กรณีศึกษายกฟ้องปมแก้สัมปทานดิวตี้ฟรี
19 มี.ค. 66 19:31 น. /
ดู 13,955 ครั้ง /
1 ความเห็น /
0 ชอบจัง
/
แชร์
จากข่าวที่ ศาลอาญาคดีทุจริตยกฟ้อง "บอร์ด ทอท." ปมแก้สัมปทานดิวตี้ฟรีมิชอบ ชี้ผู้ถือหุ้นไม่ใช่ผู้เสียหายไม่มีอำนาจฟ้อง
ซึ่งนายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ ผู้ถือหุ้นบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. ยื่นฟ้อง นายประสงค์ พูนธเนศ อดีตปลัดกระทรวงการคลัง อดีตประธานบอร์ด ทอท กับพวกรวม 14 คน จำเลยในความผิดฐาน เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติ หน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดๆ https://mgronline.com/crime/detail/9660000019194 เมื่อโจทก์ไม่ใช่ผู้เสียหาย ตามกฎหมายโจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยทั้ง 14 เป็นคดีนี้ คดีโจทก์ไม่มีมูล พิพากษายกฟ้อง
ถ้าหลายคนติดตามข่าว ก็อาจจะพอรู้มาบ้างว่า ชาญชัยเป็นคนหนึ่งที่ต่อต้านการประมูลและพยายามล้มการประมูลดิวตี้ฟรีในสนามบินอยู่หลายครั้ง และเคยโดนฟ้องมาด้วย อันนี้ขอเอาข้อมูลเก่ามาแชร์กัน
ทั้งที่รายได้จากการให้สัมปทานดิวตี้ฟรีในสนามบินก็เป็นรายได้ที่มากโขอยู่และเป็นรายได้เข้ารัฐ แต่กลับพยายามเสนอร้านค้านอกสนามบิน และมีจุดส่งมอบสินค้าอันนี้ไม่แน่ใจว่าทำตามใครสั่งมารึป่าว
https://voicetv.co.th/read/0swfyuOPq
ทีนี้มาต่อเรื่องคดีที่ชาญชัยโดนฟ้องกันบ้าง
ชาญชัยเคยโดนศาลตัดสินจำคุก 8 ปี รอลงอาญา 2 ปี หมิ่นคิงเพาเวอร์ ชาญชัย อิสระเสนารักษ์ มีหลายคนรู้จักในฐานะ อดีตสส. นครนายกและอดีต รองประธานอนุ กมธ.วิสามัญศึกษาฯ สปท. และโดนฟ้องโดย บริษัทคิงเพาเวอร์จำกัดและกลุ่มบริษัทในเครือ
สรุประบุพฤติการณ์สรุปว่า เมื่อวันที่ 8 มิ.ย. 2559 นายชาญชัย ดูหมิ่นโจทก์ทั้งสอง คือคิงเพาเวอร์ โดยการโฆษณาด้วยการแถลงข่าวหรือ ป่าวประกาศเผยแพร่ผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์ฉบับต่างๆ อันเป็น ความเท็จ ว่า "การเซ็นสัญญา กับบริษัท คิงเพาเวอร์ สุวรรณภูมิ การตรวจสอบของผมกับคณะอนุฯ ได้ไปพบเรื่องสำคัญเรื่องหนึ่งกับ บริษัท คิงเพาเวอร์ สุวรรณภูมิ ไม่ได้เป็นผู้ซื้อซองประกวดราคาไม่ได้เป็นผู้ที่อยู่ใน
ขั้นตอนของการพิจารณาเชิงเทคนิคหรือขั้นตอนการประกวดราคาใดๆ ทั้งสิ้นเลย คณะกรรมการมีมติอนุมัติเมื่อวันที่ 11 มี.ค. 2548 และเข้าบอร์ด อนุมัติเพื่อเซ็นสัญญา กับคิง เพาเวอร์อินเตอร์ เนชั่นแนลเท่านั้น แต่เวลาลงนามในสัญญาบริษัทคิง เพาเวอร์ สุวรรณภูมิ กลับมาลงนามในสัญญาแทน
และเพิ่งจดทะเบียนเมื่อวันที่ 23 มี.ค.ก่อนลงนามสัญญาแค่ 2 วัน เพราะฉะนั้นสัญญานี้ตั้งแต่เริ่มมีการเซ็นสัญญาเกิดขึ้นตั้งแต่ 2548 เป็นต้นมา ถือเป็นสัญญาที่นับเป็นสัญญาที่โมฆะมาตั้งแต่เริ่มแรก
และผิดกฎหมายหลายฉบับ ฉะนั้น เรียนให้สื่อมวลชนให้ทราบว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องของการเรียกทรัพย์สินบางส่วนที่เสียหายไปคืนหลายหมื่นล้าน ถ้าเรียกได้โดยรัฐบาลยุคนี้ทำได้ ไม่จำเป็นต้องไปขึ้นค่าภาษีโรงเรียนหลายพันล้านฯ" ซึ่ง ความจริง แล้ว "นายชาญชัยได้รู้หรือควรรู้แล้วว่าในการเข้าประมูลสัมปทานพื้นที่กิจกรรมเชิงพาณิชย์ในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเป็นการประมูล โดยเปิดเผยตรวจสอบได้ มีผู้เข้าร่วมประมูล 5 กลุ่ม" โดยนายชาญชัยแถลงข่าวตอนนั้นในฐานะรองประธานอนุ กมธ.วิสามัญศึกษาฯ สปท.
มีหน้าที่ในการศึกษาและเสนอแนะ มาตรการและกลไกในการปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ ไม่ใช่หน้าที่แถลงข่าวหรือป่าวประกาศโฆษณาเผยแพร่หลายออกสู่ประชาชนทั่วไป เหตุเกิดที่แขวงอู่ทองใน เขตดุสิต กทม. จะเห็นได้ว่าไม่ใช่หน้าที่ของนายชาญชัยที่จะออกมาแถลงข่าวหรือป่าวประกาศ และศาลก็พิจารณาว่านายชาญชัย มีสิทธิจัดแถลงข่าวหรือไม่ เห็นว่าแนวทางการให้ กมธ.ปฏิบัติตามข้อบังคับ สปท.ข้อ 81 วรรคท้าย ห้ามให้มีการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนหากมีเหตุจำเป็นให้ประธานฯ หรือโฆษกฯ เป็นผู้จัดการแถลงข่าว
การที่นายชาญชัยอ้างว่ามีเหตุจำเป็น และมีการเสนอเรื่องให้ประธานฯ ทราบแล้วนั้น เป็นเพียงการบอกว่าจะไปแถลงข่าวไม่ใช่การอนุญาตให้มีการแถลงข่าว และแม้นายชาญชัย อ้างว่าได้รับการแต่งตั้งให้ไปตรวจสอบการทุจริต ดังนั้น การที่นายชาญชัยแถลงข่าวก็เป็นในทำนองวินิจฉัยความผิดเสียเองส่วนที่นายชาญชัยอ้างว่าการกระทำของโจทก์ทำให้รัฐได้รับความเสียหายกว่า 2 หมื่นล้าน ก็เป็นการคาดคะเนของนายชาญชัยเท่านั้น
โดยมีข้อความลักษณะยืนยันให้ร้ายบริษัทโจทก์ทั้งสี่ จึงเป็นการทำให้โจทก์ทั้งสี่ ได้รับความเสียหาย ถูกดูหมิ่นเกลียดชัง ทั้งนี้ดีที่ศาลอาญาที่ได้พิจารณาข้อเท็จจริงโดยละเอียดและให้ความเป็นธรรมกับกลุ่มบริษัท คิงเพาเวอร์รวมทั้งการปฏิบัติหน้าที่ของผู้บริหาร ทอท.ซึ่งที่ผ่านมาประชาชนที่ฟังการแถลงข่าวของนายชาญชัยตลอดมาเข้าใจผิดคิดว่ากลุ่มบริษัท คิงเพาเวอร์ และผู้บริหาร ทอท.ร่วมกันทุจริตหลีกเลี่ยงการส่งประโยชน์เข้ารัฐหลายหมื่นล้านถือเป็นเรื่องที่ร้ายแรงมากเป็นที่สนใจของภาครัฐและภาคเอกชนดังนั้นความจริงจึงปรากฏตามคำพิพากษาของศาลอาญา
บทสรุป สุดท้ายที่เห็นได้ชัดคือการทำเกินหน้าที่ของนายชาญชัยและการอ้างเท็จจากการคาดคะเนและสรุปของนายชาญชัยเอาเองเท่านั้นไม่ได้มีหลักฐานออกมาให้เห็น เพราะการประมูลที่แท้จริงเป็นไปอย่างถูกต้องคิงเพาเวอร์ได้ยื่นซื้อซองประมูลและมีผู้เข้าร่วมประมูล 5 ราย ไม่ได้ตรงตามที่นายชาญชัยกล่าวอ้างเลย ยังดีที่เรื่องนี้ยังมีความยุติธรรมอยู่ เพราะหากการเอาตำแหน่งของนายชาญชัย มากล่าวโทษผู้อื่นให้ได้รับความเสียหาย
หรือฝ่ายตรวจสอบเองทำเกินหน้าที่และสรุปเอาเองโดยไม่มีหลักฐานอย่างนายชาญชัยเกิดขึ้นแบบนี้บ่อยๆ ก็อาจจะทำให้เกิดการกลั่นแกล้งทางธุรกิจและที่สำคัญทำให้เศรษฐกิจไม่เดินหน้าต่อได้
เครดิต: https://mgronline.com/politics/detail/9620000061202
https://pantip.com/topic/39018683
#สัมปทานดิวตี้ฟรี
#ศาลยกฟ้อง
#โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง
ถ้าหลายคนติดตามข่าว ก็อาจจะพอรู้มาบ้างว่า ชาญชัยเป็นคนหนึ่งที่ต่อต้านการประมูลและพยายามล้มการประมูลดิวตี้ฟรีในสนามบินอยู่หลายครั้ง และเคยโดนฟ้องมาด้วย อันนี้ขอเอาข้อมูลเก่ามาแชร์กัน
ทั้งที่รายได้จากการให้สัมปทานดิวตี้ฟรีในสนามบินก็เป็นรายได้ที่มากโขอยู่และเป็นรายได้เข้ารัฐ แต่กลับพยายามเสนอร้านค้านอกสนามบิน และมีจุดส่งมอบสินค้าอันนี้ไม่แน่ใจว่าทำตามใครสั่งมารึป่าว
https://voicetv.co.th/read/0swfyuOPq
ทีนี้มาต่อเรื่องคดีที่ชาญชัยโดนฟ้องกันบ้าง
ชาญชัยเคยโดนศาลตัดสินจำคุก 8 ปี รอลงอาญา 2 ปี หมิ่นคิงเพาเวอร์ ชาญชัย อิสระเสนารักษ์ มีหลายคนรู้จักในฐานะ อดีตสส. นครนายกและอดีต รองประธานอนุ กมธ.วิสามัญศึกษาฯ สปท. และโดนฟ้องโดย บริษัทคิงเพาเวอร์จำกัดและกลุ่มบริษัทในเครือ
สรุประบุพฤติการณ์สรุปว่า เมื่อวันที่ 8 มิ.ย. 2559 นายชาญชัย ดูหมิ่นโจทก์ทั้งสอง คือคิงเพาเวอร์ โดยการโฆษณาด้วยการแถลงข่าวหรือ ป่าวประกาศเผยแพร่ผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์ฉบับต่างๆ อันเป็น ความเท็จ ว่า "การเซ็นสัญญา กับบริษัท คิงเพาเวอร์ สุวรรณภูมิ การตรวจสอบของผมกับคณะอนุฯ ได้ไปพบเรื่องสำคัญเรื่องหนึ่งกับ บริษัท คิงเพาเวอร์ สุวรรณภูมิ ไม่ได้เป็นผู้ซื้อซองประกวดราคาไม่ได้เป็นผู้ที่อยู่ใน
ขั้นตอนของการพิจารณาเชิงเทคนิคหรือขั้นตอนการประกวดราคาใดๆ ทั้งสิ้นเลย คณะกรรมการมีมติอนุมัติเมื่อวันที่ 11 มี.ค. 2548 และเข้าบอร์ด อนุมัติเพื่อเซ็นสัญญา กับคิง เพาเวอร์อินเตอร์ เนชั่นแนลเท่านั้น แต่เวลาลงนามในสัญญาบริษัทคิง เพาเวอร์ สุวรรณภูมิ กลับมาลงนามในสัญญาแทน
และเพิ่งจดทะเบียนเมื่อวันที่ 23 มี.ค.ก่อนลงนามสัญญาแค่ 2 วัน เพราะฉะนั้นสัญญานี้ตั้งแต่เริ่มมีการเซ็นสัญญาเกิดขึ้นตั้งแต่ 2548 เป็นต้นมา ถือเป็นสัญญาที่นับเป็นสัญญาที่โมฆะมาตั้งแต่เริ่มแรก
และผิดกฎหมายหลายฉบับ ฉะนั้น เรียนให้สื่อมวลชนให้ทราบว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องของการเรียกทรัพย์สินบางส่วนที่เสียหายไปคืนหลายหมื่นล้าน ถ้าเรียกได้โดยรัฐบาลยุคนี้ทำได้ ไม่จำเป็นต้องไปขึ้นค่าภาษีโรงเรียนหลายพันล้านฯ" ซึ่ง ความจริง แล้ว "นายชาญชัยได้รู้หรือควรรู้แล้วว่าในการเข้าประมูลสัมปทานพื้นที่กิจกรรมเชิงพาณิชย์ในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเป็นการประมูล โดยเปิดเผยตรวจสอบได้ มีผู้เข้าร่วมประมูล 5 กลุ่ม" โดยนายชาญชัยแถลงข่าวตอนนั้นในฐานะรองประธานอนุ กมธ.วิสามัญศึกษาฯ สปท.
มีหน้าที่ในการศึกษาและเสนอแนะ มาตรการและกลไกในการปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ ไม่ใช่หน้าที่แถลงข่าวหรือป่าวประกาศโฆษณาเผยแพร่หลายออกสู่ประชาชนทั่วไป เหตุเกิดที่แขวงอู่ทองใน เขตดุสิต กทม. จะเห็นได้ว่าไม่ใช่หน้าที่ของนายชาญชัยที่จะออกมาแถลงข่าวหรือป่าวประกาศ และศาลก็พิจารณาว่านายชาญชัย มีสิทธิจัดแถลงข่าวหรือไม่ เห็นว่าแนวทางการให้ กมธ.ปฏิบัติตามข้อบังคับ สปท.ข้อ 81 วรรคท้าย ห้ามให้มีการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนหากมีเหตุจำเป็นให้ประธานฯ หรือโฆษกฯ เป็นผู้จัดการแถลงข่าว
การที่นายชาญชัยอ้างว่ามีเหตุจำเป็น และมีการเสนอเรื่องให้ประธานฯ ทราบแล้วนั้น เป็นเพียงการบอกว่าจะไปแถลงข่าวไม่ใช่การอนุญาตให้มีการแถลงข่าว และแม้นายชาญชัย อ้างว่าได้รับการแต่งตั้งให้ไปตรวจสอบการทุจริต ดังนั้น การที่นายชาญชัยแถลงข่าวก็เป็นในทำนองวินิจฉัยความผิดเสียเองส่วนที่นายชาญชัยอ้างว่าการกระทำของโจทก์ทำให้รัฐได้รับความเสียหายกว่า 2 หมื่นล้าน ก็เป็นการคาดคะเนของนายชาญชัยเท่านั้น
โดยมีข้อความลักษณะยืนยันให้ร้ายบริษัทโจทก์ทั้งสี่ จึงเป็นการทำให้โจทก์ทั้งสี่ ได้รับความเสียหาย ถูกดูหมิ่นเกลียดชัง ทั้งนี้ดีที่ศาลอาญาที่ได้พิจารณาข้อเท็จจริงโดยละเอียดและให้ความเป็นธรรมกับกลุ่มบริษัท คิงเพาเวอร์รวมทั้งการปฏิบัติหน้าที่ของผู้บริหาร ทอท.ซึ่งที่ผ่านมาประชาชนที่ฟังการแถลงข่าวของนายชาญชัยตลอดมาเข้าใจผิดคิดว่ากลุ่มบริษัท คิงเพาเวอร์ และผู้บริหาร ทอท.ร่วมกันทุจริตหลีกเลี่ยงการส่งประโยชน์เข้ารัฐหลายหมื่นล้านถือเป็นเรื่องที่ร้ายแรงมากเป็นที่สนใจของภาครัฐและภาคเอกชนดังนั้นความจริงจึงปรากฏตามคำพิพากษาของศาลอาญา
บทสรุป สุดท้ายที่เห็นได้ชัดคือการทำเกินหน้าที่ของนายชาญชัยและการอ้างเท็จจากการคาดคะเนและสรุปของนายชาญชัยเอาเองเท่านั้นไม่ได้มีหลักฐานออกมาให้เห็น เพราะการประมูลที่แท้จริงเป็นไปอย่างถูกต้องคิงเพาเวอร์ได้ยื่นซื้อซองประมูลและมีผู้เข้าร่วมประมูล 5 ราย ไม่ได้ตรงตามที่นายชาญชัยกล่าวอ้างเลย ยังดีที่เรื่องนี้ยังมีความยุติธรรมอยู่ เพราะหากการเอาตำแหน่งของนายชาญชัย มากล่าวโทษผู้อื่นให้ได้รับความเสียหาย
หรือฝ่ายตรวจสอบเองทำเกินหน้าที่และสรุปเอาเองโดยไม่มีหลักฐานอย่างนายชาญชัยเกิดขึ้นแบบนี้บ่อยๆ ก็อาจจะทำให้เกิดการกลั่นแกล้งทางธุรกิจและที่สำคัญทำให้เศรษฐกิจไม่เดินหน้าต่อได้
เครดิต: https://mgronline.com/politics/detail/9620000061202
https://pantip.com/topic/39018683
#สัมปทานดิวตี้ฟรี
#ศาลยกฟ้อง
#โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง
เลขไอพี : ไม่แสดง
| ตั้งกระทู้โดย Windows 10
อ่านต่อ คุณอาจจะสนใจเนื้อหาเหล่านี้ (ความคิดเห็นกระทู้ อยู่ด้านล่าง)
ความคิดเห็น
จะต้องเป็นสมาชิกจึงจะแสดงความคิดเห็นได้
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google