ละคร เหยี่ยวรัตติกาล
ดู 4,292 ครั้ง /
แชร์
ละครออกอากาศ | วันศุกร์ วันเสาร์ วันอาทิตย์ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
ช่องที่ออกอากาศ | ละครช่อง 7 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
เริ่มออกอากาศ | 8 พฤษภาคม 2559 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
เวลาออกอากาศ | 20:15 - 22:30 น. |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
กำกับโดย | อนุวัฒน์ ถนอมรอด | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
ประพันธ์โดย | นอร์แมน วีรธรรม | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
นำแสดงโดย | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
ผู้สร้าง | บริษัท กันตนา มูฟวี่ ทาวน์ (2002) จำกัด |
ภาพนิ่งจากละคร
เรื่องย่อ เหยี่ยวรัตติกาล
ราตรี หรือ ไนท์ (อคัมย์สิริ สุวรรณศุข) เด็กหญิงวัย 5 ขวบ ลูกสาวของ ศักดิ์สิทธิ์ (ฐาปกรณ์ ดิษยนันทน์) ตำรวจมือสะอาด กับ รัตนา (นวลปรางค์ ตรีชิต) ภริยานายตำรวจ ราตรีเกิดตอนเที่ยงคืนของวันที่ 12 เดือน 12 พอดี จึงได้ชื่อว่าราตรี และมีชื่อเล่นว่าไนท์ วันหนึ่งศักดิ์สิทธิ์กับรัตนาพาราตรีไปเที่ยวหัวหิน ระหว่างทางกลับบ้านเด็กหญิงได้เห็นแสงสีทองสะท้อนเข้าตา ราตรีจึงร้องทัก เมื่อพ่อแม่เพ่งดูปรากฏว่าเป็นแดดที่สะท้อนจากหลังคาวัดแห่งหนึ่ง รัตนาบอกให้ศักดิ์สิทธิ์แวะไหว้พระก่อนกลับ ในระหว่างเข้าไปกราบพระในโบสถ์ ขณะที่รัตนากับศักดิ์สิทธิ์กำลังสนทนาธรรมกับเจ้าอาวาส เด็กหญิงราตรีก็หายตัวไป รัตนาตกใจรีบออกไปตามหา พบว่าราตรีกำลังคุยเล่นกับลุงคนหนึ่ง ซึ่งหลวงพ่อบอกว่าเป็นคนทิเบตที่มาอาศัยอยู่ที่วัดนี้ ไม่มีพิษมีภัยอะไร แต่รัตนาก็ยังไม่วายเป็นห่วงลูกสาว
ตอนกลับมาถึงบ้านรัตนายิ่งแปลกใจ เมื่อเห็นที่คอของราตรีมีสร้อยเหรียญรูปเหยี่ยวห้อยอยู่ ศักดิ์สิทธิ์ดูจึงรู้ว่าน่าจะเป็นของชายชาวทิเบตที่วัด เพราะชาวทิเบตนับถือเหยี่ยวกันมาก รัตนาบอกให้เอาไปคืน แต่ศักดิ์สิทธิ์กลับว่าลุงคนนั้นน่าจะแอบให้ เพราะรู้ว่าถ้าให้กับพ่อแม่คงไม่ยอมรับเพราะเป็นเหรียญที่มีค่า และดูท่าราตรีจะชอบสร้อยอันนี้ด้วย หากกลับเอาไปคืนวันนี้ลุงคงจะเสียใจ ค่อยหาโอกาสเอาไปคืนในวันหลังจะดีกว่า ยามค่ำคืนในห้องนอนของราตรี เหรียญรูปเหยี่ยวที่คอของเด็กน้อยก็เรืองแสงขึ้นมา แล้วเหรียญนั้นก็ค่อยๆ หายเข้าไปในร่างของราตรี ในขณะที่ราตรีหลับใหลอย่างไม่รู้สึกตัว รุ่งเช้าศักดิ์สิทธิ์พบว่าสร้อยนั้นไม่ได้อยู่ที่คอราตรีแล้ว แต่ก็ไม่ได้ติดใจสงสัยอะไร เพราะคิดว่าราตรีคงซุกซนทำตกหายไป จนกระทั่งทุกคนลืมเรื่องราวของเหรียญรูปเหยี่ยวนั้นไป
15 ปีผ่านไป ราตรีจบการศึกษาสาขานิติศาสตร์ แล้วได้ทุนไปเรียนต่อกฎหมายระหว่างประเทศที่อเมริกา จนกระทั่งจบปริญญาโทจึงเดินทางกลับมาเมืองไทย ขณะที่ศักดิ์สิทธิ์ผู้เป็นพ่อได้เป็นรองอธิบดีกรมตำรวจ ราตรีกลับมาทำงานเป็นทนายอิสระช่วยว่าความช่วยเหลือคนจน ราตรีมีเพื่อนเก่าชื่อ นุชนาถ (กัญญกร พินิจ) เป็นเจ้าของหนังสือพิมพ์ฉบับเล็กๆ ฉบับหนึ่งชื่อ อธิปไตย หนังสือพิมพ์ถูกฟ้องร้องจาก นายสมศักดิ์ ตระกูลวงศาเจริญยิ่ง นักธุรกิจใจสกปรกคนหนึ่ง ซึ่งนุชนาถลงข่าวว่ามีส่วนพัวพันกับธุรกิจผิดกฎหมายและหลบเลี่ยงภาษี รวมทั้งกว้านซื้อที่นาจากคนทำนาให้กับบริษัทต่างชาติที่หนุนหลังอยู่ นุชนาถได้ติดต่อมาให้ราตรีช่วยว่าความให้ ด้วยความฉลาดของราตรีทำให้นุชนาถหลุดจากคดี เป็นเหตุให้สมศักดิ์โกรธแค้นมาก
นุชนาถพาราตรีไปเลี้ยงฉลองความสำเร็จ ระหว่างที่นุชนาถขับรถมาส่งราตรีก็ถูกรถตู้ปาดหน้า มีมือปืน 4-5 คนออกมาจากรถ ยิงสาดด้วยปืนกล นุชนาถถูกกระสุนจนทรุด ยามคับขันราตรีเข้าไปบังร่างของนุชนาถไว้จนกระสุนถูกร่างของราตรีทั้งตัว ทันใดนั้นก็มีแสงจ้าสาดออกมาจากร่างของราตรี พวกมือปืนต่างตกใจ แสงสว่างจ้าจนมองอะไรไม่เห็น พร้อมกับมีเสียงเหมือนเหยี่ยวร้องและมีเงาดำปรากฏ พวกมือปืนสาดกระสุนปืนเข้าใส่เสียงดังสนั่นหวั่นไหว แต่แล้วเงาดำก็วูบเข้ามา กลายเป็นเสียงพวกมือปืนร้องโหยหวนแทน ก่อนที่ทุกอย่างจะมืดสนิท ผู้กองเซนต์ (ธาวิน เยาวพลกุล) เข้ามาตรวจสอบในที่เกิดเหตุ เป็นอันต้องแปลกใจเมื่อเจ้าหน้าที่รายงานว่าพบศพของคนร้าย 5 ศพ แต่ละศพมีแผลเหวอะหวะที่คอหอยเหมือนถูกกรงเล็บของสัตว์ปีก กำลังส่งไปให้ผู้เชี่ยวชาญพิสูจน์ว่าเป็นกรงเล็บของสัตว์ชนิดใด
ขณะที่นุชนาถอยู่ในห้องพักฟื้นของโรงพยาบาล มีอาการบาดเจ็บจากกระสุนสองสามแห่งแต่ปลอดภัยแล้ว ราตรีนั่งเฝ้าอยู่ข้างๆ ครู่หนึ่งนุชนาถก็รู้สึกตัว นุชนาถบอกว่าเห็นทีจะต้องปิดหนังสือพิมพ์เพื่อความปลอดภัยของตัวเองและครอบครัว ราตรีบอกว่าขอให้เปิดต่อไป โดยที่จะขอรับผิดชอบทั้งหมดเอง เพราะต้องการต่อสู้กับพวกที่มีอิทธิพล ในที่สุดนุชนาถก็ตกลง ผู้กองเซนต์มาดักรอราตรีที่โรงพยาบาลเพื่อสอบปากคำว่าราตรีรอดมาได้อย่างไร และเห็นอะไรบ้าง ราตรีบอกว่าจำอะไรไม่ได้ คงเป็นเพราะโชคและสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองมากกว่า สุดท้ายเซนต์อาสาไปส่งราตรี ระหว่างทางเซนต์ถามถึงนุชนาถว่าเป็นอย่างไรบ้าง ราตรีเล่าว่านุชนาถกลัวมากจนจะปิดหนังสือพิมพ์ แต่ราตรีขอสานต่องานทั้งหมด เซนต์เตือนราตรีให้ระวังตัว พร้อมให้นามบัตรราตรีไว้ และบอกว่าเขาเองก็ไม่ชอบคนที่โกงกินบ้านเมือง และพยายามที่จะกำจัดพวกมาเฟียเช่นกัน หากมีอะไรก็ขอให้ราตรีโทรหาตน ราตรีกล่าวขอบคุณและหวังว่าชายหนุ่มจะเป็นตำรวจที่ดีอย่างที่คุยไว้
เมื่อราตรีถึงคอนโดก็สำรวจร่างกายตนเองเพราะแปลกใจเหมือนกันที่รอดมาได้ พอดีได้รับโทรศัพท์จากพ่อ ศักดิ์สิทธิ์ถามถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นด้วยความเป็นห่วง และบอกให้ราตรีไปหาโดยเร็วที่สุด ราตรีรับปากว่าจะไปหาแต่เช้า รุ่งเช้าราตรีไปหาพ่อแม่ที่บ้าน หลังจากนั้นพ่อก็พาราตรีขึ้นไปห้องพระ และถามถึงเรื่องเหยี่ยวที่เป็นข่าว ราตรีบอกว่าจำเหตุการณ์อะไรไม่ได้เลย ในที่สุดพ่อก็เล่าเรื่องเหรียญเหยี่ยวที่ราตรีได้รับเมื่อตอนเด็กๆ ศักดิ์สิทธิ์สันนิษฐานว่าเหยี่ยวศักดิ์สิทธิ์มาช่วยราตรี และพาราตรีไปหาหลวงพ่อเจ้าอาวาสที่วัดหัวหิน เมื่อหลวงพ่อได้พบกับราตรีก็ทักทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น โดยที่ศักดิ์สิทธิ์ยังไม่ทันได้เล่าเรื่องเหรียญเหยี่ยว หลวงพ่อยังบอกอีกว่าราตรีได้รับพลังของเหยี่ยวศักดิ์สิทธิ์ เมื่อใดที่ระลึกถึงพลังของเหยี่ยวก็จะทำให้ร่างกายของราตรีมีพลัง สามารถทนทานต่ออาวุธทุกชนิด มีชั้นเชิงในการล่าหรือต่อสู้กับศัตรู และมีประสาทสัมผัสเยี่ยงเหยี่ยว มีสัญชาติในการได้ยินได้เห็นเยี่ยงเหยี่ยว และที่สำคัญถ้าราตรีเชื่อมั่น ก็สามารถบินได้เหมือนเหยี่ยว เสมือนราตรีเป็นเหยี่ยวศักดิ์สิทธิ์ตามตำนานของชาวทิเบตที่มีมาช้านาน
ศักดิ์สิทธิ์ให้ราตรีตั้งสมาธินำพลังของเหยี่ยวมาใช้เพื่อป้องกันตัว และปราบพวกอธรรมอย่างที่ราตรีตั้งใจไว้ ราตรีรับปากว่าจะลองทำทุกอย่างเพื่อให้อภินิหารเกิดขึ้นจริงอย่างที่ท่านอาจารย์กล่าว ราตรีจัดแถลงข่าวที่นุชนาถถอนตัวจากหนังสือพิมพ์และตนจะรับหน้าที่แทน ทั้งนี้เพื่อให้คนร้ายเลิกยุ่งกับนุชนาถ และที่สำคัญเพื่อให้นุชนาถและครอบครัวปลอดภัย ข่าวที่นุชนาถถอนตัวจากหนังสือพิมพ์ทำให้สมศักดิ์สะใจที่จัดการกับนุชนาถได้ และคิดว่าบรรณาธิการคนใหม่คงจะได้รับบทเรียนแล้ว คงไม่กล้ายุ่งกับตนอีก สมศักดิ์ถูกเรียกตัวไปประชุมกับนักธุรกิจอีก 10 คน โดยมี พิเชษฐ์ (สวิช เพชรวิเศษศิริ) นักธุรกิจที่มีหน้ามีตาในสังคมเป็นหัวหน้าใหญ่ พิเชษฐ์บรรยายแผนให้ทุกคนขยายเครือข่ายไปทุกจังหวัด แทรกแซงเข้าหน่วยราชการ และส่งคนเข้าพรรคการเมือง เป้าหมายคือควบคุมการดำเนินการทางธุรกิจทุกอย่างของประเทศ พิเชษฐ์ตำหนิว่าสมศักดิ์ทำงานโดยพละการ ทำให้กลายเป็นเป้าหมาย เป็นข่าวใหญ่ที่สังคมจับตามอง ซึ่งจะทำให้เป็นภัยต่อองค์กร และเตือนให้ทุกคนอย่าเอาเยี่ยงอย่างสมศักดิ์ สมศักดิ์ยืนยันว่าตนสามารถควบคุมทุกอย่างให้อยู่ในกำมือได้แน่นอน
หลังจากราตรีเข้าคุมการทำงานของหนังสือพิมพ์ สองวันต่อมาราตรีก็ลงข่าวการถูกยิงของนุชนาถ ซึ่งมีรายชื่อสมศักดิ์เกี่ยวข้องอยู่ด้วย ทำให้สมศักดิ์โกรธมากที่ตกเป็นเป้าของสังคมและทางการ จึงคิดกำจัดราตรี เซนต์สนใจราตรีตั้งแต่แรกเพราะความสวยของราตรี จึงหาเรื่องมาที่สำนักพิมพ์บ่อยๆ อ้างเรื่องการสอบสวนเพิ่มเติม และมาเตือนว่านายสมศักดิ์อาจหาทางเล่นงานราตรีแบบที่เล่นงานนุชนาถมาแล้ว ราตรีรับฟังและขอบคุณที่เซนต์มีน้ำใจ เช้าวันหนึ่งราตรีตื่นแต่เช้าแล้วขับรถมุ่งหน้าไปบ้านพักในต่างจังหวัด ซึ่งเป็นบ้านที่ศักดิ์สิทธิ์สร้างไว้เพื่อพักผ่อน อยู่ลึกเข้าไปจากถนน ห่างไกลผู้คน ราตรีไปถึงแล้วเริ่มนั่งสมาธิเรียกพลังเหยี่ยวอย่างที่พ่อลองบอก เมื่อสมาธิเข้าที่ ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงรอบตัวสารพัด สายตาเหมือนมองเห็นทุกอย่างที่คิดอยากจะเห็น ราตรีลองนึกถึงสมศักดิ์ดู ก็เห็นภาพสมศักดิ์กำลังสั่งมือปืนให้กำจัดตน ราตรีเกิดโมโห ร่างของราตรีค่อยๆ ลอยขึ้นมาจากพื้นโดยไม่รู้ตัว พอลืมตาขึ้นก็เห็นตัวเองลอยอยู่กลางอากาศ ราตรีจึงลองจินตนาการว่าสามารถบินได้ ปรากฏว่าร่างของราตรีลอยพุ่งออกทางหน้าต่างไปอยู่เหนือหลังคาบ้าน ราตรีทดลองร่อนไปมาดูก็ทำได้ดังใจ
วันหนึ่งสมศักดิ์ได้รับจดหมายว่าตนมีความผิดฐานสั่งการให้สังหารชีวิตของคู่แข่ง และผู้ที่เป็นอริกับตนหลายครั้งหลายหน ต้องได้รับกรรมที่ก่อไว้ด้วยชีวิต ลงชื่อ เหยี่ยวรัตติกาล (อคัมย์สิริ สุวรรณศุข) สมศักดิ์โกรธและจัดงานแถลงข่าวทันที โดยเอาจดหมายให้นักข่าวดู พร้อมท้าทายว่าพร้อมที่จะลุยกับเหยี่ยวรัตติกาลได้ทุกเวลา คืนหนึ่งสมศักดิ์ออกจากงานเลี้ยงและแวะไปที่ตึกทำงานของตน แต่พอจอดรถหน้าตึกก็เห็นเงาร่อนอยู่เหนือตึก พวกมือปืนต่างรีบพาสมศักดิ์เข้าไปในตึก แต่พอขึ้นไปถึงที่ทำงานก็ต้องตกใจเมื่อพบกับร่างหญิงสาวในชุดหนัง ใบหน้ามีหน้ากากอำพราง เห็นแต่นัยน์ตาที่คมกริบดุจพญาเหยี่ยว พวกมือปืนต่างสาดกระสุนเข้าใส่ แต่ร่างในชุดหนังพุ่งออกหน้าต่างหายไป พวกมือปืนรีบพาเจ้านายหนี แต่แล้วร่างในชุดหนังก็พุ่งกลับเข้ามาทางกระจก สาดกระสุนเข้าใส่พวกมือปืน ต่อสู้ด้วยชั้นเชิงที่คล่องแคล่วว่องไว จนเหลือแต่สมศักดิ์คนเดียว หญิงในชุดลึกลับกล่าวคำอำลาแล้วจบชีวิตของสมศักดิ์ลงในที่สุด
รุ่งขึ้นภาพของหญิงชุดดำใส่หน้ากากลอยจากยอดตึกลงสู่พื้นปรากฏอยู่บนหน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์อธิปไตย จับภาพได้โดยเหยี่ยวข่าวสาวคนล่าสุดของเมืองไทยอย่างราตรี ภายในมีข่าวสมศักดิ์เสียชีวิตในสำนักงานและพบนามบัตรของเหยี่ยวรัตติกาลอยู่บนศพของสมศักดิ์ มีข้อความว่า จุดจบของผู้ที่คิดร้ายต่อแผ่นดิน กองทัพนักข่าวต่างปรากฏตัวที่สำนักงานหนังสือพิมพ์อธิปไตยเพื่อรอสัมภาษณ์ราตรี ราตรีให้สัมภาษณ์ว่าตนได้ติดตามพฤติกรรมของนายสมศักดิ์อยู่ แล้วก็ได้เห็นเหยี่ยวรัตติกาลปรากฏตัว จึงมีโอกาสได้เก็บภาพไว้ โดยไม่รู้รายละเอียดอะไรอีกเลย เซนต์มาหาราตรี ชวนไปนั่งทานกาแฟ ชายหนุ่มขอสอบถามเรื่องเหยี่ยวรัตติกาล ราตรีปฏิเสธและกล่าวเป็นเชิงชื่นชมว่าดีใจที่มีเหยี่ยวรัตติกาลออกมากวาดล้างผู้มีอิทธิพล เซนต์ยิ้มออกปากว่าเห็นด้วย จนใจที่ตัวเองเป็นกฎหมาย จึงได้รับคำสั่งให้สืบสวนและตามจับตัวเหยี่ยวรัตติกาลมาให้ได้
หลังจากนั้นเป็นต้นมาก็มีข่าวของเหยี่ยวรัตติกาลช่วยเหลือคนที่ถูกทำร้าย ถูกปล้น และถูกรังแก อย่างไม่ขาดสาย บางครั้งก็มีภาพประกอบ ซึ่งแน่นอนย่อมเป็นหนังสือพิมพ์อธิปไตยของราตรี โดยฝีมือของราตรีเท่านั้น จึงเป็นที่มาของเสียงลือว่าราตรีมีส่วนรู้เห็นกับคดีที่เกิดขึ้นโดยฝีมือของเหยี่ยวรัตติกาล ซึ่งราตรีก็ปฏิเสธและอ้างว่าตนเป็นนักข่าวที่ทำงานหนัก คอยเฝ้าคอยติดตามเรื่องนี้ ช่วยไม่ได้ที่นักข่าวคนอื่นๆ ไม่มีความสามารถพอที่จะได้ภาพเหยี่ยวรัตติกาล เพราะเหตุที่หนังสือพิมพ์อธิปไตยลงข่าวและรูปของเหยี่ยวรัตติกาลอยู่ตลอดเวลา ทำให้คนทั่วไป รวมทั้งชาวบ้านในต่างจังหวัดทุกหนทุกแห่ง เมื่อได้รับความเดือดร้อนหรือถูกรังแกจากผู้มีอิทธิพล ก็จะส่งจดหมายเข้ามาลงที่หนังสือพิมพ์อธิปไตย เพื่อหวังว่าจะส่งสารไปถึงเหยี่ยวรัตติกาลให้มาช่วยเหลือ หลังจากที่บทความขอความช่วยเหลือได้ลงหนังสือพิมพ์อธิปไตย ต่อมาก็มีข่าวว่าเหยี่ยวรัตติกาลปรากฏตัวปราบพวกเหล่าร้ายพวกนั้นจนราบคาบ สร้างความกลัวให้พวกคนร้าย และยิ่งทำให้คนส่งสารผ่านมาทางหนังสือพิมพ์อธิปไตยมากขึ้น
พิเชษฐ์กดดันให้ทางการปิดหนังสือพิมพ์อธิปไตย เพราะทำให้เกิดเรื่องวุ่นวายผู้คนแตกตื่น แต่ราตรีก็แก้ต่างจนหลุดคดีความจนได้ การตายของสมศักดิ์ทำให้พิเชษฐ์สั่งหน่วยงานของตนให้ระวังตัว ทำงานกันอย่างรอบคอบมากยิ่งขึ้น แต่สุดท้ายแล้วก็ถูกบุก หัวหน้าหน่วยถูกเก็บ เครือข่ายที่อยู่ต่างจังหวัดถูกทำลายด้วยฝีมือของเหยี่ยวรัตติกาล ทำให้พิเชษฐ์โกรธแค้นอย่างยิ่ง สั่งเพิ่มกำลังและป้องกันอย่างเต็มที่ ภายใต้หน้ากากนักธุรกิจตัวอย่าง เป็นบุคคลดีเด่นที่สังคมยอมรับ ไม่มีใครรู้ว่าพิเชษฐ์ซ่อนความชั่วร้ายไว้มากมาย เซนต์และราตรีต่างก็สืบสวนหาทางเปิดโปงนายสรสินให้สังคมได้รู้หน้ากากที่แท้จริง โดยมีผู้ช่วยของเซนต์ชื่อ ก้องเกียรติ (หลุยส์ เฮสดาร์ซัน) และผู้ช่วยของราตรีชื่อ อีท (ปาณิชดา แสงสุวรรณ) คอยช่วยเหลือการกระชากหน้ากากของพิเชษฐ์และกระบวนการ แต่สังคมส่วนใหญ่ถูกปิดหูปิดตาด้วยเงินที่นายพิเชษฐ์หว่านลงไปอย่างไม่อั้น โดยเป็นเงินจากการรีดไถผูกขาดค้ากำไรเอาเปรียบคนอื่นแทบทั้งสิ้น
แม้ว่าเหยี่ยวรัตติกาลจะปราบปรามทำลายหน่วยงานต่างๆ ของพิเชษฐ์ลงไปมากมาย แต่ก็ไม่สามารถหยุดยั้งเครือข่ายของพิเชษฐ์ได้ จริงอยู่ที่เหยี่ยวรัตติกาลสามารถจบชีวิตของนายพิเชษฐ์ได้ แต่ก็เชื่อว่าต้องมีตัวแทนมาสานต่อขบวนการชั่วของเขา มีทางเดียวคือต้องเปิดโปงให้สังคมได้รู้ความจริงเท่านั้น เมื่อสังคมรู้ความจริง พิเชษฐ์หมดสภาพ ขบวนการของพิเชษฐ์ต้องพังพินาศลงอย่างแน่นอน เซนต์และราตรีได้ใช้เวลาร่วมกันหาความจริงจนสนิทสนมมีใจต่อกัน และต้องเผชิญกับอันตรายร่วมกันหลายครั้งจากพวกมือปืนของพิเชษฐ์ ทำให้ยิ่งมีความรู้สึกลึกซึ้งต่อกันมากขึ้น ปัญหาก็คือเหยี่ยวรัตติกาล แม้ว่าเหยี่ยวรัตติกาลจะได้เผชิญหน้ากับเซนต์ และช่วยเหลือเซนต์ให้รอดพ้นจากมือปืนของพิเชษฐ์หลายครั้ง จนเซนต์เองก็ชื่นชมเหยี่ยวรัตติกาลไม่น้อย แต่ก็ไม่สามารถจะหยุดยั้งผู้บังคับบัญชา หรือหน่วยงานอื่นที่จ้องจะจับเหยี่ยวรัตติกาลให้เลิกตามล่าได้
พิเชษฐ์เองเมื่อได้รับความเดือดร้อนจากเหยี่ยวรัตติกาล รวมทั้งข่าวลือที่ว่าเหยี่ยวรัตติกาลมีพลังที่ลึกลับ ถึงกับส่งคนไปตามหาคนที่มีความรู้เรื่องเหยี่ยวมาจากทิเบต เพื่อมาปราบเหยี่ยวรัตติกาล ซึ่งได้พบอาจารย์ผู้มีวิชาหลายอย่าง ทั้งสะกดจิต บังคับจิตคนให้เห็นในสิ่งต่างๆ นานา จนกลายเป็นคนบ้าคลั่งขาดสติได้ จึงให้อาจารย์ผู้นี้ใช้วิชากำจัดศัตรูของตนด้วยไปในตัว เหยี่ยวรัตติกาลออกตามเรื่องและได้มีการเผชิญหน้ากันหลายครั้งกับอาจารย์ผู้นี้ และมีการต่อสู้ผลัดกันรุกผลัดกันรับ ฝีมือสูสีกินกันไม่ลง อย่างไรก็ตามเวลาผ่านไป ด้วยการสืบสวนของเซนต์และราตรีก็พบหลักฐานการโยกย้ายเงินที่เกี่ยวข้องกับพิเชษฐ์ ซึ่งโยงใยถึงเครือข่ายต่างๆ ของพิเชษฐ์ รวมถึงหลักฐานการรับเงินจากต่างประเทศ จนกระทั่งพิเชษฐ์ถูกเปิดโปง จึงให้อาจารย์ใช้วิชากำจัดผู้ที่เกี่ยวข้องเพื่อปกปิดความลับของตน แต่ครั้งนี้เหยี่ยวรัตติกาลตามประกบติด จนในที่สุดก็ซ้อนแผนสามารถกำจัดอาจารย์ผู้นี้ได้ ในที่สุดพิเชษฐ์ก็ได้รับโทษ ถูกศาลตัดสินจำคุกตลอดชีวิต
เซนต์ กับราตรีเปิดโปงเส้นทางการเงินที่มาจากต่างประเทศ และผู้ที่อยู่เบื้องหลังจนเส้นทางการเงินพิเชษฐ์ถูกปิด เครือข่ายล่มสลายทั่วประเทศ เมื่อบ้านเมืองกลับมาสงบ เหยี่ยวรัตติกาลคงไม่ได้ออกมาปรากฏตัวอีกนาน หลังงานสำเร็จสามารถจัดการกับคนที่โกงกินบ้านเมืองได้ เซนต์กับราตรีต่างฉลองความสำเร็จร่วมกันรวมทั้งทีมงานคนอื่นๆ ที่ร่วมต่อสู้ฝ่าฟันกันมาด้วยกัน ทั้งทีมตำรวจของเซนต์ ผู้ช่วยมือขวาของเซนต์คือก้องเกียรติ และทีมงานของราตรี รวมถึงอีทผู้ช่วยคนสวยของราตรี ที่ตกหลุมรักกับก้องเกียรติเรียบร้อยแล้ว เช่นเดียวกับความรักของเซนต์กับราตรีที่หวานชื่นและดำเนินต่อไป แต่มีอีกอย่างหนึ่งที่ยังคงคาใจของเซนต์และทุกคนก็คือ ใครกันที่เป็นเหยี่ยวรัตติกาล
ตอนกลับมาถึงบ้านรัตนายิ่งแปลกใจ เมื่อเห็นที่คอของราตรีมีสร้อยเหรียญรูปเหยี่ยวห้อยอยู่ ศักดิ์สิทธิ์ดูจึงรู้ว่าน่าจะเป็นของชายชาวทิเบตที่วัด เพราะชาวทิเบตนับถือเหยี่ยวกันมาก รัตนาบอกให้เอาไปคืน แต่ศักดิ์สิทธิ์กลับว่าลุงคนนั้นน่าจะแอบให้ เพราะรู้ว่าถ้าให้กับพ่อแม่คงไม่ยอมรับเพราะเป็นเหรียญที่มีค่า และดูท่าราตรีจะชอบสร้อยอันนี้ด้วย หากกลับเอาไปคืนวันนี้ลุงคงจะเสียใจ ค่อยหาโอกาสเอาไปคืนในวันหลังจะดีกว่า ยามค่ำคืนในห้องนอนของราตรี เหรียญรูปเหยี่ยวที่คอของเด็กน้อยก็เรืองแสงขึ้นมา แล้วเหรียญนั้นก็ค่อยๆ หายเข้าไปในร่างของราตรี ในขณะที่ราตรีหลับใหลอย่างไม่รู้สึกตัว รุ่งเช้าศักดิ์สิทธิ์พบว่าสร้อยนั้นไม่ได้อยู่ที่คอราตรีแล้ว แต่ก็ไม่ได้ติดใจสงสัยอะไร เพราะคิดว่าราตรีคงซุกซนทำตกหายไป จนกระทั่งทุกคนลืมเรื่องราวของเหรียญรูปเหยี่ยวนั้นไป
15 ปีผ่านไป ราตรีจบการศึกษาสาขานิติศาสตร์ แล้วได้ทุนไปเรียนต่อกฎหมายระหว่างประเทศที่อเมริกา จนกระทั่งจบปริญญาโทจึงเดินทางกลับมาเมืองไทย ขณะที่ศักดิ์สิทธิ์ผู้เป็นพ่อได้เป็นรองอธิบดีกรมตำรวจ ราตรีกลับมาทำงานเป็นทนายอิสระช่วยว่าความช่วยเหลือคนจน ราตรีมีเพื่อนเก่าชื่อ นุชนาถ (กัญญกร พินิจ) เป็นเจ้าของหนังสือพิมพ์ฉบับเล็กๆ ฉบับหนึ่งชื่อ อธิปไตย หนังสือพิมพ์ถูกฟ้องร้องจาก นายสมศักดิ์ ตระกูลวงศาเจริญยิ่ง นักธุรกิจใจสกปรกคนหนึ่ง ซึ่งนุชนาถลงข่าวว่ามีส่วนพัวพันกับธุรกิจผิดกฎหมายและหลบเลี่ยงภาษี รวมทั้งกว้านซื้อที่นาจากคนทำนาให้กับบริษัทต่างชาติที่หนุนหลังอยู่ นุชนาถได้ติดต่อมาให้ราตรีช่วยว่าความให้ ด้วยความฉลาดของราตรีทำให้นุชนาถหลุดจากคดี เป็นเหตุให้สมศักดิ์โกรธแค้นมาก
นุชนาถพาราตรีไปเลี้ยงฉลองความสำเร็จ ระหว่างที่นุชนาถขับรถมาส่งราตรีก็ถูกรถตู้ปาดหน้า มีมือปืน 4-5 คนออกมาจากรถ ยิงสาดด้วยปืนกล นุชนาถถูกกระสุนจนทรุด ยามคับขันราตรีเข้าไปบังร่างของนุชนาถไว้จนกระสุนถูกร่างของราตรีทั้งตัว ทันใดนั้นก็มีแสงจ้าสาดออกมาจากร่างของราตรี พวกมือปืนต่างตกใจ แสงสว่างจ้าจนมองอะไรไม่เห็น พร้อมกับมีเสียงเหมือนเหยี่ยวร้องและมีเงาดำปรากฏ พวกมือปืนสาดกระสุนปืนเข้าใส่เสียงดังสนั่นหวั่นไหว แต่แล้วเงาดำก็วูบเข้ามา กลายเป็นเสียงพวกมือปืนร้องโหยหวนแทน ก่อนที่ทุกอย่างจะมืดสนิท ผู้กองเซนต์ (ธาวิน เยาวพลกุล) เข้ามาตรวจสอบในที่เกิดเหตุ เป็นอันต้องแปลกใจเมื่อเจ้าหน้าที่รายงานว่าพบศพของคนร้าย 5 ศพ แต่ละศพมีแผลเหวอะหวะที่คอหอยเหมือนถูกกรงเล็บของสัตว์ปีก กำลังส่งไปให้ผู้เชี่ยวชาญพิสูจน์ว่าเป็นกรงเล็บของสัตว์ชนิดใด
ขณะที่นุชนาถอยู่ในห้องพักฟื้นของโรงพยาบาล มีอาการบาดเจ็บจากกระสุนสองสามแห่งแต่ปลอดภัยแล้ว ราตรีนั่งเฝ้าอยู่ข้างๆ ครู่หนึ่งนุชนาถก็รู้สึกตัว นุชนาถบอกว่าเห็นทีจะต้องปิดหนังสือพิมพ์เพื่อความปลอดภัยของตัวเองและครอบครัว ราตรีบอกว่าขอให้เปิดต่อไป โดยที่จะขอรับผิดชอบทั้งหมดเอง เพราะต้องการต่อสู้กับพวกที่มีอิทธิพล ในที่สุดนุชนาถก็ตกลง ผู้กองเซนต์มาดักรอราตรีที่โรงพยาบาลเพื่อสอบปากคำว่าราตรีรอดมาได้อย่างไร และเห็นอะไรบ้าง ราตรีบอกว่าจำอะไรไม่ได้ คงเป็นเพราะโชคและสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองมากกว่า สุดท้ายเซนต์อาสาไปส่งราตรี ระหว่างทางเซนต์ถามถึงนุชนาถว่าเป็นอย่างไรบ้าง ราตรีเล่าว่านุชนาถกลัวมากจนจะปิดหนังสือพิมพ์ แต่ราตรีขอสานต่องานทั้งหมด เซนต์เตือนราตรีให้ระวังตัว พร้อมให้นามบัตรราตรีไว้ และบอกว่าเขาเองก็ไม่ชอบคนที่โกงกินบ้านเมือง และพยายามที่จะกำจัดพวกมาเฟียเช่นกัน หากมีอะไรก็ขอให้ราตรีโทรหาตน ราตรีกล่าวขอบคุณและหวังว่าชายหนุ่มจะเป็นตำรวจที่ดีอย่างที่คุยไว้
เมื่อราตรีถึงคอนโดก็สำรวจร่างกายตนเองเพราะแปลกใจเหมือนกันที่รอดมาได้ พอดีได้รับโทรศัพท์จากพ่อ ศักดิ์สิทธิ์ถามถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นด้วยความเป็นห่วง และบอกให้ราตรีไปหาโดยเร็วที่สุด ราตรีรับปากว่าจะไปหาแต่เช้า รุ่งเช้าราตรีไปหาพ่อแม่ที่บ้าน หลังจากนั้นพ่อก็พาราตรีขึ้นไปห้องพระ และถามถึงเรื่องเหยี่ยวที่เป็นข่าว ราตรีบอกว่าจำเหตุการณ์อะไรไม่ได้เลย ในที่สุดพ่อก็เล่าเรื่องเหรียญเหยี่ยวที่ราตรีได้รับเมื่อตอนเด็กๆ ศักดิ์สิทธิ์สันนิษฐานว่าเหยี่ยวศักดิ์สิทธิ์มาช่วยราตรี และพาราตรีไปหาหลวงพ่อเจ้าอาวาสที่วัดหัวหิน เมื่อหลวงพ่อได้พบกับราตรีก็ทักทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น โดยที่ศักดิ์สิทธิ์ยังไม่ทันได้เล่าเรื่องเหรียญเหยี่ยว หลวงพ่อยังบอกอีกว่าราตรีได้รับพลังของเหยี่ยวศักดิ์สิทธิ์ เมื่อใดที่ระลึกถึงพลังของเหยี่ยวก็จะทำให้ร่างกายของราตรีมีพลัง สามารถทนทานต่ออาวุธทุกชนิด มีชั้นเชิงในการล่าหรือต่อสู้กับศัตรู และมีประสาทสัมผัสเยี่ยงเหยี่ยว มีสัญชาติในการได้ยินได้เห็นเยี่ยงเหยี่ยว และที่สำคัญถ้าราตรีเชื่อมั่น ก็สามารถบินได้เหมือนเหยี่ยว เสมือนราตรีเป็นเหยี่ยวศักดิ์สิทธิ์ตามตำนานของชาวทิเบตที่มีมาช้านาน
ศักดิ์สิทธิ์ให้ราตรีตั้งสมาธินำพลังของเหยี่ยวมาใช้เพื่อป้องกันตัว และปราบพวกอธรรมอย่างที่ราตรีตั้งใจไว้ ราตรีรับปากว่าจะลองทำทุกอย่างเพื่อให้อภินิหารเกิดขึ้นจริงอย่างที่ท่านอาจารย์กล่าว ราตรีจัดแถลงข่าวที่นุชนาถถอนตัวจากหนังสือพิมพ์และตนจะรับหน้าที่แทน ทั้งนี้เพื่อให้คนร้ายเลิกยุ่งกับนุชนาถ และที่สำคัญเพื่อให้นุชนาถและครอบครัวปลอดภัย ข่าวที่นุชนาถถอนตัวจากหนังสือพิมพ์ทำให้สมศักดิ์สะใจที่จัดการกับนุชนาถได้ และคิดว่าบรรณาธิการคนใหม่คงจะได้รับบทเรียนแล้ว คงไม่กล้ายุ่งกับตนอีก สมศักดิ์ถูกเรียกตัวไปประชุมกับนักธุรกิจอีก 10 คน โดยมี พิเชษฐ์ (สวิช เพชรวิเศษศิริ) นักธุรกิจที่มีหน้ามีตาในสังคมเป็นหัวหน้าใหญ่ พิเชษฐ์บรรยายแผนให้ทุกคนขยายเครือข่ายไปทุกจังหวัด แทรกแซงเข้าหน่วยราชการ และส่งคนเข้าพรรคการเมือง เป้าหมายคือควบคุมการดำเนินการทางธุรกิจทุกอย่างของประเทศ พิเชษฐ์ตำหนิว่าสมศักดิ์ทำงานโดยพละการ ทำให้กลายเป็นเป้าหมาย เป็นข่าวใหญ่ที่สังคมจับตามอง ซึ่งจะทำให้เป็นภัยต่อองค์กร และเตือนให้ทุกคนอย่าเอาเยี่ยงอย่างสมศักดิ์ สมศักดิ์ยืนยันว่าตนสามารถควบคุมทุกอย่างให้อยู่ในกำมือได้แน่นอน
หลังจากราตรีเข้าคุมการทำงานของหนังสือพิมพ์ สองวันต่อมาราตรีก็ลงข่าวการถูกยิงของนุชนาถ ซึ่งมีรายชื่อสมศักดิ์เกี่ยวข้องอยู่ด้วย ทำให้สมศักดิ์โกรธมากที่ตกเป็นเป้าของสังคมและทางการ จึงคิดกำจัดราตรี เซนต์สนใจราตรีตั้งแต่แรกเพราะความสวยของราตรี จึงหาเรื่องมาที่สำนักพิมพ์บ่อยๆ อ้างเรื่องการสอบสวนเพิ่มเติม และมาเตือนว่านายสมศักดิ์อาจหาทางเล่นงานราตรีแบบที่เล่นงานนุชนาถมาแล้ว ราตรีรับฟังและขอบคุณที่เซนต์มีน้ำใจ เช้าวันหนึ่งราตรีตื่นแต่เช้าแล้วขับรถมุ่งหน้าไปบ้านพักในต่างจังหวัด ซึ่งเป็นบ้านที่ศักดิ์สิทธิ์สร้างไว้เพื่อพักผ่อน อยู่ลึกเข้าไปจากถนน ห่างไกลผู้คน ราตรีไปถึงแล้วเริ่มนั่งสมาธิเรียกพลังเหยี่ยวอย่างที่พ่อลองบอก เมื่อสมาธิเข้าที่ ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงรอบตัวสารพัด สายตาเหมือนมองเห็นทุกอย่างที่คิดอยากจะเห็น ราตรีลองนึกถึงสมศักดิ์ดู ก็เห็นภาพสมศักดิ์กำลังสั่งมือปืนให้กำจัดตน ราตรีเกิดโมโห ร่างของราตรีค่อยๆ ลอยขึ้นมาจากพื้นโดยไม่รู้ตัว พอลืมตาขึ้นก็เห็นตัวเองลอยอยู่กลางอากาศ ราตรีจึงลองจินตนาการว่าสามารถบินได้ ปรากฏว่าร่างของราตรีลอยพุ่งออกทางหน้าต่างไปอยู่เหนือหลังคาบ้าน ราตรีทดลองร่อนไปมาดูก็ทำได้ดังใจ
วันหนึ่งสมศักดิ์ได้รับจดหมายว่าตนมีความผิดฐานสั่งการให้สังหารชีวิตของคู่แข่ง และผู้ที่เป็นอริกับตนหลายครั้งหลายหน ต้องได้รับกรรมที่ก่อไว้ด้วยชีวิต ลงชื่อ เหยี่ยวรัตติกาล (อคัมย์สิริ สุวรรณศุข) สมศักดิ์โกรธและจัดงานแถลงข่าวทันที โดยเอาจดหมายให้นักข่าวดู พร้อมท้าทายว่าพร้อมที่จะลุยกับเหยี่ยวรัตติกาลได้ทุกเวลา คืนหนึ่งสมศักดิ์ออกจากงานเลี้ยงและแวะไปที่ตึกทำงานของตน แต่พอจอดรถหน้าตึกก็เห็นเงาร่อนอยู่เหนือตึก พวกมือปืนต่างรีบพาสมศักดิ์เข้าไปในตึก แต่พอขึ้นไปถึงที่ทำงานก็ต้องตกใจเมื่อพบกับร่างหญิงสาวในชุดหนัง ใบหน้ามีหน้ากากอำพราง เห็นแต่นัยน์ตาที่คมกริบดุจพญาเหยี่ยว พวกมือปืนต่างสาดกระสุนเข้าใส่ แต่ร่างในชุดหนังพุ่งออกหน้าต่างหายไป พวกมือปืนรีบพาเจ้านายหนี แต่แล้วร่างในชุดหนังก็พุ่งกลับเข้ามาทางกระจก สาดกระสุนเข้าใส่พวกมือปืน ต่อสู้ด้วยชั้นเชิงที่คล่องแคล่วว่องไว จนเหลือแต่สมศักดิ์คนเดียว หญิงในชุดลึกลับกล่าวคำอำลาแล้วจบชีวิตของสมศักดิ์ลงในที่สุด
รุ่งขึ้นภาพของหญิงชุดดำใส่หน้ากากลอยจากยอดตึกลงสู่พื้นปรากฏอยู่บนหน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์อธิปไตย จับภาพได้โดยเหยี่ยวข่าวสาวคนล่าสุดของเมืองไทยอย่างราตรี ภายในมีข่าวสมศักดิ์เสียชีวิตในสำนักงานและพบนามบัตรของเหยี่ยวรัตติกาลอยู่บนศพของสมศักดิ์ มีข้อความว่า จุดจบของผู้ที่คิดร้ายต่อแผ่นดิน กองทัพนักข่าวต่างปรากฏตัวที่สำนักงานหนังสือพิมพ์อธิปไตยเพื่อรอสัมภาษณ์ราตรี ราตรีให้สัมภาษณ์ว่าตนได้ติดตามพฤติกรรมของนายสมศักดิ์อยู่ แล้วก็ได้เห็นเหยี่ยวรัตติกาลปรากฏตัว จึงมีโอกาสได้เก็บภาพไว้ โดยไม่รู้รายละเอียดอะไรอีกเลย เซนต์มาหาราตรี ชวนไปนั่งทานกาแฟ ชายหนุ่มขอสอบถามเรื่องเหยี่ยวรัตติกาล ราตรีปฏิเสธและกล่าวเป็นเชิงชื่นชมว่าดีใจที่มีเหยี่ยวรัตติกาลออกมากวาดล้างผู้มีอิทธิพล เซนต์ยิ้มออกปากว่าเห็นด้วย จนใจที่ตัวเองเป็นกฎหมาย จึงได้รับคำสั่งให้สืบสวนและตามจับตัวเหยี่ยวรัตติกาลมาให้ได้
หลังจากนั้นเป็นต้นมาก็มีข่าวของเหยี่ยวรัตติกาลช่วยเหลือคนที่ถูกทำร้าย ถูกปล้น และถูกรังแก อย่างไม่ขาดสาย บางครั้งก็มีภาพประกอบ ซึ่งแน่นอนย่อมเป็นหนังสือพิมพ์อธิปไตยของราตรี โดยฝีมือของราตรีเท่านั้น จึงเป็นที่มาของเสียงลือว่าราตรีมีส่วนรู้เห็นกับคดีที่เกิดขึ้นโดยฝีมือของเหยี่ยวรัตติกาล ซึ่งราตรีก็ปฏิเสธและอ้างว่าตนเป็นนักข่าวที่ทำงานหนัก คอยเฝ้าคอยติดตามเรื่องนี้ ช่วยไม่ได้ที่นักข่าวคนอื่นๆ ไม่มีความสามารถพอที่จะได้ภาพเหยี่ยวรัตติกาล เพราะเหตุที่หนังสือพิมพ์อธิปไตยลงข่าวและรูปของเหยี่ยวรัตติกาลอยู่ตลอดเวลา ทำให้คนทั่วไป รวมทั้งชาวบ้านในต่างจังหวัดทุกหนทุกแห่ง เมื่อได้รับความเดือดร้อนหรือถูกรังแกจากผู้มีอิทธิพล ก็จะส่งจดหมายเข้ามาลงที่หนังสือพิมพ์อธิปไตย เพื่อหวังว่าจะส่งสารไปถึงเหยี่ยวรัตติกาลให้มาช่วยเหลือ หลังจากที่บทความขอความช่วยเหลือได้ลงหนังสือพิมพ์อธิปไตย ต่อมาก็มีข่าวว่าเหยี่ยวรัตติกาลปรากฏตัวปราบพวกเหล่าร้ายพวกนั้นจนราบคาบ สร้างความกลัวให้พวกคนร้าย และยิ่งทำให้คนส่งสารผ่านมาทางหนังสือพิมพ์อธิปไตยมากขึ้น
พิเชษฐ์กดดันให้ทางการปิดหนังสือพิมพ์อธิปไตย เพราะทำให้เกิดเรื่องวุ่นวายผู้คนแตกตื่น แต่ราตรีก็แก้ต่างจนหลุดคดีความจนได้ การตายของสมศักดิ์ทำให้พิเชษฐ์สั่งหน่วยงานของตนให้ระวังตัว ทำงานกันอย่างรอบคอบมากยิ่งขึ้น แต่สุดท้ายแล้วก็ถูกบุก หัวหน้าหน่วยถูกเก็บ เครือข่ายที่อยู่ต่างจังหวัดถูกทำลายด้วยฝีมือของเหยี่ยวรัตติกาล ทำให้พิเชษฐ์โกรธแค้นอย่างยิ่ง สั่งเพิ่มกำลังและป้องกันอย่างเต็มที่ ภายใต้หน้ากากนักธุรกิจตัวอย่าง เป็นบุคคลดีเด่นที่สังคมยอมรับ ไม่มีใครรู้ว่าพิเชษฐ์ซ่อนความชั่วร้ายไว้มากมาย เซนต์และราตรีต่างก็สืบสวนหาทางเปิดโปงนายสรสินให้สังคมได้รู้หน้ากากที่แท้จริง โดยมีผู้ช่วยของเซนต์ชื่อ ก้องเกียรติ (หลุยส์ เฮสดาร์ซัน) และผู้ช่วยของราตรีชื่อ อีท (ปาณิชดา แสงสุวรรณ) คอยช่วยเหลือการกระชากหน้ากากของพิเชษฐ์และกระบวนการ แต่สังคมส่วนใหญ่ถูกปิดหูปิดตาด้วยเงินที่นายพิเชษฐ์หว่านลงไปอย่างไม่อั้น โดยเป็นเงินจากการรีดไถผูกขาดค้ากำไรเอาเปรียบคนอื่นแทบทั้งสิ้น
แม้ว่าเหยี่ยวรัตติกาลจะปราบปรามทำลายหน่วยงานต่างๆ ของพิเชษฐ์ลงไปมากมาย แต่ก็ไม่สามารถหยุดยั้งเครือข่ายของพิเชษฐ์ได้ จริงอยู่ที่เหยี่ยวรัตติกาลสามารถจบชีวิตของนายพิเชษฐ์ได้ แต่ก็เชื่อว่าต้องมีตัวแทนมาสานต่อขบวนการชั่วของเขา มีทางเดียวคือต้องเปิดโปงให้สังคมได้รู้ความจริงเท่านั้น เมื่อสังคมรู้ความจริง พิเชษฐ์หมดสภาพ ขบวนการของพิเชษฐ์ต้องพังพินาศลงอย่างแน่นอน เซนต์และราตรีได้ใช้เวลาร่วมกันหาความจริงจนสนิทสนมมีใจต่อกัน และต้องเผชิญกับอันตรายร่วมกันหลายครั้งจากพวกมือปืนของพิเชษฐ์ ทำให้ยิ่งมีความรู้สึกลึกซึ้งต่อกันมากขึ้น ปัญหาก็คือเหยี่ยวรัตติกาล แม้ว่าเหยี่ยวรัตติกาลจะได้เผชิญหน้ากับเซนต์ และช่วยเหลือเซนต์ให้รอดพ้นจากมือปืนของพิเชษฐ์หลายครั้ง จนเซนต์เองก็ชื่นชมเหยี่ยวรัตติกาลไม่น้อย แต่ก็ไม่สามารถจะหยุดยั้งผู้บังคับบัญชา หรือหน่วยงานอื่นที่จ้องจะจับเหยี่ยวรัตติกาลให้เลิกตามล่าได้
พิเชษฐ์เองเมื่อได้รับความเดือดร้อนจากเหยี่ยวรัตติกาล รวมทั้งข่าวลือที่ว่าเหยี่ยวรัตติกาลมีพลังที่ลึกลับ ถึงกับส่งคนไปตามหาคนที่มีความรู้เรื่องเหยี่ยวมาจากทิเบต เพื่อมาปราบเหยี่ยวรัตติกาล ซึ่งได้พบอาจารย์ผู้มีวิชาหลายอย่าง ทั้งสะกดจิต บังคับจิตคนให้เห็นในสิ่งต่างๆ นานา จนกลายเป็นคนบ้าคลั่งขาดสติได้ จึงให้อาจารย์ผู้นี้ใช้วิชากำจัดศัตรูของตนด้วยไปในตัว เหยี่ยวรัตติกาลออกตามเรื่องและได้มีการเผชิญหน้ากันหลายครั้งกับอาจารย์ผู้นี้ และมีการต่อสู้ผลัดกันรุกผลัดกันรับ ฝีมือสูสีกินกันไม่ลง อย่างไรก็ตามเวลาผ่านไป ด้วยการสืบสวนของเซนต์และราตรีก็พบหลักฐานการโยกย้ายเงินที่เกี่ยวข้องกับพิเชษฐ์ ซึ่งโยงใยถึงเครือข่ายต่างๆ ของพิเชษฐ์ รวมถึงหลักฐานการรับเงินจากต่างประเทศ จนกระทั่งพิเชษฐ์ถูกเปิดโปง จึงให้อาจารย์ใช้วิชากำจัดผู้ที่เกี่ยวข้องเพื่อปกปิดความลับของตน แต่ครั้งนี้เหยี่ยวรัตติกาลตามประกบติด จนในที่สุดก็ซ้อนแผนสามารถกำจัดอาจารย์ผู้นี้ได้ ในที่สุดพิเชษฐ์ก็ได้รับโทษ ถูกศาลตัดสินจำคุกตลอดชีวิต
เซนต์ กับราตรีเปิดโปงเส้นทางการเงินที่มาจากต่างประเทศ และผู้ที่อยู่เบื้องหลังจนเส้นทางการเงินพิเชษฐ์ถูกปิด เครือข่ายล่มสลายทั่วประเทศ เมื่อบ้านเมืองกลับมาสงบ เหยี่ยวรัตติกาลคงไม่ได้ออกมาปรากฏตัวอีกนาน หลังงานสำเร็จสามารถจัดการกับคนที่โกงกินบ้านเมืองได้ เซนต์กับราตรีต่างฉลองความสำเร็จร่วมกันรวมทั้งทีมงานคนอื่นๆ ที่ร่วมต่อสู้ฝ่าฟันกันมาด้วยกัน ทั้งทีมตำรวจของเซนต์ ผู้ช่วยมือขวาของเซนต์คือก้องเกียรติ และทีมงานของราตรี รวมถึงอีทผู้ช่วยคนสวยของราตรี ที่ตกหลุมรักกับก้องเกียรติเรียบร้อยแล้ว เช่นเดียวกับความรักของเซนต์กับราตรีที่หวานชื่นและดำเนินต่อไป แต่มีอีกอย่างหนึ่งที่ยังคงคาใจของเซนต์และทุกคนก็คือ ใครกันที่เป็นเหยี่ยวรัตติกาล