พื้นไม้จริงเทียบกับพื้นไม้เอ็นจิเนียร์: เปิดเผยความแตกต่าง
17 ก.พ. 67 15:24 น. /
ดู 2,355 ครั้ง /
1 ความเห็น /
0 ชอบจัง
/
แชร์
พื้นไม้จริงเทียบกับพื้นไม้เอ็นจิเนียร์: เปิดเผยความแตกต่าง
บทนำ:
เมื่อพูดถึงตัวเลือกพื้น พื้นไม้จริงและพื้นไม้เอ็นจิเนียร์เป็นตัวเลือกยอดนิยมมานาน ทั้งสองแบบมอบความรู้สึกเหนือกาลเวลา เพิ่มความอบอุ่นและคาแรคเตอร์ให้กับทุกพื้นที่ อย่างไรก็ตาม พวกมันมีความแตกต่างกันในเรื่ององค์ประกอบ วิธีการติดตั้ง การดูแลรักษา และผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม บทความนี้จะเจาะลึกถึงรายละเอียดต่างๆ ของพื้นไม้จริงและพื้นไม้เอ็นจิเนียร์ เปรียบเทียบความแตกต่างของพวกมันในหลายแง่มุม
I. องค์ประกอบ:
พื้นไม้จริง: ผลิตจากไม้ชิ้นเดียว มักจะเป็นไม้เนื้อแข็ง ที่ผ่านการตัดเป็นแผ่น แต่ละแผ่นเป็นไม้เนื้อแข็งสม่ำเสมอทั่วทั้งชิ้น มอบลุคธรรมชาติและดั้งเดิม
พื้นไม้เอ็นจิเนียร์: ประกอบด้วยหลายชั้น ชั้นบนสุดทำจากไม้จริง เรียกว่า วีเนียร์ หรือ ลาเมลลา ในขณะที่ชั้นแกนกลางผลิตจาก ไม้อัด หรือ แผ่นใยไม้อัดความหนาแน่นสูง (HDF) องค์ประกอบแบบหลายชั้นนี้ช่วยให้มีความคงทน และลดผลกระทบจากความชื้นและอุณหภูมิ
II. รูปลักษณ์และความหลากหลาย:
พื้นไม้จริง: แสดงความงามตามธรรมชาติของไม้ชนิดนั้นๆ โชว์ลวดลายไม้ ปุ่มไม้ และสีสันที่แตกต่างกัน สามารถขัดและเคลือบเงาใหม่ได้หลายครั้ง ทำให้มีอายุการใช้งานยาวนาน และสามารถปรับเปลี่ยนให้เข้ากับการตกแต่งภายในที่เปลี่ยนไป
พื้นไม้เอ็นจิเนียร์: แสดงความงามของไม้จริงเช่นกัน เนื่องจากชั้นบนสุดทำจากไม้จริง แม้ว่าจะสามารถเคลือบเงาใหม่ได้ แต่จำนวนครั้งนั้นขึ้นอยู่กับความหนาของวีเนียร์ พื้นไม้เอ็นจิเนียร์มีหลากหลายสไตล์ ผิวสัมผัส และไม้ให้เลือก ทำให้เหมาะกับสไตล์สถาปัตยกรรมและการตกแต่งภายในที่หลากหลาย
III. ข้อควรพิจารณาทางสถาปัตยกรรม:
พื้นไม้จริง: ไวต่อสภาพแวดล้อม เช่น ความชื้นและอุณหภูมิที่เปลี่ยนแปลง มันขยายและหดตัวตามการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ ซึ่งอาจต้องใช้วิธีการติดตั้งและควบคุมความชื้นอย่างระมัดระวัง นอกจากนี้ พื้นไม้จริงมักจะตอกตะปูหรือยึดกับพื้นชั้นล่าง ซึ่งอาจจำกัดตัวเลือกในการติดตั้ง
พื้นไม้เอ็นจิเนียร์: ด้วยโครงสร้างแบบหลายชั้น พื้นไม้เอ็นจิเนียร์จึงมีความคงทนต่อมิติมากกว่าพื้นไม้จริง มันมีแนวโน้มที่จะขยายและหดตัวน้อยกว่า ทำให้เหมาะกับพื้นที่ที่มีความชื้นสูง เช่น ห้องใต้ดิน หรือพื้นที่ที่มีระบบทำความร้อนใต้พื้น พื้นไม้เอ็นจิเนียร์มีตัวเลือกการติดตั้งมากกว่า รวมถึงการติดตั้งแบบลอยตัว ซึ่งเพิ่มความยืดหยุ่น
IV. ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม:
พื้นไม้จริง: ถือเป็นตัวเลือกที่ยั่งยืน หากมาจากป่าที่ได้รับการจัดการอย่างรับผิดชอบ มันเป็นทรัพยากรธรรมชาติที่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่หรือแปรรูปใหม่ได้เมื่อหมดอายุการใช้งาน อย่างไรก็ตาม ความต้องการไม้จริงอาจส่งผลต่อการ砍伐ป่าในบางภูมิภาค หากไม่มาจากแหล่งที่มาที่รับผิดชอบ
พื้นไม้เอ็นจิเนียร์: ใช้ไม้จริงน้อยกว่าเมื่อเทียบกับพื้นไม้จริง ทำให้เป็นตัวเลือกที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น การใช้ไม้อัดหรือ HDF ในชั้นแกนกลางยังช่วยให้ใช้ทรัพยากรไม้ได้อย่างเหมาะสม อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญคือต้องแน่ใจว่าวีเนียร์มาจากป่าที่ได้รับการจัดการอย่างรับผิดชอบ เพื่อรักษาความยั่งยืน
V. การดูแลรักษาและการซ่อมแซม:
พื้นไม้จริง: ต้องการการดูแลรักษาเป็นประจำ รวมถึงการกวาดหรือดูดฝุ่นเพื่อกำจัดสิ่งสกปรก ควรทำการเคลือบเงาใหม่เป็นระยะเพื่อรักษาลักษณะและปกป้องเนื้อไม้ รอยขีดข่วนและรอยบุ๋มเล็กน้อยสามารถซ่อมแซมได้โดยการขัดและเคลือบเงาใหม่ แต่หากความเสียหายมีขนาดใหญ่ อาจต้องเปลี่ยนแผ่นไม้
พื้นไม้เอ็นจิเนียร์: การดูแลรักษาง่ายกว่าพื้นไม้จริง เพียงทำความสะอาดเป็นประจำเพื่อกำจัดฝุ่นละอองและสิ่งสกปรก สามารถเคลือบเงาใหม่ได้ แต่จำนวนครั้งขึ้นอยู่กับความหนาของวีเนียร์ รอยขีดข่วนเล็กน้อยสามารถซ่อมแซมได้ด้วยชุดซ่อมแซมหรือการเคลือบเงาใหม่ แต่หากความเสียหายมีขนาดใหญ่ อาจต้องเปลี่ยนแผ่นไม้ที่เสียหาย
VI. ค่าใช้จ่าย:
พื้นไม้จริง: โดยทั่วไปมีราคาแพงกว่าพื้นไม้เอ็นจิเนียร์ ราคาขึ้นอยู่กับชนิดของไม้ เกรด และการเคลือบผิวที่เลือก นอกจากนี้ ค่าติดตั้งอาจสูงกว่าเนื่องจากต้องใช้ความชำนาญในการติดตั้ง
พื้นไม้เอ็นจิเนียร์: เป็นตัวเลือกที่ประหยัดกว่าพื้นไม้จริง มีหลายระดับราคา ขึ้นอยู่กับชนิดของไม้ ความหนา และการเคลือบผิวที่เลือก ความสามารถในการติดตั้งบนพื้นฐานหลายประเภทสามารถลดค่าใช้จ่ายในการติดตั้งได้
สรุป:
ทั้งพื้นไม้จริงและพื้นไม้เอ็นจิเนียร์ต่างก็มอบความสวยงามและความอบอุ่นของไม้จริง แต่มีความแตกต่างกันในองค์ประกอบ รูปลักษณ์ ตัวเลือกการติดตั้ง ความต้องการในการดูแลรักษา และผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม พื้นไม้จริงแสดงถึงลักษณะเฉพาะของไม้ชนิดนั้นและสามารถปรับแต่งได้หลายครั้ง แต่ไวต่อสภาพแวดล้อม พื้นไม้เอ็นจิเนียร์มีความมั่นคง ยืดหยุ่น และติดตั้งง่ายกว่า เหมาะสำหรับพื้นที่หลากหลายประเภท พิจารณาความต้องการเฉพาะของคุณ งบประมาณ และสไตล์การตกแต่งภายใน เพื่อเลือกพื้นที่เหมาะกับคุณ
เพิ่มเติม:
ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านพื้นไม้ https://www.arrowwood.co.th เพื่อขอคำแนะนำเพิ่มเติม
ตรวจสอบตัวอย่างพื้นก่อนตัดสินใจซื้อ
เลือกพื้นไม้ที่เหมาะกับการใช้งานและสภาพพื้นที่
ดูแลรักษาพื้นไม้ตามคำแนะนำของผู้ผลิต
หวังว่าบทความนี้จะช่วยคุณตัดสินใจเลือกพื้นไม้ที่เหมาะกับคุณ!
บทนำ:
เมื่อพูดถึงตัวเลือกพื้น พื้นไม้จริงและพื้นไม้เอ็นจิเนียร์เป็นตัวเลือกยอดนิยมมานาน ทั้งสองแบบมอบความรู้สึกเหนือกาลเวลา เพิ่มความอบอุ่นและคาแรคเตอร์ให้กับทุกพื้นที่ อย่างไรก็ตาม พวกมันมีความแตกต่างกันในเรื่ององค์ประกอบ วิธีการติดตั้ง การดูแลรักษา และผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม บทความนี้จะเจาะลึกถึงรายละเอียดต่างๆ ของพื้นไม้จริงและพื้นไม้เอ็นจิเนียร์ เปรียบเทียบความแตกต่างของพวกมันในหลายแง่มุม
พื้นไม้จริง: ผลิตจากไม้ชิ้นเดียว มักจะเป็นไม้เนื้อแข็ง ที่ผ่านการตัดเป็นแผ่น แต่ละแผ่นเป็นไม้เนื้อแข็งสม่ำเสมอทั่วทั้งชิ้น มอบลุคธรรมชาติและดั้งเดิม
พื้นไม้เอ็นจิเนียร์: ประกอบด้วยหลายชั้น ชั้นบนสุดทำจากไม้จริง เรียกว่า วีเนียร์ หรือ ลาเมลลา ในขณะที่ชั้นแกนกลางผลิตจาก ไม้อัด หรือ แผ่นใยไม้อัดความหนาแน่นสูง (HDF) องค์ประกอบแบบหลายชั้นนี้ช่วยให้มีความคงทน และลดผลกระทบจากความชื้นและอุณหภูมิ
II. รูปลักษณ์และความหลากหลาย:
พื้นไม้จริง: แสดงความงามตามธรรมชาติของไม้ชนิดนั้นๆ โชว์ลวดลายไม้ ปุ่มไม้ และสีสันที่แตกต่างกัน สามารถขัดและเคลือบเงาใหม่ได้หลายครั้ง ทำให้มีอายุการใช้งานยาวนาน และสามารถปรับเปลี่ยนให้เข้ากับการตกแต่งภายในที่เปลี่ยนไป
พื้นไม้เอ็นจิเนียร์: แสดงความงามของไม้จริงเช่นกัน เนื่องจากชั้นบนสุดทำจากไม้จริง แม้ว่าจะสามารถเคลือบเงาใหม่ได้ แต่จำนวนครั้งนั้นขึ้นอยู่กับความหนาของวีเนียร์ พื้นไม้เอ็นจิเนียร์มีหลากหลายสไตล์ ผิวสัมผัส และไม้ให้เลือก ทำให้เหมาะกับสไตล์สถาปัตยกรรมและการตกแต่งภายในที่หลากหลาย
III. ข้อควรพิจารณาทางสถาปัตยกรรม:
พื้นไม้จริง: ไวต่อสภาพแวดล้อม เช่น ความชื้นและอุณหภูมิที่เปลี่ยนแปลง มันขยายและหดตัวตามการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ ซึ่งอาจต้องใช้วิธีการติดตั้งและควบคุมความชื้นอย่างระมัดระวัง นอกจากนี้ พื้นไม้จริงมักจะตอกตะปูหรือยึดกับพื้นชั้นล่าง ซึ่งอาจจำกัดตัวเลือกในการติดตั้ง
พื้นไม้เอ็นจิเนียร์: ด้วยโครงสร้างแบบหลายชั้น พื้นไม้เอ็นจิเนียร์จึงมีความคงทนต่อมิติมากกว่าพื้นไม้จริง มันมีแนวโน้มที่จะขยายและหดตัวน้อยกว่า ทำให้เหมาะกับพื้นที่ที่มีความชื้นสูง เช่น ห้องใต้ดิน หรือพื้นที่ที่มีระบบทำความร้อนใต้พื้น พื้นไม้เอ็นจิเนียร์มีตัวเลือกการติดตั้งมากกว่า รวมถึงการติดตั้งแบบลอยตัว ซึ่งเพิ่มความยืดหยุ่น
IV. ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม:
พื้นไม้จริง: ถือเป็นตัวเลือกที่ยั่งยืน หากมาจากป่าที่ได้รับการจัดการอย่างรับผิดชอบ มันเป็นทรัพยากรธรรมชาติที่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่หรือแปรรูปใหม่ได้เมื่อหมดอายุการใช้งาน อย่างไรก็ตาม ความต้องการไม้จริงอาจส่งผลต่อการ砍伐ป่าในบางภูมิภาค หากไม่มาจากแหล่งที่มาที่รับผิดชอบ
พื้นไม้เอ็นจิเนียร์: ใช้ไม้จริงน้อยกว่าเมื่อเทียบกับพื้นไม้จริง ทำให้เป็นตัวเลือกที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น การใช้ไม้อัดหรือ HDF ในชั้นแกนกลางยังช่วยให้ใช้ทรัพยากรไม้ได้อย่างเหมาะสม อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญคือต้องแน่ใจว่าวีเนียร์มาจากป่าที่ได้รับการจัดการอย่างรับผิดชอบ เพื่อรักษาความยั่งยืน
V. การดูแลรักษาและการซ่อมแซม:
พื้นไม้จริง: ต้องการการดูแลรักษาเป็นประจำ รวมถึงการกวาดหรือดูดฝุ่นเพื่อกำจัดสิ่งสกปรก ควรทำการเคลือบเงาใหม่เป็นระยะเพื่อรักษาลักษณะและปกป้องเนื้อไม้ รอยขีดข่วนและรอยบุ๋มเล็กน้อยสามารถซ่อมแซมได้โดยการขัดและเคลือบเงาใหม่ แต่หากความเสียหายมีขนาดใหญ่ อาจต้องเปลี่ยนแผ่นไม้
พื้นไม้เอ็นจิเนียร์: การดูแลรักษาง่ายกว่าพื้นไม้จริง เพียงทำความสะอาดเป็นประจำเพื่อกำจัดฝุ่นละอองและสิ่งสกปรก สามารถเคลือบเงาใหม่ได้ แต่จำนวนครั้งขึ้นอยู่กับความหนาของวีเนียร์ รอยขีดข่วนเล็กน้อยสามารถซ่อมแซมได้ด้วยชุดซ่อมแซมหรือการเคลือบเงาใหม่ แต่หากความเสียหายมีขนาดใหญ่ อาจต้องเปลี่ยนแผ่นไม้ที่เสียหาย
VI. ค่าใช้จ่าย:
พื้นไม้จริง: โดยทั่วไปมีราคาแพงกว่าพื้นไม้เอ็นจิเนียร์ ราคาขึ้นอยู่กับชนิดของไม้ เกรด และการเคลือบผิวที่เลือก นอกจากนี้ ค่าติดตั้งอาจสูงกว่าเนื่องจากต้องใช้ความชำนาญในการติดตั้ง
พื้นไม้เอ็นจิเนียร์: เป็นตัวเลือกที่ประหยัดกว่าพื้นไม้จริง มีหลายระดับราคา ขึ้นอยู่กับชนิดของไม้ ความหนา และการเคลือบผิวที่เลือก ความสามารถในการติดตั้งบนพื้นฐานหลายประเภทสามารถลดค่าใช้จ่ายในการติดตั้งได้
สรุป:
ทั้งพื้นไม้จริงและพื้นไม้เอ็นจิเนียร์ต่างก็มอบความสวยงามและความอบอุ่นของไม้จริง แต่มีความแตกต่างกันในองค์ประกอบ รูปลักษณ์ ตัวเลือกการติดตั้ง ความต้องการในการดูแลรักษา และผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม พื้นไม้จริงแสดงถึงลักษณะเฉพาะของไม้ชนิดนั้นและสามารถปรับแต่งได้หลายครั้ง แต่ไวต่อสภาพแวดล้อม พื้นไม้เอ็นจิเนียร์มีความมั่นคง ยืดหยุ่น และติดตั้งง่ายกว่า เหมาะสำหรับพื้นที่หลากหลายประเภท พิจารณาความต้องการเฉพาะของคุณ งบประมาณ และสไตล์การตกแต่งภายใน เพื่อเลือกพื้นที่เหมาะกับคุณ
เพิ่มเติม:
ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านพื้นไม้ https://www.arrowwood.co.th เพื่อขอคำแนะนำเพิ่มเติม
ตรวจสอบตัวอย่างพื้นก่อนตัดสินใจซื้อ
เลือกพื้นไม้ที่เหมาะกับการใช้งานและสภาพพื้นที่
ดูแลรักษาพื้นไม้ตามคำแนะนำของผู้ผลิต
หวังว่าบทความนี้จะช่วยคุณตัดสินใจเลือกพื้นไม้ที่เหมาะกับคุณ!
แก้ไขล่าสุด 17 ก.พ. 67 15:25 |
เลขไอพี : ไม่แสดง
| ตั้งกระทู้โดย Linux
อ่านต่อ คุณอาจจะสนใจเนื้อหาเหล่านี้ (ความคิดเห็นกระทู้ อยู่ด้านล่าง)
ความคิดเห็น
จะต้องเป็นสมาชิกจึงจะแสดงความคิดเห็นได้
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google