ละคร บ่วงอธิฏฐาน
ดู 4,518 ครั้ง /
แชร์
ละครออกอากาศ | วันจันทร์ วันอังคาร | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
ช่องที่ออกอากาศ | ละครช่อง 3 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
เริ่มออกอากาศ | 16 สิงหาคม 2559 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
เวลาออกอากาศ | 20:20 - 22:50 น. |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
กำกับโดย | สำรวย รักชาติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
ประพันธ์โดย | บทประพันธ์ ทักษิณา, บทโทรทัศน์ ยิ่งยศ ปัญญา | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
นำแสดงโดย | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
ผู้สร้าง | บริษัท เวฟ ทีวี จำกัด |
ภาพนิ่งจากละคร
เรื่องย่อ บ่วงอธิฏฐาน
อธิน (ทรงสิทธิ์ รุ่งนพคุณศรี) นักโบราณคดีมือหนึ่งของกรมศิลปากร ต้องตื่นเต้นเมื่อเขาได้ค้นพบศิลาจารึกของเมืองจันทปุระ มหานครที่หายสาบสูญไปนับพันปี ทิ้งไว้แต่ตำนานแห่งบึงแดง อธินตั้งใจจะเก็บศิลาจารึกนี้ไว้ศึกษา เพราะมันคือการค้นพบครั้งยิ่งใหญ่ของวงการประวัติศาสตร์เลยทีเดียว แต่แล้วความตั้งใจของเขาก็ต้องพังทลายลง เมื่อศิลาจารึกหายไป อธินคิดว่าเป็นฝีมือของ กสินทร์ (โอลิเวอร์ พูพาร์ท) นักธุรกิจโรงแรมระดับพันล้านที่ขึ้นชื่อว่าเป็นนักสะสมของโบราณ ทั้งที่ได้มาด้วยวิธีถูกกฎหมายและผิดกฎหมาย แต่ไม่ว่าอย่างไร อธินก็คิดว่ากสินทร์ไม่มีสิทธิ์ที่จะสะสมสมบัติของแผ่นดินไม่ว่าชิ้นไหนก็ตาม แต่เขาก็ไม่มีหลักฐานเพียงพอที่จะเอาผิด อธินจึงได้แต่แอบสืบหาศิลาจารึกโบราณนี้อย่างเงียบๆ
โยสิตา (แพทริเซีย กู๊ด) ลูกสาวเพียงคนเดียวของอธิน อยากจะช่วยพ่อสืบหาจึงเอาเรื่องศิลาจารึกที่หายไป มาเล่าให้ ปารมี หรือ ผักบุ้ง (กมลเนตร เรืองศรี) เพื่อนสนิทของเธอฟัง ปารมีบอกว่าจะต้องสืบหาจากคนวงในที่เป็นพวกสะสมของโบราณ และหนึ่งในนั้นก็คือ กสินทร์เจ้าของโรงแรมที่เธอทำงานอยู่ โยสิตาเริ่มมีความหวังที่จะได้เบาะแสจากปารมีขึ้นมาทันที แต่แล้วโยสิตากลับได้พบกับ กฤตธร (ปริญ สุภารัตน์) ลูกชายคนโตของกสินทร์อย่างบังเอิญ เมื่อเธอดันไปช่วยเก็บกระเป๋า เอกสารสำคัญที่กฤตธรลืมเอาไว้บนหลังคารถ และเพียงแค่เจอกันครั้งแรก กฤตธรก็รู้สึกคุ้นเคยกับโยสิตาอย่างแปลกประหลาด กฤตธรขอบคุณและพยายามจะตอบแทนน้ำใจของเธอ และอยากจะรู้จักกับเธอให้มากขึ้น แต่โยสิตาก็ไม่ใส่ใจ จนกฤตธรรู้ว่า โยสิตาเป็นเพื่อนสนิทของ ปารมี พนักงานโรงแรมของเขานั่นเอง
กสินทร์มีความคิดจะทำพิพิธภัณฑ์ของสะสมโบราณที่บ้าน ซึ่งได้ อาจารย์เกรียง (ชาติชาย งามสรรพ์) ผู้มีความเชี่ยวชาญเข้ามา ช่วยจัดหมวดหมู่ให้ ขาดก็แต่คนที่จะเข้ามาถ่ายภาพ กฤตธรจึงคิดจะจ้างโยสิตาที่มีอาชีพเป็นช่างภาพฟรีแลนซ์ให้มาทำงานนี้ ซึ่งโยสิตาแทบจะไม่เสียเวลาคิด ยอมรับงานนี้อย่างง่ายดาย เพราะนอกจากจะได้เงินแล้ว งานนี้ยังจะทำให้เธอเข้าไปสืบเบาะแสของศิลาจารึกที่หายไปได้ง่ายขึ้น
โยสิตาไม่รู้เลยว่าการที่เธอได้พบเจอกับกฤตธรครั้งนี้ จะทำให้ดวงวิญญาณของ บุษกร (หยาดทิพย์ ราชปาล) ที่สิงอยู่ในศิลาจารึกโกรธเกรี้ยวเป็นอย่างมาก แถมยังอาฆาตแค้นโยสิตา ที่แม้เวลาจะผ่านเลยไปนานนับพันปี จวบจนเธอได้พบกับกฤตธรอีกครั้ง โยสิตาก็ยังกลับมาเป็นหนามยอกอกพบกับกฤตธรอีกครั้ง โยสิตาไม่รู้เลยว่าวิญญาณของบุษกร ได้ตามมาถึงภพปัจจุบันด้วยคำอธิฏฐานสาปแช่งว่าจะขอตามติดมาทวงทุกสิ่งที่ควรจะเป็นของหล่อน และสะสางความแค้นโยสิตา ที่ทำให้เธอต้องสูญเสียทุกอย่างในอดีตไป
โยสิตาเข้ามาใกล้ชิดกับกฤตธร ด้วยต้องมาทำงานจึงทำให้ได้ใกล้ชิดกันและโยสิตาก็เริ่มเจอกับเหตุการณ์แปลกๆ ที่บุษกรเป็นผู้สร้างขึ้นทั้งสิ้น แม้จะสงสัยแต่โยสิตาก็ยังไม่มีคำตอบ นอกจากความฝันซ้ำๆ ถึงเรื่องราวในอดีต ที่นำเธอไปสู่มหานครจันทรปุระอันเจริญรุ่งเรือง และในความฝันเธอได้เห็นภาพตัวเองนามว่า เกศอาภา ซึ่งเป็นบุตรสาวของแม่ทัพปุณณะ ซึ่งก็คืออธินพ่อของเธอในยุคปัจจุบัน ความฝันในทุกค่ำคืนของเธอ ทำให้เธอได้พบเรื่องราวที่ทำให้ชีวิตของเกศอาภาต้องเปลี่ยนไป เมื่อเธอเป็นผู้เก็บโคมเสี่ยงทายคู่ของเจ้าชายอริยะไว้ได้ แทนที่จะเป็นคู่หมายอย่างบุษกร
แม้บุษกรจะแย่งโคมที่เกศอาภาเก็บได้มาไว้ในครอบครอง และพยายามปกปิดความจริงด้วยการบอกกับ องค์สูริยะผู้ปกครองแห่งจันทรปุระ และทุกคนว่าเธอเป็นผู้ที่เก็บโคมได้ และกำลังจะได้แต่งงานกับเจ้าชายอริยะ ตามความคาดหมายของทุกคนที่เชื่อในโองการของเทวะ ตามที่มหาพราหมณ์กัมพูบิดาของบุษกร ผู้รับสาส์นจากองค์เทวะ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ทุกคนในจันทรปุระนับถือได้บอกไว้
โยสิตาที่ตื่นขึ้นมาด้วยความประหวั่นพรั่นพรึง ถึงความอาฆาตแค้นที่บุษกรมีต่อตน รวมถึงความรัก ความผูกพันระหว่างตนเองและกฤตธรที่มีจากชาติภพก่อนจนถึงปัจจุบัน กฤตธรก็ยังคงตามมีใจรักต่อเธอมั่นคง แม้จะมี เมธาวี (ตฤณญา มอร์สัน) คู่หมั้นของกวินทร์น้องชายที่มีใจให้กับกฤตธร จนถูกอำนาจของวิญญาณร้ายอย่างบุษกรเข้าครอบงำ และใช้มันมาทำร้ายเธอ และทุกชีวิตที่อยู่รอบกายของเธอก็ล้วนแต่มีเหตุเกี่ยวพันจากอดีตจนถึงปัจจุบัน ทั้งสิ้น ทุกชีวิตที่กำลังตกอยู่ในอันตราย ด้วยแรงอาฆาตแห่งคำอธิฏฐานสาปแช่งของบุษกร คำอธิฏฐานซึ่งเป็น บ่วงพันธนาการที่ทุกคนไม่มีวันหนีพ้น
โยสิตา (แพทริเซีย กู๊ด) ลูกสาวเพียงคนเดียวของอธิน อยากจะช่วยพ่อสืบหาจึงเอาเรื่องศิลาจารึกที่หายไป มาเล่าให้ ปารมี หรือ ผักบุ้ง (กมลเนตร เรืองศรี) เพื่อนสนิทของเธอฟัง ปารมีบอกว่าจะต้องสืบหาจากคนวงในที่เป็นพวกสะสมของโบราณ และหนึ่งในนั้นก็คือ กสินทร์เจ้าของโรงแรมที่เธอทำงานอยู่ โยสิตาเริ่มมีความหวังที่จะได้เบาะแสจากปารมีขึ้นมาทันที แต่แล้วโยสิตากลับได้พบกับ กฤตธร (ปริญ สุภารัตน์) ลูกชายคนโตของกสินทร์อย่างบังเอิญ เมื่อเธอดันไปช่วยเก็บกระเป๋า เอกสารสำคัญที่กฤตธรลืมเอาไว้บนหลังคารถ และเพียงแค่เจอกันครั้งแรก กฤตธรก็รู้สึกคุ้นเคยกับโยสิตาอย่างแปลกประหลาด กฤตธรขอบคุณและพยายามจะตอบแทนน้ำใจของเธอ และอยากจะรู้จักกับเธอให้มากขึ้น แต่โยสิตาก็ไม่ใส่ใจ จนกฤตธรรู้ว่า โยสิตาเป็นเพื่อนสนิทของ ปารมี พนักงานโรงแรมของเขานั่นเอง
กสินทร์มีความคิดจะทำพิพิธภัณฑ์ของสะสมโบราณที่บ้าน ซึ่งได้ อาจารย์เกรียง (ชาติชาย งามสรรพ์) ผู้มีความเชี่ยวชาญเข้ามา ช่วยจัดหมวดหมู่ให้ ขาดก็แต่คนที่จะเข้ามาถ่ายภาพ กฤตธรจึงคิดจะจ้างโยสิตาที่มีอาชีพเป็นช่างภาพฟรีแลนซ์ให้มาทำงานนี้ ซึ่งโยสิตาแทบจะไม่เสียเวลาคิด ยอมรับงานนี้อย่างง่ายดาย เพราะนอกจากจะได้เงินแล้ว งานนี้ยังจะทำให้เธอเข้าไปสืบเบาะแสของศิลาจารึกที่หายไปได้ง่ายขึ้น
โยสิตาไม่รู้เลยว่าการที่เธอได้พบเจอกับกฤตธรครั้งนี้ จะทำให้ดวงวิญญาณของ บุษกร (หยาดทิพย์ ราชปาล) ที่สิงอยู่ในศิลาจารึกโกรธเกรี้ยวเป็นอย่างมาก แถมยังอาฆาตแค้นโยสิตา ที่แม้เวลาจะผ่านเลยไปนานนับพันปี จวบจนเธอได้พบกับกฤตธรอีกครั้ง โยสิตาก็ยังกลับมาเป็นหนามยอกอกพบกับกฤตธรอีกครั้ง โยสิตาไม่รู้เลยว่าวิญญาณของบุษกร ได้ตามมาถึงภพปัจจุบันด้วยคำอธิฏฐานสาปแช่งว่าจะขอตามติดมาทวงทุกสิ่งที่ควรจะเป็นของหล่อน และสะสางความแค้นโยสิตา ที่ทำให้เธอต้องสูญเสียทุกอย่างในอดีตไป
โยสิตาเข้ามาใกล้ชิดกับกฤตธร ด้วยต้องมาทำงานจึงทำให้ได้ใกล้ชิดกันและโยสิตาก็เริ่มเจอกับเหตุการณ์แปลกๆ ที่บุษกรเป็นผู้สร้างขึ้นทั้งสิ้น แม้จะสงสัยแต่โยสิตาก็ยังไม่มีคำตอบ นอกจากความฝันซ้ำๆ ถึงเรื่องราวในอดีต ที่นำเธอไปสู่มหานครจันทรปุระอันเจริญรุ่งเรือง และในความฝันเธอได้เห็นภาพตัวเองนามว่า เกศอาภา ซึ่งเป็นบุตรสาวของแม่ทัพปุณณะ ซึ่งก็คืออธินพ่อของเธอในยุคปัจจุบัน ความฝันในทุกค่ำคืนของเธอ ทำให้เธอได้พบเรื่องราวที่ทำให้ชีวิตของเกศอาภาต้องเปลี่ยนไป เมื่อเธอเป็นผู้เก็บโคมเสี่ยงทายคู่ของเจ้าชายอริยะไว้ได้ แทนที่จะเป็นคู่หมายอย่างบุษกร
แม้บุษกรจะแย่งโคมที่เกศอาภาเก็บได้มาไว้ในครอบครอง และพยายามปกปิดความจริงด้วยการบอกกับ องค์สูริยะผู้ปกครองแห่งจันทรปุระ และทุกคนว่าเธอเป็นผู้ที่เก็บโคมได้ และกำลังจะได้แต่งงานกับเจ้าชายอริยะ ตามความคาดหมายของทุกคนที่เชื่อในโองการของเทวะ ตามที่มหาพราหมณ์กัมพูบิดาของบุษกร ผู้รับสาส์นจากองค์เทวะ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ทุกคนในจันทรปุระนับถือได้บอกไว้
โยสิตาที่ตื่นขึ้นมาด้วยความประหวั่นพรั่นพรึง ถึงความอาฆาตแค้นที่บุษกรมีต่อตน รวมถึงความรัก ความผูกพันระหว่างตนเองและกฤตธรที่มีจากชาติภพก่อนจนถึงปัจจุบัน กฤตธรก็ยังคงตามมีใจรักต่อเธอมั่นคง แม้จะมี เมธาวี (ตฤณญา มอร์สัน) คู่หมั้นของกวินทร์น้องชายที่มีใจให้กับกฤตธร จนถูกอำนาจของวิญญาณร้ายอย่างบุษกรเข้าครอบงำ และใช้มันมาทำร้ายเธอ และทุกชีวิตที่อยู่รอบกายของเธอก็ล้วนแต่มีเหตุเกี่ยวพันจากอดีตจนถึงปัจจุบัน ทั้งสิ้น ทุกชีวิตที่กำลังตกอยู่ในอันตราย ด้วยแรงอาฆาตแห่งคำอธิฏฐานสาปแช่งของบุษกร คำอธิฏฐานซึ่งเป็น บ่วงพันธนาการที่ทุกคนไม่มีวันหนีพ้น