่ เพื่อพาแม่แก่หนีไปให้พ้นจากการคุกคามของหมวดฤทธิ์ แต่ไม่ทันเสียแล้วเพราะเมื่อไปถึงก็พบว่าแม่แก่ถูกทำร้ายอาการสาหัส ผาพยายามถามเรื่องกริชเงินและถ้ำน้ำตก แม่แก่บอกว่ามีจริงและได้เตือนทุกคนว่า กำลังจะเดินทางเข้าไปสู่ดินแดนที่ไม่คาดฝัน มีแต่ความดีงามความเสียสละและความไม่โลภเท่านั้นที่ทำให้ทุกคนรอดชีวิต การเดินทางไปถ้ำน้ำตกจะต้องผ่านจุดสำคัญหลายจุดด้วยกันคือ เกาะบาป หุบเขากินคน นรกดำ สุสานป่าเย็น สุสานดำ และหุบเขาหลับ เป็นด่านสุดท้าย จากนั้นก็แล้วแต่บุญวาสนาแล้วก็สิ้นใจไป ผ่านเวลาการเดินทางมา ผู้กองกาญจน์หนักใจที่ไม่พบกริชเงิน และวันครบรอบยี่สิบห้าปี ของอังกอร์ก็คือพรุ่งนี้ พรุ่งนี้คือวันสุดท้ายที่จะต้องหากริชเงินให้พบมิฉะนั้นแล้วผู้กองกาญจน์จะต้องฆ่าอังกอร์ด้วยกระสุนเงินที่คอยทีมอบให้ไว้
เช้าวันรุ่งขึ้น ขณะที่ผู้กองกาญจน์จะออกเดินทางไปถ้ำน้ำตก พวกชาวบ้านก็มารายงานว่ามีคนกลุ่มหนึ่งกำลังมุ่งหน้ามาทางนี้ มันเป็นพวกหมวดฤทธิ์นั่นเอง หัวหน้าให้ผู้กองกาญจน์และทุกคนหนีไป ตนและพวกชาวป่าจะตั้งรับเอง หมวดชาติอาสาจะอยู่ต้านหมวดฤทธิ์ช่วยอีกแรง ให้ผู้กองกาญจน์กับอังกอร์ไปก่อนเพื่อค้นหากริชเงินให้ได้ ผู้กองกาญจน์กับอังกอร์เดินทางไปถึงถ้ำน้ำตก ก็รีบเร่งเข้าไปในถ้ำเพื่อค้นหากริชเงิน แต่ก็ไม่พบ ผู้กองกาญจน์กับอังกอร์ตัดสินใจปีนขึ้นทะลุออกไปทางด้านบนเมื่อมองลงมาก็พบหมวดฤทธิ์อยู่ด้านล่างกับพวกชาวป่า ซึ่งถูกพวกมันคุมตัวอยู่รวมทั้งพวกหมวดชาติด้วย
ผู้กองกาญจน์บอกให้อังกอร์หลบอยู่ข้างบนส่วนตัวเองแอบปีนลงมายังพวกหมวดฤทธิ์ ขณะที่พวกมันไม่รู้ตัวผู้กองกาญจน์ก็จู่โจม จังหวะเดียวกันกับผากับพังพอนมาทันเวลาพอดี ในที่สุดผู้กองก็คุมสถานะการไว้ได้ แต่แล้วก็ต้องผิดหวัง เมื่อหมวดฤทธิ์จับเก่ง ลูกชายหัวหน้าหมู่บ้านชาวป่าไว้เป็นตัวประกัน ทุกคนต้องยอมจำนนอีก ผาและพังพอนต้องออกมาจากที่ซ่อนถูกพวกมันควบคุมอีก หมวดฤทธิ์ตะโกนเรียกให้อังกอร์ปรากฏตัวก่อนที่มันจะฆ่าผู้กองกาญจน์ อังกอร์ไม่ยอมออกมามันจึงยิงผู้กองกาญจน์เข้าที่ขาอย่างจัง ผู้กองกาญจน์ถึงกับทรุดลง อังกอร์ซุ่มมองอยู่บนยอดน้ำตก ตัดสินใจไม่ถูกเพราะผู้กองสั่งไว้ ว่าตราบใดที่หมวดฤทธิ์มันยังไม่ได้ตัวอังกอร์ทุกคนจะปลอดภัย
ทางเบื้องล่างหมวดฤทธิ์เดินเข้าหาผู้กองกาญจน์แล้วเตะผลักเข้าเต็มแรง ผู้กองถึงกับคว่ำกลิ้งไป สร้อยกระสุนเงินที่ห้อยคออยู่ ขาดหลุดตกลงมาที่พื้น ผู้กองพยายามตะเกียกตะกายไปหยิบ แต่หมวดฤทธิ์ก้าวเข้ามาแล้วคว้าไปเสียก่อน มันตรวจดูอย่างพิจารณาเห็นว่าเป็นกระสุนเงิน พรานหม่องบอกว่าเป็นกระสุนฆ่าวิญญาณร้ายเพื่อที่อังกอร์จะตายอย่างไม่ทรมานและไม่ตกเป็นทาสของวิญญาณร้ายต่อไป หมวดฤทธิ์หัวเราะแล้ว ทิ้งกระสุนเงินลงแก่งน้ำตกไป มันต้องการให้อังกอร์ตายอย่างทรมาน
หมวดฤทธิ์มันหันไปทางเก่งแล้วอุ้มเก่งขึ้นมาพลางร้องตะโกนบอกอังกอร์ว่าถ้าไม่ยอมมอบตัวมันจะทุ่มเก่งลงน้ำตกที่ไหลเชี่ยวอยู่เบื้องล่าง ด้วยความเป็นห่วงเก่ง อังกอร์ตัดสินใจกระโดดลงสู่หน้าผาเบื้องล่าง
หมวดฤทธิ์คว้าปืนจากลูกน้องมันยิงกราดใส่ร่างของอังกอร์ที่ลอยอยู่กลางอากาศ กระสุนถูกอังกอร์อย่างจัง อังกอร์กรีดร้องด้วยความเจ็บปวดร่างร่วงสู่น้ำตกเบื้องล่าง หมวดฤทธิ์วิ่งข้ามแก่งหินไปดูตรงที่อังกอร์ตกลงไป ครู่หนึ่งสีน้ำก็แดงฉานขึ้นมา หมวดฤทธิ์หัวเราะด้วยความสะใจแล้วสั่งลูกน้องของมันลงมาให้ยิงสาดกระสุนใส่พื้นน้ำอย่างไม่ยั้ง
ทันใดนั้นร่างของเสือลายพาดกลอนขนาดใหญ่ก็พุ่งขึ้นมาจากน้ำตก แล้วกระโดดเข้าใส่หมวดฤทธิ์ที่ยืนหัวเราะอยู่อย่างรวดเร็วแล้วใช้อุ้งมือหนาใหญ่ตบอย่างแรงร่างของมันขาดเป็นสองท่อน ลอยกระเด็นขึ้นไปในอากาศ เสือร้ายกระโจนเข้าใส่พวกมันที่ยืนตะลึงอยู่แล้วตบพวกมันจนกระจัดกระจายแล้วพุ่งฝ่าสายน้ำเข้าไปในถ้ำน้ำตก พวกที่เหลือได้แต่ตกตะลึงและถูกพวกชาวป่าจับกุมตัวไว้ได้ เสียงเสือร้ายคำรามก้องสะท้อนออกมา ผู้กองกาญจน์ขยับตัวลุกขึ้นอย่างยากเย็นหัวใจหดหู่ กระสุนเงินถูกหมวดฤทธิ์ทิ้งไปแล้ว ถ้าไม่พบกริชเงินอังกอร์จะต้องทรมานไปตลอดชีวิต
พรานหม่องส่งปืนโบราณให้พร้อมกับยื่นมือมาข้างหน้า ในมือมีกระสุนเงินอยู่หนึ่งนัดเป็นของพรานหม่องที่เตรียมมาฆ่าอังกอร์นั่นเอง ผู้กองกาญจน์รับมาอย่างปิติแล้วรีบตามรอยของเสือร้ายเข้าไปในถ้ำอย่างทุลักทุเล ได้ยินเสียงคำรามก้องมาเป็นระยะสุดท้ายก็เผชิญหน้ากัน ทันใดนั้นร่างของเสือร้ายก็ค่อยๆกลับกลายเป็นร่างของอังกอร์ ผู้กองกาญจน์จะวิ่งเข้าไปหา แต่อังกอร์ห้ามไว้ บอกผู้กองกาญจน์ว่าเวลาเหลือไม่มากแล้ว ขอให้ผู้กองกาญจน์สังหารตนด้วยกระสุนเงินได้แล้วก่อนที่จะสายเกินไป ผู้กองกาญจน์มองร่างของอังกอร์เป็นครั้งสุดท้ายร่างของอังกอร์เต็มไปด้วยเลือดจากกระสุนปืนของพวกหมวดฤทธิ์ผู้กองกาญจน์ยกปืนขึ้นเล็งตรงหัวใจ แล้วเหนี่ยวไก สายตาของอังกอร์มองผู้กองกาญจน์อย่างเว้าวอนด้วยความรักอย่างเต็มหัวใจ เธอกำลังจะกลายเป็นเสือที่เต็มไปด้วยความชั่วร้ายตลอดไป
ผู้กองกาญจน์น้ำตาคลอด้วยความอาลัย เขาไม่สามารถช่วยคนที่เขารักได้ ทั้งสองกำลังจะแยกกันและอยู่กันในคนละภพ พลันร่างของอังกอร์ทรุดลงกับพื้น .เลือดจากทรวงอกไหลรินลงสู่พื้น ทันทีที่เลือดของอังกอร์หยดถึงพื้น แผ่นดินก็แตกเป็นทางวิ่งไปชนผนังถ้ำแตกออกเป็นช่องกว้างผนังถ้ำส่วนหนึ่งพังทลายลงมา แสงสีนวลจ้าปรากฏขึ้นแก่สายตา ปรากฏเป็นแอ่งถ้ำที่มีกริชเงินฝังอยู่ด้านในส่องสว่างเป็นรัศมีเรืองรอง ด้านในเป็นร่างสวยงามของนางปทุมเทวีนอนสงบนิ่งอยู่
ผู้กองกาญจน์ก้มลงอธิษฐานด้วยความรักและความเสียสละที่มีต่ออังกอร์ ผู้กองกาญจน์คว้ากริชเงินแน่นไว้ในอุ้งมือ ผู้กองหันมาทางอังกอร์ ซึ่งบัดนี้กำลังจะกลายร่างเป็นเสือเพราะเวลาของเธอใกล้จะหมดลงแล้ว ผู้กองกาญจน์ปราดเข้าไปหา แต่แล้วผืนดินก็สั่นสะเทือนพื้นดินตรงระหว่างอังกอร์กับผู้กองกาญจน์แยกออกจากกัน ผู้กองกาญจน์เสียหลักตกลงไปในรอยแยก แรงกระแทกทำให้กริชเงินหลุดจากมือ ทันทีที่กริชเงินตกถึงพื้นแผ่นดินก็แยกเป็นแนวอยู่แล้วก็แตกแยกพุ่งเข้าหากริชเงินประหนึ่งเป็นการต่อสู้ครั้งสุดท้ายของวิญญาณเสือร้ายที่จะทำลายกริชเงิน
ผู้กองกาญจน์รีบดีดตัวเข้าคว้ากริชเงินไว้ได้ก่อนที่มันจะตกลงไปในรอยแยก พอตั้งหลักได้ก็กระโดดข้ามไปหาอังกอร์ พลางยกกริชขึ้นสูง แล้วแทงกริชเงินลงที่หัวใจของอังกอร์ เสียงอังกอร์ร้องโหยหวนและกลายเป็นเสียงคำราม ควันสีเขียวพุ่งออกจากทรวงอกหมุนวนกลายเป็นใบหน้าของเสือร้ายร้องคำรามอย่างน่ากลัว และโหยหวน แสงสีเขียวหมุนเคว้งเป็นลมพายุแรง ในที่สุดก็แตกกระจายเสียงดังจนถ้ำสั่นสะเทือนพุ่งขึ้นไปยังช่องด้านบนแล้วหายวับไป กริชเงินพุ่งฝ่าม่านกำแพงกลับไปปักที่เดิม ผู้กองกาญจน์กอดร่างอังกอร์แน่นคิดว่าอังกอร์ตายแล้ว แต่แล้วก็รู้สึกถึงการเคลื่อนไหวอังกอร์ลืมตาขึ้นมา ทั้งสองกอดกันแน่นด้วยความรัก เสียงครืนๆ ผนังถ้ำที่ทลายลงมากลับรวมตัวกันเป็นอย่างเดิม ไม่มีร่องรอยของกริชเงินอีกต่อไป ทุกคนที่อยู่ทางด้านนอก ต่างรอคอยด้วยความเป็นห่วง แต่แล้วทุกคนก็กระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจเมื่อเห็นผู้กองกาญจน์อุ้มร่างของอังกอร์เดินออกมาจากถ้ำน้ำตก
ในที่สุดคุณหญิงก็คลอดทารกออกมาเป็นเพศหญิงชื่อว่า อังกอร์ (สุภาพร วงษ์ถ้วยทอง) วิญญาณร้ายพุ่งเข้าไปสิงสู่ร่างทารกอังกอร์ทันที เสียงเด็กร้องให้จ้า แม่นรินทร์กอดทารกอังกอร์ไว้แน่น เสียงฟ้าผ่าก้องท้องฟ้าแปรปรวน ดวงตาของทารกหญิงปรากฏเป็นประกายสีเขียวสะท้อนวูบ คุณหญิงผู้มีสัมผัสพิเศษรู้ดีว่าวิญญาณเสือร้ายเข้าสิงลูกสาวของตนเสียแล้ว คุณหญิงได้สั่งเสียและฝากลูกสาวของตนไว้กับแม่นรินทร์ ก่อนจะสิ้นใจลงในที่สุด นายพลมินและแม่นรินทร์ไม่มีใครรู้ว่าทำอย่างไร นอกจากคอยดูแลอังกอร์อย่างใกล้ชิด ถ้าถึงนาทีสุดท้ายที่วิญญาณเสือร้ายควบคุมอังกอร์ได้ นายพลมินจะสังหารเธอด้วยกระสุนเงินสุดท้ายที่ยังเหลืออยู่ทันที เพื่อไม่ให้เธอต้องรับกรรมทรมานไปตลอดชีวิต
24 ปีผ่านไป ณ กรุงสุรัตจันเตรียม เมืองหลวงของสาธารณรัฐบันตรัยเจีย งานเลี้ยงต้อนรับอังกอร์ถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ในคฤหาสน์หรูกลางกรุงสุรัตจันเตรียม เมืองหลวงของสาธารณรัฐบันตรัยเจีย และเนื่องด้วยวันนี้เป็นวันคล้ายวันเกิดของนายพลมินจึงมีการจัดงานอย่างสมเกียรติ ผู้คนต่างทยอยมาอวยพรรวมทั้ง นายพลเวียน (เล็ก ไอศูรย์) และ ผู้กองคำปัน (ณฐกร ไตรกิศยเวช) ในงานนี้นายพลมินถือโอกาสเปิดตัวอังกอร์ลูกสาวของเขาซึ่งบัดนี้อายุย่างยี่สิบห้าปีและเป็นนักเรียนแพทย์ปีสุดท้ายจากประเทศอังกฤษ
อังกอร์เติบโตมาภายใต้การดูแลของแม่นรินท์ซึ่งมีความรู้ทางสมุนไพรยาโบราณ พรํ่าสอนจนอังกอร์มีความสามารถในด้านนี้อยู่ในระดับที่สูงอย่างไม่น่าเชื่อ ตลอดเวลาข้างกายมี ผู้กองคอยที (อนุชิต สพันธุ์พงษ์) ลูกชายของแม่นรินท์ มีอายุยี่สิบแปดปี เติบโตมาพร้อมกับอังกอร์ เป็นเจ้าหน้าที่ประจำหน่วยภารกิจพิเศษของสุรัตจันเตรียม มือขวาคู่ใจของท่านนายพลมินและเป็นองครักษ์ผู้แกร่งกร้าวของอังกอร์ คอยทีเป็นผู้นำที่แม้ว่าจะเฉียบขาดแต่กลับมีความเมตตากรุณาทำให้ผู้อยู่ใต้บังคับบัญชาทุกคนรัก และพร้อมจะสละชีวิตต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับคอยที ทำให้ชื่อเสียงของหน่วยปฏิบัติการพิเศษเป็นที่น่าเกรงขาม
นายพลมินต้องการปกป้องลูกสาวจากวิญญาณร้ายและไม่ต้องการให้อังกอร์กลายเป็นเสือร้ายไปฆ่าใคร เขาจึงได้มอบความไว้วางใจคอยที โดยเล่าเรื่องราวของอังกอร์ให้ฟังอีกทั้งมอบกระสุนเงินไว้ให้เป็นหน้าที่ของคอยทีที่จะจัดการกับวิญญาณร้ายเมื่ออังกอร์ถูกวิญญาณร้ายควบคุมโดยสิ้นเชิง คำปันมองอังกอร์ตาไม่กระพริบ มันหลงใหลอังกอร์มานาน และให้นายพลเวียนผู้เป็นพ่อมาทาบทามอังกอร์กับนายพลมินแต่นายพลมินก็ปฏิเสธทุกครั้งไป เพราะรู้ว่าอังกอร์ลูกสาวตนไม่ได้สนใจคำปัน ทำให้นายพลเวียนกับคำปันแค้นเคืองอยู่ในใจ
การต่อสู้ของพวกฝ่ายทหารกบฏดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง และในที่สุดพวกกบฏ สามารถเข้ายึดกรุงสุรัตจันเตรียมได้ ไอ้คำปัน และ นายพลเวียนทรยศต่อรัฐบาลไปเข้ากับพวกกบฏ ด้วยความที่คำปันชื่นชมอังกอร์ มันจึงสั่งทุกหน่วยตามล่าอังกอร์อย่างไม่ลดละ คอยทีพาอังกอร์หนี แต่ก็ไม่สามารถรอดสายตาของพวกมันไปได้ และเมื่อเหตุการณ์คับขันคอยทีจึงให้อังกอร์แยกหนีไป จุดหมายคือค่ายอพยพชายแดนไทย ส่วนตัวเองจะล่อพวกทหารกบฏไปอีกทาง แล้วจะตามไปสมทบ แต่พวกมันมีจำนวนมาก คอยทีถูกพวกมันรุมล้อมจนเสียท่าและถูกจับตัวไป อังกอร์จึงต้องผจญภัยตามลำพัง มุ่งสู่ชายแดนไทย
ณ. ค่ายอพยพประเทศไทย ผู้กองกาญจน์ เดชะสิทธิ์ (อัชชา นามปาน) นายตำรวจหนุ่มฝีมือดีจากหน่วยสืบราชการลับ ได้รับมอบหมายจากกระทรวงกลาโหมให้มาประจำการที่ค่ายอพยพอย่างลับๆ เพื่อค้นหาอาวุธสงครามมูลค่าสองพันล้านบาท ของสหรัฐอเมริกาที่ส่งมาร่วมซ้อมรบกับไทย ในระหว่างเดินทางกลับ ขบวนของรถอาวุธทั้งหมดก็เกิดอุบัติเหตุตกเหว อาวุธทั้งหมดระเบิดเสียหายหมด แต่ภายหลังกลับมีร่องรอยของอาวุธเหล่านี้ปรากฏขึ้นแถวชายแดนบันตรันเจีย ทางการสหรัฐอเมริกาต้องการความจริงเรื่องนี้จากรัฐบาลไทย ผู้กองกาญจน์ต้องมาประจำที่นี่พร้อมกับลูกน้องคู่ใจทั้งสามคนคือ หมวดชยันต์ (ธนกฤต อยู่โต) หมวดภาวิไล (มาลินี โคทส์) และ หมวดเทอด (กานตพนธ์ บุญเสริม)
ผู้กองกาญจน์พบกับ หมวดฤทธิ์ (นภัสรัญชน์ มิตรธีรโรจน์) อดีตเจ้าหน้าที่ประจำค่ายอพยพชายแดนไทย ผู้ซึ่งมีอิทธิพลครอบคลุมค่ายอพยพ เพราะมีพ่อคือ กำนันหิน (โกวิท วัฒนกุล) ซึ่งเป็นนักเลงผู้มีอิทธิพลในจังหวัดนั้น โดยได้รับการสนับสนุนจาก ผอ. อาจณรงค์ (จิราวัฒน์ วชิรศรัณย์ภัทร) ผู้อำนวยการซึ่งมีหน้าที่ดูแลค่ายอพยพ ทำให้การทำงานของผู้กองกาญจน์มีอุปสรรค แต่โชคดีที่ยังมีเจ้าหน้าที่น้ำดีคอยช่วยเหลือนั่นคือ จ่าเข้ม (ชาติชาย งามสรรพ์) และ หมวดชาติ (วริษฐ์ ทิพโกมุท) รวมทั้ง ครูกิ่ง (พัชรวลัย พงษ์ภมร) ลูกสาวจ่าเข้มผู้มากฝีมือร่วมมือด้วย อังกอร์เดินทางระหกระเหินหนีพวกกบฏมากับพวกอพยพชาวสุรัตจันเตรียม ความสวยของอังกอร์เหมือนมีอำนาจมืดดึงดูดผู้คนให้ต้องการเธอ
ในที่สุดเธอก็ถูกพวกกะเหรี่ยงคะหยิ่นจับไปและได้ไปรู้เห็นหมวดฤทธิ์ทำการสังหารและฆาตกรรมเจ้าหน้าที่หลายคน เพื่อปิดปากที่ตนเองร่วมมือกับคะหยิ่น ค้าขายอาวุธสงครามของอเมริกาที่หายไป และหนึ่งในจำนวนนั้นมีลูกน้องทั้งสามคนของผู้กองกาญจน์อยู่ด้วยลูกน้องทั้งสามคนพยายามปกป้องอังกอร์ แต่ในที่สุดก็ถูกหมวดฤทธิ์ฆ่าตาย หมวดชยันต์ได้มอบสร้อยพระให้กับอังกอร์ก่อนที่จะสิ้นใจ หมวดฤทธิ์สั่งลูกน้องตามล่าอังกอร์แต่อังกอร์หนีรอดพ้นไปได้ อังกอร์หนีมาถึงค่ายอพยพ แม้ว่าจะได้พบกับผู้กองกาญจน์ แต่เธอไม่รู้ว่าเจ้าหน้าที่คนไหนเป็นเจ้าหน้าที่ดี อังกอร์จึงเงียบไม่ปริปากพูดกับใคร
ด้านผู้กองกาญจน์เมื่อได้พบหน้าอังกอร์ก็รู้สึกตรึงใจอย่างประหลาดเพราะความลึกลับมีเสน่ห์ และความสวยของอังกอร์ ทำให้เธอถูกพวก ไอ้เมฆ นักเลงประจำถิ่น จับไปเพื่อนำไปขายพร้อมกับสาวชาวอพยพอีกหลายสิบคน บังเอิญไอ้เมฆ น้องชายของหมวดฤทธิ์เกิดหลงใหลอังกอร์จึงใช้กำลังเข้าปลุกปลํ้า อังกอร์สู้อย่างสุดฤทธิ์จึงถูกไอ้เมฆทำร้ายอย่างรุนแรง และหลังจากนั้นเหตุการณ์ทุกอย่างก็มืดลง วันรุ่งขึ้นผู้กองกาญจน์ได้รับแจ้งถึงเหตุการณ์เรื่องที่มีเจ้าหน้าที่และคนตายหลายคนในป่านอกค่าย เมื่อสอบสวนก็พบว่าทุกคนถูกเสือขนาดใหญ่ทำร้ายเสียชีวิตหมด ยกเว้นร่องรอยที่ส่อให้เห็นว่ามีผู้หญิงคนหนึ่งอาจจะหนีรอดไปได้
กำนันหินผู้เป็นพ่อของ เมฆ (ศิระ รัตนโภคาสถิต) เกิดความแค้นใจที่ลูกชายคนเล็กถูกเสือฆ่าตายจึงได้พา พรานหม่อง (จรินทร์ พรหมรังสี) พรานล่าเสือชาวพม่ามาถึงสถานที่ หลังจากตรวจดูเหตุการณ์ก็บอกทุกคนว่าเสือที่ทำร้ายคนตายไม่ใช่เป็นเสือธรรมดาแต่เป็นเสือที่มีวิญญาณร้ายสิงอยู่แต่ก็ไม่มีใครเชื่อจริงจัง แม้ว่าผู้กองกาญจน์จะไม่เชื่อเรื่องเสือสมิงแต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งนี้ทำให้เขาพบหลักฐานว่ามีการจับเอาสาวอพยพไปขายซึ่งก็มีหลักฐานพาดพิงมาถึงหมวดฤทธิ์ และถ้าสามารถนำพยานมายืนยันได้ งานนี้หมวดฤทธิ์ต้องดิ้นไม่หลุดแน่ ผู้กองกาญจน์กลับมาที่พักพบอังกอร์ในสภาพบอบช้ำและจำได้ว่าอังกอร์เป็นชาวอพยพที่เคยพบ จึงนำอังกอร์มารักษาตัวที่ห้องพยาบาลของค่าย เพื่อที่จะทำการสอบสวนหาหลักฐานเอาผิดกับเจ้าหน้าที่เลวที่อยู่เบื้องหลัง
หมวดฤทธิ์เข้ามาดูอังกอร์หลังจากรู้ว่าผู้กองกาญจน์ได้ตัวพยานมาแล้วแต่เนื่องด้วยใบหน้าที่บอบชํ้าทำให้หมวดฤทธิ์จำไม่ได้ อีกทั้งอังกอร์ยังแกล้งทำเป็นช็อคบ้าใบ้พูดไม่ได้เสียสติทำให้หมวดฤทธิ์ไม่ติดใจเพราะคิดว่าสภาพแบบนี้ไปเป็นพยานไม่ได้แน่ สร้อยพระที่หมวดคู่ใจของผู้กองกาญจน์ให้อังกอร์ไว้ก่อนตาย ก็โยงใยจนทำให้ผู้กองกาญจน์รู้ความจริงอย่างแน่ชัดว่าหมวดฤทธิ์คือผู้ที่อยู่เบื้องหลังการค้าอาวุธ และฆ่าเจ้าหน้าที่รวมทั้งลูกน้องทั้งสามของตน ทำให้ผู้กองตระหนักว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ใหญ่เกินกำลังตน และจากในสภาวะที่อังกอร์ยังให้การไม่ได้ อีกทั้งอังกอร์เป็นแค่ชาวอพยพ เรื่องจะต้องถูกเบี่ยงเบนจนฟังไม่ขึ้น ที่ร้ายที่สุดอังกอร์ต้องถูกฆ่าปิดปากอย่างแน่นอน เขาจึงตัดสินใจพาอังกอร์หนีออกจากค่าย เพื่อจะส่งกลับไปยังประเทศเกิด โดยมีหมวดชาติและครูกิ่งเป็นเพื่อนร่วมทางในครั้งนี้ด้วย
ผอ.อาจณรงค์สั่งให้กำนันหิน และหมวดฤทธิ์ จัดการกับพยานให้ได้ ถ้าเรื่องอาวุธสงครามไปถึงผู้ใหญ่ระดับสูง นั่นหมายถึงตำแหน่งและชีวิตของตนคอยที หนีพวกกบฏมาได้ แล้วมาเดินทางที่ค่ายอพยพ จึงรู้เรื่องราวจากจ่าเข้มว่าอังกอร์อยู่ภายใต้การคุ้มครองของผู้กองกาญจน์มุ่งสู่สุรัตจันเตรียมแล้ว คอยทีจึงรีบแกะรอยตามไป ผู้กองกาญจน์พาอังกอร์หนี โดยมีกำนันหิน หมวดฤทธิ์ ไล่ล่าอย่างไม่ลดละ จนฝ่ายผู้กองกาญจน์จนมุม ติดอยู่ใน แก่งนรก เหตุการณ์กำลังขับขัน ทันใดนั้นคอยทีก็เอาแพมาช่วย แล้วพาทั้งหมดหนีลงแก่งนรกไป แก่งนรกมีกระแสน้ำเชี่ยวดุจนรก ในที่สุดแพแตก หมวดฤทธิ์เข้าใจว่าทุกคนตายหมดจึงหันมาสนใจการค้าอาวุธของตนโดยนำเอาอาวุธสงครามมาขายให้กับไอ้คำปัน
ทางฝั่งค่ายอพยพชายแดน ขบวนรถฮัมวี่นำด้วยรถติดอาวุธเดินทางมา ผอ.อาจณรงค์และตำรวจตระเวนชายแดนตั้งขบวนต้อนรับ พันเอกหญิง มาเรีย โจเซฟิน หรือ ผิง (มิเชล เบอร์แมนน์) หน่วยสืบราชการลับจากรัฐบาลฝรั่งเศส ผิงดักพบจ่าเข้มบนถนนเปลี่ยว และขอให้จ่าเข้มช่วยเหลือตนด้วยความลับ หลังจากแพแตก อังกอร์กับทุกคนรอดมาได้ และรีบเดินทางไปจุดหมายระหว่างนั้นได้พบรอยรถบรรทุกขนาดใหญ่ผ่านเข้าไปในหุบเขาลึกลับ ผู้กองกาญจน์ได้ตามรอยเข้าไปจนพบรถอาวุธสงครามที่หมวดฤทธิ์เอามาขายให้คำปันและสามารถใช้เป็นหลักฐานมัดตัวหมวดฤทธิ์อย่างดิ้นไม่หลุด ผู้กองกาญจน์ กับ คอยที บุกเข้าไปทำลายรถขนอาวุธ แต่เหตุการณ์เกิดพลิกผัน เกิดการปะทะกัน ขณะที่ผู้กองกาญจน์ทิ้งตัวออกจากรถ แต่คอยทีเห็นว่ารถยังไม่ได้รัศมีของหน้าผา เขาจึงพยายามประคองรถให้ถึงขอบหน้าผาและทิ้งตัวออกไปพร้อมกับรถขนอาวุธ ผู้กองกาญจน์กลับมารายงานกับทุกคน ทำให้อังกอร์เสียใจจนสลบไป
ระหว่างทางไปขึ้นรถไฟที่สถานีมาบตะแบก ผู้กองกาญจน์ได้ปะทะกับพวกหมวดฤทธิ์ จังหวะหนึ่งหมวดฤทธิ์เล็งปืนมาที่อังกอร์ผู้กองกาญจน์เข้ามาขวางกระสุนไว้ จึงทำให้ผู้กองได้รับบาดเจ็บเสียเลือดไปมาก ทันใดนั้นคอยทีโผล่มาช่วยพวกผู้กองอย่างทันท่วงที อังกอร์ดีใจสุดกลั้น คอยทีเล่าให้ทุกคนฟังว่าทำไมตนรอดมาได้ คอยทีพาทุกคนมาหาที่หลบซ่อนเพื่อทำการผ่าตัด อังกอร์เป็นคนผ่าตัดให้ผู้กองกาญจน์ ทำให้ผู้กองและทุกคนรู้ว่าอังกอร์เป็นนักเรียนแพทย์ปีสุดท้ายและยังมีความรู้เกี่ยวกับสมุนไพรและการรักษาแบบโบราณที่เรียนรู้มาจากแม่นรินท์อีกด้วย ความใกล้ชิดในครั้งนี้ทำให้ผู้กองกาญจน์และอังกอร์มีความรู้สึกผูกพันกันและเริ่มมีความในใจต่อกันซึ่งก็ไม่รอดพ้นจากการสังเกตของคอยทีที่แอบชอบอังกอร์มานานแสนนาน ผู้กองกาญจน์ก็สังเกตได้เช่นกันว่าอังกอร์และคอยทีมีความสัมพันธ์ต่อกันเป็นพิเศษ จึงพยายามถอนตัวออกมา
คอยทีสังเกตว่าอังกอร์รักผู้กองกาญจน์อย่างจริงใจ เขาจึงตัดสินใจเล่าให้ผู้กองกาญจน์ฟังว่าอังกอร์มีวิญญาณของเสือร้ายสิงสู่อยู่ ไม่สามารถจะรักกับใครได้ เพราะเมื่อไรก็ตามที่มีความสัมพันธ์กัน อังกอร์จะต้องกลายร่างเป็นเสือทำร้ายคนไม่เว้นแม้กระทั่งคนรักของตนเอง แม้กระนั้นอังกอร์ก็ยังยินดีขอเพียงแต่ได้รักผู้กองทำให้คอยทีเสียใจและพูดในเชิงว่านึกไม่ถึงว่าอังกอร์จะรักผู้กองทั้งที่พบกันไม่นาน มีความหมายว่าอังกอร์ใจเร็ว อังกอร์ตบหน้าคอยทีด้วยความโกรธบวกด้วยความผิดหวัง แล้ววิ่งหนีไปท้องฟ้าเกิดแปรปรวนลมพัดแรงจนคอยทีตามไม่ทัน ทั้งนี้เป็นเพราะเมื่อใดที่อังกอร์เจ็บปวดหรือขาดสติ ร่างกายและจิตใจจะอ่อนแอ เปิดทางให้วิญญาณเสือร้ายที่สิงสู่มีหนทางออกมา จนกว่าอังกอร์จะมีสติและจิตใจที่แข็งแกร่งอีกครั้ง ถึงจะควบคุมวิญญาณร้ายไว้ได้และทุกครั้งที่วิญญาณร้ายจะปรากฏ ดินฟ้าอากาศจะวิปริตแปรปรวนเนื่องจากอำนาจร้ายของมัน
ในที่สุดคอยทีก็ตามมาพบอังกอร์ อังกอร์ขอโทษคอยทีและรู้ว่าที่คอยทีเฝ้าคุ้มครองเธอด้วยชีวิตมาตลอดนั้นที่แท้แล้วเพราะคอยทีรักเธอนั่นเอง อังกอร์กอดคอยทีด้วยความสงสารจับใจ แต่ว่าหัวใจเธออยู่กับผู้กองเสียแล้ว ในขณะที่ทั้งสองอยู่ในอ้อมกอดของกันและกัน อย่างไม่คาดคิดกำนันหินและหมวดฤทธิ์ก็ปรากฏตัวล้อมทั้งสองเอาไว้ คอยทีไม่กลัวต่อสู้กับพวกกำนันหิน แต่ในที่สุดคอยทีก็พลาดท่าเสียที ถูกหมวดฤทธิ์ยิงเข้าข้างหลัง และก่อนที่คอยทีจะล้มลงเขาได้ยินเสียงแว่วของแม่นรินท์ที่สั่งว่าให้ดูแลน้องให้ดี ดวงตาเศร้าคอยทีสลดที่ไม่สามารถ คุ้มครองอังกอร์ให้พ้นภัยได้
ผู้กองกาญจน์ตามมาเห็นเหตุการณ์พอดี อังกอร์เห็นคอยทีถูกยิง เกิดความโกรธถึงขีดสุด กรีดร้องอย่างขาดสติ ทำให้วิญญาณร้ายครอบงำท้องฟ้าแปรปรวนร่างกลายเป็นเสืออย่างฉับพลัน พวกหมวดฤทธิ์ถึงกับขวัญกระเจิง อังกอร์ฆ่าพวกหมวดฤทธิ์ตาย และท้ายสุดก็ตบกำนันหิน จนหัวหลุดตายอย่างน่าอนาถ พรานหม่องพาหมวดฤทธิ์หนีไปได้ หมวดฤทธิ์แค้นใจสาบานว่าจะต้องฆ่าอังกอร์ไม่ว่าจะต้องตามไปถึงนรกหรือสวรรค์ ผู้กองกาญจน์เห็นอังกอร์กลายร่างเป็นเสือฆ่าคนตายอย่างโหดร้ายถึงกับอึ้งและแทบไม่เชื่อในสายตาเขารีบไปดูคอยที ซึ่งยังคงมีลมหายใจสุดท้ายเหลืออยู่ คอยทีฝากให้ผู้กองดูแลอังกอร์ต่อจากเขา และมอบกระสุนเงินพร้อมปืนเพื่อทำลายวิญญาณร้าย ถ้าไม่สามารถจะช่วยอังกอร์ให้หลุดพ้นได้ ผู้กองกาญจน์รับปากคอยทีและในที่สุดคอยทีก็ขาดใจตาย
ในป่าลึก ณ ค่ายผู้กองคำปัน ผิงแทรกตัวเข้ามาทำทีว่าเป็นพวกสายลับรุ่นกระจอก ทำพวกคำปันเกิดการปั่นป่วน จนต้องย้ายค่ายหนีไป ผิงได้พบกับพวกผู้กองกาญจน์ แนะนำให้ผู้กองกาญจน์กับอังกอร์แยกไปอีกทางหนึ่ง ในที่สุดทั้งหมดก็ตกลงแยกทางกันไป ผู้กองกาญจน์กับอังกอร์เดินทางไปด้วยกัน คืนหนึ่งอังกอร์สะดุ้งตื่นก็พบกับดวงไฟสีเหลืองลอยอยู่ในระยะไกลจึงลุกตามไป ผู้กองกาญจน์ จึงตามด้วย เมื่อเข้าไปใกล้ก็พบว่าดวงไฟสีเหลืองดวงนั้นก็คือพระภิกษุที่มาปักกลดธุดงค์รูปหนึ่งนั่นเอง พระภิกษุบอกว่าอังกอร์มีบาป มีวิญญาณร้ายสิงสู่ จึงเล่าเรื่องกริชเงินในตำนานของนางปทุมเทวีให้ฟัง
ครั้งหนึ่งนางปทุมเทวีถูกภูตร้ายจับไว้และข่มขู่ท้าวแสนชัยพระสวามีให้จำนน ด้วยความรักนางปทุมเทวีจึงใช้กริชเงินที่พระสวามีให้ไว้ฆ่าตัวตายเพื่อช่วยพระสวามีจนพระสวามีสามารถเอาชัยศัตรูได้ หลังจากนั้นท้าวแสนชัยฝังร่างของนางปทุมเทวีไว้ในถ้ำน้ำตกและปักกริชเงินไว้ เพื่อไม่ให้ภูตร้ายมารบกวนวิญญาณของนาง จึงเป็นที่มาของกริชเงินในตำนานว่าเป็นกริชแห่งความรักสามารถทำลายวิญญาณร้ายได้ แต่ทั้งหมดก็ต้องขึ้นอยู่กับโชคชะตาและความรักที่เสียสละ ผู้กองกาญจน์และอังกอร์รู้สึกมีความหวังขึ้นมา จึงตัดสินใจเสี่ยงเดินทางไปตามที่พระภิกษุบอกในขณะที่เดินทางอยู่ก็ได้พบชาวป่าผู้หนึ่งกำลังสู้กับไอ้ดอกขาวเสือดำที่เกรี้ยวกราดคร่าชีวิตชาวบ้าน อังกอร์จึงเข้าไปช่วย เสือดำสัมผัสถึงวิญญาณร้ายในร่างของอังกอร์จึงหนีไป ทั้งหมดจึงพาชาวป่าไปส่งที่บ้านจึงรู้ว่าชื่อ ผา (นริศสันต์ โลกวิทย์)
ผาเป็นน้องชายหัวหน้าหมู่บ้านซึ่งเป็นพรานหนุ่มผู้รอบรู้และมากวิชาชื่อ พรานผาด (กัญจน์ ภักดีวิจิตร) เขาต้องการตอบแทนที่อังกอร์ช่วยชีวิตผาน้องชายของตน จึงสัญญาว่าจะพาทั้งสองไปถ้ำน้ำตก ทำให้ผู้กองกาญจน์กับอังกอร์ตื่นเต้นดีใจ และมีความหวัง อาม้งเป็นหมอผีของหมู่บ้าน รู้ว่าอังกอร์มีวิญญาณร้ายและรู้ว่าการที่จะให้กริชเงินปรากฏนั้นต้องใช้เลือดจากหัวใจของวิญญาณร้าย มันจึงหาทางจะจับอังกอร์และเอาตัวไปถ้ำน้ำตก ซึ่งมันคิดว่านอกจากกริชเงินแล้ว น่าจะยังมีสมบัติอื่นๆอยู่อีกมากมาย หมวดฤทธิ์ตามมาถึงที่หมู่บ้านของผา เกิดการต่อสู้กันขึ้น พรานผาดต้านพวกหมวดฤทธิ์ไว้ ผาพาผู้กองและอังกอร์หนีไปได้ ส่วนอาม้งได้โอกาสยอมเป็นพวกกับหมวดฤทธิ์ อาสาพาหมวดฤทธิ์ตามพวกผู้กองกาญจน์และอังกอร์
ผาพาผู้กองกาญจน์ อังกอร์และทุกคนไปหาแม่แก่ซึ่งเคยอยู่ในหมู่บ้านแต่แยกออกมาอยู่สันโดษถือศีลธรรมโดยมี พังพอน หลานสาวน่าตาน่ารัก เป็นผู้ดูแล ผามาเพื่อขอคำปรึกษาในการเดินทางไปถ้ำน้ำตกเพราะตนเองเคยได้ยินแต่พรานผาดเล่าให้ฟังเท่านั้น ระหว่างทางพบพังพอนซึ่งออกมาหาของป่า ทั้งหมดจึงเดินทางมาหาแม่แก่ อาม้งพาพวกมาดักซุ่มอยู่แล้วจับทุกคนไว้แต่ผาหนีไปได้ความจริงคือพวกอาม้งมาถึงก่อนแล้วจับแม่แก่เป็นตัวประกันให้พังพอนไปล่อพวกผู้กองกาญจน์กับอังกอร์เข้ามา
ผาหนีไปได้และหาทางกลับมาที่จะช่วยทุกคน ระหว่างหนีผาได้พลัดตกลงจากเนินสูงและสลบไป กลางดึกวิญญาณของคอยทีเรียกผาให้ลืมตาขึ้น ผาได้พบกับคอยทีและไม่รู้ว่าคอยทีเป็นใครผาขอความช่วยเหลือจากคอยที คอยทีบอกว่าตนจะช่วย คอยทีจึงเข้าสิงร่างของผา ลอบบุกเข้าไปช่วยทุกคนออกมาได้ และฆ่าอาม้งตาย พอทุกคนหนีออกมาได้ ผาก็หมดสติ พอรู้ตัวก็จำความอะไรไม่ได้เพียงแต่เล่าว่าได้พบคอยที ทำให้ทุกคนเข้าใจว่าเป็นวิญญาณของคอยทีนั่นเองที่มาช่วยไว้ อังกอร์รู้สึกตื้นตันและซาบซึ้ง
ผารีบพาพวกผู้กองกาญจน์กลับไปหาแม่แก่ เพื่อพาแม่แก่หนีไปให้พ้นจากการคุกคามของหมวดฤทธิ์ แต่ไม่ทันเสียแล้วเพราะเมื่อไปถึงก็พบว่าแม่แก่ถูกทำร้ายอาการสาหัส ผาพยายามถามเรื่องกริชเงินและถ้ำน้ำตก แม่แก่บอกว่ามีจริงและได้เตือนทุกคนว่า กำลังจะเดินทางเข้าไปสู่ดินแดนที่ไม่คาดฝัน มีแต่ความดีงามความเสียสละและความไม่โลภเท่านั้นที่ทำให้ทุกคนรอดชีวิต การเดินทางไปถ้ำน้ำตกจะต้องผ่านจุดสำคัญหลายจุดด้วยกันคือ เกาะบาป หุบเขากินคน นรกดำ สุสานป่าเย็น สุสานดำ และหุบเขาหลับ เป็นด่านสุดท้าย จากนั้นก็แล้วแต่บุญวาสนาแล้วก็สิ้นใจไป ผ่านเวลาการเดินทางมา ผู้กองกาญจน์หนักใจที่ไม่พบกริชเงิน และวันครบรอบยี่สิบห้าปี ของอังกอร์ก็คือพรุ่งนี้ พรุ่งนี้คือวันสุดท้ายที่จะต้องหากริชเงินให้พบมิฉะนั้นแล้วผู้กองกาญจน์จะต้องฆ่าอังกอร์ด้วยกระสุนเงินที่คอยทีมอบให้ไว้
เช้าวันรุ่งขึ้น ขณะที่ผู้กองกาญจน์จะออกเดินทางไปถ้ำน้ำตก พวกชาวบ้านก็มารายงานว่ามีคนกลุ่มหนึ่งกำลังมุ่งหน้ามาทางนี้ มันเป็นพวกหมวดฤทธิ์นั่นเอง หัวหน้าให้ผู้กองกาญจน์และทุกคนหนีไป ตนและพวกชาวป่าจะตั้งรับเอง หมวดชาติอาสาจะอยู่ต้านหมวดฤทธิ์ช่วยอีกแรง ให้ผู้กองกาญจน์กับอังกอร์ไปก่อนเพื่อค้นหากริชเงินให้ได้ ผู้กองกาญจน์กับอังกอร์เดินทางไปถึงถ้ำน้ำตก ก็รีบเร่งเข้าไปในถ้ำเพื่อค้นหากริชเงิน แต่ก็ไม่พบ ผู้กองกาญจน์กับอังกอร์ตัดสินใจปีนขึ้นทะลุออกไปทางด้านบนเมื่อมองลงมาก็พบหมวดฤทธิ์อยู่ด้านล่างกับพวกชาวป่า ซึ่งถูกพวกมันคุมตัวอยู่รวมทั้งพวกหมวดชาติด้วย
ผู้กองกาญจน์บอกให้อังกอร์หลบอยู่ข้างบนส่วนตัวเองแอบปีนลงมายังพวกหมวดฤทธิ์ ขณะที่พวกมันไม่รู้ตัวผู้กองกาญจน์ก็จู่โจม จังหวะเดียวกันกับผากับพังพอนมาทันเวลาพอดี ในที่สุดผู้กองก็คุมสถานะการไว้ได้ แต่แล้วก็ต้องผิดหวัง เมื่อหมวดฤทธิ์จับเก่ง ลูกชายหัวหน้าหมู่บ้านชาวป่าไว้เป็นตัวประกัน ทุกคนต้องยอมจำนนอีก ผาและพังพอนต้องออกมาจากที่ซ่อนถูกพวกมันควบคุมอีก หมวดฤทธิ์ตะโกนเรียกให้อังกอร์ปรากฏตัวก่อนที่มันจะฆ่าผู้กองกาญจน์ อังกอร์ไม่ยอมออกมามันจึงยิงผู้กองกาญจน์เข้าที่ขาอย่างจัง ผู้กองกาญจน์ถึงกับทรุดลง อังกอร์ซุ่มมองอยู่บนยอดน้ำตก ตัดสินใจไม่ถูกเพราะผู้กองสั่งไว้ ว่าตราบใดที่หมวดฤทธิ์มันยังไม่ได้ตัวอังกอร์ทุกคนจะปลอดภัย
ทางเบื้องล่างหมวดฤทธิ์เดินเข้าหาผู้กองกาญจน์แล้วเตะผลักเข้าเต็มแรง ผู้กองถึงกับคว่ำกลิ้งไป สร้อยกระสุนเงินที่ห้อยคออยู่ ขาดหลุดตกลงมาที่พื้น ผู้กองพยายามตะเกียกตะกายไปหยิบ แต่หมวดฤทธิ์ก้าวเข้ามาแล้วคว้าไปเสียก่อน มันตรวจดูอย่างพิจารณาเห็นว่าเป็นกระสุนเงิน พรานหม่องบอกว่าเป็นกระสุนฆ่าวิญญาณร้ายเพื่อที่อังกอร์จะตายอย่างไม่ทรมานและไม่ตกเป็นทาสของวิญญาณร้ายต่อไป หมวดฤทธิ์หัวเราะแล้ว ทิ้งกระสุนเงินลงแก่งน้ำตกไป มันต้องการให้อังกอร์ตายอย่างทรมาน
หมวดฤทธิ์มันหันไปทางเก่งแล้วอุ้มเก่งขึ้นมาพลางร้องตะโกนบอกอังกอร์ว่าถ้าไม่ยอมมอบตัวมันจะทุ่มเก่งลงน้ำตกที่ไหลเชี่ยวอยู่เบื้องล่าง ด้วยความเป็นห่วงเก่ง อังกอร์ตัดสินใจกระโดดลงสู่หน้าผาเบื้องล่าง
หมวดฤทธิ์คว้าปืนจากลูกน้องมันยิงกราดใส่ร่างของอังกอร์ที่ลอยอยู่กลางอากาศ กระสุนถูกอังกอร์อย่างจัง อังกอร์กรีดร้องด้วยความเจ็บปวดร่างร่วงสู่น้ำตกเบื้องล่าง หมวดฤทธิ์วิ่งข้ามแก่งหินไปดูตรงที่อังกอร์ตกลงไป ครู่หนึ่งสีน้ำก็แดงฉานขึ้นมา หมวดฤทธิ์หัวเราะด้วยความสะใจแล้วสั่งลูกน้องของมันลงมาให้ยิงสาดกระสุนใส่พื้นน้ำอย่างไม่ยั้ง
ทันใดนั้นร่างของเสือลายพาดกลอนขนาดใหญ่ก็พุ่งขึ้นมาจากน้ำตก แล้วกระโดดเข้าใส่หมวดฤทธิ์ที่ยืนหัวเราะอยู่อย่างรวดเร็วแล้วใช้อุ้งมือหนาใหญ่ตบอย่างแรงร่างของมันขาดเป็นสองท่อน ลอยกระเด็นขึ้นไปในอากาศ เสือร้ายกระโจนเข้าใส่พวกมันที่ยืนตะลึงอยู่แล้วตบพวกมันจนกระจัดกระจายแล้วพุ่งฝ่าสายน้ำเข้าไปในถ้ำน้ำตก พวกที่เหลือได้แต่ตกตะลึงและถูกพวกชาวป่าจับกุมตัวไว้ได้ เสียงเสือร้ายคำรามก้องสะท้อนออกมา ผู้กองกาญจน์ขยับตัวลุกขึ้นอย่างยากเย็นหัวใจหดหู่ กระสุนเงินถูกหมวดฤทธิ์ทิ้งไปแล้ว ถ้าไม่พบกริชเงินอังกอร์จะต้องทรมานไปตลอดชีวิต
พรานหม่องส่งปืนโบราณให้พร้อมกับยื่นมือมาข้างหน้า ในมือมีกระสุนเงินอยู่หนึ่งนัดเป็นของพรานหม่องที่เตรียมมาฆ่าอังกอร์นั่นเอง ผู้กองกาญจน์รับมาอย่างปิติแล้วรีบตามรอยของเสือร้ายเข้าไปในถ้ำอย่างทุลักทุเล ได้ยินเสียงคำรามก้องมาเป็นระยะสุดท้ายก็เผชิญหน้ากัน ทันใดนั้นร่างของเสือร้ายก็ค่อยๆกลับกลายเป็นร่างของอังกอร์ ผู้กองกาญจน์จะวิ่งเข้าไปหา แต่อังกอร์ห้ามไว้ บอกผู้กองกาญจน์ว่าเวลาเหลือไม่มากแล้ว ขอให้ผู้กองกาญจน์สังหารตนด้วยกระสุนเงินได้แล้วก่อนที่จะสายเกินไป ผู้กองกาญจน์มองร่างของอังกอร์เป็นครั้งสุดท้ายร่างของอังกอร์เต็มไปด้วยเลือดจากกระสุนปืนของพวกหมวดฤทธิ์ผู้กองกาญจน์ยกปืนขึ้นเล็งตรงหัวใจ แล้วเหนี่ยวไก สายตาของอังกอร์มองผู้กองกาญจน์อย่างเว้าวอนด้วยความรักอย่างเต็มหัวใจ เธอกำลังจะกลายเป็นเสือที่เต็มไปด้วยความชั่วร้ายตลอดไป
ผู้กองกาญจน์น้ำตาคลอด้วยความอาลัย เขาไม่สามารถช่วยคนที่เขารักได้ ทั้งสองกำลังจะแยกกันและอยู่กันในคนละภพ พลันร่างของอังกอร์ทรุดลงกับพื้น .เลือดจากทรวงอกไหลรินลงสู่พื้น ทันทีที่เลือดของอังกอร์หยดถึงพื้น แผ่นดินก็แตกเป็นทางวิ่งไปชนผนังถ้ำแตกออกเป็นช่องกว้างผนังถ้ำส่วนหนึ่งพังทลายลงมา แสงสีนวลจ้าปรากฏขึ้นแก่สายตา ปรากฏเป็นแอ่งถ้ำที่มีกริชเงินฝังอยู่ด้านในส่องสว่างเป็นรัศมีเรืองรอง ด้านในเป็นร่างสวยงามของนางปทุมเทวีนอนสงบนิ่งอยู่
ผู้กองกาญจน์ก้มลงอธิษฐานด้วยความรักและความเสียสละที่มีต่ออังกอร์ ผู้กองกาญจน์คว้ากริชเงินแน่นไว้ในอุ้งมือ ผู้กองหันมาทางอังกอร์ ซึ่งบัดนี้กำลังจะกลายร่างเป็นเสือเพราะเวลาของเธอใกล้จะหมดลงแล้ว ผู้กองกาญจน์ปราดเข้าไปหา แต่แล้วผืนดินก็สั่นสะเทือนพื้นดินตรงระหว่างอังกอร์กับผู้กองกาญจน์แยกออกจากกัน ผู้กองกาญจน์เสียหลักตกลงไปในรอยแยก แรงกระแทกทำให้กริชเงินหลุดจากมือ ทันทีที่กริชเงินตกถึงพื้นแผ่นดินก็แยกเป็นแนวอยู่แล้วก็แตกแยกพุ่งเข้าหากริชเงินประหนึ่งเป็นการต่อสู้ครั้งสุดท้ายของวิญญาณเสือร้ายที่จะทำลายกริชเงิน
ผู้กองกาญจน์รีบดีดตัวเข้าคว้ากริชเงินไว้ได้ก่อนที่มันจะตกลงไปในรอยแยก พอตั้งหลักได้ก็กระโดดข้ามไปหาอังกอร์ พลางยกกริชขึ้นสูง แล้วแทงกริชเงินลงที่หัวใจของอังกอร์ เสียงอังกอร์ร้องโหยหวนและกลายเป็นเสียงคำราม ควันสีเขียวพุ่งออกจากทรวงอกหมุนวนกลายเป็นใบหน้าของเสือร้ายร้องคำรามอย่างน่ากลัว และโหยหวน แสงสีเขียวหมุนเคว้งเป็นลมพายุแรง ในที่สุดก็แตกกระจายเสียงดังจนถ้ำสั่นสะเทือนพุ่งขึ้นไปยังช่องด้านบนแล้วหายวับไป กริชเงินพุ่งฝ่าม่านกำแพงกลับไปปักที่เดิม ผู้กองกาญจน์กอดร่างอังกอร์แน่นคิดว่าอังกอร์ตายแล้ว แต่แล้วก็รู้สึกถึงการเคลื่อนไหวอังกอร์ลืมตาขึ้นมา ทั้งสองกอดกันแน่นด้วยความรัก เสียงครืนๆ ผนังถ้ำที่ทลายลงมากลับรวมตัวกันเป็นอย่างเดิม ไม่มีร่องรอยของกริชเงินอีกต่อไป ทุกคนที่อยู่ทางด้านนอก ต่างรอคอยด้วยความเป็นห่วง แต่แล้วทุกคนก็กระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจเมื่อเห็นผู้กองกาญจน์อุ้มร่างของอังกอร์เดินออกมาจากถ้ำน้ำตก