ละคร สาปดอกสร้อย
ดู 4,554 ครั้ง /
แชร์
ละครออกอากาศ | วันพุธ วันพฤหัส | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
ช่องที่ออกอากาศ | ละครช่อง 7 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
เริ่มออกอากาศ | 29 ธันวาคม 2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
เวลาออกอากาศ | 20:30 - 22:30 น. |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
กำกับโดย | ธนาพล ผังดี | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
ประพันธ์โดย | บทประพันธ์ เบญจมาศ ดาลหิรัญรัตน์, บทโทรทัศน์ ลายน้ำ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
นำแสดงโดย | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
ผู้สร้าง | บริษัท พอดีคำ เอ็นเทอร์เทนเมนท์ จำกัด |
ภาพนิ่งจากละคร
เรื่องย่อ สาปดอกสร้อย
สมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย คณะดอกสร้อยเป็นคณะแสดงเร่เลื่องชื่อแห่งนครเขลางค์ เพราะการฟ้อนรำของ ดอกสร้อย (ทิสานาฎ ศรศึก) งดงามอ่อนช้อย หลังจากแม่ของดอกสร้อยตายไป คำป้อน (ศตวรรษ ดุลยวิจิตร) บิดาของเธอ จึงแต่งงานใหม่กับฟองจันทร์ (ณหทัย พิจิตรา) และมีลูกหนึ่งคนชื่อซอมพอ (พรชดา เครือคช) ฟองจันทร์เกลียดดอกสร้อย จึงยุให้ซอมพอเกลียดและกลั่นแกล้งดอกสร้อยด้วย โชคดีที่ไผ่ (นนทพันธ์ ใจกันทา) เด็กกำพร้าที่หลงรักดอกสร้อย กับผา (วิชัย จงประสิทธิ์พร) และม่อน (ศศิศศร สุทธิเกษม) นักดนตรีในคณะคอยช่วยเหลือ
วันหนึ่งคณะดอกสร้อยเดินทางขึ้นเหนือไปยังบ้านผาหมอก เพื่อเปิดการแสดงและไปพบผู้ใหญ่สัก (สุรวุฑ ไหมกัน) กับนางบัวศรี (สายธาร นิยมการณ์) เมียที่ป่วยด้วยโรคประหลาด ซึ่งดอกสร้อยอยากไปฟ้อนให้นางบัวศรีชม หวังให้นางมีชีวิตชีวา ขณะเดียวกันขุนฤทธิไกร (วงศกร ปรมัตถากร) นายตำรวจหนุ่มหล่อมีฝีมือแห่งกรุงศรีอยุธยา ได้รับข่าวจากนางแสง (รัชนี ศิระเลิศ) ผู้เป็นมารดาว่าทองคำ (สุเชาว์ พงษ์วิไล) บิดา ถูกฆ่าระหว่างเดินทางไปไหว้พระธาตุลำปางหลวง ศพถูกแหวกท้องตับไตไส้พุงหายไป
นายผิน (ถนอม สามโทน) กับนายปัน (สร้อย สารคาม) คนรับใช้ เดาว่าอาจโดนผีกะ (วรรธนศม เมฆสุวรรณ) หรือโจรป่าฆ่าตาย ขุนฤทธิไกรจึงออกเดินทางขึ้นเหนือพร้อมนายเปรื่อง (วีรคณิศร์ กานต์วัฒนากุล) เพื่อนสนิท ไปสืบหาฆาตกร ขุนพิศนุแสน (ทองภูมิ ศิริพิพัฒน์) ตำรวจคู่ปรับของขุนฤทธิ์ไกรรู้ข่าว จึงแอบเดินทางตามไป เพื่อหวังทำผลงานเอาหน้า ด้วยการตามจับโจรป่า
ระหว่างทาง ขุนฤทธิไกรได้ช่วยดอกสร้อยจากโจรป่าที่จับตัวเธอไปขืนใจ ดอกสร้อยซาบซึ้งใจ ส่วนขุนฤทธิไกรก็หลงรักดอกสร้อยตั้งแต่แรกพบ โดยเขาไม่รู้เลยว่าที่กลางป่าดอกสร้อยได้ถูกผีกะที่หนีการล่าของ พรานเวทย์ (นพพล พิทักษ์โล่พานิช) กับไอ้ใบ้ (พงษธัช รัตนเศรณี) มาสิงร่าง ดอกสร้อยจำยอมให้ผีกะสิงร่าง เพื่อแลกกับชีวิตของบิดาและชาวคณะ ผีกะในร่างดอกสร้อยช่วยให้เธอฟ้อนรำสวยงามยิ่งขึ้น แต่ก็ออกอาละวาดฆ่าคนกินตับไตไส้พุงมากยิ่งขึ้นด้วย
เอื้องคำ (นิชานันท์ ฝั้นแก้ว) นางรำแห่งบ้านผาหมอกคู่ปรับของดอกสร้อย จึงสงสัยว่าดอกสร้อยเลี้ยงผีกะ ไม่นานความลับที่ดอกสร้อยเลี้ยงผีกะเริ่มมีคนรู้ หนทางเดียวที่จะกำจัดผีกะได้ ต้องใช้มีดลงอาคมแทงที่ร่างของดอกสร้อยขณะถูกสิง วิญญาณของผีกะจึงจะดับสลาย ดอกสร้อยขอร้องให้ขุนฤทธิไกรลงมือฆ่าเธอด้วยตัวเอง เพราะเธอไม่อยากมีชีวิตอยู่เพื่อฆ่าใครอีกต่อไป ขุนฤทธิไกรจะตัดสินใจเช่นไร
วันหนึ่งคณะดอกสร้อยเดินทางขึ้นเหนือไปยังบ้านผาหมอก เพื่อเปิดการแสดงและไปพบผู้ใหญ่สัก (สุรวุฑ ไหมกัน) กับนางบัวศรี (สายธาร นิยมการณ์) เมียที่ป่วยด้วยโรคประหลาด ซึ่งดอกสร้อยอยากไปฟ้อนให้นางบัวศรีชม หวังให้นางมีชีวิตชีวา ขณะเดียวกันขุนฤทธิไกร (วงศกร ปรมัตถากร) นายตำรวจหนุ่มหล่อมีฝีมือแห่งกรุงศรีอยุธยา ได้รับข่าวจากนางแสง (รัชนี ศิระเลิศ) ผู้เป็นมารดาว่าทองคำ (สุเชาว์ พงษ์วิไล) บิดา ถูกฆ่าระหว่างเดินทางไปไหว้พระธาตุลำปางหลวง ศพถูกแหวกท้องตับไตไส้พุงหายไป
นายผิน (ถนอม สามโทน) กับนายปัน (สร้อย สารคาม) คนรับใช้ เดาว่าอาจโดนผีกะ (วรรธนศม เมฆสุวรรณ) หรือโจรป่าฆ่าตาย ขุนฤทธิไกรจึงออกเดินทางขึ้นเหนือพร้อมนายเปรื่อง (วีรคณิศร์ กานต์วัฒนากุล) เพื่อนสนิท ไปสืบหาฆาตกร ขุนพิศนุแสน (ทองภูมิ ศิริพิพัฒน์) ตำรวจคู่ปรับของขุนฤทธิ์ไกรรู้ข่าว จึงแอบเดินทางตามไป เพื่อหวังทำผลงานเอาหน้า ด้วยการตามจับโจรป่า
ระหว่างทาง ขุนฤทธิไกรได้ช่วยดอกสร้อยจากโจรป่าที่จับตัวเธอไปขืนใจ ดอกสร้อยซาบซึ้งใจ ส่วนขุนฤทธิไกรก็หลงรักดอกสร้อยตั้งแต่แรกพบ โดยเขาไม่รู้เลยว่าที่กลางป่าดอกสร้อยได้ถูกผีกะที่หนีการล่าของ พรานเวทย์ (นพพล พิทักษ์โล่พานิช) กับไอ้ใบ้ (พงษธัช รัตนเศรณี) มาสิงร่าง ดอกสร้อยจำยอมให้ผีกะสิงร่าง เพื่อแลกกับชีวิตของบิดาและชาวคณะ ผีกะในร่างดอกสร้อยช่วยให้เธอฟ้อนรำสวยงามยิ่งขึ้น แต่ก็ออกอาละวาดฆ่าคนกินตับไตไส้พุงมากยิ่งขึ้นด้วย
เอื้องคำ (นิชานันท์ ฝั้นแก้ว) นางรำแห่งบ้านผาหมอกคู่ปรับของดอกสร้อย จึงสงสัยว่าดอกสร้อยเลี้ยงผีกะ ไม่นานความลับที่ดอกสร้อยเลี้ยงผีกะเริ่มมีคนรู้ หนทางเดียวที่จะกำจัดผีกะได้ ต้องใช้มีดลงอาคมแทงที่ร่างของดอกสร้อยขณะถูกสิง วิญญาณของผีกะจึงจะดับสลาย ดอกสร้อยขอร้องให้ขุนฤทธิไกรลงมือฆ่าเธอด้วยตัวเอง เพราะเธอไม่อยากมีชีวิตอยู่เพื่อฆ่าใครอีกต่อไป ขุนฤทธิไกรจะตัดสินใจเช่นไร