ละคร ดั่งพรหมลิขิตรัก
ดู 3,256 ครั้ง /
แชร์
ละครออกอากาศ | วันจันทร์ วันอังคาร วันพุธ วันพฤหัส วันศุกร์ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
ช่องที่ออกอากาศ | ละครช่อง 3 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
เริ่มออกอากาศ | 23 สิงหาคม 2561 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
เวลาออกอากาศ | 19:05 - 20:05 น. |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
กำกับโดย | ธรธร สิริพันธ์วราภรณ์ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
ประพันธ์โดย | บทประพันธ์ ฐิญาดา, บทโทรทัศน์ ปัณชญา | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
นำแสดงโดย | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
ผู้สร้าง | บริษัททีวีซีน แอนด์ พิคเจอร์ จำกัด |
ภาพนิ่งจากละคร
เรื่องย่อ ดั่งพรหมลิขิตรัก
รสิกา (อามีนา กูล) สาวสวยนักสร้างสรรค์งานโฆษณา เป็นคนที่มีความมั่นใจในตัวเองสูงมาก แต่กลับคลั่งไคล้การอ่านนิยายและดูหนังประเภทย้อนอดีต ข้ามภพข้ามชาติเป็นชีวิตจิตใจ ในห้องนอนของรสิกาจึงมีแผ่นหนังและหนังสือพวกนี้สะสมไว้เป็นจำนวนมาก วันหนึ่งรสิกาไปซื้อหนังสือนิยายพีเรียดสมัยรัชกาลที่ 6 ตอนปลาย (พ.ศ. 2466-2474) มาจากร้านหนังสือลึกลับในตลาดนัดสวนจตุจักร เรื่อง ดั่งพรหมลิขิตรัก เป็นหนังสือเก่า ตีพิมพ์ครั้งแรกเมื่อ 25 ปีที่แล้ว สภาพหนังสือก็เก่าแก่ไปตามกาลเวลา ตัวหนังสือชื่อเรื่องที่หน้าปกเลือนรางไปเล็กน้อย กระดาษเนื้อในก็เป็นสีเหลืองเก่าๆ แต่รสิกาก็ซื้อมาเพราะอ่านแล้วรู้สึกเหมือนใครบางคนเขียนถึงตน
รสิกาหยิบหนังสือนิยายเล่มนั้นขึ้นมาอ่าน ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกเหมือนบรรยากาศรอบตัวมีภาพของบ้านเมืองในยุคเดียวกับในหนังสือซ้อนทับขึ้นมาแบบรางๆ จนอินกับเนื้อเรื่องในนิยายมากถึงขั้นบอกกับบัวและอำพล ผู้เป็นพ่อและแม่ว่า เนื้อเรื่องในนิยายจะต้องเป็นอดีตชาติของตนกับหม่อมเจ้าดนัยเทพรังสรรค์ พรหมกุล หรือ ท่านชายก้อง (ธนิน มนูญศิลป์) ผู้เป็นพระเอกในนิยายแน่ๆ แต่ยิ่งอ่าน รสิกาก็ยิ่งทนไม่ได้เพราะการะเกดนางเอกในนิยายที่รสิกาปักใจเชื่อว่าเป็นอดีตชาติของตนนั้นถูกบุษรินผู้เป็นแม่เลี้ยงและบุษยาลูกติดสามีเก่าของบุษรินกดขี่ห่มเหงและเอารัดเอาเปรียบทุกทาง การะเกดเป็นคนเรียบร้อยมาก หัวอ่อน ไม่สู้คน และทั้งที่เป็นลูกสาวเจ้าพระยาแต่กลับชอบหมกตัวทำกับข้าว ทำขนมอยู่แต่ในครัว ไม่ยอมออกไปไหนนอกจากไปวัด รสิกาอ่านแล้วก็คิดว่าจะต้องทำอะไรสักอย่าง ไม่อย่างนั้นการะเกดจะไม่มีวันได้เจอกับท่านชายก้องแน่นอน และตนก็จะไม่ได้พบท่านชายในฝันที่กำลังปลื้มอยู่ด้วยนั่นเอง
รสิกาพยายามเลียนแบบวิธีเดินทางย้อนอดีตแบบหนังเรื่องต่างๆ แต่งตัวให้เหมือนสมัยรัชกาลที่ 6 ตอนปลาย หาสิ่งของเครื่องใช้สมัยนั้นมาตกแต่งห้อง และพยายามสะกดจิตตัวเองว่าตนคือการะเกด แต่ก็ยังไม่สามารถเดินทางย้อนเวลากลับไปได้ มีนและโอม เพื่อนสนิทของรสิกาที่ทำงานอยู่บริษัทเดียวกันรู้เรื่องเข้าก็หาว่ารสิกาบ้า ที่มโนตามนิยายเป็นตุเป็นตะขนาดนี้ ทั้งคู่พยายามพูดให้รสิกาเลิกคิดเพ้อเจ้อ แต่รสิกาก็ยืนยันหนักแน่นว่าตนไม่ได้คิดไปเอง และจะพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่าเนื้อเรื่องในนิยายนั้นเป็นเรื่องของตนกับท่านชายก้องจริงๆ เมื่อวิธีการเดินทางย้อนเวลาแบบภาพยนตร์หลายๆ เรื่อง ที่รสิกางัดมาใช้ไม่ได้ผล รสิกาจึงไปหาซื้อกระจกแบบในนิยายเรื่องทวิภพมาตั้งไว้ในห้องนอนแล้วนั่งจ้องนอนจ้องทั้งวันทั้งคืน แต่ก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของท่านชายก้องในกระจกบานนั้น
แต่แล้วเหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น ขณะที่รสิกาอ่านนิยายอยู่นั้นบรรยากาศรอบตัวของรสิกาก็เปลี่ยนจากยุคปัจจุบันกลายเป็นสมัยรัชกาลที่ 6 รสิกาประหลาดใจมาก แต่ก็ดีใจด้วยที่ตนสามารถเดินทางย้อนเวลามาหาท่านชายก้องได้แล้วจริงๆ รสิกาตามการะเกดมาที่วังทินวงศ์ และบังเอิญรวมร่างเข้ากับการะเกด ที่วังทินวงศ์กำลังมีงานเลี้ยงวันเกิดของ ม.ร.ว. วิไลเลขา ทินวงศ์ หรือ หญิงแต้ว (มณีรัตน์ ศรีจรูญ) ขณะที่หม่อมพรรณรายกำลังจะประกาศหมั้นระหว่างหญิงแต้วกับท่านชายก้อง รสิกาก็โผล่มากลางงานคัดค้าน ทำให้แขกเหรื่อในงานแตกตื่น หม่อมเจ้ารวีโชติ (ตระการ พันธุมเลิศรุจี) พ่อของหญิงแต้วให้คนรับใช้ช่วยกันไล่จับรสิกาโยนออกไปนอกงาน รสิกาวิ่งหนีไปชนกับท่านชายก้องที่มาร่วมงานด้วย
ท่านชายก้องเห็นหน้ารสิกาก็จำได้ เพราะรสิกาเคยช่วยท่านชายก้องไว้ไม่ให้ถูกรถชนโดยบังเอิญ ด้วยเหตุนี้ท่านชายก้องจึงช่วยให้รสิกาหนีออกจากงานเลี้ยงไปได้แบบหวุดหวิด โดยที่ทั้งคู่ยังไม่ทันได้พูดคุยอะไรกันเลย หลังจากช่วยใหรสิกาหนีออกจากงานเลี้ยงไปได้แล้ว จิตใจของท่านชายก้องก็พะวงอยู่แต่กับรสิกา อยากรู้ว่าเธอเป็นใครมาจากไหน สร้างความน้อยใจให้หญิงแต้วมาก จน พีระ (เอกพงศ์ จงเกษกรณ์) ผู้ติดตามและควบตำแหน่งเพื่อนสนิทของท่านชายก้องต้องออกปากเตือนท่านชายก้องให้ใส่ใจความรู้สึกของหญิงแต้วบ้าง เพราะถึงแม้ท่านชายก้องจะไม่ได้รักหญิงแต้ว แต่ก็ตกปากรับคำกับผู้ใหญ่ไปแล้วว่าจะยอมหมั้นหมายด้วย จึงควรถนอมน้ำใจหญิงแต้วบ้าง เพราะหญิงแต้วรักท่านชายก้องมากจริงๆ
ในขณะเดียวกัน ชวาลา หรือ ต้น (ธนพล พีชะพัฒน์) ผู้เป็นญาติสนิทของท่านชายก้องก็ดูออกว่าพีระแอบรักหญิงแต้วมานานโดยที่ท่านชายก้องไม่รู้เรื่อง แต่เพราะความเจียมตัวว่าเป็นเพียงลูกมหาดเล็กในวังที่ได้รับการชุบเลี้ยงอย่างดี ได้เรียนหนังสือเท่าเทียมกับท่านชายก้องทุกอย่างเพื่อจะได้ติดตามรับใช้ท่านชายก้องอย่างใกล้ชิด จึงทำให้พีระยอมเก็บงำความรู้สึกของตัวเองมาโดยตลอด ชวาลาเคยบอกให้พีระสารภาพกับท่านชายก้อง เพราะถ้าท่านชายก้องรู้ว่าพีระรักหญิงแต้ว ท่านชายก้องจะต้องสนับสนุนความรักของพีระกับหญิงแต้วแน่นอน แต่พีระไม่อยากสร้างความลำบากใจให้หญิงแต้วจึงยอมเจ็บเสียเอง
รสิกาได้เจอกับการะเกดและได้คุยกันเรื่องแหวนแก้วใสที่ได้มาจากตลาดโดยบังเอิญ แหวนวงนี้จะผูกพันระหว่างรสิกากับการะเกด เมื่อคนหนึ่งใส่แหวนร่างของอีกคนจะกลายเป็นร่างใสทันที การะเกดให้รสิกาเป็นคนสวมแหวนเพื่อให้ตัวเองกลายเป็นร่างใสและมีเวลาเขียนนิยายที่ตัวเองชอบให้สำเร็จ รสิกายอมรับสมอ้างสวมรอยเป็นการะเกดเพราะอยากจะช่วยการะเกดเอาคืน บุษริน (สกาวใจ พูนสวัสดิ์) และ บุษยา (บุศย์สิริ รัตนาไพศาลสุข)อยู่แล้ว จวงรู้สึกว่าการะเกดมีอาการเพี้ยนๆ พูดจาด้วยภาษาไม่คุ้นหูแถมยังจำเรื่องราวของตัวเองไม่ได้อีกด้วย แต่เธอก็ดีใจมากที่คุณหนูของตนเริ่มสู้คน ไม่ใช่คนหัวอ่อน เรียบร้อยที่ชอบเก็บตัวทำอาหารอยู่แต่ในครัวเหมือนเมื่อก่อนก็ยุให้การะเกดทวงเครื่องเพชรที่บุษรินยืมไปแล้วไม่ยอมคืนเอากลับมาให้ได้ รสิการับปากว่าจะจัดการให้เพราะหมั่นไส้สองแม่ลูกตัวแสบตั้งแต่ตอนอ่านนิยายแล้ว
รสิกาเริ่มปฏิบัติการเอาคืนบุษรินกับบุษยาแทนการะเกด โดยการทวงเครื่องเพชรคืนต่อหน้า เจ้าพระยารามณรงค์เดช (จักรกฤษณ์ อำมะรัตน์) และ ชรินทร์ (นิพัธ เจริญผล) ผู้เป็นพี่ชายของการะเกด เจ้าพระยารามณรงค์เดชไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อน พอรู้เข้าก็สั่งให้บุษรินคืนเครื่องเพชรให้การะเกด เพราะเครื่องเพชรชุดที่บุษรินยืมไปนั้นเป็นของนวลลออ แม่ของการะเกดที่เสียชีวิตไปแล้ว ก็ยิ่งสร้างความโกรธแค้นให้กับสองแม่ลูกมากขึ้นไปอีก บาดแผลในใจรุ่นพ่อแม่ที่เป็นความบาดหมางของบ้านการะเกดกับหญิงแต้ว สมัยที่พระยารามณรงค์กับท่านชายรวีโชติยังเป็นหนุ่มอยู่นั้นเคยหลงรักผู้หญิงคนเดียวกัน นั่นก็คือนวลลออซึ่งเป็นข้าหลวงคนสนิทของเสด็จพระองค์หญิงตำหนักริมน้ำ แต่นวลลออเลือกที่จะแต่งงานกับเจ้าพระยารามณรงค์เดช หม่อมเจ้ารวีโชติจึงประชดรักด้วยการแต่งงานกับ หม่อมประภา (สุธิตา เกตานนท์) ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของนวลลออทั้งที่ไม่ได้รัก
หม่อมประภาก็รู้ดีอยู่แก่ใจว่าหม่อมเจ้ารวีโชติไม่ได้รักตน แต่ก็ยอมแต่งงานด้วยเพราะหม่อมประภารักหม่อมเจ้ารวีโชติมากและนั่นก็เป็นบาดแผลในใจของหม่อมประภามาตลอด เหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้หม่อมเจ้ารวีโชติโกรธแค้นเจ้าพระยารามณรงค์เดชมาก และถึงแม้ว่านวลลออจะเสียชีวิตไปแล้วตั้งแต่คลอดการะเกดได้ไม่นาน แต่หม่อมเจ้ารวีโชติก็ยังผูกใจเจ็บมาจนทุกวันนี้ ทางด้านท่านชายก้องก็ถูกหม่อมเจ้าหญิงแพรวพรรณราย ผู้เป็นแม่เร่งรัดเรื่องการหมั้นกับหญิงแต้ว แต่ท่านชายก้องยังไม่อยากหมั้น เพราะตอนนี้จิตใจพะวงอยู่แต่กับรสิกาจึงตอบบ่ายเบี่ยงและอ้างเสด็จพระองค์หญิงตำหนักริมน้ำ ผู้เป็นป้า
อย่างไรก็ตาม เสด็จพระองค์หญิงตำนักริมน้ำก็คัดค้านได้ไม่เต็มที่นัก เพราะการหมั้นหมายครั้งนี้เป็นคำสัญญาระหว่างพ่อของท่านชายก้อง ผู้เป็นน้องชายแท้ๆ ของตนกับหม่อมเจ้ารวีโชติ ถึงแม้ว่าพ่อของท่านชายก้องจะเสียชีวิตไปนานแล้ว แต่หม่อมเจ้ารวีโชติก็ยังยึดถือคำสัญญานั้นไว้อย่างเหนียวแน่น เพราะหวังสมบัติของท่านชายก้อง รสิกากับท่านชายก้องพยายามตามหากันและกัน แต่ก็คลาดกันแบบหวุดหวิดอยู่หลายครั้ง แต่ไม่ว่าจะอย่างไรในที่สุดพรหมลิขิตก็ทำให้รสิกาและท่านชายก้องได้พบกันจนได้ ต่อมารสิการู้ว่าท่านชายก้องเป็นว่าที่คู่หมั้นของหญิงแต้วก็เสียใจ และสับสนว่าควรจะทำอย่างไรต่อไปดี เพราะถึงแม้ว่าตนจะเป็นผู้หญิงยุคใหม่ที่มีความมั่นใจในตัวเองสูง แต่ก็ไม่เคยคิดที่จะแย่งคนรักของใคร และยิ่งได้รู้จากพีระว่าหญิงแต้วรักท่านชายก้องมาก รสิกาก็ยิ่งลำบากใจจากความตั้งใจเดิมที่อยากมาช่วยให้การะเกดได้พบรักกับท่านชายก้องก็เกิดลังเลใจเพราะสงสารหญิงแต้ว
นับวันรสิกาก็ยิ่งสร้างความแปลกใหม่และทำให้ท่านชายก้อง ชวาลาและพีระอึ้งไปตามๆ กัน กับความคิดก้าวหน้าเกินผู้หญิงในยุคนี้ ทั้งที่เรียนแค่การบ้านการเรือน แถมยังชอบเก็บตัวอยู่แต่ในบ้านตามที่ชรินทร์เคยเล่าให้ฟังอีกด้วย และที่น่าแปลกไปกว่านั้นก็คือ การะเกดมักจะดัดแปลงเครื่องแต่งกายให้มีความแปลกใหม่และล้ำสมัยอยู่เสมอเมื่อพบกัน จนสาวๆ คนอื่นมองด้วยความชื่นชอบและอยากจะแต่งตัวตามด้วย หญิงแต้วเสียใจมากที่ท่านชายก้องเลือกการะเกด พีระเข้ามาปลอบใจและพูดเตือนสติให้คิดทบทวนดูให้ดีว่าแท้จริงแล้วหญิงแต้วรักท่านชายก้องจริงหรือไม่ หรือแค่รู้สึกว่าต้องรักเพราะเชื่อตามคำพูดที่ผู้ใหญ่พูดกรอกหูมาตั้งแต่เด็กว่าต้องหมั้นกับท่านชายก้องเมื่อโตขึ้นเท่านั้น
หญิงแต้วเก็บคำพูดของพีระมาคิดทบทวนอย่างรอบคอบแล้วตัดสินใจยอมถอย ไม่ใช่เพื่อท่านชายก้องแต่เพื่อความสุขของตัวเอง เพราะไม่อยากทนทุกข์ทรมานที่ต้องอยู่กับผู้ชายที่ไม่ได้รักตนไปจนชั่วชีวิตแบบหม่อมประภา หลังจากที่หญิงแต้วตัดใจจากท่านชายก้องได้แล้ว ก็พบว่าแท้จริงแล้วคนที่รักและหวังดีกับตนมาตลอดก็คือพีระ หญิงแต้วตกลงใจรับรักพีระ แต่หม่อมเจ้ารวีโชติและหม่อมประภารังเกียจที่พีระมีชาติกำเนิดที่ต่ำต้อย เป็นแค่ลูกมหาดเล็ก แต่ท่านชายก้องกับชวาลาก็ช่วยเหลือจนพีระกับหญิงแต้วสมหวังได้ในที่สุด
เมื่อเหตุการณ์ร้ายๆ ผ่านไป ท่านชายก้องก็ให้ผู้ใหญ่มาสู่ขอการะเกดทำให้รสิกาคิดหนัก เพราะไม่รู้ว่าตนจะอยู่ในยุคนี้ได้อีกนานแค่ไหน ท่านชายก้องรู้ความลับเรื่องรสิกากับการะเกดว่าทั้งคู่เป็นคนละคนกัน แต่ท่านชายก้องยืนยันจะแต่งงานกับรสิกาไม่ว่ารสิกาจะมีชีวิตอยู่ในยุคนี้ได้อีกนานแค่ไหนก็ตาม เพราะถ้าไม่ได้แต่งงานกับรสิกาท่านชายก้องก็จะไม่แต่งงานกับใครอีก ในคืนวันแต่งงานรสิกาได้หายตัวไปอย่างถาวร รสิกากลับมาใช้ชีวิตอยู่ในยุคปัจจุบันและไม่สามารถย้อนกลับไปสู่อดีตได้อีกแล้ว มาร่วมลุ้นไปกับความรักของทั้งคู่ว่าพรหมลิขิตจะทำให้ทั้งสองกลับมาเจอกันอีกหรือไม่
รสิกาหยิบหนังสือนิยายเล่มนั้นขึ้นมาอ่าน ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกเหมือนบรรยากาศรอบตัวมีภาพของบ้านเมืองในยุคเดียวกับในหนังสือซ้อนทับขึ้นมาแบบรางๆ จนอินกับเนื้อเรื่องในนิยายมากถึงขั้นบอกกับบัวและอำพล ผู้เป็นพ่อและแม่ว่า เนื้อเรื่องในนิยายจะต้องเป็นอดีตชาติของตนกับหม่อมเจ้าดนัยเทพรังสรรค์ พรหมกุล หรือ ท่านชายก้อง (ธนิน มนูญศิลป์) ผู้เป็นพระเอกในนิยายแน่ๆ แต่ยิ่งอ่าน รสิกาก็ยิ่งทนไม่ได้เพราะการะเกดนางเอกในนิยายที่รสิกาปักใจเชื่อว่าเป็นอดีตชาติของตนนั้นถูกบุษรินผู้เป็นแม่เลี้ยงและบุษยาลูกติดสามีเก่าของบุษรินกดขี่ห่มเหงและเอารัดเอาเปรียบทุกทาง การะเกดเป็นคนเรียบร้อยมาก หัวอ่อน ไม่สู้คน และทั้งที่เป็นลูกสาวเจ้าพระยาแต่กลับชอบหมกตัวทำกับข้าว ทำขนมอยู่แต่ในครัว ไม่ยอมออกไปไหนนอกจากไปวัด รสิกาอ่านแล้วก็คิดว่าจะต้องทำอะไรสักอย่าง ไม่อย่างนั้นการะเกดจะไม่มีวันได้เจอกับท่านชายก้องแน่นอน และตนก็จะไม่ได้พบท่านชายในฝันที่กำลังปลื้มอยู่ด้วยนั่นเอง
รสิกาพยายามเลียนแบบวิธีเดินทางย้อนอดีตแบบหนังเรื่องต่างๆ แต่งตัวให้เหมือนสมัยรัชกาลที่ 6 ตอนปลาย หาสิ่งของเครื่องใช้สมัยนั้นมาตกแต่งห้อง และพยายามสะกดจิตตัวเองว่าตนคือการะเกด แต่ก็ยังไม่สามารถเดินทางย้อนเวลากลับไปได้ มีนและโอม เพื่อนสนิทของรสิกาที่ทำงานอยู่บริษัทเดียวกันรู้เรื่องเข้าก็หาว่ารสิกาบ้า ที่มโนตามนิยายเป็นตุเป็นตะขนาดนี้ ทั้งคู่พยายามพูดให้รสิกาเลิกคิดเพ้อเจ้อ แต่รสิกาก็ยืนยันหนักแน่นว่าตนไม่ได้คิดไปเอง และจะพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่าเนื้อเรื่องในนิยายนั้นเป็นเรื่องของตนกับท่านชายก้องจริงๆ เมื่อวิธีการเดินทางย้อนเวลาแบบภาพยนตร์หลายๆ เรื่อง ที่รสิกางัดมาใช้ไม่ได้ผล รสิกาจึงไปหาซื้อกระจกแบบในนิยายเรื่องทวิภพมาตั้งไว้ในห้องนอนแล้วนั่งจ้องนอนจ้องทั้งวันทั้งคืน แต่ก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของท่านชายก้องในกระจกบานนั้น
แต่แล้วเหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น ขณะที่รสิกาอ่านนิยายอยู่นั้นบรรยากาศรอบตัวของรสิกาก็เปลี่ยนจากยุคปัจจุบันกลายเป็นสมัยรัชกาลที่ 6 รสิกาประหลาดใจมาก แต่ก็ดีใจด้วยที่ตนสามารถเดินทางย้อนเวลามาหาท่านชายก้องได้แล้วจริงๆ รสิกาตามการะเกดมาที่วังทินวงศ์ และบังเอิญรวมร่างเข้ากับการะเกด ที่วังทินวงศ์กำลังมีงานเลี้ยงวันเกิดของ ม.ร.ว. วิไลเลขา ทินวงศ์ หรือ หญิงแต้ว (มณีรัตน์ ศรีจรูญ) ขณะที่หม่อมพรรณรายกำลังจะประกาศหมั้นระหว่างหญิงแต้วกับท่านชายก้อง รสิกาก็โผล่มากลางงานคัดค้าน ทำให้แขกเหรื่อในงานแตกตื่น หม่อมเจ้ารวีโชติ (ตระการ พันธุมเลิศรุจี) พ่อของหญิงแต้วให้คนรับใช้ช่วยกันไล่จับรสิกาโยนออกไปนอกงาน รสิกาวิ่งหนีไปชนกับท่านชายก้องที่มาร่วมงานด้วย
ท่านชายก้องเห็นหน้ารสิกาก็จำได้ เพราะรสิกาเคยช่วยท่านชายก้องไว้ไม่ให้ถูกรถชนโดยบังเอิญ ด้วยเหตุนี้ท่านชายก้องจึงช่วยให้รสิกาหนีออกจากงานเลี้ยงไปได้แบบหวุดหวิด โดยที่ทั้งคู่ยังไม่ทันได้พูดคุยอะไรกันเลย หลังจากช่วยใหรสิกาหนีออกจากงานเลี้ยงไปได้แล้ว จิตใจของท่านชายก้องก็พะวงอยู่แต่กับรสิกา อยากรู้ว่าเธอเป็นใครมาจากไหน สร้างความน้อยใจให้หญิงแต้วมาก จน พีระ (เอกพงศ์ จงเกษกรณ์) ผู้ติดตามและควบตำแหน่งเพื่อนสนิทของท่านชายก้องต้องออกปากเตือนท่านชายก้องให้ใส่ใจความรู้สึกของหญิงแต้วบ้าง เพราะถึงแม้ท่านชายก้องจะไม่ได้รักหญิงแต้ว แต่ก็ตกปากรับคำกับผู้ใหญ่ไปแล้วว่าจะยอมหมั้นหมายด้วย จึงควรถนอมน้ำใจหญิงแต้วบ้าง เพราะหญิงแต้วรักท่านชายก้องมากจริงๆ
ในขณะเดียวกัน ชวาลา หรือ ต้น (ธนพล พีชะพัฒน์) ผู้เป็นญาติสนิทของท่านชายก้องก็ดูออกว่าพีระแอบรักหญิงแต้วมานานโดยที่ท่านชายก้องไม่รู้เรื่อง แต่เพราะความเจียมตัวว่าเป็นเพียงลูกมหาดเล็กในวังที่ได้รับการชุบเลี้ยงอย่างดี ได้เรียนหนังสือเท่าเทียมกับท่านชายก้องทุกอย่างเพื่อจะได้ติดตามรับใช้ท่านชายก้องอย่างใกล้ชิด จึงทำให้พีระยอมเก็บงำความรู้สึกของตัวเองมาโดยตลอด ชวาลาเคยบอกให้พีระสารภาพกับท่านชายก้อง เพราะถ้าท่านชายก้องรู้ว่าพีระรักหญิงแต้ว ท่านชายก้องจะต้องสนับสนุนความรักของพีระกับหญิงแต้วแน่นอน แต่พีระไม่อยากสร้างความลำบากใจให้หญิงแต้วจึงยอมเจ็บเสียเอง
รสิกาได้เจอกับการะเกดและได้คุยกันเรื่องแหวนแก้วใสที่ได้มาจากตลาดโดยบังเอิญ แหวนวงนี้จะผูกพันระหว่างรสิกากับการะเกด เมื่อคนหนึ่งใส่แหวนร่างของอีกคนจะกลายเป็นร่างใสทันที การะเกดให้รสิกาเป็นคนสวมแหวนเพื่อให้ตัวเองกลายเป็นร่างใสและมีเวลาเขียนนิยายที่ตัวเองชอบให้สำเร็จ รสิกายอมรับสมอ้างสวมรอยเป็นการะเกดเพราะอยากจะช่วยการะเกดเอาคืน บุษริน (สกาวใจ พูนสวัสดิ์) และ บุษยา (บุศย์สิริ รัตนาไพศาลสุข)อยู่แล้ว จวงรู้สึกว่าการะเกดมีอาการเพี้ยนๆ พูดจาด้วยภาษาไม่คุ้นหูแถมยังจำเรื่องราวของตัวเองไม่ได้อีกด้วย แต่เธอก็ดีใจมากที่คุณหนูของตนเริ่มสู้คน ไม่ใช่คนหัวอ่อน เรียบร้อยที่ชอบเก็บตัวทำอาหารอยู่แต่ในครัวเหมือนเมื่อก่อนก็ยุให้การะเกดทวงเครื่องเพชรที่บุษรินยืมไปแล้วไม่ยอมคืนเอากลับมาให้ได้ รสิการับปากว่าจะจัดการให้เพราะหมั่นไส้สองแม่ลูกตัวแสบตั้งแต่ตอนอ่านนิยายแล้ว
รสิกาเริ่มปฏิบัติการเอาคืนบุษรินกับบุษยาแทนการะเกด โดยการทวงเครื่องเพชรคืนต่อหน้า เจ้าพระยารามณรงค์เดช (จักรกฤษณ์ อำมะรัตน์) และ ชรินทร์ (นิพัธ เจริญผล) ผู้เป็นพี่ชายของการะเกด เจ้าพระยารามณรงค์เดชไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อน พอรู้เข้าก็สั่งให้บุษรินคืนเครื่องเพชรให้การะเกด เพราะเครื่องเพชรชุดที่บุษรินยืมไปนั้นเป็นของนวลลออ แม่ของการะเกดที่เสียชีวิตไปแล้ว ก็ยิ่งสร้างความโกรธแค้นให้กับสองแม่ลูกมากขึ้นไปอีก บาดแผลในใจรุ่นพ่อแม่ที่เป็นความบาดหมางของบ้านการะเกดกับหญิงแต้ว สมัยที่พระยารามณรงค์กับท่านชายรวีโชติยังเป็นหนุ่มอยู่นั้นเคยหลงรักผู้หญิงคนเดียวกัน นั่นก็คือนวลลออซึ่งเป็นข้าหลวงคนสนิทของเสด็จพระองค์หญิงตำหนักริมน้ำ แต่นวลลออเลือกที่จะแต่งงานกับเจ้าพระยารามณรงค์เดช หม่อมเจ้ารวีโชติจึงประชดรักด้วยการแต่งงานกับ หม่อมประภา (สุธิตา เกตานนท์) ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของนวลลออทั้งที่ไม่ได้รัก
หม่อมประภาก็รู้ดีอยู่แก่ใจว่าหม่อมเจ้ารวีโชติไม่ได้รักตน แต่ก็ยอมแต่งงานด้วยเพราะหม่อมประภารักหม่อมเจ้ารวีโชติมากและนั่นก็เป็นบาดแผลในใจของหม่อมประภามาตลอด เหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้หม่อมเจ้ารวีโชติโกรธแค้นเจ้าพระยารามณรงค์เดชมาก และถึงแม้ว่านวลลออจะเสียชีวิตไปแล้วตั้งแต่คลอดการะเกดได้ไม่นาน แต่หม่อมเจ้ารวีโชติก็ยังผูกใจเจ็บมาจนทุกวันนี้ ทางด้านท่านชายก้องก็ถูกหม่อมเจ้าหญิงแพรวพรรณราย ผู้เป็นแม่เร่งรัดเรื่องการหมั้นกับหญิงแต้ว แต่ท่านชายก้องยังไม่อยากหมั้น เพราะตอนนี้จิตใจพะวงอยู่แต่กับรสิกาจึงตอบบ่ายเบี่ยงและอ้างเสด็จพระองค์หญิงตำหนักริมน้ำ ผู้เป็นป้า
อย่างไรก็ตาม เสด็จพระองค์หญิงตำนักริมน้ำก็คัดค้านได้ไม่เต็มที่นัก เพราะการหมั้นหมายครั้งนี้เป็นคำสัญญาระหว่างพ่อของท่านชายก้อง ผู้เป็นน้องชายแท้ๆ ของตนกับหม่อมเจ้ารวีโชติ ถึงแม้ว่าพ่อของท่านชายก้องจะเสียชีวิตไปนานแล้ว แต่หม่อมเจ้ารวีโชติก็ยังยึดถือคำสัญญานั้นไว้อย่างเหนียวแน่น เพราะหวังสมบัติของท่านชายก้อง รสิกากับท่านชายก้องพยายามตามหากันและกัน แต่ก็คลาดกันแบบหวุดหวิดอยู่หลายครั้ง แต่ไม่ว่าจะอย่างไรในที่สุดพรหมลิขิตก็ทำให้รสิกาและท่านชายก้องได้พบกันจนได้ ต่อมารสิการู้ว่าท่านชายก้องเป็นว่าที่คู่หมั้นของหญิงแต้วก็เสียใจ และสับสนว่าควรจะทำอย่างไรต่อไปดี เพราะถึงแม้ว่าตนจะเป็นผู้หญิงยุคใหม่ที่มีความมั่นใจในตัวเองสูง แต่ก็ไม่เคยคิดที่จะแย่งคนรักของใคร และยิ่งได้รู้จากพีระว่าหญิงแต้วรักท่านชายก้องมาก รสิกาก็ยิ่งลำบากใจจากความตั้งใจเดิมที่อยากมาช่วยให้การะเกดได้พบรักกับท่านชายก้องก็เกิดลังเลใจเพราะสงสารหญิงแต้ว
นับวันรสิกาก็ยิ่งสร้างความแปลกใหม่และทำให้ท่านชายก้อง ชวาลาและพีระอึ้งไปตามๆ กัน กับความคิดก้าวหน้าเกินผู้หญิงในยุคนี้ ทั้งที่เรียนแค่การบ้านการเรือน แถมยังชอบเก็บตัวอยู่แต่ในบ้านตามที่ชรินทร์เคยเล่าให้ฟังอีกด้วย และที่น่าแปลกไปกว่านั้นก็คือ การะเกดมักจะดัดแปลงเครื่องแต่งกายให้มีความแปลกใหม่และล้ำสมัยอยู่เสมอเมื่อพบกัน จนสาวๆ คนอื่นมองด้วยความชื่นชอบและอยากจะแต่งตัวตามด้วย หญิงแต้วเสียใจมากที่ท่านชายก้องเลือกการะเกด พีระเข้ามาปลอบใจและพูดเตือนสติให้คิดทบทวนดูให้ดีว่าแท้จริงแล้วหญิงแต้วรักท่านชายก้องจริงหรือไม่ หรือแค่รู้สึกว่าต้องรักเพราะเชื่อตามคำพูดที่ผู้ใหญ่พูดกรอกหูมาตั้งแต่เด็กว่าต้องหมั้นกับท่านชายก้องเมื่อโตขึ้นเท่านั้น
หญิงแต้วเก็บคำพูดของพีระมาคิดทบทวนอย่างรอบคอบแล้วตัดสินใจยอมถอย ไม่ใช่เพื่อท่านชายก้องแต่เพื่อความสุขของตัวเอง เพราะไม่อยากทนทุกข์ทรมานที่ต้องอยู่กับผู้ชายที่ไม่ได้รักตนไปจนชั่วชีวิตแบบหม่อมประภา หลังจากที่หญิงแต้วตัดใจจากท่านชายก้องได้แล้ว ก็พบว่าแท้จริงแล้วคนที่รักและหวังดีกับตนมาตลอดก็คือพีระ หญิงแต้วตกลงใจรับรักพีระ แต่หม่อมเจ้ารวีโชติและหม่อมประภารังเกียจที่พีระมีชาติกำเนิดที่ต่ำต้อย เป็นแค่ลูกมหาดเล็ก แต่ท่านชายก้องกับชวาลาก็ช่วยเหลือจนพีระกับหญิงแต้วสมหวังได้ในที่สุด
เมื่อเหตุการณ์ร้ายๆ ผ่านไป ท่านชายก้องก็ให้ผู้ใหญ่มาสู่ขอการะเกดทำให้รสิกาคิดหนัก เพราะไม่รู้ว่าตนจะอยู่ในยุคนี้ได้อีกนานแค่ไหน ท่านชายก้องรู้ความลับเรื่องรสิกากับการะเกดว่าทั้งคู่เป็นคนละคนกัน แต่ท่านชายก้องยืนยันจะแต่งงานกับรสิกาไม่ว่ารสิกาจะมีชีวิตอยู่ในยุคนี้ได้อีกนานแค่ไหนก็ตาม เพราะถ้าไม่ได้แต่งงานกับรสิกาท่านชายก้องก็จะไม่แต่งงานกับใครอีก ในคืนวันแต่งงานรสิกาได้หายตัวไปอย่างถาวร รสิกากลับมาใช้ชีวิตอยู่ในยุคปัจจุบันและไม่สามารถย้อนกลับไปสู่อดีตได้อีกแล้ว มาร่วมลุ้นไปกับความรักของทั้งคู่ว่าพรหมลิขิตจะทำให้ทั้งสองกลับมาเจอกันอีกหรือไม่