วิธีรักษา และดูแลตนเองให้ห่างไกลจากโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ

25 เม.ย. 67 16:56 น. / ดู 549 ครั้ง / 2 ความเห็น / 0 ชอบจัง / แชร์

              โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ ส่วนใหญ่เกิดขึ้นมาจากไขมัน และเนื้อเยื่อสะสมในผนังของหลอดเลือด ทำให้เยื่อบุผนังหลอดเลือดชั้นในตำแหน่งนั้นหนาตัวขึ้น ทำให้หลอดเลือดมีการตีบแคบลง ทำให้เลือดซึ่งนำออกซิเจนไหลผ่านได้น้อยลง ส่งผลให้เลือดไหลไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจได้ไม่เพียงพอ จนเกิดภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด และเกิดอาการอื่นๆ ตามมา อย่างอาการเจ็บหน้าอก แน่นหน้าอก บริเวณอกข้างซ้ายหรือกลางอก เหมือนมีคนมากดทับ ถือเป็นอาการหลักของหลอดเลือดหัวใจตีบ บางรายมีอาการรุนแรงถึงขั้นอาจหมดสติ หรือหัวใจหยุดเต้น หากมีอาการเหล่านี้ควรรีบเข้ามาพบแพทย์เพื่อตรวจและรักษาโดยด่วน ซึ่งในปัจจุบันการรักษาโรคหลอดเลือดหัวใจตีบไม่ใช่เรื่องน่ากลัวอีกต่อไป เพราะด้วยมีเครื่องมือที่ทันสมัย ทำให้ง่ายต่อการรักษามากขึ้น ทั้งนี้ในการรักษาสามารถทำได้หลายวิธีขึ้นอยู่กับการวินิจฉัยของแพทย์
วิธีรักษาโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ
1. การใช้ยามีหลายกลุ่มยาที่ใช้ในการรักษาโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ
• ยาลดความดันโลหิต: ช่วยลดการหดตัวของหลอดเลือดและลดการทำงานของหัวใจ เช่น ยาเอสเอ็นไอ
• ยาลดคอเลสเตอรอล: ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือด เช่น สเตติน
• ยาลดการจับตัวของเม็ดเลือด: ช่วยลดความหนืดและความเสี่ยงของการเกิดโรคลิ่มเลือด รวมถึงยาแอสไปริน
• ยาต้านเกร็งหลอดเลือด: ช่วยลดการเกร็งของหลอดเลือด เช่น ยาโปรนาซา
2. การผ่าตัด: ในบางกรณีที่ภาวะหลอดเลือดหัวใจตีบรุนแรงมาก หรือไม่สามารถควบคุมด้วยการใช้ยาได้ การผ่าตัดอาจจำเป็น เช่น การทำบายพาสหลอดเลือดหัวใจ
3. การทำการบายพาสหลอดเลือดหัวใจ: เป็นกระบวนการที่ใช้ท่อต้านน้ำตาลที่มีลวดโปร่งเข้าไปในหลอดเลือดเพื่อขยายหลอดเลือดที่ถูกตีบ
4. การวางติดตั้งสเตนท์: หลังจากการทำการบายพาส สเตนท์อาจถูกวางเข้าไปในหลอดเลือดเพื่อช่วยรักษาความเป็นผู้ตีบของหลอดเลือด
5. การฝังเข็มสะสมเม็ดเลือด: เป็นกระบวนการที่ใช้ในกรณีที่หลอดเลือดตีบรุนแรงมาก โดยการฝังเข็มเพื่อสร้างการไหลของเลือดที่เพียงพอสำหรับหัวใจ
6. การฟื้นฟูสุขภาพหัวใจ: หลังจากการรักษาอาจจำเป็นต้องมีการฝึกออกกำลังกายและการปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตที่สุขภาพดี เพื่อเสริมสร้างสุขภาพหัวใจให้แข็งแรงมากขึ้น

              ซึ่งเราสามารถป้องกันการเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจตีบได้ด้วยการปรับเปลี่ยนการใช้ชีวิตในประจำวันได้ด้วยการ  ทานผัก ผลไม้เป็นประจำ,ทานอาหารให้ครบ 5 หมู่,ไม่สูบบุหรี่,ออกกำลังกายสม่ำเสมอ,งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์,ทำจิตใจให้สดชื่น อย่าเครียดบ่อย ควรตรวจวัดความดันเลือด เจาะเลือดหลังงดอาหารและเครื่องดื่มมากกว่า 12 ชม. ถ้าเป็นผู้ชายที่มีรอบเอวมากกว่า 90 ซม. และผู้หญิงที่มีรอบเอวมากกว่า 80 ซม. เพื่อตรวจหาระดับไขมันไตรกลีเซอไรด์ เอชดีแอล  และน้ำตาลในเลือด ทั้งนี้โรคหลอดเลือดหัวใจ ถือเป็นอีกหนึ่งภัยอันตรายที่ไม่ควรมองข้าม หรือละเลย หากพบความผิดปกติควรรีบไปตรวจร่างกายเพื่อที่จะได้ทำการรักษาได้อย่างทันท่วงที
เลขไอพี : ไม่แสดง | ตั้งกระทู้โดย Windows 10

อ่านต่อ คุณอาจจะสนใจเนื้อหาเหล่านี้ (ความคิดเห็นกระทู้ อยู่ด้านล่าง)

ความคิดเห็น

#1 | _uwu_ | 26 เม.ย. 67 17:31 น.

ไอพี: ไม่แสดง | โดย Windows 10

#2 | sz463257 | 9 พ.ค. 67 00:02 น.

 

ไอพี: ไม่แสดง | โดย Windows 10

แสดงความคิดเห็น

จะต้องเป็นสมาชิกจึงจะแสดงความคิดเห็นได้
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google