แพทริค หอบเรื่องชีวิตตัวเองตั้งแต่เกิดถึงยี่สิบปีมาคุย และแชร์คำสอนของแม่ที่ทำให้เขาบินสูงมาอยู่ในจุดนี้

19 เม.ย. 67 19:08 น. / ดู 2,402 ครั้ง / 0 ความเห็น / 0 ชอบจัง / แชร์
หลังจากมาไทยมีคอนเทนต์ที่ได้เปิดอกพูดคุยให้เหล่าปลาดาวได้รู้จักตัวตนของเขามากยิ่งขึ้นกว่าเดิมไปอีก
สำหรับ แพทริค ณัฐวรรธ์ อย่างล่าสุดก็มีรายการที่ได้ไปดีปทอล์กในหลายๆ เรื่องราวกับทาง Chairs to Share
เปิดรายการมาแพทริคก็บอกเลยว่าเขาอยากมารายการนี้นานแล้ว เห็นพี่ๆ เคยมาได้คุยเรื่องราวต่างๆ เกี่ยวกับงาน
และเรื่องชีวิต วันนี้เขาเองก็หอบเรื่องชีวิตตัวเองตั้งแต่เกิดถึงยี่สิบปีมาคุยโดยเฉพาะเลย 




แล้วก็ได้เปิดถึงเรื่องราวความสุขง่ายๆ สมัยเป็นเด็กชายแพทริค
เขาจะนึกถึงความ simple life แค่เรียนทำการบ้านให้เสร็จเพื่อจะได้ออกไปเล่นกับเพื่อน ไปขี่จักรยานที่กึ่งๆ เป็นป่าลับ มีแม่น้ำยาวๆ ไปนั่งแช่เท้าสบายๆ เป็นอะไรที่ง่ายๆ เล็กๆ แต่เรามีความสุขมากๆ การที่เราว่างและเรามีเวลาให้เกิดความ creative มากขึ้น ตอนเด็กๆ ถามว่าแสบไหม ก็พอสมควรชอบแหกปากร้องเพลงเสียงดังในห้องน้ำเป็นชั่วโมง แถมร้องแบบมั่วๆ ไม่เป็นภาษาด้วย ส่วนวีรกรรมสุดแสบเคยไปห้างกับแม่ และอยากไปไหนก็เดินตรงดิ่งไปเลยไม่รอแม่ จนสุดท้ายหลงก็ตกใจ
วิ่งตามหาแม่ นั่งร้องไห้ แล้วมีพนักงานมาดู แต่จริงๆ แล้วแม่เห็นเหตุการณ์ทุกอย่าง แต่แม่แค่อยากให้เราเรียนรู้ว่าอยู่คนเดียว
จะแก้ปัญหายังไง อีกภาพความทรงจำที่จำได้ดีตอนโตขึ้นมาหน่อยคือการได้ใช้เวลาอยู่กับครอบครัว กินข้าวด้วยกัน ได้ร้องเพลงสนุกสนานไปด้วยกัน และพอเราโตขึ้นเรียนด้วยทำงานไปด้วย สมองเราก็จะคิดนู่นคิดนี่ การได้มีสิ่งเล็กๆ ตรงนี้ แบบแต่ก่อนอาจจะมองข้ามแต่ตอนนี้ได้นึกถึงก็จะ appreciate กับมันมากๆ





ส่วนอะไรที่เป็น Inspiration ทำให้อยากเข้าวงการ
เจ้าตัวบอก ถ้าเพลงเป็นเพลง Baby ของ Justin Bieber เพราะร้องบ่อยๆ ตอนอยู่เยอรมัน แม่เห็นเลยถาม
อยากเรียนดนตรีอะไรไหม เลยได้เริ่มเรียนเปียโน 4-5 ปี และได้เล่นมั่วๆ จนมีคอร์ดมีเพลงของตัวเอง เลยชอบการ
ร้องเพลงแต่นั้นมา ส่วนหนังไม่มีเรื่องไหนเจาะจง แต่ชอบบรรยากาศในโรงหนัง และพอได้เรียนเอกการแสดงที่ปักกิ่งก็มีโอกาสได้ดูหนังเรื่องนึงชื่อ Babylon และชอบมาก ในหนัง พระเอกจะพูดว่า การอยู่ในหนัง เราสามารถ escape ตัวเองจากโลกความเป็นจริงได้  สามารถอยู่ใน fantasy ใน dream ได้ เพราะแพทเป็นคนนึงที่ชอบจินตนาการไรงี้ตลอด ยังมีคำพูด We make movies to make them stay forever แบบหนังเป็นผลงานชนิดนึงที่จะอยู่กับเราและทุกคนได้ตลอดไป และการที่เรามีผลงานภาพยนตร์
ไม่ใช่แค่ได้เห็นผลงานตัวเอง แต่เป็นการได้เห็นรีแอคของผู้คนรอบข้างต่อผลงานของเรา ว่าชอบไม่ชอบตรงไหน  appreciate กับงานตรงนั้นของเรายังไง





พาร์ทของการไปแข่งขันใน  CHUANG2021 ตอนนั้นไปยังเด็กมากๆ เทียบกับคนอื่นเขาโตกว่าและผ่านการฝึกมา
มีประสบการณ์เยอะกว่า ก็มีช่วงที่ต้องปรับตัวเรียนรู้และกดดันมากๆ มีช่วงสเตจ final อยากทำ perf ที่เซอร์ไพรส์คนดู
ก็ซ้อมหนักจนร่างกายมันล้าจนต้องไปหาหมอ แต่ก็กัดฟันซ้อมเพื่ออยากให้สเตจออกมาดี และพอทำออกมาเห็นทุกคนชอบก็ดีใจมากๆ
ซึ่งนี่คือสเตจที่แพทเขาตั้งใจจริงๆ

https://twitter.com/Peach__Patrick/status/1386289021307916290


ถ้าในช่วงที่ rank ตกแพทก็มีวิธีฮีลใจตัวเองคือ การได้ยินฟีดแบ็กจากพี่ช่างแต่งหน้าในรายการที่เขามีคอนเน็กชั่น
บอกว่าผลตอบรับของแฟนๆ ว่าเป็นยังไง ว่าเขาชอบเรานะ เลยเป็นสิ่งที่ทำให้สามารถที่จะฮึบแล้วก็มีกำลังใจในการ
ที่จะถ่ายทำแล้วก็สู้ต่อไปได้
🥹




เขยิบมาพาร์ทที่เป็นเคล็ดลับในการทำให้แพทเรียนรู้ภาษาจีนได้ไวแถมสอบเข้ามหาลัยบ้านเขาได้ด้วย
ทั้งที่ตารางงานก็เยอะว่าทำได้ยังไง เจ้าตัวตอบติดตลก ผมก็ไม่รู้ ก่อนจะบอกว่า อาจเป็นเพราะเรามีแพสชัน
รู้ว่าเป้าหมายของตัวเองคืออะไร ต้องทำยังไงก็ได้ให้ไปให้ถึง แบบยังไงเราก็ต้องเรียนภาษาจีน เพื่อที่จะได้สื่อสาร
กับทุกคนให้เข้าใจ และยอมรับเคยมีช่วงอยากยอมแพ้ตอนจะสอบ HSK5 (การสอบวัดระดับความรู้ภาษาจีนระดับ 5
ที่สามารถใช้สอบเข้ามหาลัยที่จีนได้) ตอนนั้นอยากยอมแพ้เพราะรู้สึกมันหนักไป เพราะเราทำงานไปด้วย ก็เลย
พยายามหาเวลาอ่านหนังสือ ด้วยการตื่นเช้ากว่าเดิมไม่ก็นอนดึกขึ้น ก็มีให้พี่ๆ INTO1 ช่วยดูเรื่องภาษาให้ด้วย
ตอนสอบคนที่นั่งข้างๆ มีถอนหายใจแรงมากกับความหินของข้อสอบ ไอ้เราก็มองแล้วคิดในใจเหมือนกัน และช่วงที่ก่อนส่งข้อสอบก็มี นั่งตรงนั้นและยกมือไหว้  ขอเถอะ ผ่านเถอะ เพราะมันยากจริงๆ แต่สุดท้ายคะแนนก็ออกมาดี แถมช่วงที่สอบตอนนั้นคาบเกี่ยวกับตารางานตอนไป Paris fashion week ด้วย ยังมีคุยกับผจก.อยู่เลยว่าอาจจะต้องสอบบนเครื่องบินรึเปล่า

เติบโตมาแบบ booked and busy สุดๆ ไปเลย 🤯




ชีวิตในรั้วมหาลัย ก็จะต่างกับสมัยเป็นเมมเบอร์ INTO1 ที่จะมีกฎและข้อให้ต้องระวังเยอะ แต่กับเพื่อนมหาลัย
เพื่อนเป็นคนที่ไม่ได้แคร์อะไร มีชวนไปสนุกกันไปกินข้าว ไปเที่ยวเล่นกลางคืน เหมือนได้ใช้ชีวิตคือเราก็ยังเป็นเด็ก
ก็อยากมีมุมนี้ด้วย และเพื่อนก็ซัปพอร์ตแบบบมีการตั้งเพลงของแพทเป็นริงโทนด้วย แล้วเหมือนเคยเสียงโทรศัพท์ดัง
ตอนอาจารย์สอนและจารย์ถามเพลงอะไร เพื่อนก็จะบอกเพลงของแพทไงจารย์ไม่รู้จักหรอ และการได้มาเรียนมหาลัย
แวดล้อมไปด้วยคนที่มีความสนใจในเรื่องเดียวกัน ก็ทำให้มุมมองหลายๆ อย่างเปลี่ยนไปเวลาดูหนัง ก็เริ่มมีการวิเคราะห์ตัวละคร สีหน้าท่าทาง การแสดงออกมากขึ้น จากที่เคยทำงานด้านการแสดงมาแล้ว แต่ไม่เคยมีโอกาสได้วิเคราะห์จริงจัง ความสำคัญของแต่ละซีน





และการได้เดินทางตามหาความฝันของแพทที่แผ่นดินใหญ่ ที่ต้องห่างจากเพื่อนครอบครัว
ก็รู้สึกว่าตัวเองใหม่มากกับทุกอย่าง และต้องคอยให้คนอื่นยืนมือมาช่วยเหลือ ช่วงนั้นเป็นช่วงที่รู้สึกว่าตัวเอง helpless ที่สุด
แต่พอเรามีพี่ๆ ในวง ที่คอยช่วยแนะนำเรา แบบเป็นช่วงที่ห่างไกลกับที่บ้านมากๆ แต่ก็เหมือนได้อีกครอบครัวนึงข้ามา
เคยมีช่วงที่ท้อมากๆ จนเคยร้องไห้เหมือนกันในรายการเลยด้วย แต่ถ้าจะร้องจริงๆ ก็จะหาที่เงียบๆ เช่น ห้องน้ำ เวลาจะร้องก็จะหาที่ที่ไม่มีกล้อง ไม่ใช่ว่าเราไม่ควรร้องไห้ แพทรู้สึกว่ามันเป็นสิ่งที่ปกติมากๆ มันก็เป็นอีก emotion นึง และจะชอบ
คิดถึงคำสอนแม่ที่สอนตลอดว่า ให้เราเป็น fighter แล้วแม่ก็จะบอกเราตลอดว่า สมมติว่าชีวิตมันสบายเกินไป มันจะไม่มีรสชาติ มันต้องมีหลายๆ มุม มียากมีง่ายด้วย มันถึงจะเรียกว่ามันคือชีวิตๆ นึง พอเราท้อก็จะนึกถึงคำนี้





มีช่วงให้เล่าเรื่องราวผ่านคีย์เวิร์ดด้วยอย่างคำว่า เกือบตาย แพทก็เล่าถึงเหตุการ์ที่ทำให้เขาเกือบตายว่า
คือได้ลองไปถ่ายสารคดีที่ไห่หนาน เป็นทริปที่เราได้ทำอะไรสักอย่างที่เราไม่กล้าทำและ open ให้เรากล้ามากขึ้น ได้ลองขึ้นภูเขา ดำน้ำ และกระโดดร่ม เป็นครั้งแรก เราก็พร้อมมากๆ อยากกระโดดลงไปแล้วร้องออกมาดังๆ  พออยู่ๆ ตอนกระโดดลงไป เสียงวู้บตรงเซฟตี้  แล้วคนที่เป็นอาจารย์เขาถามบอกว่าเห็นร่มที่หล่นไปไหม อันนั้นร่มเรา  มันเหมือนมีรูมีปัญหาและเขาต้องตัดไปเลย มันเหมือนเราหล่นลงไปเกิน แล้วเขาให้คนกระโดดมาแล้ว 4,000 รอบ เพิ่งเกิดรอบเรารอบแรก




เกิดมา 20 ปี ในวันที่เราสุขที่สุดหรือทุกข์ที่สุด เราจะคิดถึงอะไรอย่างแรก?
ซึ่งคำตอบก็สมเป็นแพทริคเลย เจ้าตัวตอบ อาหาร ทุกคนอาจจะมองข้ามมันไป แต่การกินข้าว กินอะไรที่เรามีความสุข มันเรียบง่าย และมันดีมากๆ บางที่เราทำงานหนักมากๆ จนลืมกินข้าว การได้กินอะไรอร่อยๆ เหมือนมันให้ reward กับเรา 😋


เด็กเอกการแสดงยังได้พูดถึงหนังเรื่องโปรดของเขาอย่าง About Time ที่รีเลทและให้ข้อคิดไว้ด้วยว่า
เมื่อก่อนเราอาจจะคิดว่าเวลามันไม่ได้สำคัญ แต่พอเราดูหนังเรื่องนี้แล้ว About time เรารู้สึกว่า ทุกวินาทีสำคัญมากๆ และบางครั้งเราไม่ใช้มันดีๆ มันจะกลับไปไม่ได้




กับเจ้าปลาดาว ก็รู้สึกขอบคุณทุกคนที่เป็นส่วนหนึ่งของแพท รู้สึกว่าเราซัพพอร์ตซึ่งกันและกัน เวลาเห็นทุกคนมีความสุขหรือดีใจ แพทก็ดีใจเหมือนกัน ส่วนเป้าหมายในอนาคตคือ มีผลงานที่สามารถรับรางวัลได้ และให้ทุกคนดูผลงานแล้วมีแรงบันดาลใจหรือเปลี่ยนชีวิตความคิด และหวังว่าจะมีสเตจใหญ่ให้ทุกคนมาสนุกด้วยกัน แฮปปี้ไปกับโมเมนต์นั้นเก็บเป็นไฮไลท์ส่วนหนึ่งของทุกคน🩷



#แพทริคณัฐวรรธ์

ขอบคุณภาพและคลิปจาก
@thestandardpop @Peach__Patrick
แก้ไขล่าสุด 19 เม.ย. 67 21:39 | เลขไอพี : ไม่แสดง | ตั้งกระทู้โดย Windows 10

อ่านต่อ คุณอาจจะสนใจเนื้อหาเหล่านี้ (ความคิดเห็นกระทู้ อยู่ด้านล่าง)

ความคิดเห็น

ยังไม่มีความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น

จะต้องเป็นสมาชิกจึงจะแสดงความคิดเห็นได้
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google