น้ำมันแพงหลบไป ชาวบ้านรวมตัวเป็นถุงพลาสติกเป็นน้ำมัน
11 พ.ค. 65 17:07 น. /
ดู 2,665 ครั้ง /
2 ความเห็น /
0 ชอบจัง
/
แชร์
หลังจากที่มีการงดการลดใช้ถุงพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียว (single-use plastic) หรือถุงหูหิ้วแบบบางน้อยกว่า 100 ไมครอน ในห้างสรรพสินค้า ร้านสะดวกซื้อ ซุปเปอร์มาเก็ตต่างๆ ตั้งแต่ 1 ม.ค.63 ที่ผ่านมา เนื่องจากก่อให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมทั้งในทางตรงและทางอ้อม โดยการดำเนินการตั้งแต่ครั้งนั้น ทำให้ปัจจุบันประเทศไทยสามารถลดจำนวนการใช้ถุงพลาสติกได้กว่า 14,349.6 ล้านใบ หรือคิดเป็น 81,531,818.2 กิโลกรัม
แม้ในปัจจุบันถุงพลาสติกยังคงมีการใช้อยู่ไม่น้อย แต่เพื่อเป็นการลดขยะจึงผุดไอเดียนี้ขึ้นมาคือ การนำถุงพลาสติกที่ใช้แล้วมาผลิตเป็นน้ำมันเบนซินและดีเซล โดยคุณแอ๊ด พีรดา ปฏิทัศน์ อดีตพนักงานไอทีเทคโนโลยีและสารสนเทศ ปัจจุบันเป็นประธานวิสาหกิจชุมชนแนวร่วมปฏิวัติขยะสุพรรณบุรี ที่นำโมเดลการผลิตน้ำมันด้วยถุงพลาสติกจากงานวิจัยภาควิชาเคมี คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่มีเป้าหมายเพื่อแก้ปัญหาขยะในชุมชน ซึ่งนำมาใช้ในชุมชนกว่า 3 ปีแล้ว โดยได้รับความร่วมมือจากชาวบ้านในการดำเนินการนี้ พลาสติกที่นำมาใช้ในการผลิตได้แก่ ถุงหูหิ้ว ถุงร้อน ถุงเย็น หลอดดูดน้ำ ถุงนมโรงเรียน ฯลฯ
ขั้นตอนในการดำเนินการ ดังนี้
1.นำพลาสติกมาผ่านเครื่องทำความร้อนเพื่อให้ยุบตัวลง
2.จากนั้นนำเข้าสู่เตาปฏิกรณ์ให้ความร้อน หลอมอัดอากาศเพื่อให้พลาสติกกลายเป็นของเหลว (แก๊ส) การผลิตน้ำมันที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ใช้การหลอมอัดอากาศเพื่อให้ได้แก๊สโดยไม่ใช้ออกซิเจนในกระบวนการ เพื่อไม่ให้เกิดคาร์บอนไดออกไซด์และคาร์บอนมอนนอกไซด์ (มลพิษ) ซึ่งเชื้อเพลิงที่ใช้ไม้ฟืนที่หาได้ในชุมชน
3.ผ่านกระบวนการควบแน่น เพื่อให้แก๊สกลายเป็นของเหลว (น้ำมัน) โดยใช้เวลา 3-4 ชม.
4.จากนั้นจะได้เป็นน้ำมันนั่นเอง
กระบวนการผลิตของที่วิสาหกิจชุมชนฯ สามารถผลิตน้ำมันได้วันละ 300 ลิตร โดยขยะพลาสติก 2 กิโลกรัมจะได้น้ำมัน 1 ลิตร เท่ากับว่าขยะพลาสติกจะลดลงถึง 600 กิโลกรัมต่อวัน และภายใน 1 ปีจะสามารถผลิตน้ำมันได้ถึง 109,500 ลิตร และลดขยะพลาสติกได้ถึง 219,000 กิโลกรัมต่อปี
ประโยชน์ที่ได้รับจากการดำเนินการในครั้งนี้
-ลดขยะพลาสติกในชุมชน แบ่งเบาภาระขององค์กรท้องถิ่นในการจัดการขยะ
-ชาวบ้านเกิดรายได้จากการนำขยะมาขาย
-ลดภาระค่าใช้จ่ายด้านน้ำมันไปได้ไม่น้อย
-ปลูกจิตสำนึกให้แก่เด็กๆ ชาวบ้าน ทำให้หันมาใส่ใจสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น จากการลงพื้นที่ประชาสัมพันธ์ให้ความรู้ การรับซื้อขยะ หรือโครงการขยะแลกไข่ไก่
น้ำมันที่ได้มีคุณภาพเทียบเท่ากับน้ำมันในท้องตลาด ที่สำคัญราคาถูกเพียงแค่ลิตรละ 20 บาทเท่านั้น เหนือสิ่งอื่นใดที่ได้มากกว่านั้นคือ การทำให้เด็กๆ ชาวบ้านในชุมชน เข้าใจในสิ่งแวดล้อม หันมาให้ความสำคัญกับภาวะโลกร้อนที่เกิดขึ้นจากขยะพลาสติกเหล่านี้ และกลายเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือโลกให้น่าอยู่ยิ่งขึ้น ลองคิดดูว่าหากเรามีโมเดลเหล่านี้ อย่างน้อยในทุกจังหวัดคงช่วยลดภาระค่าน้ำมันได้ไม่น้อยในวิกฤตน้ำมันแพงเช่นนี้ อีกทั้งปริมาณขยะก็ลดลง เป็นโมเดลที่น่าติดตามและสานต่อมากที่สุด
แม้ในปัจจุบันถุงพลาสติกยังคงมีการใช้อยู่ไม่น้อย แต่เพื่อเป็นการลดขยะจึงผุดไอเดียนี้ขึ้นมาคือ การนำถุงพลาสติกที่ใช้แล้วมาผลิตเป็นน้ำมันเบนซินและดีเซล โดยคุณแอ๊ด พีรดา ปฏิทัศน์ อดีตพนักงานไอทีเทคโนโลยีและสารสนเทศ ปัจจุบันเป็นประธานวิสาหกิจชุมชนแนวร่วมปฏิวัติขยะสุพรรณบุรี ที่นำโมเดลการผลิตน้ำมันด้วยถุงพลาสติกจากงานวิจัยภาควิชาเคมี คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่มีเป้าหมายเพื่อแก้ปัญหาขยะในชุมชน ซึ่งนำมาใช้ในชุมชนกว่า 3 ปีแล้ว โดยได้รับความร่วมมือจากชาวบ้านในการดำเนินการนี้ พลาสติกที่นำมาใช้ในการผลิตได้แก่ ถุงหูหิ้ว ถุงร้อน ถุงเย็น หลอดดูดน้ำ ถุงนมโรงเรียน ฯลฯ
ขั้นตอนในการดำเนินการ ดังนี้
1.นำพลาสติกมาผ่านเครื่องทำความร้อนเพื่อให้ยุบตัวลง
2.จากนั้นนำเข้าสู่เตาปฏิกรณ์ให้ความร้อน หลอมอัดอากาศเพื่อให้พลาสติกกลายเป็นของเหลว (แก๊ส) การผลิตน้ำมันที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ใช้การหลอมอัดอากาศเพื่อให้ได้แก๊สโดยไม่ใช้ออกซิเจนในกระบวนการ เพื่อไม่ให้เกิดคาร์บอนไดออกไซด์และคาร์บอนมอนนอกไซด์ (มลพิษ) ซึ่งเชื้อเพลิงที่ใช้ไม้ฟืนที่หาได้ในชุมชน
3.ผ่านกระบวนการควบแน่น เพื่อให้แก๊สกลายเป็นของเหลว (น้ำมัน) โดยใช้เวลา 3-4 ชม.
4.จากนั้นจะได้เป็นน้ำมันนั่นเอง
กระบวนการผลิตของที่วิสาหกิจชุมชนฯ สามารถผลิตน้ำมันได้วันละ 300 ลิตร โดยขยะพลาสติก 2 กิโลกรัมจะได้น้ำมัน 1 ลิตร เท่ากับว่าขยะพลาสติกจะลดลงถึง 600 กิโลกรัมต่อวัน และภายใน 1 ปีจะสามารถผลิตน้ำมันได้ถึง 109,500 ลิตร และลดขยะพลาสติกได้ถึง 219,000 กิโลกรัมต่อปี
ประโยชน์ที่ได้รับจากการดำเนินการในครั้งนี้
-ลดขยะพลาสติกในชุมชน แบ่งเบาภาระขององค์กรท้องถิ่นในการจัดการขยะ
-ชาวบ้านเกิดรายได้จากการนำขยะมาขาย
-ลดภาระค่าใช้จ่ายด้านน้ำมันไปได้ไม่น้อย
-ปลูกจิตสำนึกให้แก่เด็กๆ ชาวบ้าน ทำให้หันมาใส่ใจสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น จากการลงพื้นที่ประชาสัมพันธ์ให้ความรู้ การรับซื้อขยะ หรือโครงการขยะแลกไข่ไก่
น้ำมันที่ได้มีคุณภาพเทียบเท่ากับน้ำมันในท้องตลาด ที่สำคัญราคาถูกเพียงแค่ลิตรละ 20 บาทเท่านั้น เหนือสิ่งอื่นใดที่ได้มากกว่านั้นคือ การทำให้เด็กๆ ชาวบ้านในชุมชน เข้าใจในสิ่งแวดล้อม หันมาให้ความสำคัญกับภาวะโลกร้อนที่เกิดขึ้นจากขยะพลาสติกเหล่านี้ และกลายเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือโลกให้น่าอยู่ยิ่งขึ้น ลองคิดดูว่าหากเรามีโมเดลเหล่านี้ อย่างน้อยในทุกจังหวัดคงช่วยลดภาระค่าน้ำมันได้ไม่น้อยในวิกฤตน้ำมันแพงเช่นนี้ อีกทั้งปริมาณขยะก็ลดลง เป็นโมเดลที่น่าติดตามและสานต่อมากที่สุด
แก้ไขล่าสุด 11 พ.ค. 65 17:08 |
เลขไอพี : ไม่แสดง
| ตั้งกระทู้โดย MacOS
อ่านต่อ คุณอาจจะสนใจเนื้อหาเหล่านี้ (ความคิดเห็นกระทู้ อยู่ด้านล่าง)
ความคิดเห็น
จะต้องเป็นสมาชิกจึงจะแสดงความคิดเห็นได้
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google