ละคร รากนครา

ดู 5,082 ครั้ง / แชร์
ละครออกอากาศ วันจันทร์ วันอังคาร
ช่องที่ออกอากาศ ละครช่อง 3
เริ่มออกอากาศ 5 กันยายน 2560
เวลาออกอากาศ 20:20 - 22:50 น.
  
กำกับโดย พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง
ประพันธ์โดย บทประพันธ์ ปิยะพร ศักดิ์เกษม, บทโทรทัศน์ ยิ่งยศ ปัญญา
นำแสดงโดย
ปริญ สุภารัตน์ ... เจ้าศุขวงศ์
ณฐพร เตมีรักษ์ ... แม้นเมือง
นิษฐา จิรยั่งยืน ... เจ้ามิ่งหล้า
ชัยพล จูเลี่ยน พูพาร์ต ... เจ้าหน่อเมือง
ภัทรากร ตั้งศุภกุล ... ละอองคำ
จิตรภานุ กลมแก้ว ... เจ้าจักรคำ
พัชรินทร์ ศรีวสุภิรมย์ ... เจ้านางปัทมสุดา
อภินันท์ ประเสริฐวัฒนกุล ... กษัตริย์เมืองมัณฑ์
ธนากร โปษยานนท์ ... เจ้าหลวงแสนอินทะ
สรวงสุดา ลาวัณย์ประเสริฐ ... เจ้านางข่ายคำ
ทัศน์วรรณ เสนีย์วงศ์ ณ อยุธยา ... เจ้าเรือนคำ
ทวีศักดิ์ ธนานันท์ ... มิสเตอร์จอห์น แบรกกิ้น
ถนอม สามโทน ... อินทร
อรอนงค์ ปัญญาวงศ์ ... เขียนจันทร์
ธัญชนก หงษ์ทองคำ ... คำแก้ว
ไอยวริญร์ ชื่นชอบ ... ฟองจันทร์
ตระการ พันธุมเลิศรุจี ... เจ้าหลวงศรีวงษ์
วราพรรณ หงุ่ยตระกูล ... บัวผัน
ปวันรัตน์ นาคสุริยะ ... นางมิ่น
ศิรินุช เพ็ชรอุไร ... ขิ่นแหม่
วรุฒ วรธรรม ... เจ้าสิงห์คำ
พิศาล พัฒนพีระเดช ... กรมวัง
ทัศน์พล วิวิธวรรธ์ ... เจ้าไศลรัตน์/เจ้าภูแก้ว
ผู้สร้าง บริษัท แอค-อาร์ต เจเนเรชั่น จำกัด

ภาพนิ่งจากละคร

เรื่องย่อ รากนครา

ในปี พ.ศ.2427 เจ้าศุขวงศ์หรือเจ้าน้อย (ปริญ สุภารัตน์) เดินทางกลับมาบ้านเกิดหลังจากที่จากไปเป็นเวลาถึง 15 ปี เขาเป็นบุตรชายคนเดียวของเจ้าราชบุตรศุษิระ ผู้มีความคิดสมัยใหม่ เมื่อเห็นว่าอาณาจักรของเขาและบ้านพี่เมืองน้องในดินแดนล้านนาไม่สามารถดำรงความเป็นอิสระไว้ได้ จำเป็นต้องอาศัยบารมีของสยามเพื่อปกป้องแผ่นดินจากการตกเป็นเมืองขึ้นของตะวันตก เจ้าศุษิระจึงส่งเจ้าศุขวงศ์ไปศึกษาที่สิงคโปร์ตั้งแต่อายุได้เพียง 10 ขวบ แล้วเจ้าศุษิระและชายาก็ล้มป่วยเสียชีวิต หลังจากเจ้าศุขวงศ์เรียนจบ เขาได้กลับมารับราชการในราชสำนักสยาม เจ้าศุขวงศ์ได้พามิสเตอร์จอห์น แบร็กกิ้น (ทวีศักดิ์ ธนานันท์) ชาวอังกฤษซึ่งสนใจสำรวจป่าเพื่อหาลู่ทางทำไม้เดินทางกลับบ้านเกิดพร้อมกันกับเขา แท้จริงแล้วนั้นแบร็กกิ้นมีเบื้องหลังเป็นเจ้าหน้าที่ของบริษัท บริติช บอร์เนียว บริษัทสัมปทานทำไม้ขนาดใหญ่ซึ่งมีอิทธิพลมาก แบร็กกิ้นมีความประสงค์ที่จะมาสอดส่องทรัพยากรป่าไม้ ในดินแดนล้านนาเพื่อประโยชน์ทางธุรกิจของอังกฤษในอนาคต เจ้าศุขวงศ์เคยมีบุญคุณช่วยชีวิตแบร็กกิ้นไว้ ทั้งสองเป็นทั้งเพื่อนที่รู้ใจและรู้เท่าทันกันทุกอย่าง เจ้าศุขวงศ์จึงตัดสินใจให้แบรกกิ้น อยู่ในสายตาของเขาตลอดเวลาเพื่อที่จะสามารถควบคุมแบรกกิ้นได้โดยง่าย

การพาฝรั่งกลับบ้าน อีกทั้งการแต่งกายแบบสยามซึ่งรับเอาวัฒนธรรมตะวันตกของเจ้าศุขวงศ์ ทำให้เจ้าเรือนคำ (ทัศน์วรรณ เสนีย์วงศ์ ณ อยุธยา) ย่าของเขาไม่พอใจ เจ้าศุขวงศ์พยายามหว่านล้อมให้เจ้าย่าเห็นว่าการพาแบร็กกิ้นมาด้วย แทนที่จะปล่อยให้แบรกกิ้นเข้ามาสำรวจป่าตามใจชอบนั้นเป็นประโยชน์ต่อบ้านเกิดเมืองนอน เพราะทำให้เขารู้เท่าทันและสามารถรักษาผลประโยชน์ของอาณาจักรได้ เจ้าเรือนคำไม่ใคร่พอใจ แต่ด้วยความรักหลาน เจ้าเรือนคำก็ใจอ่อน เจ้าศุขวงศ์พยายามหว่านล้อมเจ้าหลวงศรีวงศ์ (ตระการ พันธุมเลิศรุจี) ซึ่งเป็นอา เจ้าหลวงคนปัจจุบันให้ยอมออกใบอนุญาตสำรวจป่าให้แบร็กกิ้น และศุขวงศ์ยังต้องการเข้าร่วมทุนทำไม้กับแบร็กกิ้นเพื่อควบคุมและรักษาสิทธิในการแสวงประโยชน์จากทรัพยากรป่าไม้ อินทร (ถนอม สามโทน) ข้าเก่าคนสนิทของเจ้าศุษิระได้แสดงตัวขอเป็นผู้รับใช้เจ้าศุขวงศ์ด้วยความจงรักภักดี

วันหนึ่งเจ้าหลวงศรีวงษ์ให้เจ้าศุขวงศ์เป็นผู้แทนเดินทางไปร่วมงานศพของ เจ้าสิงห์คำ (วรุฒ วรธรรม) เจ้าอุปราชเมืองเชียงเงินซึ่งมีศักดิ์เป็นญาติ ศุขวงศ์จำต้องพาแบร็กกิ้นเดินทางไปด้วยเพราะไม่ไว้ใจให้แบร็กกิ้นอยู่ไกลสายตา ที่เชียงเงินซึ่งเป็นเมืองเล็กๆ และเป็นประเทศราชของสยามด้วยเช่นกัน ศุขวงศ์ได้พบกับ เจ้าแม้นเมือง (ณฐพร เตมีรักษ์) บุตรสาวคนโตของเจ้าหลวงแสนอินทะ (ธนากร โปษยานนท์) กลางดงชมพูป่าซึ่งออกดอกสีชมพูสะพรั่งเพียง 10 วันในแต่ละปีเท่านั้น ศุขวงศ์รู้สึกสนใจในตัวแม้นเมืองมากเนื่องจากประทับใจในความเป็นตัวของตัวเองของเธอ จากการสังเกต ศุขวงศ์พบว่าแม้นเมืองมีสถานภาพเป็นรอง เจ้ามิ่งหล้า (นิษฐา จิรยั่งยืน) น้องสาวต่างมารดามากทั้งๆ ที่แม้นเมืองเป็นพี่สาว เนื่องจากเจ้านางข่ายคำ (สรวงสุดา ลาวัณย์ประเสริฐ) เจ้านางหลวงคนปัจจุบันซึ่งเป็นมารดาของมิ่งหล้าและมีศักดิ์เป็นน้าแท้ๆ ของแม้นเมืองเลี้ยงดูให้แม้นเมืองต้องยอมมิ่งหล้าทุกอย่าง ด้วยความกลัวว่าแม้นเมืองจะได้ดีกว่าลูกสาวของตน ศุขวงศ์ยังได้รู้จักกับเจ้าหน่อเมือง (ชัยพล จูเลี่ยน พูพาร์ต) พี่ชายแท้ๆ ของแม้นเมืองซึ่งได้รับตำแหน่งเจ้าอุปราชต่อจากเจ้าสิงห์คำผู้ล่วงลับ หน่อเมืองแสดงความไม่ชอบใจศุขวงศ์ตั้งแต่แรกเห็นเนื่องจากรูปลักษณ์และความคิดของศุขวงศ์ยืนยันชัดเจน ว่าเขายอมหมอบราบคาบแก้วให้กับสยามและตะวันตก ทั้งนี้ หลังจากที่มารดาเสียชีวิต และเจ้าหลวงแสนอินทะ บิดาได้สมรสใหม่ เจ้าหน่อเมืองและเจ้าแม้นเมืองสองพี่น้องก็อยู่ในความดูแลของเจ้าอุปราชสิงห์คำผู้มีความรักชาติอย่างแรงกล้า ทำให้ทั้งหน่อเมืองและแม้นเมืองได้รับการปลูกฝังให้รักความอิสระ เชื่อมั่นในเสรีภาพ และมุ่งมั่นกระทำทุกวิถีทางเพื่อทำให้เชียงเงินเป็นรัฐอิสระให้ได้

จากการสนทนาทำให้ศุขวงศ์ทราบว่าเจ้าหลวงแสนอินทะเอง ก็มีความมุ่งมั่นในการแยกตัวเป็นอิสระและรังเกียจตะวันตกอย่างยิ่ง เจ้าศุขวงศ์มีโอกาสได้พบเจ้าแม้นเมืองตามลำพังที่ดงชมพูป่า แม้นเมืองแสดงความเชื่อของเธออย่างเปิดเผยว่าการยอมรับเอาขนบธรรมเนียมประเพณีของชาติอื่นมาเป็นของตน เช่นที่ศุขวงศ์กระทำ เป็นการแสดงออกถึงความไร้ราก ไร้ความคิด และไร้ศักดิ์ศรี ทว่าคำบอกเล่าของศุขวงศ์เรื่องเมืองมัณฑ์ เมืองใหญ่ในแถบนั้นซึ่งเป็นเมืองอิสระและไม่เคยยอมก้มหัวให้สยามและตะวันตก กำลังจะกลายเป็นเมืองขึ้นของตะวันตกภายในเวลาไม่นาน ก็ทำให้แม้นเมืองเริ่มไม่แน่ใจในความคิดของเธอ แต่แม้นเมืองก็พยายามเรียกความเชื่อมั่นกลับคืนมาและโต้ตอบศุขวงศ์ว่าการล่มสลายอย่างมีศักดิ์ศรี ไม่ยอมเปลี่ยนแปลงตัวเองของเชียงเงินเป็นสิ่งที่เธอภาคภูมิใจมากกว่าการยอมปรับเปลี่ยนตัวเอง

ในงานศพของเจ้าอุปราชสิงห์คำ เจ้าแม้นเมืองแสดงความโศกเศร้าอย่างยิ่ง ตกเป็นเป้าสายตาของเจ้าศุขวงศ์ตลอดเวลา เจ้ามิ่งหล้าซึ่งเคยชินกับการได้รับความสนใจและต้องเป็นที่หนึ่งเสมอสังเกตเห็นสายตาของศุขวงศ์ที่มองแม้นเมือง ทำให้มิ่งหล้าไม่พอใจและหาทางเอาชนะแม้นเมืองให้ได้ มิ่งหล้าได้ออกอุบายเพื่อให้ตนได้ใกล้ชิดกับศุขวงศ์ มิ่งหล้าพูดให้พี่สาวเข้าใจว่าศุขวงศ์สนใจปองรักตน เจ้าศุขวงศ์พยายามหาโอกาสใกล้ชิดกับเจ้าแม้นเมือง เขาจึงตอบรับคำขอของเจ้ามิ่งหล้าที่ขอให้เขาเข้าไปแปลหนังสือภาพภาษาอังกฤษให้เธอ ทว่าศุขวงศ์ไม่เคยมีโอกาสได้พบแม้นเมืองในคุ้มหลวงเลยสักครั้ง จนวันหนึ่งทั้งสองได้พบกันที่ดงชมพูป่าโดยบังเอิญ ศุขวงศ์จึงมีโอกาสสัมผัสตัวตนที่อ่อนโยนของแม้นเมือง จากเหตุการณ์ที่เธอพยายามช่วยนำลูกนกที่ตกจากรังไปใส่คืนไว้ในรังของมัน ทั้งสองพูดคุยกันด้วยดีเป็นครั้งแรก ศุขวงศ์ออกปากว่าเขาจะมารอพบแม้นเมืองที่ดงชมพูป่านี้ทุกวันไม่ว่าเธอจะมาหรือไม่ก็ตาม เป็นที่น่าเสียดายว่ามิ่งหล้ายังคงเพียรพยายามสร้างความเข้าใจผิดให้แม้นเมืองเชื่อว่าศุขวงศ์หลงรักตน แม้นเมืองจึงพยายามขจัดความรู้สึกสนใจที่เธอเริ่มมีให้ศุขวงศ์ออกไปจากใจด้วยความรักน้องสาว เจ้าหลวงแสนอินทะและเจ้าหน่อเมืองร่วมกันวางแผนการสามทางเพื่อการประกาศตัวเป็นรัฐอิสระของเชียงเงิน เริ่มด้วยการให้หน่อเมืองเดินทางไปรับสารตราตั้งตำแหน่งเจ้าอุปราชและดื่มน้ำพระพิพัฒน์สัตยายอมเป็นข้าของสยามที่เชียงใหม่

ในขณะเดียวกันก็วางแผนส่งตัวมิ่งหล้าไปเป็นสนมกษัตริย์เมืองมัณฑ์ และสุดท้ายจัดการให้แม้นเมืองแต่งงานกับศุขวงศ์เพื่อทำให้ญาติฝ่ายล้านนาตายใจว่าเชียงเงินไม่ได้เอาใจออกห่างหมู่ญาติ มิ่งหล้าอาละวาดอย่างหนัก เธอบีบบังคับให้แม้นเมืองรับอาสาเดินทางไปเป็นสนมกษัตริย์เมืองมัณฑ์แทนเธอ ด้วยความรักชาติ แม้นเมืองจึงยอมทำตามคำขอ ทว่าไม่เป็นผลสำเร็จ เนื่องจากเมืองมัณฑ์ระบุมาว่าต้องการตัวมิ่งหล้าซึ่งมีสถานะสูงกว่าแม้นเมือง เจ้านางข่ายคำสนับสนุนความคิดที่จะส่งมิ่งหล้าไปเมืองมัณฑ์ เนื่องจากเกรงว่าแม้นเมืองจะกลายเป็นผู้มีความสำคัญมากกว่าลูกสาวของตน เจ้านางข่ายคำจึงบีบบังคับให้แม้นเมืองเกลี้ยกล่อมมิ่งหล้าให้ได้ มิ่งหล้าโกรธมากเพราะไม่เคยถูกขัดใจมาก่อนในชีวิต ประกอบกับเมื่อมิ่งหล้ารู้ว่าแม้นเมืองได้รับการวางตัวให้แต่งงานกับศุขวงศ์ ความโกรธจนขาดสติทำให้มิ่งหล้าประกาศตัดพี่ตัดน้องกับแม้นเมือง

เจ้ามิ่งหล้าลอบหนีออกไปจากคุ้มหลวงเพื่อไปขอให้เจ้าศุขวงศ์ช่วยพาเธอหนี เธอขู่จะฆ่าตัวตายหากศุขวงศ์ไม่ยอมช่วย ศุขวงศ์เห็นแก่ความเป็นญาติและยังเล็งเห็นว่าการที่เชียงเงินส่งมิ่งหล้าไปเป็นสนมกษัตริย์เมืองมัณฑ์นั้นเป็นการกระทำที่ไร้ประโยชน์ เนื่องจากอีกไม่นานเมืองมัณฑ์ต้องเสียเมืองแก่ตะวันตกแน่นอน มิ่งหล้าดีใจมากที่ศุขวงศ์ยอมรับปาก แต่เรื่องกลับรู้ถึงหูของเจ้าหลวงแสนอินทะเสียก่อน ศุขวงศ์รู้ไม่เท่าทัน จึงไปลอบพาตัวแม้นเมืองที่ปลอมตัวเป็นมิ่งหล้ามา ทำให้เขาต้องแต่งงานกับแม้นเมือง ส่วนมิ่งหล้าก็ต้องถูกส่งตัวไปเมืองมัณฑ์ในที่สุด แม้นเมืองเดินทางไปยังเชียงพระคำ พร้อมกับศุขวงศ์ เขียนจันทร์ (อรอนงค์ ปัญญาวงศ์) คำแก้ว (ธัญชนก หงษ์ทองคำ) อินทร โดยมีหน่อเมืองตามไปส่ง ทั้งสองตกเป็นของกันและกัน โดยที่แม้นเมืองยังเข้าใจผิด คิดว่าศุขวงศ์มีใจรักต่อมิ่งหล้า ส่วนศุขวงศ์เองก็ยังคิดน้อยใจ ว่าแม้นเมืองไม่รักตน แต่ที่ยอมแต่งงานด้วยเพราะต้องการช่วยเหลือบ้านเมืองของตน

ศุขวงศ์พาแม้นเมืองกลับมาที่เชียงพระคำ เจ้าย่าอดแปลกใจไม่ได้ที่ศุขวงศ์แต่งงานอย่างกะทันหัน แต่คนที่เสียใจที่สุด เห็นจะเป็นละอองคำ (ภัทรากร ตั้งศุภกุล) ลูกพี่ลูกน้องของศุขวงศ์ที่แอบหลงรักศุขวงศ์มาอย่างเนิ่นนาน สุดท้ายเจ้าย่าเรือนคำตัดสินใจ ขอให้ละอองคำเป็นเมียของศุขวงศ์อีกคน โดยพูดต่อหน้าแม้นเมือง แม้นเมืองไม่ว่ากระไร เพราะให้เกียรติศุขวงศ์ แต่ศุขวงศ์เองเสียอีก ไม่ยอมแตะต้องละอองคำ จนทำให้ละอองคำละอายใจ ถึงขนาดตั้งใจผูกคอตาย ดีที่บัวผัน (วราพรรณ หงุ่ยตระกูล) ช่วยไว้ได้ทัน แม้นเมืองไม่ได้ต่อว่าอะไรละอองคำ มีเพียงคำให้กำลังใจ ขอให้ละอองคำรักษาตัวให้หายโดยไว ทำให้ละอองคำได้คิดว่าแม้นเมืองคือผู้หญิงที่ดีเพียบพร้อม ถึงทำให้ศุขวงศ์รักเช่นนั้น ศุขวงศ์เตือนสติให้ละอองคำอยู่กับคนที่รักละอองคำอย่างแท้จริง ชีวิตจะได้ไม่ต้องทุกข์ระทมไปตลอด ศุขวงศ์บอกกับเจ้าย่าว่าจักรคำ (จิตรภานุ กลมแก้ว) คือผู้ชายที่หมายปองละอองคำมาเนิ่นนาน สุดท้ายศุขวงศ์จึงพาจักรคำมาเยี่ยมละอองคำ จักรคำและละอองคำ จึงเริ่มใกล้ชิดกันมากขึ้น และตกลงใจคบหากันต่อไป ซึ่งทั้งคู่ก็มีโครงการจะแต่งงานกันในไม่ช้า

ด้านเจ้านางข่ายคำ ก็พาขบวนของมิ่งหล้ามายังเมืองมัณฑ์ โดยมีฟองจันทร์ (ไอยวริญร์ ชื่นชอบ) ตามมารับใช้มิ่งหล้าอีกด้วย การเข้าพบกษัตริย์เมืองมัณฑ์ (อภินันท์ ประเสริฐวัฒนกุล) เต็มไปด้วยความยากลำบาก เพราะเจ้านางปัทมสุดา (พัชรินทร์ ศรีวสุภิรมย์) เจ้านางหลวงของกษัตริย์ หาวิธีกีดกันสารพัด โดยมีลูกน้องคู่ใจอย่าง ขิ่นแหม่ (ศิรินุช เพ็ชรอุไร) และนางมิ่น (ปวันรัตน์ นาคสุริยะ) เป็นคนรับคำสั่งอย่างเคร่งครัด แต่ด้วยความที่อยากเอาชนะ มิ่งหล้าหาวิธี ด้วยการให้กรมวัง (พิศาล พัฒนพีระเดช) เป็นคนดูต้นทาง กษัตริย์และมิ่งหล้าได้พบกันในที่สุด แล้วมิ่งหล้าก็ได้ถวายตัวให้แก่กษัตริย์ เจ้านางปัทมสุดาแค้นจัด กุเรื่องว่าตนเองท้อง โดยมีนางมิ่นรู้ความลับว่าแท้จริงแล้ว เจ้านางไม่ได้ท้องอย่างที่เอ่ยอ้าง ความโลภมากของนางมิ่น ทำให้เธอแอบยักยอกทรัพย์สินเงินทองไว้เป็นส่วนตัว จนเรื่องรู้ถึงหูเจ้านางปัทมสุดา นางมิ่นถูกเฆี่ยนปางตาย เอาชีวิตเกือบไม่รอด ดีที่มิ่งหล้ามาช่วยไว้ เพราะหวังจะให้นางมิ่นมาช่วยงานใหญ่ สุดท้ายพอนางมิ่นหายดี มิ่งหล้าก็นำความลับขึ้นทูลถวายกษัตริย์ เป็นฎีการ้องเรียนเรื่องที่เจ้านางปัทมสุดาไม่ได้ท้อง แต่กล่าวเท็จต่อกษัตริย์ เจ้านางปัทมสุดาลงทุนฆ่าปิดปากแม้กระทั่งหมอและคนใกล้ชิดทุกคน แต่สุดท้ายนางมิ่นกลับมาเป็นพยานปากเอกให้กับมิ่งหล้า จนทำให้เจ้านางปัทมสุดาถูกปลดออกจากตำแหน่ง

เจ้านางข่ายคำหลงว่ามิ่งหล้าจะได้ขึ้นเป็นใหญ่ จึงกลับไปที่เชียงเงิน และจับได้ว่าเจ้าหลวงแสนอินทะ นำผู้หญิงไม่มีหัวนอนปลายเท้าขึ้นมาเป็นเมียอีกคน ด้วยความแค้นเจ้านางข่ายคำทำร้ายเฆี่ยนตี จนหญิงผู้นั้นถึงแก่ความตาย เจ้าหลวงแสนอินทะโกรธมาก และได้รู้ถึงความโหดเหี้ยมว่าเจ้านางข่ายคำ คือคนที่ฆ่า แม่ของแม้นเมืองเสียชีวิต ทำให้เจ้าหลวงแสนอินทะ หมดความปรานีและเลิกรากันในที่สุด ข่ายคำไม่สนใจ กลับไปหามิ่งหล้าที่เมืองมัณฑ์ทันที เจ้านางปัทมสุดาให้ขิ่นแหม่ นำกำลังทหารไปจับตัวมิ่งหล้ามาทรมานจนเกือบปางตาย ฟองจันทร์รอดชีวิตมาได้ ออกตามหาคนของศุขวงศ์ เพื่อส่งข่าวให้ศุขวงศ์มาช่วยมิ่งหล้าจากเมืองมัณฑ์ ส่วนนางมิ่นก็ถูกฆ่าตายอย่างอนาถ ศพถูกแขวนประจานให้แร้งกากิน กรมวังเองก็เอาชีวิตไม่รอด เจ้านางปัทมสุดาไม่ปล่อยให้ใครเล็ดรอดชีวิตไปได้

ระหว่างนั้น ความรักของแม้นเมืองกับเจ้าศุขวงศ์ ก็กำลังดำเนินไปได้ด้วยดี แม้นเมืองท้องแก่ จนเจ็บท้องคลอด ศุขวงศ์ดีใจมาก เขาได้ลูกชาย และตั้งชื่อว่า เจ้าภูแก้วหรือเจ้าไศลรัตน์ (ทัศน์พล วิวิธวรรธ์)
ข่ายคำจะมาหามิ่งหล้า แต่ถึงแค่ชายป่าเมืองมัณฑ์ ก็ถูกโจรปล้นทรัพย์สมบัติจนหมด ส่วนเมืองมัณฑ์ถูกอังกฤษตีแตก กษัตริย์และเจ้านางปัทมสุดา ถูกคุมตัวขึ้นเรือไปประเทศอินเดีย โชคดีที่เจ้าศุขวงศ์มาช่วยมิ่งหล้าได้ทัน ทำให้มิ่งหล้ารอดชีวิตมาได้หวุดหวิด เมื่อแม้นเมืองได้เห็นสภาพของมิ่งหล้าก็ใจหาย นึกสงสารน้องจับใจ รู้สึกผิดที่ตนเอง มีส่วนทำให้มิ่งหล้าต้องเดินทางไปที่เมืองมัณฑ์ และยังคงคิดว่าศุขวงศ์ยังรักมิ่งหล้าอยู่ จึงตั้งใจจะคืนทุกอย่างให้กับมิ่งหล้า ศุขวงศ์บอกเจ้าย่าเรื่องที่จะไปเชียงใหม่ เพื่อประชุมกำหนดเขตแดน ฝ่ายเมืองมัณฑ์จะมีผู้แทนจากอังกฤษมาหลายคน ศุขวงศ์บอกเจ้าย่าว่าอังกฤษพยายามปลุกปั่นให้เชียงเงินเป็นอิสระจากสยาม เพื่อจะได้เข้ายึดครองเชียงเงินได้อย่างง่ายดาย ง่ายกว่าการตัดเฉือนเอาจากสยาม หน่อเมืองมาหาแม้นเมืองที่เชียงพระคำ บอกว่าจะประกาศความเป็นอิสระ และจะพาแม้นเมืองกลับเชียงเงิน หลังจากประชุมที่เชียงใหม่เสร็จ โดยไม่ยอมให้แม้นเมืองนำลูกที่มีกับศุขวงศ์ มีเชื้อสายของเชียงพระคำกลับไปด้วย หัวใจของแม้นเมืองเจ็บปวดเกินกว่าจะบรรยาย มิ่งหล้าเริ่มมีอาการดีขึ้น ยอมรับกับแม้นเมืองว่า ความทะเยอทะยาน อยากเอาชนะ ทำให้ตนมีสภาพเช่นนี้

ที่เชียงใหม่ หน่อเมืองบอกว่าเชียงเงินเป็นรัฐอิสระ ในนามตัวแทนเจ้าหลวงแห่งเชียงเงินไม่ขึ้นต่อสยาม แต่แล้วศุขวงศ์เอาหนังสือ ที่มีตราประทับของเจ้าหลวงแสนอินทะออกมา หนังสือลงนามกำกับประทับตราแต่งตั้งเจ้าผาคำ สำเร็จราชการแทนเจ้าหลวงแสนอินทะ และสั่งปลดหน่อเมืองออกจากการเป็นอุปราชแห่งเชียงเงินแล้ว ซึ่งข้อนี้เองที่ทำให้หน่อเมืองได้รับรู้ถึงแผนการอันแยบยลของศุขวงศ์ และแค้นใจที่ศุขวงศ์ส่งคนไปที่บ้านของตน บังคับให้พ่อของตนเองต้องทำเรื่องเช่นนี้ และอาฆาตแค้น จะต้องฆ่าศุขวงศ์ให้ได้ โดยที่ศุขวงศ์นั้นมีเจตนา ไม่ต้องการให้เชียงเงินถูกครอบครองโดยอังกฤษ

หน่อเมืองกลับมาหาแม้นเมืองอีกครั้ง นัดแนะให้แม้นเมืองหลอกพาศุขวงศ์ไปให้ตนเองฆ่า แม้นเมืองจำใจรับปากทั้งที่หัวใจเจ็บปวด ก่อนที่ศุขวงศ์จะเดินทางกลับมาถึงเรือน แม้นเมืองก็อุ้มลูกไปฝากไว้กับมิ่งหล้า สั่งเสียให้มิ่งหล้า ดูแลลูกของตนเองให้ดี แล้วแม้นเมืองก็ปลอมตัวเป็นชาย ไปหาหน่อเมืองในนามของศุขวงศ์ ความคั่งแค้น บดบังตา จนทำให้หน่อเมืองฆ่าน้องสาวตนเอง ส่วนแม้นเมืองนั้นดีใจที่ได้ตอบแทนความรักที่เธอมีให้ต่อศุขวงศ์อย่างแท้จริง เธอได้สละชีวิตให้กับคนที่เธอรัก และอีกประการหนึ่งที่สำคัญ เธอได้ทดแทนคุณของแผ่นดินเกิด ที่หน่อเมืองมักอ้างถึงความเป็นอิสระของเชียงเงิน ได้ทำหน้าที่ระบายแค้นแก่พี่ชายของเธอ แม้นเมืองเขียนจดหมายสั่งลาหน่อเมืองไว้ล่วงหน้า และขอร้องว่าไม่อยากให้หน่อเมือง กลับมาเหยียบแผ่นดินเชียงพระคำของศุขวงศ์อีก ศุขวงศ์กลับมาที่เรือนจึงรู้ความจริงจากมิ่งหล้า แต่เขาก็มาไม่ทันได้ช่วยชีวิตแม้นเมือง มีเพียงแต่คำบอกรักของแม้นเมืองเป็นคำสุดท้ายที่ศุขวงศ์ได้ยินจากแม้นเมือง แล้วจากนั้นเธอก็สิ้นลม

20 ปีต่อมา ศุขวงศ์ บอกเล่าเรื่องราวในอดีตทั้งหมดให้แก่เจ้าไศลรัตน์ฟัง ศุขวงศ์ยังคงรักและคิดถึงแม้นเมืองทุกลมหายใจ ไศลรัตน์ก้มลงกราบเจดีย์ของแม้นเมือง ที่ซึ่งศุขวงศ์บอกว่าเป็นที่เก็บกระดูกของหญิงที่มากไปด้วยความเสียสละและความรักที่มีต่อทุกคน