ละคร รักแท้แซบหลาย
ดู 4,423 ครั้ง /
แชร์
ละครออกอากาศ | วันศุกร์ วันเสาร์ วันอาทิตย์ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
ช่องที่ออกอากาศ | ละครช่อง 7 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
เริ่มออกอากาศ | 1 มิถุนายน 2550 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
เวลาออกอากาศ | 20:30 - 22:00 น. |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
กำกับโดย | สำรวย รักชาติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
ประพันธ์โดย | โสภี พรรณราย | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
นำแสดงโดย | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
ภาพนิ่งจากละคร
เรื่องย่อ รักแท้แซบหลาย
ชมจันทร์ แม่ค้าขายปลาร้าอยู่ที่ตลาดบางสำลี โดยมี กลอย เด็กสาวกำพร้าซึ่งเธอรักเหมือนน้องแท้ๆ เป็นลูกมือช่วยเหลือ ชมจันทร์มีน้องสาวคนเดียวชื่อ เมทินี ทั้งสองกำพร้าพ่อแม่ ชมจันทร์ทำงานส่งเสียน้องสาวด้วยสมบัติของตระกูล คือ สูตรทำปลาร้าของพ่อแม่ จนสามารถส่งเมทินีไปเรียนต่อที่อเมริกาได้ แต่วันหนึ่งชมจันทร์ก็ต้องปวดหัวเมื่อเมทินีได้โทรทางไกลมาบอกว่าจะเดินทางกลับพร้อมกับ นคร ชายคนรัก และโภคิน อาของนคร และเมทินีได้โกหกครอบครัวของนครว่า ชมจันทร์เป็นนักธุรกิจทำการค้าผ้าไหมส่งนอก เพราะกลัวครอบครัวของนครจะรังเกียจถ้ารู้ว่าพี่สาวขายปลาร้า เมทินีต้องการให้ชมจันทร์เล่นละครเป็นนักธุรกิจ และเช่าบ้านหลังใหญ่เพื่อใช้ต้อนรับเฉพาะเวลาที่นครและโภคินแวะมาที่บ้าน ซึ่งชมจันทร์ไม่เห็นด้วย เพราะเห็นปัญหามากมายรออยู่ แต่จำเป็นต้องช่วยเมทินี
ชมจันทร์เป็นแม่ค้าที่มีลูกค้าอุดหนุนประจำ โดยเฉพาะร้านอาหาร,ร้านส้มตำ จนเป็นที่หมั่นไส้ของแม่ค้าขายข้าวแกง ชื่อ พงา และ แดง ผู้เป็นลูกสาว ทั้งสองแม่ลูกอิจฉาที่ชมจันทร์ขายดี เพราะชมจันทร์มักทำอาหารพิเศษจากปลาร้ามาขายด้วย เพราะลูกค้าจะแย่งกันซื้ออาหาร ปลาร้า จนทำให้ข้าวแกงขายไม่ดี สองแม่ลูกจึงพูดจากระทบกระทั่งชมจันทร์กับกลอยเป็นประจำ โดยพยายามบอกกับลูกค้าว่าปลาร้าสกปรกบ้าง มีเชื้อโรคบ้าง ถึงขนาดลงทุนอ่านข่าวหนังสือพิมพ์ให้ลูกค้าฟัง แต่ก็ไม่มีใครสนใจ ยิ่งเวลาที่ชมจันทร์ทำเมนู ปลาร้าสับนพเก้าสมุนไพร ซึ่งขายหมดในพริบตา ชมจันทร์พยายามอดทนแต่บางครั้งก็เกิดมีปากเสียงบ้างโดยเฉพาะกับแดง ซึ่งแต่งตัวโป๊มาช่วยขายเพื่อเรียกลูกค้า เพราะต้องการเลียนแบบ ลำดวน และกานดา สองสาวบาร์ที่เช่าบ้านอยู่ใกล้ๆ ตลาด
เทวัญ เป็นลูกค้าอีกคนของชมจันทร์ที่แวะมาอุดหนุนปลาร้าสับนพเก้าสมุนไพรเสมอ เทวัญเป็นลูกบุญธรรมของ ครูจิราพร ซึ่งเป็นสาวใหญ่วัยสี่สิบเก้า เป็นครูที่ชาวบ้านนับถือแต่ประวัติครูนั้นไม่มีใครทราบ เพราะครูมาเช่าบ้านอยู่ในหมู่บ้านใกล้กับตลาดยี่สิบกว่าปีแล้ว เด็กหนุ่มสาวแถวตลาดล้วนเป็นลูกศิษย์ครูจิราพร รวมทั้งชมจันทร์ศิษย์เก่าที่ครูรักที่สุด ครูจิราพรรับเทวัญเด็กวัดเป็นลูกบุญธรรม ส่งเสียจนเทวัญเรียนครูปีสุดท้ายและเทวัญเป็นเด็กกตัญญูรู้คุณไม่ทำให้ครูผิดหวัง
กานดา กับลำดวน เป็นหญิงสาวที่ทำงานบาร์ แต่ด้วยฐานะที่ยากจนและเป็นคนบ้านเดียวกัน ทั้งสองเดินทางมาแสวงโชคในกรุงเทพ โดยกานดามาก่อนเพราะถูกหลอก หลงเชื่อคำหนุ่มจากเมืองกรุง สุดท้ายถูกหลอกไปขายอาเสี่ย จากนั้นแฟนหนุ่มก็หายไปทำให้กานดาเจ็บใจ และด้วยความลำบากจะกลับบ้านต่างจังหวัดก็อายเพราะเป็นฝ่ายหนีมา กานดาต้องการเงินจึงยึดอาชีพเป็นสาวกลางคืน พร้อมลั่นวาจาไว้ว่าต้องรวยถึงจะกลับบ้านนอก เธอเป็นคนคล่องและช่างประจบประแจงจึงมีลูกค้ามาก เมื่อหาเงินได้ก็ทยอยส่งเงินไปให้พ่อแม่ปลูกบ้านแก้ตัวที่ทำให้พ่อแม่อับอาย
ส่วนลำดวนเองก็มีชีวิตไม่ต่างจากกานดา ถูกแฟนหลอกเพราะเป็นคนซื่อ มีนิสัยเรียบร้อย ลำดวนขอมาอยู่กับกานดาเพราะเห็นเพื่อนสามารถทำงานส่งเงินไปสร้างบ้านที่ต่างจังหวัดแม้จะต้องทำงานเป็นสาวบาร์ก็ตาม ลำดวนทำงานได้ไม่นานก็มีเงินเก็บเป็นแสน อาศัยที่เธอเป็นคนประหยัด ทั้งสองชื่นชมชมจันทร์ทั้งรักและเคารพในฐานะพี่สาว ทั้งสองจึงช่วยปกป้องชมจันทร์จากพวกที่อิจฉาโดยเฉพาะพงากับแดง แม่ลูกนิสัยพอกัน
ชมจันทร์มาปรึกษาครูจิราพรถึงแผนการทั้งหมดที่เมทินีกำหนดไว้ว่ามีพี่สาวไฮโซร่ำรวย เพราะมีแฟนเป็นคนรวย หัวสูง ครูจิราพรรับฟังด้วยความสะเทือนใจอยู่ลึกๆ และไม่เห็นด้วย แต่เมื่อรู้ว่าชมจันทร์ต้องทำด้วยความรักน้อง ครูจิราพรจึงยอมเป็นที่ปรึกษาให้
ด้วยเวลาที่กระชั้นชิด ใกล้วันที่เมทินีจะกลับมา ชมจันทร์จึงไปหาเช่าบ้านของ เสี่ยมงคล เศรษฐีเจ้าของที่ดินและตลาดบางสำลี ซึ่งชาวบ้านรวมทั้งบ้านของชมจันทร์อาศัยเช่าจากเสี่ยทั้งหมด เพราะเสี่ยมงคลชอบลงทุนกับที่ดิน สร้างบ้านและตลาดให้เช่า มีคฤหาสน์หลายหลังให้ฝรั่งเช่า แต่เสี่ยเป็นคนขี้เหนียวจึงได้รวยวันรวยคืน เสี่ยมงคล เป็นพ่อม่ายมีลูกสองคน คือ กิตติ กับอินทิรา ซึ่งทั้งสองเอาแต่ใจตัวเองถือว่าร่ำรวยชอบเที่ยวเตร่จนผู้เป็นพ่อเอือมระอาว่ากล่าวตักเตือนไม่ค่อยได้เป็นไม้แก่ดัดยาก ใช้เงินเก่งแต่เสี่ยพยายามจำกัดวงเงินให้ลูก ทั้งสองไม่ยอมทำงานแบมือขอเงินพ่อตลอดและรอพ่อแบ่งมรดก กิตติมีข้อเสียคือผู้หญิงกับการพนัน ส่วนอินทิรารักสวยรักงามชอบซื้อเพชรและของแบรนด์เนมราคาแพง วันๆ เอาแต่เที่ยวเตร่กลับดึกๆ ดื่นๆ
เสี่ยมงคลเป็นคนทั้งเค็มทั้งงกมาก ค่าเช่าที่ตลาดกับค่าเช่าบ้านต้องตรงต่อเวลาเสมอโดยมีผู้จัดการเป็นคนช่วยทวงหนี้ ชื่อ สมศรี ซึ่งเป็นคนปากจัดและเข้มงวดจึงสามารถเก็บเงินค่าเช่าได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย ชมจันทร์ได้มาหาเสี่ยมงคลเพื่อขอเช่าบ้านพักใหญ่โตหรูหราตบแต่งหลายสิบล้านบาท โดยเสี่ยมงคลคิดค่าเช่าเดือนละแสนสอง ซึ่งชมจันทร์ถึงกับมืออ่อน
ชมจันทร์ไปรับเมทินีที่สนามบินสาย เพราะรถเก๋งที่เช่าให้เทวัญช่วยขับเกิดเสียระหว่างทาง แถมยังลืมโทรศัพท์ไว้ที่บ้าน ระหว่างรอชมจันทร์เห็นกระเป๋าเดินทางใบหนึ่งวางไว้บนกระเป๋ามีโทรศัพท์มือถือวางอยู่ เสียงโทรศัพท์ดังหลายครั้ง ชมจันทร์เหลียวหาเจ้าของแต่ไม่พบจึงหยิบโทรศัพท์แต่ก็ตกใจเมื่อได้ยินเสียงตวาดและร้องว่าเธอเป็นขโมย ชมจันทร์ตกใจเพราะมือถืออยู่ในมือเธอเมื่อเผชิญหน้ากับเจ้าของ ชมจันทร์พยายามอธิบายว่าเธอไม่ใช่ขโมย แต่เจ้าของโทรศัพท์ไม่เชื่อประกาศว่าเกลียดคนโกหกและบอกให้ชมจันทร์ยอมรับผิด แต่ชมจันทร์ไม่ยอม ทั้งสองต่อปากต่อคำกันและแยกกันไป
เมทินีแนะนำให้ชมจันทร์รู้จักกับ นคร ซึ่งรูปหล่อ สง่า หยิ่ง หัวสูง เพราะดูจากการแต่งกายที่เนี้ยบตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยแบรนด์เนมชื่อดัง ซึ่งเพราะแบบนี้ทำให้เมทินีต้องให้ชมจันทร์แปลงร่างเป็นไฮโซ ซึ่งวันนี้ชมจันทร์แต่งตัวสวย นครไหว้ชมจันทร์ทั้งที่อายุมากกว่าและพูดชื่นชมชมจันทร์ตามที่ได้ยินเมทินีเอ่ยถึงบ่อยๆ ว่าเป็นนักธุรกิจหญิงส่งผ้าไหมออกนอกและเป็นนักสังคมสงเคราะห์ชอบช่วยเหลือคนจนชมจันทร์ถึงกับหน้าเจื่อนๆ แต่ก็จำใจเล่นละครต่อไป ชมจันทร์แทบเป็นลมอีกครั้งเมื่อถูกแนะนำให้รู้จักกับโภคินอาของนคร ซึ่งก็คือผู้ชายเจ้าของ โทรศัพท์นั่นเอง
โภคินเองถึงกับชะงักและรู้สึกผิดหวังเมื่อเห็นชมจันทร์ผู้หญิงที่ขโมยโทรศัพท์เขา เพราะโภคินมองโลกในแง่ร้าย ฝังใจ พบกันครั้งแรกรู้สึกอย่างไรก็รู้สึกอย่างนั้นจึงรับไหว้ชมจันทร์ด้วยสีหน้าเรียบๆ ไม่ค่อยเป็นมิตรนัก ชมจันทร์เชิญทุกคนขึ้นรถที่เทวัญรออยู่ เทวัญถึงกับกลั้นหัวเราะเมื่อต้องทักทายกับเมทินีเพียงแค่ยิ้มและพยักหน้าทั้งที่เป็นเพื่อนกัน จนถึงบ้านที่เช่าไว้เมทินีดีใจที่พี่สาวสามารถหาบ้านที่หรูหราสมฐานะได้ถูกใจเธอมาก โดยมีกลอยทำหน้าที่เป็นสาวใช้ แต่กลอยเจ้ากี้เจ้าการต้องการให้ดูหรูหรายิ่งขึ้นถ้ามีสาวใช้หลายคน จึงไปเกณฑ์เอากานดาและลำดวนซึ่งเต็มใจช่วยทันทีโดยจัดแจงหาชุดมาเสร็จเพราะดูวิธีแต่งตัวจากในละคร ซึ่งชมจันทร์ถึงกับพูดไม่ออกที่เห็นสาวใช้ทุกคนแต่งหน้าทาปากเสียจนสวยซึ่งสวยเกินไปจนต้องมองซ้ำ กลอยกล่าวต้อนรับการกลับมาของเมทินีด้วยความยินดีเพราะรู้จักกันดีมีเพียงลำดวนกับกานดาซึ่งแนะนำตัวเองว่าเป็นสาวใช้คนใหม่ โภคินมองพฤติกรรมของสาวใช้ทั้งสามซึ่งรู้สึกจะยิ้มแย้มเกินเหตุด้วยความสงสัย ชมจันทร์รีบตัดบทด้วยการเชิญทั้งสองเข้าบ้าน สามสาวซึ่งไปฝึกการทำงานมากับครูจิราพรได้ช่วยกันเสริฟ์กาแฟให้กับสองหนุ่ม แต่ด้วยที่ทั้งสามไม่ใช่มืออาชีพโดยเฉพาะลำดวนซึ่งดูเขินและประหม่าถึงกับชนกับกานดาที่หลุดคำอุทานที่ไม่สุภาพขึ้นมา ชมจันทร์ไม่โกรธแต่กลับขำเพราะรู้ว่าทุกคนไม่ใช่มืออาชีพมาช่วยเพราะไมตรีรักใคร่กัน
โภคินและนครถึงกับติดใจกาแฟที่สามสาวชงให้มากจนต้องขอเพิ่ม โดยเฉพาะโภคินซึ่งรู้สึกเหมือนเคยกินกาแฟรสชาตนี้ตั้งแต่เป็นเด็กเริ่มกินกาแฟ ชมจันทร์เดินเข้าไปในครัวเพื่อขอกาแฟเพิ่ม พบสามสาวกำลังจับกลุ่มคุยกันซุบซิบจึงรู้ว่าครูจิราพรเป็นผู้สอนวิธีชงกาแฟและยี่ห้อกาแฟให้กับกลอย
เมื่อสองหนุ่มลากลับโดยเทวัญขับรถไปส่ง ทุกคนรู้สึกโล่งอกไปตามๆ กัน เมทินีไม่สบายใจเมื่อรู้เรื่องที่โภคินเข้าใจผิดชมจันทร์และบอกว่าโภคินเป็นคนมีอิทธิพลต่อนครและพ่อมาก ซึ่งชมจันทร์รู้ถึงความเปลี่ยนไปของน้องสาว แต่เพราะความรักน้องทำให้เธอยอมให้อภัยเสมอ ทั้งหมดจึงชวนกันกลับบ้าน ระหว่างที่เทวัญไปส่งโภคินและนครที่บ้าน นครชวนเทวัญคุยถึงเรื่องชมจันทร์ซึ่งเทวัญรู้สึกอึดอัดเพราะเป็นคนไม่เคยโกหก โภคินรู้สึกไม่ชอบใจที่ชมจันทร์ทำตัวเป็นกันเองกับลูกจ้างมากเกินไป ส่วนนครได้โทรศัพท์ไปรายงานการพบกับชมจันทร์ให้ คุณครรชิต ผู้เป็นพ่อฟัง คุณครรชิตได้ฝากโภคินให้ดูแลนครเพราะนครค่อนข้างใจร้อน
เมทินีกลับมาที่บ้านซึ่งเป็นที่ผลิตปลาร้า ซึ่งทันทีที่ได้กลิ่นเธอเหม็นจนรู้สึกอยากจะอาเจียนแต่พยายามกลั้นไว้เพราะกลัวชมจันทร์เห็นและแก้ตัวว่ายังไม่ชินกลิ่นต้องขอเวลาปรับตัว ชมจันทร์รู้ได้ทันทีว่าเพราะน้องสาวรักกับหนุ่มหัวสูงจึงติดความเป็นไฮโซกลับมาด้วย ความเป็นปลาร้าจึงจางไปจากตัวเมทินี
เทวัญได้ช่วยซ่อมรถให้กับอินทิราลูกสาวเสี่ยมงคลที่เขาแอบชอบอยู่ แต่อินทิราไม่สนใจเพราะเทวัญจน อินทิราให้ได้เพียงความเป็นเพื่อน ครูจิราพรเองรู้เรื่องนี้พยายามเตือนให้เทวัญหักห้ามใจซึ่งเหมือนกับกลอยเองก็แอบชอบเทวัญแต่เทวัญเห็นเธอเหมือนน้องสาวเท่านั้น ชมจันทร์พาเมทินีไปเยี่ยมครูจิราพรที่บ้าน ครูจิราพรเตือนเมทินีเรื่องความรักซึ่งฐานะต่างกันเพราะตัวเธอเคยมีประสบการณ์เรื่องนี้มาแล้วแต่เมทินีไม่สนใจ
ชมจันทร์ต้องอึดอัดใจอีกครั้งเมื่อนครเชิญเธอไปที่บ้านเขา เพราะรู้สึกเสียดายเงินที่ต้องจ่ายไปกับการเช่ารถและการซื้อเสื้อผ้าราคาแพง บ้านนครดูใหญ่โตกว่าคฤหาสน์ที่เธอเช่าเสียอีก ส่วนเมทินีนั้นตื่นเต้นกับความร่ำรวย นครจะพาสองสาวชมบ้านแต่ชมจันทร์ปฎิเสธขอชมเพียงสวนเท่านั้นเพราะเป็นคนชอบต้นไม้ โดยมีโภคินเดินตามและพยายามจับผิดจากคำพูดของชมจันทร์ โภคินถามถึงธุรกิจส่งออกของชมจันทร์และตำหนิชมจันทร์ที่ไว้ใจลูกน้องจนเกินไป ชมจันทร์ว่าโภคินระแวงเธอทั้งที่หลานชายเขาจะแต่งงานกับน้องสาวของเธออยู่แล้ว โภคินแย้งว่าเพราะต้องดูความเหมาะสมกันทั้งพื้นเพฐานะทางสังคมด้วย ชมจันทร์ไม่เห็นด้วยเพราะเธอคิดว่าเป็นเรื่องของความรักและความเชื่อใจกันเท่านั้น
นครและโภคินเลี้ยงอาหารฝรั่งที่บ้านซึ่งชมจันทร์ไม่ชอบจึงทำให้กินได้น้อยจนสองหนุ่มสังเกต ชมจันทร์อ้างว่าเธอชอบทานอาหารเผ็ดโดยเฉพาะส้มตำปลาร้า นครทำท่าขยะแขยงส่วนโภคินถึงกับสำลักจนไอ และบอกว่าปลาร้าสกปรกเป็นของเน่าหนอนขึ้น ทำให้ชมจันทร์ไม่พอใจเถียงว่าโภคินได้ข้อมูลมาผิดและอธิบายการทำปลาร้าอย่างละเอียดจนเกือบหลุดปาก เมทินีรีบพูดแก้ว่าเป็นเพราะชมจันทร์ศึกษาจากหนังสืออาหารและบอกว่าเธอไม่เคยทาน ชมจันทร์รู้สึกเสียใจ
เมทินีตามชมจันทร์มาขายปลาร้าที่ตลาดด้วยความเกรงใจพี่สาวและช่วงนี้เธอว่างยังไม่ออกหางานทำ ด้วยเหตุผลอีกข้อว่าบริษัทของนครอาจย้ายฐานการผลิตมาเมืองไทย เพราะเมื่อเธอแต่งงานกับนครเธอต้องช่วยกิจการของสามี จึงได้แต่ดูพี่สาวและกลอยขาย ซึ่งชมจันทร์ก็ไม่บังคับน้องเพราะเธอต้องการให้เมทินีปรับตัวกลับมาเป็นคนเดิม แดงเห็นเมทินีซึ่งแต่งตัวสวยก็อดที่จะแขวะและดึงลูกค้าหนุ่มๆ ไป ชมจันทร์ต้องเตือนเมทินีไม่ให้มีเรื่องเพราะก่อนไปเรียนเมืองนอกเมทินีเคยมีเรื่องตบตีกับแดงมาก่อน กานดาและลำดวนซึ่งออกมาหาอะไรกินอดไม่ได้ที่จะช่วยชมจันทร์ที่ถูกแดงฉุดลูกค้าไปจนทะเลาะกันลั่นตลาด
เมทินีบอกชมจันทร์ว่าเธอไม่ชอบกานดาและลำดวนที่ทำงานกลางคืน ชมจันทร์อธิบายให้เมทินีเห็นความดีของทั้งสองที่มีต่อเธอ และที่ทำงานกลางคืนเพราะความจำเป็น เมทินีบอกเรื่องที่นครให้ชวนไปงานธุรกิจส่งออกที่โภคินเป็นกรรมการในสมาคมนี้ ชมจันทร์ไม่อยากไปแต่เมทินีไม่ยอมเพราะเธอคุยไว้เยอะและรับปากว่าจะสารภาพความจริงกับนครเมื่อเธอแต่งงาน ชมจันทร์ไปขอคำแนะนำเรื่องการวางตัวกับครูจิราพรซึ่งบอกให้ชมจันทร์ใช้สติและความมั่นใจในตัวเองค่อยๆ แก้ปัญหาเพราะเธอเป็นคนเก่งอยู่แล้ว
ในงานธุรกิจนครแยกตัวเมทินีไป ทิ้งให้ชมจันทร์อยู่กับโภคินที่อาสาจะแนะนำลูกค้าผ้าไหมให้ แต่อดไม่ได้ที่จะพูดจาแขวะเรื่องความซื่อสัตย์ต่อลูกค้า ชมจันทร์เห็นเสี่ยมงคลมางานกับกิตติและอินทิราจึงเดินหนี โภคินซึ่งรู้จักกับเสี่ยมงคลได้เข้าไปทักทายเพราะจำได้ว่าเสี่ยมงคลเป็นเพื่อนเก่ากับคุณครรชิต อินทิราถามหาแม่ค้าปลาร้ากับโภคินเพราะเห็นคุยกัน โภคินปฎิเสธว่าเขาคุยกับนักธุรกิจผ้าไหม ชมจันทร์เมื่อแยกตัวมาได้พบกับมิสเตอร์พอล นักธุรกิจที่ทำเกี่ยวกับอาหาร จึงแนะนำปลาร้าของเธอซึ่งได้รับความสนใจถึงกับแลกนามบัตรกัน ส่วนเมทินีเมื่อเห็นครอบครัวเสี่ยมงคลก็หลบทันทีเพราะต่างรู้จักกันดี
เสี่ยมงคลซึ่งหลงรักครูจิราพรแวะมาหาครูจิราพรที่บ้านพร้อมของฝากจากเยาวราช ครูจิราพรห้ามไม่ ให้เสี่ยซื้อของมาให้เธอ และตำหนิที่เสี่ยมงคลไม่ช่วยอุดหนุนแม่ค้าที่ตลาดทั้งๆ เป็นเจ้าของตลาด โดยในช่วงปีแรกเสี่ยก็แค่แอบมอง เมื่อครูมาขอซื้อที่ปลูกบ้านเสี่ยยอมขายให้ในราคาถูก ในระยะสิบปีหลังเสี่ยไม่ละความพยายามจีบจริงจังขึ้นด้วยการมาเยี่ยมทุกอาทิตย์พร้อมของฝากจนชาวบ้านต่างรู้ดีแต่ไม่เคยสำเร็จ ครูให้แต่ความเป็นเพื่อนทั้งที่กิตติและอินทิราสนับสนุน ครูจิราพรใจแข็ง เด็ดขาด จนถูกลือกันว่าครูเคยผิดหวังจากความรัก เสี่ยมงคลกลับบ้านด้วยความผิดหวังและพบกับกิตติและอินทิราซึ่งนั่งรอขอเงิน เสี่ยมงคลอบรมเรื่องการใช้เงินของทั้งสองจนกระทั่งสมศรีซึ่งเป็นผู้จัดการตลาดนำเงินที่เก็บมาให้
ตลาดช่วงเช้าคึกคักด้วยแม่ค้าและลูกค้าโดยเฉพาะร้านของชมจันทร์ นางพงาและแดงมองด้วยความอิจฉาและแกล้งโยนเปลือกกล้วยไปที่หน้าร้านชมจันทร์ ทำให้ลูกค้าที่เดินอยู่เลื่อนไปชนปลาร้าทั้งในขวดในหม้อจนตัวเลอะเต็มไปด้วยปลาร้า ชมจันทร์และกลอยรีบมาดูลูกค้าด้วยความเป็นห่วงและไม่คิดค่าเสียหายเพราะรู้ว่าโดนแกล้ง แดงซึ่งเห็นสมศรีเดินเก็บค่าเช่าอยู่จึงยุให้ไล่ชมจันทร์ไม่ให้ขาย แต่สมศรีปฎิเสธเพราะตัวเองก็ชอบกินปลาร้าเหมือนกัน สมศรีตั้งใจมาเก็บค่าเช่าที่แผงนางสุก แม่ค้าซึ่งค้างจ่ายเพราะพ่อสามีตายต้องเสียเงินจัดงานศพ นางสุกจะขอผลัดผ่อนแต่สมศรีไม่ยอม ชมจันทร์เห็นเหตุการณ์จึงช่วยจ่ายส่วนที่เหลือให้แทน
ชมจันทร์ชวนเมทินีไปเป็นเพื่อนส่งปลาร้าแต่เมทินีปฎิเสธอ้างว่านัดกับนคร ชมจันทร์รู้ว่าน้องสาวเปลี่ยนไป อยู่บ้านจะไม่ชอบกลิ่นปลาร้า เมทินีชอบไปค้างที่บ้านใหญ่ที่เช่าจากเสี่ยมงคลจนกลอยว่าเธอลืมปลาร้าไปกินอาหารฝรั่งแล้ว ต่างกับชมจันทร์ที่เห็นบ้านใหญ่แล้วไม่สบายใจเหมือนเธอเป็นพวกสิบแปดมงกุฎ ระหว่างทางชมจันทร์ได้ขับรถหลบสุนัขที่ข้ามถนนทำให้เบียดกับรถที่ขับมาอีกเลนจนเกือบชน ชมจันทร์ขับหนีแต่รู้สึกว่าถูกขับตามจนทันกันเมื่อเห็นหน้าคนขับ ชมจันทร์ตกใจเมื่อเห็นเป็นโภคินซึ่งก็ตกใจเช่นกัน ชมจันทร์รีบขับฝ่าไฟแดงหนีเพราะกลัวความลับแตกจนโภคินตามไม่ทัน เมื่อเจอนครและเมทินีที่บ้านโภคินได้เล่าให้เมทินีฟังแต่เมทินีปฎิเสธว่าคงเป็นคนหน้าเหมือนเท่านั้น
กิตติชอบมาเที่ยวที่บลูไนท์คลับและเรียกลำดวนมาคุยด้วยทุกครั้ง ซึ่งลำดวนเองจะปรนนิบัติเอาใจกิตติเพราะเป็นลูกค้าประจำ สนิทสนมกับถึงขั้นไปค้างด้วยกันเพราะเธอขายบริการด้วยจนถึงขั้นรักและชื่นชมกิตติแต่เพราะรู้ฐานะของตัวเองที่ต่างกับกิตติมาก จึงได้แต่แอบรักไม่คิดเรื่องสมหวังเพราะสักวันเธอจะกลับไปอยู่บ้านนอก เธออดทนเก็บเงินได้เป็นแสนเพื่อส่งกลับไปปลูกบ้านเมื่อเสร็จเมื่อไหร่เธอจะเลิกทำงานกลางคืนทันที กิตติระบายความขี้เหนียวของเสี่ยมงคลให้ลำดวนฟัง ลำดวนเตือนกิตติและเล่าเรื่องชีวิตของเธอให้เขาฟังจนกิตติรู้ว่าลำดวนมีเงินจึงขอยืมเพื่อเอาไปเล่นการพนันโดยจะคืนให้พร้อมดอกเบี้ยในวันรุ่งขึ้น ลำดวนหลงกลให้ยืมไปห้าหมื่นบาทซึ่งเป็นเงินที่เธอจะส่งไปให้ทางบ้าน กานดากลับมาถึงบ้านเช่าตอนตีสามเห็นกระป๋องเบียร์ก็แปลกใจเพราะลำดวนไม่กินของมึนเมาจึงรู้ว่าลำดวนพาผู้ชายมาบ้าน ลำดวนยอมรับว่าพากิตติมาจริงเพราะตัวเองไม่สบายและสัญญาว่าจะไม่ทำอีก กานดารู้ว่าลำดวนแอบรักกิตติจึงเตือนด้วยความเป็นห่วง
เมทินีนำเรื่องที่โภคินเห็นชมจันทร์มาเล่าให้ชมจันทร์ฟังซึ่งชมจันทร์พยายามจะพูดให้เป็นเรื่องเล็ก แต่เห็นสีหน้าของเมทินีไม่สบายใจ เธอจึงรู้ว่าน้องสาวแคร์ครอบครัวของโภคินมาก หวังกับครอบครัวนั้นเหลือเกินจนไม่ อาจพบกับความผิดหวัง ชมจันทร์ได้แต่บอกให้เมทินีทำใจไว้บ้าง โภคินกลับจากไปสำรวจตลาดและเยี่ยมลูกค้าพบนครที่ชวนไปกินน้ำชาที่บ้านเมทินี โภคินยอมไปเพราะสงสัยเรื่องผู้หญิงหน้าเหมือนชมจันทร์แต่ชมจันทร์ปฎิเสธ เมื่อ ได้เวลาเสริฟ์ของว่าง ทั้งสองหนุ่มต่างชื่นชอบกับพายไก่ที่อร่อยจนต้องเอ่ยปาก
กานดารับโทรศัพท์จากแม่ของลำดวนที่โทรมาเรื่องเงิน ทำให้กานดาซักถามจนลำดวนยอมสารภาพและไปตามกิตติที่บ้านเพื่อทวงเงินคืนแต่ไม่พบ พบแต่เสี่ยมงคลกับอินทิรา เมื่อรู้ว่ากิตติยืมเงินลำดวนไปก็โกรธแต่ปฎิเสธที่จะจ่ายแทน ให้ไปคุยกับกิตติเองและให้คนใช้ไล่ทั้งสองออกจากบ้านไป เทวัญซึ่งมาทวงร่มที่ให้อินทิรายืมไป แต่อินทิราอ้างว่าทำหายไปแล้ว เสี่ยมงคลไม่พอใจลูกสาวเพราะรู้ว่าเป็นร่มของครูจิราพรจึงเอาร่มคันใหม่ให้เทวัญแต่เทวัญไม่รับและลากลับไป เสี่ยนำร่มคันใหม่มาคืนให้ครูจิราพรและขอโทษแทนอินทิราและพูดหว่านล้อมให้ครูจิราพรเห็นใจในความรักของเขาแต่ไม่เป็นผล ครูจิราพรขอให้เสี่ยช่วยพูดกับกิตติเรื่องเงินของลำดวน เสี่ยรับปากจะจัดการให้ เสี่ยนั่งรอกิตติจนดึกเพื่อคุยเรื่องหนี้เพราะอายคนทั้งตลาดโดยเฉพาะครูจิราพรทำให้กิตติเข้าใจเหตุผลทันที
นครชวนโภคินไปเที่ยวตามประสาผู้ชายที่ไนท์คลับแถวบ้านชมจันทร์และพบกับลำดวนกับกานดาในสภาพสาวบาร์ ลำดวนหลบโภคินด้วยความตกใจมีเพียงกานดาที่กล้าเผชิญหน้าและแกล้งทำเหล้าหกใส่โภคิน
ลำดวนไม่สบายใจจนเป็นไข้เพราะแม่โทรมาเรื่องเงินสร้างบ้าน ทำให้กานดาซึ่งเจ็บแค้นแทนเพื่อนได้ไปดักรอกิตติที่บ้านแต่กิตติให้สาวใช้บอกไม่อยู่กานดาไม่เชื่อจนมีปากเสียงกัน กิตติผลักกานดาจนล้มได้เลือด ชมจันทร์ซึ่งนำเงินค่าเช่าบ้านมาจ่ายได้เข้าช่วยและทวงถามเรื่องเงินลำดวนโดยขู่ว่าจะหักจากเงินค่าเช่าบ้านในซองที่เธอเอามาจ่ายเสี่ยมงคล กิตติจึงยอมควักเงินจ่ายให้เพียงครึ่งเดียวเพราะไม่อยากมีเรื่องกับเตี่ย ชมจันทร์บังคับให้กิตติจ่ายเงินค่าทำแผลให้กับกานดาห้าร้อยบาทมิฉะนั้นจะแจ้งความ กานดาดีใจที่ชมจันทร์ช่วยและเล่าเรื่องโภคินที่บาร์ให้ฟัง ส่วนลำดวนดีใจที่ได้เงินคืนจนหายไข้
ชมจันทร์ไปซื้อของที่ห้างสรรพสินค้าพบกับโภคินที่มาซื้อของเช่นกัน โภคินมองชมจันทร์อย่างไม่แน่ใจเพราะการแต่งตัวที่แสนธรรมดา ชมจันทร์ได้โอกาสรีบวิ่งหนี โภคินกลับมาเล่าให้นครและเมทินีฟัง ซึ่งเมทินีแก้ตัวแทน โภคินขอไปที่บ้านเมทินีอีกเพื่อพิสูจน์ความจริง
รุ่งขึ้นโภคินและนครได้มาที่บ้านเมทินีซึ่งชมจันทร์ได้จัดฉากเตรียมรอไว้แล้ว ลำดวนกับกานดาได้แต่งหน้าให้ดูแตกต่างจากที่โภคินเห็นที่ผับ เช่นเดียวกับชมจันทร์ซึ่งอยู่ในชุดผ้าไหมอันหรูหรา โภคินทักชมจันทร์ถึงเรื่องที่พบกันแต่ชมจันทร์ปฎิเสธ เมื่อถามถึงลำดวนและกานดาซึ่งสองสาวแต่งหน้าเหมือนคนตากแดดโดยอ้างว่าเพิ่งกลับจากทำนาที่บ้านนอก กานดานำพายไก่ของโปรดนครมาเสริฟ์โดยตอนปรุงเธอใส่ยาถ่ายเฉพาะสองหนุ่มทำให้ท้องเสียกลับไป เมทินีรู้เรื่องที่สองหนุ่มโดนแกล้งจึงโกรธทุกคน ชมจันทร์แก้ตัวแทนก็โดนเมทินีกล่าวหาว่าเข้าข้างสามสาว
ชมจันทร์มาขายปลาร้าที่ตลาดตามปกติโดยมีกลอยเป็นผู้ช่วย กานดาและลำดวนมาเดินเล่นได้ถูกแดงพูดแซวเรื่องยืมเงินจนมีเรื่องทะเลาะตบตีกัน เมทินีซึ่งเห็นเหตุการณ์ถึงกับทนดูไม่ได้ ชมจันทร์เสียใจกับการกระทำของเมทินีที่ยิ่งนานวันยิ่งห่างเหินเหมือนอยู่คนละโลก เมทินีต่อว่าชมจันทร์ที่เข้าข้างสองสาวที่มีอาชีพน่ารังเกียจ ชมจันทร์ยืนยันว่าทั้งสองเป็นคนดี
นครและโภคินชวนเมทินีและชมจันทร์ไปรับคุณครรชิตที่สนามบิน คุณครรชิตประทับใจในตัวชมจันทร์เพราะชมจันทร์มีบุคลิกเหมือนภรรยาเขาที่หนีหายไป เ มทินีบอกเมนูอาหารที่คุณครรรชิตชอบให้ชมจันทร์ทำเลี้ยงต้อนรับในวันรุ่งขึ้น ซึ่งชมจันทร์ได้นำเมนูไปปรึกษาครูจิราพรซึ่งถึงกับอึ้งเมื่อได้ยินชื่อครอบครัวคุณครรชิต แต่ยอมจัดเมนูอาหารให้และขอร้องไม่ให้เอ่ยชื่อเธอเด็ดขาด ชมจันทร์รับคำโดยไม่รู้ว่าครูมีอะไรปิดบัง ชมจันทร์อยากทำอาหารจากปลาร้าให้ทุกคนลอง ครูจิราพรจึงวางแผนให้ใช้ปลาร้าเป็นส่วนผสมของอาหารที่ทำต้อนรับ
ทุกคนต่างมาช่วยกันต้อนรับครอบครัวคุณครรชิต เมื่อเมทินีรู้ว่าชมจันทร์ใช้ปลาร้าเป็นส่วนผสมในอาหารจึงโกรธหาว่าชมจันทร์แกล้งเธอ กานดาซึ่งทนกับคำพูดของเมทินีไม่ไหวได้มีปากเสียงกัน ทุกคนได้ให้การต้อนรับคุณครรชิตด้วยอาการปกติ โภคินมองกานดาอย่างจับผิดส่วนคุณครรชิตชวนชมจันทร์คุยเรื่องธุรกิจจนเห็นอาหารที่เสริฟ์คุณครรชิตถึงกับอึ้งเพราะคิดถึงเรื่องในอดีตและชมอาหารด้วยความจริงใจ ต่างจากนครซึ่งอาหารไม่ค่อยถูกปากเพราะชอบอาหารฝรั่งมากกว่า หลังอาหารโภคินและนครแอบได้ยินสามสาวคุยกันเรื่องครอบครัวเขาและปลาร้าจนรู้ว่าอาหารที่ทานนั้นมีส่วนผสมของปลาร้า ทั้งสองถึงกับอาเจียน สถานการณ์ของชมจันทร์และเมทินียิ่งเลวร้ายยิ่งขึ้น
คุณครรชิตกลับมานั่งระลึกถึงอดีตชีวิตคู่ของตัวเอง ปัญหาเรื่องแม่ผัวลูกสะใภ้ซึ่งลูกสะใภ้เป็นแม่ครัวจนๆ ที่ถูกจ้างมาและได้เสียจนตั้งครรภ์ แต่ก็ถูกกีดกันจากแม่ผัวจนต้องหนีหลังจากคลอดลูกไม่กี่ปีเพราะหมดความอดทน ซึ่งโภคินได้เข้าใจความรู้สึกของคุณครรชิตที่มีต่อภรรยาที่จากไปจนไม่ยอมแต่งงานใหม่
เมทินีทนอยู่กับกลิ่นปลาร้าในบ้านไม่ได้จึงย้ายไปอยู่บ้านเช่าหลังใหญ่แม้ชมจันทร์จะคัดค้านแต่เธออ้างว่าไม่ชอบปลาร้าและลำดวนกับกานดา เมทินีนัดให้ชมจันทร์ไปบ้านคุณครรชิตซึ่งให้การต้อนรับเป็นอย่างดี ชมจันทร์ทานอาหารได้น้อยโดยอ้างว่าไม่ถนัดอาหารฝรั่งและไม่พยายามเรียนรู้มารยาทบนโต๊ะอาหารจนเมทินีต่อว่า โภคินรู้สึกติดค้างในใจถึงพฤติกรรมของชมจันทร์ซึ่งดูต่างจากสาวไฮโซที่เขาเคยรู้จักจนต้องขับรถไปที่บ้านเธอเพื่อพิสูจน์ความจริงแต่ไม่พบใครเลยที่บ้าน อินทิราขับรถผ่านมาเห็นโภคินจึงแวะถามด้วยความสงสัย อินทิราบอกโภคินว่าเป็นบ้านของเสี่ยมงคลที่เปิดให้เช่า โภคินตามอินทิราไปที่บ้านเพื่อสอบถามความจริง เสี่ยมงคลเล่าประวัติของชมจันทร์ให้โภคินฟังทั้งหมด และเพื่อให้เห็นกับตาโภคินได้แวะไปที่ตลาดบางสำลีพบชมจันทร์กำลังขายปลาร้าจึงแสดงตัวให้ชมจันทร์เห็น เมื่อรู้ว่าแผนแตกชมจันทร์ตามไปขอโทษโภคินและขอร้องให้เก็บเป็นความลับก่อนเพราะเธอและเมทินีอยู่ในช่วงที่ไม่เข้าใจกันและให้เห็นแก่นครที่อาจตกใจเมื่อรู้ความจริง โภคินรับปากเพราะอยากรู้ว่าชมจันทร์จะทำอย่างไรต่อไป
โภคินพยายามพูดเกริ่นกับนครเรื่องเมทินี ซึ่งนครยืนยันจะเลิกกับเมทินีถ้าเขาถูกหลอก เสี่ยมงคลแวะมาเยี่ยมคุณครรชิตที่บ้านและปรับทุกข์เรื่องลูกๆ ซึ่งไม่ช่วยทำงาน ส่วนชมจันทร์ได้เล่าความจริงให้ครูจิราพรฟัง ซึ่งครูจิราพรรู้ทันทีว่าที่โภคินช่วยชมจันทร์นั้นเป็นเพราะโภคินหลงรักชมจันทร์ จึงพูดให้กำลังใจชมจันทร์ว่าอะไรจะเกิดก็ต้องเกิด ชมจันทร์ได้พยายามพูดเกลี่ยกล่อมให้เมทินีสารภาพความจริงแต่เมทินีปฎิเสธ เพราะเธอจะบอกความจริง ต่อเมื่อเธอแต่งงานกับนครแล้วเท่านั้น
คุณครรชิตได้ชวนชมจันทร์และเมทินีไปพักผ่อนที่บ้านพักชายทะเลพร้อมครอบครัว ซึ่งมีนางฉลวยกับมะลิ ผู้เป็นลูกสาวคอยต้อนรับ เมทินีตื่นเต้นเมื่อเห็นบ้านและขอร้องมิให้ชมจันทร์พูดถึงปลาร้าอีก แม้ชมจันทร์จะอ้างว่าเธอเป็นตัวของตัวเอง นางฉลวยได้เตรียมอาหารไทยไว้ต้อนรับเพราะทำอาหารฝรั่งไม่เป็น หลังอาหารเมทินีกับนครขอตัวไปเล่นน้ำทะเลส่วนคุณครรชิตขอตัวพักผ่อน ชมจันทร์ได้เข้าไปชวนนางฉลวยทำปลาร้าสมุนไพรที่ในครัว โภคินได้มาชวนชมจันทร์ไปเดินเล่นและยังพูดแหย่ชมจันทร์ด้วยเรื่องเดิมๆ แต่มีความรู้สึกที่เปลี่ยนไปเพราะยังไม่รู้ใจตัวเอง
คุณครรชิตพาทุกคนไปเลี้ยงอาหารฝรั่งที่โรงแรมในมื้อแรกซึ่งมีเพียงชมจันทร์ที่ทานได้น้อยและหิวในตอนดึกจนต้องลงมาในห้องครัวเพื่อกินข้าวกับปลาร้าสมุนไพรที่ทำไว้แล้ว โภคินเข้ามาขัดจังหวะแต่ชมจันทร์ไม่สนใจนั่งกินต่อหน้าโภคินซึ่งยืนดูจนรู้สึกอยากกินแต่ไม่กล้าขอเพราะกลัวถูกหัวเราะเยาะ ชมจันทร์ตักปลาร้าให้โภคินชิมซึ่งรู้สึกชอบมากเมื่อได้ชิมแต่ชมจันทร์ไม่บอกว่าเป็นปลาร้า
ชมจันทร์ซึ่งตื่นเช้าเพราะความเคยชินได้มาเดินเล่นที่ชายหาดโดยมีโภคินตามมาก่อกวน แต่ถูกชมจันทร์ย้อนเรื่องที่โภคินกินปลาร้า โภคินถึงกับพูดไม่ออก ชมจันทร์บรรยายสรรพคุณของปลาร้าให้โภคินฟังและท้าว่าจะนำปลาร้าขึ้นโต๊ะให้คุณครรชิตและนครชิมเพื่อเป็นการพิสูจน์ คุณครรชิตถึงกับเอ่ยปากชมแต่นครเฉยๆ เพราะไม่ชอบอาหารไทย ชมจันทร์ประกาศชัยชนะกับโภคินซึ่งบอกว่าชนะเพียงครึ่งเดียวเพราะชมจันทร์ไม่ได้บอกทุกคนว่าทำจากปลาร้า โภคินรู้สึกสับสนในตัวเองที่ให้ความสนใจชมจันทร์มากเป็นพิเศษโดยไม่รู้ตัว
นครขอให้คุณครรชิตพูดขอเมทินีแต่งงานกับชมจันทร์ซึ่งชมจันทร์ถึงกับอึ้งพูดไม่ออก เธอต้องการให้ทุกคนรู้ความจริงก่อนแต่งงานเพราะถ้าทุกคนทราบทีหลังเธอและน้องสาวจะถูกดูถูกและอับอายมากกว่านี้ แต่เมื่อคุณครรชิตรับปากจะดูแลเมทินีอย่างดี ทำให้ชมจันทร์ต้องยอมอนุญาต
เสี่ยมงคลได้เชิญครอบครัวคุณครรชิตมาเลี้ยงที่บ้าน กิตติและอินทิราอยู่กันพร้อมหน้า เมื่ออินทิรารู้ว่านครจะแต่งงานก็รู้สึกเสียดายเพราะนครเคยเป็นคนที่เธอหมายตาไว้ กานดาชวนชมจันทร์ไปทวงหนี้กิตติที่บ้านเพราะแม่ของลำดวนป่วยหนักต้องการใช้เงินโดยไม่รู้ว่าครอบครัวของคุณครรชิตอยู่ที่บ้านเสี่ยมงคล กิตติได้ออกมาไล่ทุกคนให้กลับแต่ทุกคนไม่ยอม โวยวายเสียงดังจนแขกได้ออกดูจนเห็นกับตา คุณครรชิตและนครถึงกับอึ้งที่เห็นชมจันทร์ในสภาพสาวลุยๆ อินทิราเมื่อรู้ว่านครเป็นแฟนกับเมทินีก็เปิดโปงความจริงว่าชมจันทร์เป็นแม่ค้าขายปลาร้า ส่วนลำดวนและกานดาทำงานบาร์ทำให้คุณครรชิตและนครผิดหวังมาก ชมจันทร์สารภาพความจริงทั้งหมดและขอโทษคุณครรชิตและนคร แต่ที่เมทินีทำไปเพราะรักนครกลัวนครจะรังเกียจถ้ารู้ว่าที่บ้านขายปลาร้า นครโกรธมากเพราะเข้าใจว่าที่เมทินีหลอกเขาเพราะว่าเขารวย มีเพียงโภคินที่เห็นใจชมจันทร์เพราะเขาเองต้องการให้เปิดเผยความจริงแม้จะทำให้นครเลิกกับเมทินีก็ตาม ส่วนกิตติขอยืมเงินเสี่ยมงคลคืนให้กับลำดวนเพราะอายทุกๆ คน
ชมจันทร์มาพบเมทินีที่แต่งตัวรอนครมารับไปลองชุดแต่งงานที่บ้านเช่า และเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้ฟัง เมทินีร้องไห้และโทษว่าเป็นความผิดของชมจันทร์ ชมจันทร์มาหาครูจิราพรด้วยตาแดงทำให้ครูจิราพรเดาเรื่องได้ทันที เมทินีมาพบนครซึ่งเอาแต่กินเหล้าโดยมีอินทิราคอยเอาใจ อินทิรากีดกันและต่อว่าเมทินีที่หลอกนครเมทินีขอคุยกับนครเป็นการส่วนตัว โภคินช่วยกันอินทิราให้ออกไป เมทินีขอร้องไม่ให้นครดื่มเหล้าเพราะสุขภาพไม่ดี นครต่อว่าเมทินีที่หลอกเขามาหลายปี เมทินีสารภาพว่าที่ทำเป็นเพราะกลัวนครรังเกียจและเธอเองไม่เคยรักนครที่ฐานะเงินทองเลยแต่นครไม่เชื่อแถมยังพูดดูถูกเมทินี ทำให้เมทินีเสียใจกับคำพูดและรับไม่ได้ลากลับไป ส่วนคุณครรชิตและโภคินเมื่อเห็นน้ำตาของเมทินีก็ใจอ่อนยอมให้อภัยและให้นครเป็นคนตัดสินใจ ชมจันทร์เห็นเมทินีกลับบ้านด้วยน้ำตานองหน้าจึงปล่อยให้ร้องไห้ ส่วนตัวเองทำอาหาร เน้น ปลาร้า เพื่อให้น้องสาวยอมรับความจริงว่าเป็นใคร เพราะครอบครัวเธอต่างโตมากับปลาร้าตั้งแต่รุ่นพ่อแม่ ซึ่งชมจันทร์เองภูมิใจและไม่เคยอายใครเลยว่าขายปลาร้า
เมทินีตั้งสติและทบทวนเรื่องต่างๆ ที่เกิดขึ้นและยอมรับความจริงกลับมาเป็นเมทินีคนเดิม ยอมขอโทษชมจันทร์และทุกๆ คน และกลับไปช่วยชมจันทร์ทำและขายปลาร้าที่ตลาด อินทิราพานครไปเดินตลาดเพื่อตอกย้ำให้นครเห็นความเป็นแม่ค้าของเมทินี เมทินีซึ่งเจ็บในหัวใจแต่ได้กำลังใจจากทุกคน ครูจิราพรมาแอบมองนครแต่เมื่อชมจันทร์หันไปเห็นก็รีบหลบทำให้ชมจันทร์สงสัย โภคินตามนครมาที่ตลาดแต่ชมจันทร์เข้าใจว่าโภคินมาเยาะเย้ยพวกเธอจึงตามไปถามซึ่งโภคินก็ตอบไม่ได้รู้แต่เพียงว่าเขาคิดถึงชมจันทร์ โภคินบอกให้ชมจันทร์ให้เวลากับนครบ้างเพื่อที่ถามใจตัวเองเพราะรู้เรื่องที่เกิดขึ้นกระทันหันจนตั้งตัวไม่ติด
เมทินีขอตามชมจันทร์มาพบกับครูจิราพรด้วยซึ่งครูจิราพรได้พูดให้ข้อคิดจนเมทินีรู้สึกสบายใจขึ้น ชมจันทร์สงสัยที่เห็นครูจิราพรแอบดูนครด้วยสายตาแปลกๆ แต่ครูบ่ายเบี่ยงไม่ยอมรับ อินทิราซึ่งมาดูแลนครที่เอาแต่กินเหล้าทุกวันเริ่มเบื่อหน่ายเพราะนิสัยเธอเป็นคนชอบเที่ยวชอบเฮฮา เมื่อผ่านมาหลายวันแล้วนครยังเหมือนเดิมทำให้เธอเกิดอาการเบื่อที่ไม่มีอะไรดีขึ้นจึงเริ่มเบนความสนใจไปที่โภคินแทน นครหลบอินทิราไปนั่งดื่มเหล้าที่ผับแห่งหนึ่งและพบกับผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งมาประคองและห้ามไม่ให้เขาดื่มเหล้า นครแปลกใจมากเพราะเป็นคนที่เขาไม่เคยรู้จักและเรียกเขาว่าลูก เธอสอนเขาให้เข้าใจชีวิตและรู้จักให้อภัยก่อนจะรีบหลบไปเมื่อเห็นอินทิราซึ่งพาโภคินไปเที่ยวผ่านมาเห็นนคร ทั้งสองช่วยกันประคองนครกลับบ้าน รุ่งขึ้นนครได้เล่าเรื่องผู้หญิงที่เขาพบให้คุณครรรชิตและโภคินฟังว่าผู้หญิงคนนั้นเรียกเขาว่าลูก คุณครรชิตฟังแล้วตกใจจนเป็นลม
คุณครรชิตคิดมากที่เห็นนครเอาแต่เมาจนล้มป่วยด้วยโรคหัวใจและความดันต้องเข้าผ่าตัดที่โรงพยาบาล นครซึ่งสำนึกผิดรับปากว่าจะเลิกดื่มเหล้า เสี่ยมงคลแปลกใจที่กิตติอยู่ติดบ้านไม่ไปเล่นการพนัน ซึ่งจริงๆแล้วกิตติติดหนี้พนันจนต้องหนีเจ้าหนี้
ชมจันทร์ทุ่มเทพัฒนาปลาร้าสูตรเด็ดเพื่อให้ลืมโภคิน ซึ่งเมทินีดูออกว่าชมจันทร์รู้สึกอย่างไรกับโภคิน แต่ตัวเธอยังอกหักจากนครและอาการหนักกว่า ชมจันทร์ได้รับข่าวดีจากมิสเตอร์พอลซึ่งสั่งปลาร้าจำนวนมากไปขายที่ยุโรป เทวัญรู้ข่าวคุณครรชิตจากอินทิราได้ส่งข่าวให้ชมจันทร์ทราบ ชมจันทร์ให้เมทินีไปเยี่ยมก่อนส่วนเธอไปหาครูจิราพรซึ่งทราบเรื่องแล้วเช่นกัน เมทินีไปเยี่ยมคุณครรชิตที่โรงพยาบาลและขอโทษกับเรื่องที่เกิดขึ้น คุณครรชิตยอมให้อภัยเมทินี ซึ่งเมทินีเมื่อพบกับนครต่างก็พูดอะไรไม่ออก โภคินแนะให้นครปรับความเข้าใจกับเมทินีแต่นครขอเป็นหลังจากคุณครรชิตผ่าตัด ชมจันทร์พบกับโภคินเมื่อแวะมาเยี่ยมคุณครรชิต และต่างแปลกใจที่เห็นครูจิราพรซึ่งมาเยี่ยมคุณครรชิตที่ยังไม่รู้สึกตัว โภคินซึ่งจำครูจิราพรได้ถึงกับชะงัก ครูจิราพรขอร้องไม่ให้บอกกับนครและคุณครรชิตก่อนรีบกลับไป ชมจันทร์เข้าใจเรื่องทันทีและขอให้โภคินให้เวลาครูจิราพร โภคินได้โอกาสบอกรักชมจันทร์และขอให้ชมจันทร์พูดกับครูจิราพรเพื่อเห็นแก่คุณครรชิตและนคร
ครูจิราพรได้ช่วยนครให้รอดพ้นจากการถูกรถชน นครจำได้ว่าเคยพบครูจิราพ เมื่อเล่าให้โภคินฟังซึ่งรู้ทันทีว่าเป็นครูจิราพร ชมจันทร์ช่วยพูดกับครูจิราพรให้เห็นแก่ความสุขของตัวเองและคุณครรชิตกับนคร คุณครรชิตปลอดภัยท่ามกลางความดีใจของทุกคนโดยเฉพาะนครซึ่งรู้สึกเหงาตั้งแต่เลิกกับเมทินี คุณครรชิตขอให้นครให้อภัยเมทินีเพื่อเห็นแก่ความรักซึ่งนครรับปากจะไปง้อเมทินี ส่วนโภคินนั้นคุณครรชิตก็สนับสนุนเมื่อรู้ว่าโภคินชอบชมจันทร์
กิตติเมื่อไปเล่นการพนันที่บ่อนไม่ได้แล้วจึงวางแผนที่จะหลอกเอาเงินจากเสี่ยมงคลโดยแนะนำให้เสี่ยรื้อตลาดและสร้างห้างสรรพสินค้าแทนโดยยอมจ่ายค่ารื้อถอนให้กับแม่ค้า เสี่ยมงคลดีใจคิดว่าลูกชายจะกลับตัวเป็นคนดีจึงสนับสนุน ทำให้แม่ค้าในตลาดเดือดร้อนกันไปทั่วแต่จริงๆ แล้วกิตติแอบนำเงินค่ารื้อถอนบางส่วนไปเล่นการพนันและจ่ายเงินค่ารื้อถอนในจำนวนน้อยนิด นางพงากับแดงก็เป็นผู้ที่เดือดร้อนกับเรื่องนี้ด้วยได้หันหน้ามาขอร้องให้ชมจันทร์ช่วยพูดกับเสี่ยมงคลแต่เสี่ยมงคลอ้างว่าเป็นการสนับสนุนให้ลูกทำงาน ชมจันทร์กลับมาที่ตลาดด้วยความผิดหวังและไปขอร้องครูจิราพรให้ช่วยพูดกับเสี่ยมงคล ซึ่งครูจิราพรได้แนะนำเสี่ยมงคลถึงวิธีการทำธุรกิจโดยที่ชาวบ้านไม่เดือดร้อนแต่กิตติปฎิเสธ เสี่ยมงคลเองพูดอะไรไม่ออก
ชมจันทร์พยายามหาทางช่วยพ่อค้าแม่ค้าที่ตลาดเพราะลำพังตัวเธอเองกิจการปลาร้ากำลังไปได้ด้วยดี นครมาง้อเมทินีที่บ้านและได้ปรับความเข้าใจกัน ชมจันทร์มาที่ตลาดที่เงียบร้างและพบกับโภคินซึ่งมีแผนการจะช่วยทุกคนโดยให้คุณครรชิตซื้อที่ดินที่ตลาดทั้งหมดเพราะรู้ว่ากิตติไม่ได้ตั้งใจทำธุรกิจจริง และเสี่ยมงคลคงยอมขายเมื่อรู้ว่าถูกกิตติหลอก โภคินและชมจันทร์พาเสี่ยมงคลไปพิสูจน์ความจริงและพบกิตติที่ดื่มเหล้าเฮฮากับผู้หญิงและได้ประกาศอย่างลืมตัวว่าหลอกเงินเตี่ยมาเที่ยว เมื่อเสี่ยมงคลปรากฎตัวกิตติแทบช้อคจนหายเมา แผนหลอกเงินของกิตติจึงพังทะลายลงทันที
ชมจันทร์มาบอกให้ครูจิราพรรีบไปที่โรงพยาบาลเพราะคุณครรชิตอาการหนัก แต่เมื่อครูจิราพรไปถึงโรงพยาบาลและพบว่าคุณครรชิตไม่ได้เป็นอะไร ก็รู้ว่าเป็นแผนของชมจันทร์ที่จะให้ครูจิราพรและคุณครรชิตได้กลับมาอยู่ด้วยกัน คุณครรชิตพูดขอร้องให้ครูจิราพรอยู่ด้วยกันสามคนพ่อแม่ลูกซึ่งครูจิราพรถึงกับน้ำตาไหลด้วยความดีใจ
คุณครรชิตกับครูจิราพรร่วมมือกันเป็นเจ้าภาพงานทำบุญเลี้ยงพระและเลี้ยงชาวตลาดทุกคน ซึ่งดีใจที่ตลาดไม่ต้องถูกรื้อถอน ทุกคนต่างมาร่วมฉลองรื่นเริงอย่างมีความสุข ครูจิราพรคอยดูแลคุณครรชิตที่เพิ่งออกจากโรงพยาบาล เสี่ยมงคลมาร่วมงานได้แสดงความยินดีกับคุณครรชิตและครูจิราพร คุณครรชิตแนะนำให้เสี่ยมงคลส่งกิตติไปอยู่กับตนที่เมืองนอกเพื่อเรียนและฝึกงานที่บริษัทเขา ซึ่งเสี่ยมงคลก็ยินดี
ในงานเลี้ยงโภคินมองหาชมจันทร์ซึ่งกำลังแจกปลาร้าสมุนไพรกับชาวบ้านหลังเลี้ยงพระ อินทิราเดินกอดแขนโภคินไม่ห่าง โภคินปลดแขนอินทิราออกและเดินไปหาชมจันทร์ อินทิราถึงกับกริ๊ดลั่นตลาดและหันไปหาเทวัญซึ่งตัดใจจากอินทิราหันไปสนใจกลอยแทน ส่วนโภคินได้เข้าไปสารภาพกับชมจันทร์ว่าชอบทานปลาร้าและยอมรับว่าเขาเคยเข้าใจเธอผิดแต่ตอนนี้เขาไม่รังเกียจปลาร้าและรักชมจันทร์ที่เป็นแม่ค้าปลาร้า ทั้งสองจึงเข้าใจกันและสัญญาว่าถ้ามีลูกก็จะหัดให้ลูกกินปลาร้า เป็นหมูแฮมแซมปลาร้า
ชมจันทร์เป็นแม่ค้าที่มีลูกค้าอุดหนุนประจำ โดยเฉพาะร้านอาหาร,ร้านส้มตำ จนเป็นที่หมั่นไส้ของแม่ค้าขายข้าวแกง ชื่อ พงา และ แดง ผู้เป็นลูกสาว ทั้งสองแม่ลูกอิจฉาที่ชมจันทร์ขายดี เพราะชมจันทร์มักทำอาหารพิเศษจากปลาร้ามาขายด้วย เพราะลูกค้าจะแย่งกันซื้ออาหาร ปลาร้า จนทำให้ข้าวแกงขายไม่ดี สองแม่ลูกจึงพูดจากระทบกระทั่งชมจันทร์กับกลอยเป็นประจำ โดยพยายามบอกกับลูกค้าว่าปลาร้าสกปรกบ้าง มีเชื้อโรคบ้าง ถึงขนาดลงทุนอ่านข่าวหนังสือพิมพ์ให้ลูกค้าฟัง แต่ก็ไม่มีใครสนใจ ยิ่งเวลาที่ชมจันทร์ทำเมนู ปลาร้าสับนพเก้าสมุนไพร ซึ่งขายหมดในพริบตา ชมจันทร์พยายามอดทนแต่บางครั้งก็เกิดมีปากเสียงบ้างโดยเฉพาะกับแดง ซึ่งแต่งตัวโป๊มาช่วยขายเพื่อเรียกลูกค้า เพราะต้องการเลียนแบบ ลำดวน และกานดา สองสาวบาร์ที่เช่าบ้านอยู่ใกล้ๆ ตลาด
เทวัญ เป็นลูกค้าอีกคนของชมจันทร์ที่แวะมาอุดหนุนปลาร้าสับนพเก้าสมุนไพรเสมอ เทวัญเป็นลูกบุญธรรมของ ครูจิราพร ซึ่งเป็นสาวใหญ่วัยสี่สิบเก้า เป็นครูที่ชาวบ้านนับถือแต่ประวัติครูนั้นไม่มีใครทราบ เพราะครูมาเช่าบ้านอยู่ในหมู่บ้านใกล้กับตลาดยี่สิบกว่าปีแล้ว เด็กหนุ่มสาวแถวตลาดล้วนเป็นลูกศิษย์ครูจิราพร รวมทั้งชมจันทร์ศิษย์เก่าที่ครูรักที่สุด ครูจิราพรรับเทวัญเด็กวัดเป็นลูกบุญธรรม ส่งเสียจนเทวัญเรียนครูปีสุดท้ายและเทวัญเป็นเด็กกตัญญูรู้คุณไม่ทำให้ครูผิดหวัง
กานดา กับลำดวน เป็นหญิงสาวที่ทำงานบาร์ แต่ด้วยฐานะที่ยากจนและเป็นคนบ้านเดียวกัน ทั้งสองเดินทางมาแสวงโชคในกรุงเทพ โดยกานดามาก่อนเพราะถูกหลอก หลงเชื่อคำหนุ่มจากเมืองกรุง สุดท้ายถูกหลอกไปขายอาเสี่ย จากนั้นแฟนหนุ่มก็หายไปทำให้กานดาเจ็บใจ และด้วยความลำบากจะกลับบ้านต่างจังหวัดก็อายเพราะเป็นฝ่ายหนีมา กานดาต้องการเงินจึงยึดอาชีพเป็นสาวกลางคืน พร้อมลั่นวาจาไว้ว่าต้องรวยถึงจะกลับบ้านนอก เธอเป็นคนคล่องและช่างประจบประแจงจึงมีลูกค้ามาก เมื่อหาเงินได้ก็ทยอยส่งเงินไปให้พ่อแม่ปลูกบ้านแก้ตัวที่ทำให้พ่อแม่อับอาย
ส่วนลำดวนเองก็มีชีวิตไม่ต่างจากกานดา ถูกแฟนหลอกเพราะเป็นคนซื่อ มีนิสัยเรียบร้อย ลำดวนขอมาอยู่กับกานดาเพราะเห็นเพื่อนสามารถทำงานส่งเงินไปสร้างบ้านที่ต่างจังหวัดแม้จะต้องทำงานเป็นสาวบาร์ก็ตาม ลำดวนทำงานได้ไม่นานก็มีเงินเก็บเป็นแสน อาศัยที่เธอเป็นคนประหยัด ทั้งสองชื่นชมชมจันทร์ทั้งรักและเคารพในฐานะพี่สาว ทั้งสองจึงช่วยปกป้องชมจันทร์จากพวกที่อิจฉาโดยเฉพาะพงากับแดง แม่ลูกนิสัยพอกัน
ชมจันทร์มาปรึกษาครูจิราพรถึงแผนการทั้งหมดที่เมทินีกำหนดไว้ว่ามีพี่สาวไฮโซร่ำรวย เพราะมีแฟนเป็นคนรวย หัวสูง ครูจิราพรรับฟังด้วยความสะเทือนใจอยู่ลึกๆ และไม่เห็นด้วย แต่เมื่อรู้ว่าชมจันทร์ต้องทำด้วยความรักน้อง ครูจิราพรจึงยอมเป็นที่ปรึกษาให้
ด้วยเวลาที่กระชั้นชิด ใกล้วันที่เมทินีจะกลับมา ชมจันทร์จึงไปหาเช่าบ้านของ เสี่ยมงคล เศรษฐีเจ้าของที่ดินและตลาดบางสำลี ซึ่งชาวบ้านรวมทั้งบ้านของชมจันทร์อาศัยเช่าจากเสี่ยทั้งหมด เพราะเสี่ยมงคลชอบลงทุนกับที่ดิน สร้างบ้านและตลาดให้เช่า มีคฤหาสน์หลายหลังให้ฝรั่งเช่า แต่เสี่ยเป็นคนขี้เหนียวจึงได้รวยวันรวยคืน เสี่ยมงคล เป็นพ่อม่ายมีลูกสองคน คือ กิตติ กับอินทิรา ซึ่งทั้งสองเอาแต่ใจตัวเองถือว่าร่ำรวยชอบเที่ยวเตร่จนผู้เป็นพ่อเอือมระอาว่ากล่าวตักเตือนไม่ค่อยได้เป็นไม้แก่ดัดยาก ใช้เงินเก่งแต่เสี่ยพยายามจำกัดวงเงินให้ลูก ทั้งสองไม่ยอมทำงานแบมือขอเงินพ่อตลอดและรอพ่อแบ่งมรดก กิตติมีข้อเสียคือผู้หญิงกับการพนัน ส่วนอินทิรารักสวยรักงามชอบซื้อเพชรและของแบรนด์เนมราคาแพง วันๆ เอาแต่เที่ยวเตร่กลับดึกๆ ดื่นๆ
เสี่ยมงคลเป็นคนทั้งเค็มทั้งงกมาก ค่าเช่าที่ตลาดกับค่าเช่าบ้านต้องตรงต่อเวลาเสมอโดยมีผู้จัดการเป็นคนช่วยทวงหนี้ ชื่อ สมศรี ซึ่งเป็นคนปากจัดและเข้มงวดจึงสามารถเก็บเงินค่าเช่าได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย ชมจันทร์ได้มาหาเสี่ยมงคลเพื่อขอเช่าบ้านพักใหญ่โตหรูหราตบแต่งหลายสิบล้านบาท โดยเสี่ยมงคลคิดค่าเช่าเดือนละแสนสอง ซึ่งชมจันทร์ถึงกับมืออ่อน
ชมจันทร์ไปรับเมทินีที่สนามบินสาย เพราะรถเก๋งที่เช่าให้เทวัญช่วยขับเกิดเสียระหว่างทาง แถมยังลืมโทรศัพท์ไว้ที่บ้าน ระหว่างรอชมจันทร์เห็นกระเป๋าเดินทางใบหนึ่งวางไว้บนกระเป๋ามีโทรศัพท์มือถือวางอยู่ เสียงโทรศัพท์ดังหลายครั้ง ชมจันทร์เหลียวหาเจ้าของแต่ไม่พบจึงหยิบโทรศัพท์แต่ก็ตกใจเมื่อได้ยินเสียงตวาดและร้องว่าเธอเป็นขโมย ชมจันทร์ตกใจเพราะมือถืออยู่ในมือเธอเมื่อเผชิญหน้ากับเจ้าของ ชมจันทร์พยายามอธิบายว่าเธอไม่ใช่ขโมย แต่เจ้าของโทรศัพท์ไม่เชื่อประกาศว่าเกลียดคนโกหกและบอกให้ชมจันทร์ยอมรับผิด แต่ชมจันทร์ไม่ยอม ทั้งสองต่อปากต่อคำกันและแยกกันไป
เมทินีแนะนำให้ชมจันทร์รู้จักกับ นคร ซึ่งรูปหล่อ สง่า หยิ่ง หัวสูง เพราะดูจากการแต่งกายที่เนี้ยบตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยแบรนด์เนมชื่อดัง ซึ่งเพราะแบบนี้ทำให้เมทินีต้องให้ชมจันทร์แปลงร่างเป็นไฮโซ ซึ่งวันนี้ชมจันทร์แต่งตัวสวย นครไหว้ชมจันทร์ทั้งที่อายุมากกว่าและพูดชื่นชมชมจันทร์ตามที่ได้ยินเมทินีเอ่ยถึงบ่อยๆ ว่าเป็นนักธุรกิจหญิงส่งผ้าไหมออกนอกและเป็นนักสังคมสงเคราะห์ชอบช่วยเหลือคนจนชมจันทร์ถึงกับหน้าเจื่อนๆ แต่ก็จำใจเล่นละครต่อไป ชมจันทร์แทบเป็นลมอีกครั้งเมื่อถูกแนะนำให้รู้จักกับโภคินอาของนคร ซึ่งก็คือผู้ชายเจ้าของ โทรศัพท์นั่นเอง
โภคินเองถึงกับชะงักและรู้สึกผิดหวังเมื่อเห็นชมจันทร์ผู้หญิงที่ขโมยโทรศัพท์เขา เพราะโภคินมองโลกในแง่ร้าย ฝังใจ พบกันครั้งแรกรู้สึกอย่างไรก็รู้สึกอย่างนั้นจึงรับไหว้ชมจันทร์ด้วยสีหน้าเรียบๆ ไม่ค่อยเป็นมิตรนัก ชมจันทร์เชิญทุกคนขึ้นรถที่เทวัญรออยู่ เทวัญถึงกับกลั้นหัวเราะเมื่อต้องทักทายกับเมทินีเพียงแค่ยิ้มและพยักหน้าทั้งที่เป็นเพื่อนกัน จนถึงบ้านที่เช่าไว้เมทินีดีใจที่พี่สาวสามารถหาบ้านที่หรูหราสมฐานะได้ถูกใจเธอมาก โดยมีกลอยทำหน้าที่เป็นสาวใช้ แต่กลอยเจ้ากี้เจ้าการต้องการให้ดูหรูหรายิ่งขึ้นถ้ามีสาวใช้หลายคน จึงไปเกณฑ์เอากานดาและลำดวนซึ่งเต็มใจช่วยทันทีโดยจัดแจงหาชุดมาเสร็จเพราะดูวิธีแต่งตัวจากในละคร ซึ่งชมจันทร์ถึงกับพูดไม่ออกที่เห็นสาวใช้ทุกคนแต่งหน้าทาปากเสียจนสวยซึ่งสวยเกินไปจนต้องมองซ้ำ กลอยกล่าวต้อนรับการกลับมาของเมทินีด้วยความยินดีเพราะรู้จักกันดีมีเพียงลำดวนกับกานดาซึ่งแนะนำตัวเองว่าเป็นสาวใช้คนใหม่ โภคินมองพฤติกรรมของสาวใช้ทั้งสามซึ่งรู้สึกจะยิ้มแย้มเกินเหตุด้วยความสงสัย ชมจันทร์รีบตัดบทด้วยการเชิญทั้งสองเข้าบ้าน สามสาวซึ่งไปฝึกการทำงานมากับครูจิราพรได้ช่วยกันเสริฟ์กาแฟให้กับสองหนุ่ม แต่ด้วยที่ทั้งสามไม่ใช่มืออาชีพโดยเฉพาะลำดวนซึ่งดูเขินและประหม่าถึงกับชนกับกานดาที่หลุดคำอุทานที่ไม่สุภาพขึ้นมา ชมจันทร์ไม่โกรธแต่กลับขำเพราะรู้ว่าทุกคนไม่ใช่มืออาชีพมาช่วยเพราะไมตรีรักใคร่กัน
โภคินและนครถึงกับติดใจกาแฟที่สามสาวชงให้มากจนต้องขอเพิ่ม โดยเฉพาะโภคินซึ่งรู้สึกเหมือนเคยกินกาแฟรสชาตนี้ตั้งแต่เป็นเด็กเริ่มกินกาแฟ ชมจันทร์เดินเข้าไปในครัวเพื่อขอกาแฟเพิ่ม พบสามสาวกำลังจับกลุ่มคุยกันซุบซิบจึงรู้ว่าครูจิราพรเป็นผู้สอนวิธีชงกาแฟและยี่ห้อกาแฟให้กับกลอย
เมื่อสองหนุ่มลากลับโดยเทวัญขับรถไปส่ง ทุกคนรู้สึกโล่งอกไปตามๆ กัน เมทินีไม่สบายใจเมื่อรู้เรื่องที่โภคินเข้าใจผิดชมจันทร์และบอกว่าโภคินเป็นคนมีอิทธิพลต่อนครและพ่อมาก ซึ่งชมจันทร์รู้ถึงความเปลี่ยนไปของน้องสาว แต่เพราะความรักน้องทำให้เธอยอมให้อภัยเสมอ ทั้งหมดจึงชวนกันกลับบ้าน ระหว่างที่เทวัญไปส่งโภคินและนครที่บ้าน นครชวนเทวัญคุยถึงเรื่องชมจันทร์ซึ่งเทวัญรู้สึกอึดอัดเพราะเป็นคนไม่เคยโกหก โภคินรู้สึกไม่ชอบใจที่ชมจันทร์ทำตัวเป็นกันเองกับลูกจ้างมากเกินไป ส่วนนครได้โทรศัพท์ไปรายงานการพบกับชมจันทร์ให้ คุณครรชิต ผู้เป็นพ่อฟัง คุณครรชิตได้ฝากโภคินให้ดูแลนครเพราะนครค่อนข้างใจร้อน
เมทินีกลับมาที่บ้านซึ่งเป็นที่ผลิตปลาร้า ซึ่งทันทีที่ได้กลิ่นเธอเหม็นจนรู้สึกอยากจะอาเจียนแต่พยายามกลั้นไว้เพราะกลัวชมจันทร์เห็นและแก้ตัวว่ายังไม่ชินกลิ่นต้องขอเวลาปรับตัว ชมจันทร์รู้ได้ทันทีว่าเพราะน้องสาวรักกับหนุ่มหัวสูงจึงติดความเป็นไฮโซกลับมาด้วย ความเป็นปลาร้าจึงจางไปจากตัวเมทินี
เทวัญได้ช่วยซ่อมรถให้กับอินทิราลูกสาวเสี่ยมงคลที่เขาแอบชอบอยู่ แต่อินทิราไม่สนใจเพราะเทวัญจน อินทิราให้ได้เพียงความเป็นเพื่อน ครูจิราพรเองรู้เรื่องนี้พยายามเตือนให้เทวัญหักห้ามใจซึ่งเหมือนกับกลอยเองก็แอบชอบเทวัญแต่เทวัญเห็นเธอเหมือนน้องสาวเท่านั้น ชมจันทร์พาเมทินีไปเยี่ยมครูจิราพรที่บ้าน ครูจิราพรเตือนเมทินีเรื่องความรักซึ่งฐานะต่างกันเพราะตัวเธอเคยมีประสบการณ์เรื่องนี้มาแล้วแต่เมทินีไม่สนใจ
ชมจันทร์ต้องอึดอัดใจอีกครั้งเมื่อนครเชิญเธอไปที่บ้านเขา เพราะรู้สึกเสียดายเงินที่ต้องจ่ายไปกับการเช่ารถและการซื้อเสื้อผ้าราคาแพง บ้านนครดูใหญ่โตกว่าคฤหาสน์ที่เธอเช่าเสียอีก ส่วนเมทินีนั้นตื่นเต้นกับความร่ำรวย นครจะพาสองสาวชมบ้านแต่ชมจันทร์ปฎิเสธขอชมเพียงสวนเท่านั้นเพราะเป็นคนชอบต้นไม้ โดยมีโภคินเดินตามและพยายามจับผิดจากคำพูดของชมจันทร์ โภคินถามถึงธุรกิจส่งออกของชมจันทร์และตำหนิชมจันทร์ที่ไว้ใจลูกน้องจนเกินไป ชมจันทร์ว่าโภคินระแวงเธอทั้งที่หลานชายเขาจะแต่งงานกับน้องสาวของเธออยู่แล้ว โภคินแย้งว่าเพราะต้องดูความเหมาะสมกันทั้งพื้นเพฐานะทางสังคมด้วย ชมจันทร์ไม่เห็นด้วยเพราะเธอคิดว่าเป็นเรื่องของความรักและความเชื่อใจกันเท่านั้น
นครและโภคินเลี้ยงอาหารฝรั่งที่บ้านซึ่งชมจันทร์ไม่ชอบจึงทำให้กินได้น้อยจนสองหนุ่มสังเกต ชมจันทร์อ้างว่าเธอชอบทานอาหารเผ็ดโดยเฉพาะส้มตำปลาร้า นครทำท่าขยะแขยงส่วนโภคินถึงกับสำลักจนไอ และบอกว่าปลาร้าสกปรกเป็นของเน่าหนอนขึ้น ทำให้ชมจันทร์ไม่พอใจเถียงว่าโภคินได้ข้อมูลมาผิดและอธิบายการทำปลาร้าอย่างละเอียดจนเกือบหลุดปาก เมทินีรีบพูดแก้ว่าเป็นเพราะชมจันทร์ศึกษาจากหนังสืออาหารและบอกว่าเธอไม่เคยทาน ชมจันทร์รู้สึกเสียใจ
เมทินีตามชมจันทร์มาขายปลาร้าที่ตลาดด้วยความเกรงใจพี่สาวและช่วงนี้เธอว่างยังไม่ออกหางานทำ ด้วยเหตุผลอีกข้อว่าบริษัทของนครอาจย้ายฐานการผลิตมาเมืองไทย เพราะเมื่อเธอแต่งงานกับนครเธอต้องช่วยกิจการของสามี จึงได้แต่ดูพี่สาวและกลอยขาย ซึ่งชมจันทร์ก็ไม่บังคับน้องเพราะเธอต้องการให้เมทินีปรับตัวกลับมาเป็นคนเดิม แดงเห็นเมทินีซึ่งแต่งตัวสวยก็อดที่จะแขวะและดึงลูกค้าหนุ่มๆ ไป ชมจันทร์ต้องเตือนเมทินีไม่ให้มีเรื่องเพราะก่อนไปเรียนเมืองนอกเมทินีเคยมีเรื่องตบตีกับแดงมาก่อน กานดาและลำดวนซึ่งออกมาหาอะไรกินอดไม่ได้ที่จะช่วยชมจันทร์ที่ถูกแดงฉุดลูกค้าไปจนทะเลาะกันลั่นตลาด
เมทินีบอกชมจันทร์ว่าเธอไม่ชอบกานดาและลำดวนที่ทำงานกลางคืน ชมจันทร์อธิบายให้เมทินีเห็นความดีของทั้งสองที่มีต่อเธอ และที่ทำงานกลางคืนเพราะความจำเป็น เมทินีบอกเรื่องที่นครให้ชวนไปงานธุรกิจส่งออกที่โภคินเป็นกรรมการในสมาคมนี้ ชมจันทร์ไม่อยากไปแต่เมทินีไม่ยอมเพราะเธอคุยไว้เยอะและรับปากว่าจะสารภาพความจริงกับนครเมื่อเธอแต่งงาน ชมจันทร์ไปขอคำแนะนำเรื่องการวางตัวกับครูจิราพรซึ่งบอกให้ชมจันทร์ใช้สติและความมั่นใจในตัวเองค่อยๆ แก้ปัญหาเพราะเธอเป็นคนเก่งอยู่แล้ว
ในงานธุรกิจนครแยกตัวเมทินีไป ทิ้งให้ชมจันทร์อยู่กับโภคินที่อาสาจะแนะนำลูกค้าผ้าไหมให้ แต่อดไม่ได้ที่จะพูดจาแขวะเรื่องความซื่อสัตย์ต่อลูกค้า ชมจันทร์เห็นเสี่ยมงคลมางานกับกิตติและอินทิราจึงเดินหนี โภคินซึ่งรู้จักกับเสี่ยมงคลได้เข้าไปทักทายเพราะจำได้ว่าเสี่ยมงคลเป็นเพื่อนเก่ากับคุณครรชิต อินทิราถามหาแม่ค้าปลาร้ากับโภคินเพราะเห็นคุยกัน โภคินปฎิเสธว่าเขาคุยกับนักธุรกิจผ้าไหม ชมจันทร์เมื่อแยกตัวมาได้พบกับมิสเตอร์พอล นักธุรกิจที่ทำเกี่ยวกับอาหาร จึงแนะนำปลาร้าของเธอซึ่งได้รับความสนใจถึงกับแลกนามบัตรกัน ส่วนเมทินีเมื่อเห็นครอบครัวเสี่ยมงคลก็หลบทันทีเพราะต่างรู้จักกันดี
เสี่ยมงคลซึ่งหลงรักครูจิราพรแวะมาหาครูจิราพรที่บ้านพร้อมของฝากจากเยาวราช ครูจิราพรห้ามไม่ ให้เสี่ยซื้อของมาให้เธอ และตำหนิที่เสี่ยมงคลไม่ช่วยอุดหนุนแม่ค้าที่ตลาดทั้งๆ เป็นเจ้าของตลาด โดยในช่วงปีแรกเสี่ยก็แค่แอบมอง เมื่อครูมาขอซื้อที่ปลูกบ้านเสี่ยยอมขายให้ในราคาถูก ในระยะสิบปีหลังเสี่ยไม่ละความพยายามจีบจริงจังขึ้นด้วยการมาเยี่ยมทุกอาทิตย์พร้อมของฝากจนชาวบ้านต่างรู้ดีแต่ไม่เคยสำเร็จ ครูให้แต่ความเป็นเพื่อนทั้งที่กิตติและอินทิราสนับสนุน ครูจิราพรใจแข็ง เด็ดขาด จนถูกลือกันว่าครูเคยผิดหวังจากความรัก เสี่ยมงคลกลับบ้านด้วยความผิดหวังและพบกับกิตติและอินทิราซึ่งนั่งรอขอเงิน เสี่ยมงคลอบรมเรื่องการใช้เงินของทั้งสองจนกระทั่งสมศรีซึ่งเป็นผู้จัดการตลาดนำเงินที่เก็บมาให้
ตลาดช่วงเช้าคึกคักด้วยแม่ค้าและลูกค้าโดยเฉพาะร้านของชมจันทร์ นางพงาและแดงมองด้วยความอิจฉาและแกล้งโยนเปลือกกล้วยไปที่หน้าร้านชมจันทร์ ทำให้ลูกค้าที่เดินอยู่เลื่อนไปชนปลาร้าทั้งในขวดในหม้อจนตัวเลอะเต็มไปด้วยปลาร้า ชมจันทร์และกลอยรีบมาดูลูกค้าด้วยความเป็นห่วงและไม่คิดค่าเสียหายเพราะรู้ว่าโดนแกล้ง แดงซึ่งเห็นสมศรีเดินเก็บค่าเช่าอยู่จึงยุให้ไล่ชมจันทร์ไม่ให้ขาย แต่สมศรีปฎิเสธเพราะตัวเองก็ชอบกินปลาร้าเหมือนกัน สมศรีตั้งใจมาเก็บค่าเช่าที่แผงนางสุก แม่ค้าซึ่งค้างจ่ายเพราะพ่อสามีตายต้องเสียเงินจัดงานศพ นางสุกจะขอผลัดผ่อนแต่สมศรีไม่ยอม ชมจันทร์เห็นเหตุการณ์จึงช่วยจ่ายส่วนที่เหลือให้แทน
ชมจันทร์ชวนเมทินีไปเป็นเพื่อนส่งปลาร้าแต่เมทินีปฎิเสธอ้างว่านัดกับนคร ชมจันทร์รู้ว่าน้องสาวเปลี่ยนไป อยู่บ้านจะไม่ชอบกลิ่นปลาร้า เมทินีชอบไปค้างที่บ้านใหญ่ที่เช่าจากเสี่ยมงคลจนกลอยว่าเธอลืมปลาร้าไปกินอาหารฝรั่งแล้ว ต่างกับชมจันทร์ที่เห็นบ้านใหญ่แล้วไม่สบายใจเหมือนเธอเป็นพวกสิบแปดมงกุฎ ระหว่างทางชมจันทร์ได้ขับรถหลบสุนัขที่ข้ามถนนทำให้เบียดกับรถที่ขับมาอีกเลนจนเกือบชน ชมจันทร์ขับหนีแต่รู้สึกว่าถูกขับตามจนทันกันเมื่อเห็นหน้าคนขับ ชมจันทร์ตกใจเมื่อเห็นเป็นโภคินซึ่งก็ตกใจเช่นกัน ชมจันทร์รีบขับฝ่าไฟแดงหนีเพราะกลัวความลับแตกจนโภคินตามไม่ทัน เมื่อเจอนครและเมทินีที่บ้านโภคินได้เล่าให้เมทินีฟังแต่เมทินีปฎิเสธว่าคงเป็นคนหน้าเหมือนเท่านั้น
กิตติชอบมาเที่ยวที่บลูไนท์คลับและเรียกลำดวนมาคุยด้วยทุกครั้ง ซึ่งลำดวนเองจะปรนนิบัติเอาใจกิตติเพราะเป็นลูกค้าประจำ สนิทสนมกับถึงขั้นไปค้างด้วยกันเพราะเธอขายบริการด้วยจนถึงขั้นรักและชื่นชมกิตติแต่เพราะรู้ฐานะของตัวเองที่ต่างกับกิตติมาก จึงได้แต่แอบรักไม่คิดเรื่องสมหวังเพราะสักวันเธอจะกลับไปอยู่บ้านนอก เธออดทนเก็บเงินได้เป็นแสนเพื่อส่งกลับไปปลูกบ้านเมื่อเสร็จเมื่อไหร่เธอจะเลิกทำงานกลางคืนทันที กิตติระบายความขี้เหนียวของเสี่ยมงคลให้ลำดวนฟัง ลำดวนเตือนกิตติและเล่าเรื่องชีวิตของเธอให้เขาฟังจนกิตติรู้ว่าลำดวนมีเงินจึงขอยืมเพื่อเอาไปเล่นการพนันโดยจะคืนให้พร้อมดอกเบี้ยในวันรุ่งขึ้น ลำดวนหลงกลให้ยืมไปห้าหมื่นบาทซึ่งเป็นเงินที่เธอจะส่งไปให้ทางบ้าน กานดากลับมาถึงบ้านเช่าตอนตีสามเห็นกระป๋องเบียร์ก็แปลกใจเพราะลำดวนไม่กินของมึนเมาจึงรู้ว่าลำดวนพาผู้ชายมาบ้าน ลำดวนยอมรับว่าพากิตติมาจริงเพราะตัวเองไม่สบายและสัญญาว่าจะไม่ทำอีก กานดารู้ว่าลำดวนแอบรักกิตติจึงเตือนด้วยความเป็นห่วง
เมทินีนำเรื่องที่โภคินเห็นชมจันทร์มาเล่าให้ชมจันทร์ฟังซึ่งชมจันทร์พยายามจะพูดให้เป็นเรื่องเล็ก แต่เห็นสีหน้าของเมทินีไม่สบายใจ เธอจึงรู้ว่าน้องสาวแคร์ครอบครัวของโภคินมาก หวังกับครอบครัวนั้นเหลือเกินจนไม่ อาจพบกับความผิดหวัง ชมจันทร์ได้แต่บอกให้เมทินีทำใจไว้บ้าง โภคินกลับจากไปสำรวจตลาดและเยี่ยมลูกค้าพบนครที่ชวนไปกินน้ำชาที่บ้านเมทินี โภคินยอมไปเพราะสงสัยเรื่องผู้หญิงหน้าเหมือนชมจันทร์แต่ชมจันทร์ปฎิเสธ เมื่อ ได้เวลาเสริฟ์ของว่าง ทั้งสองหนุ่มต่างชื่นชอบกับพายไก่ที่อร่อยจนต้องเอ่ยปาก
กานดารับโทรศัพท์จากแม่ของลำดวนที่โทรมาเรื่องเงิน ทำให้กานดาซักถามจนลำดวนยอมสารภาพและไปตามกิตติที่บ้านเพื่อทวงเงินคืนแต่ไม่พบ พบแต่เสี่ยมงคลกับอินทิรา เมื่อรู้ว่ากิตติยืมเงินลำดวนไปก็โกรธแต่ปฎิเสธที่จะจ่ายแทน ให้ไปคุยกับกิตติเองและให้คนใช้ไล่ทั้งสองออกจากบ้านไป เทวัญซึ่งมาทวงร่มที่ให้อินทิรายืมไป แต่อินทิราอ้างว่าทำหายไปแล้ว เสี่ยมงคลไม่พอใจลูกสาวเพราะรู้ว่าเป็นร่มของครูจิราพรจึงเอาร่มคันใหม่ให้เทวัญแต่เทวัญไม่รับและลากลับไป เสี่ยนำร่มคันใหม่มาคืนให้ครูจิราพรและขอโทษแทนอินทิราและพูดหว่านล้อมให้ครูจิราพรเห็นใจในความรักของเขาแต่ไม่เป็นผล ครูจิราพรขอให้เสี่ยช่วยพูดกับกิตติเรื่องเงินของลำดวน เสี่ยรับปากจะจัดการให้ เสี่ยนั่งรอกิตติจนดึกเพื่อคุยเรื่องหนี้เพราะอายคนทั้งตลาดโดยเฉพาะครูจิราพรทำให้กิตติเข้าใจเหตุผลทันที
นครชวนโภคินไปเที่ยวตามประสาผู้ชายที่ไนท์คลับแถวบ้านชมจันทร์และพบกับลำดวนกับกานดาในสภาพสาวบาร์ ลำดวนหลบโภคินด้วยความตกใจมีเพียงกานดาที่กล้าเผชิญหน้าและแกล้งทำเหล้าหกใส่โภคิน
ลำดวนไม่สบายใจจนเป็นไข้เพราะแม่โทรมาเรื่องเงินสร้างบ้าน ทำให้กานดาซึ่งเจ็บแค้นแทนเพื่อนได้ไปดักรอกิตติที่บ้านแต่กิตติให้สาวใช้บอกไม่อยู่กานดาไม่เชื่อจนมีปากเสียงกัน กิตติผลักกานดาจนล้มได้เลือด ชมจันทร์ซึ่งนำเงินค่าเช่าบ้านมาจ่ายได้เข้าช่วยและทวงถามเรื่องเงินลำดวนโดยขู่ว่าจะหักจากเงินค่าเช่าบ้านในซองที่เธอเอามาจ่ายเสี่ยมงคล กิตติจึงยอมควักเงินจ่ายให้เพียงครึ่งเดียวเพราะไม่อยากมีเรื่องกับเตี่ย ชมจันทร์บังคับให้กิตติจ่ายเงินค่าทำแผลให้กับกานดาห้าร้อยบาทมิฉะนั้นจะแจ้งความ กานดาดีใจที่ชมจันทร์ช่วยและเล่าเรื่องโภคินที่บาร์ให้ฟัง ส่วนลำดวนดีใจที่ได้เงินคืนจนหายไข้
ชมจันทร์ไปซื้อของที่ห้างสรรพสินค้าพบกับโภคินที่มาซื้อของเช่นกัน โภคินมองชมจันทร์อย่างไม่แน่ใจเพราะการแต่งตัวที่แสนธรรมดา ชมจันทร์ได้โอกาสรีบวิ่งหนี โภคินกลับมาเล่าให้นครและเมทินีฟัง ซึ่งเมทินีแก้ตัวแทน โภคินขอไปที่บ้านเมทินีอีกเพื่อพิสูจน์ความจริง
รุ่งขึ้นโภคินและนครได้มาที่บ้านเมทินีซึ่งชมจันทร์ได้จัดฉากเตรียมรอไว้แล้ว ลำดวนกับกานดาได้แต่งหน้าให้ดูแตกต่างจากที่โภคินเห็นที่ผับ เช่นเดียวกับชมจันทร์ซึ่งอยู่ในชุดผ้าไหมอันหรูหรา โภคินทักชมจันทร์ถึงเรื่องที่พบกันแต่ชมจันทร์ปฎิเสธ เมื่อถามถึงลำดวนและกานดาซึ่งสองสาวแต่งหน้าเหมือนคนตากแดดโดยอ้างว่าเพิ่งกลับจากทำนาที่บ้านนอก กานดานำพายไก่ของโปรดนครมาเสริฟ์โดยตอนปรุงเธอใส่ยาถ่ายเฉพาะสองหนุ่มทำให้ท้องเสียกลับไป เมทินีรู้เรื่องที่สองหนุ่มโดนแกล้งจึงโกรธทุกคน ชมจันทร์แก้ตัวแทนก็โดนเมทินีกล่าวหาว่าเข้าข้างสามสาว
ชมจันทร์มาขายปลาร้าที่ตลาดตามปกติโดยมีกลอยเป็นผู้ช่วย กานดาและลำดวนมาเดินเล่นได้ถูกแดงพูดแซวเรื่องยืมเงินจนมีเรื่องทะเลาะตบตีกัน เมทินีซึ่งเห็นเหตุการณ์ถึงกับทนดูไม่ได้ ชมจันทร์เสียใจกับการกระทำของเมทินีที่ยิ่งนานวันยิ่งห่างเหินเหมือนอยู่คนละโลก เมทินีต่อว่าชมจันทร์ที่เข้าข้างสองสาวที่มีอาชีพน่ารังเกียจ ชมจันทร์ยืนยันว่าทั้งสองเป็นคนดี
นครและโภคินชวนเมทินีและชมจันทร์ไปรับคุณครรชิตที่สนามบิน คุณครรชิตประทับใจในตัวชมจันทร์เพราะชมจันทร์มีบุคลิกเหมือนภรรยาเขาที่หนีหายไป เ มทินีบอกเมนูอาหารที่คุณครรรชิตชอบให้ชมจันทร์ทำเลี้ยงต้อนรับในวันรุ่งขึ้น ซึ่งชมจันทร์ได้นำเมนูไปปรึกษาครูจิราพรซึ่งถึงกับอึ้งเมื่อได้ยินชื่อครอบครัวคุณครรชิต แต่ยอมจัดเมนูอาหารให้และขอร้องไม่ให้เอ่ยชื่อเธอเด็ดขาด ชมจันทร์รับคำโดยไม่รู้ว่าครูมีอะไรปิดบัง ชมจันทร์อยากทำอาหารจากปลาร้าให้ทุกคนลอง ครูจิราพรจึงวางแผนให้ใช้ปลาร้าเป็นส่วนผสมของอาหารที่ทำต้อนรับ
ทุกคนต่างมาช่วยกันต้อนรับครอบครัวคุณครรชิต เมื่อเมทินีรู้ว่าชมจันทร์ใช้ปลาร้าเป็นส่วนผสมในอาหารจึงโกรธหาว่าชมจันทร์แกล้งเธอ กานดาซึ่งทนกับคำพูดของเมทินีไม่ไหวได้มีปากเสียงกัน ทุกคนได้ให้การต้อนรับคุณครรชิตด้วยอาการปกติ โภคินมองกานดาอย่างจับผิดส่วนคุณครรชิตชวนชมจันทร์คุยเรื่องธุรกิจจนเห็นอาหารที่เสริฟ์คุณครรชิตถึงกับอึ้งเพราะคิดถึงเรื่องในอดีตและชมอาหารด้วยความจริงใจ ต่างจากนครซึ่งอาหารไม่ค่อยถูกปากเพราะชอบอาหารฝรั่งมากกว่า หลังอาหารโภคินและนครแอบได้ยินสามสาวคุยกันเรื่องครอบครัวเขาและปลาร้าจนรู้ว่าอาหารที่ทานนั้นมีส่วนผสมของปลาร้า ทั้งสองถึงกับอาเจียน สถานการณ์ของชมจันทร์และเมทินียิ่งเลวร้ายยิ่งขึ้น
คุณครรชิตกลับมานั่งระลึกถึงอดีตชีวิตคู่ของตัวเอง ปัญหาเรื่องแม่ผัวลูกสะใภ้ซึ่งลูกสะใภ้เป็นแม่ครัวจนๆ ที่ถูกจ้างมาและได้เสียจนตั้งครรภ์ แต่ก็ถูกกีดกันจากแม่ผัวจนต้องหนีหลังจากคลอดลูกไม่กี่ปีเพราะหมดความอดทน ซึ่งโภคินได้เข้าใจความรู้สึกของคุณครรชิตที่มีต่อภรรยาที่จากไปจนไม่ยอมแต่งงานใหม่
เมทินีทนอยู่กับกลิ่นปลาร้าในบ้านไม่ได้จึงย้ายไปอยู่บ้านเช่าหลังใหญ่แม้ชมจันทร์จะคัดค้านแต่เธออ้างว่าไม่ชอบปลาร้าและลำดวนกับกานดา เมทินีนัดให้ชมจันทร์ไปบ้านคุณครรชิตซึ่งให้การต้อนรับเป็นอย่างดี ชมจันทร์ทานอาหารได้น้อยโดยอ้างว่าไม่ถนัดอาหารฝรั่งและไม่พยายามเรียนรู้มารยาทบนโต๊ะอาหารจนเมทินีต่อว่า โภคินรู้สึกติดค้างในใจถึงพฤติกรรมของชมจันทร์ซึ่งดูต่างจากสาวไฮโซที่เขาเคยรู้จักจนต้องขับรถไปที่บ้านเธอเพื่อพิสูจน์ความจริงแต่ไม่พบใครเลยที่บ้าน อินทิราขับรถผ่านมาเห็นโภคินจึงแวะถามด้วยความสงสัย อินทิราบอกโภคินว่าเป็นบ้านของเสี่ยมงคลที่เปิดให้เช่า โภคินตามอินทิราไปที่บ้านเพื่อสอบถามความจริง เสี่ยมงคลเล่าประวัติของชมจันทร์ให้โภคินฟังทั้งหมด และเพื่อให้เห็นกับตาโภคินได้แวะไปที่ตลาดบางสำลีพบชมจันทร์กำลังขายปลาร้าจึงแสดงตัวให้ชมจันทร์เห็น เมื่อรู้ว่าแผนแตกชมจันทร์ตามไปขอโทษโภคินและขอร้องให้เก็บเป็นความลับก่อนเพราะเธอและเมทินีอยู่ในช่วงที่ไม่เข้าใจกันและให้เห็นแก่นครที่อาจตกใจเมื่อรู้ความจริง โภคินรับปากเพราะอยากรู้ว่าชมจันทร์จะทำอย่างไรต่อไป
โภคินพยายามพูดเกริ่นกับนครเรื่องเมทินี ซึ่งนครยืนยันจะเลิกกับเมทินีถ้าเขาถูกหลอก เสี่ยมงคลแวะมาเยี่ยมคุณครรชิตที่บ้านและปรับทุกข์เรื่องลูกๆ ซึ่งไม่ช่วยทำงาน ส่วนชมจันทร์ได้เล่าความจริงให้ครูจิราพรฟัง ซึ่งครูจิราพรรู้ทันทีว่าที่โภคินช่วยชมจันทร์นั้นเป็นเพราะโภคินหลงรักชมจันทร์ จึงพูดให้กำลังใจชมจันทร์ว่าอะไรจะเกิดก็ต้องเกิด ชมจันทร์ได้พยายามพูดเกลี่ยกล่อมให้เมทินีสารภาพความจริงแต่เมทินีปฎิเสธ เพราะเธอจะบอกความจริง ต่อเมื่อเธอแต่งงานกับนครแล้วเท่านั้น
คุณครรชิตได้ชวนชมจันทร์และเมทินีไปพักผ่อนที่บ้านพักชายทะเลพร้อมครอบครัว ซึ่งมีนางฉลวยกับมะลิ ผู้เป็นลูกสาวคอยต้อนรับ เมทินีตื่นเต้นเมื่อเห็นบ้านและขอร้องมิให้ชมจันทร์พูดถึงปลาร้าอีก แม้ชมจันทร์จะอ้างว่าเธอเป็นตัวของตัวเอง นางฉลวยได้เตรียมอาหารไทยไว้ต้อนรับเพราะทำอาหารฝรั่งไม่เป็น หลังอาหารเมทินีกับนครขอตัวไปเล่นน้ำทะเลส่วนคุณครรชิตขอตัวพักผ่อน ชมจันทร์ได้เข้าไปชวนนางฉลวยทำปลาร้าสมุนไพรที่ในครัว โภคินได้มาชวนชมจันทร์ไปเดินเล่นและยังพูดแหย่ชมจันทร์ด้วยเรื่องเดิมๆ แต่มีความรู้สึกที่เปลี่ยนไปเพราะยังไม่รู้ใจตัวเอง
คุณครรชิตพาทุกคนไปเลี้ยงอาหารฝรั่งที่โรงแรมในมื้อแรกซึ่งมีเพียงชมจันทร์ที่ทานได้น้อยและหิวในตอนดึกจนต้องลงมาในห้องครัวเพื่อกินข้าวกับปลาร้าสมุนไพรที่ทำไว้แล้ว โภคินเข้ามาขัดจังหวะแต่ชมจันทร์ไม่สนใจนั่งกินต่อหน้าโภคินซึ่งยืนดูจนรู้สึกอยากกินแต่ไม่กล้าขอเพราะกลัวถูกหัวเราะเยาะ ชมจันทร์ตักปลาร้าให้โภคินชิมซึ่งรู้สึกชอบมากเมื่อได้ชิมแต่ชมจันทร์ไม่บอกว่าเป็นปลาร้า
ชมจันทร์ซึ่งตื่นเช้าเพราะความเคยชินได้มาเดินเล่นที่ชายหาดโดยมีโภคินตามมาก่อกวน แต่ถูกชมจันทร์ย้อนเรื่องที่โภคินกินปลาร้า โภคินถึงกับพูดไม่ออก ชมจันทร์บรรยายสรรพคุณของปลาร้าให้โภคินฟังและท้าว่าจะนำปลาร้าขึ้นโต๊ะให้คุณครรชิตและนครชิมเพื่อเป็นการพิสูจน์ คุณครรชิตถึงกับเอ่ยปากชมแต่นครเฉยๆ เพราะไม่ชอบอาหารไทย ชมจันทร์ประกาศชัยชนะกับโภคินซึ่งบอกว่าชนะเพียงครึ่งเดียวเพราะชมจันทร์ไม่ได้บอกทุกคนว่าทำจากปลาร้า โภคินรู้สึกสับสนในตัวเองที่ให้ความสนใจชมจันทร์มากเป็นพิเศษโดยไม่รู้ตัว
นครขอให้คุณครรชิตพูดขอเมทินีแต่งงานกับชมจันทร์ซึ่งชมจันทร์ถึงกับอึ้งพูดไม่ออก เธอต้องการให้ทุกคนรู้ความจริงก่อนแต่งงานเพราะถ้าทุกคนทราบทีหลังเธอและน้องสาวจะถูกดูถูกและอับอายมากกว่านี้ แต่เมื่อคุณครรชิตรับปากจะดูแลเมทินีอย่างดี ทำให้ชมจันทร์ต้องยอมอนุญาต
เสี่ยมงคลได้เชิญครอบครัวคุณครรชิตมาเลี้ยงที่บ้าน กิตติและอินทิราอยู่กันพร้อมหน้า เมื่ออินทิรารู้ว่านครจะแต่งงานก็รู้สึกเสียดายเพราะนครเคยเป็นคนที่เธอหมายตาไว้ กานดาชวนชมจันทร์ไปทวงหนี้กิตติที่บ้านเพราะแม่ของลำดวนป่วยหนักต้องการใช้เงินโดยไม่รู้ว่าครอบครัวของคุณครรชิตอยู่ที่บ้านเสี่ยมงคล กิตติได้ออกมาไล่ทุกคนให้กลับแต่ทุกคนไม่ยอม โวยวายเสียงดังจนแขกได้ออกดูจนเห็นกับตา คุณครรชิตและนครถึงกับอึ้งที่เห็นชมจันทร์ในสภาพสาวลุยๆ อินทิราเมื่อรู้ว่านครเป็นแฟนกับเมทินีก็เปิดโปงความจริงว่าชมจันทร์เป็นแม่ค้าขายปลาร้า ส่วนลำดวนและกานดาทำงานบาร์ทำให้คุณครรชิตและนครผิดหวังมาก ชมจันทร์สารภาพความจริงทั้งหมดและขอโทษคุณครรชิตและนคร แต่ที่เมทินีทำไปเพราะรักนครกลัวนครจะรังเกียจถ้ารู้ว่าที่บ้านขายปลาร้า นครโกรธมากเพราะเข้าใจว่าที่เมทินีหลอกเขาเพราะว่าเขารวย มีเพียงโภคินที่เห็นใจชมจันทร์เพราะเขาเองต้องการให้เปิดเผยความจริงแม้จะทำให้นครเลิกกับเมทินีก็ตาม ส่วนกิตติขอยืมเงินเสี่ยมงคลคืนให้กับลำดวนเพราะอายทุกๆ คน
ชมจันทร์มาพบเมทินีที่แต่งตัวรอนครมารับไปลองชุดแต่งงานที่บ้านเช่า และเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้ฟัง เมทินีร้องไห้และโทษว่าเป็นความผิดของชมจันทร์ ชมจันทร์มาหาครูจิราพรด้วยตาแดงทำให้ครูจิราพรเดาเรื่องได้ทันที เมทินีมาพบนครซึ่งเอาแต่กินเหล้าโดยมีอินทิราคอยเอาใจ อินทิรากีดกันและต่อว่าเมทินีที่หลอกนครเมทินีขอคุยกับนครเป็นการส่วนตัว โภคินช่วยกันอินทิราให้ออกไป เมทินีขอร้องไม่ให้นครดื่มเหล้าเพราะสุขภาพไม่ดี นครต่อว่าเมทินีที่หลอกเขามาหลายปี เมทินีสารภาพว่าที่ทำเป็นเพราะกลัวนครรังเกียจและเธอเองไม่เคยรักนครที่ฐานะเงินทองเลยแต่นครไม่เชื่อแถมยังพูดดูถูกเมทินี ทำให้เมทินีเสียใจกับคำพูดและรับไม่ได้ลากลับไป ส่วนคุณครรชิตและโภคินเมื่อเห็นน้ำตาของเมทินีก็ใจอ่อนยอมให้อภัยและให้นครเป็นคนตัดสินใจ ชมจันทร์เห็นเมทินีกลับบ้านด้วยน้ำตานองหน้าจึงปล่อยให้ร้องไห้ ส่วนตัวเองทำอาหาร เน้น ปลาร้า เพื่อให้น้องสาวยอมรับความจริงว่าเป็นใคร เพราะครอบครัวเธอต่างโตมากับปลาร้าตั้งแต่รุ่นพ่อแม่ ซึ่งชมจันทร์เองภูมิใจและไม่เคยอายใครเลยว่าขายปลาร้า
เมทินีตั้งสติและทบทวนเรื่องต่างๆ ที่เกิดขึ้นและยอมรับความจริงกลับมาเป็นเมทินีคนเดิม ยอมขอโทษชมจันทร์และทุกๆ คน และกลับไปช่วยชมจันทร์ทำและขายปลาร้าที่ตลาด อินทิราพานครไปเดินตลาดเพื่อตอกย้ำให้นครเห็นความเป็นแม่ค้าของเมทินี เมทินีซึ่งเจ็บในหัวใจแต่ได้กำลังใจจากทุกคน ครูจิราพรมาแอบมองนครแต่เมื่อชมจันทร์หันไปเห็นก็รีบหลบทำให้ชมจันทร์สงสัย โภคินตามนครมาที่ตลาดแต่ชมจันทร์เข้าใจว่าโภคินมาเยาะเย้ยพวกเธอจึงตามไปถามซึ่งโภคินก็ตอบไม่ได้รู้แต่เพียงว่าเขาคิดถึงชมจันทร์ โภคินบอกให้ชมจันทร์ให้เวลากับนครบ้างเพื่อที่ถามใจตัวเองเพราะรู้เรื่องที่เกิดขึ้นกระทันหันจนตั้งตัวไม่ติด
เมทินีขอตามชมจันทร์มาพบกับครูจิราพรด้วยซึ่งครูจิราพรได้พูดให้ข้อคิดจนเมทินีรู้สึกสบายใจขึ้น ชมจันทร์สงสัยที่เห็นครูจิราพรแอบดูนครด้วยสายตาแปลกๆ แต่ครูบ่ายเบี่ยงไม่ยอมรับ อินทิราซึ่งมาดูแลนครที่เอาแต่กินเหล้าทุกวันเริ่มเบื่อหน่ายเพราะนิสัยเธอเป็นคนชอบเที่ยวชอบเฮฮา เมื่อผ่านมาหลายวันแล้วนครยังเหมือนเดิมทำให้เธอเกิดอาการเบื่อที่ไม่มีอะไรดีขึ้นจึงเริ่มเบนความสนใจไปที่โภคินแทน นครหลบอินทิราไปนั่งดื่มเหล้าที่ผับแห่งหนึ่งและพบกับผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งมาประคองและห้ามไม่ให้เขาดื่มเหล้า นครแปลกใจมากเพราะเป็นคนที่เขาไม่เคยรู้จักและเรียกเขาว่าลูก เธอสอนเขาให้เข้าใจชีวิตและรู้จักให้อภัยก่อนจะรีบหลบไปเมื่อเห็นอินทิราซึ่งพาโภคินไปเที่ยวผ่านมาเห็นนคร ทั้งสองช่วยกันประคองนครกลับบ้าน รุ่งขึ้นนครได้เล่าเรื่องผู้หญิงที่เขาพบให้คุณครรรชิตและโภคินฟังว่าผู้หญิงคนนั้นเรียกเขาว่าลูก คุณครรชิตฟังแล้วตกใจจนเป็นลม
คุณครรชิตคิดมากที่เห็นนครเอาแต่เมาจนล้มป่วยด้วยโรคหัวใจและความดันต้องเข้าผ่าตัดที่โรงพยาบาล นครซึ่งสำนึกผิดรับปากว่าจะเลิกดื่มเหล้า เสี่ยมงคลแปลกใจที่กิตติอยู่ติดบ้านไม่ไปเล่นการพนัน ซึ่งจริงๆแล้วกิตติติดหนี้พนันจนต้องหนีเจ้าหนี้
ชมจันทร์ทุ่มเทพัฒนาปลาร้าสูตรเด็ดเพื่อให้ลืมโภคิน ซึ่งเมทินีดูออกว่าชมจันทร์รู้สึกอย่างไรกับโภคิน แต่ตัวเธอยังอกหักจากนครและอาการหนักกว่า ชมจันทร์ได้รับข่าวดีจากมิสเตอร์พอลซึ่งสั่งปลาร้าจำนวนมากไปขายที่ยุโรป เทวัญรู้ข่าวคุณครรชิตจากอินทิราได้ส่งข่าวให้ชมจันทร์ทราบ ชมจันทร์ให้เมทินีไปเยี่ยมก่อนส่วนเธอไปหาครูจิราพรซึ่งทราบเรื่องแล้วเช่นกัน เมทินีไปเยี่ยมคุณครรชิตที่โรงพยาบาลและขอโทษกับเรื่องที่เกิดขึ้น คุณครรชิตยอมให้อภัยเมทินี ซึ่งเมทินีเมื่อพบกับนครต่างก็พูดอะไรไม่ออก โภคินแนะให้นครปรับความเข้าใจกับเมทินีแต่นครขอเป็นหลังจากคุณครรชิตผ่าตัด ชมจันทร์พบกับโภคินเมื่อแวะมาเยี่ยมคุณครรชิต และต่างแปลกใจที่เห็นครูจิราพรซึ่งมาเยี่ยมคุณครรชิตที่ยังไม่รู้สึกตัว โภคินซึ่งจำครูจิราพรได้ถึงกับชะงัก ครูจิราพรขอร้องไม่ให้บอกกับนครและคุณครรชิตก่อนรีบกลับไป ชมจันทร์เข้าใจเรื่องทันทีและขอให้โภคินให้เวลาครูจิราพร โภคินได้โอกาสบอกรักชมจันทร์และขอให้ชมจันทร์พูดกับครูจิราพรเพื่อเห็นแก่คุณครรชิตและนคร
ครูจิราพรได้ช่วยนครให้รอดพ้นจากการถูกรถชน นครจำได้ว่าเคยพบครูจิราพ เมื่อเล่าให้โภคินฟังซึ่งรู้ทันทีว่าเป็นครูจิราพร ชมจันทร์ช่วยพูดกับครูจิราพรให้เห็นแก่ความสุขของตัวเองและคุณครรชิตกับนคร คุณครรชิตปลอดภัยท่ามกลางความดีใจของทุกคนโดยเฉพาะนครซึ่งรู้สึกเหงาตั้งแต่เลิกกับเมทินี คุณครรชิตขอให้นครให้อภัยเมทินีเพื่อเห็นแก่ความรักซึ่งนครรับปากจะไปง้อเมทินี ส่วนโภคินนั้นคุณครรชิตก็สนับสนุนเมื่อรู้ว่าโภคินชอบชมจันทร์
กิตติเมื่อไปเล่นการพนันที่บ่อนไม่ได้แล้วจึงวางแผนที่จะหลอกเอาเงินจากเสี่ยมงคลโดยแนะนำให้เสี่ยรื้อตลาดและสร้างห้างสรรพสินค้าแทนโดยยอมจ่ายค่ารื้อถอนให้กับแม่ค้า เสี่ยมงคลดีใจคิดว่าลูกชายจะกลับตัวเป็นคนดีจึงสนับสนุน ทำให้แม่ค้าในตลาดเดือดร้อนกันไปทั่วแต่จริงๆ แล้วกิตติแอบนำเงินค่ารื้อถอนบางส่วนไปเล่นการพนันและจ่ายเงินค่ารื้อถอนในจำนวนน้อยนิด นางพงากับแดงก็เป็นผู้ที่เดือดร้อนกับเรื่องนี้ด้วยได้หันหน้ามาขอร้องให้ชมจันทร์ช่วยพูดกับเสี่ยมงคลแต่เสี่ยมงคลอ้างว่าเป็นการสนับสนุนให้ลูกทำงาน ชมจันทร์กลับมาที่ตลาดด้วยความผิดหวังและไปขอร้องครูจิราพรให้ช่วยพูดกับเสี่ยมงคล ซึ่งครูจิราพรได้แนะนำเสี่ยมงคลถึงวิธีการทำธุรกิจโดยที่ชาวบ้านไม่เดือดร้อนแต่กิตติปฎิเสธ เสี่ยมงคลเองพูดอะไรไม่ออก
ชมจันทร์พยายามหาทางช่วยพ่อค้าแม่ค้าที่ตลาดเพราะลำพังตัวเธอเองกิจการปลาร้ากำลังไปได้ด้วยดี นครมาง้อเมทินีที่บ้านและได้ปรับความเข้าใจกัน ชมจันทร์มาที่ตลาดที่เงียบร้างและพบกับโภคินซึ่งมีแผนการจะช่วยทุกคนโดยให้คุณครรชิตซื้อที่ดินที่ตลาดทั้งหมดเพราะรู้ว่ากิตติไม่ได้ตั้งใจทำธุรกิจจริง และเสี่ยมงคลคงยอมขายเมื่อรู้ว่าถูกกิตติหลอก โภคินและชมจันทร์พาเสี่ยมงคลไปพิสูจน์ความจริงและพบกิตติที่ดื่มเหล้าเฮฮากับผู้หญิงและได้ประกาศอย่างลืมตัวว่าหลอกเงินเตี่ยมาเที่ยว เมื่อเสี่ยมงคลปรากฎตัวกิตติแทบช้อคจนหายเมา แผนหลอกเงินของกิตติจึงพังทะลายลงทันที
ชมจันทร์มาบอกให้ครูจิราพรรีบไปที่โรงพยาบาลเพราะคุณครรชิตอาการหนัก แต่เมื่อครูจิราพรไปถึงโรงพยาบาลและพบว่าคุณครรชิตไม่ได้เป็นอะไร ก็รู้ว่าเป็นแผนของชมจันทร์ที่จะให้ครูจิราพรและคุณครรชิตได้กลับมาอยู่ด้วยกัน คุณครรชิตพูดขอร้องให้ครูจิราพรอยู่ด้วยกันสามคนพ่อแม่ลูกซึ่งครูจิราพรถึงกับน้ำตาไหลด้วยความดีใจ
คุณครรชิตกับครูจิราพรร่วมมือกันเป็นเจ้าภาพงานทำบุญเลี้ยงพระและเลี้ยงชาวตลาดทุกคน ซึ่งดีใจที่ตลาดไม่ต้องถูกรื้อถอน ทุกคนต่างมาร่วมฉลองรื่นเริงอย่างมีความสุข ครูจิราพรคอยดูแลคุณครรชิตที่เพิ่งออกจากโรงพยาบาล เสี่ยมงคลมาร่วมงานได้แสดงความยินดีกับคุณครรชิตและครูจิราพร คุณครรชิตแนะนำให้เสี่ยมงคลส่งกิตติไปอยู่กับตนที่เมืองนอกเพื่อเรียนและฝึกงานที่บริษัทเขา ซึ่งเสี่ยมงคลก็ยินดี
ในงานเลี้ยงโภคินมองหาชมจันทร์ซึ่งกำลังแจกปลาร้าสมุนไพรกับชาวบ้านหลังเลี้ยงพระ อินทิราเดินกอดแขนโภคินไม่ห่าง โภคินปลดแขนอินทิราออกและเดินไปหาชมจันทร์ อินทิราถึงกับกริ๊ดลั่นตลาดและหันไปหาเทวัญซึ่งตัดใจจากอินทิราหันไปสนใจกลอยแทน ส่วนโภคินได้เข้าไปสารภาพกับชมจันทร์ว่าชอบทานปลาร้าและยอมรับว่าเขาเคยเข้าใจเธอผิดแต่ตอนนี้เขาไม่รังเกียจปลาร้าและรักชมจันทร์ที่เป็นแม่ค้าปลาร้า ทั้งสองจึงเข้าใจกันและสัญญาว่าถ้ามีลูกก็จะหัดให้ลูกกินปลาร้า เป็นหมูแฮมแซมปลาร้า