ละคร My Hero วีรบุรุษสุดที่รัก ตอน เส้นสนกลรัก
ดู 3,264 ครั้ง /
แชร์
ละครออกอากาศ | วันศุกร์ วันเสาร์ วันอาทิตย์ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
ช่องที่ออกอากาศ | ละครช่อง 3 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
เริ่มออกอากาศ | 15 กรกฎาคม 2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
เวลาออกอากาศ | 20:00 - 23:00 น. |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
กำกับโดย | กีรติ นาคอินทนนท์ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
ประพันธ์โดย | บทประพันธ์ หัสบรรณ, บทโทรทัศน์ ปลายสี | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
นำแสดงโดย | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
ผู้สร้าง | บริษัท ชลลัมพี โปรดั๊กชั่น จำกัด |
ภาพนิ่งจากละคร
เรื่องย่อ My Hero วีรบุรุษสุดที่รัก ตอน เส้นสนกลรัก
โขง (พงศกร เมตตาริกานนท์) หนุ่มหล่อจอมกวน ทำเรื่องขอย้ายกลับมาทำงานเป็นนักสังคมสงเคราะห์ที่บ้านเกิด แม้ว่าถิ่นที่เขาจากไปตั้งแต่เด็กนั้น จะเต็มไปด้วยเรื่องราวที่ยังเป็นฝันร้ายหลอกหลอนเขาอยู่ทุกคืนวันก็ตาม เขาเลือกกลับมาที่นี่ก็เพื่อท้าทายความกลัวในใจ แต่นับตั้งแต่คืนแรกที่เขากลับมาที่นี่ เขาฝันร้ายยิ่งกว่าเดิม เขาเห็นภาพของผู้หญิงที่ทุรนทุรายอยู่ในกองเพลิง พยายามจะหาทางรอดจากความตายที่ห้อมล้อมเธออยู่ เขาจะสู้กับภาพที่หลอนชีวิตของเขาได้หรือไม่ ฝันร้ายตามหลอกหลอนเขาจนนอนไม่ค่อยหลับ เป็นเหตุให้เขาตื่นสาย เข้างานหลังเส้นแดงเป็นกิจวัตร
สุรารัตน์ (ดีใจ ดีดีดี) เพื่อนร่วมงานรุ่นพี่เจ้าระเบียบหมายหัวว่าโขงเป็นคนไม่เอาไหน ยิ่งเขามักจะสวนกระแส ดื้อแพ่งต่อระบบระบบระเบียบที่เยิ่นเย้อยุ่งยากเพื่อช่วยให้คนที่มาขอความช่วยเหลือได้รับความสะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้นถึงจะข้ามขั้นตอน ก็ตาม สุรารัตน์ก็ยิ่งหงุดหงิด เพราะต้องมาตามแก้ไขให้ เธอบ่นว่าโขงไม่เต็มปาก เพราะโขงได้รับความเอ็นดูจาก นารี (วราพรรณ หงุ่ยตระกูล) สาวกลางคนหัวหน้าสายงานด้านสังคมสงเคราะห์ที่เล็งเห็นผลของงานสงเคราะห์ช่วยเหลือผู้ที่ตกทุกข์ได้ยากมากกว่าระเบียบพิธีการ จนทำให้เพื่อนร่วมงานที่ทำงานเช้ายามเย็นชามอย่าง เจียรนัย (นิศาวรรณ ศิลปเปียซื่อ) และ มิว หมั่นไส้ รวมหัวนินทาเขาบ่อยๆ ในระหว่างที่พวกเธอทำเป็นง่วนอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ราวกับงานยุ่ง แต่จริงๆ แล้วกำลังเล่นอินเทอร์เน็ตอยู่
แป๊ะ (โฆษวิส ปิยะสกุลแก้ว) หนุ่มขาพิการทำงานด้านเอกสารสำหรับผู้พิการนั้น แม้จะแอบชอบมิวอยู่ แต่เขาก็ชื่นชอบในน้ำใจของโขง เมื่อเขาคว้าเอกสารประจำตัวผู้พิการไปถ่ายเอกสารให้คนที่มาทำเรื่อง โดยที่โขงไม่สนใจว่า ป้ามล พนักงานวัยใกล้เกษียณที่ดูแลเครื่องถ่ายเอกสารนั้นจะพยายามขวางไม่ให้เขาเอาเอกสารมาทำสำเนาให้ฟรี และเมื่อพยายามจะเรียกเก็บเงินจากเขา ก็โดนโขงตอกหน้าว่าข้าราชการกินเงินภาษีจากประชาชนจะไปเก็บเงินค่าถ่ายเอกสารเพิ่มได้อย่างไร ถึงสุรารัตน์จะหมั่นไส้ความไร้ระเบียบของโขง แต่บางครั้งเธอก็ยอมหยวน เมื่อการแหกกฎของเขาเป็นไปเพื่อช่วยคนที่มาขอความช่วยเหลือจริงๆ และแก้ต่างให้เมื่อเจียรนัยมาบ่นว่าเขาให้เธอฟัง
โขงมาสายประจำ จนสุรารัตน์ต้องรับหน้าที่เข้าประชุมกับหน่วยราชการต่างๆ แทนเขา เธอจึงโยนกรณีของ มณฑา (กมลเนตร เรืองศรี) มาให้เขาตามเรื่องและดูแลต่อ สวัสดิ์ (กล้วย เชิญยิ้ม) พนักงานขับรถช่างพูดช่างโม้บอกเขาตามที่ได้ยินมาว่ามณฑาถูกสามีดักสาดน้ำกรดหน้าโรงงานของมณฑา จนเธอเสียโฉม สวัสดิ์บอกโขงว่ามณฑาหน้าตาน่าเกลียดน่ากลัวราวกับว่าสวัสดิ์เคยเห็นหน้าตาของเธอจริงๆ เมื่อสวัสดิ์ขับรถมาถึงที่ เขาก็ไม่ยอมลงไปเป็นเพื่อนโขง ยืนยันว่าจะอยู่เฝ้ารถเพราะหน้าที่เขามีแค่นั้น แม้โขงจะรู้ว่าเจ้าหน้าที่แก่วัดรู้มากอย่างสวัสดิ์จะหาเรื่องนอน เขาก็ตัดสินใจไม่ดึงดันจะลากสวัสดิ์ไปด้วยเพราะรู้ว่าสวัสดิ์ไม่ไปด้วยแน่ๆ
การพบกันครั้งแรกระหว่าง โขง นักสังคมสงเคราะห์หนุ่มกับ มณฑา เหยื่อความรุนแรงในครอบครัวเป็นไปอย่างไม่น่าประทับใจ มณฑาไม่ยินดีต้อนรับเขา เธอหลบสายตาพยายามหลบหน้าด้วยการใช้เส้นผมยาวของเธอบังใบหน้าครึ่งซีกของเธอไว้ เธอเบื่อที่จะต้องเล่าเรื่องซ้ำๆ ซาก ยิ่งเธอเห็นว่าโขงไม่อ่านรายละเอียดเรื่องของเธอมาก่อนเลย ก็ยิ่งทำให้เธอพยายามไล่ให้เขาออกไปจากบ้านที่เธอปิดม่านมิดชิด ราวกับต้องการจะตัดขาดจากโลกภายนอก โขงเองก็รู้สึกผิดที่ประมาทกับเรื่องของมณฑา จนไม่ศึกษาเรื่องราวของเธอมาก่อน เขาบอกเธอด้วยท่าทีกวนๆ ของเขาว่า เขาจะมาพบเธออีก โดยไม่สนใจว่ามณฑาจะเอ่ยปากปฏิเสธ และก่อนจะก้าวออกไปพ้นประตู เขาหันกลับมาหาเธออย่างเร็ว จนเขาและเธอเผชิญหน้ากันตรงๆ ในระยะประชิด เป็นโอกาสเดียวที่เขาได้เห็นใบหน้าของมณฑาจังๆ ก่อนที่เธอจะปิดกระแทกประตูใส่หน้าเขาด้วยความโกรธ
ระหว่างทางที่นั่งรถสองแถวกลับบ้าน โขงมัวแต่คิดถึงเรื่องของมณฑาจนนั่งเลยป้าย เขาจึงต้องเดินย้อนกลับมาไกล ระหว่างทางที่เขาเดินผ่านซอยวัดเปลี่ยว เขาได้ยินเสียงร้องเรียกขอความช่วยเหลือ แม้จะปอดๆ แต่ความอยากรู้อยากเห็นทำให้เขาเมียงมองเดินเข้าไปในวัด และได้เห็น ทิชา (พิชชาภา พันธุมจินดา) สาวสวยเจ้าของรถราคาแพง กำลังถูกมารสังคม 2 คนฉุดกระชากให้ลงมาจากรถ เขาถอยหน้าตั้งจนคนร้ายนึกว่าเขากลัว แต่เขากลับย้อนไปฟาดด้วยไม้หน้าสาม จนคนร้ายม่อยกระรอกสลบคาไม้ท่อนใหญ่ ทิชาซาบซึ้งในน้ำใจของโขงที่เสี่ยงอันตรายช่วยเธอ แถมยังอาสานั่งรถมาเป็นเพื่อน มาส่งเธอจนถึงหน้าบ้าน โขงเก็บความประหลาดใจเอาไว้ในใจ เมื่อพบว่าสาวสวยที่เขาเพิ่งช่วยชีวิตเธอนั้นอาศัยอยู่ในบ้านหลังใหญ่รั้วมหึมา อยู่ข้างๆ อพาร์ตเมนต์ที่เขาเช่านั่นเอง เขาปฏิเสธเมื่อเธออาสาจะไปส่งเขายังที่พัก เขายังปฏิเสธที่จะบอกเธอด้วยว่าเขาชื่ออะไร ทำงานที่ไหน
สุรารัตน์ยั๊วะเมื่อเห็นว่าโขงไม่เขียนความคืบหน้าอะไรบันทึกลงไปในแฟ้มกรณีของมณฑา เธอบอกเขาว่าจะดึงเรื่องกลับมาทำเอง และให้เขาประสานงานเรื่องการประชุมกับหน่วยงานราชการแทน โขงก็รีบปฏิเสธ ยื้อเอาแฟ้มมาถือไว้แน่น และยืนยันว่าเขาจะทำกรณีนี้เอง แลกกับการประสานงานน่าเบื่อแบบนั้น โขงตกเป็นขี้ปากอีกครั้ง เมื่อทิชาตรงเข้ามาทักทายโขงด้วยความดีใจถึงโต๊ะอาหารในงานออกร้านของศาลากลางจังหวัดท่ามกลางสายตาของทุกคน เจียรนัยมองด้วยความหมั่นไส้โขง เมื่อเห็นสายตาของทิชาที่เลือกนั่งลงข้างโขง ส่วนสวัสดิ์มองด้วยความอิจฉา
วันรุ่งขึ้น โขงรู้จากปากจิกกัดของคนรอบข้างว่าเขาเหมือนหมามองเครื่องบิน เพราะทิชาคือลูกสาวคนสวยของ คุณหญิงระวี (สาวิตรี สามิภักดิ์) นายกมูลนิธิช่วยเหลือเด็กด้อยโอกาส ซึ่งสนิทสนมกับคุณนายผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นอย่างดี และเป็นหน่วยงานที่ประสานงานกับหน่วยงานสังคมสงเคราะห์ของเขาอยู่เป็นประจำ แต่โขงไม่ได้ใส่ใจนึกถึงสาวสวยที่ทำให้เขากลายเป็นข่าว เขากลับนึกถึงมณฑา โขงกลับไปบ้านของมณฑาอีกครั้ง แต่คราวนี้เขาพบกับ ทับทิม แม่ปากร้ายอารมณ์บูดของมณฑา ทับทิมไม่ยอมพูดคุยกับเขาแถมยังปิดประตูใส่หน้าเขาอย่างแรงด้วยความหวาดระแวง ประสบการณ์เกือบ 20 ปี บอกให้เขารู้ว่าท่าทีหวาดกลัวนี้หมายถึงการปิดบังอำพรางอะไรบางอย่าง แต่ทับทิมพยายามปิดบังอะไรเขากันแน่
โขงไม่รู้ว่าเขาทำให้เย็นวันนั้น มณฑาถูกทับทิมด่าว่าด้วยความโกรธเกลียดจากคนที่เธอเรียกว่าแม่ แม่ที่กล่าวหาว่าเป็นเพราะเธอที่ทำให้ชีวิตของทับทิมพินาศย่อยยับ ต้องเลิกกับพ่อของมณฑา ถูกทิ้งจนอายแทบจะเอาปี๊ปคลุมหัวเวลาเดินออกไปข้างนอก แม่ที่บอกว่าที่บ้านแตกสาแหรกขาดแบบนี้ก็เป็นเพราะมณฑา เธอจึงต้องไประบายอารมณ์ที่บ่อนไพ่ทุกคืนทุกคืน มณฑาได้แต่เก็บความน้อยเนื้อต่ำใจ เก็บน้ำตาให้ไหลกลับเข้าไปในอกของตัวเอง ในวงเหล้ายามเย็นของเพื่อนซี้ต่างวัย สวัสดิ์เพิ่มเติมเสริมเรื่องเล่าให้โขงฟังว่า มณฑาคงถูก ชัย (ภรัณยู โรจนวุฒิธรรม) สามีทำร้ายเอาจนทนไม่ไหว เมื่อเธอขอเลิกก็เลยโดนดักราดน้ำกรดที่โรงงานจนเสียโฉม
สวัสดิ์ส่ายหัวด้วยความระอาตอนที่เล่าให้เขาฟังว่า มณฑาคงรักผัวมากเลยไม่เอาเรื่อง แต่ตำรวจก็ให้แจ้งความไว้ก่อน ยิ่งป้าคนข้างบ้านช่างสอดรู้สอดเห็นของมณฑามากระซิบกระซาบเล่าให้โขงฟังเป็นคุ้งเป็นแควว่ารู้จักเรื่องราวของบ้านมณฑาดี บอกว่าชัยรักมณฑามาก ซักเสื้อซักชุดชั้นในให้ไม่ถือสา ทับทิมก็เอ็นดูลูกเขย แต่ตอนหลังทะเลาะกันบ่อย พอเกิดเรื่องที่ชัยไปดักสาดน้ำกรดจนมณฑาเสียโฉม ชัยก็รีบกลับมาเก็บของ พอชัยไปแล้วทับทิมก็ร้องไห้โวยวายด่ามณฑาที่ก่อเรื่อง จนลูกเขยคนโปรดอย่างชัยต้องหนีไป แถมยังฉกสร้อยกับแหวนของทับทิมไปด้วย โขงเห็นใจมณฑา ที่ชีวิตของเธอตกเป็นขี้ปากของคนรอบข้างไม่ผิดอะไรกับเขา
โขงไปดักรอมณฑาอยู่หน้าโรงงาน โดยไม่สนใจเลยว่าสาวโรงงานคนอื่นมองเขาจนเหลียวหลังด้วยความสนใจ แต่มณฑาแสดงความไม่พอใจที่เห็นเขาไม่ลดละที่จะมายุ่มย่ามในชีวิตของเธอ โขงบอกเธอว่าเป็นหน้าที่ของเขาที่จะต้องตามช่วยเหลือตามดูพัฒนาการในชีวิตของเหยื่อถูกทำร้าย มณฑาจึงบอกเขาด้วยความโกรธว่ายังมีคนอีกมากมายที่ต้องการความช่วยเหลือมากกว่าเธอ เธอพร่างพรูบอกเล่าเรื่องราวของคนในครอบครัวที่ถูกทำร้ายในแฟลตเก่าที่เธอเคยเช่าอยู่ โขงรับปากเธอทันทีว่าจะช่วยเหลือคนเหล่านั้น แต่มณฑาต้องช่วยพาเขาไป มณฑาไม่มีทางเลือก ดูเหมือนว่าทางเดียวที่จะไม่ให้เขามายุ่มย่ามถึงบ้านเธอกับแม่คือพาเขาไปที่อื่น
โขงแวะกินข้าวมื้อเย็นที่ร้านของน้อยหน่า แม่ค้าสาวขายส้มตำใจแตกซึ่งมีลูกตั้งแต่ยังเด็ก หลานสาวของ ยายแจ๊ว (น้อย โพธิ์งาม) แม่ค้าปากกรรไกรประจำซอย แต่เป็นคู่อริของ ยายไร (ชลมารค ธ เชียงทอง) แม่ค้าขายข้าวแกงประจำซอย แม่ค้ารุ่นยายทุกคนล้วนจดจำโศกนาฏกรรมในครอบครัวของโขงได้ ทุกคนรู้จักสันต์ พ่อผู้พิการขาขาดเพราะโรคเบาหวาน ที่ก่อเหตุยิงแม่ของโขงตายคาบ้านเช่าด้วยความหึงหวง ก่อนยิงตัวเองตายคารถเข็น ภาพที่เด็กชายโขงไม่มีวันลืม ยายแจ๊วบอกว่าโขงหล่อเหมือนพ่อ แต่ยายไรเกทับด้วยการบอกว่าโขงหล่อยิ่งกว่าพ่อ ส่วนน้อยหน่าก็ส่งสายตาหวานให้โขงด้วยความพิศวาส โขงรีบกินรีบเผ่นหนีจากสาวน้อยสาวใหญ่ แต่เขาก็เจอทิชาด้วยความบังเอิญที่หน้าบ้านของเธอเอง ทิชาเข้าใจว่าเขาตั้งใจมาหาเธอ จึงไม่ลังเลที่เอ่ยปากชวนให้เขาเข้ามานั่งกินอาหารว่างเป็นเพื่อนในบ้านหลังใหญ่
วาจาทะเล้นขี้เล่นชวนหัวหยิกแหมหยอกทำให้ทิชาเข้าใจว่าชายหนุ่มผู้มีพระคุณของเธอกำลังจีบเธอ โขมเองก็เริ่มรู้ตัว จึงพยายามจะสงบปากสงบคำมากขึ้น แต่เขาก็ทำให้ทิชาคิดไปไกลกว่าที่เขาคิดซะแล้ว เขาได้แต่คิดว่าจะทำอย่างไรดี เพราะคนทั้งสำนักงานเอ่ยปากห้ามแกมดูถูกว่าอย่าคิดแหยมไปจีบสาวสวยรวยมหาศาลคนนี้ เพราะอาจจะซวยทั้งสำนักงานถ้าคุณหญิงและคุณนายผู้ว่ารู้เรื่องเข้า ทิชาสบายใจเมื่อพูดคุยกับโขง สบายใจและผ่อนคลายมากกว่าตอนที่เธออยู่กับ พีระ (ศรัญยู ประชากริช) หนุ่มธุรกิจเลือดร้อน เจ้าของสถานบันเทิงขนาดใหญ่ที่เธอช่วยดูแลงานด้านบัญชีให้ ทิชารู้ว่าคุณหญิงระวี แม่ของเธอปลื้มพีระที่มักจะบริจาคเงินก้อนใหญ่ช่วยมูลนิธิของคุณหญิงอยู่เป็นประจำ และตั้งใจจะให้เธอกับเขาลงเอยกัน แต่เธอก็ยืนกรานบอกว่าเธอไม่ชอบพีระ เธอมักจะเถียงทะเลาะกับพีระที่มาหาเธอในยามค่ำคืนเสมอๆ โดยไม่รู้ว่าโขงที่อาศัยอยู่บนชั้น 3 ของตึกข้างบ้านของเธอนั้นเห็นเหตุการณ์ด้วย
มณฑาพยายามอดทนกับอารมณ์โกรธของแม่ทับทิม แต่เมื่อทับทิมทำร้ายจิตใจและร่างกายของเธอจนเธอทนไม่ไหว มณฑาก็ตัดใจหอบเสื้อผ้าแอบกลับไปอยู่แฟลตเก่าที่เธอเคยอยู่ ดังนั้นเมื่อโขงมาหาเธอที่บ้าน จึงไม่พบใคร เพราะทับทิมก็ออกไปเล่นไพ่อย่างที่ทำเป็นประจำ ทางเดียวที่เขาจะพบเธอคือไปดักรอที่โรงงาน แต่เมื่อเขาไปถึง เขากลับพบว่าเธอลาออกจากงานไปแล้ว ทิชาตั้งใจมาดักพบโขง และตั้งใจชวนเขาไปทานอาหารเย็นกับเธอ แม้ว่าเขาจะบอกเธอว่าเขามีนัดกับสวัสดิ์แล้ว แต่สายตาอ้อนวอนของสาวสวยที่สัญญาว่าใช้เวลาไม่นาน ทำให้โขงใจอ่อนยอมนั่งรถเธอไปนั่งทานอาหารในสวนอาหารบรรยากาศดี แต่ระหว่างที่นั่งรออาหาร สายตาของโขงเห็นมณฑาเดินผ่านหน้าร้านไป ด้วยความดีใจเขาจึงรีบออกมาจากร้าน โดยบอกทิชาว่าเขาไปไม่นาน
มณฑาแปลกใจและเบื่อหน่ายที่เห็นหน้าโขงอีก เธอตัดสินใจจะทำตามที่เธอเคยสัญญากับเขา คือพาเขาไปที่แฟลตของเธอเพื่อช่วยเหลือคนที่ต้องการการสงเคราะห์ เมื่อมณฑารับปาก โขงจึงยอมปล่อยให้เธอกลับไป ส่วนเขาก็รีบกลับไปหาทิชา เพราะเพิ่งรู้ตัวว่าเขาปล่อยให้เธอนั่งคนเดียวนานเกินไปแล้ว ทิชาเห็นตั้งแต่ที่โขงหันไปเห็นมณฑา เธอเห็นว่าเขาวิ่งตามสาวคนนั้น แล้วปล่อยให้เธอรอเขาอยู่คนเดียวที่โต๊ะท่ามกลางอาหารมากมายที่เธอตั้งใจสั่งมาให้เขา ทิชากำลังเรียกเก็บเงินด้วยความน้อยใจตอนที่โขงวิ่งหน้าตั้งกลับมา เขาพยายามทำให้เธอสบายใจด้วยการสวาปามอาหารมากมายนั้น และใช้เวลาอยู่กับเธอให้มากขึ้นจนเบี้ยวนัดกับสวัสดิ์ที่ตั้งหน้าตั้งตารอก๊งเหล้าแกล้มหอยดองที่เขาสัญญาว่าจะซื้อไปฝาก
สวัสดิ์ไม่รู้ว่าทำไมโขงถึงมักจะหายตัวไปจากสำนักงานทั้งๆ ที่ยังไม่ถึงเวลาเลิกงาน สุรารักษ์คาดโทษโขงให้สวัสดิ์ฟัง แถมยังขู่คู่หูของโขงอย่างสวัสดิ์ให้ระวังตัวว่าจะไม่ได้ขั้น สวัสดิ์จึงพยายามสอดส่องตามประกบดูแลไม่ให้โขงหายไปจากสายตาก่อนเวลา แต่โขงพริ้วกว่าสวัสดิ์ เขาจึงเร้นกายหายตัวไปได้ทุกที โขงไม่ได้บอกใครว่าเขาออกจากสำนักงานก่อนเวลา เพื่อไปตามกรณีของมณฑาอย่างไม่ลดละ และตั้งใจจะช่วยเหลืออีกหลายกรณีตามที่มณฑาเล่าให้เขาฟัง หลังเลิกงานที่โรงงาน มณฑาจำใจต้องพาโขงที่มาดักรอเธอ พาเขาไปแฟลตเก่าที่เธอหนีแม่มาอาศัยอยู่ ที่นี่เขาได้ช่วยผัวเมียที่ทะเลาะกัน ช่วยเด็กที่ถูกทิ้งไว้ที่ระเบียง พาตำรวจจับผัวที่พาเมียเด็กไปขายตัวเอาเงินมาใช้ สะสางเรื่องป้าตีหลาน ทุกเรื่องที่เขาเข้าไปยุ่งเกี่ยว เขาทำตามนโยบายหยุดความรุนแรงในครอบครัว และตามกฎหมายคุ้มครองเด็ก
สุรารักษ์หัวหมุนไปงานกับที่โขงทำและนำเข้าสู่สำนักงาน เพราะมีมาอย่างต่อเนื่องและมากมาย เธอได้แต่สงสัยว่าอยู่ๆ พ่อจอมขี้เกียจไม่ได้เรื่องได้ราวอย่างโขง ทำไมถึงได้ขยันเอาจริงเอาจัง เธอคิดว่าเขาต้องการทำงานเอาหน้าหวังเงินเดือนขึ้น อยากเลื่อนขั้น อยากได้ความดีความชอบ ต้องการแข่งขันกับเจ้าหน้าที่ที่ได้รับรางวัลดีเด่นทุกปีอย่างเธอ สุรารักษ์บ่นให้ ร้อยตำรวจโทกำชัย (สุเมธ องอาจ) แฟนหนุ่มที่ทำงานประสานกันอยู่เป็นประจำว่าเธอไม่ไว้ใจโขง แต่นายตำรวจหนุ่มกลับเริ่มเห็นตัวตนที่แท้จริงของโขงและรู้สึกชื่นชมวีรบุรุษที่ไม่ได้ทำงานเอาหน้าคนนี้
ทิชานัดโขงมาที่ร้านอาหารที่เดิม เพื่อแจ้งกับเขาว่าทางมูลนิธิมีทุนจะมอบให้กับเด็กที่ยากไร้ เธอขอให้โขงหาเด็กที่ต้องการทุนนี้ โขงนึกถึงมณฑา และเด็กๆ ที่แฟลต เขาคิดจะให้มณฑาประกาศข่าวเรื่องทุนนี้ให้คนที่แฟลตได้รู้ แต่แล้วเขาก็ต้องประหลาดใจเมื่อเห็นพนักงานเสริฟคนใหม่คือมณฑา ทิชาเองก็แปลกใจที่เห็นมณฑาที่นี่ เธอจำได้แม่นว่ามณฑาคือคนที่โขงวิ่งตามไปวันก่อน แล้วปล่อยให้เธอคอยเขาอยู่ตามลำพัง แต่เมื่อทิชารู้เรื่องของมณฑาตามที่โขงกระซิบบอก เธอก็รู้สึกสงสารในชะตากรรมของมณฑา ส่วนมณฑาเองรู้สึกว่าหนุ่มหล่ออย่างโขงดูเหมาะสมที่จะเดินเคียงคู่กับสาวสวยอย่างทิชา เธอแปลกใจที่พบว่าเธอรู้สึกอิจฉาทิชาที่สมบูรณ์พร้อมไปทุกอย่าง ทั้งรูปร่างหน้าตา ฐานะ และคนที่รู้ใจ มณฑาพยายามหักห้ามใจที่เริ่มหงุดหงิดเพราะคิดว่าทั้งคู่คงชอบกัน
ทิชาเองก็มีปัญหาของเธอ ทิชาต้องเข้าไปที่ผับเพื่อดูแลตรวจสอบการทำบัญชีให้พีระ และต้องคอยระวังตัวไม่ให้เขาหาเศษหาเลยกับเธอ เธอรู้ว่าพีระหมายปองต้องการครอบครองตัวเธออย่างที่คุณหญิงระวีเปิดทางให้ แต่เธอไม่ต้องการเช่นนั้น เธอจำเป็นต้องทำงานให้พีระ แต่คนที่เธออยากทำงานด้วยคือโขงต่างหาก ทิชารู้สึกยินดีกับการทำงานมอบทุนให้เด็ก เพราะเธอได้ทำงานร่วมกับหน่วยงานของโขงนั่นเอง เมื่อสุรารักษ์รู้เรื่องโครงการให้ทุนของมูลนิธิ เธอก็รู้สึกหมั่นไส้โขงมากยิ่งขึ้น เธอบอกเขาว่ามูลนิธิชอบทำงานเอาหน้า โขงคงชอบทำงานเอาหน้า ส่วนเจียรนัยก็ค่อนแคะว่าเขาต้องการจีบทิชา แต่โขงได้รับไฟเขียวเต็มที่ในโครงการนี้จากหัวหน้านารี จนได้รับอนุญาตให้ใช้รถเมื่อ ไรก็ได้ แม้สวัสดิ์จะแปลกใจแต่ก็รู้สึกยินดี เพราะขับรถให้โขงนั่งนั้น สบายหูกว่าพาสุรารักษ์ไปไหนต่อไหนตั้งเยอะ
โขงให้สวัสดิ์ขับรถไปติดประกาศที่แฟลตของมณฑา สวัสดิ์จำมณฑาไม่ได้ เลยออกลายเจ้าชู้ เขาแปลกใจเมื่อรู้ว่ามณฑาคือคนที่สวัสดิ์บอกโขงเองว่าหน้าตาเละดูไม่ได้ โขงบอกว่ามณฑาไม่ได้โดนน้ำกรด เธอแค่โดนน้ำยาล้างห้องน้ำ แผลที่หน้าก็มีแค่รอยแดงๆ เท่านั้นและอีกไม่นานก็คงจะหาย ถึงจะเห็นว่ามณฑาหน้าตาน่าเอ็นดู สวัสดิ์ก็ยังแสดงท่าทีไม่เห็นด้วยที่โขงจะผูกสัมพันธ์กับมณฑา สวัสดิ์บอกว่ามีผัวจนเกิดเรื่องมาแล้ว ถือว่าเป็นของมีตำหนิ ส่วนทิชาก็อยู่สูงเกินที่โขงจะเอื้อมสอย โขงได้แต่ส่ายหน้าที่สวัสดิ์คิดเองเออเองกับผู้หญิงที่อยู่ใกล้ตัวเขา งานของโขงไปได้ดีทุกด้านจนหัวหน้าชม เพราะเขาทำให้หน่วยงานมีหน้ามีตามีผลงานได้ออกสื่อเป็นข่าวดัง จนคุณหญิงระวีและคุณนายผู้ว่าขอดูตัว สุรารักษ์เลยพาลหงุดหงิดโดยมีเจียรนัยและมลเป็นลูกคู่ ทิชาบอกกับโขงว่าคุณหญิงระวีอยากให้เขาไปช่วยงานที่มูลนิธิ
เมื่อเขาตกเป็นผู้ต้องสงสัยว่าพาแม่ค้าส้มตำน้อยหน่าหนี จนยายแจ๊วพาพวกมาดักสาดน้ำปลาร้าใส่เขา ภาพพจน์ของเขาในสายตาของสุรารักษ์ก็ยิ่งติดลบ รถรับจ้างที่หมายปองน้อยหน่าอยู่มาบอกยายแจ๊วว่าเห็นน้อยหน่าแอบส่งเบอร์โทรศัพท์ให้โขง ยายแจ๊วก็ยิ่งมั่นใจ ยายไรพยายามช่วยเข้าข้างโขง แต่ดูเหมือนไม่มีใครฟัง ทุกคนในซอยปักใจเชื่อตามที่ยายแจ๊วป่าวประกาศไปแล้ว โขงรู้ว่าน้อยหน่าหนีไปทำงานเป็นพนักงานเสิร์ฟในคลับชื่อดังกลางกรุงของพีระ และกำลังจะได้ไปทำงานที่ภูเก็ต แต่เขาก็รู้แค่นั้น เขาไม่รู้ว่าตอนนี้เธออยู่ที่ไหน เขาได้แต่ชื่อของคลับ ไม่ได้เบอร์โทรศัพท์ส่วนตัวของน้อยหน่าอย่างที่คนอื่นเข้าใจกัน
โขงตัดสินใจชวนสวัสดิ์ไปสืบดูลาดเลาในผับของพีระ ที่น้อยหน่าเคยบอกว่าเธอทำงานที่นี่ แต่โขงกลับพบมณฑาในคราบของพนักงานเสิร์ฟสาว เธอแต่งหน้าทาปากแต่งตัวเข้ารูปจนเห็นเรือนร่างสวย เขารู้สึกหงุดหงิดจนต้องแอบไปดักดึงตัวเธอไปถามด้วยความข้องใจ เธอบอกเขาว่าเธอมาตามหาเพื่อนที่หายไปหลังจากเข้ามาทำงานที่นี่ได้ไม่นาน มณฑาตั้งข้อสังเกตว่าพนักงานที่หายไปนั้น เป็นคนที่ไม่มีญาติพี่น้องในกรุงเทพ และหายไปหลังจากทำงานได้เพียง 2 สัปดาห์เท่านั้น มณฑาสืบเรื่องของน้อยหน่ามาให้โขง เธอบอกว่าน้อยหน่าหายไปหลังจากถูกส่งตัวไปทำงานที่ภูเก็ต โขงตั้งข้อสังเกตเรื่องการค้ามนุษย์ ผับดังของพีระอาจจะมีเบื้องหลัง มณฑาบอกเขาว่าจะช่วยหาหลักฐานในห้องทำงานของพีระให้
ระหว่างที่มณฑาพยายามค้นหาเอกสารอยู่นั้น ทิชาที่มาตรวจบัญชีให้พีระเป็นประจำก็เข้ามาพบเธอ แม้ทิชาจะสงสัย แต่เพราะจำได้ว่าเป็นมณฑา เธอจึงไม่กระโตกกระตาก แถมยังช่วยแก้ต่างให้มณฑาเมื่อพีระเข้ามาในห้องหลังจากนั้นไม่นาน มณฑาได้มีโอกาสช่วยทิชาตอบแทน ในคืนที่เธอแอบขึ้นมาเพื่อพยายามจะหาหลักฐานในห้องของพีระอีกครั้ง เธอพบว่าพีระพยายามจะปล้ำทิชาในห้องนั้น มณฑาตัดสินใจส่งข้อความไปบอกโขง เธอหวังว่าเขาจะมาช่วยหญิงคนรักของเขาได้ทัน แต่มณฑากลัวว่าทิชาจะเสียทีพีระก่อนที่โขงจะมา เธอจึงตัดสินใจเข้าไปในห้องแล้วคว้าโคมไฟตีหัวพีระจนทิชาดิ้นหลุดจากการเกาะกุมของเขาได้ แต่มณฑากลับกลายเป็นเหยื่อ เมื่อพีระคว้าตัวเธอไว้แทน ในขณะที่ทิชาวิ่งหนีออกไปจากห้อง
ทิชาวิ่งหนีลงมา เธอโผเข้ากอดโขงทันทีที่เห็นเขา โขงพาตำรวจตรวจยาเสพติดบุกเข้ามาทันทีที่เขาได้รับข้อความจากมณฑา โขงปล่อยให้ตำรวจทำงานตามหน้าที่ ส่วนเขารีบแกะมือของทิชาที่กอดเขาอยู่ออก แล้วพุ่งไปตามทางที่ทิชาชี้บอกเมื่อเขาถามหามณฑา ภาพในห้องของพีระที่เขาเห็นคือมณฑาที่คว้าไม้ยืนอยู่อีกฟากของเตียงโดยมีพีระที่พยายามจะไล่จับตัวเธอให้ได้ พีระตกใจเมื่อเห็นตำรวจที่วิ่งตามโขงเข้ามา เมื่อพีระถูกตำรวจเชิญตัวออกไป โขงก็ไม่ลังเลที่จะดุใส่มณฑาไม่ยั้ง เขาเป็นห่วงเธออย่างเห็นได้ชัด ทิชาที่เดินตามเข้ามาด้วยความเป็นห่วงโขง จึงเห็นแววตาของเขาอย่างชัดเจน ทิชาได้แต่กลืนคำพูดแล้วถอยหลังออกไปจากห้องด้วยความรู้สึกอยากเป็นหญิงสาวที่ถูกโขงดุด้วยความรักความเป็นห่วงอย่างนั้น
ข่าวการบุกตรวจผับดังกลางกรุงกลายเป็นข่าวดังที่สืบสาวไปจนถึงเรื่องการค้ามนุษย์และการฟอกเงิน มูลนิธิของคุณหญิงระวีถูกเพ็งเล็งว่ากลายเป็นแหล่งฟอกเงินให้กับขบวนการค้ามนุษย์ของพีระ เพราะพีระเป็นผู้บริจาครายใหญ่ของที่นี่ คนในสำนักงานสังคมสงเคราะห์ทั้งสุรารักษ์ เจียรนัย มล และสวัสดิ์ต่างวิจารณ์ข่าวนี้อย่างเมามันเพราะเกี่ยวพันถึงทิชา ที่ทุกคนเข้าใจว่าโขงพยายามจีบอยู่ ไม่มีใครรู้ว่าโขงมีส่วนเกี่ยวข้องกับการบุกจับกุมครั้งนี้ด้วย ทิชาปรับทุกข์กับโขงเพราะเธอไม่มีใครอีกแล้ว เธอบอกว่ามูลนิธิของคุณหญิงแม่เสียชื่อเสียงเพราะเข้าไปพัวพันกับพีระ ซึ่งเป็นผู้บริจาครายใหญ่ของมูลนิธิ มีหลักฐานการโอนเงินชัดเจน ชื่อเสียงของมูลนิธิและชื่อเสียงของคุณหญิงระวีฉาวโฉ่จนไม่รู้จะกู้คืนมาได้อย่างไร
เมื่อทิชาเอื้อมมือมาจับมือเขา โขงก็บีบมือเพื่อเป็นกำลังใจให้ โดยไม่รู้ว่าภาพนั้นบาดตามณฑาที่เฝ้าดูอยู่ห่างๆ โขงไม่ได้เจอมณฑาหลังจากเหตุการณ์ในคืนนั้น เพราะเขามัวแต่อยู่เป็นเพื่อนปลอบใจทิชา เพราะตั้งแต่ที่มูลนิธิมีข่าวไปพัวพันกับการค้ามนุษย์ คนในซอยโดยการนำของยายแจ๊วก็ตั้งเป้าด่า และรอดักปาปลาร้าใส่ทุกคนในบ้านนี้ ทิชาขอให้โขงพาเธอออกไปจากบ้าน เธอตัดสินใจไปเช่าโรงแรมเหมือนคุณหญิงแม่จนกว่าเรื่องจะเงียบ ทิชาเตือนให้ทั้งเขาและมณฑาระวังตัวเพราะพีระเป็นคนอาฆาตแรง และมีเส้นสายมากมาย โขงได้รับข้อความทางโทรศัพท์ของมณฑาว่าเธอถูกจับตัวไป เขารีบตามไปหาเธอทันทีโดยไม่ฉุกใจคิดเลยว่าเป็นกับดัก เขาได้เห็นหน้ามณฑาที่ถูกมัดมือมัดเท้าในห้องเล็กก่อนที่จะหมดสติไปเพราะถูกตีหัวจากด้านหลัง
เมื่อเขาฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง โขงก็นอนอยู่ท่ามกลางสาวๆ ที่ถูกบังคับจับตัวจะส่งไปภูเก็ต ซึ่งก็มีมณฑารวมอยู่ด้วย โขงตะเกียกตะกายลุกขึ้น รีบประกอบมือถือที่ถูกเหวี่ยงจนแบตเตอร์รี่กระเด็นออกจากเครื่องแล้วรีบพิมพ์ส่งข้อความอย่างรวดเร็ว ทันเวลาก่อนที่ชายหน้าเหี้ยมจะเข้ามากรอกน้ำใส่ปาก บังคับให้เขาดื่มยานอนหลับจนหมดสติหลับไป เมื่อเขาฟื้นขึ้นมา โขงพบว่าเขาอยู่ในรถทัวร์ที่เต็มไปด้วยสาวๆ ที่เต็มใจไปทำงานที่ภูเก็ต ส่วนคนที่ไม่เต็มใจนั้น เขาได้ยินชายหน้าเหี้ยมที่คุมมาว่าถูกขังอยู่ด้านล่างของรถ โขงได้แต่หวังว่ามณฑาคงจะถูกขังอยู่ในรถคันนี้เช่นกัน รถทัวร์ถูกเรียกจอดกลางทาง ตำรวจทางหลวงมาดักสกัดได้ทันเวลา เพราะร้อยตำรวจโทกำชัยได้รับข้อความแจ้งเหตุจากโขง โขงและสาวๆ ทุกคนได้รับการช่วยเหลือได้ทันท่วงที โขงเป็นผู้อยู่เบื้องหลังผลงานครั้งนี้อีกครั้งโดยที่ไม่มีใครในสำนักงานสังคมสงเคราะห์รู้เลย
แม้ตอนหลังร้อยตำรวจโทกำชัยจะแอบเปิดเผยให้สุรารักษ์รู้ว่าโขงเสี่ยงชีวิตขนาดไหนในการทำคดีนี้ เขาบอกด้วยว่าโขงทำงานร่วมกับตำรวจจากกองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับการค้ามนุษย์มาแล้วทั่วทุกภาค สุรารักษ์ก็ยังทำใจยอมรับได้ยากอยู่ดี เพราะสภาพของโขงห่างไกลจากภาพของวีรบุรุษที่เธอวาดไว้อย่างไกลลิบ แต่เมื่อเจียรนัยจิกกัดโขงว่าคบกับลูกแม่เล้าอย่างทิชา สุรารักษ์ก็หันไปเอ็ดเจียรนัยทันทีจนทุกคนแปลกใจเมื่อเห็นว่าสุรารักษ์เข้าข้างคู่ปรับของตัวเอง โขงถูกดักยิงขณะที่พูดโทรศัพท์กับมณฑา ต่อหน้าเพื่อนร่วมงานทุกคนที่กำลังกินเลี้ยงฉลองวันเกิดให้สวัสดิ์ สุรารักษ์รีบเรียกรถพยาบาลนำโขงส่งโรงพยาบาลอย่างเร่งด่วน ทิชามาเฝ้ารอดูอาการของโขงทันทีที่ทราบข่าว แม้สายตาของสุรารักษ์จะไม่เป็นมิตร แต่ทิชาก็ไม่สนใจ เธอสนใจแต่โขงที่ยังนอนไม่ได้สติในห้องผ่าตัดมากกว่า
โขงยังไม่ได้สติ เขาฝันเห็นร่างของหญิงสาวที่บอบช้ำไปทั้งตัว เธอร้องไห้คร่ำครวญพยายามจะหาทางรอดจากห้องที่คุมขัง สภาพของหญิงคนนั้นสะบักสะบอมเหนื่อยอ่อน แต่ไม่ละความพยายามที่จะหาทางหนี จนในที่สุด ในภาพนิมิตนั้น เขาเห็นชาย 2 คนเดินเข้ามาในห้อง แล้วลากหญิงคนนั้นออกไป โขงไม่เข้าใจว่าภาพของหญิงคนนี้มาปรากฏให้เขาเห็นในฝันได้อย่างไร และเขาฝันเห็นเธอบ่อยครั้ง หลังจากที่เห็นภาพนี้เป็นครั้งแรกในวันที่เขาพบกับทิชา ทิชาร้องไห้อย่างหักห้ามใจไม่อยู่เมื่อได้ยินหมอบอกเล่าอาการของโขงว่ายังน่าเป็นห่วง ไม่มีใครรู้ว่าโขงจะรอดหรือไม่ ไม่มีใครรู้ว่าโขงกำลังต่อสู้กับอะไร
โขงเห็นในนิมิตว่าเขากำลังขับรถไล่ตามรถอีกคันอยู่ หลังรถคันนั้นคือผู้หญิงที่พยายามร้องขอความช่วยเหลือ ร่างกายของเธอเต็มไปด้วยเลือด โขงพยายามจะไล่ให้ทัน แต่เมื่อรถคันนั้นวิ่งฝ่าไฟแดงจนชนเข้ากับรถบรรทุกกลางสี่แยก เขาก็ได้เห็นร่างของหญิงสาวคนนั้นตะเกียกตะกายอยู่ท่ามกลางซากรถพยายามจะดิ้นรถหนีตาย แรงระเบิดครั้งแรกทำให้โขงกระเด็นออกมาก่อนที่จะเข้าช่วยดึงตัวหญิงสาวคนนั้นออกมาได้ และก่อนที่จะเกิดแรงระเบิดครั้งที่ 2 เขาก็เห็นภาพที่น่าสยดสยอง หญิงสาวที่มีไฟลุกท่วมตัว เขาเห็นดวงตาของเธอมองมาที่เขาอย่างสิ้นหวัง เมื่อโขงฟื้นขึ้น คนแรกที่เขาเห็นคือทิชาที่ยืนอยู่ปลายเตียง และนับจากนั้นทิชาก็รับหน้าที่เป็นคนดูแลโขง คอยป้อนข้าวป้อนน้ำ แม้ว่าสวัสดิ์จะแสดงความไม่พอใจและพยายามจะแย่งชิงตำแหน่งนั้นมาทำก็ตาม
มีคนมาเยี่ยมและส่งของมาเยี่ยมไข้โขงมากมายแต่ไม่มีแม้แต่เงาของมณฑา โขงไม่รู้ว่าเจ้าของถุงส้มราคาถูกๆ ที่เขาชอบกินคนนั้นคือมณฑาที่ตัดสินใจกลับทันทีเมื่อเห็นว่าทิชาดูแลโขงอยู่อย่างใกล้ชิด สวัสดิ์ที่ยึดโยงหน้าที่นอนเฝ้าไข้โขงในยามกลางคืนสามารถจับชัยที่เข้ามาพยายามจะทำร้ายโขง แม้ว่าชัยจะพยายามแก้ตัว แต่โขงจำได้ว่าหนุ่มร่างบางท่าทางเหมือนคนติดยาคือชัย คนที่เคยทำร้ายมณฑานั่นเอง ชัยถูกส่งไปโรงพักและต้องเข้าไปนอนในห้องขังทันที ทิชามาปรับทุกข์เรื่องคดีของมูลนิธิ โขงเล่าให้เธอฟังว่ามีหลักฐานอื่นที่มณฑาถ่ายเอาไว้และส่งมาให้เขา แต่เขายังไม่ส่งตำรวจ เขายังไม่ได้ดูว่าคืออะไร แต่หวังว่าจะช่วยทิชาและคุณหญิงได้ โขงแปลกใจเมื่อตื่นขึ้นมาพบว่าตัวเองอยู่ในรถที่ติดเครื่อง จอดขวางกลางถนนสายเปลี่ยว เขาเร่งเครื่องหลบลงข้างทางได้ทันก่อนที่รถบรรทุกใหญ่ที่เร่งเครื่องเต็มอัตราจะโผล่พ้นโค้งมาชนรถของเขา แม้โขงจะยังเจ็บระบมแผล แต่เขาก็สามารถขับรถพาตัวเองกลับมายังโรงพยาบาลได้อย่างปลอดภัย
ทุกคนแปลกใจเมื่อเห็นโขงกลับมาได้เองหลังจากหายไปจากโรงพยาบาลโดยไม่มีใครรู้ แต่คนที่แปลกใจยิ่งกว่าคือทิชา คืนนั้นโขงแอบออกจากโรงพยาบาลอีกครั้ง เขามาหาทิชา เขาต้องการมาพิสูจน์เรื่องที่เขาสงสัย ท่าทีของทิชาทำให้เขาบอกเธอว่าเขารู้ความจริงหมดแล้ว ทิชาคิดว่าเขาขับรถไม่เป็น จึงแอบวางยานอนหลับแล้วเอาตัวเขาใส่รถ หวังสร้างสถานการณ์ว่าเขาตายด้วยอุบัติเหตุรถชน เธอกลัวว่าหลักฐานที่เขาบอกเธอจะเปิดเผยเรื่องราวความจริงทั้งหมดว่าเธอ คุณหญิงแม่ และพีระ อยู่เบื้องหลังขบวนการค้ามนุษย์และการฟอกเงิน ท่าทีของทิชาเปลี่ยนไป จากสาวน้อยอ่อนหวานกลายเป็นสาวใจเหี้ยมที่ไร้ความปรานี เธอบอกเขาว่าโขงไม่มีทางทำอะไรเธอได้ เมื่อทิชาขับรถจากไปนั้น ด้านหลังรถของทิชา โขงก็ได้เห็นภาพที่ติดตา ภาพที่หลอกหลอนเขามานาน นับตั้งแต่ที่เขาได้รู้จักเธอ ตอนนี้เขารู้แล้วว่าหญิงสาวที่โชกไปด้วยเลือดซึ่งนั่งอยู่ท้ายรถในนิมิตนั้นต้องการอะไร
ทิชาขับรถตามลำพังไปบนถนนกลางดึก เธอจอดรถเมื่อสัญญาณเปลี่ยนเป็นไฟแดง กลางสี่แยกที่ทำให้เธอนึกถึงเหตุการณ์ในคืนสยองคืนนั้น คืนที่เธอขับรถตามลูกน้องที่ต้องเอาหญิงสาวไปส่ง แต่เพราะหญิงคนนั้นต่อสู้ดิ้นรนพยายามจะหลบหนีแม้จะถูกรุมโทรมจนยับเยินแล้วก็ตาม รถของลูกน้องขับไปเกี่ยวกับรถสิบล้อจนพลิกตะแคง ลูกน้องของเธอหนีเอาตัวรอดออกมาได้ เธอบอกลูกน้องว่าไม่ต้องช่วยผู้หญิงคนนั้น สายตาเหี้ยมเกรียมของทิชาประสานสายตากับเหยื่อที่สิ้นหวัง สายตานั้นเปลี่ยนเป็นอาฆาตแค้นก่อนเสียงระเบิดจะดังขึ้นจนรถคันนั้นลุกไหม้เป็นไฟ ทิชาเหยียบคันเร่งเรียกสติกลับคืนเมื่อสัญญาณไฟเปลี่ยนเป็นไฟเขียว แต่เหมือนเหตุการณ์ที่เธอเพิ่งนึกถึงจะย้อนกลับมาเล่นซ้ำ รถราคาแพงของเธออัดเข้ารถบรรทุกอย่างจัง ทิชาพยายามควานหาโทรศัพท์เพื่อร้องขอความช่วยเหลือ แต่หญิงสาวในร่างที่โชกเลือดเอื้อมมือมายื้อยุดปิดปากจนเธอส่งเสียงร้องออกมาไม่ได้
เสียงของคนขับรถบรรทุกพูดประโยคเดียวกับที่เธอบอกลูกน้อง ปล่อยให้ตายไป คือเสียงสุดท้ายของที่เธอได้ยิน ก่อนที่เสียงระเบิดจะดังขึ้นจุดประกายไฟเผาร่างของเธอให้ตายทั้งเป็น แบบเดียวกับเหยื่อคนนั้นของเธอ โขงมาที่โรงพักตามคำร้องเรียกของร้อยตำรวจโทกำชัย บนโรงพักวุ่นวายไปด้วยเสียงร้องโวยวายของชัย และเสียงของทับทิมที่ด่าทอมณฑา โขงบอกชัยว่าถ้าไม่อยากนอนห้องขังต่อ ชัยต้องสารภาพความจริงทั้งหมด แม้ทับทิมจะแทรกว่าใครๆ ก็รู้ความจริง แต่โขงก็ยืนยันว่าชัยต้องสารภาพจากปากของเขาเอง
ด้วยความกลัวติดคุก ชัยรีบสารภาพว่าเขาเป็นสามีหนุ่มของทับทิม ไม่ใช่สามีของมณฑาอย่างที่ทุกคนเข้าใจ ทับทิมเจอเขาในบ่อนที่เขาเป็นเด็กวิ่งน้ำเลยชวนเขามาอยู่บ้านด้วยกัน แต่พอเขาเห็นมณฑา เขาก็ชอบเธอ พยายามทำงานบ้านทุกอย่าง แบ่งเบางานของมณฑาเพื่อให้เธอเห็นใจ แต่ทับทิมก็ยังชอบด่าว่ามณฑา ชัยเลยชวนมณฑาหนี แต่มณฑาไม่เล่นด้วย เพราะเธอไม่ชอบชัย ด้วยความผิดหวัง ชัยเลยไปดักรอราดน้ำยาถูพื้นใส่มณฑาที่หน้าโรงงานก่อนจะหลบหนีไป ส่วนที่ชัยบุกเข้าไปจะทำร้ายโขงที่โรงพยาบาลเพราะอิจฉาที่เห็นมณฑามีความสุขเวลาอยู่กับโขง แต่ตำรวจไม่ยอมปล่อยชัย เพราะคดีที่ชัยจะทำร้ายโขงเป็นคดีอาญา ยอมความกันไม่ได้ ทับทิมร้องไห้โฮสงสารสามีหนุ่ม มณฑาใจอ่อนสงสารแม่ เธอได้แต่หันไปสบตากับโขงอย่างขอความช่วยเหลือ โขงจึงบอกตำรวจว่านี่ไม่ใช่คดีอาญา เพราะเป็นเรื่องในครอบครัว เขาไม่เอาความ
เมื่อตำรวจแย้งว่าเรื่องของโขงไม่ใช่เรื่องในครอบครัว โขงก็เลยบอกว่าชัยเป็นสามีของทับทิม ซึ่งเป็นแม่ของมณฑา ก็เท่ากับเป็นพ่อตาของเขา เพราะฉะนั้นคดีของเขาจึงเป็นไม่ใช่คดีอาญา ทุกคนตกตะลึงเมื่อได้ยินคำยืนยันเช่นนั้นของโขม รวมทั้งมณฑาที่อ้าปากค้างเพราะพูดอะไรไม่ออก เธอไม่กล้าปฏิเสธ เพราะกลัวว่าถ้าชัยถูกจับติดคุก แม่ทับทิมจะร้องไห้โวยวายเสียใจ มณฑาเลยต้องปล่อยเลยตามเลย และยอมให้โขงกอดเอวเธอเดินลงมาจากโรงพักแต่โดยดี โขงสารภาพรักกับมณฑา เขาสัญญาว่าจะสร้างครอบครัวที่สมบูรณ์และอบอุ่น ครอบครัวที่เขาและเธอใฝ่ฝันมาตลอดด้วยมือและหัวใจของเขาเอง
สุรารัตน์ (ดีใจ ดีดีดี) เพื่อนร่วมงานรุ่นพี่เจ้าระเบียบหมายหัวว่าโขงเป็นคนไม่เอาไหน ยิ่งเขามักจะสวนกระแส ดื้อแพ่งต่อระบบระบบระเบียบที่เยิ่นเย้อยุ่งยากเพื่อช่วยให้คนที่มาขอความช่วยเหลือได้รับความสะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้นถึงจะข้ามขั้นตอน ก็ตาม สุรารัตน์ก็ยิ่งหงุดหงิด เพราะต้องมาตามแก้ไขให้ เธอบ่นว่าโขงไม่เต็มปาก เพราะโขงได้รับความเอ็นดูจาก นารี (วราพรรณ หงุ่ยตระกูล) สาวกลางคนหัวหน้าสายงานด้านสังคมสงเคราะห์ที่เล็งเห็นผลของงานสงเคราะห์ช่วยเหลือผู้ที่ตกทุกข์ได้ยากมากกว่าระเบียบพิธีการ จนทำให้เพื่อนร่วมงานที่ทำงานเช้ายามเย็นชามอย่าง เจียรนัย (นิศาวรรณ ศิลปเปียซื่อ) และ มิว หมั่นไส้ รวมหัวนินทาเขาบ่อยๆ ในระหว่างที่พวกเธอทำเป็นง่วนอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ราวกับงานยุ่ง แต่จริงๆ แล้วกำลังเล่นอินเทอร์เน็ตอยู่
แป๊ะ (โฆษวิส ปิยะสกุลแก้ว) หนุ่มขาพิการทำงานด้านเอกสารสำหรับผู้พิการนั้น แม้จะแอบชอบมิวอยู่ แต่เขาก็ชื่นชอบในน้ำใจของโขง เมื่อเขาคว้าเอกสารประจำตัวผู้พิการไปถ่ายเอกสารให้คนที่มาทำเรื่อง โดยที่โขงไม่สนใจว่า ป้ามล พนักงานวัยใกล้เกษียณที่ดูแลเครื่องถ่ายเอกสารนั้นจะพยายามขวางไม่ให้เขาเอาเอกสารมาทำสำเนาให้ฟรี และเมื่อพยายามจะเรียกเก็บเงินจากเขา ก็โดนโขงตอกหน้าว่าข้าราชการกินเงินภาษีจากประชาชนจะไปเก็บเงินค่าถ่ายเอกสารเพิ่มได้อย่างไร ถึงสุรารัตน์จะหมั่นไส้ความไร้ระเบียบของโขง แต่บางครั้งเธอก็ยอมหยวน เมื่อการแหกกฎของเขาเป็นไปเพื่อช่วยคนที่มาขอความช่วยเหลือจริงๆ และแก้ต่างให้เมื่อเจียรนัยมาบ่นว่าเขาให้เธอฟัง
โขงมาสายประจำ จนสุรารัตน์ต้องรับหน้าที่เข้าประชุมกับหน่วยราชการต่างๆ แทนเขา เธอจึงโยนกรณีของ มณฑา (กมลเนตร เรืองศรี) มาให้เขาตามเรื่องและดูแลต่อ สวัสดิ์ (กล้วย เชิญยิ้ม) พนักงานขับรถช่างพูดช่างโม้บอกเขาตามที่ได้ยินมาว่ามณฑาถูกสามีดักสาดน้ำกรดหน้าโรงงานของมณฑา จนเธอเสียโฉม สวัสดิ์บอกโขงว่ามณฑาหน้าตาน่าเกลียดน่ากลัวราวกับว่าสวัสดิ์เคยเห็นหน้าตาของเธอจริงๆ เมื่อสวัสดิ์ขับรถมาถึงที่ เขาก็ไม่ยอมลงไปเป็นเพื่อนโขง ยืนยันว่าจะอยู่เฝ้ารถเพราะหน้าที่เขามีแค่นั้น แม้โขงจะรู้ว่าเจ้าหน้าที่แก่วัดรู้มากอย่างสวัสดิ์จะหาเรื่องนอน เขาก็ตัดสินใจไม่ดึงดันจะลากสวัสดิ์ไปด้วยเพราะรู้ว่าสวัสดิ์ไม่ไปด้วยแน่ๆ
การพบกันครั้งแรกระหว่าง โขง นักสังคมสงเคราะห์หนุ่มกับ มณฑา เหยื่อความรุนแรงในครอบครัวเป็นไปอย่างไม่น่าประทับใจ มณฑาไม่ยินดีต้อนรับเขา เธอหลบสายตาพยายามหลบหน้าด้วยการใช้เส้นผมยาวของเธอบังใบหน้าครึ่งซีกของเธอไว้ เธอเบื่อที่จะต้องเล่าเรื่องซ้ำๆ ซาก ยิ่งเธอเห็นว่าโขงไม่อ่านรายละเอียดเรื่องของเธอมาก่อนเลย ก็ยิ่งทำให้เธอพยายามไล่ให้เขาออกไปจากบ้านที่เธอปิดม่านมิดชิด ราวกับต้องการจะตัดขาดจากโลกภายนอก โขงเองก็รู้สึกผิดที่ประมาทกับเรื่องของมณฑา จนไม่ศึกษาเรื่องราวของเธอมาก่อน เขาบอกเธอด้วยท่าทีกวนๆ ของเขาว่า เขาจะมาพบเธออีก โดยไม่สนใจว่ามณฑาจะเอ่ยปากปฏิเสธ และก่อนจะก้าวออกไปพ้นประตู เขาหันกลับมาหาเธออย่างเร็ว จนเขาและเธอเผชิญหน้ากันตรงๆ ในระยะประชิด เป็นโอกาสเดียวที่เขาได้เห็นใบหน้าของมณฑาจังๆ ก่อนที่เธอจะปิดกระแทกประตูใส่หน้าเขาด้วยความโกรธ
ระหว่างทางที่นั่งรถสองแถวกลับบ้าน โขงมัวแต่คิดถึงเรื่องของมณฑาจนนั่งเลยป้าย เขาจึงต้องเดินย้อนกลับมาไกล ระหว่างทางที่เขาเดินผ่านซอยวัดเปลี่ยว เขาได้ยินเสียงร้องเรียกขอความช่วยเหลือ แม้จะปอดๆ แต่ความอยากรู้อยากเห็นทำให้เขาเมียงมองเดินเข้าไปในวัด และได้เห็น ทิชา (พิชชาภา พันธุมจินดา) สาวสวยเจ้าของรถราคาแพง กำลังถูกมารสังคม 2 คนฉุดกระชากให้ลงมาจากรถ เขาถอยหน้าตั้งจนคนร้ายนึกว่าเขากลัว แต่เขากลับย้อนไปฟาดด้วยไม้หน้าสาม จนคนร้ายม่อยกระรอกสลบคาไม้ท่อนใหญ่ ทิชาซาบซึ้งในน้ำใจของโขงที่เสี่ยงอันตรายช่วยเธอ แถมยังอาสานั่งรถมาเป็นเพื่อน มาส่งเธอจนถึงหน้าบ้าน โขงเก็บความประหลาดใจเอาไว้ในใจ เมื่อพบว่าสาวสวยที่เขาเพิ่งช่วยชีวิตเธอนั้นอาศัยอยู่ในบ้านหลังใหญ่รั้วมหึมา อยู่ข้างๆ อพาร์ตเมนต์ที่เขาเช่านั่นเอง เขาปฏิเสธเมื่อเธออาสาจะไปส่งเขายังที่พัก เขายังปฏิเสธที่จะบอกเธอด้วยว่าเขาชื่ออะไร ทำงานที่ไหน
สุรารัตน์ยั๊วะเมื่อเห็นว่าโขงไม่เขียนความคืบหน้าอะไรบันทึกลงไปในแฟ้มกรณีของมณฑา เธอบอกเขาว่าจะดึงเรื่องกลับมาทำเอง และให้เขาประสานงานเรื่องการประชุมกับหน่วยงานราชการแทน โขงก็รีบปฏิเสธ ยื้อเอาแฟ้มมาถือไว้แน่น และยืนยันว่าเขาจะทำกรณีนี้เอง แลกกับการประสานงานน่าเบื่อแบบนั้น โขงตกเป็นขี้ปากอีกครั้ง เมื่อทิชาตรงเข้ามาทักทายโขงด้วยความดีใจถึงโต๊ะอาหารในงานออกร้านของศาลากลางจังหวัดท่ามกลางสายตาของทุกคน เจียรนัยมองด้วยความหมั่นไส้โขง เมื่อเห็นสายตาของทิชาที่เลือกนั่งลงข้างโขง ส่วนสวัสดิ์มองด้วยความอิจฉา
วันรุ่งขึ้น โขงรู้จากปากจิกกัดของคนรอบข้างว่าเขาเหมือนหมามองเครื่องบิน เพราะทิชาคือลูกสาวคนสวยของ คุณหญิงระวี (สาวิตรี สามิภักดิ์) นายกมูลนิธิช่วยเหลือเด็กด้อยโอกาส ซึ่งสนิทสนมกับคุณนายผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นอย่างดี และเป็นหน่วยงานที่ประสานงานกับหน่วยงานสังคมสงเคราะห์ของเขาอยู่เป็นประจำ แต่โขงไม่ได้ใส่ใจนึกถึงสาวสวยที่ทำให้เขากลายเป็นข่าว เขากลับนึกถึงมณฑา โขงกลับไปบ้านของมณฑาอีกครั้ง แต่คราวนี้เขาพบกับ ทับทิม แม่ปากร้ายอารมณ์บูดของมณฑา ทับทิมไม่ยอมพูดคุยกับเขาแถมยังปิดประตูใส่หน้าเขาอย่างแรงด้วยความหวาดระแวง ประสบการณ์เกือบ 20 ปี บอกให้เขารู้ว่าท่าทีหวาดกลัวนี้หมายถึงการปิดบังอำพรางอะไรบางอย่าง แต่ทับทิมพยายามปิดบังอะไรเขากันแน่
โขงไม่รู้ว่าเขาทำให้เย็นวันนั้น มณฑาถูกทับทิมด่าว่าด้วยความโกรธเกลียดจากคนที่เธอเรียกว่าแม่ แม่ที่กล่าวหาว่าเป็นเพราะเธอที่ทำให้ชีวิตของทับทิมพินาศย่อยยับ ต้องเลิกกับพ่อของมณฑา ถูกทิ้งจนอายแทบจะเอาปี๊ปคลุมหัวเวลาเดินออกไปข้างนอก แม่ที่บอกว่าที่บ้านแตกสาแหรกขาดแบบนี้ก็เป็นเพราะมณฑา เธอจึงต้องไประบายอารมณ์ที่บ่อนไพ่ทุกคืนทุกคืน มณฑาได้แต่เก็บความน้อยเนื้อต่ำใจ เก็บน้ำตาให้ไหลกลับเข้าไปในอกของตัวเอง ในวงเหล้ายามเย็นของเพื่อนซี้ต่างวัย สวัสดิ์เพิ่มเติมเสริมเรื่องเล่าให้โขงฟังว่า มณฑาคงถูก ชัย (ภรัณยู โรจนวุฒิธรรม) สามีทำร้ายเอาจนทนไม่ไหว เมื่อเธอขอเลิกก็เลยโดนดักราดน้ำกรดที่โรงงานจนเสียโฉม
สวัสดิ์ส่ายหัวด้วยความระอาตอนที่เล่าให้เขาฟังว่า มณฑาคงรักผัวมากเลยไม่เอาเรื่อง แต่ตำรวจก็ให้แจ้งความไว้ก่อน ยิ่งป้าคนข้างบ้านช่างสอดรู้สอดเห็นของมณฑามากระซิบกระซาบเล่าให้โขงฟังเป็นคุ้งเป็นแควว่ารู้จักเรื่องราวของบ้านมณฑาดี บอกว่าชัยรักมณฑามาก ซักเสื้อซักชุดชั้นในให้ไม่ถือสา ทับทิมก็เอ็นดูลูกเขย แต่ตอนหลังทะเลาะกันบ่อย พอเกิดเรื่องที่ชัยไปดักสาดน้ำกรดจนมณฑาเสียโฉม ชัยก็รีบกลับมาเก็บของ พอชัยไปแล้วทับทิมก็ร้องไห้โวยวายด่ามณฑาที่ก่อเรื่อง จนลูกเขยคนโปรดอย่างชัยต้องหนีไป แถมยังฉกสร้อยกับแหวนของทับทิมไปด้วย โขงเห็นใจมณฑา ที่ชีวิตของเธอตกเป็นขี้ปากของคนรอบข้างไม่ผิดอะไรกับเขา
โขงไปดักรอมณฑาอยู่หน้าโรงงาน โดยไม่สนใจเลยว่าสาวโรงงานคนอื่นมองเขาจนเหลียวหลังด้วยความสนใจ แต่มณฑาแสดงความไม่พอใจที่เห็นเขาไม่ลดละที่จะมายุ่มย่ามในชีวิตของเธอ โขงบอกเธอว่าเป็นหน้าที่ของเขาที่จะต้องตามช่วยเหลือตามดูพัฒนาการในชีวิตของเหยื่อถูกทำร้าย มณฑาจึงบอกเขาด้วยความโกรธว่ายังมีคนอีกมากมายที่ต้องการความช่วยเหลือมากกว่าเธอ เธอพร่างพรูบอกเล่าเรื่องราวของคนในครอบครัวที่ถูกทำร้ายในแฟลตเก่าที่เธอเคยเช่าอยู่ โขงรับปากเธอทันทีว่าจะช่วยเหลือคนเหล่านั้น แต่มณฑาต้องช่วยพาเขาไป มณฑาไม่มีทางเลือก ดูเหมือนว่าทางเดียวที่จะไม่ให้เขามายุ่มย่ามถึงบ้านเธอกับแม่คือพาเขาไปที่อื่น
โขงแวะกินข้าวมื้อเย็นที่ร้านของน้อยหน่า แม่ค้าสาวขายส้มตำใจแตกซึ่งมีลูกตั้งแต่ยังเด็ก หลานสาวของ ยายแจ๊ว (น้อย โพธิ์งาม) แม่ค้าปากกรรไกรประจำซอย แต่เป็นคู่อริของ ยายไร (ชลมารค ธ เชียงทอง) แม่ค้าขายข้าวแกงประจำซอย แม่ค้ารุ่นยายทุกคนล้วนจดจำโศกนาฏกรรมในครอบครัวของโขงได้ ทุกคนรู้จักสันต์ พ่อผู้พิการขาขาดเพราะโรคเบาหวาน ที่ก่อเหตุยิงแม่ของโขงตายคาบ้านเช่าด้วยความหึงหวง ก่อนยิงตัวเองตายคารถเข็น ภาพที่เด็กชายโขงไม่มีวันลืม ยายแจ๊วบอกว่าโขงหล่อเหมือนพ่อ แต่ยายไรเกทับด้วยการบอกว่าโขงหล่อยิ่งกว่าพ่อ ส่วนน้อยหน่าก็ส่งสายตาหวานให้โขงด้วยความพิศวาส โขงรีบกินรีบเผ่นหนีจากสาวน้อยสาวใหญ่ แต่เขาก็เจอทิชาด้วยความบังเอิญที่หน้าบ้านของเธอเอง ทิชาเข้าใจว่าเขาตั้งใจมาหาเธอ จึงไม่ลังเลที่เอ่ยปากชวนให้เขาเข้ามานั่งกินอาหารว่างเป็นเพื่อนในบ้านหลังใหญ่
วาจาทะเล้นขี้เล่นชวนหัวหยิกแหมหยอกทำให้ทิชาเข้าใจว่าชายหนุ่มผู้มีพระคุณของเธอกำลังจีบเธอ โขมเองก็เริ่มรู้ตัว จึงพยายามจะสงบปากสงบคำมากขึ้น แต่เขาก็ทำให้ทิชาคิดไปไกลกว่าที่เขาคิดซะแล้ว เขาได้แต่คิดว่าจะทำอย่างไรดี เพราะคนทั้งสำนักงานเอ่ยปากห้ามแกมดูถูกว่าอย่าคิดแหยมไปจีบสาวสวยรวยมหาศาลคนนี้ เพราะอาจจะซวยทั้งสำนักงานถ้าคุณหญิงและคุณนายผู้ว่ารู้เรื่องเข้า ทิชาสบายใจเมื่อพูดคุยกับโขง สบายใจและผ่อนคลายมากกว่าตอนที่เธออยู่กับ พีระ (ศรัญยู ประชากริช) หนุ่มธุรกิจเลือดร้อน เจ้าของสถานบันเทิงขนาดใหญ่ที่เธอช่วยดูแลงานด้านบัญชีให้ ทิชารู้ว่าคุณหญิงระวี แม่ของเธอปลื้มพีระที่มักจะบริจาคเงินก้อนใหญ่ช่วยมูลนิธิของคุณหญิงอยู่เป็นประจำ และตั้งใจจะให้เธอกับเขาลงเอยกัน แต่เธอก็ยืนกรานบอกว่าเธอไม่ชอบพีระ เธอมักจะเถียงทะเลาะกับพีระที่มาหาเธอในยามค่ำคืนเสมอๆ โดยไม่รู้ว่าโขงที่อาศัยอยู่บนชั้น 3 ของตึกข้างบ้านของเธอนั้นเห็นเหตุการณ์ด้วย
มณฑาพยายามอดทนกับอารมณ์โกรธของแม่ทับทิม แต่เมื่อทับทิมทำร้ายจิตใจและร่างกายของเธอจนเธอทนไม่ไหว มณฑาก็ตัดใจหอบเสื้อผ้าแอบกลับไปอยู่แฟลตเก่าที่เธอเคยอยู่ ดังนั้นเมื่อโขงมาหาเธอที่บ้าน จึงไม่พบใคร เพราะทับทิมก็ออกไปเล่นไพ่อย่างที่ทำเป็นประจำ ทางเดียวที่เขาจะพบเธอคือไปดักรอที่โรงงาน แต่เมื่อเขาไปถึง เขากลับพบว่าเธอลาออกจากงานไปแล้ว ทิชาตั้งใจมาดักพบโขง และตั้งใจชวนเขาไปทานอาหารเย็นกับเธอ แม้ว่าเขาจะบอกเธอว่าเขามีนัดกับสวัสดิ์แล้ว แต่สายตาอ้อนวอนของสาวสวยที่สัญญาว่าใช้เวลาไม่นาน ทำให้โขงใจอ่อนยอมนั่งรถเธอไปนั่งทานอาหารในสวนอาหารบรรยากาศดี แต่ระหว่างที่นั่งรออาหาร สายตาของโขงเห็นมณฑาเดินผ่านหน้าร้านไป ด้วยความดีใจเขาจึงรีบออกมาจากร้าน โดยบอกทิชาว่าเขาไปไม่นาน
มณฑาแปลกใจและเบื่อหน่ายที่เห็นหน้าโขงอีก เธอตัดสินใจจะทำตามที่เธอเคยสัญญากับเขา คือพาเขาไปที่แฟลตของเธอเพื่อช่วยเหลือคนที่ต้องการการสงเคราะห์ เมื่อมณฑารับปาก โขงจึงยอมปล่อยให้เธอกลับไป ส่วนเขาก็รีบกลับไปหาทิชา เพราะเพิ่งรู้ตัวว่าเขาปล่อยให้เธอนั่งคนเดียวนานเกินไปแล้ว ทิชาเห็นตั้งแต่ที่โขงหันไปเห็นมณฑา เธอเห็นว่าเขาวิ่งตามสาวคนนั้น แล้วปล่อยให้เธอรอเขาอยู่คนเดียวที่โต๊ะท่ามกลางอาหารมากมายที่เธอตั้งใจสั่งมาให้เขา ทิชากำลังเรียกเก็บเงินด้วยความน้อยใจตอนที่โขงวิ่งหน้าตั้งกลับมา เขาพยายามทำให้เธอสบายใจด้วยการสวาปามอาหารมากมายนั้น และใช้เวลาอยู่กับเธอให้มากขึ้นจนเบี้ยวนัดกับสวัสดิ์ที่ตั้งหน้าตั้งตารอก๊งเหล้าแกล้มหอยดองที่เขาสัญญาว่าจะซื้อไปฝาก
สวัสดิ์ไม่รู้ว่าทำไมโขงถึงมักจะหายตัวไปจากสำนักงานทั้งๆ ที่ยังไม่ถึงเวลาเลิกงาน สุรารักษ์คาดโทษโขงให้สวัสดิ์ฟัง แถมยังขู่คู่หูของโขงอย่างสวัสดิ์ให้ระวังตัวว่าจะไม่ได้ขั้น สวัสดิ์จึงพยายามสอดส่องตามประกบดูแลไม่ให้โขงหายไปจากสายตาก่อนเวลา แต่โขงพริ้วกว่าสวัสดิ์ เขาจึงเร้นกายหายตัวไปได้ทุกที โขงไม่ได้บอกใครว่าเขาออกจากสำนักงานก่อนเวลา เพื่อไปตามกรณีของมณฑาอย่างไม่ลดละ และตั้งใจจะช่วยเหลืออีกหลายกรณีตามที่มณฑาเล่าให้เขาฟัง หลังเลิกงานที่โรงงาน มณฑาจำใจต้องพาโขงที่มาดักรอเธอ พาเขาไปแฟลตเก่าที่เธอหนีแม่มาอาศัยอยู่ ที่นี่เขาได้ช่วยผัวเมียที่ทะเลาะกัน ช่วยเด็กที่ถูกทิ้งไว้ที่ระเบียง พาตำรวจจับผัวที่พาเมียเด็กไปขายตัวเอาเงินมาใช้ สะสางเรื่องป้าตีหลาน ทุกเรื่องที่เขาเข้าไปยุ่งเกี่ยว เขาทำตามนโยบายหยุดความรุนแรงในครอบครัว และตามกฎหมายคุ้มครองเด็ก
สุรารักษ์หัวหมุนไปงานกับที่โขงทำและนำเข้าสู่สำนักงาน เพราะมีมาอย่างต่อเนื่องและมากมาย เธอได้แต่สงสัยว่าอยู่ๆ พ่อจอมขี้เกียจไม่ได้เรื่องได้ราวอย่างโขง ทำไมถึงได้ขยันเอาจริงเอาจัง เธอคิดว่าเขาต้องการทำงานเอาหน้าหวังเงินเดือนขึ้น อยากเลื่อนขั้น อยากได้ความดีความชอบ ต้องการแข่งขันกับเจ้าหน้าที่ที่ได้รับรางวัลดีเด่นทุกปีอย่างเธอ สุรารักษ์บ่นให้ ร้อยตำรวจโทกำชัย (สุเมธ องอาจ) แฟนหนุ่มที่ทำงานประสานกันอยู่เป็นประจำว่าเธอไม่ไว้ใจโขง แต่นายตำรวจหนุ่มกลับเริ่มเห็นตัวตนที่แท้จริงของโขงและรู้สึกชื่นชมวีรบุรุษที่ไม่ได้ทำงานเอาหน้าคนนี้
ทิชานัดโขงมาที่ร้านอาหารที่เดิม เพื่อแจ้งกับเขาว่าทางมูลนิธิมีทุนจะมอบให้กับเด็กที่ยากไร้ เธอขอให้โขงหาเด็กที่ต้องการทุนนี้ โขงนึกถึงมณฑา และเด็กๆ ที่แฟลต เขาคิดจะให้มณฑาประกาศข่าวเรื่องทุนนี้ให้คนที่แฟลตได้รู้ แต่แล้วเขาก็ต้องประหลาดใจเมื่อเห็นพนักงานเสริฟคนใหม่คือมณฑา ทิชาเองก็แปลกใจที่เห็นมณฑาที่นี่ เธอจำได้แม่นว่ามณฑาคือคนที่โขงวิ่งตามไปวันก่อน แล้วปล่อยให้เธอคอยเขาอยู่ตามลำพัง แต่เมื่อทิชารู้เรื่องของมณฑาตามที่โขงกระซิบบอก เธอก็รู้สึกสงสารในชะตากรรมของมณฑา ส่วนมณฑาเองรู้สึกว่าหนุ่มหล่ออย่างโขงดูเหมาะสมที่จะเดินเคียงคู่กับสาวสวยอย่างทิชา เธอแปลกใจที่พบว่าเธอรู้สึกอิจฉาทิชาที่สมบูรณ์พร้อมไปทุกอย่าง ทั้งรูปร่างหน้าตา ฐานะ และคนที่รู้ใจ มณฑาพยายามหักห้ามใจที่เริ่มหงุดหงิดเพราะคิดว่าทั้งคู่คงชอบกัน
ทิชาเองก็มีปัญหาของเธอ ทิชาต้องเข้าไปที่ผับเพื่อดูแลตรวจสอบการทำบัญชีให้พีระ และต้องคอยระวังตัวไม่ให้เขาหาเศษหาเลยกับเธอ เธอรู้ว่าพีระหมายปองต้องการครอบครองตัวเธออย่างที่คุณหญิงระวีเปิดทางให้ แต่เธอไม่ต้องการเช่นนั้น เธอจำเป็นต้องทำงานให้พีระ แต่คนที่เธออยากทำงานด้วยคือโขงต่างหาก ทิชารู้สึกยินดีกับการทำงานมอบทุนให้เด็ก เพราะเธอได้ทำงานร่วมกับหน่วยงานของโขงนั่นเอง เมื่อสุรารักษ์รู้เรื่องโครงการให้ทุนของมูลนิธิ เธอก็รู้สึกหมั่นไส้โขงมากยิ่งขึ้น เธอบอกเขาว่ามูลนิธิชอบทำงานเอาหน้า โขงคงชอบทำงานเอาหน้า ส่วนเจียรนัยก็ค่อนแคะว่าเขาต้องการจีบทิชา แต่โขงได้รับไฟเขียวเต็มที่ในโครงการนี้จากหัวหน้านารี จนได้รับอนุญาตให้ใช้รถเมื่อ ไรก็ได้ แม้สวัสดิ์จะแปลกใจแต่ก็รู้สึกยินดี เพราะขับรถให้โขงนั่งนั้น สบายหูกว่าพาสุรารักษ์ไปไหนต่อไหนตั้งเยอะ
โขงให้สวัสดิ์ขับรถไปติดประกาศที่แฟลตของมณฑา สวัสดิ์จำมณฑาไม่ได้ เลยออกลายเจ้าชู้ เขาแปลกใจเมื่อรู้ว่ามณฑาคือคนที่สวัสดิ์บอกโขงเองว่าหน้าตาเละดูไม่ได้ โขงบอกว่ามณฑาไม่ได้โดนน้ำกรด เธอแค่โดนน้ำยาล้างห้องน้ำ แผลที่หน้าก็มีแค่รอยแดงๆ เท่านั้นและอีกไม่นานก็คงจะหาย ถึงจะเห็นว่ามณฑาหน้าตาน่าเอ็นดู สวัสดิ์ก็ยังแสดงท่าทีไม่เห็นด้วยที่โขงจะผูกสัมพันธ์กับมณฑา สวัสดิ์บอกว่ามีผัวจนเกิดเรื่องมาแล้ว ถือว่าเป็นของมีตำหนิ ส่วนทิชาก็อยู่สูงเกินที่โขงจะเอื้อมสอย โขงได้แต่ส่ายหน้าที่สวัสดิ์คิดเองเออเองกับผู้หญิงที่อยู่ใกล้ตัวเขา งานของโขงไปได้ดีทุกด้านจนหัวหน้าชม เพราะเขาทำให้หน่วยงานมีหน้ามีตามีผลงานได้ออกสื่อเป็นข่าวดัง จนคุณหญิงระวีและคุณนายผู้ว่าขอดูตัว สุรารักษ์เลยพาลหงุดหงิดโดยมีเจียรนัยและมลเป็นลูกคู่ ทิชาบอกกับโขงว่าคุณหญิงระวีอยากให้เขาไปช่วยงานที่มูลนิธิ
เมื่อเขาตกเป็นผู้ต้องสงสัยว่าพาแม่ค้าส้มตำน้อยหน่าหนี จนยายแจ๊วพาพวกมาดักสาดน้ำปลาร้าใส่เขา ภาพพจน์ของเขาในสายตาของสุรารักษ์ก็ยิ่งติดลบ รถรับจ้างที่หมายปองน้อยหน่าอยู่มาบอกยายแจ๊วว่าเห็นน้อยหน่าแอบส่งเบอร์โทรศัพท์ให้โขง ยายแจ๊วก็ยิ่งมั่นใจ ยายไรพยายามช่วยเข้าข้างโขง แต่ดูเหมือนไม่มีใครฟัง ทุกคนในซอยปักใจเชื่อตามที่ยายแจ๊วป่าวประกาศไปแล้ว โขงรู้ว่าน้อยหน่าหนีไปทำงานเป็นพนักงานเสิร์ฟในคลับชื่อดังกลางกรุงของพีระ และกำลังจะได้ไปทำงานที่ภูเก็ต แต่เขาก็รู้แค่นั้น เขาไม่รู้ว่าตอนนี้เธออยู่ที่ไหน เขาได้แต่ชื่อของคลับ ไม่ได้เบอร์โทรศัพท์ส่วนตัวของน้อยหน่าอย่างที่คนอื่นเข้าใจกัน
โขงตัดสินใจชวนสวัสดิ์ไปสืบดูลาดเลาในผับของพีระ ที่น้อยหน่าเคยบอกว่าเธอทำงานที่นี่ แต่โขงกลับพบมณฑาในคราบของพนักงานเสิร์ฟสาว เธอแต่งหน้าทาปากแต่งตัวเข้ารูปจนเห็นเรือนร่างสวย เขารู้สึกหงุดหงิดจนต้องแอบไปดักดึงตัวเธอไปถามด้วยความข้องใจ เธอบอกเขาว่าเธอมาตามหาเพื่อนที่หายไปหลังจากเข้ามาทำงานที่นี่ได้ไม่นาน มณฑาตั้งข้อสังเกตว่าพนักงานที่หายไปนั้น เป็นคนที่ไม่มีญาติพี่น้องในกรุงเทพ และหายไปหลังจากทำงานได้เพียง 2 สัปดาห์เท่านั้น มณฑาสืบเรื่องของน้อยหน่ามาให้โขง เธอบอกว่าน้อยหน่าหายไปหลังจากถูกส่งตัวไปทำงานที่ภูเก็ต โขงตั้งข้อสังเกตเรื่องการค้ามนุษย์ ผับดังของพีระอาจจะมีเบื้องหลัง มณฑาบอกเขาว่าจะช่วยหาหลักฐานในห้องทำงานของพีระให้
ระหว่างที่มณฑาพยายามค้นหาเอกสารอยู่นั้น ทิชาที่มาตรวจบัญชีให้พีระเป็นประจำก็เข้ามาพบเธอ แม้ทิชาจะสงสัย แต่เพราะจำได้ว่าเป็นมณฑา เธอจึงไม่กระโตกกระตาก แถมยังช่วยแก้ต่างให้มณฑาเมื่อพีระเข้ามาในห้องหลังจากนั้นไม่นาน มณฑาได้มีโอกาสช่วยทิชาตอบแทน ในคืนที่เธอแอบขึ้นมาเพื่อพยายามจะหาหลักฐานในห้องของพีระอีกครั้ง เธอพบว่าพีระพยายามจะปล้ำทิชาในห้องนั้น มณฑาตัดสินใจส่งข้อความไปบอกโขง เธอหวังว่าเขาจะมาช่วยหญิงคนรักของเขาได้ทัน แต่มณฑากลัวว่าทิชาจะเสียทีพีระก่อนที่โขงจะมา เธอจึงตัดสินใจเข้าไปในห้องแล้วคว้าโคมไฟตีหัวพีระจนทิชาดิ้นหลุดจากการเกาะกุมของเขาได้ แต่มณฑากลับกลายเป็นเหยื่อ เมื่อพีระคว้าตัวเธอไว้แทน ในขณะที่ทิชาวิ่งหนีออกไปจากห้อง
ทิชาวิ่งหนีลงมา เธอโผเข้ากอดโขงทันทีที่เห็นเขา โขงพาตำรวจตรวจยาเสพติดบุกเข้ามาทันทีที่เขาได้รับข้อความจากมณฑา โขงปล่อยให้ตำรวจทำงานตามหน้าที่ ส่วนเขารีบแกะมือของทิชาที่กอดเขาอยู่ออก แล้วพุ่งไปตามทางที่ทิชาชี้บอกเมื่อเขาถามหามณฑา ภาพในห้องของพีระที่เขาเห็นคือมณฑาที่คว้าไม้ยืนอยู่อีกฟากของเตียงโดยมีพีระที่พยายามจะไล่จับตัวเธอให้ได้ พีระตกใจเมื่อเห็นตำรวจที่วิ่งตามโขงเข้ามา เมื่อพีระถูกตำรวจเชิญตัวออกไป โขงก็ไม่ลังเลที่จะดุใส่มณฑาไม่ยั้ง เขาเป็นห่วงเธออย่างเห็นได้ชัด ทิชาที่เดินตามเข้ามาด้วยความเป็นห่วงโขง จึงเห็นแววตาของเขาอย่างชัดเจน ทิชาได้แต่กลืนคำพูดแล้วถอยหลังออกไปจากห้องด้วยความรู้สึกอยากเป็นหญิงสาวที่ถูกโขงดุด้วยความรักความเป็นห่วงอย่างนั้น
ข่าวการบุกตรวจผับดังกลางกรุงกลายเป็นข่าวดังที่สืบสาวไปจนถึงเรื่องการค้ามนุษย์และการฟอกเงิน มูลนิธิของคุณหญิงระวีถูกเพ็งเล็งว่ากลายเป็นแหล่งฟอกเงินให้กับขบวนการค้ามนุษย์ของพีระ เพราะพีระเป็นผู้บริจาครายใหญ่ของที่นี่ คนในสำนักงานสังคมสงเคราะห์ทั้งสุรารักษ์ เจียรนัย มล และสวัสดิ์ต่างวิจารณ์ข่าวนี้อย่างเมามันเพราะเกี่ยวพันถึงทิชา ที่ทุกคนเข้าใจว่าโขงพยายามจีบอยู่ ไม่มีใครรู้ว่าโขงมีส่วนเกี่ยวข้องกับการบุกจับกุมครั้งนี้ด้วย ทิชาปรับทุกข์กับโขงเพราะเธอไม่มีใครอีกแล้ว เธอบอกว่ามูลนิธิของคุณหญิงแม่เสียชื่อเสียงเพราะเข้าไปพัวพันกับพีระ ซึ่งเป็นผู้บริจาครายใหญ่ของมูลนิธิ มีหลักฐานการโอนเงินชัดเจน ชื่อเสียงของมูลนิธิและชื่อเสียงของคุณหญิงระวีฉาวโฉ่จนไม่รู้จะกู้คืนมาได้อย่างไร
เมื่อทิชาเอื้อมมือมาจับมือเขา โขงก็บีบมือเพื่อเป็นกำลังใจให้ โดยไม่รู้ว่าภาพนั้นบาดตามณฑาที่เฝ้าดูอยู่ห่างๆ โขงไม่ได้เจอมณฑาหลังจากเหตุการณ์ในคืนนั้น เพราะเขามัวแต่อยู่เป็นเพื่อนปลอบใจทิชา เพราะตั้งแต่ที่มูลนิธิมีข่าวไปพัวพันกับการค้ามนุษย์ คนในซอยโดยการนำของยายแจ๊วก็ตั้งเป้าด่า และรอดักปาปลาร้าใส่ทุกคนในบ้านนี้ ทิชาขอให้โขงพาเธอออกไปจากบ้าน เธอตัดสินใจไปเช่าโรงแรมเหมือนคุณหญิงแม่จนกว่าเรื่องจะเงียบ ทิชาเตือนให้ทั้งเขาและมณฑาระวังตัวเพราะพีระเป็นคนอาฆาตแรง และมีเส้นสายมากมาย โขงได้รับข้อความทางโทรศัพท์ของมณฑาว่าเธอถูกจับตัวไป เขารีบตามไปหาเธอทันทีโดยไม่ฉุกใจคิดเลยว่าเป็นกับดัก เขาได้เห็นหน้ามณฑาที่ถูกมัดมือมัดเท้าในห้องเล็กก่อนที่จะหมดสติไปเพราะถูกตีหัวจากด้านหลัง
เมื่อเขาฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง โขงก็นอนอยู่ท่ามกลางสาวๆ ที่ถูกบังคับจับตัวจะส่งไปภูเก็ต ซึ่งก็มีมณฑารวมอยู่ด้วย โขงตะเกียกตะกายลุกขึ้น รีบประกอบมือถือที่ถูกเหวี่ยงจนแบตเตอร์รี่กระเด็นออกจากเครื่องแล้วรีบพิมพ์ส่งข้อความอย่างรวดเร็ว ทันเวลาก่อนที่ชายหน้าเหี้ยมจะเข้ามากรอกน้ำใส่ปาก บังคับให้เขาดื่มยานอนหลับจนหมดสติหลับไป เมื่อเขาฟื้นขึ้นมา โขงพบว่าเขาอยู่ในรถทัวร์ที่เต็มไปด้วยสาวๆ ที่เต็มใจไปทำงานที่ภูเก็ต ส่วนคนที่ไม่เต็มใจนั้น เขาได้ยินชายหน้าเหี้ยมที่คุมมาว่าถูกขังอยู่ด้านล่างของรถ โขงได้แต่หวังว่ามณฑาคงจะถูกขังอยู่ในรถคันนี้เช่นกัน รถทัวร์ถูกเรียกจอดกลางทาง ตำรวจทางหลวงมาดักสกัดได้ทันเวลา เพราะร้อยตำรวจโทกำชัยได้รับข้อความแจ้งเหตุจากโขง โขงและสาวๆ ทุกคนได้รับการช่วยเหลือได้ทันท่วงที โขงเป็นผู้อยู่เบื้องหลังผลงานครั้งนี้อีกครั้งโดยที่ไม่มีใครในสำนักงานสังคมสงเคราะห์รู้เลย
แม้ตอนหลังร้อยตำรวจโทกำชัยจะแอบเปิดเผยให้สุรารักษ์รู้ว่าโขงเสี่ยงชีวิตขนาดไหนในการทำคดีนี้ เขาบอกด้วยว่าโขงทำงานร่วมกับตำรวจจากกองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับการค้ามนุษย์มาแล้วทั่วทุกภาค สุรารักษ์ก็ยังทำใจยอมรับได้ยากอยู่ดี เพราะสภาพของโขงห่างไกลจากภาพของวีรบุรุษที่เธอวาดไว้อย่างไกลลิบ แต่เมื่อเจียรนัยจิกกัดโขงว่าคบกับลูกแม่เล้าอย่างทิชา สุรารักษ์ก็หันไปเอ็ดเจียรนัยทันทีจนทุกคนแปลกใจเมื่อเห็นว่าสุรารักษ์เข้าข้างคู่ปรับของตัวเอง โขงถูกดักยิงขณะที่พูดโทรศัพท์กับมณฑา ต่อหน้าเพื่อนร่วมงานทุกคนที่กำลังกินเลี้ยงฉลองวันเกิดให้สวัสดิ์ สุรารักษ์รีบเรียกรถพยาบาลนำโขงส่งโรงพยาบาลอย่างเร่งด่วน ทิชามาเฝ้ารอดูอาการของโขงทันทีที่ทราบข่าว แม้สายตาของสุรารักษ์จะไม่เป็นมิตร แต่ทิชาก็ไม่สนใจ เธอสนใจแต่โขงที่ยังนอนไม่ได้สติในห้องผ่าตัดมากกว่า
โขงยังไม่ได้สติ เขาฝันเห็นร่างของหญิงสาวที่บอบช้ำไปทั้งตัว เธอร้องไห้คร่ำครวญพยายามจะหาทางรอดจากห้องที่คุมขัง สภาพของหญิงคนนั้นสะบักสะบอมเหนื่อยอ่อน แต่ไม่ละความพยายามที่จะหาทางหนี จนในที่สุด ในภาพนิมิตนั้น เขาเห็นชาย 2 คนเดินเข้ามาในห้อง แล้วลากหญิงคนนั้นออกไป โขงไม่เข้าใจว่าภาพของหญิงคนนี้มาปรากฏให้เขาเห็นในฝันได้อย่างไร และเขาฝันเห็นเธอบ่อยครั้ง หลังจากที่เห็นภาพนี้เป็นครั้งแรกในวันที่เขาพบกับทิชา ทิชาร้องไห้อย่างหักห้ามใจไม่อยู่เมื่อได้ยินหมอบอกเล่าอาการของโขงว่ายังน่าเป็นห่วง ไม่มีใครรู้ว่าโขงจะรอดหรือไม่ ไม่มีใครรู้ว่าโขงกำลังต่อสู้กับอะไร
โขงเห็นในนิมิตว่าเขากำลังขับรถไล่ตามรถอีกคันอยู่ หลังรถคันนั้นคือผู้หญิงที่พยายามร้องขอความช่วยเหลือ ร่างกายของเธอเต็มไปด้วยเลือด โขงพยายามจะไล่ให้ทัน แต่เมื่อรถคันนั้นวิ่งฝ่าไฟแดงจนชนเข้ากับรถบรรทุกกลางสี่แยก เขาก็ได้เห็นร่างของหญิงสาวคนนั้นตะเกียกตะกายอยู่ท่ามกลางซากรถพยายามจะดิ้นรถหนีตาย แรงระเบิดครั้งแรกทำให้โขงกระเด็นออกมาก่อนที่จะเข้าช่วยดึงตัวหญิงสาวคนนั้นออกมาได้ และก่อนที่จะเกิดแรงระเบิดครั้งที่ 2 เขาก็เห็นภาพที่น่าสยดสยอง หญิงสาวที่มีไฟลุกท่วมตัว เขาเห็นดวงตาของเธอมองมาที่เขาอย่างสิ้นหวัง เมื่อโขงฟื้นขึ้น คนแรกที่เขาเห็นคือทิชาที่ยืนอยู่ปลายเตียง และนับจากนั้นทิชาก็รับหน้าที่เป็นคนดูแลโขง คอยป้อนข้าวป้อนน้ำ แม้ว่าสวัสดิ์จะแสดงความไม่พอใจและพยายามจะแย่งชิงตำแหน่งนั้นมาทำก็ตาม
มีคนมาเยี่ยมและส่งของมาเยี่ยมไข้โขงมากมายแต่ไม่มีแม้แต่เงาของมณฑา โขงไม่รู้ว่าเจ้าของถุงส้มราคาถูกๆ ที่เขาชอบกินคนนั้นคือมณฑาที่ตัดสินใจกลับทันทีเมื่อเห็นว่าทิชาดูแลโขงอยู่อย่างใกล้ชิด สวัสดิ์ที่ยึดโยงหน้าที่นอนเฝ้าไข้โขงในยามกลางคืนสามารถจับชัยที่เข้ามาพยายามจะทำร้ายโขง แม้ว่าชัยจะพยายามแก้ตัว แต่โขงจำได้ว่าหนุ่มร่างบางท่าทางเหมือนคนติดยาคือชัย คนที่เคยทำร้ายมณฑานั่นเอง ชัยถูกส่งไปโรงพักและต้องเข้าไปนอนในห้องขังทันที ทิชามาปรับทุกข์เรื่องคดีของมูลนิธิ โขงเล่าให้เธอฟังว่ามีหลักฐานอื่นที่มณฑาถ่ายเอาไว้และส่งมาให้เขา แต่เขายังไม่ส่งตำรวจ เขายังไม่ได้ดูว่าคืออะไร แต่หวังว่าจะช่วยทิชาและคุณหญิงได้ โขงแปลกใจเมื่อตื่นขึ้นมาพบว่าตัวเองอยู่ในรถที่ติดเครื่อง จอดขวางกลางถนนสายเปลี่ยว เขาเร่งเครื่องหลบลงข้างทางได้ทันก่อนที่รถบรรทุกใหญ่ที่เร่งเครื่องเต็มอัตราจะโผล่พ้นโค้งมาชนรถของเขา แม้โขงจะยังเจ็บระบมแผล แต่เขาก็สามารถขับรถพาตัวเองกลับมายังโรงพยาบาลได้อย่างปลอดภัย
ทุกคนแปลกใจเมื่อเห็นโขงกลับมาได้เองหลังจากหายไปจากโรงพยาบาลโดยไม่มีใครรู้ แต่คนที่แปลกใจยิ่งกว่าคือทิชา คืนนั้นโขงแอบออกจากโรงพยาบาลอีกครั้ง เขามาหาทิชา เขาต้องการมาพิสูจน์เรื่องที่เขาสงสัย ท่าทีของทิชาทำให้เขาบอกเธอว่าเขารู้ความจริงหมดแล้ว ทิชาคิดว่าเขาขับรถไม่เป็น จึงแอบวางยานอนหลับแล้วเอาตัวเขาใส่รถ หวังสร้างสถานการณ์ว่าเขาตายด้วยอุบัติเหตุรถชน เธอกลัวว่าหลักฐานที่เขาบอกเธอจะเปิดเผยเรื่องราวความจริงทั้งหมดว่าเธอ คุณหญิงแม่ และพีระ อยู่เบื้องหลังขบวนการค้ามนุษย์และการฟอกเงิน ท่าทีของทิชาเปลี่ยนไป จากสาวน้อยอ่อนหวานกลายเป็นสาวใจเหี้ยมที่ไร้ความปรานี เธอบอกเขาว่าโขงไม่มีทางทำอะไรเธอได้ เมื่อทิชาขับรถจากไปนั้น ด้านหลังรถของทิชา โขงก็ได้เห็นภาพที่ติดตา ภาพที่หลอกหลอนเขามานาน นับตั้งแต่ที่เขาได้รู้จักเธอ ตอนนี้เขารู้แล้วว่าหญิงสาวที่โชกไปด้วยเลือดซึ่งนั่งอยู่ท้ายรถในนิมิตนั้นต้องการอะไร
ทิชาขับรถตามลำพังไปบนถนนกลางดึก เธอจอดรถเมื่อสัญญาณเปลี่ยนเป็นไฟแดง กลางสี่แยกที่ทำให้เธอนึกถึงเหตุการณ์ในคืนสยองคืนนั้น คืนที่เธอขับรถตามลูกน้องที่ต้องเอาหญิงสาวไปส่ง แต่เพราะหญิงคนนั้นต่อสู้ดิ้นรนพยายามจะหลบหนีแม้จะถูกรุมโทรมจนยับเยินแล้วก็ตาม รถของลูกน้องขับไปเกี่ยวกับรถสิบล้อจนพลิกตะแคง ลูกน้องของเธอหนีเอาตัวรอดออกมาได้ เธอบอกลูกน้องว่าไม่ต้องช่วยผู้หญิงคนนั้น สายตาเหี้ยมเกรียมของทิชาประสานสายตากับเหยื่อที่สิ้นหวัง สายตานั้นเปลี่ยนเป็นอาฆาตแค้นก่อนเสียงระเบิดจะดังขึ้นจนรถคันนั้นลุกไหม้เป็นไฟ ทิชาเหยียบคันเร่งเรียกสติกลับคืนเมื่อสัญญาณไฟเปลี่ยนเป็นไฟเขียว แต่เหมือนเหตุการณ์ที่เธอเพิ่งนึกถึงจะย้อนกลับมาเล่นซ้ำ รถราคาแพงของเธออัดเข้ารถบรรทุกอย่างจัง ทิชาพยายามควานหาโทรศัพท์เพื่อร้องขอความช่วยเหลือ แต่หญิงสาวในร่างที่โชกเลือดเอื้อมมือมายื้อยุดปิดปากจนเธอส่งเสียงร้องออกมาไม่ได้
เสียงของคนขับรถบรรทุกพูดประโยคเดียวกับที่เธอบอกลูกน้อง ปล่อยให้ตายไป คือเสียงสุดท้ายของที่เธอได้ยิน ก่อนที่เสียงระเบิดจะดังขึ้นจุดประกายไฟเผาร่างของเธอให้ตายทั้งเป็น แบบเดียวกับเหยื่อคนนั้นของเธอ โขงมาที่โรงพักตามคำร้องเรียกของร้อยตำรวจโทกำชัย บนโรงพักวุ่นวายไปด้วยเสียงร้องโวยวายของชัย และเสียงของทับทิมที่ด่าทอมณฑา โขงบอกชัยว่าถ้าไม่อยากนอนห้องขังต่อ ชัยต้องสารภาพความจริงทั้งหมด แม้ทับทิมจะแทรกว่าใครๆ ก็รู้ความจริง แต่โขงก็ยืนยันว่าชัยต้องสารภาพจากปากของเขาเอง
ด้วยความกลัวติดคุก ชัยรีบสารภาพว่าเขาเป็นสามีหนุ่มของทับทิม ไม่ใช่สามีของมณฑาอย่างที่ทุกคนเข้าใจ ทับทิมเจอเขาในบ่อนที่เขาเป็นเด็กวิ่งน้ำเลยชวนเขามาอยู่บ้านด้วยกัน แต่พอเขาเห็นมณฑา เขาก็ชอบเธอ พยายามทำงานบ้านทุกอย่าง แบ่งเบางานของมณฑาเพื่อให้เธอเห็นใจ แต่ทับทิมก็ยังชอบด่าว่ามณฑา ชัยเลยชวนมณฑาหนี แต่มณฑาไม่เล่นด้วย เพราะเธอไม่ชอบชัย ด้วยความผิดหวัง ชัยเลยไปดักรอราดน้ำยาถูพื้นใส่มณฑาที่หน้าโรงงานก่อนจะหลบหนีไป ส่วนที่ชัยบุกเข้าไปจะทำร้ายโขงที่โรงพยาบาลเพราะอิจฉาที่เห็นมณฑามีความสุขเวลาอยู่กับโขง แต่ตำรวจไม่ยอมปล่อยชัย เพราะคดีที่ชัยจะทำร้ายโขงเป็นคดีอาญา ยอมความกันไม่ได้ ทับทิมร้องไห้โฮสงสารสามีหนุ่ม มณฑาใจอ่อนสงสารแม่ เธอได้แต่หันไปสบตากับโขงอย่างขอความช่วยเหลือ โขงจึงบอกตำรวจว่านี่ไม่ใช่คดีอาญา เพราะเป็นเรื่องในครอบครัว เขาไม่เอาความ
เมื่อตำรวจแย้งว่าเรื่องของโขงไม่ใช่เรื่องในครอบครัว โขงก็เลยบอกว่าชัยเป็นสามีของทับทิม ซึ่งเป็นแม่ของมณฑา ก็เท่ากับเป็นพ่อตาของเขา เพราะฉะนั้นคดีของเขาจึงเป็นไม่ใช่คดีอาญา ทุกคนตกตะลึงเมื่อได้ยินคำยืนยันเช่นนั้นของโขม รวมทั้งมณฑาที่อ้าปากค้างเพราะพูดอะไรไม่ออก เธอไม่กล้าปฏิเสธ เพราะกลัวว่าถ้าชัยถูกจับติดคุก แม่ทับทิมจะร้องไห้โวยวายเสียใจ มณฑาเลยต้องปล่อยเลยตามเลย และยอมให้โขงกอดเอวเธอเดินลงมาจากโรงพักแต่โดยดี โขงสารภาพรักกับมณฑา เขาสัญญาว่าจะสร้างครอบครัวที่สมบูรณ์และอบอุ่น ครอบครัวที่เขาและเธอใฝ่ฝันมาตลอดด้วยมือและหัวใจของเขาเอง