ละคร แม่อายสะอื้น
ดู 4,022 ครั้ง /
แชร์
ละครออกอากาศ | วันจันทร์ วันอังคาร | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
ช่องที่ออกอากาศ | ละครช่อง 7 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
เริ่มออกอากาศ | 22 มกราคม 2561 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
เวลาออกอากาศ | 20:30 - 22:45 น. |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
กำกับโดย | ปัญญา ชุ่มฤทธิ์ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
ประพันธ์โดย | บทประพันธ์ อนัญจนา, บทโทรทัศน์ สาวิตา ดิถียนต์ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
นำแสดงโดย | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
ผู้สร้าง | บริษัท มีเดีย สตูดิโอ จำกัด |
ภาพนิ่งจากละคร
เรื่องย่อ แม่อายสะอื้น
ดาวนิล (ฝนทิพย์ วัชรตระกูล) หญิงสาวที่สวยที่สุดของหมู่บ้านแห่งหนึ่งในอำเภอแม่อาย เป็นลูกสาว คำปัน (สรพงษ์ ชาตรี) ซึ่งเป็นครูด้านการแสดงศิลปะล้านนา ดาวนิลเป็นคนที่มีฝีมือในการรำดาบได้สวยไม่แพ้ใคร ทุกครั้งที่เธอฝึกซ้อมที่ลานกลางหมู่บ้าน จะมีชาวบ้านมานั่งดูและชื่นชมในฝีมือรำดาบของเธอเสมอ คำปันภูมิใจในตัวลูกสาวคนนี้มาก ผิดกับ ช่อเอื้อง (พรชดา เครือคช) ลูกสาวคนเล็กที่พ่อหัดให้ตีกลองสะบัดชัย แต่ฝีมือการตีไม่เคยได้ดั่งใจผู้เป็นพ่อ ช่อเอื้องมักถูกตำหนิเสมอถึงเรื่องการไม่ตั้งใจฝึกซ้อม
คณะละครของคำปันมีคณะละครคู่แข่งคือคณะของ หนานเมือง (สมชาย ศักดิกุล) แต่เพราะคณะของหนานเมืองไม่มีนักแสดงที่เก่งอย่างดาวนิล ทำให้คณะละครของหนานเมืองมีงานน้อยกว่าคณะของคำปันมาก ทำให้หนานเมืองไม่ค่อยพอใจในตัวคำปันและหาทางแกล้งคณะของคำปันเสมอ หนานเมืองมีลูกสาวชื่อ รินคำ (ช้องมาศ บางชะวงษ์) เป็นเด็กสาวที่รักสวยรักงามและไม่ชอบศิลปะการแสดงเลย รินคำมักมีเรื่องทะเลาะกับช่อเอื้องเสมอเวลาที่ทั้งสองคณะต้องมาเจอหน้ากัน
ทอน (ปิติพน พรตรีสัตย์) ลูกชายผู้ใหญ่บ้านที่แอบชอบดาวนิลอยู่แล้วมาชวนดาวนิลให้ไปแสดงในงานเปิดรีสอร์ตใหม่ในตัวเมือง ดาวนิลดีใจที่คณะของพ่อจะได้งาน รินคำที่แอบมาได้ยินเห็นดาวนิลทำท่าดีใจและเห็นสายตาทอนที่มองดาวนิลก็ยิ่งไม่พอใจ ในคืนที่ดาวนิลได้ไปแสดงในงานเปิดรีสอร์ต รินคำกับหนานเมืองตามไปแกล้งคณะของคำปันจนถึงงาน รินคำหลอกดาวนิลไปขังไว้ในห้องเก็บของ โชคดีที่ ทรงพล (อรรคพันธ์ นะมาตร์) ผ่านมาพอดีเลยช่วยเอาไว้ได้ ดาวนิลยังไม่ทันได้ขอบคุณ ทรงพลก็เดินออกไปก่อน
ดาวนิลได้พบทรงพลอีกทีเมื่อเริ่มการแสดง เธอได้รู้ว่าที่แท้เขาคือนักธุรกิจที่มาจากกรุงเทพ ดาวนิลทำการแสดงได้ประทับใจจนแขกในงานต่างปรบมือให้ แต่สิ่งที่ดาวนิลดีใจที่สุดคือคำชมของทรงพลที่ฝากเพื่อนมาชม ด้วยความที่ถูกกลั่นแกล้งบ่อยๆ จากหนานเมืองและรินคำ ทำให้งานแสดงของคณะคำปันเริ่มน้อยลงจนดาวนิลพยายามหางานเพิ่ม แต่สุดท้ายก็โดน อ้ายศักดิ์ (สมพร ปรีดามาโนช) นายหน้าหางานฉวยโอกาสจะปลุกปล้ำ ดาวนิลไม่ยอมและทำร้ายอ้ายศักดิ์เพื่อป้องกันตัว หนานเมืองจึงฉวยโอกาสรวมหัวกับอ้ายศักดิ์ จนคณะคำปันไม่มีงานแสดงอีก
เมื่อไม่มีงานแสดง ฐานะของบ้านและคณะละครของคำปันก็ย่ำแย่หนักยิ่งกว่าเดิม หนำซ้ำดวงตาของคำปันยังเริ่มมองเห็นได้เลือนลาง ดาวนิลกลุ้มใจและเป็นห่วงพ่อ วิไล (กัญญารัตน์ พงศ์กัมปนาท) ที่กลับมาเยี่ยม ป้าบัว (ราตรี วิทวัส) ผู้เป็นแม่ รู้เรื่องดาวนิลต้องการเงิน ก็ชวนดาวนิลเข้าไปทำงานกับตนที่กรุงเทพ แม้ว่าตอนแรกดาวนิลจะปฏิเสธเพราะห่วงพ่อ แต่เมื่อวิไลหลอกว่ามีงานให้ดาวนิลไปแสดงที่กรุงเทพ ดาวนิลจึงตัดสินใจไป แม้ว่าคำปันกับช่อเอื้องจะไม่เห็นด้วย แต่ดาวนิลสัญญาว่าจะรีบทำงานเก็บเงินแล้วจะรีบกลับบ้านให้เร็วที่สุด
ทรงพลคบหาดูใจอยู่กับ จิดาภา (ขวัญกวินท์ ธำรงรัฐเศรษฐ์) สาวไฮโซที่เอาแต่ใจตัวเอง ทรงพลขอจิดาภาแต่งงาน แต่ทั้งคู่มีปากเสียงกันเรื่องการจัดงานแต่งจนจิดาภาบอกเลิกทรงพล แม้ว่า เทวัญ (พีรวัศ กุลนันท์วัฒน์) พี่ชายทรงพลกับ ทรงวุฒิ (ฌาน์รัชต์ มณฑากูล) น้องชาย พยายามช่วยให้ทั้งคู่คืนดีกันแต่ก็ไม่เป็นผล นมน้อย (ทัศน์วรรณ เสนีย์วงศ์ ณ อยุธยา) แม่นมเก่าแก่ที่ไม่เคยชอบจิดาภาขัดขวางความรักของทรงพลทุกทาง
เมื่อดาวนิลมาถึงกรุงเทพก็พบว่าสิ่งที่วิไลบอกไม่มีอะไรเป็นความจริง เธอถูกหลอกให้มาทำงานขายบริการ ดาวนิลถูกบังคับให้บริการแขกที่ใช้กำลังข่มขืนเธอ คนในร้านคนหนึ่งสงสารเธอ และพยายามช่วยโดยโน้มน้าวให้เฮียเจ้าของร้านยอมขายดาวนิลให้กับร้านใหม่ที่เป็นแค่สถานที่เที่ยวสำหรับผู้ชาย แม้ว่าที่ใหม่ดาวนิลจะไม่ต้องขายบริการ แต่ก็โดนบังคับให้มานั่งกินเหล้ากับแขก ดาวนิลต้องจำใจทำงานที่นี่เพื่อชดใช้ค่าตัวที่วิไลขายเธอให้กับเฮียเจ้าของร้าน
ทรงพลเห็นข่าวสังคมลงข่าวเรื่องจิดาภามีข่าวกับผู้ชายคนใหม่ก็เสียใจมาก ทรงวุฒิพาพี่ชายไปเที่ยวปลอบใจ ดาวนิลได้เจอทรงพลอีกครั้ง ดาวนิลแม้จะดีใจ แต่ก็อายในสภาพที่ตัวเองเป็นอยู่ ผู้จัดการร้านสั่งให้ดาวนิลมาดูแลทรงพล ทรงพลเมามายและจำดาวนิลไม่ได้ คืนนั้นดาวนิลยอมเป็นของทรงพลด้วยความเต็มใจ ตื่นเช้ามาทรงพลออกไปโดยไม่แม้แต่จะพูดอะไรกับดาวนิล เขาทิ้งเงินไว้ให้จำนวนหนึ่งด้วยความรู้สึกไม่ดี ดาวนิลได้แต่เก็บเงินไว้และสัญญากับตัวเองว่าถ้าเธอได้เจอทรงพลอีก เธอต้องอยู่ในฐานะที่ดีกว่านี้ ไม่ยอมให้เขามาดูถูกเธอได้
คำปันนึกถึงแต่ดาวนิลว่าเมื่อไหร่จะกลับ หลังๆ ดาวนิลไม่ค่อยรับโทรศัพท์ เพราะอายและต้องปิดบังความจริงเรื่องงานที่ทำอยู่ ช่อเอื้องน้อยใจพ่อที่ดูจะคิดถึงแต่พี่และห่วงเรื่องพี่ลำบาก จนไม่มีกระจิตกระใจจะไปหาหมอรักษาตา ทอนสืบรู้จากป้าบัวว่าดาวนิลไปทำงานขายบริการที่กรุงเทพ ก็เข้าใจผิดคิดว่าดาวนิลเต็มใจ ประกอบกับรับไม่ได้ที่หญิงสาวที่ตนรักเป็นแบบนี้ เลยจงใจหลบหน้าครอบครัวดาวนิล ทำให้ทอนห่างเหินไม่ได้มาดูแลครอบครัวดาวนิลเหมือนเมื่อก่อน แต่ด้วยความรักและเป็นห่วงกลัวดาวนิลเสียชื่อ ทอนจึงให้เงินปิดปากป้าบัว ไม่ให้แพร่งพรายเรื่องนี้ให้คนอื่นรู้
ดาวนิลยอมทำงานจนสามารถใช้คืนค่าตัวได้ครบ เธอวางแผนจะกลับบ้านแต่เกิดแพ้ท้อง วิไลพาดาวนิลไปทำแท้ง ดาวนิลไม่ยอมเพราะรู้ว่าลูกที่เกิดน่าจะเป็นลูกของทรงพล แต่วิไลก็หลอกให้ดาวนิลกินยาขับเลือดโดยบอกว่าเป็นยาแก้ปวดท้อง จนดาวนิลปวดท้องหนัก เป็นโอกาสที่ทำให้วิไลหลอกพาดาวนิลไปคลีนิกทำแท้งเถื่อนจนได้ ตำรวจบุกทลายคลีนิกเถื่อนขณะที่ดาวนิลอยู่ที่นั่นพอดี ดาวนิลถูกพาส่งโรงพยาบาล หมอเทวัญช่วยชีวิตและเตือนสติดาวนิล ดาวนิลพรั่งพรูว่าไม่ต้องการทำลายชีวิตลูกที่เกิดจากความรัก เทวัญเห็นใจดาวนิล จึงพามาอาศัยอยู่กับ คุณนายติ๊ด (ศิรินุช เพ็ชรอุไร) เจ้าของร้านเสื้อผู้มีนิสัยเค็มจนขม คุณนายติ๊ดคิดว่า ดาวนิลอาจจะเป็นเมียลับของเทวัญ จึงรับไว้ทำงานหวังเอาหน้า แต่พอรู้ความจริงว่าดาวนิลเป็นแค่คนที่เทวัญช่วยไว้ ก็ร่วมมือกับ ผึ้ง (ตวงรัตน์ คะชะสะ) ลูกน้องในร้าน แกล้งใช้ดาวนิลสารพัดให้ทำงานหนักมากมาย จนในที่สุดดาวคลอดลูกก่อนกำหนด
ลูกของดาวนิลออกมาเป็นเด็กพิการ ดาวนิลเสียใจว่าเป็นความผิดของตัวเองที่ไม่ทันคน ถูกหลอกให้กินยาทำแท้ง แถมยังต้องกินเหล้าตอนทำงานในช่วงตั้งท้อง แต่เทวัญก็ปลอบว่าดาวนิลสามารถเลี้ยงลูกให้มีความสุขได้ ดาวนิลพาลูกมาอยู่ที่ร้าน สร้างความไม่พอใจให้คุณนายติ๊ดที่ยื่นคำขาดให้ดาวนิลเอาลูกไปเลี้ยงที่อื่น ดาวนิลถูกคุณนายติ๊ดยึดเงินบางส่วนไว้บอกเป็นค่าทำให้ร้านเสียหายรายได้ตกเพราะดาวนิลมัวแต่เอาเวลาไปเลี้ยงลูก ดาวนิลไม่รู้จะทำยังไง จึงตัดสินใจพาลูกกลับบ้าน
ดาวนิลกลับมาแม่อายท่ามกลางความประหลาดใจและเสียงซุบซิบนินทาของทุกคนที่มีเด็กมาด้วย ช่อเอื้องเถียงแทนทันทีว่าไม่ใช่ลูกดาวนิล ดาวนิลกดดันมากที่พ่อถูกมองด้วยสายตาเหยียดหยาม จึงตัดสินใจโกหกทุกคนว่าเป็นลูกของเพื่อนที่ทิ้งไป เลยสงสารเอาเด็กมาเลี้ยงเอง คำปันดีใจที่ลูกกลับบ้าน ช่อเอื้องไม่อยากให้พี่กลับไปกรุงเทพอีก ดาวนิลเองก็ตั้งใจว่าจะไม่กลับกรุงเทพแล้วเช่นกัน เทวัญกลับมาเยี่ยมดาวนิลที่ร้านแต่พบว่าดาวนิลไม่อยู่ที่นี่แล้ว คุณนายติ๊ดโกหกว่าดาวนิลกลับไปเยี่ยมบ้าน แต่ด้วยความกลัวว่าเทวัญจะรู้ว่าตัวเองเป็นฝ่ายไล่ดาวนิลไป ประกอบกับเจอลูกค้าต่อว่าว่าที่ร้านฝีมือตก งานไม่ดีเหมือนช่างคนเก่าที่ออกไป คุณนายเลยพยายามติดต่อดาวนิลและพูดจาหว่านล้อมให้ดาวนิลกลับมาทำงานโดยเสนอเงินเพิ่มให้ แต่ดาวนิลปฏิเสธ
ดาวนิลเจอทอนต่อว่าเรื่องไปทำงานขายบริการที่กรุงเทพ แถมยังหลอกทุกคนเรื่องลูก ดาวนิลเสียใจมากที่ทอนผู้ซึ่งน่าจะเข้าใจเธอมากที่สุดมองเธอเปลี่ยนไป ป้าบัวเสียไพ่อย่างหนัก จึงเห็นช่องทางหาเงินเมื่อรู้ว่าดาวนิลกลับมาจากกรุงเทพ ป้าบัวทำทีไปหาคำปันที่บ้านและพูดจาเหมือนจะบอกความจริงให้คำปันรู้ต่อหน้าดาวนิล ดาวนิลเห็นท่าไม่ดีเลยถามป้าบัวว่าจะเอาเงินเท่าไร ดาวนิลไม่รู้จะหาเงินมาให้ป้าบัวยังไง ประกอบกับเสียใจเรื่องทอน จึงตัดสินใจจะกลับกรุงเทพ
ดาวนิลยืนยันกับคำปันว่าที่กรุงเทพเธอมีลู่ทางเรื่องงาน ดาวนิลเอาเงินที่คุณนายติ๊ดโอนมาให้ก่อนให้กับช่อเอื้องไว้ แล้วฝากลูกชายไว้ที่แม่อาย ดาวนิลสัญญาว่าจะรีบทำงานหาเงินใช้หนี้และเก็บเงินกลับมาแม่อาย มาพาพ่อไปหาหมอด้วยตัวเอง ดาวนิลก้มหน้าก้มตาทำงาน ความสวยของดาวนิลสะดุดตา หลิวหลิว (ธีระพล หอมจม) ช่างเสื้อที่มายืมเสื้อที่ร้านคุณนายติ๊ดไปใช้ หลิวหลิวชักนำให้ดาวนิลไปถ่ายแบบและเล่นหนัง โดยมีหลิวหลิวเป็นผู้จัดการส่วนตัว หลิวหลิวสร้างประวัติของดาวนิลขึ้นมาใหม่และเริ่มปั้นดาวนิลจนเริ่มมีงานมากขึ้น
ดาวนิลอดทนและตั้งใจทำงาน และได้งานถ่ายแบบของโรงแรมทรงพล ดาวนิลดีใจที่ได้เจอทรงพลในฐานะใหม่ ทรงพลประทับใจความขยันและความอ่อนโยนของดาวนิลจนเกิดเป็นความรัก จิดาภาพอรู้ว่าทรงพลมีข่าวมาคบกับดาวนิลก็พยายามจะกลับมาหา ดาวนิลทำทุกทางเพื่อไม่ให้ทั้งคู่กลับมาคบกันอีก ด้วยความช่วยเหลือของหลิวหลิว ดาวนิลเริ่มมีงานในวงการมากขึ้นเรื่อยๆ พร้อมประวัติใหม่ที่ไม่มีใครสงสัย ดาวนิลหลงในความสุขสบาย และความรักที่มีกับทรงพล จนลืมอีกสามชีวิตที่แม่อาย คำปันเฝ้ารอคอยลูกด้วยความหวัง แต่สุดท้ายลูกสาวก็หายไปอย่างไร้ร่องรอยอีกครั้ง ตาของคำปันเริ่มมืดลง คำปันไม่ยอมผ่าตัด เฝ้าแต่รอคอยดาวนิลมาพาไปหาหมอตามคำสัญญาที่เคยให้ไว้ ช่อเอื้องน้อยใจพ่อที่ห่วงแต่พี่สาวจนลืมห่วงตัวเอง แต่เธอก็ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่ดิ้นรนดูแลพ่อทุกวิถีทาง
ช่อเอื้องพยายามติดต่อพี่สาวแต่ก็ติดต่อไม่ได้ เพราะโดนหลิวหลิวแอบลบเบอร์เพราะกลัวว่าประวัติที่แท้จริงของดาวนิลจะถูกเปิดเผย ช่อเอื้องจึงได้แต่เลี้ยงดูลูกชายและพ่อที่สายตาไม่ดี จนจำใจขายของที่มีอยู่และปิดคณะการแสดงลงเพราะแบกรับค่าใช้จ่ายไม่ไหว ทรงพลพาดาวนิลไปที่บ้านเพื่อรู้จักกับนมน้อยและพี่น้อง แต่คนที่ดาวนิลได้เจอคนแรกกลับเป็นเทวัญ เทวัญทำเป็นไม่รู้จักดาวนิลทั้งที่เสียใจว่าผู้หญิงที่ตัวเองแอบรักกลายมาเป็นแฟนของน้องชาย คำปันเริ่มป่วยกระเสาะกระแสะ บ่นเป็นห่วงลูกสาวคนโตที่หายไปเพราะไม่เชื่อว่าดาวนิลจะลืมตัว แต่คงเพราะมีเรื่องเดือดร้อนเลยไม่สามารถติดต่อกลับมาได้ ทอนเห็นดาวนิลในทีวีจึงแอบมาบอกช่อเอื้อง ช่อเอื้องยังไม่มั่นใจว่านั่นคือพี่สาวของตัวเอง ช่อเอื้องไม่บอกเรื่องนี้กับพ่อแล้วตัดสินใจมาตามหาดาวนิลที่กรุงเทพ
ช่อเอื้องมาถึงกรุงเทพ ด้วยความที่ไม่รู้อะไรเลย จนโดนวัยรุ่นกระชากกระเป๋าและได้ วรรณา (ปริตา ไชยรักษ์) มาช่วยไว้ วรรณาเห็นใจช่อเอื้องจึงอาสาช่วยตามหาพี่สาว ช่อเอื้องมาดักรอพบดาวนิลที่สถานีโทรทัศน์ แต่เพราะมีนักข่าวมากมาย และทรงพลอยู่ด้วย ดาวนิลจึงทำเป็นไม่รู้จักช่อเอื้อง และรีบขึ้นรถทรงพลออกไป ช่อเอื้องมองตามรถพี่ไปอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง ทั้งผิดหวังและเสียใจ เพราะถึงดาวนิลจะดูสวยผิดตาไปมาก แต่เธอแน่ใจแล้วว่าใช่พี่ดาวนิลของเธอแน่ๆ ช่อเอื้องเดินข้ามถนนอย่างไม่ระวังและถูกรถของทรงวุฒิชนเข้า ทรงวุฒิพาช่อเอื้องไปหาหมอเทวัญที่โรงพยายาลเพื่อรักษา ช่อเอื้องจึงรู้ว่าดาวนิลเป็นคนรักของทรงพลน้องชายของหมอเทวัญ ช่อเอื้องตัดสินใจกลับแม่อายและไม่บอกความจริงกับพ่อ ช่อเอื้องโกหกพ่อว่าพบดาวนิลแล้วและดาวนิลสบายดีไม่ต้องเป็นห่วง ที่ไม่ติดต่อมาเพราะงานยุ่งมาก คำปันฟังแล้วค่อยคลายกังวล ช่อเอื้องได้แต่เก็บความช้ำใจไว้คนเดียว
เวลาผ่านไปหลายปี จนลูกโตอายุประมาณ 6 ขวบ คำปันที่ตอนนี้ตาบอดสนิทบังคับช่อเอื้องให้พาไปหาดาวนิลที่กรุงเทพ ช่อเอื้องไม่ยอมทำตามคำสั่งพ่อ ลูกชายสงสารตาเลยแอบอาสาพาตาไปกรุงเทพ โดยไปขอที่อยู่ของวิไลจากป้าบัว เพราะคิดว่าดาวนิลยังทำงานอยู่กับวิไล แต่ป้าบัวกลับให้ที่อยู่มั่วๆไป เมื่อคำปันกับลูกชายมาถึงกรุงเทพจึงตามหาที่อยู่นั้นไม่เจอ จนโดนโจรขโมยกระเป๋า ไม่มีทั้งเงินและเสื้อผ้า คำปันต้องเร่ร่อนพาลูกชายไปนอนตามใต้สะพานและไปขอทานตามตลาดนัด ช่อเอื้องเมื่อรู้ว่าพ่อและหลานหายไปก็รีบตามคำปันมาที่กรุงเทพและออกตามหาจนเจอ จากการช่วยเหลือของวรรณาและทรงวุฒิ
คำปันยืนยันไม่ยอมกลับแม่อายจนกว่าจะหาดาวนิลเจอเพราะเป็นห่วงลูกสาว วรรณาจึงพาทั้ง 3 ไปอาศัยอยู่ที่บ้านตัวเอง ช่อเอื้องต้องออกหางานทำ ทรงวุฒิที่แอบชอบช่อเอื้องอยู่ เสนอให้ไปทำงานที่บ้าน เนื่องจากอยากให้ช่อเอื้องอยู่ใกล้ๆ นมน้อยให้ช่อเอื้องไปช่วยดูแลบ้านเทวัญที่อยู่ในรั้วเดียวกันแทน เพราะดูออกว่าทรงวุฒิชอบช่อเอื้อง ดาวนิลตกใจมากที่เห็นช่อเอื้องที่บ้านนี้ เทวัญบอกว่าช่อเอื้องขอมาอาศัยอยู่ด้วย ช่อเอื้องบอกดาวนิลว่าเธอจะอยู่ที่นี่จนกว่าดาวนิลจะยอมรับกับทุกคนว่า เธอคือน้องที่มาจากแม่อาย
ดาวนิลกลืนไม่เข้าคายไม่ออกเมื่อนมน้อยเอ็นดูช่อเอื้องที่เป็นเพียงคนงานในบ้าน นมน้อยเห็นความผิดปกติของดาวนิลกับช่อเอื้อง แต่สองพี่น้องก็ไม่ยอมพูดอะไร ในที่สุดช่อเอื้องตัดสินใจบอกความจริงกับเทวัญว่าดาวนิลเป็นพี่สาว เทวัญปะติดปะต่อเรื่องราวได้ทั้งหมด เทวัญเตือนให้ดาวนิลบอกความจริง แต่ดาวนิลกลัวจะเสียทรงพลไป นมน้อยจับผิดว่าดาวนิลกับเทวัญดูมีความสนิทสนมกัน จึงบอกกับทรงพล ทรงพลเริ่มระแวง ช่อเอื้องเมื่ออยู่ไปเริ่มรู้สึกว่าดาวนิลเปลี่ยนไปมาก ยิ่งคุยกับวรรณาแล้วรู้ว่าพ่อเองก็เริ่มอยู่ที่กรุงเทพไม่ไหว เธอจึงเริ่มคิดจะยอมแพ้และกลับบ้าน นมน้อยสงสารจึงให้ไปรับพ่อกับหลานมาอยู่ด้วย ดาวนิลยิ่งเครียดหนักเมื่อ เจอพ่อที่ตาบอดและลูกชายที่พิการพร้อมหน้า ดาวนิลทุกข์ทรมานกับความผิดที่ทิ้งพ่อกับลูกอย่างมากจนอยากจะบอกความจริงกับทุกคน แต่หลิวหลิวก็ห้ามไว้ได้ทุกครั้ง
เทวัญโกรธที่ดาวนิลไม่ยอมรับความจริง ทรงพลมองความผิดปกติของพี่ชายกับคนรักด้วยความสงสัยมากขึ้นทุกที คำปันได้ยินทุกคนเรียกชื่อ ดาวนิล ก็ดีใจว่าอาจจะเป็นลูกสาวของตัว แต่ช่อเอื้องกลัวพ่อเสียใจ ก็จำต้องโกหกพ่อไปว่า ไม่ใช่พี่ดาวนิลของเรา ทรงวุฒิพยายามแสดงความสนใจช่อเอื้อง แต่ช่อเอื้องไม่เล่นด้วย ทรงวุฒิจึงออกอุบายจะพาช่อเอื้องลงไปโรงแรมของทรงพลที่ทะเล ทรงพลตามลงไปเรื่องงานและพาดาวนิลไปด้วย โดยไม่รู้ว่าเทวัญพักผ่อนอยู่ที่นั่นแล้ว ในงานเลี้ยงของโรงแรม ช่อเอื้องขึ้นรำฟ้อนผางเพื่อให้กระทบใจดาวนิลที่เคยรำชุดนี้ด้วยกันที่แม่อาย ดาวนิลกดดันอย่างหนัก วิ่งลงทะเลหวังให้จมน้ำตาย แต่เทวัญกับทรงพลมาช่วยไว้ ทรงพลขอดาวนิลหมั้นคืนนั้น ดาวนิลที่กำลังจะพูดความจริงเรื่องพ่อ ก็ต้องเงียบไปอีก
พอหนังสือพิมพ์ลงข่าว คุณนายติ๊ดริษยาดาวนิลจึงหาทางติดต่อจิดาภาและบอกว่าทรงพลกำลังโดนดาวนิลหลอก คุณนายติ๊ดมาแฉความจริงเรื่องดาวนิลมีลูกโดยอ้างถึงเทวัญ เทวัญปฏิเสธเพื่อช่วยดาวนิล คุณนายติ๊ดกับจิดาภาต้องถอยกลับไปตั้งหลัก นมน้อยพยายามเตือนให้ทรงพลฟังหูไว้หู แต่ทรงพลตัดปัญหาด้วยการประกาศจะแต่งงานกับดาวนิล ช่อเอื้องเสียใจมากที่ดาวนิลปิดบังความจริงเรื่องลูกอีกเรื่อง ดาวนิลอับจนหนทาง เมื่อเรื่องมัดตัวแน่นขึ้นและทางออกตีบตัน จึงทำได้แค่แอบมาหาพ่อบ่อยๆ คำปันพูดคุย ปลอบโยนดาวนิล โดยไม่รู้เลยว่าเป็นลูกสาวที่ตัวเองเฝ้ารอคอย
ช่อเอื้องกับดาวนิลทำให้จิดาภาเริ่มเอะใจในความสัมพันธ์ของทั้งคู่ จิดาภาให้คุณนายติ๊ดไปสืบเรื่องนี้ คุณนายติ๊ดหาหลักฐานมาจนรู้ว่าดาวนิลเป็นพี่น้องกับช่อเอื้อง จิดาภานำเรื่องนี้ไปบอกต่อหน้าทรงพลและทุกคน ดาวนิลคิดว่าทุกอย่างคงจบสิ้น แต่ช่อเอื้องปฏิเสธต่อหน้าทุกคนว่าผู้หญิงสกปรกอย่างดาวนิลไม่ใช่พี่ดาวนิลผู้งดงามของเธอ ดาวนิลปวดร้าวที่น้องพูดแบบนั้นแต่ก็พูดอะไรไม่ได้ ดาวนิลไม่รู้จะทำอย่างไร อยากจะบอกความจริงกับพ่อแต่ก็กลัวว่าจะเสียทรงพลไป
ช่อเอื้องพยายามชวนพ่อและหลานกลับบ้าน แต่คำปันกลับดื้อไม่ยอมกลับเพราะยังอยากตามหาดาวนิลให้เจอ วิไลถูกซื้อตัวจากคุณนายติ๊ดและจิดาภา เพื่อแฉดาวนิล แต่วิไลกลับตัวในนาทีสุดท้าย ดาวนิลจึงรอดพ้นจากการถูกประจานกลางบ้านทรงพล แต่วิไลตัดสินใจบอกความจริงเรื่องที่ลูกชายเป็นลูกที่เกิดจากการที่ดาวนิลมาขายตัวที่กรุงเทพให้ช่อเอื้องกับคำปันรู้ คำปันเสียใจมากจนถึงกับทรุด คำปันได้ยินหมอเทวัญกับช่อเอื้องคุยกันเรื่องดาวนิลโดยบังเอิญ จึงรู้ความจริงว่าคุณดาวนิลที่ตนพูดด้วยมาตลอด คือลูกดาวนิลของตน คำปันเสียใจมากจนล้มป่วย แต่ด้วยหัวใจของพ่อที่รักลูกอย่างสุดซึ้ง คำปันตัดสินใจทำเป็นยังไม่รู้ความจริง และหลอกช่อเอื้องว่าอยากรีบกลับแม่อายแล้ว เพราะกลัวคนอื่นรู้ความจริงแล้วจะทำให้ดาวนิลเสื่อมเสีย
ก่อนจะกลับแม่อาย คำปันมีปากเสียงกับช่อเอื้องจนพลาดตกน้ำ ดาวนิลมาเห็นเข้าพอดีก็ตกใจเผลอหลุดปากเรียกพ่อ ทรงพลซึ่งอยู่ตรงนั้นได้ยินก็เอะใจ จึงถามความจริงกับดาวนิล ดาวนิลไม่รู้จะทำยังไงจึงจำใจบอกความจริงทั้งหมดกับทรงพลทั้งน้ำตา ทุกคนตกตะลึง ทรงพลรับไม่ได้ เขาบอกดาวนิลว่า ดาวนิลดูถูกความรักของเขาเกินไป ความรักของเขาไม่ได้ขึ้นอยู่กับเปลือกนอก แต่เขารักคนที่ความดี ไม่ใช่ผู้หญิงที่ไม่เหลียวแลพ่อตัวเองเช่นนี้ ดาวนิลเสียใจมาก ที่อดทนมาทุกอย่าง แต่ทรงพลกลับไม่ยอมรับ ดาวนิลทรุดลงร้องไห้แทบขาดใจ
ช่อเอื้องทั้งสงสารทั้งเกลียดชังพี่ตัวเองที่ปิดบังทุกอย่าง ดาวนิลบอกว่าการเป็นแค่ดาวนิล ลูกพ่อครูคำปันในคณะรำไม่มีค่า ไม่มีความหมายสำหรับชีวิตที่นี่เพราะเธอโดนดูถูก โดนเหยียดหยามมาตลอด คำปันหนีกลับแม่อายไปกับช่อเอื้องและลูกชายด้วยใจที่เจ็บช้ำจนตรอมใจตายในที่สุด ดาวนิลทนต่อความรู้สึกผิดไม่ไหว จึงตัดสินใจกลับไปหาพ่อที่แม่อาย แต่เมื่อดาวนิลมาถึงบ้านก็พบแต่บ้านที่ว่างเปล่า ทอนมาเจอดาวนิลโดยบังเอิญจึงบอกให้ดาวนิลรู้ว่าคำปันเสียแล้ว ดาวนิลเสียใจมากรีบตามไปที่ขบวนแห่ศพ
ภาพโลงศพของพ่อทำให้ดาวนิลร้องไห้น้ำตาแทบเป็นสายเลือด ดาวนิลแหวกฝูงชนเข้าไปที่รถขนศพ ทุกคนรังเกียจ พากันสาปแช่ง ขบวนแห่ศพเคลื่อนไปโดยไม่มีใครสนใจ ปล่อยให้ดาวนิลทรุดลงสะอื้นอยู่ตามลำพัง จนลูกชายที่บวชเป็นเณรเป็นคนเดินนำแม่เข้าไปที่งาน เทวัญมาเตือนสติทรงพล ว่าให้ให้อภัยดาวนิล แต่ทรงพลยังทำใจไม่ได้ เทวัญตัดสินใจตามไปร่วมงานศพคำปันที่แม่อายคนเดียว ในที่สุดทรงพลตัดสินใจให้อภัยดาวนิลและเดินทางตามมาที่งานศพพร้อมแหวนหมั้น เขารู้ใจตัวเองแล้วว่ารักดาวนิลมากแค่ไหน ทรงพลอยากจะลืมเรื่องเลวร้ายทั้งหมดและสร้างครอบครัวใหม่กับดาวนิล
ที่หน้าเชิงตะกอน ช่อเอื้องตั้งใจตีกลองสะบัดชัยอย่างสุดฝีมือต่อหน้าพ่อเป็นครั้งสุดท้าย ดาวนิลเดินมาพร้อมดาบในมือ ดาวนิลกราบหน้ารูปพ่อ ขอให้พ่อให้อภัย ก่อนจะฟ้อนดาบอย่างงดงามที่สุดในชีวิตหาใครเหมือน ดาวนิลรำดาบอย่างสวยงามที่สุด ก่อนจะใช้ดาบปาดคอตัวเองตายลงต่อหน้ารูปพ่อ ทุกคนตกตะลึง ช่อเอื้องร้องไห้บอกพี่ว่าอย่าทิ้งเธอไปอีก ดาวนิลสิ้นใจตายในอ้อมกอดของทรงพล ทรงพลเสียใจมากกอดสามเณรที่เป็นลูกของตัวเองไว้เป็นครั้งแรก ท่ามกลางความเศร้าเสียใจของทุกคน
คณะละครของคำปันมีคณะละครคู่แข่งคือคณะของ หนานเมือง (สมชาย ศักดิกุล) แต่เพราะคณะของหนานเมืองไม่มีนักแสดงที่เก่งอย่างดาวนิล ทำให้คณะละครของหนานเมืองมีงานน้อยกว่าคณะของคำปันมาก ทำให้หนานเมืองไม่ค่อยพอใจในตัวคำปันและหาทางแกล้งคณะของคำปันเสมอ หนานเมืองมีลูกสาวชื่อ รินคำ (ช้องมาศ บางชะวงษ์) เป็นเด็กสาวที่รักสวยรักงามและไม่ชอบศิลปะการแสดงเลย รินคำมักมีเรื่องทะเลาะกับช่อเอื้องเสมอเวลาที่ทั้งสองคณะต้องมาเจอหน้ากัน
ทอน (ปิติพน พรตรีสัตย์) ลูกชายผู้ใหญ่บ้านที่แอบชอบดาวนิลอยู่แล้วมาชวนดาวนิลให้ไปแสดงในงานเปิดรีสอร์ตใหม่ในตัวเมือง ดาวนิลดีใจที่คณะของพ่อจะได้งาน รินคำที่แอบมาได้ยินเห็นดาวนิลทำท่าดีใจและเห็นสายตาทอนที่มองดาวนิลก็ยิ่งไม่พอใจ ในคืนที่ดาวนิลได้ไปแสดงในงานเปิดรีสอร์ต รินคำกับหนานเมืองตามไปแกล้งคณะของคำปันจนถึงงาน รินคำหลอกดาวนิลไปขังไว้ในห้องเก็บของ โชคดีที่ ทรงพล (อรรคพันธ์ นะมาตร์) ผ่านมาพอดีเลยช่วยเอาไว้ได้ ดาวนิลยังไม่ทันได้ขอบคุณ ทรงพลก็เดินออกไปก่อน
ดาวนิลได้พบทรงพลอีกทีเมื่อเริ่มการแสดง เธอได้รู้ว่าที่แท้เขาคือนักธุรกิจที่มาจากกรุงเทพ ดาวนิลทำการแสดงได้ประทับใจจนแขกในงานต่างปรบมือให้ แต่สิ่งที่ดาวนิลดีใจที่สุดคือคำชมของทรงพลที่ฝากเพื่อนมาชม ด้วยความที่ถูกกลั่นแกล้งบ่อยๆ จากหนานเมืองและรินคำ ทำให้งานแสดงของคณะคำปันเริ่มน้อยลงจนดาวนิลพยายามหางานเพิ่ม แต่สุดท้ายก็โดน อ้ายศักดิ์ (สมพร ปรีดามาโนช) นายหน้าหางานฉวยโอกาสจะปลุกปล้ำ ดาวนิลไม่ยอมและทำร้ายอ้ายศักดิ์เพื่อป้องกันตัว หนานเมืองจึงฉวยโอกาสรวมหัวกับอ้ายศักดิ์ จนคณะคำปันไม่มีงานแสดงอีก
เมื่อไม่มีงานแสดง ฐานะของบ้านและคณะละครของคำปันก็ย่ำแย่หนักยิ่งกว่าเดิม หนำซ้ำดวงตาของคำปันยังเริ่มมองเห็นได้เลือนลาง ดาวนิลกลุ้มใจและเป็นห่วงพ่อ วิไล (กัญญารัตน์ พงศ์กัมปนาท) ที่กลับมาเยี่ยม ป้าบัว (ราตรี วิทวัส) ผู้เป็นแม่ รู้เรื่องดาวนิลต้องการเงิน ก็ชวนดาวนิลเข้าไปทำงานกับตนที่กรุงเทพ แม้ว่าตอนแรกดาวนิลจะปฏิเสธเพราะห่วงพ่อ แต่เมื่อวิไลหลอกว่ามีงานให้ดาวนิลไปแสดงที่กรุงเทพ ดาวนิลจึงตัดสินใจไป แม้ว่าคำปันกับช่อเอื้องจะไม่เห็นด้วย แต่ดาวนิลสัญญาว่าจะรีบทำงานเก็บเงินแล้วจะรีบกลับบ้านให้เร็วที่สุด
ทรงพลคบหาดูใจอยู่กับ จิดาภา (ขวัญกวินท์ ธำรงรัฐเศรษฐ์) สาวไฮโซที่เอาแต่ใจตัวเอง ทรงพลขอจิดาภาแต่งงาน แต่ทั้งคู่มีปากเสียงกันเรื่องการจัดงานแต่งจนจิดาภาบอกเลิกทรงพล แม้ว่า เทวัญ (พีรวัศ กุลนันท์วัฒน์) พี่ชายทรงพลกับ ทรงวุฒิ (ฌาน์รัชต์ มณฑากูล) น้องชาย พยายามช่วยให้ทั้งคู่คืนดีกันแต่ก็ไม่เป็นผล นมน้อย (ทัศน์วรรณ เสนีย์วงศ์ ณ อยุธยา) แม่นมเก่าแก่ที่ไม่เคยชอบจิดาภาขัดขวางความรักของทรงพลทุกทาง
เมื่อดาวนิลมาถึงกรุงเทพก็พบว่าสิ่งที่วิไลบอกไม่มีอะไรเป็นความจริง เธอถูกหลอกให้มาทำงานขายบริการ ดาวนิลถูกบังคับให้บริการแขกที่ใช้กำลังข่มขืนเธอ คนในร้านคนหนึ่งสงสารเธอ และพยายามช่วยโดยโน้มน้าวให้เฮียเจ้าของร้านยอมขายดาวนิลให้กับร้านใหม่ที่เป็นแค่สถานที่เที่ยวสำหรับผู้ชาย แม้ว่าที่ใหม่ดาวนิลจะไม่ต้องขายบริการ แต่ก็โดนบังคับให้มานั่งกินเหล้ากับแขก ดาวนิลต้องจำใจทำงานที่นี่เพื่อชดใช้ค่าตัวที่วิไลขายเธอให้กับเฮียเจ้าของร้าน
ทรงพลเห็นข่าวสังคมลงข่าวเรื่องจิดาภามีข่าวกับผู้ชายคนใหม่ก็เสียใจมาก ทรงวุฒิพาพี่ชายไปเที่ยวปลอบใจ ดาวนิลได้เจอทรงพลอีกครั้ง ดาวนิลแม้จะดีใจ แต่ก็อายในสภาพที่ตัวเองเป็นอยู่ ผู้จัดการร้านสั่งให้ดาวนิลมาดูแลทรงพล ทรงพลเมามายและจำดาวนิลไม่ได้ คืนนั้นดาวนิลยอมเป็นของทรงพลด้วยความเต็มใจ ตื่นเช้ามาทรงพลออกไปโดยไม่แม้แต่จะพูดอะไรกับดาวนิล เขาทิ้งเงินไว้ให้จำนวนหนึ่งด้วยความรู้สึกไม่ดี ดาวนิลได้แต่เก็บเงินไว้และสัญญากับตัวเองว่าถ้าเธอได้เจอทรงพลอีก เธอต้องอยู่ในฐานะที่ดีกว่านี้ ไม่ยอมให้เขามาดูถูกเธอได้
คำปันนึกถึงแต่ดาวนิลว่าเมื่อไหร่จะกลับ หลังๆ ดาวนิลไม่ค่อยรับโทรศัพท์ เพราะอายและต้องปิดบังความจริงเรื่องงานที่ทำอยู่ ช่อเอื้องน้อยใจพ่อที่ดูจะคิดถึงแต่พี่และห่วงเรื่องพี่ลำบาก จนไม่มีกระจิตกระใจจะไปหาหมอรักษาตา ทอนสืบรู้จากป้าบัวว่าดาวนิลไปทำงานขายบริการที่กรุงเทพ ก็เข้าใจผิดคิดว่าดาวนิลเต็มใจ ประกอบกับรับไม่ได้ที่หญิงสาวที่ตนรักเป็นแบบนี้ เลยจงใจหลบหน้าครอบครัวดาวนิล ทำให้ทอนห่างเหินไม่ได้มาดูแลครอบครัวดาวนิลเหมือนเมื่อก่อน แต่ด้วยความรักและเป็นห่วงกลัวดาวนิลเสียชื่อ ทอนจึงให้เงินปิดปากป้าบัว ไม่ให้แพร่งพรายเรื่องนี้ให้คนอื่นรู้
ดาวนิลยอมทำงานจนสามารถใช้คืนค่าตัวได้ครบ เธอวางแผนจะกลับบ้านแต่เกิดแพ้ท้อง วิไลพาดาวนิลไปทำแท้ง ดาวนิลไม่ยอมเพราะรู้ว่าลูกที่เกิดน่าจะเป็นลูกของทรงพล แต่วิไลก็หลอกให้ดาวนิลกินยาขับเลือดโดยบอกว่าเป็นยาแก้ปวดท้อง จนดาวนิลปวดท้องหนัก เป็นโอกาสที่ทำให้วิไลหลอกพาดาวนิลไปคลีนิกทำแท้งเถื่อนจนได้ ตำรวจบุกทลายคลีนิกเถื่อนขณะที่ดาวนิลอยู่ที่นั่นพอดี ดาวนิลถูกพาส่งโรงพยาบาล หมอเทวัญช่วยชีวิตและเตือนสติดาวนิล ดาวนิลพรั่งพรูว่าไม่ต้องการทำลายชีวิตลูกที่เกิดจากความรัก เทวัญเห็นใจดาวนิล จึงพามาอาศัยอยู่กับ คุณนายติ๊ด (ศิรินุช เพ็ชรอุไร) เจ้าของร้านเสื้อผู้มีนิสัยเค็มจนขม คุณนายติ๊ดคิดว่า ดาวนิลอาจจะเป็นเมียลับของเทวัญ จึงรับไว้ทำงานหวังเอาหน้า แต่พอรู้ความจริงว่าดาวนิลเป็นแค่คนที่เทวัญช่วยไว้ ก็ร่วมมือกับ ผึ้ง (ตวงรัตน์ คะชะสะ) ลูกน้องในร้าน แกล้งใช้ดาวนิลสารพัดให้ทำงานหนักมากมาย จนในที่สุดดาวคลอดลูกก่อนกำหนด
ลูกของดาวนิลออกมาเป็นเด็กพิการ ดาวนิลเสียใจว่าเป็นความผิดของตัวเองที่ไม่ทันคน ถูกหลอกให้กินยาทำแท้ง แถมยังต้องกินเหล้าตอนทำงานในช่วงตั้งท้อง แต่เทวัญก็ปลอบว่าดาวนิลสามารถเลี้ยงลูกให้มีความสุขได้ ดาวนิลพาลูกมาอยู่ที่ร้าน สร้างความไม่พอใจให้คุณนายติ๊ดที่ยื่นคำขาดให้ดาวนิลเอาลูกไปเลี้ยงที่อื่น ดาวนิลถูกคุณนายติ๊ดยึดเงินบางส่วนไว้บอกเป็นค่าทำให้ร้านเสียหายรายได้ตกเพราะดาวนิลมัวแต่เอาเวลาไปเลี้ยงลูก ดาวนิลไม่รู้จะทำยังไง จึงตัดสินใจพาลูกกลับบ้าน
ดาวนิลกลับมาแม่อายท่ามกลางความประหลาดใจและเสียงซุบซิบนินทาของทุกคนที่มีเด็กมาด้วย ช่อเอื้องเถียงแทนทันทีว่าไม่ใช่ลูกดาวนิล ดาวนิลกดดันมากที่พ่อถูกมองด้วยสายตาเหยียดหยาม จึงตัดสินใจโกหกทุกคนว่าเป็นลูกของเพื่อนที่ทิ้งไป เลยสงสารเอาเด็กมาเลี้ยงเอง คำปันดีใจที่ลูกกลับบ้าน ช่อเอื้องไม่อยากให้พี่กลับไปกรุงเทพอีก ดาวนิลเองก็ตั้งใจว่าจะไม่กลับกรุงเทพแล้วเช่นกัน เทวัญกลับมาเยี่ยมดาวนิลที่ร้านแต่พบว่าดาวนิลไม่อยู่ที่นี่แล้ว คุณนายติ๊ดโกหกว่าดาวนิลกลับไปเยี่ยมบ้าน แต่ด้วยความกลัวว่าเทวัญจะรู้ว่าตัวเองเป็นฝ่ายไล่ดาวนิลไป ประกอบกับเจอลูกค้าต่อว่าว่าที่ร้านฝีมือตก งานไม่ดีเหมือนช่างคนเก่าที่ออกไป คุณนายเลยพยายามติดต่อดาวนิลและพูดจาหว่านล้อมให้ดาวนิลกลับมาทำงานโดยเสนอเงินเพิ่มให้ แต่ดาวนิลปฏิเสธ
ดาวนิลเจอทอนต่อว่าเรื่องไปทำงานขายบริการที่กรุงเทพ แถมยังหลอกทุกคนเรื่องลูก ดาวนิลเสียใจมากที่ทอนผู้ซึ่งน่าจะเข้าใจเธอมากที่สุดมองเธอเปลี่ยนไป ป้าบัวเสียไพ่อย่างหนัก จึงเห็นช่องทางหาเงินเมื่อรู้ว่าดาวนิลกลับมาจากกรุงเทพ ป้าบัวทำทีไปหาคำปันที่บ้านและพูดจาเหมือนจะบอกความจริงให้คำปันรู้ต่อหน้าดาวนิล ดาวนิลเห็นท่าไม่ดีเลยถามป้าบัวว่าจะเอาเงินเท่าไร ดาวนิลไม่รู้จะหาเงินมาให้ป้าบัวยังไง ประกอบกับเสียใจเรื่องทอน จึงตัดสินใจจะกลับกรุงเทพ
ดาวนิลยืนยันกับคำปันว่าที่กรุงเทพเธอมีลู่ทางเรื่องงาน ดาวนิลเอาเงินที่คุณนายติ๊ดโอนมาให้ก่อนให้กับช่อเอื้องไว้ แล้วฝากลูกชายไว้ที่แม่อาย ดาวนิลสัญญาว่าจะรีบทำงานหาเงินใช้หนี้และเก็บเงินกลับมาแม่อาย มาพาพ่อไปหาหมอด้วยตัวเอง ดาวนิลก้มหน้าก้มตาทำงาน ความสวยของดาวนิลสะดุดตา หลิวหลิว (ธีระพล หอมจม) ช่างเสื้อที่มายืมเสื้อที่ร้านคุณนายติ๊ดไปใช้ หลิวหลิวชักนำให้ดาวนิลไปถ่ายแบบและเล่นหนัง โดยมีหลิวหลิวเป็นผู้จัดการส่วนตัว หลิวหลิวสร้างประวัติของดาวนิลขึ้นมาใหม่และเริ่มปั้นดาวนิลจนเริ่มมีงานมากขึ้น
ดาวนิลอดทนและตั้งใจทำงาน และได้งานถ่ายแบบของโรงแรมทรงพล ดาวนิลดีใจที่ได้เจอทรงพลในฐานะใหม่ ทรงพลประทับใจความขยันและความอ่อนโยนของดาวนิลจนเกิดเป็นความรัก จิดาภาพอรู้ว่าทรงพลมีข่าวมาคบกับดาวนิลก็พยายามจะกลับมาหา ดาวนิลทำทุกทางเพื่อไม่ให้ทั้งคู่กลับมาคบกันอีก ด้วยความช่วยเหลือของหลิวหลิว ดาวนิลเริ่มมีงานในวงการมากขึ้นเรื่อยๆ พร้อมประวัติใหม่ที่ไม่มีใครสงสัย ดาวนิลหลงในความสุขสบาย และความรักที่มีกับทรงพล จนลืมอีกสามชีวิตที่แม่อาย คำปันเฝ้ารอคอยลูกด้วยความหวัง แต่สุดท้ายลูกสาวก็หายไปอย่างไร้ร่องรอยอีกครั้ง ตาของคำปันเริ่มมืดลง คำปันไม่ยอมผ่าตัด เฝ้าแต่รอคอยดาวนิลมาพาไปหาหมอตามคำสัญญาที่เคยให้ไว้ ช่อเอื้องน้อยใจพ่อที่ห่วงแต่พี่สาวจนลืมห่วงตัวเอง แต่เธอก็ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่ดิ้นรนดูแลพ่อทุกวิถีทาง
ช่อเอื้องพยายามติดต่อพี่สาวแต่ก็ติดต่อไม่ได้ เพราะโดนหลิวหลิวแอบลบเบอร์เพราะกลัวว่าประวัติที่แท้จริงของดาวนิลจะถูกเปิดเผย ช่อเอื้องจึงได้แต่เลี้ยงดูลูกชายและพ่อที่สายตาไม่ดี จนจำใจขายของที่มีอยู่และปิดคณะการแสดงลงเพราะแบกรับค่าใช้จ่ายไม่ไหว ทรงพลพาดาวนิลไปที่บ้านเพื่อรู้จักกับนมน้อยและพี่น้อง แต่คนที่ดาวนิลได้เจอคนแรกกลับเป็นเทวัญ เทวัญทำเป็นไม่รู้จักดาวนิลทั้งที่เสียใจว่าผู้หญิงที่ตัวเองแอบรักกลายมาเป็นแฟนของน้องชาย คำปันเริ่มป่วยกระเสาะกระแสะ บ่นเป็นห่วงลูกสาวคนโตที่หายไปเพราะไม่เชื่อว่าดาวนิลจะลืมตัว แต่คงเพราะมีเรื่องเดือดร้อนเลยไม่สามารถติดต่อกลับมาได้ ทอนเห็นดาวนิลในทีวีจึงแอบมาบอกช่อเอื้อง ช่อเอื้องยังไม่มั่นใจว่านั่นคือพี่สาวของตัวเอง ช่อเอื้องไม่บอกเรื่องนี้กับพ่อแล้วตัดสินใจมาตามหาดาวนิลที่กรุงเทพ
ช่อเอื้องมาถึงกรุงเทพ ด้วยความที่ไม่รู้อะไรเลย จนโดนวัยรุ่นกระชากกระเป๋าและได้ วรรณา (ปริตา ไชยรักษ์) มาช่วยไว้ วรรณาเห็นใจช่อเอื้องจึงอาสาช่วยตามหาพี่สาว ช่อเอื้องมาดักรอพบดาวนิลที่สถานีโทรทัศน์ แต่เพราะมีนักข่าวมากมาย และทรงพลอยู่ด้วย ดาวนิลจึงทำเป็นไม่รู้จักช่อเอื้อง และรีบขึ้นรถทรงพลออกไป ช่อเอื้องมองตามรถพี่ไปอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง ทั้งผิดหวังและเสียใจ เพราะถึงดาวนิลจะดูสวยผิดตาไปมาก แต่เธอแน่ใจแล้วว่าใช่พี่ดาวนิลของเธอแน่ๆ ช่อเอื้องเดินข้ามถนนอย่างไม่ระวังและถูกรถของทรงวุฒิชนเข้า ทรงวุฒิพาช่อเอื้องไปหาหมอเทวัญที่โรงพยายาลเพื่อรักษา ช่อเอื้องจึงรู้ว่าดาวนิลเป็นคนรักของทรงพลน้องชายของหมอเทวัญ ช่อเอื้องตัดสินใจกลับแม่อายและไม่บอกความจริงกับพ่อ ช่อเอื้องโกหกพ่อว่าพบดาวนิลแล้วและดาวนิลสบายดีไม่ต้องเป็นห่วง ที่ไม่ติดต่อมาเพราะงานยุ่งมาก คำปันฟังแล้วค่อยคลายกังวล ช่อเอื้องได้แต่เก็บความช้ำใจไว้คนเดียว
เวลาผ่านไปหลายปี จนลูกโตอายุประมาณ 6 ขวบ คำปันที่ตอนนี้ตาบอดสนิทบังคับช่อเอื้องให้พาไปหาดาวนิลที่กรุงเทพ ช่อเอื้องไม่ยอมทำตามคำสั่งพ่อ ลูกชายสงสารตาเลยแอบอาสาพาตาไปกรุงเทพ โดยไปขอที่อยู่ของวิไลจากป้าบัว เพราะคิดว่าดาวนิลยังทำงานอยู่กับวิไล แต่ป้าบัวกลับให้ที่อยู่มั่วๆไป เมื่อคำปันกับลูกชายมาถึงกรุงเทพจึงตามหาที่อยู่นั้นไม่เจอ จนโดนโจรขโมยกระเป๋า ไม่มีทั้งเงินและเสื้อผ้า คำปันต้องเร่ร่อนพาลูกชายไปนอนตามใต้สะพานและไปขอทานตามตลาดนัด ช่อเอื้องเมื่อรู้ว่าพ่อและหลานหายไปก็รีบตามคำปันมาที่กรุงเทพและออกตามหาจนเจอ จากการช่วยเหลือของวรรณาและทรงวุฒิ
คำปันยืนยันไม่ยอมกลับแม่อายจนกว่าจะหาดาวนิลเจอเพราะเป็นห่วงลูกสาว วรรณาจึงพาทั้ง 3 ไปอาศัยอยู่ที่บ้านตัวเอง ช่อเอื้องต้องออกหางานทำ ทรงวุฒิที่แอบชอบช่อเอื้องอยู่ เสนอให้ไปทำงานที่บ้าน เนื่องจากอยากให้ช่อเอื้องอยู่ใกล้ๆ นมน้อยให้ช่อเอื้องไปช่วยดูแลบ้านเทวัญที่อยู่ในรั้วเดียวกันแทน เพราะดูออกว่าทรงวุฒิชอบช่อเอื้อง ดาวนิลตกใจมากที่เห็นช่อเอื้องที่บ้านนี้ เทวัญบอกว่าช่อเอื้องขอมาอาศัยอยู่ด้วย ช่อเอื้องบอกดาวนิลว่าเธอจะอยู่ที่นี่จนกว่าดาวนิลจะยอมรับกับทุกคนว่า เธอคือน้องที่มาจากแม่อาย
ดาวนิลกลืนไม่เข้าคายไม่ออกเมื่อนมน้อยเอ็นดูช่อเอื้องที่เป็นเพียงคนงานในบ้าน นมน้อยเห็นความผิดปกติของดาวนิลกับช่อเอื้อง แต่สองพี่น้องก็ไม่ยอมพูดอะไร ในที่สุดช่อเอื้องตัดสินใจบอกความจริงกับเทวัญว่าดาวนิลเป็นพี่สาว เทวัญปะติดปะต่อเรื่องราวได้ทั้งหมด เทวัญเตือนให้ดาวนิลบอกความจริง แต่ดาวนิลกลัวจะเสียทรงพลไป นมน้อยจับผิดว่าดาวนิลกับเทวัญดูมีความสนิทสนมกัน จึงบอกกับทรงพล ทรงพลเริ่มระแวง ช่อเอื้องเมื่ออยู่ไปเริ่มรู้สึกว่าดาวนิลเปลี่ยนไปมาก ยิ่งคุยกับวรรณาแล้วรู้ว่าพ่อเองก็เริ่มอยู่ที่กรุงเทพไม่ไหว เธอจึงเริ่มคิดจะยอมแพ้และกลับบ้าน นมน้อยสงสารจึงให้ไปรับพ่อกับหลานมาอยู่ด้วย ดาวนิลยิ่งเครียดหนักเมื่อ เจอพ่อที่ตาบอดและลูกชายที่พิการพร้อมหน้า ดาวนิลทุกข์ทรมานกับความผิดที่ทิ้งพ่อกับลูกอย่างมากจนอยากจะบอกความจริงกับทุกคน แต่หลิวหลิวก็ห้ามไว้ได้ทุกครั้ง
เทวัญโกรธที่ดาวนิลไม่ยอมรับความจริง ทรงพลมองความผิดปกติของพี่ชายกับคนรักด้วยความสงสัยมากขึ้นทุกที คำปันได้ยินทุกคนเรียกชื่อ ดาวนิล ก็ดีใจว่าอาจจะเป็นลูกสาวของตัว แต่ช่อเอื้องกลัวพ่อเสียใจ ก็จำต้องโกหกพ่อไปว่า ไม่ใช่พี่ดาวนิลของเรา ทรงวุฒิพยายามแสดงความสนใจช่อเอื้อง แต่ช่อเอื้องไม่เล่นด้วย ทรงวุฒิจึงออกอุบายจะพาช่อเอื้องลงไปโรงแรมของทรงพลที่ทะเล ทรงพลตามลงไปเรื่องงานและพาดาวนิลไปด้วย โดยไม่รู้ว่าเทวัญพักผ่อนอยู่ที่นั่นแล้ว ในงานเลี้ยงของโรงแรม ช่อเอื้องขึ้นรำฟ้อนผางเพื่อให้กระทบใจดาวนิลที่เคยรำชุดนี้ด้วยกันที่แม่อาย ดาวนิลกดดันอย่างหนัก วิ่งลงทะเลหวังให้จมน้ำตาย แต่เทวัญกับทรงพลมาช่วยไว้ ทรงพลขอดาวนิลหมั้นคืนนั้น ดาวนิลที่กำลังจะพูดความจริงเรื่องพ่อ ก็ต้องเงียบไปอีก
พอหนังสือพิมพ์ลงข่าว คุณนายติ๊ดริษยาดาวนิลจึงหาทางติดต่อจิดาภาและบอกว่าทรงพลกำลังโดนดาวนิลหลอก คุณนายติ๊ดมาแฉความจริงเรื่องดาวนิลมีลูกโดยอ้างถึงเทวัญ เทวัญปฏิเสธเพื่อช่วยดาวนิล คุณนายติ๊ดกับจิดาภาต้องถอยกลับไปตั้งหลัก นมน้อยพยายามเตือนให้ทรงพลฟังหูไว้หู แต่ทรงพลตัดปัญหาด้วยการประกาศจะแต่งงานกับดาวนิล ช่อเอื้องเสียใจมากที่ดาวนิลปิดบังความจริงเรื่องลูกอีกเรื่อง ดาวนิลอับจนหนทาง เมื่อเรื่องมัดตัวแน่นขึ้นและทางออกตีบตัน จึงทำได้แค่แอบมาหาพ่อบ่อยๆ คำปันพูดคุย ปลอบโยนดาวนิล โดยไม่รู้เลยว่าเป็นลูกสาวที่ตัวเองเฝ้ารอคอย
ช่อเอื้องกับดาวนิลทำให้จิดาภาเริ่มเอะใจในความสัมพันธ์ของทั้งคู่ จิดาภาให้คุณนายติ๊ดไปสืบเรื่องนี้ คุณนายติ๊ดหาหลักฐานมาจนรู้ว่าดาวนิลเป็นพี่น้องกับช่อเอื้อง จิดาภานำเรื่องนี้ไปบอกต่อหน้าทรงพลและทุกคน ดาวนิลคิดว่าทุกอย่างคงจบสิ้น แต่ช่อเอื้องปฏิเสธต่อหน้าทุกคนว่าผู้หญิงสกปรกอย่างดาวนิลไม่ใช่พี่ดาวนิลผู้งดงามของเธอ ดาวนิลปวดร้าวที่น้องพูดแบบนั้นแต่ก็พูดอะไรไม่ได้ ดาวนิลไม่รู้จะทำอย่างไร อยากจะบอกความจริงกับพ่อแต่ก็กลัวว่าจะเสียทรงพลไป
ช่อเอื้องพยายามชวนพ่อและหลานกลับบ้าน แต่คำปันกลับดื้อไม่ยอมกลับเพราะยังอยากตามหาดาวนิลให้เจอ วิไลถูกซื้อตัวจากคุณนายติ๊ดและจิดาภา เพื่อแฉดาวนิล แต่วิไลกลับตัวในนาทีสุดท้าย ดาวนิลจึงรอดพ้นจากการถูกประจานกลางบ้านทรงพล แต่วิไลตัดสินใจบอกความจริงเรื่องที่ลูกชายเป็นลูกที่เกิดจากการที่ดาวนิลมาขายตัวที่กรุงเทพให้ช่อเอื้องกับคำปันรู้ คำปันเสียใจมากจนถึงกับทรุด คำปันได้ยินหมอเทวัญกับช่อเอื้องคุยกันเรื่องดาวนิลโดยบังเอิญ จึงรู้ความจริงว่าคุณดาวนิลที่ตนพูดด้วยมาตลอด คือลูกดาวนิลของตน คำปันเสียใจมากจนล้มป่วย แต่ด้วยหัวใจของพ่อที่รักลูกอย่างสุดซึ้ง คำปันตัดสินใจทำเป็นยังไม่รู้ความจริง และหลอกช่อเอื้องว่าอยากรีบกลับแม่อายแล้ว เพราะกลัวคนอื่นรู้ความจริงแล้วจะทำให้ดาวนิลเสื่อมเสีย
ก่อนจะกลับแม่อาย คำปันมีปากเสียงกับช่อเอื้องจนพลาดตกน้ำ ดาวนิลมาเห็นเข้าพอดีก็ตกใจเผลอหลุดปากเรียกพ่อ ทรงพลซึ่งอยู่ตรงนั้นได้ยินก็เอะใจ จึงถามความจริงกับดาวนิล ดาวนิลไม่รู้จะทำยังไงจึงจำใจบอกความจริงทั้งหมดกับทรงพลทั้งน้ำตา ทุกคนตกตะลึง ทรงพลรับไม่ได้ เขาบอกดาวนิลว่า ดาวนิลดูถูกความรักของเขาเกินไป ความรักของเขาไม่ได้ขึ้นอยู่กับเปลือกนอก แต่เขารักคนที่ความดี ไม่ใช่ผู้หญิงที่ไม่เหลียวแลพ่อตัวเองเช่นนี้ ดาวนิลเสียใจมาก ที่อดทนมาทุกอย่าง แต่ทรงพลกลับไม่ยอมรับ ดาวนิลทรุดลงร้องไห้แทบขาดใจ
ช่อเอื้องทั้งสงสารทั้งเกลียดชังพี่ตัวเองที่ปิดบังทุกอย่าง ดาวนิลบอกว่าการเป็นแค่ดาวนิล ลูกพ่อครูคำปันในคณะรำไม่มีค่า ไม่มีความหมายสำหรับชีวิตที่นี่เพราะเธอโดนดูถูก โดนเหยียดหยามมาตลอด คำปันหนีกลับแม่อายไปกับช่อเอื้องและลูกชายด้วยใจที่เจ็บช้ำจนตรอมใจตายในที่สุด ดาวนิลทนต่อความรู้สึกผิดไม่ไหว จึงตัดสินใจกลับไปหาพ่อที่แม่อาย แต่เมื่อดาวนิลมาถึงบ้านก็พบแต่บ้านที่ว่างเปล่า ทอนมาเจอดาวนิลโดยบังเอิญจึงบอกให้ดาวนิลรู้ว่าคำปันเสียแล้ว ดาวนิลเสียใจมากรีบตามไปที่ขบวนแห่ศพ
ภาพโลงศพของพ่อทำให้ดาวนิลร้องไห้น้ำตาแทบเป็นสายเลือด ดาวนิลแหวกฝูงชนเข้าไปที่รถขนศพ ทุกคนรังเกียจ พากันสาปแช่ง ขบวนแห่ศพเคลื่อนไปโดยไม่มีใครสนใจ ปล่อยให้ดาวนิลทรุดลงสะอื้นอยู่ตามลำพัง จนลูกชายที่บวชเป็นเณรเป็นคนเดินนำแม่เข้าไปที่งาน เทวัญมาเตือนสติทรงพล ว่าให้ให้อภัยดาวนิล แต่ทรงพลยังทำใจไม่ได้ เทวัญตัดสินใจตามไปร่วมงานศพคำปันที่แม่อายคนเดียว ในที่สุดทรงพลตัดสินใจให้อภัยดาวนิลและเดินทางตามมาที่งานศพพร้อมแหวนหมั้น เขารู้ใจตัวเองแล้วว่ารักดาวนิลมากแค่ไหน ทรงพลอยากจะลืมเรื่องเลวร้ายทั้งหมดและสร้างครอบครัวใหม่กับดาวนิล
ที่หน้าเชิงตะกอน ช่อเอื้องตั้งใจตีกลองสะบัดชัยอย่างสุดฝีมือต่อหน้าพ่อเป็นครั้งสุดท้าย ดาวนิลเดินมาพร้อมดาบในมือ ดาวนิลกราบหน้ารูปพ่อ ขอให้พ่อให้อภัย ก่อนจะฟ้อนดาบอย่างงดงามที่สุดในชีวิตหาใครเหมือน ดาวนิลรำดาบอย่างสวยงามที่สุด ก่อนจะใช้ดาบปาดคอตัวเองตายลงต่อหน้ารูปพ่อ ทุกคนตกตะลึง ช่อเอื้องร้องไห้บอกพี่ว่าอย่าทิ้งเธอไปอีก ดาวนิลสิ้นใจตายในอ้อมกอดของทรงพล ทรงพลเสียใจมากกอดสามเณรที่เป็นลูกของตัวเองไว้เป็นครั้งแรก ท่ามกลางความเศร้าเสียใจของทุกคน