กลัฟ มาเปิดปากพูดถึงสองแผลใจที่ได้จากวงการบันเทิง และเรื่องที่ทำให้อ่อนไหวมีน้ำตาได้ตลอด

9 เม.ย. 67 02:43 น. / ดู 3,742 ครั้ง / 0 ความเห็น / 0 ชอบจัง / แชร์
เป็นรายการแรกๆ เลยที่ได้เห็นหนุ่มหน้ามนของชาวลูกบอล กลัฟ คณาวุฒิ  ได้ไปพูดคุย
เปลือยความคิดอ่านและตัวตนให้ได้รู้จักและเข้าใจหนุ่มคนนี้แบบลึกมากขึ้น
เปิดมาก็ได้เล่าเรื่องที่ทำให้นึกถึงบ่อยในวัยเด็ก ก็คือไปรายการเล่าเรื่องกลัวไข่ตุ๋นบ่อยแล้ว
คราวนี้มาแชร์เรื่องดีดีว่า เคยสอบได้ที่หนึ่งครั้งแรก น่าจะตอนอนุบาลสอง เป็นความรู้สึกที่ติดกับตัวเรามาตลอด ส่วนวัยมัธยมมาก็เฮี้ยวเข้าห้องปกครองบ่อย และเคยจะไปมีเรื่องกับเด็กแก๊งที่สยาม และอารมณ์ร้อนขึ้นแทนเพื่อน แล้วแม่เผอิญไปที่สยามพอดี แม่ก็รู้ว่าจะไปมีเรื่องและก็เดินตามหาทั่วจนเจอและขอร้องให้เรากลับบ้าน แต่เราไม่กลับพอมารู้ทีหลัง วันนั้นแม่ร้องไห้ ถ้าย้อนเวลากลับไปคงกลับไปเบิ๊ดกะโหลกสักที เพราะเห็นข่าวสมัยนี้มีเรื่องกันและเกิดความสูญเสีย คนที่เสียใจก็มีแต่คนในครอบครัว




และเข้าวงการมาตั้งแต่ตอนอยู่ ม.3 จนมาถึงตอนนี้ถามว่ามีเหตุการณ์อะไรที่เป็นบาดแผล
กลัฟ: แผลแรก น่าจะเป็นช่วงแรกที่ผมทำงานวงการใหม่ๆ ช่วงนั้นเราเริ่มมาจากซีรีส์วายด้วย ความจิ้นของพี่ๆ แฟนคลับก็จะค่อนข้างเยอะ ช่วงแรกๆ ผมพูดได้เลยว่า ผมมีแฟนเป็นผู้หญิง ช่วงนั้นความจิ้นของพี่ๆ แฟนคลับจะเยอะมากๆ ก็อยากให้เราอยู่กับคู่ของเราแค่อย่างเดียว ไม่อยากให้เรามีปฏิสัมพันธ์กับผู้ชายผู้หญิงคนอื่น เราคบกับแฟนมา 2 ปี  ตั้งแต่สมัยเรียน พอทำงานมันมีตัวแปรทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างผมกับแฟนเก่าเปลี่ยนไป ซึ่งผมคิดว่าน่าจะเกิดจากเวลา และโซเชียล อย่างโซเชียลคือหนักมาก ผู้หญิงเขาโดนถล่ม แล้วเราเป็นคนกลางที่ต้อง Hold อะไรไว้หลายอย่าง ทั้งความรู้สึกพี่ๆ แฟนคลับความรู้สึกผู้หญิงรวมถึงเราและครอบครัวด้วย มันรุมเร้าเยอะมากๆ ทำให้เรารู้สึกวงการบันเทิงมันไม่ได้สวยงามหรือสนุกอย่างที่เราคิด เหมือนเป็นการสร้างแผลบางอย่างในใจเราด้วย เลยรู้สึกมันเป็นบทเรียนที่สำคัญมากๆ ในการใช้ชีวิต





อีกหนึ่งแผลคือ เป็นคำปรามาส คำครหาจากหลายๆ คน ผมเป็นคนที่ชอบฟังเพลง ชอบแร็ปมาก อยากเป็นแร็ปเปอร์ แต่สิ่งที่ผมไม่ถนัดเลยคือการร้องเพลง แต่แร็ปกับร้องมันต้องมาด้วยกัน ไม่ใช่เราไม่พยายามนะ เราพยายามแล้ว แต่มันอาจจะไม่ได้ดีตามมาตรฐานที่หลายๆ คนหวังไว้ เราก็ไม่ได้ทำเพื่อให้คนมองเราเป็นศิลปินหรอก แต่คำครหาต่างๆ ที่เข้ามาพอเป็นนักแสดงแล้วมาทำในพาร์ทเพลง สิ่งแรกที่จะโดน ไม่ได้ร้องเพลงดีจริง ก็แค่เอาหน้าตามา แล้วก็ให้พี่ๆ แฟนคลับฟัง ซึ่งแรงใน Process ขั้นตอนการทำ พวกคุณไม่ได้มานั่งฟัง และแค่เพราะผมเป็นนักแสดงคุณก็เลือกที่จะไม่ฟังแล้ว มันเลยเป็นอีกแผล
นึงที่เราหาวิธีจะข้ามผ่าน

เป็นสองแผลที่หนักหนามาก ถ้าไม่มีรายการนี้คงไม่ได้ยินคุณเขามาแชร์ให้ฟังง่ายๆ แน่🥲




ถามถึงการมองตัวเองในอนาคตของกลัฟ เจ้าตัวบอก เขาโฟกัสสิ่งที่จะเจอในอนาคตเร็วๆ นี้มากกว่า จะให้บอก
อีก 5 ปีทำอะไรอยู่ 10 ปีทำอะไรอยู่ ไม่สามารถบอกได้จริงๆ เพราะรู้สึกว่าไม่แน่ว่าพรุ่งนี้อาจจะไปเจออะไรใหม่ๆ
ที่อยากทำ ณ ตอนนี้ผมมีแพชชั่นกับอะไรก็อยากทำสิ่งนั้น ตอนนี้มีในเรื่องเพลงเพราะได้ไปคลุกคลีกับคนทำเพลงที่เขาเติม
เข้ามาให้เรา  และ 5 ปีที่ทำงานมาปีนี้เป็นปีที่ทำงานแบบจริงจัง แบบที่ตัวเองรู้ว่าตัวเองชอบอะไรไม่ชอบอะไร 4 ปีก่อนหน้านี้คือการลองมากกว่า





นอกจากได้พูดคุยถึงพาร์ทการทำงานและงานแสดงแล้วทางรายการยังมีชุดคำให้กลัฟสุ่มจับ
และเล่าเรื่องราวผ่านคีย์เวิร์ดนั้นๆ อย่างอันแรกได้ ช่วงชีวิต & ย้อนเวลา
กลัฟเลือกแชร์ช่วงชีวิตตอน สวนกุหลาบ เพราะเป็นช่วงที่แฮปปี้กับชีวิต กับทุกๆ เรื่องที่เข้ามา คิดถึงเพื่อน คิดถึงวัยสวนกุหลาบมาก อยากกลับไปอยู่ในช่วงชีวิตนั้น อยากกลับไปใช้ชีวิตแบบนั้น อยากให้ทุกๆ วันเป็นแบบนั้น




ยังมีชุดคำที่กลัฟได้เลือกเองเป็น ร้องไห้ & เพลง
กลัฟ: เลือก ร้องไห้ เพราะพี่ๆ แฟนคลับไม่ค่อยเห็นผมในมุมที่เสียน้ำตา ถ้าไม่ใช่ละคร พี่ๆ แฟนคลับก็จะไม่เห็นผมร้องไห้ ไม่ค่อยเห็นมุมเสียใจหรืออ่อนแอของผม ส่วน เพลง เพราะมันถ่ายทอดอารมณ์ได้ดี ก็เล่าเป็นเรื่องเพลงที่ทำให้ร้องไห้ ผมเป็นคนที่ sensitive เรื่องครอบครัวมาก  ครอบครัวจะมาเป็นอันดับหนึ่ง บนหิ้งเลย คือห้ามใครมายุ่ง ถ้าจะด่าด่าผม อย่าไปด่าครอบครัว ห้ามไปยุ่งกับครอบครัวเด็ดขาด ถ้าใครยุ่งกับครอบครัวคือผมไม่ยอม และผมจะมีเพลงๆ นึงที่ได้ยินเสียงแค่เสียงเปียโนขึ้นมา ก็จะคิดถึงที่บ้านเริ่มคิดถึงแม่ คิดถึงพ่อ คิดถึงพี่สาวนั่นคือเพลง Hello Mama - ไททศมิตร  มันอาจจะอยู่ในช่วงวัยที่เราทำงานด้วย ต้องเจอหลายๆ สิ่งที่ไม่ได้สวยงามตลอดและเจอเรื่องนั้นมาคนเดียว พอได้ยินเพลงนี้ก็คิดถึงที่บ้าน อย่างน้อยเหตุการณ์ต่างๆ ที่ผ่านก็จะมีคนที่บ้านให้กำลังใจ เรากำลังทำงานกำลังเหนื่อยขอแค่เราโทรกลับไป ฮัลโหลแม่ ทำไรอยู่ มันก็ทำให้เราแฮปปี้ 🥹ถามว่าเวลามีปัญหาเป็นคนเก็บไหม ไม่อยากให้มีคนมาเครียดละกัน ยิ่งถ้าเป็นคนในครอบครัว ปัญหาไหนที่เคลียร์ได้ ก็ไม่อยากให้ครอบครัวมายุ่ง




แล้วกลัฟบอกที่ได้เห็นเขาได้มาแชร์อะไรแบบนี้บนเก้าอี้ตัวนี้ ก็เพราะว่าไม่มีโอกาสได้พูดในมุมที่หลายๆ คนไม่ได้รู้
หลายๆ คนก็อยากจะเสพในมุมที่เขาอยากจะรู้แหละ อาจจะด้วยความที่ผมไม่อยากเอาความเครียดหรือว่าความทุกข์อะไรต่างๆ ที่ผมเผชิญมา มาโยนให้คนอื่นด้วยมั้งครับ ผมเลยอาจจะไม่ได้เลือกที่จะแชร์เรื่องพวกนี้บ่อยมากเท่าไร





เพื่อนก็เป็นอีกหนึ่งความสัมพันธ์ที่มีความสำคัญกับกลัฟอย่างเพื่อนๆ ในวงการ 
กลัฟ: พูดจริงๆ ในวงการบันเทิงหาเพื่อนสนิทยาก เพื่อนสนิทที่เราจะให้ใจ 100% รู้สึกว่าหายาก แต่ผมโชคดีที่ผมมี ไบร์ท อู๋ มีแก๊ง F4 คนเหล่านี้เขาให้ใจเรา และเราก็ให้ใจเขา หลายๆ คนอาจจะมองว่าพวกเราต้องแข่งกัน แต่จริงๆ พวกเราซัปพอร์ตกัน 🥰




เรื่องความรัก ถ้าถามถึงไลฟ์สไตล์เวลาพาสาวไปเดต
กลัฟก็เน้นเป็น สายตามใจ เขาอยากทานอยากทำอะไรก็พาไป อยากได้อันนี้หรอ เอาสิ
และเชื่อว่าตัวเองเป็นคนที่ไม่โรแมนติกเลย
ส่วนมองเรื่องความรักกับการเป็นศิลปินยังไง เจ้าตัว
ถึงกับบอก ยากจังพอเป็นคำว่าดารา มันไปคู่กับคำว่าแฟนค่อนข้างยากผมรู้สึกว่าถ้าคุณจะทำงานในวงการบันเทิง สิ่งที่สำคัญหลักคือแฟนคลับถ้าคุณมีแฟนสิ่งที่ลดลงคือแฟนคลับ แต่ถึงกระนั้นคุณบิ๊กกลัฟก็กล้าพูดว่า พี่ๆ แฟนคลับคือครอบครัวของผม ผมกล้าพูดได้เลยว่า ผมรักทุกๆ คนเหมือนคนในครอบครัว ผมทรีตทุกๆ คนในแฟนคลับเหมือนคนในครอบครัว และคำว่าครอบครัวสำหรับผมคือ Tier แรก อยู่แล้ว




คำถามสุดท้ายมองภาพชีวิตในฝันในวัย 60 ไว้ยังไง
กลัฟ: อยู่กับครอบครัวที่มีคุณพ่อคุณแม่ แฟน ลูก หมา แมว ที่สวิตเซอร์แลนด์ 



#กลัฟคณาวุฒิ

ขอบคุณภาพและคลิปจาก
YT: THE STANDARD POP
แก้ไขล่าสุด 9 เม.ย. 67 14:58 | เลขไอพี : ไม่แสดง | ตั้งกระทู้โดย Windows 10

อ่านต่อ คุณอาจจะสนใจเนื้อหาเหล่านี้ (ความคิดเห็นกระทู้ อยู่ด้านล่าง)

ความคิดเห็น

ยังไม่มีความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น

จะต้องเป็นสมาชิกจึงจะแสดงความคิดเห็นได้
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google