อนาคตรถไฟฟ้ากำลังมาแล้ว
25 มี.ค. 64 22:26 น. /
ดู 16,261 ครั้ง /
6 ความเห็น /
1 ชอบจัง
/
แชร์
ต่อไปอีก 14 ปี รถที่ใช้น้ำมันน่าจะมีภาษีสูงมาก และรถไฟฟ้าทุกชนิดก็จะมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น มลพิษทางเสียง และทางอากาศคงจะลดลงแน่นอน แต่ก็นั่นแหละมันก็คืออนาคตที่เราควรจะศึกษาไว้ เพราะถ้ามีนโยบายนี้ออกมาจริงๆ จะได้เตรียมตัววางแผนการเปลี่ยนรถแต่เนิ่นๆ
เมื่อวันที่ 24 มี.ค. 64 ที่ผ่านมาในการประชุมคณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ ได้ร่วมกำหนดแผนยุทธศาสตร์ส่งเสริมการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศ เพื่อสร้าง Ecosystem ผลักดันการผลิตยานยนต์ไฟฟ้า ZEV (Zero Emission Vehicle) หรือรถยนต์ที่ไม่ปล่อยมลพิษ รวมถึงส่งเสริมการผลิตโครงสร้างพื้นฐานอย่างแบตเตอรี่ เพื่อก้าวเข้าสู่สังคมคาร์บอนต่ำ และเป็นฐานการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าและชิ้นส่วนที่สำคัญของโลก
โดยแบ่งเป็นการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าสะสม
- ปี 2568 1.05 ล้านคัน (รถยนต์นั่ง รถปิคอัพ 4.0 แสนคัน รถจักรยานยนต์ 6.2 แสนคัน รถบัส รถบรรทุก 3.1 หมื่นคัน)
- ปี 2578 18.41 ล้านคัน (รถยนต์นั่ง รถปิคอัพ 8.62 ล้านคัน รถจักรยานยนต์ 9.33 ล้านคัน รถบัส รถบรรทุก 4.58 แสนคัน)
https://image.bangkokbiznews.com/kt/media/image/fileupload1/source/161664597661.jpg?1616645974717
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้วางนโยบายการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าด้วยมาตรการระยะเร่งด่วนและมาตรการระยะ 1-5 ปี ดังนี้
- ส่งเสริมการใช้รถยนต์ไฟฟ้าทั้งประเภทสองล้อ สามล้อ และสี่ล้อไฟฟ้า
- จัดตั้งสถานีอัดประจุไฟฟ้า
- รวมทั้งส่งเสริมการจัดตั้งศูนย์ทดสอบมาตรฐานแบตเตอรี่และการบริหารจัดการซากแบตเตอรี่ที่เกิดจากการใช้งาน ภายในประเทศอย่างเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
ในส่วนของ EA ถือเป็นผู้ผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนรายใหญ่ของประเทศ และเป็นผู้นำร่องธุรกิจแบตเตอรี่ในประเทศไทย ปัจจุบันลงทุนในธุรกิจแบตเตอรี่ผ่านบริษัทย่อย Amita Taiwan ( EA ถือหุ้นราว 70.0%) ซึ่งเป็นผู้ผลิตแบตเตอรี่ประเภท Lithium-ion กำลังการผลิต 400 MWh โดยมีกลุ่มลูกค้าในอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้า และรถสาธารณะในประเทศไต้หวัน นอกจากนี้ยังอยู่ระหว่างก่อสร้างโรงงานผลิตแบตเตอรี่ในประเทศไทย phase 1 (Amita Taiwan ถือหุ้น 100.0%) ขนาด 1.0 พัน MWh ซึ่งคาดจะแล้วเสร็จ และเริ่มผลิตแบตเตอรี่ cell แรกได้ในช่วงเดือนมีนาคม-เมษายน 2564
โดย EA มีแผนจะนำไปใช้ในอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า ที่คาดจะเริ่มผลิตและส่งมอบให้กับลูกค้าได้ในช่วงกลางปี 2564 รวมถึงในอนาคตยังมีแผนจะนำมาใช้เป็นแบตเตอรี่กักเก็บพลังงานสำหรับโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนในกลุ่มของ EA ด้วย ส่วนในระยะถัดไป มีแผนจะขยายการผลิตไปให้ถึง 4.9 หมื่น MWh หากโรงงาน phase 1 พัฒนาไปได้ด้วยดี และมีกลุ่มลูกค้ารองรับในอนาคต
EA มีทั้งรถยนต์ไฟฟ้า รถเมล์ไฟฟ้า และเรือโดยสารไฟฟ้าออกมา และ EA ก็ร่วมกับหลายแห่งมีสถานีชาร์จรถไฟฟ้าติดตั้งกระจายทั่วในหลายๆ จังหวัดพร้อมทั้งแอปฯ ต่างๆ ไว้สำหรับตรวจเช็คเพื่อความสะดวกในการใช้งานด้วย แม้ว่าตอนนี้จะยังไม่สมบูรณ์เท่าที่ควร แต่ในอนาคต เราคิดว่าน่าจะสมบูรณ์และพร้อมในการใช้งานมากขึ้นแน่นอน
ขอบคุณที่มา : https://www.facebook.com/EnergyAbsolute, https://www.bangkokbiznews.com/news.........tm_campaign=EV,
เมื่อวันที่ 24 มี.ค. 64 ที่ผ่านมาในการประชุมคณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ ได้ร่วมกำหนดแผนยุทธศาสตร์ส่งเสริมการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศ เพื่อสร้าง Ecosystem ผลักดันการผลิตยานยนต์ไฟฟ้า ZEV (Zero Emission Vehicle) หรือรถยนต์ที่ไม่ปล่อยมลพิษ รวมถึงส่งเสริมการผลิตโครงสร้างพื้นฐานอย่างแบตเตอรี่ เพื่อก้าวเข้าสู่สังคมคาร์บอนต่ำ และเป็นฐานการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าและชิ้นส่วนที่สำคัญของโลก
โดยแบ่งเป็นการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าสะสม
- ปี 2568 1.05 ล้านคัน (รถยนต์นั่ง รถปิคอัพ 4.0 แสนคัน รถจักรยานยนต์ 6.2 แสนคัน รถบัส รถบรรทุก 3.1 หมื่นคัน)
- ปี 2578 18.41 ล้านคัน (รถยนต์นั่ง รถปิคอัพ 8.62 ล้านคัน รถจักรยานยนต์ 9.33 ล้านคัน รถบัส รถบรรทุก 4.58 แสนคัน)
https://image.bangkokbiznews.com/kt/media/image/fileupload1/source/161664597661.jpg?1616645974717
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้วางนโยบายการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าด้วยมาตรการระยะเร่งด่วนและมาตรการระยะ 1-5 ปี ดังนี้
- ส่งเสริมการใช้รถยนต์ไฟฟ้าทั้งประเภทสองล้อ สามล้อ และสี่ล้อไฟฟ้า
- จัดตั้งสถานีอัดประจุไฟฟ้า
- รวมทั้งส่งเสริมการจัดตั้งศูนย์ทดสอบมาตรฐานแบตเตอรี่และการบริหารจัดการซากแบตเตอรี่ที่เกิดจากการใช้งาน ภายในประเทศอย่างเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
ในส่วนของ EA ถือเป็นผู้ผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนรายใหญ่ของประเทศ และเป็นผู้นำร่องธุรกิจแบตเตอรี่ในประเทศไทย ปัจจุบันลงทุนในธุรกิจแบตเตอรี่ผ่านบริษัทย่อย Amita Taiwan ( EA ถือหุ้นราว 70.0%) ซึ่งเป็นผู้ผลิตแบตเตอรี่ประเภท Lithium-ion กำลังการผลิต 400 MWh โดยมีกลุ่มลูกค้าในอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้า และรถสาธารณะในประเทศไต้หวัน นอกจากนี้ยังอยู่ระหว่างก่อสร้างโรงงานผลิตแบตเตอรี่ในประเทศไทย phase 1 (Amita Taiwan ถือหุ้น 100.0%) ขนาด 1.0 พัน MWh ซึ่งคาดจะแล้วเสร็จ และเริ่มผลิตแบตเตอรี่ cell แรกได้ในช่วงเดือนมีนาคม-เมษายน 2564
โดย EA มีแผนจะนำไปใช้ในอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า ที่คาดจะเริ่มผลิตและส่งมอบให้กับลูกค้าได้ในช่วงกลางปี 2564 รวมถึงในอนาคตยังมีแผนจะนำมาใช้เป็นแบตเตอรี่กักเก็บพลังงานสำหรับโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนในกลุ่มของ EA ด้วย ส่วนในระยะถัดไป มีแผนจะขยายการผลิตไปให้ถึง 4.9 หมื่น MWh หากโรงงาน phase 1 พัฒนาไปได้ด้วยดี และมีกลุ่มลูกค้ารองรับในอนาคต
EA มีทั้งรถยนต์ไฟฟ้า รถเมล์ไฟฟ้า และเรือโดยสารไฟฟ้าออกมา และ EA ก็ร่วมกับหลายแห่งมีสถานีชาร์จรถไฟฟ้าติดตั้งกระจายทั่วในหลายๆ จังหวัดพร้อมทั้งแอปฯ ต่างๆ ไว้สำหรับตรวจเช็คเพื่อความสะดวกในการใช้งานด้วย แม้ว่าตอนนี้จะยังไม่สมบูรณ์เท่าที่ควร แต่ในอนาคต เราคิดว่าน่าจะสมบูรณ์และพร้อมในการใช้งานมากขึ้นแน่นอน
เลขไอพี : ไม่แสดง
| ตั้งกระทู้โดย Windows 7
อ่านต่อ คุณอาจจะสนใจเนื้อหาเหล่านี้ (ความคิดเห็นกระทู้ อยู่ด้านล่าง)
ความคิดเห็น
อนาคตของ EA หรือพลังงานบริสุทธิ์ เราว่าไปได้ดีเลย ทำทั้งรถไฟฟ้า รถยนต์ รถเมลล์ เรือไฟฟ้าก็ทำออกมาให้แล่นแล้ว คือมีให้ใช้จริงๆ และทำออกมาได้จริง แถมยังเป็นไทยทำเอง คือทำให้รู้ว่าคนไทยก็มีฝีมือ
ว่าแต่เค้ามีขายหุ้นมั้ยนะ ดูทรงแล้วถ้าถือหุ้นไว้น่าจะสบายในระยะยาว
ไอพี: ไม่แสดง
| โดย Windows 7
จะต้องเป็นสมาชิกจึงจะแสดงความคิดเห็นได้
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google