ละคร ส้มตำแฮมเบอร์เกอร์

ณ ชั้น 10 ของบริษัทที่ปรึกษาทางการเงินการคลังชื่อดังใจกลางนครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา สตีฟ เบรนดอน (คาเมรอน แนนซ์ซี) หนุ่มใหญ่วัยสามสิบต้นๆ ถูกเจ้านายเรียกมาพบพร้อมออกคำสั่งให้ลาพักร้อนไปแบบไม่มีกำหนด เพราะสตีฟทำงานด้านการเงินผิดพลาด สตีฟรู้สึกเหมือนโลกถล่ม เพราะตลอดเวลาเกือบ 10 ปีที่ผ่านมา ชีวิตเขามีแต่งานๆๆ และงาน อาหารประจำวันของเขามีแค่กาแฟและเบอร์เกอร์เท่านั้น เหตุผลเพราะมันเป็นอาหารที่ทานง่ายไม่ต้องมีพิธีรีตรองและไม่เสียเวลางาน ถึงตอนนี้ถ้าต้องพักงานยาวแบบนี้เขาควรจะเริ่มต้นทำอะไรก่อนดี รู้ตัวอีกทีสตีฟก็พาตัวเองมานั่งกินแฮมเบอร์เกอร์อยู่บนชายหาดเงียบๆ บนเกาะสมุย ประเทศไทยซะแล้ว

สตีฟไม่รู้ว่าทำไมเขาต้องมาอยู่ที่นี่ มันไม่เคยอยู่ในแผนชีวิตของเขาเลย แต่เพราะเขาคิดอะไรไม่ออกจึงหลับตาจิ้มลงบนแผนที่ และมันก็ออกมาเป็นเกาะชื่อแปลกๆ แห่งนี้ สตีฟนั่งๆ นอนๆ อยู่หลายวันจนเขาเกือบจะตัดสินใจกลับนิวยอร์ก แต่จู่ๆ เสียงแจ๋วๆ ของหญิงสาวไทยคนหนึ่งลอยมาเข้าหูว่า "ส้มตำจ้า ส้มตำ" สตีฟหันมองตามเสียงแม่ค้าตัวเล็กที่แต่งตัวปิดตั้งแต่ศรีษะจรดปลายเท้า หาบแผงส้มตำมาหยุดตรงหน้าเขา แล้วแกล้งตำส้มตำรสเด็ดเผ็ดสุดขั้วให้เขากิน ความเผ็ดจนควันแทบออกปากของส้มตำจานนั้นทำให้สตีฟต้องจดจำแม่ค้าส้มตำคนนี้ไปอีกนาน และนั่นคือที่มาที่ทำให้สตีฟได้รู้จักกับ ส้ม (อภิญญา สกุลเจริญสุข) แม่ค้าส้มตำจอมแสบ ที่แท้จริงแล้วส้มเป็นนักศึกษาที่กำลังเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่งของจังหวัดเชียงราย แต่เดินทางมาที่เกาะสมุยเพื่อช่วยป้าทำงาน และหางานอดิเรกทำด้วยการเป็นแม่ค้าส้มตำในยามปิดเทอมเท่านั้น แต่ทำไปทำมาเธอกลับพบว่าอาชีพนี้ยังมีอะไรชวนให้เธอหลงใหลมากกว่าสิ่งที่ได้เรียนจากอาจารย์ที่มหาวิทยาลัยเสียอีก พอใกล้ปิดเทอมเธอก็เดินทางกลับเชียงราย แต่ครั้งนี้เธอไม่ได้กลับเชียงรายคนเดียว สตีฟเพื่อนใหม่ของเธอขอตามมาด้วย

วันหนึ่งส้มพาสตีฟขึ้นไปท่องเที่ยวบนยอดเขา โดยเธอเป็นคนขับรถ แต่แล้วโชคไม่ดีเกิดฝนตกหนัก รถจึงลื่นออกนอกเส้นทางและอัดกระแทกอย่างแรงกับต้นไม้ใหญ่ข้างทาง ทำให้ส้มเสียชีวิตทันทีในที่เกิดเหตุ สตีฟเสียใจอย่างสุดซึ้งจนแทบบ้า เขาโทษตัวเองว่าเป็นสาเหตุของโศกนาฏกรรมคราวนี้ ในงานสวดศพ น้าไหม (วาสนา สิทธิเวช) ญาติของส้มแนะนำว่า ถ้าอยากให้ดวงวิญญาณของส้มได้บุญ สตีฟควรจะบวชให้เธอ สตีฟตัดสินใจขอบวชเป็นพระทันที เพราะเขาไม่อยากมีชีวิตอยู่ด้วยความรู้สึกผิดอีกต่อไป แต่เพราะเหตุที่เขาเป็นฝรั่ง พระที่บ้านของส้มจึงไม่อาจรับบวชให้เขาได้ น้าไหมจึงแนะนำให้ไปบวชที่วัดป่าแถวๆ บ้านน้าไหม เพราะเจ้าอาวาสของวัดป่าที่นั่นท่านเป็นอดีตนักเรียนนอกมีการศึกษาดีเยี่ยมจากต่างประเทศพูดได้หลายภาษา และที่วัดป่าแห่งนี้เอง วัดป่าภาวนาราม สตีฟได้ค้นพบทางสว่างของชีวิตจากธรรมะ ซึ่งเขาได้เรียนจาก พระอาจารย์ (นพดล ดวงพร) เจ้าอาวาสวัยกลางคน ซึ่งมีวิธีในการสอนธรรมะอย่างมีชีวิตชีวา สตีฟในโลกของธรรมะได้รับฉายาว่า ทันตจิตโต แปลว่า ผู้ฝึกจิตดีแล้ว ท่านเจ้าอาวาสสอนทันตจิตโตภิกโขให้เรียนรู้การนั่งสมาธิ การเดินจงกรม การบิณฑบาต การสวดมนต์ การแผ่เมตตา การเดินธุดงค์ในป่าลึก การนอนในป่าช้า การเผชิญกับสัตว์ร้ายในป่าลึกด้วยเมตตาภาวนา แต่ละประสบการณ์ทำให้พระสตีฟลืมไปเลยว่า เขามาเมืองไทยเพื่อพักร้อนชั่วคราว ยิ่งนานวันพระสตีฟยิ่งดื่มด่ำลึกซึ้งในรสพระธรรมจนดูเหมือนว่า ท่านคงจะหันหลังให้กับทางโลกอย่างสิ้นเชิงเลยทีเดียว

น้าไหมถือโอกาสส่ง หมอก (ณัชชา จันทพันธ์) ลูกชายจอมเกเร ที่วันๆ เอาแต่ขลุกอยู่กับเพื่อนขาแว๊นมาดัดนิสัย โดยให้หมอกทำหน้าที่คอยดูแลพระสตีฟ หมอกไม่ถูกชะตากับพระสตีฟเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เพราะเขาโทษว่าสตีฟเป็นต้นเหตุให้ส้มซึ่งเป็นญาติผู้พี่ที่เขาแอบปลื้มต้องมาจบชีวิต ดังนั้นความสัมพันธ์ระหว่างพระสตีฟกับหมอกจึงเป็นไปด้วยความขลุกขลัก แต่ก็มีเหตุให้ต้องมาร่วมมือในการแก้ปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นในวัดให้ผ่านพ้นไปได้ทุกที นอกจากพระสตีฟแล้วอีกคนที่ทำให้หมอกหงุดหงิดใจได้ไม่น้อยเลยคือ นัทชา หรือ นาตาชา (สุวพิชญ์ ไตรพรวรกิจ) ชื่อที่เธออุปโลกมันขึ้นมาเอง นัทชาเรียนอยู่ปี 1 ในมหาวิทยาลัยเดียวกับส้ม และเธอก็มีส้มเป็นต้นแบบ เธอแอบอิจฉาที่ส้มสามารถออกไปหาประสบการณ์ชีวิตได้อย่างอิสระ ผิดกับเธอที่เป็นลูกสาวคนเดียว พ่อแม่จึงไม่ปล่อยเธอออกไปตามหาความฝันแน่ๆ นัทชามีความฝันจะไปเรียนต่อและใช้ชีวิตที่นิวยอร์ก เธอหลงใหลชีวิตที่มีอิสระแบบเด็กฝรั่ง และเมื่อรู้ว่ามีพระฝรั่งจากนิวยอร์กมาบวชที่วัดป่าภาวนาราม เธอจึงไม่รอช้าที่จะขอพ่อแม่ไปปฏิบัติธรรม และทำงานให้วัดในช่วงปิดเทอม แต่แท้จริงแล้วนัทชาอยากมาฝึกภาษาอังกฤษ และเรียนรู้วิถีของชาวนิวยอร์กเกอร์มากกว่า หมอกรู้สึกหมั่นไส้นัทชาอย่างบอกไม่ถูก ส่วนนัทชาไม่ชอบที่หมอกเป็นคนไม่รักเรียน ทำตัวลอยชายไปวันๆ ทั้งคู่เป็นเหมือนคู่กัดคู่ปรับกันมาแต่ชาติปางก่อน หนุ่มไทยลูกทุ่งกับสาวหัวนอกมีเรื่องให้ขบกัดกันไม่เว้นแต่ละวัน ขณะที่พระใหม่กำลังสำราญบานใจกับการเรียนธรรมะ และการมีความสุขที่ได้อยู่รับใช้ใกล้ชิดครูบาอาจารย์อยู่นั่นเอง

ท่านเจ้าอาวาสก็บอกว่าต้องไปรับกิจนิมนต์เดินทางไปเผยแผ่พระพุทธศาสนาในภาคพื้นยุโรปเป็นเวลาหกเดือน และขอให้พระสตีฟทำหน้าที่รักษาการเจ้าอาวาสแทนท่านในเบื้องต้น พระหนุ่มปฏิเสธหัวชนฝา เพราะรู้ว่าเพิ่งบวชมาไม่นานพูดภาษาไทยได้มากนัก และยังไม่รู้จักคนไทยและธรรมเนียมไทยดีพอ เกรงว่าจะทำหน้าที่ได้ไม่สมบูรณ์ แต่เมื่อพระอาจารย์บอกว่าไม่มีพระรูปอื่นที่จะสามารถทำหน้าที่นี้ได้ เพราะพระรูปอื่นแม้จะบวชมาก่อนแต่ก็ยังเด็กอยู่ในวัยเรียน ส่วนพระที่บวชมานานแม้จะมีอยู่รูปหนึ่งก็เป็นเพียง หลวงตาผิว (สะอาด เปี่ยมพงศ์สานต์) ที่หูตาฝ้าฟางไม่อาจฝากวัดให้บริหารได้ ทำได้แต่ฝากให้เลี้ยงหมาเลี้ยงแมวเท่านั้น จะเหลือก็แต่ เณรจิ๋ว (ศิริภูมินทร์ โรจนพันธ์ทอง) เณรน้อยลูกชาวเขาที่พ่อแม่เอามาฝากไว้ พระอาจารย์เห็นความฉลาดจับบวชเพื่อศึกษาธรรมะและเรียนหนังสือ เมื่อหลีกไม่ได้ในที่สุดท่านทันตจิตโตก็จำต้องรับหน้าที่รักษาการเจ้าอาวาสวัดป่าภาวนารามชั่วคราว พระใหม่จะรับมืออย่างไรไหวในเมื่อแต่ละวันมีเรื่องราวมาให้แก้ไม่จบไม่สิ้น ยิ่งอยู่ไปๆ รักษาการเจ้าอาวาสก็ชักไม่มั่นใจว่าเหล่าลูกศิษย์แต่ละคนกำลังช่วยแบ่งเบาหรือกลายเป็นตัวสร้างปัญหากันแน่ เพราะแต่ละคนล้วนมีท่าทีลีลาไม่เบาเลยสักคน ไม่ว่าจะเป็น กำนันเบิ้ม (ค่อม ชวนชื่น) ตาอุ่น (เทพ โพธิ์งาม) ป้าต้อย (เนาวรัตน์ ยุกตะนันท์) ป้าติ่ง (อาภาพร นครสวรรค์) เจ้ติ๋ม (เกริก ชิลเลอร์) อั๋น (สมจิตร จงจอหอ) แอ๋ว (กรกฎ พวงสวัสดิ์) เบื๊อก (โก๊ะตี๋ อารามบอย) ด๊วด (ณัฐวุฒิ ศรีหมอก) น้าสิงห์ (อุดม ชวนชื่น) อ๋อย (เฟี้ยวฟ้าว สุดสวิงริงโก้) จักรวาล (เดชบดินทร์ ฉายทองดี) กร (ต่อ เตชธุวานันท์) และชาวบ้านอีกมากมาย ที่หอบเอาปัญหามาให้พระสตีฟช่วยแก้ไม่เว้นแต่ละวัน กว่าสมภารตัวจริงจะกลับมาจากเมืองนอกก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเรื่องราวจะเลยเถิดไปถึงไหนต่อไหน จะลงท้ายด้วยดีหรือจะมีเหตุให้ต้องวุ่นวายจนต้องทุบป้ายวัดทิ้ง