ละคร นักรบตาปิศาจ
ดู 4,076 ครั้ง /
แชร์
ละครออกอากาศ | วันพุธ วันพฤหัส | ||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
ช่องที่ออกอากาศ | ละครช่อง 7 | ||||||||||||||||||||||||
เริ่มออกอากาศ | 2 สิงหาคม 2560 | ||||||||||||||||||||||||
เวลาออกอากาศ | 20:30 - 22:40 น. |
||||||||||||||||||||||||
ประพันธ์โดย | บทประพันธ์ ศานต์ ศรุติ, บทโทรทัศน์ วรพันธ์ รวี | ||||||||||||||||||||||||
นำแสดงโดย | |||||||||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||||||
ผู้สร้าง | บริษัท ดีด้า วิดีโอ โปรดักชั่น จำกัด |
ภาพนิ่งจากละคร
เรื่องย่อ นักรบตาปิศาจ
ที่ประเทศไทย เกิดการลักพาตัวดารา นางงาม นางแบบ นายแบบ และหนุ่มสาวหน้าตาดี อายุ ระหว่าง 16 - 25 ปี หายตัวลึกลับอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะผู้หญิงสาวๆ สวยๆ จนตื่นตระหนกกันทั่วไป ตำรวจพยายามตามสืบหาตัวคนร้ายแต่ก็ยังไม่ได้ข้อมูลที่มากพอ
ในช่วงเวลาเดียวกัน ในกรมทหารแห่งหนึ่งมีการประชุมสัมมนาลับ ในโครงการระดับชาติ ชื่อ การสัมมนาลับตามข้อตกลงระหว่างไทย - ฝรั่งเศส เพื่อพัฒนาสมรรถภาพของกองทัพและประสิทธิภาพของอาวุธที่ใช้สู้รบในภูมิประเทศแถบเอเชีย การประชุมครั้งนี้ มีนายทหารผู้เชี่ยวชาญทางด้านเทคนิคและยุทธวิธีมาร่วมประชุมหลายนาย รวมทั้ง พันตรีอัคคี (กฤตฤทธิ์ บุตรพรม) และ พันตรีบันดาล (สุรวุฑ ไหมกัน) เพื่อนสนิทมีโอกาสเข้าร่วมสัมมนาครั้งนี้ โดยมีผู้เชี่ยวชาญจากฝรั่งเศสมาร่วมประชุมด้วย นอกจากอาวุธอื่นๆ แล้วยังมีอาวุธลับชื่อ Evil Eyes หรือ ตาปิศาจ ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ค้นคว้าประดิษฐ์ขึ้นมาเพื่อใช้ค้นหาฝ่ายตรงข้ามได้ ไม่ว่าจะอยู่ในภูมิประเทศใดทั้งในเวลากลางวันและกลางคืน มีหลักการทำงานด้วยการอาศัยอุณหภูมิความร้อนของร่างกายที่เปล่งออกมา โดยจะปรากฏภาพบนจอเครื่องรับ มีทั้งขนาดใหญ่ที่ใช้ในกองทัพ และมีขนาดเล็กที่ใช้ในหน่วยจู่โจม
ที่สำคัญสามารถใช้แทนดวงตามนุษย์ได้โดยผ่าตัดเชื่อมกับระบบการมองเห็นของมนุษย์ แม้จะไม่สามารถมองเห็นภาพเป็นภาพสีได้เหมือนคนปกติ แต่อุปกรณ์พิเศษที่เชื่อมกับระบบประสาทการมองเห็นทำให้สามารถแปลภาพออกมาให้สมองรับรู้ได้ว่าเป็นภาพอะไร นอกจากนี้มีเซลล์พิเศษที่สะสมแสงอินฟราเรดแล้วเปลี่ยนเป็นพลังงานที่มีอำนาจการทำลายล้างศัตรูที่ตรวจพบเห็นได้อย่างรวดเร็วและรุนแรงมาก เป็นผลงานของ พันโท ดร.ยังส์ เขามีความตั้งใจที่ประดิษฐ์ดวงตาวิทยาศาสตร์นี้ขึ้นมา เพื่อผ่าตัดให้กับทหารที่ต้องตาบอดจากการสู้รบ ทั้งเพื่อชดเชยการสูญเสียการมองเห็นและเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการสู้รบอีกด้วย อุปกรณ์นี้ใช้สารสังเคราะห์พิเศษ พีพี 71 ซึ่งทดสอบแล้วว่าไม่เป็นอันตรายกับร่างกายมนุษย์ การมาสัมมนาที่กรุงเทพฯครั้งนี้ พันโท ดร.ยังส์ และ พันโทเดอโกล ได้นำอุปกรณ์ต้นแบบมาสาธิตด้วย ขาด แต่ตาปิศาจชุดที่ประดิษฐ์สำหรับคนนั้นยังไม่สามารถนำมาสาธิตได้ เนื่องจากอุปกรณ์นี้ต้องใช้กับผู้ที่ตาบอดใหม่ๆ เส้นประสาทไม่บอบช้ำจึงจะได้ผลเต็มประสิทธิภาพ ซึ่งยังหาคนที่มีคุณสมบัติพร้อมไม่ได้ อัคคีสนใจมากถึงขนาดขอเป็นอาสาสมัครในการทดลองครั้งนี้ แต่ ดร.ยังส์ และ พลโทพิชัย ผู้บังคับบัญชาของเขาไม่เห็นด้วย และไม่ยินยอม
เมื่อการสัมมนาสิ้นสุดลง อัคคีเดินคุยกับบันดาลเรื่องตาปิศาจอีกครู่หนึ่งก่อนแยกไปออกกำลังกายที่โรงยิมในหน่วย เขาชอบออกกำลังกายมาก ต้องทำทุกวันทั้งเพื่อสุขภาพ และความคล่องแคล่วในการทำงาน อัคคีเป็นผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่ แต่มีโครงสร้างกล้ามเนื้อสวยงาม ซึ่งเป็นผลมาจากการออกกำลังกายอย่างต่อเนื่องนั่นเอง เขาออกกำลังกายอยู่พักใหญ่แล้วจึงกลับบ้านพักในกรม
อัคคีแต่งงานแล้วกับ วิชชุดา เธอกำลังตั้งครรภ์ซึ่งเป็นลูกคนแรกของทั้งคู่ ลูกที่จะเข้ามาเติมเต็มให้ชีวิตครอบครัวอบอุ่นสมบูรณ์มากขึ้น อัคคีทั้งรักและทะนุถนอมวิชชุดามาก เย็นวันนั้นเขาพาภรรยาออกไปรับประทานอาหารเย็นและแวะซื้อของที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง หนุ่มสาวทั้งคู่เหมาะสมกันอย่างยิ่ง อัคคีหล่อและเท่ ขณะที่วิชชุดาสวยสะดุดตา ทั้งคู่ไม่รู้ว่ามีชายฉกรรจ์กลุ่มหนึ่งเฝ้ามอง และสะกดรอยตลอดทาง อัคคีไม่ได้ระวังตัวมากนักเพราะอยู่ในเมืองหลวงไม่ใช่พื้นที่การรบ อีกประการหนึ่งเขามัวระวังวิชชุดาไม่ให้เกิดอุบัติเหตุจึงไม่สังเกตอะไรมากนัก พลบค่ำพอดีเมื่อทั้งสองเดินออกมาจากห้างถึงลานจอดรถ จู่ๆ ชายฉกรรจ์กลุ่มนั้นตรงเข้าจับทั้งอัคคีและวิชชุดาขึ้นรถตู้คันหนึ่งที่สตาร์ทรออยู่แล้ว เสียงร้องอย่างตกใจของของวิชชุดาทำให้ชายหนุ่มแทบคลั่ง เขาเจ็บใจที่ทำอะไรไม่ได้สักอย่าง ต้องปล่อยให้พวกมันจับมัดอย่างน่าสมเพช ระหว่างทางพวกมันคุยกันถึงอัคคีและวิชชุดา ว่าเป็นผลงานที่ดีมากทั้งคู่เป็นหนุ่มหล่อสาวสวยที่สมบูรณ์แบบมาก น่าจะเป็นพ่อพันธุ์และแม่พันธุ์ที่ดี และเลขาน่าจะพอใจในผลงานครั้งนี้
อัคคีพยายามหาทางหนีทั้งที่ดูจะยากเต็มที เขาห่วงวิชชุดากับลูกเหลือเกิน ระหว่างทางพวกมันมองวิชชุดาอย่างพอใจ การที่เธอท้องกลับทำให้พวกมันมีอารมณ์หื่นกามมากขึ้น อัคคีแค้นใจจนแทบกระอักเมื่อพวกมันหยุดรถข้างทาง และฉุดเธอลงจากรถ บริเวณนั้นเปลี่ยวมืด เสียงร้องขอความเมตตาของภรรยาและเสียงเฮฮาของพวกมันทำให้อัคคีอยากจะฆ่าพวกมันให้หมด แต่เขาทำได้เพียงดิ้นขลุกขลักอยู่ในรถเท่านั้น เวลาผ่านไปนานเหมือนชั่วกัปกัลป์ในความรู้สึกของเขา กว่าพวกมันจะพาวิชชุดากลับขึ้นมาอีกครั้ง สภาพของเธอเหมือนตุ๊กตาที่โดนฉีกทึ้งอย่างน่าสงสาร เธอผวาเข้ามากอดเขาร้องไห้อย่างน่าเวทนา ใจของเขายิ่งโมโหพลุ่งพล่าน ในใจคิดเพียงอยากจะฆ่าพวกมันให้หมด
เวลาผ่านไปครู่ใหญ่รถตู้ก็จอด พวกมันพาอัคคีและวิชชุดา ไปที่ห้องโถงในอาคารหลังหนึ่ง ชายร่างเล็กคนหนึ่งเดินเข้ามาพร้อม ชายฉกรรจ์กลุ่มใหญ่ เสียงพวกมันเรียกว่าท่านเลขา อย่างพินอบพิเทา เขาเดินมาดูอัคคีและวิชชุดาอย่างพอใจ แต่เมื่อรู้ว่าวิชชุดากำลังท้อง เลขาสั่งกำจัดทันที อัคคีแทบคลั่ง เมื่อชายกลุ่มที่จับเขามากรูเข้าจับวิชชุดาล็อกแขน ล็อกคอ มีดคมกริบปาดคอเธอสิ้นใจต่อหน้าเขานั่นเอง ส่วนอัคคี เลขาสั่งให้ดับสปอร์ตไลท์ขวาในคืนนี้ และข้างซ้ายในวันรุ่งขึ้น ชายหนุ่มถูกลากไปขังไว้ในห้องที่ถูกกั้นลูกกรงไว้เป็นแถวราวห้องขัง เขาสังเกตว่ามีคนถูกขังไว้ห้องละคนทุกห้อง ทั้งหมดล้วนเป็นคนหนุ่มสาวที่หน้าตาดีทั้งสิ้น
ระหว่างถูกขัง อัคคีเศร้าใจกับชะตากรรมของวิชชุดา ขณะเดียวกันเขาก็เริ่มสงสัยว่าพวกมันจับคนเหล่านี้มาทำไม กลางดึกคืนนั้นอัคคีถูกพาตัวไปที่ตึกนั้นอีกครั้ง พวกมันลากเขาไปที่ห้องๆ หนึ่งเหมือนห้องผ่าตัดในโรงพยาบาลสนาม ชายหนุ่มหนาวเยือกในใจเมื่อเดาได้ว่า งานที่เลขาสั่งให้ดับสปอร์ตไลท์ขวานั้นคือ การควักลูกตาเขานั่นเอง อัคคีพยายามสู้แต่พวกมันมีมากกว่า เขาจึงโดนจับมัดไว้ที่เตียงผ่าตัดอย่างหมดทางสู้ อัคคีถูกวางยาหมดสติไป
เวลาผ่านไป อัคคีรู้สึกตัวอีกครั้งพร้อมกับความเจ็บปวดที่ตาขวา เขายกมือขึ้นจับก็พบกับ ผ้าก๊อซชุ่มเลือดที่ปิดตาอยู่ แค้นใจที่สุด เขาเริ่มวางแผนหนีทันที เขาไม่ยอมให้พวกมันมาควักตาซ้ายเขาไปอีกแน่ ชายหนุ่มแกล้งทำเป็นหมดสติ หมดเรี่ยวแรง เหมือนคนป่วยหนัก จนพวกมันต้องรีบมาดูแลเพราะกลัวสินค้าคุณภาพอย่างเขาจะตาย ทุกอย่างเป็นไปตามแผน อัคคีหนีออกไปจากสถานกักกันนั้นในสภาพที่บอบช้ำเต็มที เขากลับไปที่กรมทหาร และไปที่บ้านของบันดาลทันที
บันดาลพาเขาไปส่งโรงพยาบาลในหน่วย เขาคิดหาทางช่วยเพื่อน เรื่องตาปิศาจ ผุดเข้ามาในสมอง เขารีบติดต่อพลโทพิชัย ให้มาเยี่ยมอัคคี และเสนอเรื่องการผ่าตัดใส่ตาปิศาจให้เขา อัคคีเต็มใจอย่างยิ่ง พันโท ดร.ยังส์ และ พันโทเดอโกล ถูกตามตัวมาเพื่อดำเนินการผ่าตัดให้ชายหนุ่มทันที การผ่าตัดใช้เวลานาน แต่สำเร็จเรียบร้อยดี อัคคีต้องพักฟื้นอีกหลายสัปดาห์จึงจะเริ่มหัดใช้ตาปิศาจ พิชัยถามเขาถึงสาเหตุที่ต้องสูญเสียดวงตา แต่อัคคีไม่บอกอะไรมากไปกว่าเขาประสบอุบัติเหตุ ระหว่างที่เขาพักฟื้น บันดาลให้ ประกายดาว ลูกสาววัยรุ่นคอยส่งอาหารให้ เธอเป็นเด็กสาวที่สวยมาก และเป็นหลานสาวที่น่ารักของอัคคีเสมอมา ชายหนุ่มพยายามฝึกการใช้ตาปิศาจ ทุกวัน ในใจร้อนรุ่มกับการออกไปตามแก้แค้นเลขากับลูกน้องวิปริตที่ฆ่าภรรยากับลูก และทำให้เขาต้องเป็นอย่างนี้
เวลาผ่านไปไม่กี่สัปดาห์ ข่าวประกายดาวที่หายตัวไปลึกลับทำให้อัคคีเป็นห่วงมาก เขาเดาได้ว่าต้องเป็นคนกลุ่มเดียวกับที่จับเขานั่นเอง ชายหนุ่มอ่านหนังสือพิมพ์แทบทุกฉบับแต่ไม่ได้ข้อมูลเพิ่มเติม ความโกรธแค้นอัดแน่นจนแทบคลั่ง อัคคีรู้สึกปวดที่ตาขวา แสงบางๆ สีแดงพุ่งออกจากตาเผาหนังสือพิมพ์ตรงหน้าเป็นรูกลวง ชายหนุ่มทิ้งหนังสือพิมพ์อย่างตกใจ รีบดับไฟก่อนจะเผาบ้านพักให้วอดไปทั้งหลัง คำอธิบายของ พันโท ดร.ยังส์ ผุดขึ้นในสมองทันที อานุภาพของมันร้ายแรงจริงๆ เขาจะใช้ตาปิศาจนี้ให้เป็นประโยชน์ที่สุด
ข่าวของประกายดาวทำให้อัคคีร้อนใจมาก เขาต้องช่วยเธอให้ได้ ชายหนุ่มไปหา พันตรีสมุทร เพื่อนสนิทที่ลพบุรี เพื่อหาอาวุธเหมาะมือ มันต้องมีอานุภาพร้ายแรงเพื่อจัดการพวกมันให้สิ้นซาก เมื่ออัคคีได้ของที่ต้องการจึงย้อนกลับมากรุงเทพอีกครั้ง ดึกมากแล้วเมื่อเขามาถึงมีนบุรี เขาคลำทางไปจนพบสถานกักกันนรก ได้ตาปิศาจ ช่วยให้เขามองเห็นความเป็นไปในนั้น รู้ว่าศัตรูอยู่ไหน อัคคีจึงจัดการพวกมันตายทุกคน รวมทั้งเลขาใจเหี้ยมนั้นด้วย เขาย้อนกลับเข้าไปค้นในตึกที่ทำการพวกมัน ปล่อยคนที่ถูกขังทั้งหมด หลายคนต้องสูญเสียดวงตาเหมือนเขา อัคคีรีบเข้าไปค้นเอกสาร จนพบว่ามีรายการส่งสินค้าให้คลินิกศัลยกรรม สยุมพร ชายหนุ่มได้ข้อมูลที่ต้องการแล้วจึงระเบิดทำลายตึกนั้นทั้งหมด
สองสามวันต่อมา อัคคีแฝงตัวเป็นคนไข้ขอรับการผ่าตัดเปลี่ยนดวงตา โดยเขาระบุว่าต้องเป็น หมอสยุมพร เท่านั้น อัคคีได้พบหมอสยุมพรตามต้องการ เธอไม่ใช่คนสวย ดุไม่น่าจะเป็นหมอเก่งๆเลย เธอพูดอย่างภูมิใจว่าเธอสามารถหาดวงตาของคนจริงๆ มาเปลี่ยนให้เขาได้ เมื่ออัคคีทำท่างง เธอจึงอธิบายต่อว่า วิทยาการทางการแพทย์ล้ำหน้าไปมากจนเปลี่ยนอวัยวะได้ทุกส่วนโดยใช้อวัยวะของคนจริงๆ สยุมพรบอกว่าได้มาจากคนที่บริจาคและส่วนหนึ่งมาจากคนที่เต็มใจขายให้ อัคคีรู้ทันทีว่ามาจากคนที่พวกมันจับมาต่างหาก ความแค้นทำให้เขาจับตัวหมอสยุมพรเพื่อถามหาแหล่งส่งอวัยวะเหล่านั้น แต่ลูกน้องสยุมพรมีมากเกินไป อัคคีหนีไปได้แต่สยุมพรก็หลุดมือเช่นกัน
ระหว่างทางกลับที่พักเขารู้สึกตัวว่าถูกเด็กหนุ่มคนหนึ่งสะกดรอยจึงดักรอและจับตัวได้ เขาดึงหมวกที่สวมคลุมหน้าออกไปเขาต้องแปลกใจที่ เห็นสาวสวย ผมสั้น นัยน์ตาสวยแทน เธอปฏิเสธเรื่องการสะกดรอยแถมยังบอกว่าถ้าเขาไม่ปล่อยเธอไป เธอจะโวยวายว่าโดนเขาทำอนาจาร อัคคีไม่อยากมีปัญหากับตำรวจ งานของเขาเป็นความลับและสำคัญเกินกว่าจะเสี่ยงกับเรื่องพวกนี้
คืนนั้น อัคคีย้อนมาที่คลินิกสยุมพรอีกครั้ง สำรวจที่นั่นด้วยตาปิศาจ เขาพบว่ามีการวางกำลังคนหนาแน่นมากกว่าคลินิกทั่วไป เขาพบตู้โลหะใบใหญ่ถูกเก็บไว้อย่างดี อัคคีสงสัยว่าจะเป็นตู้เก็บอวัยวะสดๆ ที่ถูกตัดมา เขาแฝงตัวเข้าไปในตึก ค่อยๆ เก็บพวกมันทีละคนจนเหลือคนสุดท้ายที่เฝ้าตู้ เขาบังคับถามจนรู้ว่าใครเอาตู้มาส่ง และจะส่งในวันไหน อัคคีปิดปากยามคนสุดท้ายแล้วพยายามเปิดตู้แต่ไม่สำเร็จ ชายหนุ่มจัดการวางระเบิดจนอาคารคลินิกหมอสยุมพร พังราบในเวลาเพียงไม่กี่นาที ขณะที่อัคคีกำลังหนีโดยเดินปะปนไปกับผู้คนที่มามุงดู รถเก๋งสีแดงเพลิงขับมาประชิดตัว กระจกหน้าต่างเปิดออก เสียงใสๆ บอกให้เขาขึ้นรถมากับเธอก่อนจะหนีไม่ทัน อัคคีจำได้ทันทีว่า เป็นสาวสวยคนที่สะกดรอยตามเขานั่นเอง เขายอมไปกับเธอเพราะอยากรู้เหมือนกันว่าเธอเป็นใคร หญิงสาวขับรถอย่างคล่องแคล่วพาเขาไปที่ริมสวนสาธารณะแห่งหนึ่ง เธอจอดรถและหันมาบอกเขาว่า เธออยากร่วมงานกับเขา อัคคีปฏิเสธไม่รับรู้อะไรทั้งสิ้น แต่เมื่อเธอเรียกเขาว่าผู้พันอัคคี แถมยังบอกได้อีกว่าเขาต้องสูญเสียภรรยากับลูกไปเมื่อไม่นานมานี้ อัคคีก็ลังเล เธอจึงบอกอีกว่าเธอรู้ว่าเขาระเบิดคลินิกหมอสยุมพรทิ้ง ถ้าเขาไม่ยอมให้เธอร่วมงาน เธอจะนำเรื่องนี้ไปแจ้งตำรวจ และอาจรายงานกับผู้บังคับบัญชาของเขาด้วย อัคคีจึงจำยอม
ชายหนุ่มหงุดหงิดเมื่อเธอไม่ยอมบอกข้อมูลส่วนตัวของตัวเอง นอกจากบอกว่าชื่อ วิชชุดา (ปภาดา กลิ่นสุมาลย์) และเป็นอดีตนักกีฬายิงปืนทีมชาติเหรียญทอง อัคคีหันขวับอย่างไม่พอใจเมื่อเธอบอกว่าเธอชื่อวิชชุดา เหมือนกับภรรยาของเขา แต่หญิงสาวพูดอ่อนโยนว่าเธอชื่อนี้จริงๆไม่ได้มีเจตนาจะเปลี่ยนชื่อให้เหมือนภรรยาเขาเลยสักนิด อัคคีนัดพบเธอในคืนต่อมา โดยย้ำให้แต่งตัวสวยๆ
อัคคีมาตามเวลานัด แต่ก็พบว่าวิชชุดามารออยู่ก่อนแล้ว เธอแต่งตัวสวยน่ารักราวกับเป็นคนละคนกับสาวทอมบอยคนเมื่อวาน งานชิ้นแรกของทั้งคู่คือหาตัวคนคุมสินค้าในตู้โลหะมาส่งให้หมอสยุมพร และเส้นทางการส่งของ ข้อมูลที่ได้จาก พระเอกลิเก ลูกค้าที่กลายมาเป็นลูกน้องสยุมพรทำให้อัคคีและวิชชุดาพูดไม่ออก พวกมันค้าขายอวัยวะสดๆ ของคนจริงๆ ทั้งสองคนตั้งใจจะสืบหาตัวการใหญ่ให้ได้ แล้วจะทำลายให้หมด อัคคีและวิชชุดาทำงานร่วมกันด้วยดี ชายหนุ่มใช้ตาปิศาจ ได้ชำนาญมากขึ้น มองเห็นได้ในความมืดและมองทะลุกำแพงได้ราวมีตาเอ็กซเรย์ เพราะคลื่นความร้อนจากอุณหภูมิร่างกายนั่นเองอัคคีสามารถควบคุมพลังงาน อินฟราเรดได้ตามต้องการ เหล่าร้ายหลายคนต้องตายเพราะโดนพลังงานแสงอินฟราเรดนี้ รวมทั้งหมอสยุมพรด้วย วิชชุดานั้นสงสัยมากว่าทำไมอัคคีจึงมองเห็นอะไร และคาดการณ์ได้ราวมีตาทิพย์ และมีเรื่องความสามารถพิเศษแปลกๆ หลายอย่างที่เธอเคยถามแต่ก็ไม่ได้คำตอบ
ในขณะที่อัคคี และวิชชุดาออกล่าพวกเหล่าร้าย ทั้งคู่ก็ถูกตามล่าเช่นกัน คนที่รับเคราะห์คือ แม่กับน้องสาว ของวิชชุดาที่ถูกพวกมันฆ่าตายอย่างทารุณ การสูญเสียบุคคลที่รักในครอบครัวทำให้วิชชุดาเข้าใจอัคคีว่าเจ็บแค้นเพียงใด อัคคีเองก็เข้าใจความรู้สึกของวิชชุดาเช่นกัน ทั้งสองคนทำงานเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายมาด้วยกันสูญเสียคล้ายๆ กัน ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างอัคคีและวิชชุดา เปลี่ยนไป จากเพื่อนร่วมงานมาเป็นคนรักกัน เมื่อบ้านถูกระเบิดทิ้ง วิชชุดาถูกตามฆ่าจนอัคคีต้องพาตัวเธอมาอยู่ด้วยกันที่บ้านในกรมทหาร เพื่อคุ้มครองดูแลเธอได้เต็มที่ เขาไม่ยอมสูญเสียเธอไปเหมือนอดีตภรรยาเขาอีกแล้ว
ทั้งคู่ขยายผลการสืบสวนต่อไปจนรู้ว่า ผู้ที่อยู่เบื้องหลังเรื่องโหดเหี้ยมพวกนี่คือ หมอชูเกียรติ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเพชรน้ำเอก โดยมี หมออรุณ เป็นเลขาใหญ่ เป็นหัวหน้าสายส่งสินค้า ระหว่างตามหาตัวการใหญ่ทั้งสองคน อัคคีถูกสั่งให้ไปพบ พันโท ดร.ยังส์ เพื่อทดสอบและประเมินผลตาปิศาจ ที่นั่นอัคคีแปลกใจที่พบเด็กไทยอายุประมาณ 2-3 ขวบทั้งหญิงและชาย หน้าตาน่ารักเป็นลูกบุญธรรมของครอบครัวเพื่อนหมอยังส์หลายคน เด็กเหล่านั้นน่ารักเหมือนลูกครึ่ง เฉลียวฉลาด ที่น่าสงสัยคือ หน้าตาคล้ายๆ กันทั้งที่ไม่ใช่พี่น้อง อัคคีค่อยๆ สอบถามจนรู้ว่า เด็กเหล่านี้ รับมาจากโรงพยาบาลเพชรน้ำเอก โดยมีที่มาคล้ายๆ กันคือ พ่อแม่มีปัญหาเลี้ยงไม่ได้ ครอบครัวที่ต้องการมีลูกต้องเสียค่าใช้จ่ายนับล้านบาทเพื่อให้ได้พวกแกมา และพวกแกก็น่ารักสมกับที่พวกเขาต้องการ
อัคคีกลับเมืองไทย ทันทีที่เสร็จภารกิจ เขาเล่าให้วิชชุดาฟังเรื่องเด็กๆ เขาเข้าใจว่าขบวนการนี้ลักพาตัวเด็กส่งขายต่างประเทศ หญิงสาวรับปากจะตรวจสอบให้ ทว่าข้อมูลเด็กหายก็ไม่สอดคล้องกับเรื่องที่อัคคีสืบได้อีกทางหนึ่ง ไม่นานนัก อัคคีถูกส่งตัวไปช่วยงานปราบปรามกองโจรที่ตะเข็บชายแดนไทย-มาเลเซีย ที่นั่นเขาได้พบพันโท ดร.ยังส์ อีกครั้งพร้อมกับนักรบตาปิศาจ ชาวมาเลเซียอีกสามคน ซึ่งยังไม่สามารถใช้งานได้อย่างชำนาญเหมือนอัคคี ทำให้พวกเขาเสียชีวิต ที่น่าเสียดายคือ ดร.ยังส์ เสียชีวิตด้วย อัคคีจับหัวหน้าขบวนการที่นั่นได้ จึงรู้ข้อมูลที่น่าตกใจมากขึ้นว่า พวกคนร้ายไม่ได้ ลักพาเด็ก แต่ผลิตเองและเพาะเลี้ยงในฟาร์ม ส่งขายทั่วโลก ข้อมูลต่างๆ โยงไปที่ หมอชูเกียรติ หมออรุณ และ พรทิพา (ชวัลกร วรรธนพิสิฐกุล) น้องสาวของ หมอชูเกียรติ
เมื่อกลับมาจากมาเลเซีย อัคคีจึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ กองทัพจึงตั้งชุดปฏิบัติการพิเศษเฉพาะกิจขึ้นเพื่อกวาดล้างขบวนการนี้ ส่วนประกายดาว ลูกสาวบันดาลรอดจากการถูกเฉือนอวัยวะขายไปได้เพราะเธอมีคุณสมบัติในการเป็นแม่พันธุ์ที่ดี หมอชูเกียรติ จะทำเด็กหลอดแก้ว โดยใช้ไข่จากแม่พันธุ์ที่ดี แล้วไปผสมกับเชื้อจากพ่อพันธุ์ ซึ่งก็คือชายหนุ่มหน้าตาดี บุคลิกดีที่จับมาแล้วนำตัวอ่อนที่ได้ ไปฝังไว้ในท้องผู้หญิงอีกคนที่สุขภาพแข็งแรง เพื่อให้ตัวอ่อนเจริญเติบโตได้ดี จนกระทั่งเด็กคลอดจึงถูกส่งไปเลี้ยงในฟาร์มก่อนส่งขาย อัคคี กับ วิชชุดาและทีมเฉพาะกิจต้องทำงานเสี่ยงอันตรายอย่างทุ่มเทจึงจัดการ หมออรุณ กับ พรทิพาได้ ส่วนชูเกียรตินั้นประกายดาวใช้ความฉลาดไหวพริบส่งข่าว จนอัคคีและวิชชุดานำทีมมาช่วยเธอและคนอื่นๆ ได้ และช่วยให้ข้อมูลเรื่องหมอชูเกียรติตัวจริงจนอัคคีและวิชชุดาตามไปจับได้ถูกคน หมอชูเกียรติตายไปพร้อมกับความฝันที่จะพัฒนาสายพันธุ์มนุษย์ให้สวย ฉลาด สมบูรณ์แบบอย่างผิดธรรมชาติ เมื่อเรื่องร้ายจบไป พันตรีอัคคี จึงได้รู้ว่าวิชชุดา ว่าที่ภรรยาคนใหม่ของเขาเป็นร้อยตำรวจโทหญิง นักแม่นปืน ที่ถูกส่งเข้ามาร่วมงานกับเขาโดยเฉพาะ ส่วนวิชชุดาเองก็ได้ รู้ข้อมูลตาปิศาจจากอัคคี แต่ที่เหนือกว่าอะไรทั้งหมดคือ เขาและเธอรักกันและจะสร้างครอบครัวที่อบอุ่นด้วยกันอย่างมีความสุข
ในช่วงเวลาเดียวกัน ในกรมทหารแห่งหนึ่งมีการประชุมสัมมนาลับ ในโครงการระดับชาติ ชื่อ การสัมมนาลับตามข้อตกลงระหว่างไทย - ฝรั่งเศส เพื่อพัฒนาสมรรถภาพของกองทัพและประสิทธิภาพของอาวุธที่ใช้สู้รบในภูมิประเทศแถบเอเชีย การประชุมครั้งนี้ มีนายทหารผู้เชี่ยวชาญทางด้านเทคนิคและยุทธวิธีมาร่วมประชุมหลายนาย รวมทั้ง พันตรีอัคคี (กฤตฤทธิ์ บุตรพรม) และ พันตรีบันดาล (สุรวุฑ ไหมกัน) เพื่อนสนิทมีโอกาสเข้าร่วมสัมมนาครั้งนี้ โดยมีผู้เชี่ยวชาญจากฝรั่งเศสมาร่วมประชุมด้วย นอกจากอาวุธอื่นๆ แล้วยังมีอาวุธลับชื่อ Evil Eyes หรือ ตาปิศาจ ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ค้นคว้าประดิษฐ์ขึ้นมาเพื่อใช้ค้นหาฝ่ายตรงข้ามได้ ไม่ว่าจะอยู่ในภูมิประเทศใดทั้งในเวลากลางวันและกลางคืน มีหลักการทำงานด้วยการอาศัยอุณหภูมิความร้อนของร่างกายที่เปล่งออกมา โดยจะปรากฏภาพบนจอเครื่องรับ มีทั้งขนาดใหญ่ที่ใช้ในกองทัพ และมีขนาดเล็กที่ใช้ในหน่วยจู่โจม
ที่สำคัญสามารถใช้แทนดวงตามนุษย์ได้โดยผ่าตัดเชื่อมกับระบบการมองเห็นของมนุษย์ แม้จะไม่สามารถมองเห็นภาพเป็นภาพสีได้เหมือนคนปกติ แต่อุปกรณ์พิเศษที่เชื่อมกับระบบประสาทการมองเห็นทำให้สามารถแปลภาพออกมาให้สมองรับรู้ได้ว่าเป็นภาพอะไร นอกจากนี้มีเซลล์พิเศษที่สะสมแสงอินฟราเรดแล้วเปลี่ยนเป็นพลังงานที่มีอำนาจการทำลายล้างศัตรูที่ตรวจพบเห็นได้อย่างรวดเร็วและรุนแรงมาก เป็นผลงานของ พันโท ดร.ยังส์ เขามีความตั้งใจที่ประดิษฐ์ดวงตาวิทยาศาสตร์นี้ขึ้นมา เพื่อผ่าตัดให้กับทหารที่ต้องตาบอดจากการสู้รบ ทั้งเพื่อชดเชยการสูญเสียการมองเห็นและเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการสู้รบอีกด้วย อุปกรณ์นี้ใช้สารสังเคราะห์พิเศษ พีพี 71 ซึ่งทดสอบแล้วว่าไม่เป็นอันตรายกับร่างกายมนุษย์ การมาสัมมนาที่กรุงเทพฯครั้งนี้ พันโท ดร.ยังส์ และ พันโทเดอโกล ได้นำอุปกรณ์ต้นแบบมาสาธิตด้วย ขาด แต่ตาปิศาจชุดที่ประดิษฐ์สำหรับคนนั้นยังไม่สามารถนำมาสาธิตได้ เนื่องจากอุปกรณ์นี้ต้องใช้กับผู้ที่ตาบอดใหม่ๆ เส้นประสาทไม่บอบช้ำจึงจะได้ผลเต็มประสิทธิภาพ ซึ่งยังหาคนที่มีคุณสมบัติพร้อมไม่ได้ อัคคีสนใจมากถึงขนาดขอเป็นอาสาสมัครในการทดลองครั้งนี้ แต่ ดร.ยังส์ และ พลโทพิชัย ผู้บังคับบัญชาของเขาไม่เห็นด้วย และไม่ยินยอม
เมื่อการสัมมนาสิ้นสุดลง อัคคีเดินคุยกับบันดาลเรื่องตาปิศาจอีกครู่หนึ่งก่อนแยกไปออกกำลังกายที่โรงยิมในหน่วย เขาชอบออกกำลังกายมาก ต้องทำทุกวันทั้งเพื่อสุขภาพ และความคล่องแคล่วในการทำงาน อัคคีเป็นผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่ แต่มีโครงสร้างกล้ามเนื้อสวยงาม ซึ่งเป็นผลมาจากการออกกำลังกายอย่างต่อเนื่องนั่นเอง เขาออกกำลังกายอยู่พักใหญ่แล้วจึงกลับบ้านพักในกรม
อัคคีแต่งงานแล้วกับ วิชชุดา เธอกำลังตั้งครรภ์ซึ่งเป็นลูกคนแรกของทั้งคู่ ลูกที่จะเข้ามาเติมเต็มให้ชีวิตครอบครัวอบอุ่นสมบูรณ์มากขึ้น อัคคีทั้งรักและทะนุถนอมวิชชุดามาก เย็นวันนั้นเขาพาภรรยาออกไปรับประทานอาหารเย็นและแวะซื้อของที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง หนุ่มสาวทั้งคู่เหมาะสมกันอย่างยิ่ง อัคคีหล่อและเท่ ขณะที่วิชชุดาสวยสะดุดตา ทั้งคู่ไม่รู้ว่ามีชายฉกรรจ์กลุ่มหนึ่งเฝ้ามอง และสะกดรอยตลอดทาง อัคคีไม่ได้ระวังตัวมากนักเพราะอยู่ในเมืองหลวงไม่ใช่พื้นที่การรบ อีกประการหนึ่งเขามัวระวังวิชชุดาไม่ให้เกิดอุบัติเหตุจึงไม่สังเกตอะไรมากนัก พลบค่ำพอดีเมื่อทั้งสองเดินออกมาจากห้างถึงลานจอดรถ จู่ๆ ชายฉกรรจ์กลุ่มนั้นตรงเข้าจับทั้งอัคคีและวิชชุดาขึ้นรถตู้คันหนึ่งที่สตาร์ทรออยู่แล้ว เสียงร้องอย่างตกใจของของวิชชุดาทำให้ชายหนุ่มแทบคลั่ง เขาเจ็บใจที่ทำอะไรไม่ได้สักอย่าง ต้องปล่อยให้พวกมันจับมัดอย่างน่าสมเพช ระหว่างทางพวกมันคุยกันถึงอัคคีและวิชชุดา ว่าเป็นผลงานที่ดีมากทั้งคู่เป็นหนุ่มหล่อสาวสวยที่สมบูรณ์แบบมาก น่าจะเป็นพ่อพันธุ์และแม่พันธุ์ที่ดี และเลขาน่าจะพอใจในผลงานครั้งนี้
อัคคีพยายามหาทางหนีทั้งที่ดูจะยากเต็มที เขาห่วงวิชชุดากับลูกเหลือเกิน ระหว่างทางพวกมันมองวิชชุดาอย่างพอใจ การที่เธอท้องกลับทำให้พวกมันมีอารมณ์หื่นกามมากขึ้น อัคคีแค้นใจจนแทบกระอักเมื่อพวกมันหยุดรถข้างทาง และฉุดเธอลงจากรถ บริเวณนั้นเปลี่ยวมืด เสียงร้องขอความเมตตาของภรรยาและเสียงเฮฮาของพวกมันทำให้อัคคีอยากจะฆ่าพวกมันให้หมด แต่เขาทำได้เพียงดิ้นขลุกขลักอยู่ในรถเท่านั้น เวลาผ่านไปนานเหมือนชั่วกัปกัลป์ในความรู้สึกของเขา กว่าพวกมันจะพาวิชชุดากลับขึ้นมาอีกครั้ง สภาพของเธอเหมือนตุ๊กตาที่โดนฉีกทึ้งอย่างน่าสงสาร เธอผวาเข้ามากอดเขาร้องไห้อย่างน่าเวทนา ใจของเขายิ่งโมโหพลุ่งพล่าน ในใจคิดเพียงอยากจะฆ่าพวกมันให้หมด
เวลาผ่านไปครู่ใหญ่รถตู้ก็จอด พวกมันพาอัคคีและวิชชุดา ไปที่ห้องโถงในอาคารหลังหนึ่ง ชายร่างเล็กคนหนึ่งเดินเข้ามาพร้อม ชายฉกรรจ์กลุ่มใหญ่ เสียงพวกมันเรียกว่าท่านเลขา อย่างพินอบพิเทา เขาเดินมาดูอัคคีและวิชชุดาอย่างพอใจ แต่เมื่อรู้ว่าวิชชุดากำลังท้อง เลขาสั่งกำจัดทันที อัคคีแทบคลั่ง เมื่อชายกลุ่มที่จับเขามากรูเข้าจับวิชชุดาล็อกแขน ล็อกคอ มีดคมกริบปาดคอเธอสิ้นใจต่อหน้าเขานั่นเอง ส่วนอัคคี เลขาสั่งให้ดับสปอร์ตไลท์ขวาในคืนนี้ และข้างซ้ายในวันรุ่งขึ้น ชายหนุ่มถูกลากไปขังไว้ในห้องที่ถูกกั้นลูกกรงไว้เป็นแถวราวห้องขัง เขาสังเกตว่ามีคนถูกขังไว้ห้องละคนทุกห้อง ทั้งหมดล้วนเป็นคนหนุ่มสาวที่หน้าตาดีทั้งสิ้น
ระหว่างถูกขัง อัคคีเศร้าใจกับชะตากรรมของวิชชุดา ขณะเดียวกันเขาก็เริ่มสงสัยว่าพวกมันจับคนเหล่านี้มาทำไม กลางดึกคืนนั้นอัคคีถูกพาตัวไปที่ตึกนั้นอีกครั้ง พวกมันลากเขาไปที่ห้องๆ หนึ่งเหมือนห้องผ่าตัดในโรงพยาบาลสนาม ชายหนุ่มหนาวเยือกในใจเมื่อเดาได้ว่า งานที่เลขาสั่งให้ดับสปอร์ตไลท์ขวานั้นคือ การควักลูกตาเขานั่นเอง อัคคีพยายามสู้แต่พวกมันมีมากกว่า เขาจึงโดนจับมัดไว้ที่เตียงผ่าตัดอย่างหมดทางสู้ อัคคีถูกวางยาหมดสติไป
เวลาผ่านไป อัคคีรู้สึกตัวอีกครั้งพร้อมกับความเจ็บปวดที่ตาขวา เขายกมือขึ้นจับก็พบกับ ผ้าก๊อซชุ่มเลือดที่ปิดตาอยู่ แค้นใจที่สุด เขาเริ่มวางแผนหนีทันที เขาไม่ยอมให้พวกมันมาควักตาซ้ายเขาไปอีกแน่ ชายหนุ่มแกล้งทำเป็นหมดสติ หมดเรี่ยวแรง เหมือนคนป่วยหนัก จนพวกมันต้องรีบมาดูแลเพราะกลัวสินค้าคุณภาพอย่างเขาจะตาย ทุกอย่างเป็นไปตามแผน อัคคีหนีออกไปจากสถานกักกันนั้นในสภาพที่บอบช้ำเต็มที เขากลับไปที่กรมทหาร และไปที่บ้านของบันดาลทันที
บันดาลพาเขาไปส่งโรงพยาบาลในหน่วย เขาคิดหาทางช่วยเพื่อน เรื่องตาปิศาจ ผุดเข้ามาในสมอง เขารีบติดต่อพลโทพิชัย ให้มาเยี่ยมอัคคี และเสนอเรื่องการผ่าตัดใส่ตาปิศาจให้เขา อัคคีเต็มใจอย่างยิ่ง พันโท ดร.ยังส์ และ พันโทเดอโกล ถูกตามตัวมาเพื่อดำเนินการผ่าตัดให้ชายหนุ่มทันที การผ่าตัดใช้เวลานาน แต่สำเร็จเรียบร้อยดี อัคคีต้องพักฟื้นอีกหลายสัปดาห์จึงจะเริ่มหัดใช้ตาปิศาจ พิชัยถามเขาถึงสาเหตุที่ต้องสูญเสียดวงตา แต่อัคคีไม่บอกอะไรมากไปกว่าเขาประสบอุบัติเหตุ ระหว่างที่เขาพักฟื้น บันดาลให้ ประกายดาว ลูกสาววัยรุ่นคอยส่งอาหารให้ เธอเป็นเด็กสาวที่สวยมาก และเป็นหลานสาวที่น่ารักของอัคคีเสมอมา ชายหนุ่มพยายามฝึกการใช้ตาปิศาจ ทุกวัน ในใจร้อนรุ่มกับการออกไปตามแก้แค้นเลขากับลูกน้องวิปริตที่ฆ่าภรรยากับลูก และทำให้เขาต้องเป็นอย่างนี้
เวลาผ่านไปไม่กี่สัปดาห์ ข่าวประกายดาวที่หายตัวไปลึกลับทำให้อัคคีเป็นห่วงมาก เขาเดาได้ว่าต้องเป็นคนกลุ่มเดียวกับที่จับเขานั่นเอง ชายหนุ่มอ่านหนังสือพิมพ์แทบทุกฉบับแต่ไม่ได้ข้อมูลเพิ่มเติม ความโกรธแค้นอัดแน่นจนแทบคลั่ง อัคคีรู้สึกปวดที่ตาขวา แสงบางๆ สีแดงพุ่งออกจากตาเผาหนังสือพิมพ์ตรงหน้าเป็นรูกลวง ชายหนุ่มทิ้งหนังสือพิมพ์อย่างตกใจ รีบดับไฟก่อนจะเผาบ้านพักให้วอดไปทั้งหลัง คำอธิบายของ พันโท ดร.ยังส์ ผุดขึ้นในสมองทันที อานุภาพของมันร้ายแรงจริงๆ เขาจะใช้ตาปิศาจนี้ให้เป็นประโยชน์ที่สุด
ข่าวของประกายดาวทำให้อัคคีร้อนใจมาก เขาต้องช่วยเธอให้ได้ ชายหนุ่มไปหา พันตรีสมุทร เพื่อนสนิทที่ลพบุรี เพื่อหาอาวุธเหมาะมือ มันต้องมีอานุภาพร้ายแรงเพื่อจัดการพวกมันให้สิ้นซาก เมื่ออัคคีได้ของที่ต้องการจึงย้อนกลับมากรุงเทพอีกครั้ง ดึกมากแล้วเมื่อเขามาถึงมีนบุรี เขาคลำทางไปจนพบสถานกักกันนรก ได้ตาปิศาจ ช่วยให้เขามองเห็นความเป็นไปในนั้น รู้ว่าศัตรูอยู่ไหน อัคคีจึงจัดการพวกมันตายทุกคน รวมทั้งเลขาใจเหี้ยมนั้นด้วย เขาย้อนกลับเข้าไปค้นในตึกที่ทำการพวกมัน ปล่อยคนที่ถูกขังทั้งหมด หลายคนต้องสูญเสียดวงตาเหมือนเขา อัคคีรีบเข้าไปค้นเอกสาร จนพบว่ามีรายการส่งสินค้าให้คลินิกศัลยกรรม สยุมพร ชายหนุ่มได้ข้อมูลที่ต้องการแล้วจึงระเบิดทำลายตึกนั้นทั้งหมด
สองสามวันต่อมา อัคคีแฝงตัวเป็นคนไข้ขอรับการผ่าตัดเปลี่ยนดวงตา โดยเขาระบุว่าต้องเป็น หมอสยุมพร เท่านั้น อัคคีได้พบหมอสยุมพรตามต้องการ เธอไม่ใช่คนสวย ดุไม่น่าจะเป็นหมอเก่งๆเลย เธอพูดอย่างภูมิใจว่าเธอสามารถหาดวงตาของคนจริงๆ มาเปลี่ยนให้เขาได้ เมื่ออัคคีทำท่างง เธอจึงอธิบายต่อว่า วิทยาการทางการแพทย์ล้ำหน้าไปมากจนเปลี่ยนอวัยวะได้ทุกส่วนโดยใช้อวัยวะของคนจริงๆ สยุมพรบอกว่าได้มาจากคนที่บริจาคและส่วนหนึ่งมาจากคนที่เต็มใจขายให้ อัคคีรู้ทันทีว่ามาจากคนที่พวกมันจับมาต่างหาก ความแค้นทำให้เขาจับตัวหมอสยุมพรเพื่อถามหาแหล่งส่งอวัยวะเหล่านั้น แต่ลูกน้องสยุมพรมีมากเกินไป อัคคีหนีไปได้แต่สยุมพรก็หลุดมือเช่นกัน
ระหว่างทางกลับที่พักเขารู้สึกตัวว่าถูกเด็กหนุ่มคนหนึ่งสะกดรอยจึงดักรอและจับตัวได้ เขาดึงหมวกที่สวมคลุมหน้าออกไปเขาต้องแปลกใจที่ เห็นสาวสวย ผมสั้น นัยน์ตาสวยแทน เธอปฏิเสธเรื่องการสะกดรอยแถมยังบอกว่าถ้าเขาไม่ปล่อยเธอไป เธอจะโวยวายว่าโดนเขาทำอนาจาร อัคคีไม่อยากมีปัญหากับตำรวจ งานของเขาเป็นความลับและสำคัญเกินกว่าจะเสี่ยงกับเรื่องพวกนี้
คืนนั้น อัคคีย้อนมาที่คลินิกสยุมพรอีกครั้ง สำรวจที่นั่นด้วยตาปิศาจ เขาพบว่ามีการวางกำลังคนหนาแน่นมากกว่าคลินิกทั่วไป เขาพบตู้โลหะใบใหญ่ถูกเก็บไว้อย่างดี อัคคีสงสัยว่าจะเป็นตู้เก็บอวัยวะสดๆ ที่ถูกตัดมา เขาแฝงตัวเข้าไปในตึก ค่อยๆ เก็บพวกมันทีละคนจนเหลือคนสุดท้ายที่เฝ้าตู้ เขาบังคับถามจนรู้ว่าใครเอาตู้มาส่ง และจะส่งในวันไหน อัคคีปิดปากยามคนสุดท้ายแล้วพยายามเปิดตู้แต่ไม่สำเร็จ ชายหนุ่มจัดการวางระเบิดจนอาคารคลินิกหมอสยุมพร พังราบในเวลาเพียงไม่กี่นาที ขณะที่อัคคีกำลังหนีโดยเดินปะปนไปกับผู้คนที่มามุงดู รถเก๋งสีแดงเพลิงขับมาประชิดตัว กระจกหน้าต่างเปิดออก เสียงใสๆ บอกให้เขาขึ้นรถมากับเธอก่อนจะหนีไม่ทัน อัคคีจำได้ทันทีว่า เป็นสาวสวยคนที่สะกดรอยตามเขานั่นเอง เขายอมไปกับเธอเพราะอยากรู้เหมือนกันว่าเธอเป็นใคร หญิงสาวขับรถอย่างคล่องแคล่วพาเขาไปที่ริมสวนสาธารณะแห่งหนึ่ง เธอจอดรถและหันมาบอกเขาว่า เธออยากร่วมงานกับเขา อัคคีปฏิเสธไม่รับรู้อะไรทั้งสิ้น แต่เมื่อเธอเรียกเขาว่าผู้พันอัคคี แถมยังบอกได้อีกว่าเขาต้องสูญเสียภรรยากับลูกไปเมื่อไม่นานมานี้ อัคคีก็ลังเล เธอจึงบอกอีกว่าเธอรู้ว่าเขาระเบิดคลินิกหมอสยุมพรทิ้ง ถ้าเขาไม่ยอมให้เธอร่วมงาน เธอจะนำเรื่องนี้ไปแจ้งตำรวจ และอาจรายงานกับผู้บังคับบัญชาของเขาด้วย อัคคีจึงจำยอม
ชายหนุ่มหงุดหงิดเมื่อเธอไม่ยอมบอกข้อมูลส่วนตัวของตัวเอง นอกจากบอกว่าชื่อ วิชชุดา (ปภาดา กลิ่นสุมาลย์) และเป็นอดีตนักกีฬายิงปืนทีมชาติเหรียญทอง อัคคีหันขวับอย่างไม่พอใจเมื่อเธอบอกว่าเธอชื่อวิชชุดา เหมือนกับภรรยาของเขา แต่หญิงสาวพูดอ่อนโยนว่าเธอชื่อนี้จริงๆไม่ได้มีเจตนาจะเปลี่ยนชื่อให้เหมือนภรรยาเขาเลยสักนิด อัคคีนัดพบเธอในคืนต่อมา โดยย้ำให้แต่งตัวสวยๆ
อัคคีมาตามเวลานัด แต่ก็พบว่าวิชชุดามารออยู่ก่อนแล้ว เธอแต่งตัวสวยน่ารักราวกับเป็นคนละคนกับสาวทอมบอยคนเมื่อวาน งานชิ้นแรกของทั้งคู่คือหาตัวคนคุมสินค้าในตู้โลหะมาส่งให้หมอสยุมพร และเส้นทางการส่งของ ข้อมูลที่ได้จาก พระเอกลิเก ลูกค้าที่กลายมาเป็นลูกน้องสยุมพรทำให้อัคคีและวิชชุดาพูดไม่ออก พวกมันค้าขายอวัยวะสดๆ ของคนจริงๆ ทั้งสองคนตั้งใจจะสืบหาตัวการใหญ่ให้ได้ แล้วจะทำลายให้หมด อัคคีและวิชชุดาทำงานร่วมกันด้วยดี ชายหนุ่มใช้ตาปิศาจ ได้ชำนาญมากขึ้น มองเห็นได้ในความมืดและมองทะลุกำแพงได้ราวมีตาเอ็กซเรย์ เพราะคลื่นความร้อนจากอุณหภูมิร่างกายนั่นเองอัคคีสามารถควบคุมพลังงาน อินฟราเรดได้ตามต้องการ เหล่าร้ายหลายคนต้องตายเพราะโดนพลังงานแสงอินฟราเรดนี้ รวมทั้งหมอสยุมพรด้วย วิชชุดานั้นสงสัยมากว่าทำไมอัคคีจึงมองเห็นอะไร และคาดการณ์ได้ราวมีตาทิพย์ และมีเรื่องความสามารถพิเศษแปลกๆ หลายอย่างที่เธอเคยถามแต่ก็ไม่ได้คำตอบ
ในขณะที่อัคคี และวิชชุดาออกล่าพวกเหล่าร้าย ทั้งคู่ก็ถูกตามล่าเช่นกัน คนที่รับเคราะห์คือ แม่กับน้องสาว ของวิชชุดาที่ถูกพวกมันฆ่าตายอย่างทารุณ การสูญเสียบุคคลที่รักในครอบครัวทำให้วิชชุดาเข้าใจอัคคีว่าเจ็บแค้นเพียงใด อัคคีเองก็เข้าใจความรู้สึกของวิชชุดาเช่นกัน ทั้งสองคนทำงานเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายมาด้วยกันสูญเสียคล้ายๆ กัน ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างอัคคีและวิชชุดา เปลี่ยนไป จากเพื่อนร่วมงานมาเป็นคนรักกัน เมื่อบ้านถูกระเบิดทิ้ง วิชชุดาถูกตามฆ่าจนอัคคีต้องพาตัวเธอมาอยู่ด้วยกันที่บ้านในกรมทหาร เพื่อคุ้มครองดูแลเธอได้เต็มที่ เขาไม่ยอมสูญเสียเธอไปเหมือนอดีตภรรยาเขาอีกแล้ว
ทั้งคู่ขยายผลการสืบสวนต่อไปจนรู้ว่า ผู้ที่อยู่เบื้องหลังเรื่องโหดเหี้ยมพวกนี่คือ หมอชูเกียรติ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเพชรน้ำเอก โดยมี หมออรุณ เป็นเลขาใหญ่ เป็นหัวหน้าสายส่งสินค้า ระหว่างตามหาตัวการใหญ่ทั้งสองคน อัคคีถูกสั่งให้ไปพบ พันโท ดร.ยังส์ เพื่อทดสอบและประเมินผลตาปิศาจ ที่นั่นอัคคีแปลกใจที่พบเด็กไทยอายุประมาณ 2-3 ขวบทั้งหญิงและชาย หน้าตาน่ารักเป็นลูกบุญธรรมของครอบครัวเพื่อนหมอยังส์หลายคน เด็กเหล่านั้นน่ารักเหมือนลูกครึ่ง เฉลียวฉลาด ที่น่าสงสัยคือ หน้าตาคล้ายๆ กันทั้งที่ไม่ใช่พี่น้อง อัคคีค่อยๆ สอบถามจนรู้ว่า เด็กเหล่านี้ รับมาจากโรงพยาบาลเพชรน้ำเอก โดยมีที่มาคล้ายๆ กันคือ พ่อแม่มีปัญหาเลี้ยงไม่ได้ ครอบครัวที่ต้องการมีลูกต้องเสียค่าใช้จ่ายนับล้านบาทเพื่อให้ได้พวกแกมา และพวกแกก็น่ารักสมกับที่พวกเขาต้องการ
อัคคีกลับเมืองไทย ทันทีที่เสร็จภารกิจ เขาเล่าให้วิชชุดาฟังเรื่องเด็กๆ เขาเข้าใจว่าขบวนการนี้ลักพาตัวเด็กส่งขายต่างประเทศ หญิงสาวรับปากจะตรวจสอบให้ ทว่าข้อมูลเด็กหายก็ไม่สอดคล้องกับเรื่องที่อัคคีสืบได้อีกทางหนึ่ง ไม่นานนัก อัคคีถูกส่งตัวไปช่วยงานปราบปรามกองโจรที่ตะเข็บชายแดนไทย-มาเลเซีย ที่นั่นเขาได้พบพันโท ดร.ยังส์ อีกครั้งพร้อมกับนักรบตาปิศาจ ชาวมาเลเซียอีกสามคน ซึ่งยังไม่สามารถใช้งานได้อย่างชำนาญเหมือนอัคคี ทำให้พวกเขาเสียชีวิต ที่น่าเสียดายคือ ดร.ยังส์ เสียชีวิตด้วย อัคคีจับหัวหน้าขบวนการที่นั่นได้ จึงรู้ข้อมูลที่น่าตกใจมากขึ้นว่า พวกคนร้ายไม่ได้ ลักพาเด็ก แต่ผลิตเองและเพาะเลี้ยงในฟาร์ม ส่งขายทั่วโลก ข้อมูลต่างๆ โยงไปที่ หมอชูเกียรติ หมออรุณ และ พรทิพา (ชวัลกร วรรธนพิสิฐกุล) น้องสาวของ หมอชูเกียรติ
เมื่อกลับมาจากมาเลเซีย อัคคีจึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ กองทัพจึงตั้งชุดปฏิบัติการพิเศษเฉพาะกิจขึ้นเพื่อกวาดล้างขบวนการนี้ ส่วนประกายดาว ลูกสาวบันดาลรอดจากการถูกเฉือนอวัยวะขายไปได้เพราะเธอมีคุณสมบัติในการเป็นแม่พันธุ์ที่ดี หมอชูเกียรติ จะทำเด็กหลอดแก้ว โดยใช้ไข่จากแม่พันธุ์ที่ดี แล้วไปผสมกับเชื้อจากพ่อพันธุ์ ซึ่งก็คือชายหนุ่มหน้าตาดี บุคลิกดีที่จับมาแล้วนำตัวอ่อนที่ได้ ไปฝังไว้ในท้องผู้หญิงอีกคนที่สุขภาพแข็งแรง เพื่อให้ตัวอ่อนเจริญเติบโตได้ดี จนกระทั่งเด็กคลอดจึงถูกส่งไปเลี้ยงในฟาร์มก่อนส่งขาย อัคคี กับ วิชชุดาและทีมเฉพาะกิจต้องทำงานเสี่ยงอันตรายอย่างทุ่มเทจึงจัดการ หมออรุณ กับ พรทิพาได้ ส่วนชูเกียรตินั้นประกายดาวใช้ความฉลาดไหวพริบส่งข่าว จนอัคคีและวิชชุดานำทีมมาช่วยเธอและคนอื่นๆ ได้ และช่วยให้ข้อมูลเรื่องหมอชูเกียรติตัวจริงจนอัคคีและวิชชุดาตามไปจับได้ถูกคน หมอชูเกียรติตายไปพร้อมกับความฝันที่จะพัฒนาสายพันธุ์มนุษย์ให้สวย ฉลาด สมบูรณ์แบบอย่างผิดธรรมชาติ เมื่อเรื่องร้ายจบไป พันตรีอัคคี จึงได้รู้ว่าวิชชุดา ว่าที่ภรรยาคนใหม่ของเขาเป็นร้อยตำรวจโทหญิง นักแม่นปืน ที่ถูกส่งเข้ามาร่วมงานกับเขาโดยเฉพาะ ส่วนวิชชุดาเองก็ได้ รู้ข้อมูลตาปิศาจจากอัคคี แต่ที่เหนือกว่าอะไรทั้งหมดคือ เขาและเธอรักกันและจะสร้างครอบครัวที่อบอุ่นด้วยกันอย่างมีความสุข