ไม้แอช: ตัวเลือกที่หลากหลายสำหรับพื้นและเฟอร์นิเจอร์
14 มี.ค. 67 14:54 น. /
ดู 1,810 ครั้ง /
1 ความเห็น /
0 ชอบจัง
/
แชร์
ไม้แอช: ตัวเลือกที่หลากหลายสำหรับพื้นและเฟอร์นิเจอร์
1. บทนำ: ไม้แอช
ไม้แอช ซึ่งได้มาจากต้นแอชขาว (Fraxinus spp.) เป็นไม้เนื้อแข็งที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลายในการผลิตเฟอร์นิเจอร์ชั้นดี พื้น ตู้ และการก่อสร้าง คุณสมบัติอันเป็นเอกลักษณ์ ทำให้ไม้ชนิดนี้เป็นที่นิยมสำหรับการใช้งานที่หลากหลาย
1.1 สีและลักษณะปรากฏ
- สีแก่น (Heartwood): แก่นของไม้แอชมีสีตั้งแต่สีน้ำตาลอ่อนไปจนถึงสีน้ำตาลกลาง บางครั้งอาจมีริ้วสีเข้มกว่า ซึ่งบางครั้งเรียกว่า "ไม้แอชสีมะกอก" (Olive Ash)
- กระพี้ไม้ (Sapwood): กระพี้ไม้แอชมีสีเบจหรือน้ำตาลอ่อน มักกลืนไปกับแก่นไม้ได้อย่างกลมกลืน
- ลายไม้ (Grain): โดยทั่วไปไม้แอชจะมีลายเส้นตรง แต่สภาพแวดล้อมที่ไม่เหมือนกันในระหว่างการเจริญเติบโตสามารถสร้างลายไม้ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เช่น ลายหยิก (curly) หรือ ลายตาไก่ (birdseye)
2. ข้อดีของไม้แอช
2.1 ความทนทานและแข็งแรง
- ค่าความแข็ง Janka (Janka Hardness): ไม้แอชมีค่าความแข็ง Janka ประมาณ 1320 ซึ่งมีความทนทาน เหมาะสำหรับพื้นที่ที่มีการเดินเท้าหนาแน่น
- การดูดซับแรงกระแทก (Shock Absorption): ความยืดหยุ่นสูง ทำให้ไม้แอชเป็นตัวดูดซับแรงกระแทกได้ดีเยี่ยม เหมาะสำหรับพื้นที่ที่อาจเกิดเสียงสะท้อน
2.2 ความสวยงาม
- สไตล์ร่วมสมัย (Contemporary Aesthetic): สีอ่อนของไม้แอชเข้ากับสไตล์ร่วมสมัย ให้ความรู้สึกอบอุ่นโดยไม่ทำให้พื้นที่ดูทึบ
- การเน้นลวดลาย (Character Definition): ลายไม้ช่วยเพิ่มความโดดเด่นให้กับพื้นที่ภายในโดยไม่สร้างลวดลายที่รบกวนสายตา
2.3 ปัจจัยด้านความยั่งยืน
- สถานะใกล้สูญพันธุ์ (Endangered Status): ไม้แอชอยู่ในสถานะใกล้สูญพันธุ์ในสหรัฐอเมริกา เนื่องจากการระบาดของแมลงด้วงกว่างมรกต (emerald ash borer) ทำให้ไม่ใช่ตัวเลือกที่ยั่งยืน
- ความไม่สม่ำเสมอ (Inconsistencies): เนื่องจากความขาดแคลน การหาไม้แอชสำหรับพื้นที่อาจเป็นเรื่องยาก
3. ประเภทไม้แอชตามภูมิภาค: ไม้แอชจีน, ไม้แอชสหรัฐอเมริกา, ไม้แอชฝรั่งเศส และไม้แอชยุโรปตะวันออก
3.1 ไม้แอชจีน
- ลายไม้และสี (Grain and Color): ไม้แอชจีนมีลายเส้นตรงและสีอ่อนคล้ายกับไม้แอชชนิดอื่นๆ
- ความแข็งแรง (Strength): เทียบได้กับไม้แอชสายพันธุ์อื่น
- ปริมาณแทนนิน (Tannin Concentration): งานวิจัยเกี่ยวกับข้าวฟ่างจีนชี้ให้เห็นความสัมพันธ์ระหว่างสีของเนื้อไม้กับปริมาณแทนนิน
หมายเหตุ
1. งานวิจัยเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างสีของเนื้อไม้กับปริมาณแทนนินอ้างอิงจากงานวิจัยข้าวฟ่างจีน ไม้แอชอาจมีการศึกษาที่แตกต่างกัน
3.2 ไม้แอชสหรัฐอเมริกา
- ความพร้อมจำหน่าย (Availability): แม้จะได้รับผลกระทบจากแมลงด้วงกว่างมรกต ไม้แอชสหรัฐอเมริกายังคงเป็นที่นิยม
- ความแตกต่างของสี (Color Deviation): มีสีสันคล้ายกับไม้แอชชนิดอื่น ๆ โดยมีความแตกต่างระหว่างแก่นไม้และกระพี้ไม้
- ความแข็งแรง (Strength): ทนทาน เหมาะสำหรับการใช้งานหลากหลาย
3.3 ไม้แอชฝรั่งเศส
- สีและลายไม้ (Color and Grain): ไม้แอชฝรั่งเศสมีสีน้ำตาลอ่อนไปจนถึงสีน้ำตาลกลางแบบทั่วไป มีริ้วสีเข้ม
- การใช้งาน (Applications): นิยมใช้ทำเฟอร์นิเจอร์ในยุโรป
- ปริมาณแทนนิน (Tannin Content): จำเป็นต้องมีงานวิจัยเพิ่มเติมเพื่อศึกษาปริมาณแทนนิน
3.4 ไม้แอชยุโรปตะวันออก
- สีและลายไม้ (Color and Grain): ไม้แอชยุโรปตะวันออกมีลักษณะคล้ายคลึงกับไม้แอชชนิดอื่น
- การใช้งาน (Applications): ใช้ทำเฟอร์นิเจอร์ พื้น และกระเบื้อง
- การดัดแปลงด้วยความร้อน (Thermal Modification): งานวิจัยเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสีอันเนื่องมาจากการดัดแปลงด้วยความร้อน
หมายเหตุ 2. งานวิจัยเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสีอันเนื่องมาจากการดัดแปลงด้วยความร้อน ยังไม่มีการแปลเป็นภาษาไทย
4. บทสรุป
ความหลากหลาย ความทนทาน และความสวยงามของไม้แอช ทำให้ไม้ชนิดนี้ยังคงเป็นวัสดุที่ได้รับความนิยม ไม่ว่าคุณจะเลือกไม้แอชจีน ไม้แอชสหรัฐอเมริกา ไม้แอชฝรั่งเศส หรือไม้แอชยุโรปตะวันออก ไม้แต่ละชนิดก็มีเสน่ห์เฉพาะตัวที่จะนำมาสู่พื้นที่อยู่อาศัยของคุณ
สิ่งที่ควรคำนึงถึงเมื่อเลือกพื้นไม้แอช:
ความยั่งยืน: ไม้แอชอยู่ในสถานะใกล้สูญพันธุ์ในบางพื้นที่ เลือกไม้แอชจากแหล่งที่ยั่งยืน
ความพร้อมจำหน่าย: ไม้แอชบางชนิดอาจหายากกว่าชนิดอื่น
สไตล์: เลือกไม้แอชที่มีสีและลายไม้ที่เหมาะกับสไตล์การตกแต่งของคุณ
ไม้แอช: จุดที่ความสง่างามเหนือกาลเวลามาบรรจบกับความใช้งานจริง
หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์และน่าสนใจสำหรับคุณ! หากมีคำถามเพิ่มเติมหรือต้องการรายละเอียดเพิ่มเติม
https://www.arrowwood.co.th
1. บทนำ: ไม้แอช
1.1 สีและลักษณะปรากฏ
- สีแก่น (Heartwood): แก่นของไม้แอชมีสีตั้งแต่สีน้ำตาลอ่อนไปจนถึงสีน้ำตาลกลาง บางครั้งอาจมีริ้วสีเข้มกว่า ซึ่งบางครั้งเรียกว่า "ไม้แอชสีมะกอก" (Olive Ash)
- กระพี้ไม้ (Sapwood): กระพี้ไม้แอชมีสีเบจหรือน้ำตาลอ่อน มักกลืนไปกับแก่นไม้ได้อย่างกลมกลืน
- ลายไม้ (Grain): โดยทั่วไปไม้แอชจะมีลายเส้นตรง แต่สภาพแวดล้อมที่ไม่เหมือนกันในระหว่างการเจริญเติบโตสามารถสร้างลายไม้ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เช่น ลายหยิก (curly) หรือ ลายตาไก่ (birdseye)
2. ข้อดีของไม้แอช
2.1 ความทนทานและแข็งแรง
- ค่าความแข็ง Janka (Janka Hardness): ไม้แอชมีค่าความแข็ง Janka ประมาณ 1320 ซึ่งมีความทนทาน เหมาะสำหรับพื้นที่ที่มีการเดินเท้าหนาแน่น
- การดูดซับแรงกระแทก (Shock Absorption): ความยืดหยุ่นสูง ทำให้ไม้แอชเป็นตัวดูดซับแรงกระแทกได้ดีเยี่ยม เหมาะสำหรับพื้นที่ที่อาจเกิดเสียงสะท้อน
2.2 ความสวยงาม
- สไตล์ร่วมสมัย (Contemporary Aesthetic): สีอ่อนของไม้แอชเข้ากับสไตล์ร่วมสมัย ให้ความรู้สึกอบอุ่นโดยไม่ทำให้พื้นที่ดูทึบ
- การเน้นลวดลาย (Character Definition): ลายไม้ช่วยเพิ่มความโดดเด่นให้กับพื้นที่ภายในโดยไม่สร้างลวดลายที่รบกวนสายตา
2.3 ปัจจัยด้านความยั่งยืน
- สถานะใกล้สูญพันธุ์ (Endangered Status): ไม้แอชอยู่ในสถานะใกล้สูญพันธุ์ในสหรัฐอเมริกา เนื่องจากการระบาดของแมลงด้วงกว่างมรกต (emerald ash borer) ทำให้ไม่ใช่ตัวเลือกที่ยั่งยืน
- ความไม่สม่ำเสมอ (Inconsistencies): เนื่องจากความขาดแคลน การหาไม้แอชสำหรับพื้นที่อาจเป็นเรื่องยาก
3. ประเภทไม้แอชตามภูมิภาค: ไม้แอชจีน, ไม้แอชสหรัฐอเมริกา, ไม้แอชฝรั่งเศส และไม้แอชยุโรปตะวันออก
3.1 ไม้แอชจีน
- ลายไม้และสี (Grain and Color): ไม้แอชจีนมีลายเส้นตรงและสีอ่อนคล้ายกับไม้แอชชนิดอื่นๆ
- ความแข็งแรง (Strength): เทียบได้กับไม้แอชสายพันธุ์อื่น
- ปริมาณแทนนิน (Tannin Concentration): งานวิจัยเกี่ยวกับข้าวฟ่างจีนชี้ให้เห็นความสัมพันธ์ระหว่างสีของเนื้อไม้กับปริมาณแทนนิน
หมายเหตุ
1. งานวิจัยเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างสีของเนื้อไม้กับปริมาณแทนนินอ้างอิงจากงานวิจัยข้าวฟ่างจีน ไม้แอชอาจมีการศึกษาที่แตกต่างกัน
3.2 ไม้แอชสหรัฐอเมริกา
- ความพร้อมจำหน่าย (Availability): แม้จะได้รับผลกระทบจากแมลงด้วงกว่างมรกต ไม้แอชสหรัฐอเมริกายังคงเป็นที่นิยม
- ความแตกต่างของสี (Color Deviation): มีสีสันคล้ายกับไม้แอชชนิดอื่น ๆ โดยมีความแตกต่างระหว่างแก่นไม้และกระพี้ไม้
- ความแข็งแรง (Strength): ทนทาน เหมาะสำหรับการใช้งานหลากหลาย
3.3 ไม้แอชฝรั่งเศส
- สีและลายไม้ (Color and Grain): ไม้แอชฝรั่งเศสมีสีน้ำตาลอ่อนไปจนถึงสีน้ำตาลกลางแบบทั่วไป มีริ้วสีเข้ม
- การใช้งาน (Applications): นิยมใช้ทำเฟอร์นิเจอร์ในยุโรป
- ปริมาณแทนนิน (Tannin Content): จำเป็นต้องมีงานวิจัยเพิ่มเติมเพื่อศึกษาปริมาณแทนนิน
3.4 ไม้แอชยุโรปตะวันออก
- สีและลายไม้ (Color and Grain): ไม้แอชยุโรปตะวันออกมีลักษณะคล้ายคลึงกับไม้แอชชนิดอื่น
- การใช้งาน (Applications): ใช้ทำเฟอร์นิเจอร์ พื้น และกระเบื้อง
- การดัดแปลงด้วยความร้อน (Thermal Modification): งานวิจัยเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสีอันเนื่องมาจากการดัดแปลงด้วยความร้อน
หมายเหตุ 2. งานวิจัยเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสีอันเนื่องมาจากการดัดแปลงด้วยความร้อน ยังไม่มีการแปลเป็นภาษาไทย
4. บทสรุป
ความหลากหลาย ความทนทาน และความสวยงามของไม้แอช ทำให้ไม้ชนิดนี้ยังคงเป็นวัสดุที่ได้รับความนิยม ไม่ว่าคุณจะเลือกไม้แอชจีน ไม้แอชสหรัฐอเมริกา ไม้แอชฝรั่งเศส หรือไม้แอชยุโรปตะวันออก ไม้แต่ละชนิดก็มีเสน่ห์เฉพาะตัวที่จะนำมาสู่พื้นที่อยู่อาศัยของคุณ
สิ่งที่ควรคำนึงถึงเมื่อเลือกพื้นไม้แอช:
ความยั่งยืน: ไม้แอชอยู่ในสถานะใกล้สูญพันธุ์ในบางพื้นที่ เลือกไม้แอชจากแหล่งที่ยั่งยืน
ความพร้อมจำหน่าย: ไม้แอชบางชนิดอาจหายากกว่าชนิดอื่น
สไตล์: เลือกไม้แอชที่มีสีและลายไม้ที่เหมาะกับสไตล์การตกแต่งของคุณ
ไม้แอช: จุดที่ความสง่างามเหนือกาลเวลามาบรรจบกับความใช้งานจริง
หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์และน่าสนใจสำหรับคุณ! หากมีคำถามเพิ่มเติมหรือต้องการรายละเอียดเพิ่มเติม
https://www.arrowwood.co.th
แก้ไขล่าสุด 14 มี.ค. 67 14:56 |
เลขไอพี : ไม่แสดง
| ตั้งกระทู้โดย Linux
อ่านต่อ คุณอาจจะสนใจเนื้อหาเหล่านี้ (ความคิดเห็นกระทู้ อยู่ด้านล่าง)
ความคิดเห็น
จะต้องเป็นสมาชิกจึงจะแสดงความคิดเห็นได้
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google