เทรนด์ธุรกิจช่วงวิกฤตโควิด-19

11 ธ.ค. 65 18:38 น. / ดู 1,302 ครั้ง / 1 ความเห็น / 0 ชอบจัง / แชร์
ในช่วงวิกฤติโควิด19 ที่ผ่านมา ทำให้เรากลายเป็นคนเสพข่าวมากขึ้น เพื่อต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ก็จะเห็นธุรกิจน้อยใหญ่ รีบปรับตัวให้เข้ากับวิกฤตินี้ ผลกระทบครั้งนี้ทำให้ยักษ์ใหญ่วงการดิวตี้ฟรี  "คิงเพาเวอร" ก็ยังต้องประกาศปรับกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจช่วงวิกฤติไวรัสเลย
ดิวตี้ฟรี คิงเพาเวอร์ ดูเหมือนจะเป็นธุรกิจแรกๆ ที่ได้รับผลกระทบเพราะต้องปิดสนามบิน ปิดสาขา ไม่มีเที่ยวบิน ไม่มีใครอยากเดินทาง จะให้ไปซื้อของในดิวตี้ฟรีแล้วไปรับที่สนามบินก็คงไม่ได้ ก็เลยเปลี่ยนมาเป็นให้ลูกค้าสั่งของแบรนด์เนมจากเว็บไซต์ แล้วส่งถึงบ้าน ไม่มีขั้นต่ำและที่สำคัญราคาสินค้านั้น เป็นราคาดิวตี้ฟรี!! อย่างที่เราเคยรู้กันว่าสินค้าดิวตี้ฟรีที่เป็นแบรนด์เนมจะมีราคาที่ถูกกว่าช้อป หรือห้างในเมืองอยู่แล้ว จึงนับได้ว่าสินค้าแบรนด์เนมที่จำหน่ายใน www.KingPower.com เป็นของแท้ราคาดีนั่นเอง (ที่รู้เพราะมันขึ้นแอดโฆษณาในเฟสบุ๊ก เลยแว้บไปดูมาพบว่าสกินแคร์ถูกจริงๆ ด้วย)

โดยปกติแล้วคิงเพาเวอร์ก็มีการจำหน่ายของทางเว็บไซต์มาก่อนหน้านี้อยู่แล้วแหละ ความแปลกใหม่ของเขาก็อยู่ที่ว่าของที่จำหน่ายในเว็บจะมีความเป็นแบรนด์เนมเยอะมากขึ้น เครื่องสำอางค์ กระเป๋า ใครสายแบรนด์เนมเรียนเชิญ แต่ใครสายขนมก็ไปได้เช่นกันเพราะขนมที่เป็นทองม้วนนั่นก็อร่อย ตอนบินซื้อประจำ

ทั้งนี้ในการปรับตัวของคิงเพาเวอร์ได้ใช้กลยุทธ์ KING POWER TEAM POWER ในข่าวบอกไว้ว่า เขาเปลี่ยนให้พนักงานทุกส่วนเป็นนักขายสินค้าออนไลน์  ขยายเครือข่ายจากออนกราวน์สู่ออนไลน์  นึกภาพตามก็คงประมาณว่าให้พนักงานคิงเพาเวอร์โพสต์ขายของ ช่วยประชาสัมพันธ์การขายของรูปแบบใหม่ในช่องทางออนไลน์ของตัวเอง ถ้าเป็นอย่างนั้นก็นับวิธีการนี้จะทำให้มีโอกาสขายได้มากขึ้น มีโอกาสการกระจายสินค้าออกไปได้มากขึ้น  "โดยกลยุทธ์นี้ทางคิงเพาเวอร์บอกว่าเป็นการฉีกทุกกฎเกณฑ์อย่างไม่เคยมีมาก่อน เพราะที่คิง เพาเวอร์พนักงานทุกคน คือ หัวใจสำคัญของกลยุทธ์ ประกอบกับองค์กรมีความเชื่อในความเป็นไปได้, ความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียว และเชื่อมั่นในศักยภาพของทุกคน และประสบการณ์ใหม่ที่เปลี่ยนให้ทุกคนเป็นนักขายมืออาชีพ โดยเข้าคอร์สอินเทนซีฟฝึกอบรมด้านการขายสินค้าออนไลน์ครบวงจร โดยประสบการณ์ใหม่ในวิกฤตนี้จะเป็นโอกาสสำคัญของพนักงานในการเรียนรู้ระบบการขายสินค้าออนไลน์ ซึ่งจะเป็นเป็นประโยชน์กับพนักงานในอนาคต"

เนื้อหาข่าว https://www.prachachat.net/tourism/news-448634

อ่านกลยุทธ์นี้แล้วก็ถือว่าเยี่ยมมาก เพราะพนักงานทุกคนจะมีความรู้เกี่ยวกับการขายออนไลน์ติดตัวไป คนที่ขายของเป็น มีทักษะในการขาย ไม่ว่าจะไปอยู่ที่ไหน ก็สามารถเอาตัวรอดได้อยู่แล้ว

และเร็วๆนี้ กลุ่มคิง เพาเวอร์ ยังสานต่อกลยุทธ์นี้ โดยชวนร่วมมหกรรมเทศกาลท่องเที่ยวยอดนิยมหรือ Festive ในโอกาสต้อนรับนักท่องเที่ยวคนไทยและต่างชาติส่งท้ายปีเดือนธันวาคม 2565 กับ "FESTIVE BRAND SALEBRATION ช้อปไม่หยุดคุ้มสุดทุกดีล" เน้นให้ทุกคนได้เพิ่มประสบการณ์ความสุขต่อเนื่อง ในแคมเปญ  "KING POWER CELEBRATION 2023..HAVE A NEW BESTINATION"

จัดทัพศิลปินมากมายมาร่วมเฉลิมฉลองเทศกาลความสุขส่งท้ายปีด้วยกิจกรรมและความบันเทิงหลากหลาย ในบรรยากาศสนุกสดใสที่นักช้อปทุกคนจะได้รับความคุ้มค่าพร้อมโปรโมชั่นที่ดีที่สุดแบบจุใจ ทั้งออนกราวนด์ ออนไลน์ และห้ามพลาด 12 เดือน 12 วันที่ 12 ธันวาคม 2565 มีเซอร์ไพรส์ช้อปสินค้าได้ไม่หยุดตลอด 24 ชั่วโมง



ซึ่งรายละเอียดเป็นยังไง คลิกเข้าไปดูในเวปนี้ได้เลย www.kingpower.com

พี่ใหญ่อีกเจ้าหนึ่งที่มีการปรับตัวเช่นกันคือเซเว่นอีเลฟเว่น การปรับตัวอันนี้รับรู้ด้วยตัวเองเลย เพราะเวลาไปซื้อของจะเห็นป้ายและพนักงานเซเว่น บอกลูกค้าให้แอดไลน์ร้านแล้วใครอยากสั่งอะไรก็สั่งเลย แต่ให้สะดวกยิ่งขึ้นเซเว่นก็มีแอพพลิเคชั่นเดลิเวอรี่โดยตรง เลือกได้ว่าจะให้มาส่งหรือไปรับที่ร้านเอง นอกจากเพิ่มความสะดวกลดการออกจากบ้านของผู้ใช้บริการแล้ว บริการจัดส่งครั้งนี้ทางเซเว่นก็ยังประกาศรับสมัครทีมงานส่งเดลิเวอรี่จำนวน 20,000 อัตราทั่วประเทศอีกด้วย เป็นการสร้างอาชีพได้อีกทางหนึ่ง

เนื้อหาข่าว https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/872062



ไม่ใช่แค่พี่ใหญ่เพียงเท่านั้น ธุรกิจ SME ก็ต้องมีการปรับตัวด้วยเช่นกัน อย่างธุรกิจโต๊ะจีน ที่จังหวัดอุดร ก็ปรับตัวช่วยเหลือลูกน้องไทย-ลาว เนื่องด้วยจากโต๊ะจีนต้องมีสต็อกของไว้เยอะๆ เต็มห้องแช่เย็น แต่เมื่อเกิดวิกฤติโควิด อีเว้นท์ทุกอีเว้นท์ยกเลิกหมด แล้วคุณคิดดูสิ ธุรกิจโต๊ะจีน ต้องใช้ของใช้คนมากมายขนาดไหน ทุกอย่างหยุดชะงักคนเป็นเถ้าแก่ก็ต้องปรับตัวกัน โดยให้เอาของที่สต็อกไว้มาทำอาหารแล้วจัดส่งเดลิเวอรี่ ลูกน้องคนไหนมีรถมอเตอร์ไซค์ ก็เอามาส่งอาหารถึงบ้านให้กับลูกค้า ทางรายการก็ไปสัมภาษณ์ลูกน้องว่า เถ้าแก่ก็ขอลดเงินเดือน แต่ทางลูกน้องก็ดูจะโอเค เพราะเรื่องข้าวปลาก็กินฟรีอยู่ฟรีหมด

เนื้อหาข่าว https://www.youtube.com/watch?v=ZBYfVGr9TjY

อีกหนึ่งธุรกิจอาหารที่ต้องปรับตัวก็คือ ชาบูเพนกวิ้น ร้านนี้เป็น SME ที่มีหลายสาขาอยู่ในกรุงเทพฯ จำไม่ผิดเป็นร้านแรกๆ เลยที่ต้องมีการปรับตัว เคยนั่งดูสัมภาษณ์เจ้าของธุรกิจเขาบอกว่า ความต้องการกินชาบูยังคงมีอยู่ ลูกน้องก็ยังคงต้องดูแล ก็เลยต้องเลือกวิธีการปรับตัว เอาอาหารที่สต็อกไว้ นำออกมาจัดเป็นชุดชาบูขาย ลูกน้องคนไหนมีมอเตอร์ไซค์ก็ได้รับตำแหน่งเป็นพนักงานจัดส่งอาหาร

แต่โดยไม่ว่าธุรกิจขนาดไหน ก็จะเห็นได้ว่ามีการปรับตัวในโมเดลที่คล้ายๆ กันหมด คือ "เดลิเวอรี่" "ส่งตรงถึงบ้าน" โดยมีเหตุผลหลักก็คือ "ลูกน้อง" หรือ "พนักงาน" ที่ตัวเองดูแลอยู่ ถึงแม้ว่ารายได้ที่เขามาอาจจะไม่ได้เป็นกอบเป็นกำเหมือนแต่ก่อน แต่มันก็ทำให้ชีวิตของพนักงาน รวมไปถึงนายจ้าง และธุรกิจมันยังพอเดินหน้าต่อไปได้ แล้วความน่ารักคือ ลูกน้องก็เข้าใจในสถานการณ์ต่างคนต่างช่วยเหลือกันในยามวิกฤติแบบนี้ก็ต้องชื่นชมที่ไม่มีใครทิ้งกันในยามลำบาก

วิกฤตินี้ทำให้เราเห็นได้ว่าไม่ว่าธุรกิจจะเป็นระดับเล็ก กลาง ใหญ่ ต่างก็ปรับตัวเพื่อการเอาอยู่รอด ไม่ใช่แค่ธุรกิจของตัวเองอย่างเดียว มันส่งผลต่อภาพรวมเศรษฐกิจที่ทำให้เศรษฐกิจยังขับเคลื่อนต่อไปได้ ในส่วนของภาคสังคมพี่ใหญ่ก็ยังไม่ลืมคนตัวเล็ก ที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤติโควิด19

ต้องขอขอบคุณทุกคนทุกท่านมา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ

"ขอบคุณที่เข้มแข็ง"

"ขอบคุณทุกคน ทุกฝ่ายที่ช่วยกันให้ทุกอย่างผ่านพ้นไป"

#คิงเพาเวอร์คัพ
#เซเว่นอิเลฟเว่น
#โต๊ะจีนอุดร
#ชาบูเพนกวิ้น
#ออนไลน์ออนกราวน์
#เดลิเวอรี่
#วิกฤตโควิด
แก้ไขล่าสุด 11 ธ.ค. 65 18:49 | เลขไอพี : ไม่แสดง | ตั้งกระทู้โดย Windows 10

อ่านต่อ คุณอาจจะสนใจเนื้อหาเหล่านี้ (ความคิดเห็นกระทู้ อยู่ด้านล่าง)

ความคิดเห็น

#1 | Yvonne | 12 ธ.ค. 65 16:13 น.

ไอพี: ไม่แสดง | โดย Windows 10

แสดงความคิดเห็น

จะต้องเป็นสมาชิกจึงจะแสดงความคิดเห็นได้
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google